1. Scoop

    
2.
บทสัมภาษณ์จากรายการต่าง ๆ

    
3.
บทสัมภาษณ์จากนิตยสารจีน

    
4. บทสัมภาษณ์จากแหล่งข่าว

     5. บทสัมภาษณ์จากนิตยสารไทย


---------------------------------------------------------------------------

  2010 Five Star Night Talk

  2010 Suyoupeng 4 Cupids Interview
  2010 Chu Wan Hui Ke Ting
  2009 Jin Ye Feng Sheng Qi
  2008 Alec Su talks about 10 years of HZGG
  2004 Happy Sunday
  2004 Kang Xi Lai Le
  2004 Suyoupeng in Super Talk
  2003 MVP Model Valuable Play
  2002 Xiao yan you yue

สัมภาษณ์โหย่วเผิง :: เปิดเว็ปไซเถิงซิ่นผู้เข้าเขียนฝากข้อความเกินสิบล้านคน ขอขอบคุณแฟนๆชาวเน็ตเป็นอย่างมาก แท้จริงแล้วการทำงานในด้านการกุศลนั้นก็ถือว่าเป็นอะไรที่เล็กน้อยมาก งานหลักของเป็นหน้านั้นก็ยังคงอยู่ที่จีน ถ่ายภาพยนตร์ ออกอัลบั้ม จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้เลย

ข่าวจากเถิงซิ่น คืน 17 ธันวาคม 2007 ทางเถิงซิ่นเป็นเจ้าภาพในการจัดงานมอบรางวัล “ศิลปิน 2007 ”ขึ้นที่โรงละครเวทีปักกิ่งอย่างคึกคัก โหย่วเผิงก็ได้เข้าร่วมงานนี้ด้วย และได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อของเถิงซิ่น

สื่อ : ยินดีต้อนรับที่ได้กลับมา นี่เป็นห้องสัมภาษณ์ของเถิงซิ่นซึ่งอยู่ด้านหลังงาน “ศิลปิน 2007 ” ผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆผมนั้นก็เป็นเพื่อนเก่าแก่ ซูโหย่วเผิง

โหย่วเผิง : สวัสดีทุกท่านครับ

สื่อ : ยินดีด้วยที่ได้รับรางวัลนี้

โหย่วเผิง : ไม่หรอกครับ วันนี้ที่ได้รับรางวัลนี้ยังรู้สึกละอายใจอยู่เหมือนกัน จริงๆแล้วมีศิลปินมากมายที่ได้ทำงานการกุศลอย่างนี้ด้วยเหมือนกัน

สื่อ : คุณถ่อมตัวมากเลย ปีที่แล้วก็ได้รับหนึ่งรางวัลนี่ครับ ผมรู้สึกว่าปีที่แล้วหลังจากที่สัมภาษณ์คุณเสร็จแล้วก็เป็นประโยชน์มากๆ วันนี้จะต้องขอพูดแน่ๆ คุณบอกว่าการแต่งตัวของผู้ชายนั้นต้องเรียบง่ายสะอาด

โหย่วเผิง : ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วจะใส่แบบสกปรกหรือ

สื่อ : ไม่หรอก ก็แบบสีดำ มันเข้ม ฉะนั้นวันนี้เลยใส่สีดำ เมื่อกี้ที่ขึ้นเวทีก็เป็นชุดดำ หลายคนได้แซวผม ผมตอบพวกเขาว่าโหย่วเผิงสอนผมเอง ผมรู้ดีว่าคุณยุ่งมากๆ เพิ่งมาถึงอย่างรีบร้อนเลย

โหย่วเผิง : ใช่ เพราะกับ QQ ก็ยังเป็นสหายเก่าด้วย ฉะนั้นต้องมาร่วมอย่างแน่นอน+

สื่อ : เว็ปของคุณนั้นมีคนเข้าดูเกินสิบล้านเลย

โหย่วเผิง : แฟนๆทางเว็ปนั้นส่วนมากจะมาจากเพื่อนๆทาง QQ เพียงแค่ใส่ใจกับมันหน่อยก็จะมีการตอบสนองที่ดีมากๆ และยังขอขอบคุณ QQ ที่เอากระทู้ของผมวางไว้ในพื้นที่ที่สำคัญ ทำให้ความคิดของผมเป็นที่เห็นได้ง่ายต่อผู้เข้าชม

สื่อ : งานหลักนั้นได้ไปทำที่จีนมาแล้วกว่าปี ก็คือหลังจากที่ได้เซ็นสัญญากับคุณหัวอี้ พวกเรามาสรุปประเมินปี 07 ดู

โหย่วเผิง : ปี 07 นี้ก็ไม่ถือว่าได้ทำงานอะไรมากมาย เพียงแค่ได้ทำงานการกุศลสองสามงานเท่านั้นเอง สำหรับผมแล้ว ละครโทรทันศ์ท์ที่ทำผ่านมานั้น สำหรับผู้กำกับที่มีเชื่อเสียงหรือเรื่องที่บิ๊กๆนั้นล้วนได้ร่วมงานมาหมดแล้ว อนาคตผมเองก็หวังว่าจะค้นหาทำอะไรที่รู้สึกทะลุทะลวงตัวเอง หรือว่าจะเป็นอะไรที่ทำให้ทุกคนทึ่งแปลกใจ

สื่อ : ปีนี้โหย่วเผิงได้ทำการกุศลมากมาย ร่วมทั้งได้บริจาคสิ่งของมากมายอีกด้วย

โหย่วเผิง : ผมรู้สึกว่าปกติแล้วไปห่วงใยคนรอบข้างของเรา หรือว่าทุกคนต่างอภัยซึ่งกันและกัน อย่างนี้ก็ทำได้ หรือว่าจะบริจาคสิ่งของก็ยังเป็นการช่วยเหลือคนมากมายได้

สื่อ : ถ้าอย่างนั้น หากผมได้ชื้อ ก็เป็นการกระทำที่ดี

โหย่วเผิง : ก็เป็นการทำความดีด้วยหรือ?(หัวเราะ)

สื่อ : แล้วปีหน้าวางแผนไว้จะทำอะไร?

