แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Chomnath

หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 44
101

ซูโหย่วเผิงสมัยเรียนเรียงความ

(เสียงดังเกินไปแล้ว หยุดเงียบครู่หนึ่งได้เปล่า ) ซูโหย่วเผิง

ผมชินกับเวลาเรียนต้องปิดหู อย่างนี้ แม้ว่าข้างนอกนั้นจะเสียงดังขนาดไหน ผมสามารถที่จะนิ่งสงบได้ ขณะที่นั่งลงแล้ว การหมุนปากกานั้นบางครั้งนานกว่าการเรียนเสียอีก เรียนหนังสือไปครึ่งเมื่อเจอข้อสงสัยไม่มีทางออกก็จะหมุนปากกา เมื่อสอบสอบไปครึ่งหนึ่งสอบไม่ได้แล้ว ก็เครียดจนหมุนปากกา คิดเรื่องต่างๆคิดไม่ออกแล้วก็จะหมุนปากกา เวลาเหม่อลอยก็จะหมุนปากกาหมุนปากกา ในบางเวลานั้นมันสามารถจะลดความเครียดลงได้

การหมุนปากกานั้นอาจไม่ใช่ความเคยชินในการเตรียมตัวเรียน แต่ว่าในสมัยนั้นนับได้ว่านักเรียนเกือบทั้งหมดนั้นก็หมุนปากกาเป็น มันสะท้อนให้เห็นว่าคนหมุนปากกาไม่เป็นนั้นถือว่าเชยมาก ตอนแรกนั้นเห็นคนอื่นหมุนเป็น ตัวเองไม่เป็น ก็รู้เลยว่าตัวเองจะต้องรีบๆในการฝึกฝนมัน ตอนใหม่ๆนั้นไม่ง่าย หมุนได้เพียงแค่ครึ่งรอบ ยิ่งกว่านั้นปากกายังตกลงพื้นประจำ ขณะที่ทุกคนตั้งใจทำข้อสอบหรืออ่านหนังสืออยู่นั้น เสียงของการหมุนปากกาที่ตกลงบนโต็ะนั้นได้ยินอย่างชัดเจน แต่ว่า มีเพื่อนนักเรียนบางคนก็เหมือนกับผมไม่ค่อยฝึกฝนจริงจังเท่าไรนัก เวลาเรียนเสียงปากกาตกบนโต๊ะนั้นทั้งของเขาของเราด้วย ตอนหลังฝึกจนชำนาญแล้ว สามารถหมุนจากหัวจรดปลาย จากปลายถึงหัว อย่างนี้เรียกว่าหนึ่งรอบ

เพื่อนนักเรียนที่มีฝีมือดีๆนั้นเก่งถึงนาดหมุนจากนิ้วกลางแล้วหมุนบนอากาศอีกสองรอบเลย อยู่ในที่หัวแม่มือกับนิ้วกลางนั้นยังเป็นหัวปากกา บางครั้งผมอยากจะฝึกให้มีลีลา อ่านหนังสือไปด้วย ทั้งยังใช้ใจทำสองอย่างในขณะเดียวกันคือหมุนปากกาไปด้วยครึ่งรอบ ตอนหลังเริ่มคล่องแล้ว เพียงแค่นั่งลง ไม่ว่าจะคิดอะไรอยู่ ก็ได้หมุนปากกาอย่างไม่รู้ตัวเลย ครึ่งหนึ่งอยู่ในศูนย์หนังสือ เค ทันใดนั้นรู้สึกเลยว่าอ่านหนังสือไม่จบแน่ อารมร์ไม่ดีขึ้นมา หมุนปากกาอย่างแรง เครียดเกินไป สองสามทีก็ตกบนโต๊ะแล้ว จนทำให้คนที่อ่านหนังสืออยู่ข้างๆวิ่งมาหาผม เสียงดังรบกวนเกินไปแล้วนะ หยุดได้ไหม? ในโรงเรียนนั้น นักเรียนก็นิยมในการหมุนหนังสือ หมุนหนังสืออ้างอิง

ความฮิตของการหมุนหนังสือนั้นเห็นกันอย่างทั่ว ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็มักจะเห็นนักเรียนรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อแข่งขันการหมุนหนังสือ พวกที่มีฝีมือนั้นก็สามรถเอาหนังสือเล่นใหญ่มาหมุนโชว์อย่างสวยงาม บางคนยังสามารถใช้นิ้วชี้หมุนก่อน หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นนิ้วกลาง นิ้วกลางแล้วเป็นนิ้วนาง จนจบที่นิ้วก้อย แล้วโยนขึ้นไป ตกลงมา แล้วรับ แล้วเริ่มจากนิ้วชี้อีก จะหมุนนานขนาดไหนก็ไม่ตก หน้าปกของหนังสือนั้นเหตุโดนนิ้วจี้หมุนประจำ ทำให้จุดโดนจี้ประจำนั้นกลายเป็นสีขาวไป นักเรียนบางคนยังเจาะรูในหน้าปกกลางหนังสือ บางคนเพื่อให้มีจุดรูแล้วจะหมุนได้นาน

พวกเรานอกจากเรียนหนังสือแล้วยังหาบรรยาการของการเรียนหนังสือ หาความสนุกเล็กน้อยๆอย่างนี้ มาเล่นอย่างไม่ต้องเสียอะไรมากไปเลย


(ผู้ชายไม่ร้องไห้ ) ซูโหย่วเผิง


ผมมักจะคลุ่นคิดตัวเองในสายตาของคุณครูและเพื่อนนักเรียน ในสภาพการณ์อย่างนั้น ความผิดลำบากใจของจิตใจนั้นมีมาก ยิ่งกว่านั้นเป็นเพื่อนนักเรียนต่างห้อง มักจะมีความเป็นศัตรูกับผม ตั้งแต่ประถมหนึ่งที่ผมพึ่งเข้ามา ก็จะได้ยินคำขู่มากมาย เช่นนักเรียนห้องนั้นบอกว่าจะตีต่อยผมในห้องน้ำ หรือว่าปาเป้า เขียนชื่อผมไว้ที่ผนังแล้วยิงเป้า ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผมอับอาย จนถึงประถมสามก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่ ผลการเรียนของผมก็ยังที่ขี้ปากของคนหลายคนอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ผมมีนิสัยอย่าง ใช้ชีวิตอยู่ในวงกลมของตัวเอง อยู่กับตัวเองปลอดภัยที่สุด เรื่องร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวผมนั้นล้วนไม่เกี่ยวข้องหรือกระทบผม จากหน้าโรงเรียนไปที่ห้องเรียนนั้น จะต้องเดินผ่านห้องเรียนคนอื่น ตลอดเวลานั้นผมได้เดินผ่านอย่างก้มหัว เดินริมๆทาง ไม่ไปสนใจคนที่อยุ่ในห้อง แม้แต่มองก็ไม่มอง หรืออาจพูดได้ว่า ผมนั้นปิดตัวเองหรือน้อยเนื้อต่ำใจ

ยิ่งกว่านั้นคืออยู่ต่อหน้าเพื่อนนักเรียนที่ไม่คุ้น แม้กระทั่งเดินก็ไม่กล้าจะเงยหน้ายึดอก นอกจากน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว ยังมีความกลัวอยู่ด้วย สะท้อนให้เห็นว่าทุกคนทำร้ายผม ดูหมิ่นดูถูกตัวผมเข้ามัธยมแล้วผมก็ไม่ได้มีเพื่อนที่สนิทพิเศษอะไรมาก ห้องตัวเองก็ไม่มี ห้องอื่นคงไม่ต้องพูดถึง ให้โรงเรียนนั้น เพื่อนที่สนิทมากที่สุดก็แค่คนสองคน ล้วนรู้จักกันก่อนหน้าที่จีนแล้ว

คนอื่นๆ ไม่ว่าจะมีเจตนาร้ายหรือดี ทุกคนก็จะถูกผมตีหน้าเป็นผู้ไม่หวังดี ก่อนหน้าที่ผมจะชอบในการเล่นบาสนั้น ทุกครั้งก็จะรู้สึกว่าใจยิ่งเต้นยิ่งแรง ที่นั่นมีคนมากมายกำลังเล่นบาส ผมได้ก้มหัวลงในหูนั้นล้วนมีแต่เสียงคนกำลังแย่งลูกบาส กลัวมากที่เมื่อเงยหน้าแล้วเห็นสายตาที่ไม่รับแขก หรือว่าสายตาที่ขู่ ลูกบอลลูกหนึ่งลอยมา ทำให้ใบหน้าผมยุ่งมาก

