แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Alec Love Me

หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17 18 ... 21
301
Movies / 1996 Pale Sun [เหล่าอู่]
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 04:12:29 PM »


http://tieba.baidu.com/photo/p?kw=%E8%8B%8F%E6%9C%89%E6%9C%8B&from=6&tid=725528417
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.897610010349844.1073741896.100003025613301&type=3&uploaded=29

Movies  : มิถุนายน 1996 :ได้แสดงนำในภาพยนตร์ จากนวนิยาย" Pale Sun" (เรื่องเกี่ยวกับชายหญิง)ของนักเขียนไต้หวัน เหยียนเกอหลิง ที่ดัดแปลงมาเป็นหนัง (สวาท) (ผู้กำกับจูถิงผิง) แสดงเป็นนักศิลป์ที่เป็นโรคไตอ่อนแอ “น้องห้า ไฉ่หวู่” เขามีใบหน้าที่งามจนผู้หญิงยังต้องชิดซ้าย มือสองข้างที่แกะสลัก วาดรูป ปลูกต้นไม้ที่ยอดเยี่ยม แต่ตัวเองเป็นโรคไม่สามารถรักษาหายได้ ทั้งยังเจ็บปวด ยากจะทำสามเรื่องที่ตัวเองปฎิญาณไว้ให้สำเร็จก่อนจะต้องจบชีวิตลง (เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง นั่งเครื่องบินซักครั้ง และมีคนรัก) ยิ่งกว่านั้นคืออยากจะมีความรักก่อนวัยสามสิบ สำหรับคนอย่างเขาที่ป่วยเป็นโรคมานานแล้วนั้น มันเป็นแค่ความเพ้อฝันเท่านั้น ตอนหลังเขาได้แอบรักคู่หมั้นของพี่ชายชื่อ “หวิ่ชวน” แต่สุดท้ายเขาก็ป่วยตาย ก่อนตายนั้น ได้แกะสลักตราหนึ่งชิ้นให้กับหวิ่ชวน (หวิ่ลั่วว่างชวน) ในเรื่องนั้น ผ่านการแสดงที่เข้าใจถึงชีวิตคน


แนะนำตัวละคร



ซูโหย่วเผิง เป็น น้องห้า



เจิ้งเจียอี๋ว์

302
Movies / 1999 Winner Takes All [ซือเซิงจวื่อ]
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 02:20:48 PM »


more https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.888831841227661.1073741869.100003025613301&type=3&uploaded=18

Movies : ปี 2000 : ได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง “ต้าหยิ่งเจีย-นักแซงค์มือเทวดา ”  Winner Takes All ของฮ่องกงที่ เกาจื้อเซิงเป็นผู้กำกับ ได้รับบทเป็นมือถ่ายภาพนักสืบ ขณะที่ได้ใช้กล้องดิจิตอลถ่ายภาพอยู่นั้น ได้เจอเหวินจิ้งที่หลอกบอกว่าเป็นลูกสาวของหวงต้าเชียน เขาได้เอาเครื่องดักฟังเสียงขนาดเล็กซ่อนอยู่ในพุ่มเจกัน หวังจะฟังเสียงของคนที่ตัวเองรัก ใครจะไปรู้ ผู้หญิงที่ตนเองรักนั้นกลับเป็นหญิงใบ้คนหนึ่ง สุดท้าย หญิงสาวคนนี้ได้หลีกทางให้เขาไปรักกับอู๋เป่าเชียง ในเรื่องนั้น ได้ร่วมงานกับหลินซินหยู, เซี๊ยะถิงฟง, หยงเจ่เอ๋อฅ, หวูเฉิงจิน เป็นต้น และได้นำเพลงในอัลบั้ม “คุณมีความสุขหรือเปล่า” เป็นเพลงนำในภาพยนตร์

แนะนำตัวละคร





ซูโหย่วเผิง รับบท ซือซื่อจื่อ



เซียถิงฟง รับบท เฟอร์รี่



หยงจู่เอ๋อ รับบท อู่เป่าซาง



หลินซินหยู รับบท ซือเหวินจิ้น



อู๋เฉินจวิน รับบท เสี่ยวชิง

303
Movies / 1999 Cotton Fleece [หม่าเฉิงกัง]
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 11:48:40 AM »


more https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.898727130238132.1073741898.100003025613301&type=3&uploaded=27

Movies : ตุลาคม 1999 :ได้แสดงภาพยนตร์เรื่องที่เขียนใหม่จากวรรณกรรม “ไป๋เหมียนฮัว” (Cotton Fleece) (หลี่ซงเฉียวกำกับ) ได้รับบทเป็นเด็กชนบท หม่าเฉิงกง ที่แอบรักผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุของเธอแก่กว่าเขาตั้งหลายปี ได้ร่วมงานกับ หนิงจิ้ง, ตู้จงหัว เป็นต้น