โหย่วเผิง : เดิมทีแล้วปีนี้ต้องออกอัลบั้มหนึ่ง

สื่อ : ก่อนหน้านี้มีอัลบั้น (ต้าปู้เหลี่ยว)

โหย่วเผิง : ก็ยังนับว่าโอเค ปีหน้าอาจจะมีโครงการคอนเสิร์ด ตอนนี้กำลังประสานกับภาพยนตร์บางส่วน หวังว่าจะคืบหน้าไปมากกว่านี้

สื่อ : ปีหน้าสิ่งที่อยากจะทำที่สุดคืออะไร

โหย่วเผิง : เพราะว่าปีนี้ได้ทำงานที่ไม่เกี่ยวกับการแสดงมากมาย หวังว่าปีนี้จะของกลับไปสู่งานอาชีพเดิม

สื่อ : รวมทั้งร้องเพลง เล่นละคร

โหย่วเผิง : ผมรู้ว่าเพื่อนๆหลายคนร้อนใจ วันนี้ขอฉวยโอกาสนี้ก่อน ก็กำลังพยายามอยู่จริงๆ ทุกคนอย่างเพิ่งใจร้อน

สื่อ : ขอบคุณครับ แล้วสำหรับปีหน้ามีอะไรชี้แนะหรือเปล่า

โหย่วเผิง : อย่าหล่อกว่าผมก็แล้วกัน(อารมณ์ขัน)

สื่อ : โอเค ปีหน้าผมจะไม่ขอโผ่ลออกมา โหย่วเผิงก็เป็นคนอย่างนี้แหละ ต่อเพื่อนเก่าแล้ว ยิ่งอยู่ก็ยิ่งคุยตลก ของคุณครับ

***  จบสัมภาษณ์ ***

2010 ซูโหย่วเผิงมาเปิดตัวรายการ “ซิงฟังเค่อ” เป็นครั้งแรกที่พูดถึงการรวมตัวอีกครั้งของ เสี่ยวหู่ตุ้ย

ปี 2010 รายการราตรีตรุษจีน ที่ได้ระเบิดความมันส์ในสถานีจงหยาง และ“การกลับมาอีกครั้ง” ของพวกเขาได้ทำให้ผู้คนมากมายอบอุ่นใจ พวกเขาได้นำทุกคนหวนย้อนเวลากลับไปสู่อดีต พวกเขาทั้ง 3 คนที่เป็นสมาชิก เสี่ยวหู่ตุ้ย เพลงที่พวกเขาร้องกันบนเวทีนั้นไม่เพียงเป็นเสียงเพลงเท่านั้น แต่ยังเป็นการย้อนกลับไปวัยรุ่นในสมัยนั้นด้วย 21 ปีของ เสี่ยวหู่ตุ้ย แล้วในปี 2010 พวกเขาได้นำความสนุกและวัยหนุ่มสาวกลับมาให้ทุกคนได้สัมผัสอีกครั้ง ช่วงนี้ ซูโหย่วเผิงที่ได้รับตำแหน่งทูตแห่งความรักของมูลนิธิช่วยเหลือคนจนของจีนได้มาเปิดตัวที่รายการซิงฟังเค่อ

ซูโหย่วเผิง - ปฏิเสธการรวมตัวอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ย เหตุผลคือไม่อยากทำให้ภาพลักษณ์ เสี่ยวหู่ตุ้ย เสีย

หลังจากงานราตรีตรุษจีนแล้ว เสียงเรียกร้องให้ เสี่ยวหู่ตุ้ย มารวมตัวอีกครั้งนั้นยิ่งอยู่ยิ่งดังขึ้น การจัดคอนเสิร์ตทัวร์ การรวมตัวกันอีก ซึ่งข่าวที่ออกมานั้นไม่เหมือนกับความต้องการของแฟนๆ เรื่องนี้ได้มีข่าวมาพอสมควรแล้ว โดยเฉพาะข่าวที่ว่า ซูโหย่วเผิงได้ปฏิเสธเรื่องคอนเสิร์ตทัวร์ ทำให้เป็นที่จับตาของเหล่าแฟนๆ ด้วยเหตุนี้ ทางซูโหย่วเผิงก็เซ็งเหมือนกัน เพราะว่าตัวเองยังไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย การที่ได้นำความสนุกสนานที่มากมายให้กับแฟนๆนั้น เดิมทีคือ เนื่องในโอกาสปีเสือ เลยอยากให้แฟนๆ ชมรายการที่สนุก แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่า ผลการตอบรับนั้นจะมากมายขนาดนี้ ในช่วงเวลาที่ซ้อมเตรียมการแสดงนั้น ตัวเอง ฉีหลงและจื้อเผิง ต่างก็ได้ทุ่มเทเอาจริงเอาจังมาก เป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นมากๆ ขณะที่ตัวเองยืนอยู่บนเวที เมื่อแสงได้โฟกัสที่เขา เสียงดนตรีดังขึ้นมา และเสียงปรบมือของแฟนๆ ดังขึ้น ตัวเองก็เหมือนทุกคน ในใจล้วนมีความรู้สึก ภาพวันวานนั้นล้วนสวยงาม แต่เรื่องราวที่ดีงามนั้น มันไม่อาจหวนกลับมาอีกรอบได้ 20 ปีมันผ่านไปแล้ว การที่เป็นสมาชิก พวกเขาก็ล้วนรักและทนุถนอมวันเวลาของ เสี่ยวหู่ตุ้ย เป็นอย่างมาก แต่ไม่อยากจะทำให้ชื่อ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” - 3 คำนี้ต้องหม่นหมองไปด้วยการแสวงหาชื่อเสียงของตัวเอง พวกเขาจะรักษ์และถนอมความทรงจำดีๆ ในวันวานของ เสี่ยวหู่ตุ้ย จะรักษาไว้ตลอดไป

ซูโหย่วเผิง - ได้รับความรักจากคืนราตรีตรุษจีนเป็นอย่างมาก ทำให้มีความกล้าและความมั่นใจมากขึ้น