102
ข้อความจากลายมือซูโหย่วเผิง ปี 1993

今天才发现有朋哥的字
http://tieba.baidu.com/p/3152269506
http://tieba.baidu.com/p/720919967?pn=12





ช่วงเวลานี้ ได้รับจดหมายจากผู้ปกครองและนักศึกษามัธยมปลายอย่างมากมาย หวังว่าผมได้เสนอเรื่องรักการเรียนหนังสือและวิธีเตรียมตัวเข้าร่วมสอบ ช่วงเวลาหนึ่ง ความรู้สึกตื้นตันที่ประมาณไม่ได้ผุดขึ้นมาจากใจ ซึ่งผมรู้สึกลึกๆว่าการเป็นนักแสดงคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่ ทำเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ยังต้องทำเพื่อบุคคลที่เอาใจใส่ต่อตัวผมเป็นอันมากร่วมอยู่ด้วย

อายุ 15 ปีก่อนหน้านั้น ผมคือบุคคลธรรมดาๆคนหนึ่ง คนรู้จักตัวผมต่างเรียกผมว่า "ซูโหย่วเผิง" ก็คล้ายในสายตายทุกคนเหมือนพวกนักเรียนอยู่ภายใต้แรงกดดัน การเปิดภาคการเรียนเช่นเดียวกัน สวมแว่นสายตาสั้นอันหนาลึก แบกกระเป๋าเรียนอันแสนหนัก ได้วิ่งเต้นบากบั่นระหว่างครอบครัวโรงเรียนและห้องกวดวิชา วันอาทิตย์เป็นวันหยุดสัปดาห์คิดอยากออกไปข้างนอกดูหนัง ก็รู้สึกไม่สบายใจนัก เวลาหลังเลิกเรียนไปพร้อมกับพวกนักเรียนที่บนท้องถนนแถวห้องกวดวิชาซื้อเต้าฮวยกิน เดินไปพลางกินข้าวโพดไปพลางช่างมีความสุขเหลือเกิน

เวลานั้นในกระเป๋าของผมมีแต่พกเงินไม่กี่สตางค์เสมอ ก็ไม่มีใครคอยมามองผมนัก ผมอยู่อย่างอิสระมากเป็นตัวของตัวเองด้วย บัดนี้หวนคิดขึ้นมา เวลานั้นถึงแม้ว่าแบกภาระอันหนักหน่วงของแรงกดดันในการเปิดภาคการเรียน แต่มีชีวิตช่วงที่มาคงไม่เคยผ่านความรู้สึกที่มีอิสระมาก่อนเลย

สาธารณะรัฐประชาชนจีน ปี 77 เดือน 7 (ในปีนั้นก็จะมีอายุครบ 16 ปี) ได้รับการคัดเลือกและเป็นนักร้อง ภายใต้ วงเสี่ยวหุ่ยตุ้ย ยังไม่ทันดูให้ชัดเจนว่าความโอ่อ่าวิไลของวงการแสดงนี้ก็ถูกครอบด้วยชื่อเป็น "เสือน้องแสนเชื่อง" หลังจากนั้นการดำรงชีวิตของผมทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมาเลย






จนถึงวันนี้ อายุใกล้ครบ 20 ปี แท้จริงแล้วผมยังไม่สามารถยอมรับว่าเป็นบุคคลสาธารณะชนแล้ว ผมทำตัวเป็นคนเรียบง่ายมาตลอด ผมคือ "ซูโหย่วเผิง"

ในสายตารู้สึกดี รู้สึกเศร้า เช่นนี้เกือบจะคล้ายๆสิ้นบุญวาสนา ผมรู้สึกว่าคนมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แต่ละวันกำลังต้องเผชิญกับวิถีการเจริญเติบโตไปเพื่อสยบอุปสรรคอันมากมาย ไม่จำต้องนำเอาแรงกดดันที่ไม่จำเป็นเพิ่มในตัวของตนเองอีก มีเพื่อนๆมากมายเขียนจดหมายมาบอกผมว่า "ซูโหย่วเผิง เวลาคุณยิ้มบริสุทธิ์มาก สดใสมาก ดูคุณยิ้มช่างร่าเริงจริง ฉันรู้สึกร่างเริงตามไปด้วย" 

ตอนนี้ผมกำลังจะบอกทุกคนว่า ผมไม่เคยชินกับการเอาเรื่องราวเก็บไว้ในใจ พวกคุณมองดูผมยิ้มอยู่นั้นเป็นความจริงครับ ผมกำลังยิ้มอย่างร่าเริงทีเดียว

ผมเชื่อมั่นในกฎเกณฑ์ข้อหนึ่งว่า ทำเรื่องอะไรควรมีจิตสำนึกของตัวเองบ้าง

เมื่อต้องการเช่นนี้ การปฏิบัติโฆษณาชอบทำเอาทีมงาน พนักงานโมโหมากเสมอ(งงค่ะอ่านแล้วไม่เข้าใจ)  อะไรคือ "อารมณ์ควาย ปัญญาหมู ไม่สามารถอ้อมค้อม ล่วงเกินแก่ผู้อื่นโดยง่าย...." ข้อกล่าวหาต่างๆนานาเพิ่มอยู่บนศีรษะของผม ผมยังไม่ยินยอมปรองดองทำเรื่องบางอย่างที่หักหลังกฎเกณฑ์ต่อตัวเอง ตัวอย่างเช่นการพูดปด มีบางคนเห็นว่าสถานการณ์จำเป็นต้องกระทำแล้วก็ควรละเมด ผมยังเห็นว่าสักวันหนึ่งเมื่อพูดโกหกแล้ว ครั้งต่อไปจำเป็นต้องพูดปดอีกเพื่อปกปิดที่แล้วมา หากเป็นลักษณะวัฎจักรหมุนเวียนเช่นนี้ต่อไปอีก ยิ่งนานยิ่งสับสนวุ่นวายไม่รู้จักสิ้น ผมไม่ยินยอมนำตนเองไปสู่ความวุ่นวายเช่นนั้นแน่ เพราะเรื่องที่ทำไม่ได้ ผมยินดีละทิ้ง ก็จะไม่ต้องการทรยศต่อจิตสำนักตัวเอง

แต่ว่าการร้องเพลงเป็นสิ่งที่ผมไม่ยอมปล่อยละทิ้งได้

นั่นเป็นเพราะใจรักใจชอบของผม ที่ผมปฏิบัติกระทำอยู่ เหมือนกับการสืบทอดต่อเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อแม่ต้องการให้ลูกๆ มีความก้าวหน้าต่อการเรียนหนังสือ

ผมยอมเป็นบุคคลธรรมดาเช่นเดียวกับทุกคน เพื่อปล่อยอารมณ์ให้เต็มที่ ผมตามหาสาวงามธรรมดาที่มีความบริสุทธิ์ แต่ไม่ขอบังคับ (เป็นคำเปรียบเปรยค่ะ)

ผมชอบร้องเพลงและสร้างสรรค์ นั่นเป็นเพราะผมกับดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของการกระตือรือร้นเกินกว่าที่คิด อยู่ในห้องโถงดนตรี ผมไม่มีผูกมัดบังคับ ปล่อยวางอารมณ์ตัวเองให้จมอยู่ในก้นลึก

ผมมีทั้งญาติสนิทมิตรสหารที่รัก และมีที่รักเหมือนพี่น้อง แน่นอนตัวผมก็หวังว่ามีคนที่รักใคร่

ดนตรีเป็นของประจำชาติ ผมได้พบเจอดนตรีเหมือนกับทรรศนะชีวิตของผมเช่นเดียวกัน ไม่มีอะไรมาปิดบังซ่อนเร้นดีกว่านี้




ไม่ว่าเล่นบทชีวิตอะไรก็ตาม เช่น นักร้อง นักเรียน บุตรคนอื่น เวที โรงเรียน ครอบครัว ผมก็คือผมอยู่วันยังค่ำ

ได้เจอนักข่าวถามผมอยู่เสมอว่า (คุณในฐานะเป็นนักเรียนได้เข้าสู่วงการนักร้อง ระหว่างการเป็นนักเรียนและนักร้อง คุณจะผลัดเปลี่ยนทางใจได้อย่างไร)

แท้จริงแล้วผมไม่เคยพิจารณาปัญหานี้มาก่อนเลย

ผมรู้สึกว่าผมทำอะไรลงไปก็ตาม เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ผมรู้จักผิดถูกชั่วดีต่อตัวเอง ไม่มีบทบาทอะไรในชีวิตที่จะผลัดเปลี่ยนเรื่องปัญหาหลงเหลืออยู่เลย

ทำเรื่องอะไรผมก็จะทุ่มเทการกระทำที่ดีที่สุด ขอเพียงแต่ผมคิดแล้วก็ตัดสินใจทำ

ผมเป็นคนชอบความจริงใจและบริสุทธิ์ใจ

แต่ความโอ่อ่าวิไลเป็นแค่ความฝันเท่านั้น เมื่อความโอ่อ่าวิไลเสื่อมลง ได้รอคอยถึงวันนั้น ผมจะเป็นบุคคลเหมือนที่คุณมองเห็นอยู่ในทุกวันนี้



103

How long do you know “Su You Peng” ?
When did you fall in love to Su You Peng ?
Why do we have to fall in love to Alec, any good thing he has ?
How many good faith and trust he has, we are to be called as the fanclub which follow his news continuously for long long time.

