Interviews [Thai Translation] | ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากจะรู้ ซึ่งไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน > SCOOPS & SPECIALS

2010 ซูโหย่วเผิง อาศัยอะไรจึงโด่งดังมากว่า 20 ปี ?

<< < (2/2)

Chomnath:
http://blog.sina.com.cn/s/blog_65dedaef0100nui5.html?tj=1

ซูโหย่วเผิง... ถางหญ้า...หว่านพืชแบบเงียบๆ ในที่สุดได้ถูกยอมรับ

คืนวันที่ 7 ธันวาคม 2010 ได้อยู่ในงานเทศกาลลภาพยนตร์มาเก๊า  ซูโหย่วเผิงอาศัย(คังติ้งฉิงเกอ-เพลงรักคังติ้ง) แถมยังได้รับแรงกดดันจากฝูงชนแล้ว ยังได้รับรางวัลนักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยมอันทรงเกียรติ

ขอแสดงความยินดีกับ ซูโหย่วเผิง ฉายา เสี่ยวเทียนหวาง(เทพราชาน้อย)  ในที่สุดอาศัยพลังและความขยันของตัวเอง กลายเป็นตัวเองได้รับรางวัล ตุ๊กตาทองนำฝ่ายชายที่เข้าวงการมา 23 ปี ถึงแม้มาช้าหน่อย แต่สุดท้ายกิ่งบานออกใบ โหย่วเผิง เป็นแบบอย่างที่ดีจริงๆ การกุศลและการงานล้วนมีประโยชน์เอื้อต่อกัน (ฉันคือผู้อาวุโสก็ไม่ละอายใจได้ศึกษาแบบอย่างของเขาแบบเงียบๆ)

การแสดงภาพยนตร์ของ ซูโหย่วเผิงระยะปีใกล้ๆนี้ รู้สึกว่าเขามีประสิทธิภาพในการแสดงของตนเองอย่างลึกซึ้งไม่หยุดนิ่งเรื่อง-อ้ายฮู-Fit Lover - เรียกร้องความรักและ อ้ายเต้าตี่-Love to the End - รักถึงที่สุด ในเนื้อเรื่องตกใจแบบไม่มีหัวไม่มีหางทำให้ดีใจตกใจ ในเรื่อง ทาคาลามะกัน-Taklamakan แสดงบทตำรวจยศน้อยได้ท้าทายตัวเขาเอง ในเรื่อง The Message แสดงอีกบุคคลหนึ่ง ตัวเองเป็น ไป๋เสี่ยวเหนียน นิสัยต่ำทรามสุดๆทำให้ผู้ชมตื่นเต้น แล้ว

ตัวเองปีนี้ก็ชนะการประกวดได้รับรางวัลช่อดอกไม้นักแสดงประกอบฝ่ายชายยอดเยี่ยม นี่คือ 20 กว่าปีมานี้ ซึ่งเป็นบุคคลคนแรกของ ซูโหย่วเผิง ได้รางวัลครั้งใหญ่สุดเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ ในเรื่อง The Four Cupids แสดงบทเป็นคุณพ่อน้อย ซูโหย่วเผิง ได้โชว์ฝีมือการแสดงอารมณ์ที่ดี ในเรื่อง A Singing Fairy  วัยหนุ่มคืนสู่เหย้าโพ้ทะเลสถานะสภาพปล่อยอิสระ ในเรื่อง Lost In Panic Room
ซูโหย่วเผิง ละทิ้งเรื่องขยันค้นหาป้ายเอกลักษณ์แสนเชื่องมากขึ้นจึงชนะยอดจำหน่ายตั๋วหนังทะลุเป้า เรื่อง A Tibetan Love Song  นี้มีการเตรียมพร้อมยอมรับกรรมการตัดสินคะแนนสามารถกล่าวได้ว่าชื่อเสียงได้คืนสู่เหย้า (ชื่อเสียงได้หวนกลับสู่วงการอีกครั้ง...แต่ครั้งนี้เป็นอยู่ในฐานะ นักแสดงชาย บนแผ่นฟิล์ม)

ซูโหย่วเผิงมักจะถูกเรียกชื่อแทนคำว่า หนุ่มรูปงาม,หนอนหนังสือ,รักเดียว,จอมยุทธ์ ในสายตาของ นักสร้างหนังและผู้กำกับหลายคน แต่ว่าอายุได้ผ่านไป 37 ปีของซูโหย่วเผิง ไม่คาดคิดเรื่องขอบเขตคับแคบ คนอื่นได้หยิบยื่นให้เขาใส่กรอบไว้ ดังนั้นเขาจำใจยกเลิกละครหลายเรื่อง มีใจเป็นหนึ่งเดียวกันตามหาอุดมคติของตนเอง เพราะฉะนั้น พระเอกหนุ่มรูปงามมาก ทุกปีเปิดเผยรายรับแบบไม่เกรงใจ แล้วสร้างสถิติใหม่โดยขณะนั้นบนป้ายบอร์ด-billboard ตัวเองได้รับความนิยม ซูโหย่วเผิง ยอมเก็บแววซ่อนเร้น สิ้นเปลืองเวลามากเพื่อเติมพลังของตัวเอง คัดเลือกบทที่ดีให้แก่ผู้ชมดู ความไม่เหมือนกันของ ซูโหย่วเผิง โดยแสดงรับผิดชอบต่อตัวเอง


เขายอมทิ้งเงินก้อนโต ตรงกันข้ามกลับใช้แรงกายแรงใจสนับสนุนสาธารณะประโยชน์การกุศล โหย่วเผิง ลดตัวสู่รากหญ้า ไม่สร้างกระแสเหมือนคนอื่นหาเงินแบบเบิกบานใจ แต่เขากลับยอมควักกระเป๋าเงินแบบเงียบๆ คนอื่นมีใจละโมบ เขามีใจรักบุญยิ่งกว่าและยอมจ่าย