ความสูงต่ำในตลอด 21 ปีในวงการบันเทิง ซูโหย่วเผิง ในอดีตที่ดังระเบิดทั่วเอเซีย จนถึง อู่อาเกอ ในเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ ในจอ และปี 2009 ที่เห็นถึงการแสดงที่ยอดเยี่ยมในเรื่อง เฟิงเซิง ตลอดเส้นทางศิลปินของเขานั้น ล้วนราบรื่นเป็นอย่างดี และเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ทางสถานีจงยางก็ได้เชิญเขามาออกงาน ทำให้เขาได้รับความรักความอบอุ่นมากมายจากแฟนๆ เขาเองก็ได้พูดถึงเหมือนกันว่า เขาก็ได้อยู่ในวงการนี้มานานพอสมควร บางเวลาก็อดที่จะถามตัวเองไม่ได้ว่า แรงผลักดันต่อไปในอนาคตคืออะไร? ทำไมตัวเองยังคงจะยืนหยัดอย่างลำบาก? ปีเสือ ขณะที่เขาได้เดินออกมาสู่สายตาชาวจีนนับร้อยล้านนั้น เขารู้สึกว่าได้รับการตอบแทนแล้ว การได้รับสิ่งตอบแทนนั้นไม่ใช่เงินทอง แต่เป็นการยอมรับ รู้สึกว่า ตลอดเวลานั้นตัวเองก็กำลังขาดสิ่งนี้อยู่ ความรู้สึกอย่างนี้นั้นยากจะบรรยาย ไม่เพียงแต่ตัวเอง ก็ยังมีคนรอบกายมากมายที่สนใจตัวเอง ชื่นชอบผม แม้สิ่งนี้จะเป็นความกดดันที่หนัก แต่ว่ามีแฟนๆ มีเสียงปรบมือ ซึ่งเหล่านี้ก็จะเป็นแรงผลักดันให้ผมเดินมุ่งหน้าต่อไป

ซูโหย่วเผิง - คอนเสิร์ดทัวร์ไร้ความหวัง แต่ว่า เสี่ยวหู่ตุ้ย จะอยู่นิรันดร์กาล

ขณะที่ซูโหย่วเผิงซ้อมการแสดงนั้นได้เปิดเผยว่า ตารางเวลาของตัวเองนั้นแน่นมาก งานหลักของเขานั้นจะเป็นงานภาพยนตร์ ร่วมทั้งงานกิจกรรมต่างๆ ด้วย และงานโปรโมทภาพยนตร์ แค่ปีนี้ก็จะมี “ตามหาพี่หลิวซัน” “4 กามเทพ” ที่จะฉายในปีนี้ แต่ทางแฟนๆก็สนใจเรื่อง ทัวร์คอนเสิร์ด เป็นอย่างมาก มันคงจะเป็นไปได้ยาก แต่ว่าทาง เสี่ยวหู่ตุ้ย ก็จะลองหาเวลาที่เหมาะสมในการพบปะแฟนๆ เช่น งานการกุศล หรืองานสาธารณะประโยชน์ หากต้องการ เสี่ยวหู่ตุ้ย แล้ว ก็จะขอทุ่มเทอย่างสุดกำลัง ฉะนั้น เสี่ยวหู่ตุ้ย ยังจะอยู่กับทุกคนตลอดไป และเวลาที่จะมาถึงนั้น ทั้ง 3 คนก็ยังจะมีเวลาเจอกัน จะเป็นเพื่อนที่ดีตลอดไป จะทุ่มเททำงานที่ทุกคนต้องการให้ทำกับทุกคน

ผมที่เป็นผู้กำกับในรายการ “ซิงฟังเค่อ”นั้น จะไม่ยอมรับไม่ได้ว่า ผมเองก็เคยเป็นแฟนคลับของซูโหย่วเผิง ได้ฟังเพลงมากมายของเขา ได้ดูงานการแสดงของเขามากมายด้วย แต่หลังจากผ่านไปแล้ว 20 ปี คนคนหนึ่งที่เป็นผู้ใหญ่ เป็นสุภาพบุรุษสุดๆอย่างซูโหย่วเผิงที่ได้มายืนต่อหน้าผม จะหาเงาแห่งอดีตแทบจะไม่มีให้เห็นเลย สิ่งเดียวที่ยังหลงเหลือคือขณะที่เขายิ้มนั้น ยังเห็นรอยยิ้มที่ร่าเริงเบิกบาน ยังสามารถที่จะสานภาพใบหน้าที่ใสๆในอดีตได้ การแสดงในราตรีตรุษจีนนั้น การที่ซูโหย่วเผิง อู่ฉีหลง เฉินจื้อเผิงได้มารวมตัวกันแสดงบนเวทีนั้น ทำให้พวกเขาได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยวัยรุ่นอีกครั้ง

*** จบสัมภาษณ์ ***

บรรยาย : เขาเป็นไกวไกวหู่ ที่สดใสน่ารัก เขาเป็น อู่อาเกอ ที่เปี่ยมไปด้วยความรักความผูกพัน เขาเข้าสู่วงการกว่า 20 ปี ซึ่งแค่ชั่วค่ำคืนก็มีชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่ว แม้เส้นทางชีวิตในตลอดที่ผ่านมานั้นจะเจอมรสุมมากมาย แต่เขาก็ไม่เคยที่จะชะงักหยุดทิ้งไป เมื่อได้มาพบกับพิธีกร คุณหลี่มี่ โหย่วเผิงได้เปิดใจอย่างมีความสุข ที่ได้พูดถึงประสบการณ์การผ่านร้อนหนาว ภาพยนตร์และเรื่องของความรัก และโหย่วเผิงได้บอกกับหลี่มี่ว่า “ผมนั้นไม่ได้เป็นไกวไกวหู่ในความทรงจำของพวกคุณนานแล้ว”