The one who love him is able to answer the above question. But…..if you still don’t know him.

We will present his news step by step whatever you need to know. And you will be known that to find and discover the real stories and the activities of Alec Su is the superb(excellence) in your life.




คุณรู้จัก "ซูโหย่วเผิง" มานานแค่ไหน?

คุณหลงรัก SUYOUPENG ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?

ทำไมพวกเราต้องมาหลงรัก ALEC เขามีดีอะไร?

เขามีแรงศรัทธามากแค่ไหนที่ให้พวกเราซึ่งเรียกว่า FC ติดตามเขาได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน

คนที่รักเขาเท่านั้นสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ แต่ถ้าคุณยังไม่รู้จักเขา

เราจะค่อยๆ......นำเสนอในสิ่งที่คุณอยากจะรู้

และคุณจะได้รู้ว่ามาพบ Alec Su เป็นสิ่งที่ "วิเศษ" ที่สุดในชีวิตของคุณ

107

  หนอนหนังสือ แต่ก็ปลื้ม มาดอนน่า 

พูดถึงเรื่องซุกซนของผม ความจริงเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยเกิดกับผมมากนัก เพราะตอนเด็กๆผมไม่ค่อยชอบเล่น แต่ชอบเรียนหนังสือมากกว่า ดังนั้นน่าจะเรียกผมเป็นหนอนหนังสือจะเหมาะกว่า

เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากทางบ้านทำให้ผมเห็นความสำคัญของการเรียนประกอบกับผมชอบแสดงความสามารถชอบเป็นที่ 1 ดังนั้นผมจึงตั้งใจเรียนหนังสือมาตลอดหวังว่าจะได้เป็นที่ 1 ทำให้ผมมักมีชื่อติดอันดับต้นๆ ของโรงเรียนเสมอและถ้าผมเห็นคนอื่นโกงข้อสอบ ผมจะฟ้องครูเพราะเหตุนี้เพื่อนนักเรียนที่เรียนดีจึงไม่ชอบผม ส่วนคนที่เรียนไม่ดียิ่งไม่ชอบผมใหญ่ดังนั้นผมจึงมีเพื่อนสนิทไม่มากนัก

ถึงแม้การเรียนของผมจะดีแต่กลับไม่เป็นที่พอใจของคุณครู เพราะผมคุยเก่งแต่เพราะผมเรียนดีคุณครูจึงทำอะไรผมไม่ได้ ถึงแม้ผมจะเรียนดีแต่ผมก็เหมือนกับทุกคนคือมีวิชาที่ตัวเองชอบ ผมชอบวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์มากที่สุดเกลียดวิชาประวัติศาสตร์เพราะผมเหมือนกับคนอื่นไม่ชอบท่องหนังสือ

ถึงแม้ที่โรงเรียนผมจะมีเพื่อนไม่มากนัก แต่มีอย฿่คนหนึ่งที่ผมคบมาจนถึงปัจจุบันเขาชื่อหวงัเหวินเหลียง ตอนเรียนชั้นประถมเขาเป็นคู่แข่งในห้องที่แกร่งที่สุดพวกเราไม่น่าจะเป็นเพื่อนกันได้น่าจะเป็นศัตรูกันมากกว่า

แต่ตอนหลังเขาย้ายบ้านย้ายโรงเรียน กระทั่งชั้นมัธยมพวกเราเรียนร่วมห้องกันอีก ตอนนั้นจึงเริ่มเป็นเพื่อนสนิทกัน ผมไปอัดรายการที่สถานีโทรทัศน์ไต้หวัน เขาไปเป็นเพื่อนผมด้วยจนทุกวันนี้พวกเรายังติดต่อกันเรื่อยมาเรียกได้ว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสมัยผมเรียนหนังสือ

หลังจากเข้าเรียนชั้นมัธยม ผมก็เหมือนกับคนอื่นที่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นตอนนั้นผมใส่ใจรูปร่างหน้าตาตัวเองมากมักส่องกระจกคอยดูทรงผมตัวเองและเหมือนกับวัยรุ่นทั่วไปที่เพ้อฝันถึงดาราหรือมีดาราคนโปรดของตัวเอง ดังนั้นผมชอบ มาดอนน่า และ อากินะ นากาโมริ มากที่สุดระดับความคลั่งไคล้ของผมไม่แพ้วัยรุ่นสมัยนี้ที่ชื่นชอบดาราขวัญใจของตัวเองแต่ผมไม่ถึงกับบินไปหาเธอที่อเมริกาหรือญี่ปุ่น แต่จะมีอัลบั้มเพลงและโปสการ์ดซื้อสะสมไว้เพียบ ทว่าตอนที่ผมพูดแล้วแทบไม่มีใครเชื่อว่าผมจะคลั่งไคล้เธอได้ เพราะในสายตาของทุกคนผมเหมือน "เด็กดี" แต่ความจริงผมไม่ได้เพอร์เฟ็คอย่างที่คิดหรอกคับ"



108


   5 ขวบเข้าโรงพัก   

ถามว่าตอนเด็กของผมมีเหตุการณ์อะไรที่ไม่อาจลืมความจริงผมจำไม่ค่อยได้แล้ว โดยเฉพาะช่วงที่อยู่อนุบาลความทรงจำเลือนลางทว่าคุณแม่เล่าให้ผมฟังเรื่องหนึ่งผมรู้สึกว่ามันสนุกดีน่าจะเล่าให้แฟนๆฟัง

ตอนนั้นผมอายุ 4-5 ขวบ มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลงทางคุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลมากหาผมไปทั่ว ตอนหลังตำรวจแจ้งว่าพวกท่านเจอผมแล้ว ทั้งยังพาผมไปที่สถานีตำรวจ บอกให้คุณพ่อคุณแม่ไปรับตัวผมที่นั่น อาจเป็นเพราะผมอายุน้อยมากจึงไม่รู้จักคำว่ากลัวยังขอกินไอศกรีมจากคุณลุงตำรวจที่สถานีตำรวจด้วย คุณพ่อคุณแม่เองก็ไม่รู้จะทำยังไง

ตอนเด็กๆถึงแม้พ่อแม่จะเข้มงวดกับผมมากแต่ความจริงพวกท่านรักผมมาก ผมต้องการอะไรพวกท่านจะพยายามรับปากทุกอย่าง เช่น เรียนอีเล็คโทน ถึงแม้สภาพที่บ้านไม่ค่อยดีนักพวกท่า่นก็สนับสนุนผมเต็มที่ แต่พูดถึงของเล่น พวกท่า่นจะไม่รับปากผมง่ายๆ โยเฉพาะวีดีโอเกมส์ที่ฮิตมากในช่วงนั้นและเป็นของเล่นที่ผมชอบที่สุดเพราะวีดีโอเกมส์นี่แหละทำให้คุณพ่อที่น้อยครั้งนักจะตีผมยังลงไม้ลงมือกับผม!