โหย่วเผิงฉลาดจริงจัง ใจดี เขาเข้าใจเปรียบเทียบหลายๆชนบท ซึ่งมีชื่อเสียงมาจากโรงเรียนวิชาหนังละครของนักแสดงทั้งหลาย เขาไม่ใช่มาจากชั้นห้องเรียนหนังละครหรือนักร้อง จำต้องนำออกมาเปรียบเทียบกับนักแสดงคนอื่นยิ่งต้องขยันเพิ่มมากขึ้น การนิ่งเงียบของเขากำลังทำเพื่ออนาคตตัวเอง ยิ่งต้องสร้างพื้นฐานถนนกว้างใหญ่ขึ้น สุภาษิตคน ยูนนานกล่าวไว้ว่า (เทียนกงเถิงฮันเหริน) สวรรค์ชอบคนดีซื่อสัตย์ ก็คนไถหว่าน (ขยันสู้) แบบเงียบๆท้ายสุดสวรรค์จึงเมตตาท่าน


พี่น้องที่ดีสองคนของ โหย่วเผิง ช่างเวลาใกล้ๆนี้แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าง อู๋ฉีหลง ใจกล้าเลื่อนเป็นนักสร้างหนัง โครงสร้างชีวิตไม่ได้คับแคบอีกที่เป็นทั้งนักแสดงและพ่อค้า แล้วเรื่องหนัง (ต้าเสี้ยวเจียงหู) เย้ยหยันยุทธภพ ของ เฉินจื้อเผิง ใกล้ๆนื้ตั๋วหนังขายดียิ่งขึ้น ถูกรับเชิญไม่ขาดสาย อวยพรเริ่มจากปีขาล โหย่วเผิงชมไม่หยุดตลอด ก็อวยพร อู๋ฉีหลง พร้อมกับ จื้อเผิง ล้วนสู้ๆสร้างธุรกิจสู่สุดยอด ----อยากให้วงเสี่ยวหู่ตุ้ยมีทางเลือกที่ดีตลอด

Chomnath:
วันที่ 9 ธันวาคม ปี 2010 เวลา 14.47.01 น. งานภาพยนตร์ ม๋าเก๊า ประกวดรางวัลตุ๊กตาทองนักแสดงยอดเยี่ยม ซูโหย่วเผิง อาศัยอะไรในหนึ่งปีประกวดได้รางวัลตุ๊กตาทองยอดเยี่ยม 3 ครั้ง


สิ่งของเก็บเกี่ยวภาคฤดูร้อนฤดูใบไม้ผลิ แล้วคนเล่า ก็มีเก็บเกี่ยวฤดูหนาว สิ้นปีได้มาถึงคึกคักร่าเริง ด้านส่วนตัวขอพูดถึง การทำเงินปลายปีมากที่สุดยังย้อนเวลาและหวังพัฒนาดาราก็ไม่ยกเว้น ปลายปีได้หวังแจกจ่ายรางวัลหลายรายการและสรุปยอดนิยมของคนบันเทิง ก็คือหลายคนร่าเริงหลายคนเศร้าใจ แน่นอนวันนี้ต้องพูดถึงดารา (ซูโหย่วเผิง) แน่ละร่าเริงต้องมากกว่าเศร้าใจ เพราะว่าปีนี้ คือ (ซูโหย่วเผิง) ได้กวาดเรียบทำลายทุบสถิติอย่างทะล่มทะลาย คนเดียวได้รับรางวัลหลายรายการมีแต่ความเชิดหน้าชูตา


เป็นบุคคลธรรมดา กล่าวถึงเหล่าบรรดาแฟนๆของ ซูโหย่วเผิง ก็สนใจมาตลอด ด้านตัวเองได้สนใจข่าวคราวพฤติกรรมจุดเล็กจุดน้อยของดาราดีเด่นท่านนี้ แล้วสรุปยอดการกระทำของตัวบุคคล อักษร 4 คำ ไม่สามารถแยกจากกันได้คือ  “变,火,泪,喜”

“变 เปี้ยน” = เปลี่ยนแปลง

“ 火 หั่ว” = ไฟ หรือร้อน

“泪 เล่ย”= น้ำตา หรือเสียใจ

“喜 สี่” = ดีใจ หรือสำเร็จ


องค์ประกอบ 4 ส่วนนี้กลายเป็นความแตกต่างไม่ธรรมดาของ ซูโหย่วเผิง ในอาชีพนักแสดง ทำไมจึงใช้อักษร 4 คำนี้มาสรุป อาชีพของ ซูโหย่วเผิง  เพียงแต่เป็นคำพูดในตระกูลบ้านหนี่ง วุ้นเส้นห้ามตี เห็นแก่แขกผู้มาเยี่ยมเยือนให้อภัย


กล่าวคำว่า “”เปี้ยน 变” เปลี่ยนแปลงกันก่อน จริงๆต้องการพูดว่าเปลี่ยนแปลง ก็เพราะควรเอ่ยกล่าวถึง The Message หนังเรื่องปีที่แล้ว ซูโหย่วเผิง ได้ผลิกบทบาทครั้งใหญ่ จากที่เป็นพระเอก-ขวัญใจ ได้กลายร่างเป็นนักแสดงละครร้องเพลง  แล้วโยกเยกท่ารูปงามอรชรอ่อนช้อยอยู่ในจอหนังใหญ่แวววาวสง่างาม นี่เป็นการปรับเปลี่ยนฉีกออกมาจากเดิมๆ  ซูโหย่วเผิงได้จารึกชื่ออยู่วงการแผ่นฟิล์มแล้ว ก็  จากนี้ไป ซูโหย่วเผิงอยากให้เรา ลืมภาพดาราขวัญใจ ลืมภาพไกวๆหู่ กลับมายืนอยู่ตรงปัจจุบัน เห็นการโลดเล่น ดุเดือด เห็นถึงธาตุแท้การเป็น นักแสดงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักแสดง แต่ไม่ใช่ดารา โหย่วเผิงได้บินก้าวกระโดด โดยธรรมชาติในปีนี้ผลงานของเขาหลายบทบาทแตกต่างกันไป แทบดีใจแบบไม่หยุด