ราตรีเทศกาลตรุษจีนแห่งปี 2010 นั้น เสี่ยวหู่ตุ้ย ได้ปรากฏตัวต่อหน้าแฟนๆนับหมื่นแสน ได้กลายเป็น จุดไคลแม็กซ์ (Climax) จุดสูงสุดของงานในคืนนั้น ได้ปลุกให้เหล่าแฟนๆนับหมื่นแสนตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยการร้องเต้นของพวกเขา
กระแสการตอบรับที่มีต่อ เสี่ยวหู่ตุ้ย นั้น ยิ่งนับวันก็ยิ่งแรงขึ้น และในช่วงนี้ก็ได้มีข่าวลือที่โหย่วเผิงปฏิเสธการรวมตัวอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ยออกมาเป็นระลอกๆ แล้วเขามีมุมมองอย่างไรกับเสี่ยวหู่ตุ้ยที่จะมีการรวมตัวกันอีกครั้ง กับเรื่องราวต่างๆเหล่านี้นั้น ทางรายการได้เชิญโหย่วเผิงมาเปิดใจ

พิธีกร : จริงๆแล้ว คืนนั้นพวกเราได้อยู่ข้างล่าง และได้ฟังพวกคุณออกมาร้องเพลงอยู่บนเวที ตัวฉันเองก็ได้ร้องเพลงกับพวกคุณไปด้วย ฉันเองก็รู้สึกว่าเวลานั้นมันได้ย้อนกลับไปในอดีตอย่างนั้น แล้วสำหรับคุณตอนนั้น ที่ร้องเพลงเหล่านี้นั้น คุณรู้สึกไหม ที่เหมือนกับเป็นเครื่องย้อนเวลา แล้วคุณเห็นแต่ละภาพ มันเหมือนกับในสมัยอดีตอย่างนั้นหรือเปล่า

โหย่วเผิง : ตัวเองก็มีภาพเก่าๆ หลายๆ ภาพมันผุดขึ้นมา ขณะที่พวกเรา 3 คนยืนอยู่บนเวทีนั้น พวกเราเคยมีความเข้าใจกัน พวกเราเข้าขากัน พวกเราเคยมีเกียรติมากมายด้วยกัน และหลายปีแล้วที่พวกเราไม่ได้เต้นด้วยกัน และพวกเราก็ล้วนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ตัวผมเองก็คงจะไม่ไปทำท่าเท่ๆ อย่างนี้เหมือนสมัยเด็กๆอีกแล้ว

พิธีกร : แสดงว่าท่าทางก็จะไม่เหมือนก่อนแล้ว

โหย่วเผิง : ใช่ จริงๆแล้วการที่มีเวทีอย่างนี้ให้ผมนั้น แน่นอนก็ให้ผมไปทำสิ่งที่เคยทำในสมัยเป็นนักเรียน สำหรับผมแล้วเรื่องเหล่านี้ก็ยังคงถือว่าเป็นเรื่องสดใหม่ด้วย เพราะนานแล้วที่ไม่ได้ไปทำท่าทางเหล่านี้

พิธีกร : เมื่อกี้คุณได้พูดไปแล้วว่า เช่นการที่คุณมาร้องเพลงในครั้งนี้นั้น มันดีมาก มันเหมือนสิ่งใหม่ๆ ถ้าแสดงไปเรื่อยๆ ก็คงจะมีความรู้สึกเก่าๆ

โหย่วเผิง : ความรู้สึกนั้นก็ถือว่าไม่เลว แต่เราก็รู้กันดีว่า เราโตกันแล้ว เราทำให้เหมือนเก่าไม่ได้แล้วเราแย่มาก แต่หากว่าทุกคนก็อยากจะให้เรากลับไปเป็นแบบสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ย เช่น ชู 2 นิ้วอย่างนี้ ถ้าเป็นอย่างนี้เราเองก็ยังรู้สึกกระไรอยู่ คุณเข้าใจนะ

พิธีกร : มันคงจะกระดากไปใช่หรือเปล่า?

โหย่วเผิง : จริงๆแล้วผมรู้สึกว่าการเป็นผู้ชายคนหนึ่งนั้น เช่น ฉีหลงนั้น 20 ปีก่อนหล่อ วันนี้ก็ยังหล่อเหมือนเดิม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี และจื้อเผิงก็ยังคงเท่เหมือน 20 ปีก่อน มันเป็นเรื่องที่เจ๋งมากๆ แต่สำหรับผมนั้น ผู้ชายคนหนึ่งที่มีอายุขนาดนี้แล้ว ยังเป็นสมัยก่อน เดียงสา ใสๆ ผมคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้ก็คงเป็นผู้ชายที่ไม่น่าไว้ใจได้อย่างนั้น ฉะนั้นผมเองก็เหมือนกับทุกๆ ผมเองก็ต้องการการโตเป็นผู้ใหญ่

บรรยาย :: ปี 1997 โหย่วเผิงที่ได้บินเดี่ยวจาก เสี่ยวหู่ตุ้ย ชีวิตได้หันเหมาเล่นละครและในละครเรื่ององค์หญิงกำมะลอนั้นเขาได้เล่นในบทของอู่อาเกอ จนทำให้เขาเป็นที่รู้จักกันถ้วนหน้าในบรรดาคอละคร จากนั้นเขาเองก็ได้รับแสดงละครทีวีหลายๆ เรื่องด้วยกัน และบทบาทการแสดงของเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไป เขาเองได้เข้าสู่วงการแสดงในประเทศจีน ทำให้บทบาทภาพลักษณ์เก่าๆ ของเขานั้นจางหายไป เราจะมาขุดคุ้ยเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ด้วยกัน

พิธีกร : สำหรับฉายา ไกวไกวหู่ แล้ว มันคงจะไม่ใช่เป็นฉายาที่คุณชื่นชอบเลย

โหย่วเผิง : จริงๆแล้วผมเองก็ชอบการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

พิธีกร : แล้วการที่คุณไม่อยากจะรับบทแสดง

โหย่วเผิง : เมื่อผมได้มาหยุดอยู่ในอีกขั้นหนึ่ง ผมเองก็จะนิ่งและรอคอยการเปลี่ยนแปลง ผมอยากจะท้าทายตัวเอง อยากจะพลิกผลันตัวเอง รู้สึกว่าทนต่อตัวเองไม่ไหว ตัวเองไม่ชอบอะไรที่ซ้ำซาก ก็เลยต้องการการเปลี่ยนแปลง