แนะนำตัวละคร



ซูโหย่วเผิง รับบท หม่าเฉิงกง




หนังจิ้ง รับบท ฟังปี้ยี่



จงหง รับบท ลี่จื้อเกา




304
Movies / 1990 Wandering Heroes [เสี่ยวไกว ]
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 09:44:51 AM »


more
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.877900415654137.1073741858.100003025613301&type=3&uploaded=16

Movies : กุมภาพันธ์ 1990 :แสดงภาพยนตร์เรื่อง "Wandering Heroes" ก็ยังอยู่ในช่วงเวลาของการก่อตั้ง “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ร่วมงานกับเพื่อนที่ดีอย่าง อู๋ฉี่หลง เฉินจื้อเผิง (ก็คือต่อมาในเรื่อง “องค์หญิงกำมะลอ” แสดงเป็น “เอ่อไท้” ) ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์ด้วยกัน เรื่อง “หาวเสี่ยวจื่อ”ตอนที่เก้า ชื่อตอน “โหยวเสียเอ๋อ” เป็นครั้งแรก “แสดงบทนำ” โดยแสดงเป็นคนชอบทดลองกลไกทางวิทย์ อีกทั้งยังมีลักษณะของเด็กมัธยมปลายอย่าง “เสี่ยวไกว” (ไกวไกวหู่) จากนี้เป็นต้นไปทำให้คนรู้จักฉายานี้ และฉายานี้ก็ทำให้เขาปวดหัวมาก และได้ร่วมร้องเพลงประกอบหนังอีกด้วย ชื่อเพลง “ฮีโร่วัยรุ่น” (เสี่ยวหู่ตุ้ยประสบความสำเร็จ เดือนกุมภาพันธ์ 1990 สมาชิกวงเสี่ยวหู่ตุ้ย มีอู๋ฉี่หลง เฉินจื้อเผิงและซูโหย่วเผิง ก็ถูกทาบทามให้มาเล่นเรื่อง"Wandering Heroes(โหย่วเซียเอ๋อ ) บทบาทเรื่องนี้โหย่วเผิง เล่นเป็นเด็กมัธยมปลายที่ฉลาด อีกทั้งเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกวงเสือน้อย และตอนนั้นเขายังดูเป็นคนว่านอนสอนง่าย จึงได้ฉายานาม ว่า เสี่ยวไกว หรือไกว ๆ หู่ค่ะ ซึ่งแปลว่า เสือน้อย ตามวง และ เสือเชื่องค่ะ)




<a href="http://www.youtube.com/v/WM7hPHofX6Q" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/WM7hPHofX6Q</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/?v=j1Z7_XiOOFs" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/?v=j1Z7_XiOOFs</a>

305
Magazine Interviews-China / 2010 Men's Uno
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 07:17:47 AM »
บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จาก นิตยสาร Men's Uno พฤษภาคม 2010

http://tieba.baidu.com/f?kz=764803729
http://tieba.baidu.com/f?kz=766074047
http://hi.baidu.com/alecsulingling/album/Alecsu


7 พฤษภาคม 2010  โหย่วเผิงยังมีฝันอีกมากมายที่จะไปไขว่คว้า


ก่อนที่จะไปสัมภาษณ์โหย่วเผิงนั้น จิตใจไม่นิ่งเลย เพราะคิดถึงตอนที่จะเผชิญกับหน้าเขา เสมือนได้เผชิญกับวัยหนุ่มสาวของตัวเอง ความทรงจำก็จะหวนกลับไปถึงสมัยปี 80 90 (ปีของไต้หวัน ปัจจุบัน 99) สมัยนั้นยังอยู่ในวัยรุ่น ไร้ความเครียดความกังวน และหลายปีที่ผ่านมานี้ สำหรับหลายคนแล้ว เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย และสำหรับโหย่วเผิงแล้ว วันเวลาได้พริกผันชีวิตของไปไม่น้อย

เหตุเพราะซื่อใส จึงกลายเป็นความคลากสิก

เมื่อเอ่ยถึงเสี่ยวหู่ตุ้ย โหย่วเผิงที่นั่งในกองถ่ายได้ถอนหายใจ บริษัทที่ได้ปั้นพวกเขาขึ้นมานั้นเป็นบริษัทมืออาชีพมากๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนของเสี่ยวหู่ตุ้ย จะตอนเริ่มต้น หรือตอนต่างคนต่างบิน หรือแม้แต่การมารวมตัวใหม่และเพลงต่างๆที่ได้ร้องก็ล้วนได้สานสร้างความผูกพันระหว่างพวกเขากับแฟนๆอย่างลึกซึ้ง และด้วยเหตุนี้เอง คนในปี 70 80  ต่างก็ล้วนได้ร้องเพลงและจดจำเพลงของพวกเขาได้อย่างไม่ลืม แล้วเมื่อมาจนถึงวันนี้ ถึงจะเริ่มมาใคร่ครวญความหมายของเนื้อเพลงและเข้าใจว่ากำลังสื่ออะไร จึงทำให้รู้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วตอนนั้นพวกเขาร้องเพลงเหล่านี้นั้นได้สื่อไรบ้าง