นี่ก็ขยายความถึงอักษร “หั่ว 火” ไฟ-ร้อน ในปีนี้ ซูโหย่วเผิงมีหนัง 4 เรื่อง เป็นหนังแสดงเป็นพระเอกแน่นอนออกฉายสู่โรงภาพยนต์  แยกฉายหนังเรื่อง The four cupids ของผู้ชายกลัวแต่งงาน หนังเรื่อง A Singing Fairy ในบทตามหาทายาทหลิวซานเจี๋ย หนังเรื่อง -Lost In Panic Room นักเขียนมีความรู้ประสาทบ๊องๆ หนังเรื่อง A Tibetan Love Song) ทหารโปรดปล่อยเสรีมีใจรักแน่วแน่  หนัง 4 เรื่อง อุปนิสัยแตกต่าง 4 แบบ นักแสดงชายคนหนึ่งในปีนี้มีผลงานแน่นหนาเช่นนี้ออกฉายนอกเหนือจากโปรแกรม ซูโหย่วเผิง มีไฟมาก ยังคิดคำพูดอื่นๆไม่ได้ เพื่อส่งระดับรูปโฉมให้สะดุดตา แน่นอน หว่านเมล็ดมากขึ้น ผลเก็บเกี่ยวสามารถเก็บมากยิ่งขึ้น

และแล้ว พวกเราได้เห็น "เล่ย 泪" “น้ำตา”   ของ ซูโหย่วเผิง ใช่แล้ว ลูกผู้ชายมีน้ำตาไม่ไหลออกง่ายๆ นักแสดงชายท่านหนึ่งสามารถน้ำตาไหลปลื้มใจต่อหน้าผู้ชมนับล้านๆคนอย่างไม่คาดฝัน ซูโหย่วเผิง คือมีความรู้สึกบางเวลา น้ำตาอารมณ์ความรู้สึกชนะความสุภาพของอารมณ์เหตุผล บนใบหน้าของเขาได้ร้องไห้เช่นนี้ เบื้องหลังต้องมีน้ำตาที่ปลื้มใจของการแจ้งข่าวทุกข์ร้อน ต้องรู้ว่าเขาแสดงบท “ไป๋เสี่ยวเหนียน” ในใจดิ้นรนในใจหลายครั้ง เตรียมพร้อมการฝึกฝนงานมาเท่าไร ในปีนั้นเขาได้พลาดโอกาสหลายครั้ง เช่นได้กลายเป็นนักแสดงไต้หวัน การเริ่มต้นจนถึงสุดท้ายเขาเห็นความสำคัญรางวัลม้าทองคำไม่ให้พลั้งมือไป ได้จ่ายออกอย่างคุณค่ามากมาย นี่เป็นการ ตอบสนองความดีจากฟ้าดิน

ไม่เพียงแต่น้ำตาของ ซูโหย่วเผิง ยังคงไหลออกจริงๆอย่างมีคุณค่า นี่ก็ถึงปลายปี ซูโหย่วเผิง “喜 สี่” ดีใจ ที่จริงในปีนี้ ซูโหย่วเผิงได้รับงานภาพยนตร์รางวัลช่อดอกไม้ ไก่ทองคำครั้งที่ 19 (ได้รับรางวัลช่อดอกไม้ภาพยนตร์ต้าโจ้ง ครั้งที่ 30 ) “ ก่อนหน้านั้นรางวัลนักแสดงประกอบฝ่ายชายยอดเยี่ยม เคยได้รับรางวัลดีเลิศด้านที่มาจากภาพยนตร์แล้ว อีกกรณีหนึ่ง ในเดือนกันยายน...เขายังได้รับนักแสดงนิยมยอดเยี่ยมในงานภาพยนตร์จีนในนิวยอร์ค ครั้งที่ 1 รวมทั้ง  “นักแสดงชายได้รับนักศึกษาชื่นชอบยอดเยี่ยมในงานวัฒนะธรรมภาพยนตร์นักศึกษา เมืองซันซีไท่เหยียน” นี่ เพิ่งได้รับ “รางวัลนำแสดงฝ่ายชายยอดเยี่ยมในงานภาพยนตร์สากล ม๋าก๊า ครั้งที่ 2 “ พอดีอีกครั้ง สามารถกล่าวได้ว่าเป็นมงคลครั้งใหญ่

ในที่นี้ขอกล่าวถึง”นักแสดงชายยอดเยี่ยมจากงานภาพยนตร์สากล ม๋าเก๊า” ซูโหย่วเผิง ครั้งนี้อย่างละเอียดหน่อย เขาอาศัยหนังเรื่อง  A Tibetan Love Song  หลักทำนองเพลง แล้วเด็ดมงกุฎชนะรางวัลตุ๊กตาทอง ถ้าหากคุณเคยดูหนังเรื่องนี้ คุณจะรู้สึกว่ารางวัลนี้เป็นของ ซูโหย่วเผิงมิใช่ใครอื่น ความสำเร็จของเขาในเรื่องนี้ สวมบทเป็นทหารโปรดปล่อยซ่อนเร้นแล้วช่วยเหลือคน ซูโหย่วเผิง เข้าใจบททหารท่าทางสง่าเป็นบุคคลซื่อตรง อีกทั้งใจดีบริสุทธิ์ของบทเอาใจใส่ผู้หญิง แล้วเริ่มแรกจึงมีนิยายรักตอนหนึ่ง ในหนัง ซูโหย่วเผิง ไม่ว่าแสดงบทเป็นทหารที่จริงจังรับผิดชอบ ยังเป็นเรื่องรักแบบรางๆและปกป้องรักนางเอกจนกระทั่งรักกัน พร้อมทั้งสุดท้าย ซูโหย่วเผิง แสดงบทหนักแน่นไม่เกียจคร้านเฝ้ารอคอยอย่างทุกข์ใจจนทำให้น้ำตาไหล สามารถกล่าวได้ว่า นี่คือ ซูโหย่วเผิงใกล้ๆนี้ได้หล่อพิมพ์รูปเอกลักษณ์อย่างสมบูรณ์และหนึ่งในนั้นมีสีสันที่สุด