สมัยนั้นศูนย์วีดีโอเกมส์กำลังฮิตผมชอบไปที่นั่นมาก ทว่าผมไม่ได้อยากเล่น แค่เห็นคนอื่นเล่นก็มีความสุขแล้ว ตอนนั้นผมอินกับการดูมากจนลืมเวลากลับบ้านกระทั่ง 5 ทุ่มจึงนึกขึ้นได้ปกติผมเป็นคนกลับบ้านตรงเวลาบวกวิธีการอบรมสั่งสอนของคุณพ่อวันนั้นเหมือนกับทำผิดมหันต์สุดท้ายจึงถูกทำโทษนั่นเอง

ตอนหลังผมจึงขอให้พ่อแม่ซื้อวีดีโอเกมส์ให้ แต่จำไม่ได้ว่าเพราะสาเหตุอะไรจำได้แต่ว่าเพราะวีดีโอเกมส์นี่แหละทำให้ผมมีเรื่องกับคนอื่นทั้งที่ปกติผมไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่น ครั้งนั้นมีเพื่อนนักเรียนชายคนหนึ่งมายืมวีดีโอเกมส์ของผม แต่เขาผัดผ่อนมาหลายวันไม่ยอมคืนผมสักที สุดท้ายผมอดรนทนไม่ได้จึงตัดสินใจส่งหนังสือยื่นคำขาดกับเขา นัดเขามาเจอที่สนามหลังโรงเรียนเพื่อชี้ชะตา

ตอนนี้มานึกดูแล้วรู้สึกแปลกดีเพราะเขาก็มาตามนัด ที่น่าหัวเราะที่สุดก็คือที่แท้พวกเราสองคนไม่เคยมีประสบการณืชกต่อยกับใครมาก่อนการประลองกันคราวนั้นนอกจากจะไม่มีเลือดตกยางออกแล้วที่น่าหัวเราะก็คือเขาคว้าคอผม ผมดันหัวเขาสุดท้ัายไม่มีใครแพ้ไม่มีใครชนะ แล้วเรื่องก็จบๆกันไป ผมจำไม่ได้ว่าตอนหลังได้วีดีโอเกมส์คืนหรือเปล่าตอนนี้นึกดูแล้วก็สนุกดี

109
   "ผม...ซูโหย่วเผิง" รายงานตัวครับ   



ลืมตาดูโลก

พูดถึงเรื่องราวของผม ซูโหย่วเผิง ก็ต้องเริ่มต้นจาก 11 ก.ย. 1973 วันนั้นตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 เทศกาลไหว้พระจันทร์พอดี ผมเกิดในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ตอนเกิดทุกอย่างถือว่าราบรื่น ผมจำไม่ค่อยได้ว่าตอนเกิดมีน้ำหนักเท่าไหร่ แต่ได้ยินคุณแม่บอกว่าผมไม่ถือเป็นคนอ้วน แต่ค่อนข้างแข็งแรง ตอนนั้นผมเป็นลูกชายคนเดียวในบ้าน ดังนั้นจึงเป็นที่รักของคุณพ่อคุณแม่มาก

ทำไมต้องตั้งชื่อว่า "โหย่วเผิง" หรือ? เนื่องจากผมเกิดในเทศกาลไหว้พระจันทร์ คุณแม่เองก็เกิดในเทศกาลไหว้พระจันทร์เช่นกันสองเดือนมารวมกันจึงกลายเป็นอักษร "เผิง" ดังนั้นจึงเรียกผมว่า "โหย่วเผิง"

น้องชายอายุห่างจากผม 6 ปี ดังนั้นตอนเด็กๆผมเหมือนลูกโทน คุณพ่อคุณแม่จึงให้ความสนใจกับผมเป็นพิเศษพวกท่านให้ผมเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เรียกได้ว่ามีโอกาสเรียนหมดทุกอย่างทั้ง กาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ จากจุดนี้พอจะดูออกว่านอกจากพวกท่านจะรักใคร่เอ็นดูผมแล้ว ยังคาดหวังกับผมไว้สูงมาก


นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ยังให้ความสำคัญกับการเรียนของผมด้วย โดยเฉพาะคุณพ่อจะตื่นเต้นกับผมการเรียนของผม เพราะท่านมองว่าการเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญทีสุด โดยเฉพาะเด็กผู้ชายต้องเรียนให้ดีวันข้างหน้าจึงจะมีอนาคต จากจุดนี้ทุกคนคงจะดูออกว่า พ่อแม่ผมเข้าตำราที่ว่าพ่อเข้มงวดแม่ใจดี ดังนั้นคุณแม่จึงสนิทกับพวกเรามาก แม้แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์กับท่านก็ยังดีมาก

มีเรื่องอะไรผมจะเล่าให้ท่า่นฟัง ส่วนความสัมพันธ์กับคุณพ่อค่อนข้างเหินห่าง อาจเป็นเพราะท่านให้ความรู้สึกที่เข้มงวดกับผม ผมกับท่านจึงคุยไม่ค่อยสนิทกันเหมือนคุณแม่ บางทีเมื่อผมอายุมากกว่านี้ซักหน่อยหือโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ ความสัมพันธ์ของพวกเราจะดีขึ้นก็ได้


พูดถึงความสัมพันธ์ของผมกับน้องชาย ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่มอบน้องชายคนนี้มาให้ เพราะนอกจากเขาจะเป็นน้องชายของผมแล้ว เขายังเป็นเพื่อนที่รู้ใจผมที่สุด ผมมีเรื่องอะไรในใจจะเล่าให้เขาฟังหมด เขาเป็นนักฟังที่ดีและให้ความเห็นที่ดีๆกับผมหลายอย่างถึงแม้พวกเราอายุห่างกัน 6 ปี อีกทั้งตอนนี้เขากำลังเรียนหนังสืออยู่แต่พวกเราไม่เคยมีช่องว่างระหว่างอายุ กลับกันความสัมพันธ์ของพวกเราตอนเด็กไม่ดีเท่าตอนนี้ด้วยซ้ำเพราะตอนนั้นเขายังเด็กแต่ผมเริ่มทำงานแล้ว ฉะนั้นพวกเรามีเวลาเจอหน้าและอยู่ด้วยกันน้อยมาก

110


ซูโหย่วเผิง:  ร้องกับรุ่นน้องของผม เธอร้องได้ดีมากครับ

พิธีกร:  อ่อ โอเคค่ะ อัลบั้มนี้นะคะก็ถือว่าหลากหลายและสมบูรณ์มาก มีทั้งอารมณ์รัก

ซูโหย่วเผิง:  ใช่ครับ แล้วก็ยังมีเพลงที่พูดถึงมุมมองที่มองชีวิตแล้วก็ยังมี เพลงเต้นด้วยนะครับเพราะตรงที่ไปถ่ายทำมีการเต้นรำละตินกันน่ะ

พิธีกร:  จริงหรือ

ซูโหย่วเผิง:  ผมเดินตามแนวของริกกี้ มีเพลงหนึ่งเต้นแบบมาร์ตินเลยล่ะครับ

พิธีกร:  เต้นเร้กเก้จริงหรือคะ

ซูโหย่วเผิง:  ใช่ครับแต่ก้นผมไม่ได้งอนขนาดนั้นนะครับ

พิธีกร : ครั้งต่อไปคุณจะถ่ายแบบเปลื้องผ้าทั้งตัวเลยไหมคะ(หัวเราะ)เอาแบบมองแล้วคิดว่าเป็นภาพร่องออกแต่ที่จริงเป็นภาพก้นอะไรประมาณนั้น

ซูโหย่วเผิง:  ที่จริงอัลบั้มนี้ก็มีหลากหลายแนวครับ

พิธีกร:  ค่ะยังไงๆก็ขอให้ทุกคนช่วยติดตาม “อี่เฉียนอี๋โฮ่ว”อัลบั้มใหม่ของซูโหย่วเผิงด้วยนะคะ

ซูโหย่วเผิง:  ไม่ต้องตื่นเต้นครับ ผมเชียร์คุณอยู่

พิธีกร:   ขอบคุณมากค่ะๆ

ซูโหย่วเผิง:   ขอบคุณครับ


111


พิธีกร: ฉันว่ารูปนี้เหมือนหนุ่มเกาหลีมากเลยค่ะ หล่อมาก

ซูโหย่วเผิง:  ขอบคุณครับ

พิธีกร: คงมีผู้หญิงหลายคนนะคะที่อยากจะเป็นแสงอาทิตย์ที่สาดลงบนอกของคุณแล้วฉันก็ยังอยากเป็นหลอดข้างหลังคุณด้วยค่ะ ได้มองเห็นแผ่นหลังของคุณ