ฉะนั้น ก่อนที่จะมีการวางแผนเชิญพวกเขาสามคนมารวมตัวกันในคือตรุษจีนนั้น ทางทีมงานก็ได้ไปทำการบ้านโดยการเอาเพลงของพวกเขามาเปิดฟัง ทำให้หลายคนกลั้นน้ำไม่ไม่อยู่ และมาถึงคืนวันงาน ก็ยิ่งมีบรรยากาศอย่างนั้นหลายเท่า

“ตอนนั้น พวกเราต่างก็มีหลักการของตัวเอง มีเงินมากมายสามารถไปหาได้แต่ก็ไม่ทำ ตอนนั้นอยู่ที่ไต้หวัน จริงๆแล้วแฟชั่นมากๆคือการแต่งตัวขึ้นเวที ทั้งนักร้องศิลปินต่างก็ล้วนใส่ชุดของตัวเองแวววาวจนแสบตามาก ช่วงที่ดังมากๆคือตอนอยู่ภาคกลางและใต้ แค่ศิลปินคนเดียวคือเดียวสามารถออกหลายๆรายการ ได้เงินเป็นกอบเป็นกำเลย แต่ว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นไม่ได้ไปทำในลักษณะอย่างนี้เลย ทางบริษัทนั้นอยากจะให้เรารักษาภาพลักษณ์ที่ดีไว้ เสี่ยวหู่ตุ้ยเลยกลายเป็นอย่างนี้คือ ร้องเพลงจะดังมากๆ ต่อมาก็แยกทางกันไป ไม่เคยมีประสบการณ์ที่ตกต่ำ ด้วยเหตุนี้เอง สงสัยทำให้เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นคลาสสิก


306
Magazine Interviews-China / 2010 New Roles, New Looks
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 06:21:23 AM »
Thanks, http://lady.163.com/10/0420/14/64NIOHU8002626K5.html

20 เมษายน 2010   New Roles, New Looks


โหย่วเผิงที่มีความหลากหลาย

โหย่วเผิงบอกว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่ไม่ค่อยมาความอดทน ชอบเปลี่ยนแปลง เบื่อหน่ายกับเรื่องเดิมๆ มีเพียงบทละครรูปแบบใหม่ๆหรือภาพลักษณ์ใหม่ๆถึงจะเป็นทีสนใจสำหรับเขา และภาพลักษณ์เก่าๆในอดีตนั้นได้สิ้นสุดลงไปแล้ว 

เขียนโดย/หวังวุ้ยม่อ

โหย่วเผิงที่อยู่ต่อหน้าสีผิวที่ดูคล้ำๆหน่อย มีการไว้หนวดไว้คราว และทรงผมที่หนาๆได้หวีไปข้างหลัง เป็นภาพที่แตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเทิง หนุ่มหล่อคนนี้ได้สิ้นสุดของการเป็นภาพลักาณ์ที่ดีๆในสมัยอดีตไปแล้ว เหลือไว้แต่เพียงร้อยยิ้มที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ในอดีต ทำให้คุณรู้สึกว่าใบหน้าที่เปรียนไปด้วยรอยยิ้มของเขานั้นได้สร้างความหลงไหลให้กับบรรดาสาวๆอย่างไม่เสื่อมคลาย ตอนแรกๆที่เริ่มถ่ายแบบนั้น เขาก็เหมือนจะแข็งๆไม่เป็นธรรมชาติ ช่างถ่ายได้บอกว่า เหมือนกับว่าเขากำลังซ่อนเล้นอะไรบางอย่างไว้ “จริงๆแล้วผมสามารถที่จะปล่อยสบายๆได้อีกเยอะ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือว่าถ้าบ่อยอย่างนั้นแล้วมันจะออกมาดูดีหรือเปล่า?” โหย่วเผิงกล่าว ตัวเขาในอดีตนั้นไม่เคยใส่กาบงเกงขาสั้นในการถ่ายแบบเลย กับการที่จะถ่ายแบบแบบเห็นขาอ่อนนั้นเขาก็รู้สึกเขินบ้าง แต่ครั้งนี้หลังจากถ่ายเสร็จแล้วมาดูผลงาน ก็รู้สึกตกใจเหมือนกันว่ามันออกมาได้ดีมากๆเลย และยังได้กำชับให้ช่างภาพว่าต้องล้างรูปเหล่านี้ให้ด้วยเพื่อจะเก็บไว้เป็นทีระลึก แต่อยากไปคิดเลยนะว่าโหย่วเผิงจะเอารูปเหล่านี้มาโชว์บนเว็ปไซล์ของเขา “นั้นไม่ใช่นิสัยของผม”