แน่นอน ไม่ว่าอักษร 4 คำได้สรุปยอดแล้ว ยังเป็นบุคคลหนึ่งได้รับข่าวดี รางวัล “นักแสดงนำฝ่ายชายตุ๊กตาทองม๋าเก๊า “ นี่มากล่าวถึงเรื่อง ซูโหย่วเผิง ล้วนเป็นเรื่องในอดีตของประวัติศาสตร์ทั้งนั้น หรือว่าปีนั้นเขาไม่ได้กระทำอารมณ์อย่างแท้จริงสักนิดในรายการ “รางวัลม้าทองคำ” ที่พึ่งไม่พอใจ และแล้ว ต่อมาจึงได้ยืนยัน ซูโหย่วเผิง มีฝีมือการแสดงที่ได้การยอมรับจากสายวิชาชีพ ... มากล่าวเรื่องนักแสดงคนหนึ่ง ขอเพียงแต่ขยัน ทุกสิ่งล้วนสามารถเป็นไปได้ ซูโหย่วเผิงก็เป็นคนเช่นนี้ เขาขยันทำดี ไม่มีผลเก็บเกี่ยวจึงขยันต่อไป เมื่อมีผลเก็บเกี่ยวแล้ว หัวเราะแล้วร้องไห้แล้วลืมเรื่องแล้ว หนทางก็ต้องก้าวเดินต่ออีก

Chomnath:
ทุกๆครั้งเวลามองเห็น ซูโหย่วเผิง แล้วต้องคิดถึง หลินจื้ออิ่ง ไม่เพียงเพราะว่าพวกเขาเคยเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่ง แล้วก็เพราะบางคนมีหน้าตาคล้ายกัน.......วัยหนุ่มสาวหน้าตาเหมือนเทวดาจางปู้เหล่า หน้าตุ๊กตาแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยผ่านวงการบันเทิง หลังจากขณะ อู๋ฉีหลง ได้ก้าวถึงสู่สุดยอด ก็ไม่มีใครเหนือกว่าเขาอีก แล้ว ซูโหย่วเผิงเมื่อไม่กี่ปีมายังคงรับการต้อนรับเรืองแสงแวววาวในครั้งที่สอง ไม่ว่าบริษัท หัวอี้ แต่ไหนแต่ไรมาล้วนไม่ทราบว่าการเข้ารอบชนะคือความหมายอะไร ซูโหย่วเผิงในหนังใหม่เรื่อง A Tibetan Love Song แสดงบทแอบซ่อนช่วยเหลือได้มองเห็นเป็นลายมือปากกาของบริษัทหัวอี้ เช่นในหนัง ((หวินสุ่ยเอี๋ยว)) ลือกันน้ำอยู่เหนือเมฆ สี่ยั่วเซียน แสดง พฤติกรรมฝีมือการแสดงต่อความรู้สึกเข้าทะลุปรุโปร่งการปรองดองและแปลกประหลาดพู่กันอักษรวาดภาพแสดงสวยงาม ข้อมูลล้มลงถึงก้นสุดๆ

ลักษณะของไกวๆหู่ทหารแอบซ่อนช่วยเหลือในหนังA Tibetan Love Song บังเอิญ ยังสามารถมองเห็น ซูโหย่วเผิงอีกด้านหนึ่งโผล่ออกเป็นเด็กผู้ชาย หรือว่าหน้าตุ๊กตาทำแปลกประหลาดพิกล ขณะเดียวกันกลายเป็นเล่าลือไม่แก่ บางครั้งจะถูกสงสัยไม่พอต่อมั่นคง และแล้ว สมองว่องไวจากต้นถึงท้าย การพูดจาเหมาะสมของ ซูโหย่วเผิง ช่างชัดเจนมาก เรื่องโครงการอนาคตตัวเองก็ทราบดีในทรวงอก หลังจาก ซูโหย่วเผิง เข้าสู่วงการ แสดงบทบาทผู้ชายคนดีสนใจเฉพาะรักลึกซึ้งมาโดยตลอด แต่ว่าไม่กี่ปีมานี้ เขาทำลายทะลุเอกลักษณ์แบบไม่ขาดสายต้อนรับท้าทายต่อสู้ ผมอยากกลายเป็นพรรคจอมพลัง ผมอยากจะทำลายทะลุเป้าคนหนึ่ง ซูโหย่วเผิงพูดอย่างไม่ปิดบัง

เรื่องคือ เขาเคยลองลิ้นชิมรสบทบาทอีกชนิดที่แตกต่างกัน เหมือนในทีวีในหนัง ((เย่ออ้าย)) ผู้ป่วยเป็นโรคประสาท ซูหมิงเทา ในหนัง ((เฟินเซิน)) บทหนังร้องเพลง ไป๋เสี่ยวเหนียน ผมหวังว่าสามารถฝึกฝนเรียนรู้โดยตลอด และมีความก้าวหน้ามาโดยตลอดสามารถดูออก เขากำลังทดลองใช้บทบาทเล่ห์เหลี่ยมกลลวงเหล่านี้บ้างเพื่อให้ทุกคนเอาอดีตของเขาทั้งหมดโยนทิ้ง-------ความเคยชิงผู้คน “ไกวๆหู่” ไม่เพียงแต่ไม่เชื่อง ทั้งยังในกระดูกแท้จริงพุ่งสะเทือนสาเหตุคิดการกบฎทางใจ ต้นเหตุเริ่มแรกสุดมาจากวงเสี่ยวหู่ตุ้ยเรียบเรียงเพลง ((จ้ายเจี้ยน))---ลาก่อน อำลาวง เหตุเรื่อง เฉินจื้อเผิง จะไปเกณฑ์ทหาร วงเสี่ยวหู่ตุ้ยจำใจยอมแยกย้าย ผู้กำกับ MV ((จ้ายเจี้ยน)) ---- อำลา เพื่อให้บรรลุปลุกปั่นถึงประสิทธิผล หวังว่า ซูโหย่วเผิง สามารถอยู่หน้ากล้องมีอารมณ์รู้สึก “แต่ว่าผมก็ร้องไห้ร้องไม่ออก คนที่เหลืออยู่ล้วนร้อนใจมาก มีบางคนหาของขวัญที่ส่งมาจากแฟนเพลงชื่นชอบของแต่ละชนิดแฟนเพลง มีบางคนพลิกเขียนแบบเร้าใจมากของจดหมายแฟนเพลง ช่วยผมบลิ้วอารมณ์” ใบหน้า ซูโหย่วเผิง พูดยิ้มๆและกล่าวว่า “เพราะว่าทุกคนล้วนรู้สึกต้องแยกย้าย แยกย้ายจากกันเป็นเรื่องที่เศร้าใจเรื่องหนึ่ง คุณควรร้องไห้อย่างง่ายๆนะ ปัญหาคือ ผมรู้สึกว่าชีวิตคนเรื่องรวมเรื่องแยกเป็นเรื่องปกตินะ ทำไมต้องร้องไห้ด้วย