ซูโหย่วเผิง:  ผมเชียร์คุณ ผมเชียร์คุณ

พิธีกร: ฉันเชียร์คุณ ฉันเชียร์คุณ

ซูโหย่วเผิง:  ผมว่าคุณอย่าแต่งกลอนดีกว่าครับ

พิธีกร: สำหรับวันนี้ต้องขอขอบคุณมากที่มาร่วมรายการนะคะ

ซูโหย่วเผิง: แต่ผมยังไม่ได้ฝากอัลบั้มใหม่ชุดนี้เลยนะครับ

พิธีกร:  อ่อๆๆใช่ค่ะตายแล้วขอโทษจริงๆ

ซูโหย่วเผิง: ไม่เป็นไรครับๆ อัลบั้มนี้นะครับมีชื่อว่า”อี่ฉียนอี๋โฮ่ว” (ก่อนนี้และต่อไปนี้) -Before and After ก็หวังไว้ว่าบทเพลงในอัลบั้มนี้จะสามารถถ่ายทอดอารมณ์ลึกซึ้ง ก็คือประสบการณ์ที่เคยผ่านมาของผมรวมถึงเพลงเก่าๆบางเพลงและเพลงรักหรือเพลงที่แสดงถึงมุมมองชีวิตที่หลากหลาย

พิธีกร: ก็ถือว่าอัลบั้มนี้ก็ทำออกมาได้รวดเร็วอยู่นะคะ

ซูโหย่วเผิง:  ใช่ครับเพราะผมใช้เวลาอัดค่อนข้างเร็วเพราะอาจารย์ซือซงกับอาจารย์เหว่ยซงที่เป็นผู้จัดทำซึ่งจะค่อนข้างดุและระเบียบคอยดูแลทุกอย่างดังนั้นในทุกๆวันพวกเราก็เลยเลิกงานเร็วหน่อย แล้วก็ไปนวดกัน

พิธีกร:  จริงหรอคะไปนวดกันหมดเลยหรอ

ซูโหย่วเผิง: จริงครับ

พิธีกร:  แล้วในหมดนี้คุณชอบเพลงไหนเป็นพิเศษคะ

ซูโหย่วเผิง: ที่จริงก็มีหลายเพลงครับแต่ที่ชอบก็มีเพลงประกอบละคร《情订爱情海:รักข้ามขอบฟ้า》, 《你是我的一滴泪:เธอเป็นน้ำตาหยดหนึ่งของฉัน》แล้วก็ยังมีเพลงคู่ชายหญิง《柏拉图的永恒:ป๋อลาถูที่ยืนยาวชั่วนิรันดร》

พิธีกร:  ร้องคู่กับใครคะ

112


พิธีกร: คนขายไอศกรีมนี่คงแรงบีบมือดีนะคะ

ซูโหย่วเผิง:   ที่จริงก็ยังมีเล่นเครื่องที่เป็นแบบดึง แบบนี้คือเล่นกล้ามเนื้อที่หลังแล้วถ้าดึงไปด้านหลังหรือด้านหน้าก็คือเล่นคนละส่วนกัน

พิธีกร: ดัมเบลก็เหมือนกัน  ตอนนั้นวันหนึ่งนี่ใช้เวลาอยู่ในห้องยิมส์นานแค่ไหนคะ

ซูโหย่วเผิง:   ตอนนั้นผมยังค่อนข้างเลือกมากอยู่ครับ)):  เพราะว่าผมเป็นคนที่ดื้อเงียบ

พิธีกร: ได้ยินมาว่าตอนนั้นขายังเล็กมาก ดังนั้นตอนถ่ายรูปคุณก็จะบอกให้พี่ปิ่งฉุนถ่ายแค่ครึ่งบนอย่าถ่ายข้างล่าง

ซูโหย่วเผิง:   ที่จริงขาผมก็ปกตินะเพราะตอนนั้นนอกจากตอนที่อยู่วงเสี่ยวหู่ตุ้ย(小虎队) คุณอู๋ฉีหลงก็มักจะบอกว่าผมอ่ะยังเด็กๆ

พิธีกร: ทำไมล่ะคะ

ซูโหย่วเผิง:  ก็เพราะพี่เขาล่ำมาก เป็นนักเรียนโรงเรียนกีฬาด้วย

พิธีกร: ใช่เลย เขาชอบกระโดดไปกระโดดมา

ซูโหย่วเผิง:   แต่เค้ามักจะวิจารณ์เพื่อนร่วมชาติอย่างไม่เกรงใจเลยนะครับ สมมติสามคนกระโดดด้วยกันเขาก็จะใส่แรงเต็มร้อย โดดสูงมาก

พิธีกร: ที่จริงฉันก็ได้ข่าวจากช่องอื่นมาว่าที่จริงเมื่อก่อนต่อนอยู่ทีมลูกเสือคุณก็ไม่ค่อยพอใจนี่ แต่หลังๆมาก็โอเคขึ้น

ก็เหมือนอยากปฎิเสธ แต่ตอนนั้นทุกคนก็บอกว่าคุณว่านอนสอนง่าย, ไม่ดื้อ แต่จริงๆคือคุณซนมาก

ซูโหย่วเผิง:   ที่จริงผมเป็นเด็กไฮเปอร์น่ะครับ

พิธีกร: จริงหรือคะ ฉันก็เป็นเหมือนกัน

ซูโหย่วเผิง:   ผมเชียร์คุณนะ

พิธีกร: ฉันก็เชียร์คุณ งั้นฉันคงต้องโชว์กล้ามเนื้อท้องบ้างแล้วล่ะเพราะผู้จัดของฉันเนี่ยะยังไม่ค่อยพอใจอัลบั้มฉันสักเท่าไหร่


ซูโหย่วเผิง:   ที่จริงผมว่าอัลบัมชุดนี้ควรจะตั้งชื่ออย่างอื่นมากกว่า เช่นความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นอะไรทำนองนี้ผมหวังว่าจะเป็นเหมือนหนังสือเรียนเล่มหนึ่งน่ะครับก็คือไม่มีหรอกครับคนจะทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จตลอดไป ขอเพียงแค่ตั้งใจทำก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกครับ

113


พิธีกร : ใช่เลยค่ะ ยังไงสปริงตรงกลางนี้ ก็หักมันแบบนี้แล้วมันก็จะงอแบบนี้เอง 

ซูโหย่วเผิง :  ที่จริงเวลาทุกคนเล่นอันนี้ ถ้าทำไม่เป็นต้องระวังนะครับแล้วก็ยังมีที่ยกน้ำหนักด้วย

พิธีกร : อ๊าก

ซูโหย่วเผิง :   ผมว่ามันไม่ได้เล่นแบบนี้นะครับ

พิธีกร : อ้าว ไม่ใช่แบบนี้หรือคะ

ซูโหย่วเผิง:  ผมว่ามันคงจะเจ็บมากนะนั่น มันน่าจะทำแบบนี้นะครับ ดึงเข้ามาโดยตรงเลย

พิธีกร: แมนมากเลยค่ะ แล้วเวลาเล่นนี่เล่นเครื่องอะไรบ้างคะ

ซูโหย่วเผิง:   เยอะเลยครับ มีทั้งเล่นหน้าอกท่อนบน หน้าอกท่อนล่าง ถ้าเป็นท่อนบนก็ต้องยกขึ้นไป

พิธีกร: เวลานอนก็ยกขึ้นไปหรอคะ

ซูโหย่วเผิง:   ไม่ครับเวลานอนเราไม่ได้นอนราบลงไปเลย มันจะประมาณนี้ หลังยกขึ้นมาหน่อย มุมประมาณนี้แล้วก็ยกขึ้นไปด้านบน ก็จะได้ฝึกกล้ามเนื้อแถวนี้ หน้าอกช่วงบน แต่ถ้านอนราบไปเลยมันคือเล่นกล้ามเนื้อหน้าอกช่วงล่างแล้วเมื่อกี่ที่เห็นว่าตรงกลางร่องอกเป็นช่องเสียบปากกาได้มันก็ฝึกได้ด้วยท่านี้

พิธีกร:  เสียบปากกาได้เลยหรือคะ

ซูโหย่วเผิง:  ช่องใช่ครับมันจะมีรูตรงกลางตรงนี้ อย่างที่คุณเห็นเห็นหน้าอกที่สวยๆแบบนั้น

พิธีกร: ถ้างั้นผู้หญิงละคะ ถ้าอกเริ่มหย่อนฉันต้องเล่นแบบที่นอนเก้าสิบองศาแล้วก็แบบนี้ได้ไหม

ซูโหย่วเผิง:   อันนี้ผมไม่ทราบนะครับ แต่ผมว่าที่ผู้หญิงค่อนข้างสนใจน่าจะเป็นด้านการยกตัว ยกขา

พิธีกร: ฉันก็เคยทำ

ซูโหย่วเผิง:   ประมาณนี้ครับ

พิธีกร: อันนี้อะไรคะ

ซูโหย่วเผิง:   อันนี้ที่ฝึกแรงบีบมือครับ

พิธีกร: ยากจัง ฉันว่าบีบแบบนี้มันเหมือนอะไรรู้ไหมคะ ตักไอศกรีมเลยค่ะ ตักเป็นลูกๆอ่ะค่ะ