โหย่วเผิงบอกว่าตัวเองนั้นไม่ค่อยมีความอดทน ชอบการเปลี่ยนแปล ไม่ชอบการซ้ำๆ มีเพียงบทละครรูปแบบใหม่ๆหรือภาพลักษณ์ใหม่ๆถึงจะเป็นทีสนใจสำหรับเขา “เข้าสู่วงการหลายปีแล้ว ตอนนี้ก็จะไปลองรับบทที่ไม่เหมือนกันบ้าง ไม่จะเป็นเรื่องการแสดง หรือการถ่ายแบบก็ตาม ก็อยากจะเห็นตัวเองมีหลายๆสไตน์” ฉะนั้นเขาในตอนนี้นั้นก็ยังมีความสุขกับการลองเล่นบทไม่เหมือนกัน “เป็นบทที่สุดยอดมากๆ” แต่ก็ไม่ใช่เป็นการวัดฝีมือการแสดงของเขา แต่เพราะรักชอบสไตล์เหล่านั้นต่างหาก “ขณะที่ไปเล่นบทใหม่ๆนั้นก็กังวลใจว่าผู้ชมจะรู้สึกอย่างไร ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรับได้ไหม ตอนนี้ผมเองก็รู้สึกว่าก็ไม่เป็นไร จะไปเอาใจทุกคนก็ไม่ถูก เพียงแค่คิดไว้อย่างไร ก็ให้ไปทำอย่างนั้น แย่สุดๆก็แค่คนอื่นไม่ดูคุณเท่านั้นเอง” โหย่วเผิงไม่ต้อมมาพูดถ่อมตัวเอง พวกเราได้ชื่นชอบโหย่วเผิงที่ไม่เหมือนเดิมกันแล้ว




307
Magazine Interviews-China / 2010 Mr. Modern Magazing
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 05:55:00 AM »
นิตยสาร Mr.modern  5 พฤษภาคม 2010


ซูโหย่วเผิง . ชีวิตไม่ใช่ส่งการบ้าน

ก่อนจะเห็นโหย่วเผิง เขาในภาพจินตนาการณ์ของผมนั้น— การเปลี่ยนแปลงทุกครั้งของเขานั้นมีความพิเศษมากๆ ทุกช่วงชีวิตของเขาก็เหมือนกับการสร้างรากฐานให้กับชีวิต เหมือนกับการสร้างบ้าน เพราะรากฐานชีวิตของเขานั้นมั่นคงมากๆ ฉะนั้นเมื่อสร้างสูงขึ้นไปเท่าไรก็ไม่กลัวลมพัดฝนสาด ในแวดวงบันเทิงก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน หลังจากที่ได้เจอเขาแล้ว ตัวจริงของเขานั้นให้ความรู้สึกอย่างนี้ –แน่นอนเขานั้นอยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะต้องทำให้มีดีมากๆจนเวอร์ไป แท้จริงแล้วการจะเห็นแก่ผลลัพท์ของงานนั้นไม่ใช่เป็นตัวตนของเขา โหย่วเผิงนั้นอย่างน้อยเขาก็มีความพึ่งพอใจกับสิ่งทีตนมีอยู่

ในสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นโหย่วเผิงก็เสมือนตัวหนอนเพลงในอัลบั้มชิงผิงก่อเล่อเหยียน แล้วได้มีประสบการณ์มากมายจากงานการร้องเพลงการแสดง จนในที่สุดตัวหนอนได้กลายเป็นผีเสื้อก็ช่วงเรื่องของเฟิงเซิง หากว่าตัวหนอนก่อนที่จะเป็นผีเสื้อนั้นไม่ชอบตัวของตัวเอง คิดว่าการมีปีกบินถึงจะครบบริบูรณ์นั้น ถ้าอย่างนั้นรอจนถึงเขามีปีกแล้วก็คงจะไม่มีความกล้าที่จะบินขึ้นไป โหย่วเผิงในวันนี้แน่นอนจะไปรับเล่นบทที่เหมือนเด็กๆแบบน่ารักๆอย่างในอดีตก็คงไม่ได้้ แต่เขาเองก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธว่าตัวเองนั้นเคยเป็นคนแบบนั้น ฉะนั้นมาจนถึงวันนี้ถึงสามารถที่จะยืนหยัดได้และสามารถที่จะเป็นไป๋เสี่ยวเหนียนได้ โหย่วเผิงได้เรียนรู้มากมายจากการเปลี่ยนแปลของแต่ละช่วงชีวิต และวิชาที่เขาได้เรียนรู้นั้นหากมารวบร่วมแล้วก็น่าจะสรุปได้เจ็ดคำ ชีวิตไม่ใช่ส่งการบ้าน