“จริงๆผมยืดงอให้ตรงมาโดยตลอด จึงพูดนับได้ว่ามิใช่คิดขบถทางใจ ก็มิใช่เป็นเด็กเชื่องมากอย่างแน่นอน” ซูโหย่วเผิงใช้คำพูดเร็วมาก สำนวนชัดเจน “แต่ว่าผมพูดตลอด พูดตลอดก็ไม่มีใครเชื่อ ดังนั้นผมก็แสดงเป็น ไป๋เสี่ยวเหนียน แบบสบายใจ เริ่มต้นใหม่ เริ่มต้นจากศูนย์ ภาพลักษณ์ ไกวๆหู่หมดไป-----ทุกคนไม่ใช่ไม่เชื่อผมคิดกบฏทางใจไหม ? ดีละ อย่างนั้นผมทำให้พวกคุณดู ครั้งนี้เชื่อแล้วใช่ไหม” เรื่องคือ เขาพูดถึงท่าทางละม่อมและนิ่งเล็กน้อยของเขา มีสิ่งของบางอย่าง เขาคิดว่าไม่สำคัญ คนอื่นพูดว่าสำคัญอีกก็คือเรื่องรอง เปรียบเทียบเรื่องหน้าตาภายนอก หวังเสี่ยวหมิงเป็นเจ้าลัทธิเพราะตัวขี้นที่สูงสูงถูกโวยวายจนเวียนหัวเป็นเวลาเปลี่ยนทิศทาง ....ซูโหย่วเผิงตั้งแต่ไหนแต่ไรมายังคงไม่ยอมห่วงใย ไม่อยากคิดเรื่องทำใสสะอาด “จริงๆผมไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องภาพลักษณ์ชนิดแจกันดอกไม้ คุณดูที่จออินเตอร์เนต... บางครั้งลือว่าตัวสูงส่ง ผมก็ไม่ได้ออกมาแก้ข่าวลือ ...ผมไม่ใส่ใจสิ่งนี้ คิดอยากแสดงบทบาทพิเศษเพราะหวังว่าผู้กำกับสามารถยอมรับผม” ....ในที่สุดรู้สึกว่าบุคลิกภายนอกของ ซูโหย่วเผิง มีการโกหกหลอกลวงมาก กล่าวคำพูดแบบนี้ เหมือนกับหน้าตาวัยเด็กไม่เหมาะสมเลย แต่เขายังคงกล่าวเรื่องคำพูดที่โบราณมาก... “เข้ามาวงการ 20 กว่าปีแล้ว ความชำนาญล้วนเป็นความช่ำชอง ผมไม่อยากคิดแสดงอะไรผู้ชายหล่องามอีก แต่จริงๆแล้วผมทั้งไม่ใช่ตามหา เปลี่ยนแปลงบุคลิกภายนอกเดี่ยวๆ มีคนจงใจให้ ผมไม่ได้จงใจ ผมก็แสดงบทบาทนี้ ไม่ได้รังเกียจถึงรูปลักษณะ ผมเพื่อบทบาท คุณอยากพูดอะไรก็พูดในที่สุดได้แสดงหนังที่ตัวเองชอบล้วนมีความสนุกสนาน

เยาว์วัยประสบความสำเร็จ เป็นนักร้องขวัญใจร โด่งดังไปทั่วเอเชีย.......ช่วงนั้นรุ่งโรจน์แบบนี้ ซูโหย่วเผิง ตั้งแต่อายุ 15 ปีเข้าสู่วงการบันเทิงความเจริญมาอย่างไม่ขาดสาย จนกระทั่งผู้คนต่างกล่าวถึงเขา ถึงอย่างไรยังคงไม่อิสระหวนคิดขึ้นมา ใบหน้าอ่อนวัยของหน้าตาหนุ่มๆ ปล่อยให้เวลาผ่านไป แต่ถึงอย่างไรยังคงไม่อดกลั้นนำเอาวัยหนุ่มไม่ราบรื่นมารำลึก จากในส่วนสมองลบล้างในส่วนที่ลึกออกไป

บัดนี้ ซูโหย่วเผิง อายุ 30 ปีต้นๆแล้ว ที่ข้างหลังกายได้ถือใบเอกสารผลงานยาวๆพวง ความเดิมๆนึกว่าเป็นแรมเดือนแรมปีขึ้นๆลงๆของเขา สามารถทำให้ตัวผมได้ เล่าความชำนาญของชีวิตอย่างหรูๆเป็นช่วงเป็นตอน และนิยายรักความทุกข์เวทนาที่พูดออกมาไม่ได้สับสนกัน แล้วเขายังคุยเรื่องบุพเพสันนิวาส- ธุรกิจความรักใคร่ ดำรงชีพ มากกว่า.......ทุกสิ่งในโลกนี้ช่างสับสนตามที่เขามองเห็นมา ล้วนเกิดจากบุพเพสันนิวาสในอดีต ดับด้วยบุพเพในอดีต บุพเพเมื่อมาถึงแล้ว ก็คือน้ำมาถึงคูคลองแล้ว ผมเชื่อว่ามีบางสิ่งถูกกรรมลิขิตมา ผมไม่รู้สึกว่าตัวคนเดียวสามารถอาศัยแรงคนก็คิดอยากจะทำอะไรก็ทำได้ นี่คือทรรศนะคติของผม เปรียบเทียบผมได้ตามกรรมบุพเพสันนิวาส(ดวง) แต่ผมรู้สึกว่าการกระทำความเพียรขยันก็มิใช่ถูกทั้งหมด แต่ผมรู้สึกว่ามีผลสนองตอบรับบางอย่างคือแรงคนที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ผมไม่สามารถบังคับผลกรรม ตัวคุณเองเพียงแต่สามารถใช้เพียรพยายาม แต่แท้จริงผลกรรมมิใช่ตัวผม ใช้ขยันหมั่นเพียรก็สามารถกำหนดได้” เขาอธิบายสภาพลักษณะการดำรงชีพของตัวเองแบบนี้