บรรยาย :: เหตุที่อยากจะทะลุทะลวงบทบาทภาพลักษณ์อดีตของตัวเอง โหย่วเผิงก็เริ่มเปลี่ยนไปลองท้าทายกับบทที่แตกต่าง กับภาพยนตร์เรื่องต่างๆ แม้จะรับแสดงในบทที่แตกต่างในภาพยนตร์หลายๆเรื่อง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากคอหนังอย่างเท่าที่ควร แต่เขาเองก็หลงรักความรู้สึกของการแสดงภาพยนตร์

โหย่วเผิง : สำหรับผมนั้น มีความรู้สึกที่พิเศษมากกับภาพยนตร์ ถ้าจะให้พูดแล้ว ผมเองนั้นแต่เด็กก็ชอบแนวอย่างนี้อยู่แล้ว

พิธีกร : ฉะนั้นคุณก็จะไม่กลัวว่าเมื่อเอาเข้าจริงๆ แล้วล้มเหลว

โหย่วเผิง : การล้มเหลวหรือ ล้มแล้วลุกมาใหม่ได้ ชีวิตคนเราก็อย่างนี้ ใช่ว่าจะราบรื่นทุกเรื่อง

บรรยาย :: ปี 2009 โหย่วเผิงได้รับบทภาพยนตร์ของเฟิงเซิง(the message) และเขาเองก็ได้รับเล่นบทที่ยากที่สุดในตลอดชีวิตของการเป็นนักแสดง เขารับบทเป็น ไป๋เสี่ยวเหนียน ที่มีบุคลิกที่กระนุ้งกระนิง มันเป็นบทที่ไม่หญิงไม่ชายอย่างนี้นั้น เลยกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเขา แต่เขาก็ได้รับความไม่มั่นใจจากผู้กำกับหงเสี่ยวกัง

โหย่วเผิง : ดูคุณแล้วก็ไม่เลวนะ เป็นนักแสดงจากไต้หวัน ดูแล้วก็หล่อไม่เบา ความสัมพันธ์ก็ไม่เลว แต่ว่าคุณจะแสดงได้จริงๆหรือ? อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่ตัวผมเองก็ยังรู้สึกว่าจะทำได้หรือเปล่า? จากตอนที่รับบทนี้ จนถึงตอนที่เปิดกล้องนั้น ตัวผมเองก็ยังไม่กล้าพูดว่าผมจะทำได้ร้อยเต็มๆ ตอนนั้นผมคิดเพียงว่า มาแล้ว โอกาสมาแล้ว ผมจะฉวยไว้และจะทำอย่างสุดความสามารถ สุดความสามารถแล้วถ้าได้แค่ไหนก็แค่นั้น

บรรยาย :: เพื่อจะตีบท ไป๋เสี่ยวเหนียน ให้แตก โหย่วเผิงไม่เพียงลงทุนเรียนร้องละครเพลง (งิ้ว) แต่ขณะที่ว่างจากการถ่ายทำ ก็ยังมีท่าทางอารมณ์ของไป๋เสี่ยวเหนียนด้วย

โหย่วเผิง : ตอนอยู่กองถ่าย เมื่อผมว่างผมจะไม่กล้าไปพูดคุยกับใคร ผมต้องรักษาอารมณ์ความรู้สึกของ ไป๋เสี่ยวเหนียน ไว้ให้ดี

พิธีกร : แล้วตอนหลังเมื่อฉายในโรงภาพยนต์แล้วคุณไปชมการฉากของคุณไหม?

โหย่วเผิง : ไปๆ

พิธีกร : แล้วมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง?

โหย่วเผิง : มันประทับใจจริงๆ คุณก็คงรู้ว่าอดีตเมื่อมีภาพหรือฉากที่ผู้ชม ชมแล้วประทับใจ เมื่อจบแล้วพวกเขาจะลุกขึ้นมาปรบมือให้ สมัยนั้นผมเองก็ประทับใจรู้สึกว่ายิ่งใหญ่มากๆ และฝันว่าวันหนึ่ง อยากจะให้มีคนมาปรบมือให้ผม จากนั้นจะมีการพูดว่าให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลงานนี้ทุกคนขึ้นบนเวที ความรู้สึกผมในตอนนั้นมัน... แต่คนอื่นก็คงจะชินหรือบ่อย

สำหรับผมแล้วรู้สึกว่า มีคนให้เกียรติอย่างมาก ความรู้สึกในตอนนั้นก็คือ ก่อนหน้านี้ได้เล่นภาพยนตร์มามากมาย และระหว่างการถ่ายทำก็ได้พบเจออุปสรรคปัญหาร้อยแปดพันเก้า รู้สึกท้อแท้ หมดหนทางจะก้าว ผมไม่สามารถจะแสดงต่อไปแล้ว ผมทำไม่ได้ ความรู้สึกมากมายอย่างนี้ ขณะที่ทุกคนได้มายืนปรบมือให้กับคุณนั้น มันทำให้รู้สึกว่าไม่สามารถที่จะใช้ถ้อยคำมาบรรยายได้

บรรยาย : “4 กามเทพ - The Four Cupids” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเรื่องของโหย่วเผิง เขารับบทเป็นเจ้านายของบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง และเหตุที่เขาอยากจะทำโฆษณาชิ้นหนึ่ง และได้เชิญ 4 แฝดมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และเขาก็ชอบทะเละเล่นกับเด็กสาว 4 แฝดเหล่านี้ เหมือนกับว่าพวกเธอเป็นลูกของเขาเลย โหย่วเผิงที่เข้าสู่วงการกว่า 20 ปี เขาที่มีข่าวเรื่องราวความรักมาไม่น้อย ไม่รู้ว่าเรื่องของหัวใจ เรื่องของความรัก เรื่องของครอบครัวเขาคิดอย่างไรบ้าง วันนี้รายการเราจะถามตรงกับประเด็นเหล่านี้ และจะให้เขาตอบกับพวกเราอย่างชัดแจ่ม