การดื้อดึง

คนคนหนึ่งที่ไปปลดปล่อยการเป็นทาส คนคนหนึ่งที่ได้ร้องเพลงเสียงดีในเรื่องตามหาพี่หลิวซัน ยังมีอีกบทบาทหนึ่งที่ยังหุบไว้ไม่พูดออกมา สิ่งเหล่านี้จะให้เราได้เห็นต่อจากบทของไป๋เสี่ยวเหนียนแล้ว นี่เป็นผลงานต่างๆในรอบปี๒๐๑๐ของเขา มันเห็นได้ชัดมากๆว่าการที่เขาได้ทุกเทกับผลงานต่างๆเหล่านี้ให้เห็นว่าภาพลักอดีตของเขานั้นมันถูกทิ้งไปแล้ว ไกวๆหู่ที่ทุกคนคุ้นเคยนั้นกลับไม่เชื่อฟังแล้ว โดยเฉพาะในเลือดนั้นยังมีความดื้อดึงไม่ยอมฟังอยู่ด้วย

ตัวเออที่เริ่มแรกนั้นมาจะอัลบั้ม(ไจ้เจี้ยน) เหตุมาจากจื้อเผิงนั้นจะต้องไปเกณฑ์ทหาร ทำให้เสี่ยวหู่ตุ้ยจำต้องเลิกลากันไป และเอ็มวีของเพลง(ไจ้เจี้ยน)นั้นทำให้ฝังใจลึกมาก ปราถนาที่จะเห็นโหย่วเผิงร้องให้บนเวที “ผมนั้นจะร้องอย่างไรก็ร้องไม่ออกมา ทุกคนก็กังวลมากๆ บ้างก็ไปหาของขวัญที่แฟนเพลงส่งมาให้ดู แล้วบ้างก็เอาโน๊ดสั้นที่แฟนๆเขียนให้ผมมาให้ผมอ่าน อยากจะช่วยอารมณ์ผม” แต่ใบหน้าโหย่วเผิงนั้นเห็นรอยยิ้มออกมาบ้าง “เพราะว่าทุกคนก็คิดว่าจะต้องลาจากกันแล้ว การจากกันนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่เศร้าใจมาก คุณน่าจะร้องไห้ออกมาง่ายๆ แต่ปัญหาคือ ผมคิดว่าการพบกันจากกันของมนุษย์เรานั้นเป็นเรื่องธรรมดา ทำไมต้องร้องไห้ด้วย”

“จริงๆแล้วผมเป็นคนที่ร้ายพอสมควร แม้ว่าจะว่าผมสุดดื้อไม่ได้ถึงขนาดนั้นก็ตาม แต่ผมเองก็ไม่ใช่เป็นเด็กที่เชื่อฟังอะไรประมาณนั้น” การพูดของโหย่วเผิงนั้นรวดเร็วมาก น้ำเสียงชัดเจน “จริงๆแล้วผมพูดกับทุกคนตลอดว่าผมเป็นคนอย่างนี้แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ฉะนั้นผมก็เลยต้องมารับเล่นบทไป๋เสี่ยวเหนียน จะมาสร้างภาพที่ตรงข้ามกับไกวๆหู่แบบหน้ามือหลังมือเลย เพราะทุกคนไม่เชื่อว่าผมเป็นคนดื้อไม่ใชหรือ ดี งั้นผมจะทำให้ทุกคนเห็น ครั้งนี้คงจะเชื่อแล้วสิ

จริงๆแล้วบทไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นหาใช่เป็นการดื้อร้ายครั้งแรกของโหย่วเผิง ในช่วงปีสามของการเรียนมหาลัยนั้น เหตุเพราะอยากจะย้ายคณะไม่สำเร็จ สุดท้ายตัวเองตัดสินใจลาออก “ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เสี่ยวหู่ตุ้ยดังระเบิด ก่อนจะลาออกนั้น ผมเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง เป็นนักเรียนต้นแบบ เป็นศิลปินสุเปอร์สตาร์เด็กของวงการบันเทิง จากการที่ลาออกของครั้งนั้นได้ทำลายภาพของนักเรียนดีเด่นสิ้นเชิงไปแล้ว หลายคนรับไม่ได้กับการดื้อดึงอย่างนี้ของโหย่วเผิง” โหย่วเผิงได้หวนคิดและกล่าวว่า “ ตอนนั้นเสมือนครูนับพันมาแนะนำเลย เพราะทุกวันหน้าหนังสือพิมพ์จะมีการเขียนข่าวต่อว่าเป็นครึ่งๆหน้า สุดท้ายตัวเองทนไม่ได้ แล้วได้แบกกระเป๋า เดินทางไปที่อังกฤษ”