คลั่งไคล้มากๆของหนังเรื่อง The messag หลังจากผ่านพ้นไป ซูโหย่วเผิงเหมือนกับชอบฉายารูปโฉมตัวเองพร้อมทั้งไม่คู่ควรกับบทบาท สับสนหลงใหล หรือบทบาทหยาบกระด้างเช่นนั้น ปล่อยให้ ซูโหย่วเผิงสำรวจรู้สึกการแสดงหนังสนุกสนานแล้ว ไม่คู่ควรในคู่ควรถึงจะเป็นตัวเขาที่ชื่นชอบ การสมภาษณ์ก่อนหน้านั้นหลายครั้ง เขาแสดงถึงตอนนี้ ยิ่งหันเหเปลี่ยนทิศทางถ่ายหนัง “ละครจอทีวีและความรู้สึกของนักผลิตสร้างภาพยนตร์ยังคงไม่เหมือนกัน ปริมาณหนังละครจอทีวีจำนวนมหาศาล คนรุ่นหลังเป็นการทดสอบความอดกลั้นอดทนและกำลังกายของคุณ ไม่มีวิธีอื่นเหมือนภาพยนตร์ละเอียดลออเช่นนั้น เพื่อหนึ่งนาทีทุกคนจะรู้ว่าแข็งแกร่ง ละครหนังจอทีวีจึงเป็นไปไม่ได้ ละครหนังจอทีวีไม่ปรากฏละเอียดสวยงาม

ง่ายนักของสิ่งที่มา รสชาติของผมถูกหนัง The messag ยกระดับสูงขี้นแล้ว ต่อไปหวังว่ามีโอกาสสามารถรับสร้างผลิตหนังแบบนี้ แต่ว่า เขาไม่สามารถเที่ยวบังคับขอให้ชัดเจน “เวลานี้ยังไม่ถึงเวลาที่ผมเลือกผู้กำกับ ผู้กำกับดีเลิศหลายคน ตัวเองหวังว่าแสดงบางเรื่องบุคคลที่ล้มลงมากกว่า เช่นบทนักสืบบ้าง บทโรคกลัดกลุ้มบ้าง อุปสรรคคติธรรมทางใจน่าจะแสดงดี ในใจทุกคนล้วนมีก้อนๆนั้น ผมก็มี มีโอกาสไปเอาแบบนี้มาปรากฏก็ยิ่งดี

อายุ 36 ปีของ ซูโหย่วเผิง แต่แรกได้ถอนตัวออกจากเอกลักษณ์ของการเป็นพระเอกมานานแล้ว ใบหน้าดำมืดได้เขียนเต็มไปทั่วสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นผู้ชายเวลาอันควร เคยถาม ซูโหย่วเผิง ทำไมตอนนี้ได้ถ่ายหนังจึงสุขุมดีกว่า ซูโหย่วเผิงกลับถามว่า “สมมุติตอนนี้ผมยังเหมือนในปีนั้นน่ารักบริสุทธิ์ผุดผ่อง นั่นควรจะน่าเกลียดไหมละ ? มีคนส่วนมาก เรื่องความทรงจำของ ซูโหย่วเผิง ยังหยุดอยู่กับ วงเสี่ยวหู่ตุ้ย ไกวๆหู่ที่เรียกลมเรียกเมฆที่เริ่มครั้งแรก ถึงเวลาอันควร นำพาให้ ซูโหย่วเผิง ไม่เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภายนอก ยิ่งกว่านั้นคือสภาพทางจิตใจอย่างหนึ่ง ผมรู้สึกว่าตัวผมอายุผ่านมา 30 ปี ก็เรียนรู้หลักการใช้สภาพจิตใจไปดูเรื่องราวที่ให้อภัย ผมรู้สึกแล้วแต่โชคชะตาลิขิต ไม่ให้พันติดกันอีก แต่ละอย่างล้วนมีคุณค่าของสิ่งนั้นยังหลงเหลืออยู่ ทรรศนะการมองที่ไม่เหมือนกัน ก็ต้องมีรับไม่เหมือนกัน ขณะวัยเยาว์ของ ซูโหย่วเผิง เรื่องดนตรีคลั่งไคล้เร้าใจเกือบจะยึดครองชีวิตคนทั้งหมด แม้แต่เป้าหมายการเริ่มแสดงหนัง ล้วนทำเพื่อการหาเงิน

ในภายหลัง สามารถหวนรำลึกร้องเพลงอีกครั้ง แล้ววันนี้ จากธุรกิจของเขา ดนตรียังคงค่อยๆจางหายไป ต้นเหตุเพราะ นักร้องขวัญใจระยะเวลาคุ้มครอง ธาตุแท้มีขีดจำกัด แล้วกำลังชีวิตของนักแสดงคนหนึ่งสามารถอยู่ยาวนานกว่า “การเปลี่ยนแปลงสามารถเปลี่ยนแปลงได้” สภาพลักษณะชีวิตคน ผู้กระทำได้มีเพียรพยายามแล้ว ยอมรับไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ยิ่งคือความใจกว้างและเปิดเผยอย่างหนึ่ง

Chomnath:
http://tieba.baidu.com/f?kz=927129572
http://tieba.baidu.com/f?kz=927036213

วันที่ 4 พฤศจิกายน ปี 2010

ซูโหย่วเผิง : เพียงเพื่อให้บทบาทรอด ไม่แต่งเป็นชายรูปหล่ออีก ความฝันอยากได้รางวัลม้าทองคำไต้หวัน
หนังละครเรื่อง Lost In Panic Room  ห้องลับบอกใครไม่ได้

ดาราหลายคนเวลาผ่านพ้นขีดสูงสุด ล้วนแล้วผ่านการลำบากมามาก  เป็นปลาพลิกกายอีกด้าน แต่ ซูโหย่วเผิง
เป็นข้อยกเว้น ในช่วงเวลาหลังไอดอลของเขาได้อาศัยในความขยันของเขาพิสูจน์ให้คนอื่นๆ "ที่จริงผมมีศักยภาพที่ดีของความแข็งแรงและความสามารถในเมื่อเร็วๆนี้ โหย่วเผิง ผู้ได้รับการกับความท้าทาย