พิธีกร : สำหรับคุณนั้น คุณชอบผู้หญิงสไตล์แบบไหนหรือ? อื่ม..เราจะยกตัวอย่างนะ เช่น เจ้าเหว่ย, ซินหยู , ฟานปิงปิง เป็นต้น พวกเธอน่าจะเป็นตัวแทนของสาว 3 สไตล์

โหย่วเผิง : เจ้าเหว่ย นั้นจริงๆแล้วเขาเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกให้เกียรติคนอื่น ผมจำได้ว่าตอนที่ผมถ่ายทำเรื่อง ฉิงเซินเซินหยี่หมงหมง(มนต์รักในสายฝัน) นั้น ผมจำได้แม่นมากกับความทรงจำครั้งแรกของเธอ ตอนนั้นพวกเรากำลังแต่งตัว และผมเจอเธอ การทักทายครั้งแรกของเธอ ต่อว่าเป็นอย่างไรคุณรู้ไหม? “เฮ้ !! โหย่วเผิง มาๆๆๆ” และตัวผมเองก็รู้สึกว่า อะไรกัน ทำไมทักทายกับเพื่อนเก่าอย่างนี้ ผมไม่ใช่หมานะฮ่าๆๆๆ ฉะนั้นคุณเข้าใจนะว่าผมพูดอะไร บุคลิกเธอนั้นเป็นคนที่ตรงไปตรงมา สำหรับซินหยู นั้นเป็นคนที่ทันสมัย เป็นคนที่พึงพอใจในสิ่งที่มี เป็นคนที่ใจกว้าง

พิธีกร : แล้ว ฟานปิงปิง เป็นอย่างไรล่ะ?

โหย่วเผิง : จริงๆแล้ว ปิงปิง จะออกไปในทางที่มีมาดหน่อยๆ คือถ้าเป็นผู้ชายก็จะมีมาดหล่ออะไรประมาณนั้น

พิธีกร : แล้วคุณรู้สึกว่าคุณชอบสไตล์แบบไหนกัน?

โหย่วเผิง : ก่อนอื่นต้องพูดก่อนว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับ 3 คนนี้นะ แต่เราพูดในประเด็นที่ว่าพวกเขาเป็นตัวแทนของผู้หญิง 3 สไตล์นะ สำหรับผมแล้วผมก็คงจะชอบผู้หญิงที่อ่อนโยนเข้าใจคนอื่นประมาณนั้น

พิธีกร : อ่อนโยนเข้าใจคนอื่น เหมือนกับ เจ้าเหว่ย อย่างนั้น และตอนนี้เพื่อนๆของคุณหลายคน เช่น "จื่อเว่ย" ในเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ ตอนนี้ได้ข่าวว่าเธอจะมีลูกแล้ว เลยทำให้คุณรู้สึกว่าพูดได้โดยที่ไม่ต้องกังวลอย่างนั้นหรือเปล่า

โหย่วเผิง : อื่ม ตอนที่ผมได้ข่าวนี้นั้น ผมเองก็จะรู้สึกว่า ผมช้าไม่ได้แล้วนะ ไม่รู้สิ อย่างครั้งความรู้สึกผมก็เหมือนกับในเรื่องของ 4 กามเทพ อะไรอย่างนั้น

พิธีกร : คุณกลัวการแต่งงานไหม?

โหย่วเผิง : ก็มีบ้าง เพราะคุณไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร ก็คือชีวิตคู่ต่อจากนั้นไปจะเป็นอย่างไร ฉะนั้นการที่จะตัดสินใจเรื่องนี้นั้น ก็คือ ไม่ใช่เรื่องจะง่ายๆ

พิธีกร : ต้องไตร่ตรองให้ดีๆ รอบคอบ

โหย่วเผิง : ใช่ๆ ไม่ใช่ว่าผมจบประถมแล้ว ก็จบทุกอย่างแล้วไม่ใช่อย่างนั้น คุณเข้าใจนะ มันเป็นเรื่องที่จะต้องคิดต่อไปเรื่อยๆ

พิธีกร : ถ้าอย่างนั้นฉันจะพูดว่าการที่คุณคิดมากมายอย่างนั้น ก็เพราะยังไม่เจอคนที่ใช่เลย หรือว่าทำให้คุณประทับใจสุดๆ อะไรอย่างนั้นใช่หรือเปล่า?

โหย่วเผิง : เป็นไปได้ๆ ก็คือยังไม่เจออย่างบท ไป๋เสี่ยวเหนียน อะไรอย่างนั้น

บรรยาย :: เรื่องความรักยังกำลังรอคอยคนที่มีวาสนาด้วยกัน เรื่องภาพยนตร์นั้นยังรอคอยบทที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง สำหรับโหย่วเผิงแล้ว การแสดงภาพยนตร์นั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดในตอนนี้

พิธีกร : แสดงว่าการแสดงภาพยนตร์นั้นเป็นเรื่องที่มีความสุขมากๆสำหรับคุณ ใช่หรือเปล่า?

โหย่วเผิง : มันเป็นอะไรที่ยากมาก แต่ก็สนุก แฮปปี้มากเหมือนกัน

พิธีกร : แล้วจุดที่สนุกแฮปปี้คืออะไร?

โหย่วเผิง : คือมันไม่มีการตายตัว บทดีไม่ขึ้นอยู่ที่ว่ามีมากน้อย มันอยู่ที่สนุกไหม

พิธีกร : แล้วคุณรู้สึกว่าเหนื่อยมากไหมกับการแสดงภาพยนตร์?