วันนี้ได้รื้ออดีตมาพูดนั้น โหย่วเผิงที่อายุกว่าสามสิบนั้นเห็นได้ว่าเขาไม่โกรธอีกแล้ว “การลากออกจากมหาลัยนั้นใช่ว่าจะเป็นการล้มเหลวในชีวิตผม แต่มันก็นับได้ว่าเป็นการทำสิ่งที่ในชีวิตไม่สำเร็จ ตอนนั้นอายุยังน้อยและชอบใช้อารมณ์ สิ่งที่แย่ที่สุดคือการเอาแต่ความรู้สึกของตัวเอง และคิดถึงคนอื่นนั้นมีน้อยมาก มันเป็นการกระโดดจากขอบด้านหนึ่งไปขอบอีกด้านหนึ่ง จริงๆแล้วใช่ว่ายืนอยู่ตรงจุดใจกลาง” อย่างไรก็ตาม เขาเองก็ยังยืนกลานว่าตัวเองนั้นไม่ได้ผิดอะไร เพราะว่า “ชีวิตนั้นใช่ว่าเป็นการส่งการบ้าน” การทำในสิ่งที่ตนเองชอบและไม่ทำตามในสิ่งที่ผู้อื่นอยากให้เป็น นั่นถึงจะเป็นชีวิตที่แท้จริง ถึงจะเป็นชีวิตที่โหย่วเผิงต้องการ แต่ละครั้งที่ผมเปลี่ยนแปลงนั้นก็ล้วนจะมีคนมาให้ความเห็น แต่ว่า ก็ฟังๆไปฮ่าๆ

โหย่วเผิงที่เรียนรู้ที่จะรักใครๆนั้น เขาเป้ฯคนที่ไม่ค่อยชอบทำอะไรที่ซ้ำๆซากๆ ไม่ชอบนิ่งอยู่กับที่ ไม่ชอบแสดงบทเดิมๆ ไม่ชอบกดอารมณ์ความรู้สึกจริงๆของตัวเอง บางครั้งเขาก็ใจร้อน บางครั้งก็ปล่อยตัวอิสระ บางครั้งก็ท่องไปอย่างไร้เป้าหมาย บางครั้งก็เป็นคนจริงใจจริงจัง เขาไม่เคยปกปิดจุดด้อยของตนเอง


308
Magazine Interviews-China / 2010 Life Style
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 05:18:35 AM »
http://tieba.baidu.com/f?kz=752065437

บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จาก นิตยสาร Life Style 19 เมษายน 2010 เล่มที่ 29


โหย่วเผิง : จะไม่เข้าตามตรอกออกตามซอย

อากาศยามเข้าฤดูใบไม้ผลิของปักกิ่งนั้นยังเหน็บหนาวอยู่ สภาพที่หนาวอย่างนี้นั้นทำให้หลายๆคนไม่ค่อยมีชีวิตชีวา แต่นั่นไม่รวมโหย่วเผิงที่กำลังถ่ายแบบอยู่ ทั้งวันนั้นเขาแฮปปี้มากๆ นอกจากการแต่งตัวที่ดูดีของเขาแล้ว เขายังพูดจาหยอกล้อกับบรรดาทีมงาน และยังหาอุปกรณ์เสริมการถ่ายให้กับตัวเอง ได้เก๊กท่าต่างๆนาๆ จนทำให้ช่างภาพกดปุ่มถ่ายภาพอย่างไม่ยั้งมือเลย จริงๆแล้วมือของเขาได้ถือกุหลาบแห้งดอกหนึ่ง ดอกนั้นน่าจะได้มาจากสาวสวยที่มาในงานถ่ายแบบ

โหย่วเผิงนั้น Nice มากๆ ไม่ว่าใครจะแนะนำให้เขาทำท่าแบบไหนก็ไม่เกี่ยง เขาทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี แต่ว่ามีอยู่อย่างหนึ่งที่เขาแม้ตายก็จะไม่ยอมทำ นั่นคือการเข้าตามตรอกออกตามซอย หรือเป็นระเบียบเหมือนกับของเก่า เขาได้พูดว่า “ผมไม่ชอบอะไรที่ปกติธรรมดามากๆ”ใช่ คนที่อยู่ต่อหน้าเราเป็นโหย่วเผิง แล้วไกวๆหู่เป็นใคร?

ทำไมผมจะลาออกจากการเรียนไม่ได้

หากดูตามคำพูดของโหย่วเผิงแล้ว เมื่อเขาเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงก็ได้รับเป็นเด็กเทพ เป็นเด็กที่ทั้งเรียนดีร้องดีไปหมด มีฉายาไกวๆหู่ ด้านหนึ่งนั้นเป็นเพราะโหย่วเผิงดังแต่เด็ก และอีกด้านหนึ่งนั้นกลายเป็นฉายาที่ลบไม่ออกตลอดชีวิต

ฉายานี้ได้ติดตรึมอยู่ตรงนั้น โหย่วเผิงได้แต่เลือกว่าจะเดินไปซ้ายหรือขวา ทางขาวก็จะเป็นขวัญใจดาราไปตลอดชีวิต ทางซ้ายนั้นจะเป็นทางที่ไม่รู้อนาคตว่าจะเป็นอย่างไร อาจเป็นเพราะนิสัยที่ไม่ค่อยจะเชื่อฟัง โหย่วเผิงได้เลือกที่จะเดินในทางดื้อดึงไม่สนใจภาพลักษณ์ดีๆของอดีต