ซูโหย่วเผิง:   ใช่ๆๆ

114


พิธีกร : ยินดีต้อนรับทุกคนกลับเข้าสู่รายการของเราค่ะ วันนี้เรามาอยู่ด้วยกันที่นี่กับซูโหย่วเผิง
ตอนนี้เรารู้แล้วนะคะว่าจะคุยอะไรกันเรื่องเรือนร่างหรือคะ ไม่ใช่ๆอันนี้ฟังดูทะลึ่งไปนิด

พิธีกร : จากที่เรารู้มานะคะว่าในอัลบัมชุดใหม่ของคุณเนี่ยะต้องมีการฟิตหุ่น ใช่ไหมคะแล้วทั้งผู้หญิงจะต้องฟิตหุ่นอย่างไรทั้งช่วงบนและช่วงล่างวันนี้เราจะมาบอกความลับในการออกกำลังกายนะคะ วันนี้ที่จริงก็พุดถึงการออกกำลังกายของทั้งหญิงชายมาตลอด งั้นเรามาพูดถึงผู้หญิงกันก่อนดีกว่า ผู้ชายก็มาดูพร้อมๆกันก่อนนะคะ

ซูโหย่วเผิง : อันนี้น่าจะเป็นของผู้หญิงใช่มั้งครับเพราะว่าอันเล็กๆ ส่วนบอลอันนี้ก็คงจะให้ผู้หญิงเล่นใช่ไหมครับ

พิธีกร : ผู้ชายก็ได้ค่ะ

ซูโหย่วเผิง :  ผู้ชายใช้นี่มันดูเล็กไปหน่อยนะ ตอนผมฝึกมันไม่เล็กขนาดนี้นะ

พิธีกร : จริงหรอคะ

ซูโหย่วเผิง :   อันนี้ที่จริงคงใช้งานได้หลายแบบเช่นเอาไว้กระชับร่างกายถ้ากล้ามเนื้อไม่กระชับก็นั่งบนนี้ได้ครับ
แล้วก็อาจจะโยกหน่อยแบบนี้ แต่ลมมันน้อยไปหน่อย

พิธีกร : ใช่ค่ะลมมันน้อยไป

ซูโหย่วเผิง :   คุณสามารถทำแบบนี้ได้ แล้วเหมือนว่ายังทำท่าต่างได้อีกหลายท่า

พิธีกร : ใช่ค่ะแล้วยังฟุบลงไปบนลูกบอลได้ด้วย

ซูโหย่วเผิง :  อาจจะนั่งบนนี้แล้วก็เล่นโยคะได้ด้วยนะครับ

พิธีกร : ได้เหรอคะ

ซูโหย่วเผิง :  คิดไกลไปหน่อยครับ

พิธีกร : แล้วก็ยังมีพวกนี้ฉันไม่เคยใช้มาก่อนเลยค่ะ อย่างเช่นอันนี้ดูเล่นยากจัง

ซูโหย่วเผิง :   อันนี้ผมเอามาใช้เล่นเบสบอลน่ะครับ

115


พิธีกร : ฉันจะบอกให้ ฉันว่าน้ำหอมผู้ชายเนี่ย พอมาฉีดที่ตัวฉันนะจะหอมขึ้นมาเลย คุณว่าฉันแมนไหมล่ะ

ซูโหย่วเผิง :  คุณแน่ใจว่าคุณมีแฟนจริงๆนะครับ

พิธีกร : แหมก็เคยมี เหมือนกันค่ะ   แล้วขวดนี้สวยดีนะคะ น้ำหอมอะไรหรอ

ซูโหย่วเผิง :  อันนี้มีคนให้ผมมาครับ

พิธีกร : มันมีแม่เหล็กด้วยนี่

ซูโหย่วเผิง :  มันทำแบบนี้ได้

พิธีกร : อ่อมันจะดูดเข้าหากันได้

ซูโหย่วเผิง :  ใช่ครับ

พิธีกร : คุณก็เลยสะสมไว้เยอะเลย

ซูโหย่วเผิง :  ก็มีบางครั้งครับผมว่าพวกแบรนด์เนมที่ลงโฆษณาเยอะๆตามนิตยสาร พวกเราก็เลยเหมือนตกอยู่ในขอบเขตที่เขากำหนดมา คุณเคยคิดไหม เช่นบางครั้งคุณ อยากได้กระป๋ากุซซี่ ที่จริงมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมายแต่ขอแค่ให้มันได้ความรู้สึกว่ามันมีบรรยากาศแบบนั้น บางทีผมก็เป็นคนแบบนั้นน่ะครับ

พิธีกร : อ้อ ใช่เลยค่ะ อันนี้เวอร์ซาเช่ใช่ไหมคะ ดูวินเทจมากเลย ถ้าคุณฉีดอันนี้ยิ่งจะดูเป็นหนุ่มแฟชั่นมากยิ่งขึ้น

ซูโหย่วเผิง :   ที่จริงก็ยังมีอีกครับ เช่น ของโปโลที่คลาสสิกมากที่เป็นลุกโลกกลมๆ

พิธีกร : อ๋อ ฉันรู้จักค่ะ

ซูโหย่วเผิง :  ตัวนั้นกลิ่นจะคลาสสิกมาก

พิธีกร : น่ารักมากเลย ยืมใช้ได้ไหมคะเนี่ย แต่มันน้ำหอมผู้ชายนะ

ซูโหย่วเผิง : ได้เลยครับ

พิธีกร :  ฉันฉีดแล้วต้องหอมมากๆแน่ๆเลย งั้นให้เวลาคุณพักสักครู่นึงแล้วค่อยมาคุยต่อดีไหมคะ

116


พิธีกร : แต่คุณราศีกันย์ใช่ไหมคะ

ซูโหย่วเผิง :   ใช่ครับผมราศีกันย์

พิธีกร : ฉันราศรีเมถุนค่ะดังนั้นคุณก็มีลักษณะธาตุดินแล้วฉันก็เป็นธาตุลม ดินให้โดนลมพัดยังไงก็ยังเป็นดินอยู่ดี เข้าใจไหมคะเนี่ย

ซูโหย่วเผิง :  แหม น้อยๆหน่อยนะครับ ก็คือที่จริงผมก็ใกล้จะเป็นราศรีกันย์แล้วนะครับ OK OK ลักษณะของราศรีกันย์ก็เลยมีไม่เยอะขนาดนั้นน่ะครับ

พิธีกร : โอเคค่ะงั้นเมื่อกี้ที่เราได้ดูภาพในอัลบั้มนะคะทุกคนคิดว่าคุณเป็นผู้ชายที่แมนมากๆเลย

ซูโหย่วเผิง :  คงเป็นเพราะมันสมควรแก่เวลาแล้วมั้งครับ

พิธีกร : คุณอยากจะลองไปทางเซ็กซี่ดูบ้างใช่ไหมคะเนี่ย

ซูโหย่วเผิง :  ก็ไม่ได้ขนาดนั้นน่ะครับ

พิธีกร : ที่จริงแล้วนะคะ ผู้ชายสมัยใหม่ และมีรสนิยม ก็เรียกได้ว่าขาดน้ำหอมไม่ได้เลยล่ะค่ะ

ซูโหย่วเผิง :   ครับ

พิธีกร : วันนี้คุณนำน้ำหอมของคุณมาหลายขวดเลย

ซูโหย่วเผิง :   อันนี้คือส่วนหนึ่งของคลังน้ำหอมที่บ้านของผม แค่ประมาณหนึ่งในสิบได้ครับ

พิธีกร : โห นี่คือแค่ส่วนน้อยเองนะคะ

ซูโหย่วเผิง :   ครับ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น

พิธีกร : ทำไมถึงได้ชอบสะสมน้ำหอมขนาดนี้คะ

ซูโหย่วเผิง :   ผมว่าขวดมันสวยดี

พิธีกร : ใช่ค่ะฉันชอบขวดที่ดูเรียบง่าย แบบเล็กๆเลย คุณช่วยแนะนำน้ำหอมที่คุณชอบที่สุดหน่อยได้ไหมคะ

ซูโหย่วเผิง :   ผมจริงๆแล้วก็แค่ชอบซื้อน่ะครับไม่ได้ชอบฉีด

พิธีกร : จริงหรือคะ

ซูโหย่วเผิง :   ผมแค่คิดว่ามันสวยดี เอ๊ะแล้วทำไมคุณถึงได้รู้จักน้ำหอมของผู้ชายดีขนาดนี้ล่ะ