โหย่วเผิง : แน่นอนมันก็มีเวลาที่เหนื่อย แต่ว่ามันก็มี 2 ด้านด้วยกัน เรามีเวลาเจ็บและเวลาสุข แต่ถ้าเราเข้าใจความทุกข์ ความเจ็บอย่างนั้น ต่อไปเราก็เข้าใจถึงสิ่งที่จะได้รับ  

บรรยาย :: เข้าสู่วงการกว่า 20 ปี โหย่วเผิงนั้นไม่ละที่จะแสวงหาสิ่งใหม่และการเปลี่ยนแปลง เขาที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ ก็ต้องการใช้บทใหม่ๆ ให้ทุกคนลืมภาพลักษณ์ ไกวไกวหู่ ของเขา เพื่อให้ทุกคนได้จดจำฉายาใหม่ของเขา ให้ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นนักแสดงคนหนึ่ง

ข่าวภาพยนตร์ : โหย่วเผิงถูกเด็กแฝด 4 คน เล่นจนหัวเราะก็ไม่ใช่ ร้องไห้ก็ไม่เชิง

รายการของเมื่อวาน คุณเหยียนตันเฉิน ได้แนะนำ 4 แฝดที่ตัวเองร่วมแสดงในเรื่อง “ 4 กามเทพ” อย่างสนุกสนาน วันนี้เราขอเชิญพระเอกในเรื่องนี้มาร่วมรายการด้วย เมื่อเอ่ยถึงเด็กแสบ 4 คนนี้ เห็นถึงสีหน้าที่เซ็งๆของโหย่วเผิง 4 แฝดนี้ซุกซนจริงๆ เริ่มทำการถ่ายทำนั้น พวกเขาเล่นเอาโหย่วเผิงหัวเราะร้องไห้ก็ไม่ใช่

โหย่วเผิง : ดีนะครับวันนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วย ผมก็จะได้พูดความจริงแบบไม่ต้องกังวล พวกเขาก็เป็นอย่างนี้(ทำท่าให้ดู) จะดูอย่างไรก็ดูไม่ออก ทั้งซนทั้งตลกด้วย

คุณดูซิ โหย่วเผิงนี้มาเผาเด็ก 4 คนนี้กันตรงนี้เลย ไม่รู้ว่าพวกเธอได้ทำอะไรกับคุณบ้าง?

โหย่วเผิง - สี่สาวน้อยมาแกล้งรังแกผม

ในเรื่องนั้น โหย่วเผิงรับบทเป็นผู้กำกับหนังโฆษณา เขาก็ไปหาเด็ก 4 คนเป็นพรีเซนเตอร์ ในช่วงเวลานั้น โหย่วเผิงก็ได้หลงรักคุณแม่ซึ่งเป็นสาวแม่ม่ายของเด็ก 4 คน ทุกคนก็กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน ทุกวันก่อนนอนเด็ก 4 คนก็จะมาเล่นหอมแก้มเขา บรรยากาศสุดระทึก แต่ทางโหย่วเผิงได้เปิดเผยว่า ในบรรดา 4 คนที่มาหอมแก้มนั้น คนที่ทำให้เขาเขินที่สุดคือ พี่สาวคนโตต้าปิง

โหย่วเผิง : ทันใดเธอก็อาละวาดขึ้นมา เอานิสัยสาวน้อยออกมาให้เห็น ฉันนั้นไม่หอมแก้มผู้ชายง่ายๆ นะ ไม่รู้ว่าจะทำไงดีกับการที่ต้องหอมแก้ม มันทั้งอายทั้งตลกด้วย ต่อมาพวกเราก็เล่นด้วยการใช้มุมกล้องช่วยบ้าง หอมบ้าง สุดท้ายเธอก็ยอม แต่ยอมอย่างไม่ยินดีทำเลย หลังจากนั้น 2 นาที แม้จะตายก็จะไม่ยอมหอมผม

เรื่องแสบๆ ที่ทำต่อโหย่วเผิงนั้นไม่เพียงแค่นี้ ในเรื่องนั้น ทางสาวแม่ม่ายยังให้โหย่วเผิงยอมรับเด็กแฝด 4 คนเป็นลูก ทำให้โหย่วเผิงตัดสินใจยากมาก นี่น่าจะเป็นจุดไคลแม็คของเรื่องนี้ ไม่คิดว่าแฝด 4 คนจะชอบเล่นเกมลูกเล่นแบบนี้ หลังจากที่ถ่ายเรื่องนี้เสร็จแล้ว เด็กๆยังเอาเรื่องนี้มาล้อผมเล่นอีก

บทสำคัญ - 4 แฝดแกล้งโหย่วเผิง

โหย่วเผิง : ทุกครั้งที่ผมยอมรับพวกเธอ พวกเธอก็เป็นแบบนี้ ยอมรับอย่างไงก็ยอมรับไม่ออก ใช่ แม้ว่าคุณจะพยายามรักยังไง ก็รักไม่ลงแน่นอน แล้วคุณบอกผมซิ พวกเขายังโกหกเก่งด้วย เขาเป็นพี่รองชัดๆ กลับมาบอกว่าไม่ใช่พี่รอง บอกว่าคนนั้นเป็นพี่รอง คุณรู้ไหม พวกเขายังแกล้งโง่ด้วย ฉะนั้นในฉากนั้นพวกเราทั้งขำทั้งสนุก

แม้จะถูกแกล้ง แต่โหย่วเผิงก็ยังชอบเด็ก 4 คนนี้ และในเรื่องนั้นเด็ก 4 คนได้เต้นรำบาเล่ โหย่วเผิงเป็นครูสอนพวกเขาเอง จับไม้จับมือในการสอนพวกเขา ตอนก่อนจะถ่ายนั้น โหย่วเผิงยังให้กำลังใจกับพวกเขาทั้ง 4 ด้วย บางครั้งยังต้องไปเต้นเป็นต้นแบบให้พวกเขาด้วย เมื่อถึงเวลาที่ถ่ายทำจริงๆ โหย่วเผิงก็ยังไม่ไว้ใจฝีมือของพวกเขา เขายังยืนอยู่ที่หน้ากล้องคอยช่วยพวกเขาด้วย

จากการที่โหย่วเผิงได้ทุมเทในการสอนพวกเขา การเต้นของพวกเขาก็ผ่านได้ด้วยดี

*** จบสัมภาษณ์ ***

โหย่วเผิงรับรางวัลนำแสดงเฟยเตี๋ย(ดาวรุ่ง)ชาย

ข่าวจากสถานีเทิงซิ่น(QQ) 10 มกราคม 2010 เหม่ยเทา

พิธีกร : สวัสดีเพื่อนๆทาง QQ ที่นี่เป็นพิธีมอบรางวัลปี 2009 ของ QQ ยินดีต้อนรับทุกคนติดตามรับชมรายการของเรา ต่อไปเป็นการให้สัมภาษณ์ของโหย่วเผิง