การแสดงในภาพยนตร์เรื่องหนึ่งหลังจากที่อื่น ได้กลายเป็นประเด็นร้อนของจอภาพยนตร์ ไม่เพียง แต่เขาเพิ่งได้รับการสนับสนุนที่ดีที่สุด เขาพึ่งได้รับรางวัลประกอบฝ่ายชายยอดเยี่ยมรางวัลช่อดอกไม้ โดยเฉพาะการลงทุนต้นทุนเล็กน้อยของการแสดงหนังสยองขวัญ คือหนังค้นหาเหตุผลเรื่อง Lost In Panic Room เรื่องที่กำลังทำกล่องสำนักงานขายตั๋วดี อีกประการหนึ่งในภาพยนตร์ที่เขาเล่นบทบาทนำชาย, เพลงรักคั้งติ้ง ก็จะนำออกฉาย จะได้รับการคัดเลือกในเดือนนี้  บทบาทเหล่านี้ ผู้สังเกตการณ์อย่างรอบคอบจะพบว่าบทบาทตัวละครของเขาจะไม่ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ (หล่อ-งาม-ดี) เป็นจุดขาย ยกเว้นในขอบและตัวอักษรมีทั้งประหลาด, ผิดปกติหรือเลอะเทอะ

เมื่อวันนี้ ซูโหย่วเผิง ได้รับการยอมรับการสัมภาษณ์พิเศษของเรา  พูดถึงหลายปีนี้เพียรพยายามเปลี่ยนรูปโฉม เขาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาได้ทุ่มเททำงานหนักตัวเป็นเกลียว   ผลก็คุ้มค่าความพยายาม ในรางวัลช่อดอกไม้ไก่ทองคำหลังจากถูกยอมรับแล้ว เปิดเผยว่าต้องการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือการจะสามารถได้รับรางวัลม้าทองคำในบ้านเกิดไต้หวันของเขา

ตัวเองรับรางวัลม้าทองคำผมไม่อยากแสดงผู้ชายหล่อ-งามอะไรอีก แต่บนความเป็นจริงผมไม่ใช่ตามหาเปลี่ยนแปลงบุคลิกลักษณะเดี่ยวๆ มีคนเจตนา ผมไม่ใช่เจตนา ผมก็แสดงบทบาทนี้ ไม่ไปรังเกียจถึงเอกลักษณ์ ผมทำเพื่อบทบาทนี้ คุณอยากกล่าวหาอะไรก็เชิญกล่าวหาอะไร ในใจขอให้มีหนังแสดงเยอะหน่อย เป็นไปได้การรับแสดงอันดับแรกต้องพิจารณาถึงธาตุแท้ ยกตัวอย่างพิเศษเช่น ไป๋เสี่ยวเหนียน ไม่มีชามอะไรใหญ่โตกว่า ผลลัพธ์ก็ออกมาไม่ได้

คุยเรื่องแสดงหนัง

ก่อนหน้านั้นเพราะไม่เคยรอคาดหวังทั้งหมดมาก่อนที่จะได้รับรางวัล ก่อนไป ผมยังคงรู้สึกว่า ฝงเหยี่ยนเจิง และ หวงป๋อ มีพละกำลังมากกว่ามาโดยตลอด หวงป๋อ ยังคงเป็นดารานำแสดงม้าทองคำ แต่อยู่ข้างล่างเวทีมองเห็นคณะกรรมการตัดสินลงคะแนนคัดเลือก ผมงวยงงตกใจหมดสิ้น เวลาขึ้นเวทียังคงวิงเวียนงงๆ เลอะๆเลือนๆจึงร้องไห้ออกมา น้ำตาจึงไหลออกมา ความหวังครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือได้รับรางวัลม้าทองคำ อยู่บ้านเกิดก็ได้รับรางวัล

คุยเรื่องได้รับรางวัล

ผมต้องการจะพบบุคคลของฉัน จูลี่เชี่ยน ผู้ที่จะสนับสนุนผมและผมเฝ้าดูอยู่เงียบ ๆ
แต่น่าเสียดายมากผมยังไม่ได้พบ ผมไม่อยากคาดหวังโจ่งแจ้งอย่างนี้อยู่ภายใต้แสงสุริยะ(publicly)

คุยเรื่องอนาคต

ซูโหย่วเผิง :: ฝีมือการแสดง “มิใช่เจตนาแสดงบทอันน่าเกลียด ในใจมีแต่ มีหนังแสดงเยอะๆคือมาตรฐานการรับหนังแสดง”

นักข่าว :: ไอดอลหลายคนเมื่อมีอายุมากแน่นอน ล้วนจะตามหาการเปลี่ยนโฉมเพื่อความก้าวหน้ารูปแบบชนิดนี้ใช่หรือไม่ ?

ซูโหย่วเผิง ::  เข้าสู่วงการมากว่า 20 ปีแล้ว ความจัดเจนล้วนเป็นความช่ำชอง ผมไม่ต้องการทำหน้าที่เป็นผู้ชายที่อ่อนโยน แต่ในความเป็นจริงผมไม่ต้องการทีเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอก บางคนจะทำมันอย่างระมัดระวัง แต่ผมไม่ได้ทำมันจงใจ ผมเพียงทำหน้าที่บทบาทตัวละครและไม่ได้ให้ความห่วงใยใดๆ เกี่ยวกับรูปภาพของผม ผมเพื่อแสดงบทบาทนี้  แต่คุณสามารถพูดสิ่งที่คุณชอบ

นักข่าว ::  คุณพูดแบบนี้ใช่ใฝ่ใจคนอื่นพูดว่าคุณคือดาราขวัญใจหรือไม่

ซูโหย่วเผิง :: ที่จริงผมไม่ใฝ่ใจมากว่าพูดอะไรชนิดแจกันไอดอล คุณมองดูบนจออินเตอร์เนต บางครั้งลือว่าตัวสูงส่ง ผมล้วนไม่มีออกมาแก้ไขข่าวลือ ผมไม่ใส่ใจสิ่งนี้ คิดอยากแสดงบทบาทพิเศษเป็นเพราะหวังว่าผู้กำกับสามารถยอมรับผม