117


พิธีกร : ตอนนั้นเป็นแนวร๊อคเนอะ

ซูโหย่วเผิง:   ใช่ครับ

พิธีกร : คุณมีเอ็มวีที่ชอบที่สุดหรือไม่ชอบที่สุดไหมคะ อ้อ อันนี้เพราะมาก เสียงของคุณเพราะมากเลยค่ะ

ซูโหย่วเผิง :   ขอบคุณครับ นี่แอบชอบผมรึเปล่าครับเนี่ย

พิธีกร : แหม เปล่าซะหน่อย แค่ชอบเวลาคุณร้องเพลง

ซูโหย่วเผิง :  อันนี้เป็นตอนที่ถ่ายที่กรีซครับ เห็นสี่เหลี่ยมขาวๆด้านหลังไหมครับ

พิธีกร : อ่อ...นั่นใช่ไหมคะ

ซูโหย่วเผิง :  ใช่ครับ เกาะ Santorini ตอนแรกไม่มีใครให้เช่าห้องพักเลยครับ ปกติก็ไปเดินเล่นกันที่นั่นแล้วพอดีไปเจอเจ้าของบ้านเช่าหลังหนึ่งเขาเป็นช่างทำผมแต่งหน้า เพราะว่าคนยุโรปเขาไม่ได้มีงานเยอะจนยุ่งเหมือนพวกเราเค้าก็เลยมาเช่าบ้านไว้พักผ่อนยามวันหยุดอยู่ที่นี่แล้วก็ไม่ทำงานด้วยครับ

พิธีกร : จริงป่ะเนี่ย

ซูโหย่วเผิง :  ใช่ครับแล้วพวกเขามาพักผ่อน จริงๆแล้วเกาะนั้นก็เป็นเกาะที่เขามาพักผ่อนกันครับ เกาะเล็กมาก

พิธีกร : โอ้ย !! ห้องพักเหมือนไอติมเลยค่ะ คุณก็ไปเอาใจเจ้าของบ้านสิคะ เผื่อเขาจะยอมแต่งกับคุณ

ซูโหย่วเผิง :  เปล่าครับ ความจริงเขาหลงเสน่ห์ความหล่อของผมตั้งแต่แรกแล้วครับ

พิธีกร : ...... (555+ พิธีกรพูดไม่ออกเลย หุหุ คุยกับใครไม่คุยมุขแบบนี้ตาม Alec ไม่ทันหลอก อิอิ)

ซูโหย่วเผิง :   อะไรกันครับทุกคน อย่าขำดังเกินไปสิครับ

พิธีกร : โอเค... คัท ...พอได้แล้วเนอะเทปนี้ ท่อนนี้อัดเสร็จแล้วใช่ไหมคะ

ซูโหย่วเผิง :   ผมเชียร์คุณ...ผมเชียร์คุณนะ

พิธีกร : เมื่อกี้นะคะทุกคนอาจจะได้เห็นความเป็นผู้ชายในตัวเขานะคะ เขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างรักแฟชั่น ดูจากชุดนี้นะคะที่จริงเมื่อกี้ตอนที่เรากำลังแต่งหน้าอยู่ในห้อง คุณราศรีกันย์ใช่ไหมคะ

ซูโหย่วเผิง :  ใช่ครับทำไมหรอ

พิธีกร : ก็เมื่อกี้ตอนแต่งตัวก็ส่องกระจกตลอดเลยเราก็ว่ากลัวผมเสียทรงหรือเปล่า ที่จริงคือกำลังเลือกแหวน สร้อย เครื่องประดับอยู่

ซูโหย่วเผิง :   ที่จริงนี่เป็นครั้งแรกที่แต่งตัวแบบนี้นะครับ และสร้อยคอผมก็เป็นเครื่องรางต้องใส่ไว้ข้างในน่ะครับ เพราะผมมีช่างแต่งตัวช่วยกันดูให้น่ะครับก็คุยๆกัน

พิธีกร : แล้วคุณเป็นคนใส่ใจหรือเลือกมากกับการแต่งกายไหมคะ แบบต้องเนี๊ยบมากๆเลยรึเปล่าคะ

ซูโหย่วเผิง :   ผมคิดว่าอย่างน้อยใส่แล้วต้องรู้สึกสบายน่ะครับ ถ้าคุณมองตัวเองแต่งตัวแล้วดูแหม่งๆแปลกๆคุณไม่รู้สึกอะไรหรอครับ

พิธีกร : ก็ต้องรู้สึกสิคะ แล้วมีบ้างไหมคะที่คิดว่าตัวเองเป็นคนราศีกันย์แล้วไม่ชอบเลย

ซูโหย่วเผิง :   ผมไม่ได้มีลักษณะแบบราศรีกันย์ขนาดนั้นนะครับ

118


ซูโหย่วเผิง :  รักจนอะไรก็ฉุดไม่อยู่

พิธีกร : ฉันเชียร์คุณนะ

ซูโหย่วเผิง :   ผมก็เชียร์คุณครับ

พิธีกร : ดังนั้นนะคะ อัลบัมใหม่ “อี่เฉียนอี่โฮ่ว-Before and After” ก็เป็นที่รู้กันดี เมื่อก่อนนะฉันยังชอบดูละครที่คุณเล่นฉันหลงรักองค์ชายห้ามากๆ

ซูโหย่วเผิง :  จริงหรือครับ

พิธีกร : ที่จริงที่บ้านฉันยังมีผลงานของคุณคือซีดีองค์หญิงกำมะลอแล้วก็ซีดีเพลงเหม่ยอี้เทียน(ทุกๆวัน)
ที่จริงฉันจะเอามาแล้วแต่ก็กลัวว่าจะแบบ มีบางคนที่มองอดีตตัวเองแล้วรับไม่ได้ อย่างเช่นฉันเป็นต้นพอนึกถึงตัวเองสมัยก่อนแล้วก็จะรู้สึกว่า  เฮ่ย ทำไมน่าเกลียดอย่างนี้นะ ก็เลยไม่ได้เอามาวันนี้

ซูโหย่วเผิง :  ไม่เป็นไรนี่ครับครั้งหน้าถ้าเราได้มาร่วมรายการด้วยกันอีกก็เอามาด้วยนะครับมารู้จักผลงานของกันและกัน

พิธีกร : ดีค่ะ

ซูโหย่วเผิง :   สัญญานะ

พิธีกร : โอเค สัญญาค่ะ

ซูโหย่วเผิง :   เชียร์ผมด้วยนะครับ

พิธีกร : ได้เลยค่ะ งั้นช่วงนี้เรามาชม VCR รวมผลงานของคุณตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบันกันนะคะ

ซูโหย่วเผิง :  โอ้ !! มีด้วยหรือครับ

พิธีกร : ไปดูกันค่ะ......รู้สึกยังไงบ้างคะ

ซูโหย่วเผิง :   เหมือนเป็นความทรงจำที่งดงามมากเลยครับ คิดถึงตอนนั้น...ตอนนั้นก็รู้สึกดีครับ

พิธีกร : อ้อ

ซูโหย่วเผิง :  อันนี้ตอนถ่ายเอ็มวีครับ

พิธีกร : อ่อ อันนี้ฉันรู้ค่ะ

ซูโหย่วเผิง :  อัลบั้มนั้นได้ซื้อไหมครับ

พิธีกร : ตอนนั้นมันแพงไม่ได้ซื้อคะแต่ต่อไปต้องซื้อแน่ๆ

ซูโหย่วเผิง :  อันนี้ก็เอ็มวีเพลง

119



พิธีกร : ใช่ค่ะ อ่อเมื่อกี้เห็นมีอยู่รูปหนึ่งสวยดี

ซูโหย่วเผิง : ที่จริงตรงนี้ยังมีอีกครับ เพราะว่าคือต้องฟิตหน้าอกทั้งอกช่วงบนและอกช่วงล่าง

ซูโหย่วเผิง : รวมถึงตรงนี้ด้วยเพราะการเล่นกล้ามแท้จริงมีหลายจุดครับ ดูภาพนี้ครับ

พิธีกร : อันนี้คือรูปตัวยูหรือคะ หรือรูปเกือกม้าใช่ไหมคะ ว้าวรู้สึกได้เลยค่ะว่าไม่ได้มีการแขม่วหน้าท้องเพราะดูเป็นธรรมชาติมากดูรู้เลยค่ะ