เขาอยากจะเป็นตัวของตัวเอง สุดท้ายเขาตัดสินใจไปอังกฤษ “ตอนนั้นผมเองก็ยังเจ็บปวดใจอยู่ อายุยังน้อย เรื่องการลาออกจากการเรียนนั้นเป็นเรื่องที่ให้ทุกคนต่อว่าด่าผม น่าจะเป็นเพราะว่าคนในสมัยนั้นคิดว่าการทำเรื่องอย่างนี้กับภาพของไกวๆหู่มันขัดแย้งกัน หลายคนรู้สึกว่าคุณไม่ควรที่จะทำอย่างนี้ โหย่วเผิงคุณเป็นคนที่เข้าตามตรอกออกตามซอยมิใช่หรือ แล้วทำเรื่องอย่างนี้ได้อย่างไง อาจเป็นเพราะว่าทางค่ายได้สร้างภาพลักษณ์ผมให้ดีเกินไป

พูดแล้วผมในทำนองที่ดีไร้ทีติ ว่าโหย่วเผิงนั้นเป็นเด็กที่อัฉริยะ เก่งทั้งเรียนทั้งร้อง คนแบบนี้จะลาออกจากการเรียนได้อย่างไร จริงๆแล้วตอนนั้นผมกดดันมากๆ การที่ผมตัดสินใจไปที่อังกฤษนั้นเหตุผลหนึ่งคือเบื่อกับการที่ทุกคนมาจ้องเพ่งเล็งในชีวิตผม อีกด้านหนึ่งคือการเรียนของผมนั้นเหมือนกับว่าเป็นการแสดงให้สังคมดู มันแปลกมากๆ เพราะในตอนนั้นขนาดผมจะเปลี่ยนคณะ ได้ข่าวว่าอาจารย์ยังต้องให้นักศึกษายกมือโหวดกันเลย ว่าโหย่วเผิงสามารถเปลี่ยนคณะได้ไหม”

การดื้ออย่างนี้นั้นยิ่งนำความสงสัยต่ออนาคตมาสู่โหย่วเผิง “ตอนนั้นผมมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าอนาคตสามารถทำอะไรได้บ้าง หาหนทางไม่เจอจริงๆ ดีที่สุดก็คงจะหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จัก เพราะหลายปีแล้วที่ถูกผู้คนจ้องมองตลอด จนทำให้ตัวเองลืมไปว่าแท้จริงแล้วตัวเองต้องการอะไร ในมุมที่ไม่มีใครมาจ้องมองนั้นผมจะมีความคิดอะไรใหม่ๆหรือเปล่า ฉะนั้นเลยอยากจะออกนอกประเทศ หาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักผม”

309
Magazine Interviews-China / 2010 Fashion Weekly
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 04:25:01 AM »
บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จากนิตยสาร Fashion Weekly
ประจำเดือน 25 มี.ค. - 7 เม.ย. 2010 เล่มที่ 5



310
Magazine Interviews-China / 2010 Men's Health
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 04:07:00 AM »
บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จาก นิตยสาร Men's Health 4 เมษายน 2010 ฉบับที่ 206




311
ซูโหย่วเผิงระลึกถึงไม่ดีกว่าพบกันใหม่หรือ


สมัยนั้น ขณะที่แฟนๆ เสี่ยวหู่ตุ้ย ล้นหลาม  ซูโหย่วเผิงก็ยังเป็นคนที่เด่นที่สุด และมาในตอนนี้  อู่ฉีหลงที่ได้หย่ากับภรรยากลายเป็นพ่อม่าย    เฉินจื้อเผิงเองที่อยากจะเอาอย่างพี่ใหญ่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ  มีแต่ซูโหย่วเผิง ที่เริ่มจากใบหน้าใสๆ อย่างเด็ก  จนมาถึงการเปลี่ยนแปลงที่มีภาพที่ดี  มีเพียงเขาเท่านั้น  ที่เหมาะสมรับตำแหน่งตัวตั้งตัวตีของ เสี่ยวหู่ตุ้ย ได้