นักข่าว :: บทบาท ไป๋เสี่ยวเหนียน เป็นตำรับตำรา-คลาสสิก โดยภายหลังจะห่วงใยรับบทบาทแบบนี้อีกหรือไม่

ซูโหย่วเผิง :: ไป๋เสี่ยวเหนียนนับว่าเป็นเรื่องตัวอย่างเรื่องหนึ่ง เพราะว่าภาพยนตร์ของโฉมหน้าขบวนนักแสดงและทีมงานฝ่ายผลิต ยังมีบทละครก็คือบทบาทนี้ ธาตุแท้ทุกชนิดเร่งถึงพร้อมกัน ไม่มีเรื่องหนังชามใหญ่ๆโตๆ ก็ไม่แน่จะมีผลในเวลานี้ ผมจะไม่ตั้งใจเฉพาะเพื่อบทบาทแบบนี้แล้วไปแสดง

PS..ถ้าไม่มีองค์ประกอบที่ดีหลาย ๆ อาจจะไม่ได้มีความสำเร็จในปัจจุบัน

นักข่าว :: หลังมาตรฐานรับหนังแสดงคืออะไร ได้เคยคิดเรื่องห้องขายตั๋วมีหรือไม่-บ็อกซ์ออฟฟิศ ?

ซูโหย่วเผิง ::  ก็คือความในใจอยากมีหนังแสดงเยอะหน่อย เรื่องนี้เป็นไปได้คือการพิจารณาธาตุแท้อันดับหนึ่ง เรื่องห้องขายตั๋วผมพิจารณาน้อยมาก ถ่ายหนังเรื่อง Lost in Panic  ก็เพราะมีใจรักสนุก ได้รับรางวัล :"ไปบนเวทีในความงุนงงและน้ำตาไหลในความงุนงง"

นักข่าว :: โดยปกติแล้วคุณไม่ได้จริงๆคนอ่อนไหว คุณร้องไห้มากๆดังนั้นเมื่อคุณได้รับรางวัลในระหว่างพิธีแจกรางวัลรับรางวัลช่อดอกไม้จึงร้องไห้โฮขนาดนี้ ?

ซูโหย่วเผิง ::  ก่อนหน้าพักหนึ่งเพราะว่าไม่เคยคาดหวังเอารางวัลมาก่อน ก่อนจะไปผมยังรู้สึกว่า ฝงเหยี่ยนเจิง และ หวงป๋อ ถูกเสนอชื่อมากกว่ามาโดยตลอด แต่อยู่เวทีข้างล่างมองดูเวลานับคะแนนบัตรการตัดสินคัดเลือก ผมตกใจงวยงงหมดก็ร้องไห้ออกมา

นักข่าว :: ก่อนๆคุณกล่าวกับตัวเองว่ามีเป้าหมายที่ใหม่กว่านี้คืออะไร ?

ซูโหย่วเผิง :: ความหวังครั้งใหญ่สุดก็เอารับรางวัลม้าทองคำ อยู่ที่บ้านเกิดได้เอารางวัลจริงๆ เวลาหนังเรื่อง The Message เดิมทีเดียวมีความหวัง ผลสุดท้ายจดหมายเอ่ยชื่อนักแสดงชายประกอบยอดเยี่ยมแล้ว จริงๆเขารับบทแสดงนำฝ่ายชาย

นักข่าว : เรื่องส่วนตัวตัวคุณเองมีนิสัยอย่างไร ?

ซูโหย่วเผิง :: บางครั้งผมกล่าวคำพูดมาบ้าง ทุกคนล้วนไม่มีผลสะท้อน รอผ่านไปพักหนึ่งถึงหัวเราะจนไม่ไหวแล้ว ปกติผมชอบยิ่งพูดหัวเราะเย็นชา อนาคต “จะไม่ละทิ้งล้มเลิกการร้องเพลงคิดหาสนับสนุนคนของตัวเองแบบเงียบๆ”

นักข่าว ::  อนาคตมีแผนการการงานใหม่ๆอะไรบ้างไหม ? ร้องเพลงยังจะทำต่อไปหรือไม่ ?

ซูโหย่วเผิ ::  แน่นอนละ ปีนี้มีหนังถ่ายยุ่งมาก เพียงแต่เรื่องร้องเพลงผมไม่ละเลิก คุณ มองดูผมแสดงหนังภาพยนตร์ไม่กี่เรื่องนี้ล้วนเป็นผมร้องเพลงไตเติ้ง (ธีม)แล้ว เกี่ยวกับการร้องเพลงถ้ามีเวลาในปีหน้าผมจะรวบรวมคอลเลกชันของเพลง

นักข่าว :: หนัง  A Tibetan Love Song จะออกฉายแสดงทันที สามารถแนะนำบทบาทนี้หน่อยหรือไม่ ? อาศัยการพูดเวลาถ่ายภาพยนตร์ได้รับทุกข์ลำบากมาก

ซูโหย่วเผิง ::  หนังเรื่องนี้กล่าวถึงเรื่องราวความรักใน ซีจ้าง (ธิเบต) เกิดขึ้นเรื่องหนึ่ง ที่จริงทุกข์ก็คือทุกข์ในสถานที่ถ่ายภาพยนตร์ สะท้อนเรื่องที่ราบสูง ยังต้องวิ่งแบบไม่หยุด ใบหน้าก็ทาสีดำแล้ว ก็ต้องใส่เสื้อขาดๆอีก ผู้กำกับหยอกล้อหัวเราะกล่าวว่าคุณเป็นชายหล่อสวยจริงๆแปลงกายชนกำแพงสวยหรู

นักข่าว :: เรื่องธุรกิจจะให้ถึงสู่สุดยอดเขาอีก แล้วเรื่องความรักเล่า ?

ซูโหย่วเผิง :: ก่อนหน้านั้นผมก็พูดแล้วละ ผมคิดอยากหาตัว จูลี่เชี่ยน เองอย่างมากสามารถได้อยู่เบื้องหลังสนับสนุนและหนุนหลังอย่างเงียบๆ แต่น่าเสียดายมากยังหาไม่พบ แต่ผมไม่ต้องการนี​​้ถูกเปิดเผยในที่สาธารณะ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version