ซูโหย่วเผิง : เพราะตอนนั้นผมยังมีกล้ามหน้าท้องไงครับ หายยากมากเลยนะครับ

พิธีกร : แสดงว่าเคยมีกล้ามท้องตอนนั้นใช่ไหมคะ แหม แต่หุ่นดีจังเลยค่ะ

ซูโหย่วเผิง :  ทั้งหมดก็จะบันทึกเอาไว้ในอัลบัมนี้ ที่จริงผมว่าคุณก็เก่งนะ เมื่อกี้ที่เราคุยกันเรื่องฟิตหุ่นเพราะเราเป็นนักแสดงก็ควรจะรักษาส่วนหน้าอกให้เฟิร์มเอาไว้ถึงจะดี ดูอย่างนิโคล คิดแมนสิครับถ้าเวลาใส่ชุดในเครืองแบบแล้วโบกมือแล้วเนื้อตรงใต้แขนย้วยไปย้วยมาแบบนี้ มันไม่แปลกหรือครับ

พิธีกร : ใช่ค่ะตลกมากเลย แบบเอ่อะ..ทำไมเป็นงี้ล่ะ

ซูโหย่วเผิง : งั้นตอนนี้คุณยังเล่นอยู่บ้างรึเปล่าครับ

พิธีกร : เล่นสิคะเล่นทุกวันเลย

ซูโหย่วเผิง : โอ้ แมนมากเลยอ่ะ

พิธีกร : ฉันก็เล่นบาสด้วยนะ

ซูโหย่วเผิง : แล้วแบบนี้จะหาแฟนได้ไหมครับเนี่ย

พิธีกร : ได้สิ หาเจอแน่นอน ทำบ่อยๆที่แขนก็จะมีรอยอย่างนี้ค่ะ โอเคเข้าเรื่องสำคัญวันนี้ คือเรื่องอัลบัมใหม่ของคุณไม่ว่ายังไงคุณก็ทำเต็มที่ตลอดเพราะคุณรักในการร้องเพลง

ซูโหย่วเผิง ครับผมรักการร้องเพลง

พิธีกร : เหมือนกันเลยค่ะ

120
โหย่วเผิง   : ไม่เคยรู้สึกถึงจริงๆเขาคือคนที่เก็บไว้มาก

พิธีกร : ตลอดวันนี้เขาไม่เพียงพูดถึงโยวเผิงยังพูดถึงรี่รี่ เชื่อว่าเขาพูดออกมาอย่างลึกซึ้ง กับการดูแลเอาใจใส่ของคุณ ยังต้องรักมากๆ วันนี้ฉันเชื่อว่ามีแฟนเพลงอย่างท่านนี้และโยวเผิง ในรายการก็ควรที่จะน่าภาคภูมิใจในตัวเองซินะ

โหย่วเผิง : ฉันรู้สึกซาบซึ้งที่สุด ฉันรู้สึกว่าคืนนี้เต็มไปด้วยความรัก และมากไปด้วยพลังแห่งความสามารถ ฉันรู้สึกว่าในใจอบอุ่นมาก ซาบซึ้งมากๆ

พิธีกร : คิดจะพูดอะไรกับรี่รี่ พวกเรายังจะมีเวลาอีกนิดหน่อย

โหย่วเผิง : สู้ๆนะ จริงๆ ฉันรู้สึกว่าเธอดีเยี่ยมจริงๆ ทุกๆเรื่องที่คุณทำออกมาล้วนแล้วแต่ออกมาจากจิตใจที่ดีงามของตัวคุณเอง ฉันรู้สึกว่าเรื่องที่ฉันทำมันเล็กน้อยมาก ต่อจากนี้ฉันต้องการจะพูดกับเพื่อนๆท่านผู้ฟังอีกสักหน่อย แท้จริงสาธารณะประโยชน์อาจจะไม่เห็นเรื่องราวพิเศษอะไรที่คุณทำ ก็คือสิ่งที่คุณพูด ในชีวิตคุณก็ทำได้ ทำสิ่งที่คุณทำอยู่ให้ดี หรือว่าปฏิบัติต่อคนทุกคนและเพื่อนๆด้วยความโอบอ้อมอารี ความรักมากๆ เอาใจใส่มากหน่อย เชิญคุณนำความรักเหล่านี้วิ่งออกไปพร้อมกับชีวิต สังคมก็จะดีขึ้น

พิธีกร : รี่รี่หละ มีอะไรจะคุยกับโยวเผิงไหม

รี่รี่ : สองวันก่อนโยวเผิงฉันเห็นคุณพูด  คุณพบกับมั่ยตังน่าอย่างนี้คือการแสดงร้องเพลง นี่คือแท้จริงที่ทำให้ฉันเกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์อย่างมาก ฉันรู้สึกว่าหาพบแล้ว ฉันกับคุณ คุณสมบัติโดยรวมของอาชีพ หลังจากที่ฉันเป็นผู้พิพากษา ฉันรู้สึกว่าภาระหน้าที่อยู่กับกายของฉันตลอด มีการกุศลชนิดหนึ่ง มาตรฐานของฉันกับงานของตัวเองก็คือฉันรู้สึกว่าเป็นผู้พิพากษาต้องพิจารณาตัดสินคดีอย่างเที่ยงธรรม คือ ความรับผิดชอบและการกุศลของคุณ ไม่ขอมีความดีความชอบแต่ขอไม่ข้ามผ่าน คุณทำดีอย่างนี้ไม่ใช่คุณงามความดีทั้งหมด แต่เพียงไม่ข้ามผ่านเท่านั้น เพราะว่า คุณคือผู้คุ้มครองรักษาความเป็นธรรมอย่างยุติธรรมของสังคม ดังนั้น อุปนิสัยโดยรวมของพวกเราคือ คุณพูดว่าคำพูดและการกระทำของดารา มีผลกระทบต่อคนมากมาย ทุกๆวันคำตัดสินของฉันยังมีอะไรที่อาจจะมีผลกระทบต่อทรัพย์สินของคนมากมาย แม้แต่อิสรภาพของชีวิต ดังนั้น ฉันหวังว่าพวกเราบนแนวทางที่เหมือนๆกัน มีความสุขเหมือนกัน สู้สู้เหมือนกัน

โหย่วเผิง : กลับไปต้องเพิ่มความเอาใจใส่

รี่รี่ : หวังว่าพวกเราจะทำตัวเองได้ดีมากขึ้น

พิธีกร : ไม่เลวนะ ฉันเชื่อว่าไม่เฉพาะรี่รี่ และโยวเผิง ชีวิตของทั้ง 2 ท่านตอนนี้ ไม่ว่าเขาจะเป็นประเภทของดาราที่กำลังเรียกร้อง ยังมีอาชีพที่จะต้องรับภาระการทำงาน ผลสะท้อนจากคนที่ประสบความสำเร็จมากแล้ว พวกเราทุกคนข้างเครื่องรับวิทยุควรจะรู้จักกับความสามารถของตัวเองอย่างดี เหมือนอย่างที่โยวเผิงพูดว่า ปฏิบัติกับคนที่อยู่ข้างๆด้วยความรักของคุณ และกับความเข้าใจผิดของคนที่มอบให้ล้วนทำให้มีผลกระทบ ถ้าทุกๆคนสามารถแสดงความสามารถที่ซ่อนอยู่ภายในออกมาให้ได้เห็นอย่างเต็มที่ ล้วนส่งผลกระทบออกไปไม่ต้องพูดจริงๆว่าการทำสาธารณะห่างไกลจากคุณ หรือว่าการนำความสุขให้คนอื่นๆห่างไกลจากตนเอง ดังนั้นหวังว่า
   
คนทุกคนสามารถค้นพบความสุขได้ด้วยตนเอง ทำให้สังคมนี้เต็มไปด้วยความสามารถ วันนี้พวกเราขอบคุณมากๆทั้งโยวเผิงและรี่รี่ที่มาเป็นแขกรับเชิญ รายการเพลงจีน วันนี้พวกคุณเป็นหนึ่งคู่ที่พิเศษเหมาะสมมาก ขอบคุณ

รี่รี่ : ขอบคุณ

โหย่วเผิง : ขอบคุณทุกคน ขอบคุณ

พิธีกร : อวยพรให้พวกคุณต่อจากนี้ไปล้วนมีชีวิตที่ราบรื่นและมีความสุข

โหย่วเผิง : ขอบคุณ

รี่รี่: ขอบคุณ

พิธีกร : บ๊าย บาย

หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 44