โหย่วเผิง : สวัสดีทุกท่าน

พิธีกร : ทุกปีของวันนี้ผมจะได้เจอคุณที่นี่ ผมจำฝังใจตลอดกับการเจอกันครั้งแรกของเราและคุณก็บอกว่าผู้ชายต้องสุภาพสะอาด

โหย่วเผิง : ใช่ครับ ผมว่าคุณนั้นใช่เลย อยากจะเปิดเผยกับผู้ชมบ้างไหม

พิธีกร : ทุกปีก็ต้องมาแซวผม ปีนี้ได้รับรางวัลเกียรติยศที่พิเศษมาก เป็นรางวัลเฟยเตี๋ย(ดาวรุ่ง)ประจำปี

โหย่วเผิง : เป็นสิ่งที่คิดไม่ถึงจริงๆ

พิธีกร : ปีนี้มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง ?

โหย่วเผิง : ขอขอบคุณเทิงซิ่น-QQ  ตอนแรกที่รับเล่นเรื่อง Feng Sheng นั้นไม่นึกเลยว่าสุดท้ายผมนั้นจะได้รับสิ่งนี้ จริงแล้วต้องขอบคุณจริงๆ ผมคิดว่าเป็นโชคของผมด้วย 

พิธีกร : นี่เป็นตอนที่ผมนั่นดูเรื่อง Feng Sheng ในโรง เห็นคุณปุ๊ป ก็ทำให้ตกใจทันที ยิ่งดูไปแล้วถึงจะรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณก็เล่นบทอย่างนี้ได้ด้วย 

โหย่วเผิง : อันนี้นั้นใช้เวลาฝึกฝนนานเหมือนกัน ตอนนี้ตัวเองย้อนคิดไปว่ามันก็ไม่ใช่เป็นภารกิจที่ยังทำไม่ได้ ผมคิดว่าปี 2009 เป็นปีแห่งความอัศจรรย์ของผม

พิธีกร : วางแผนเรื่องอนาคตของภาพยนตร์ไว้อย่างไร?

โหย่วเผิง : ก็หวังรอบทที่ท้าทายอย่างเรื่อง Feng Sheng อย่างนี้

พิธีกร : จะพลิกภาพลักษณ์ของตัวเองอีกครั้งอย่างนั้นหรือ?

โหย่วเผิง : ตอนนี้บทที่ได้รับนั้นส่วนมากจะเป็นบทตลก ผู้สร้างบางคนนั้นน่าขำจริงๆ บอกว่าหลังจากดูเรื่อง Feng Sheng แล้ว สังเกตุเห็นว่าผมเป็นคนที่น่าตลกมาก ผมไม่คิดเลยว่าบทนี้จะออกมาในแนวตลก ระยะนี้ก็ยังไม่คิดที่จะรับเล่นเรื่องตลก ผมคิดว่าผมเองก็สามารถแสดงเรื่องตลกได้ แต่ไม่ใช่จะเดินสู้เส้นทางดาราตลก

พิธีกร : ผมได้ยินว่าเรื่องที่ทางเทิงซิ่น-QQ เน้นมากคือ ได้ข่าวว่าคืนฉลองตุรุษจีนปีนี้เสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีรายการด้วยใช่ไหม

โหย่วเผิง : กำหนดไว้นานแล้ว 

พิธีกร : โอ้ ผมเป็นคนที่ outl หรือเนี่ย

โหย่วเผิง : ในอินเตอร์เน็ตนั้นชอบเขียนข่าว ทุกคนล้วนชอบสร้างข่าวกัน จริงๆแล้วเรื่องนี้กำหนดไว้นานแล้ว ไม่มีอะไรให้สงสัยหรอก

พิธีกร : สำหรับเรื่องนี้นั้นคุณมีความคิดเห็นอย่างไร? เช่น (จงกวานเซี่ยน)ทุกคนชื่นชอบมาก

โหย่วเผิง : พวกเรากับ (จงกวานเซี่ยน) นั้นไม่เหมือนกัน เพราะว่าเดิมทีเราก็เป็นวงศิลปินกลุ่มหนึ่ง ก็คือเป็นวงของศิลปินคนหนึ่ง เพราะว่าระยะนี้ก็กำลังเตรียมตัวอยู่ รวมทั้งเรื่องของชุดและเรื่องของเพลงที่จะร้องนั้นต้องรอให้ทางผู้จัดงานกำหนดให้เรา บางครั้งได้เต้นท่าหรือร้องเพลงในอดีต มันมีความรู้สึกสะกิดใจมาก

คุณแม่ก็จะบินมาร่วมโดยเฉพาะเลย เพราะปีนี้ผมไม่ได้ไปฉลองเทศกาลตุรุษจีนที่ไทเป ฉะนั้นคุณแม่เลยบินมาโดยเฉพาะ ท่านบอกว่าอยากดูงานคืนนั้นมาก 

พิธีกร : ผมเองก็อยากจะชมเหมือนกัน ผมจะคิดถึงตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้นประถม ผมจะขอถามอีกคำถามหนึ่ง เพราะว่าทุกคนก็กำลังแสดงภาพยนตร์ หลายคนก็กำลังแสดงในบทที่สำคัญ คุณทั้งสามจะมีการรวมตัวแสดงหนึ่งเรื่องไหม?

โหย่วเผิง : สิ่งที่ทุกคนใฝ่หากับเสี่ยวหู่ตุ้ยคือการร้องเพลง ถ้าหากไปทำอย่างอื่นมันคงจะไม่สนุกและไม่เวิกค์ ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องคิดหนัก

พิธีกร : สรุปก็คือ รอคอยผลงานใหม่ที่โหย่วเผิงจะนำมาฝากเราในปี 2010

โหย่วเผิง : หวังว่าปีหน้าจะเห็นคุณเปลี่ยนไป 
   
*** จบสัมภาษณ์ ***

 

Copyright © 2010 baansuyoupeng.com