การรวมตัวอีกนั้นได้ระเบิดอารมณ์อย่างไม่หยุด

                 ก่อนอื่น พวกเขาได้ร่วมย้อนอดีตเมื่อ10กว่าปีที่แล้วกับซูโหย่วเผิง ตอนนั้นจื้อเผิงได้เข้าไปเกณฑ์ทหาร  เสี่ยวหู่ตุ้ย ได้มีการแสดงสุดท้ายที่จะแยกจากัน “ตอนนั้นจื้อเผิงจะไปเกณฑ์ทหารพวกเราได้จัดคอนเสิร์ด “แล้วพบกันใหม่”กับแฟนๆ  จากนั้นตอนอยู่บนเวที จริงๆแล้วคือ  ก่อนขึ้นเวที ตัวผมเองก็เป็นคนที่เล็กที่สุด ไม่รู้ซึ้งถึงความรู้สึกของการลาจาก ไม่รู้เลยว่าทุกคนจะจากกันในทันใด”  “ต้องโทษที่ตอนนั้นอายุน้อย การลาจากอยู่ตรงหน้าก็ยังไม่รู้เลย”  วันนี้ให้ซูโหย่วเผิงหวนความทรงจำตอนนั้น มันน่าขำเหมือนกัน  คอนเสิร์ด แล้วพบกันใหม่ ครั้งนั้น  ซูโหย่วเผิงคิดว่าเป็นงานคอนเสิร์ดทั่วๆ ไปที่เคยจัด “ทันใดที่ได้ร้องเพลง “ชิงผิงก่อเล่อเหยียน” บนเวที  ก็รู้สึกว่าสมองมึนไปหมด  คิดขึ้นทันทีว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ขึ้นมาร้องหรือเปล่า?  ชั่วชีวิตนี้คงจะไม่มีโอกาสได้ร้องหรือเปล่า?  ผมไม่สบายใจในทันใด แล้วก็ร้องไห้ออกมา”

                 เมื่อมาเปรียบการการแสดงในงานราตรีตรุษจีนปีนี้นั้น   ถือว่าซูโหย่วเผิงนั้นเป็นคนที่ลำบากมากในการที่จะมาร่วมแสดง  และเวลาซ้อมนั้น ก็ตื่นเต้นมากๆ  ก่อนที่จะมีการแสดงหนึ่งเดือนนั้น  ซูโหย่วเผิงจะไม่ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องของ เสี่ยวหู่ตุ้ย เลย  และทางผู้จัดการส่วนตัวของเขาก็จะปิดกั้นด้วย  และเธอจะตอบว่า “ถามเรื่องอื่นได้ แต่ไม่ให้ถามเรื่องเสี่ยวหู่ตุ้ย”  มันเหมือนว่าเป็นการปิดกั้นสื่ออย่างนั้น  ทำให้ตอนหลังก็มีข่าวเกิดขึ้นมากมาย   เสี่ยวหู่ตุ้ยไม่สามารถจะรวมตัวกันได้นั้น  ปัญหานั้นอยู่ที่ตัวของซูโหย่วเผิง   จากนั้น และมีบางคนต่อว่าซูโหย่วเผิงว่า  เขาดังแล้วไม่ยอมไปเกี่ยวข้องกับเพื่อนอีก 2 คน  จริงๆแล้ว  หากเป็นความจริงก็ไม่เห็นจะเป็นไร  เพราะการทำอย่างนี้นั้นก็ใช่ว่าจะผิด  มีใครบ้างจะอยากทำลายอาชีพที่ตัวเองสร้างมาอย่างลำบาก  ให้กลับไปเป็นอย่างเดิมล่ะ  และยิ่งกว่านั้น  ตอนนั้นซูโหย่วเผิงพักการเรียนแล้วไปขยายงานที่จีน      2 คนที่เป็นพี่ชายนั้นก็ไม่เห็นมีใครมาช่วยหนุนเขา

         เสือน้อยทั้ง 3 คนก็กำลังเติบโต   อย่างไรก็ตาม  ซูโหย่วเผิงก็ยังเป็นน้องเล็กของเสี่ยวหู่ตุ้ย ทันทีที่ขึ้นซ้อมบนเวที  ก็ทำให้สีสันพุ่งขึ้น “ครั้งแรกที่ได้ซ้อมต่อหน้าผู้ชม พวกเราได้ลอยขึ้นมาจากใต้เวที  ดนตรีดังขึ้นมา จากนั้นคนที่อยู่ข้างล่างต่างก็ปรบมือ  ผมองก็รู้สึกว่ามีความสุขมากๆ อารมณ์ผมร้อนแรงขึ้นมา  ผมไม่รู้จะทำอย่างไร คุณรู้ไหม?  จากนั้นอารมณ์ก็พุ่งขึ้น จากนั้นก็มายืนอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง  จากนั้นเสียงดนตรีก็ได้ดังขึ้น  ผมก็รู้สึกเหมือนกับกลับเข้าสู่เสี่ยวหุ่ตุ้ย แล้วความรู้สึกอย่างนั้นก็อั้นไม่อยู่ จากนั้นมาถึงเพลงที่ 2 อารมณ์ถึงจะนิ่ง และมาถึงเพลงที่ 3 “ชิงผิงก่อเล่อเหยียน”   เพราะว่านานแล้ว  ความรู้สึกของการเป็นขวัญใจนั้นมันหายไป และรู้ไหมว่านานแล้วที่ผมไม่ได้ขึ้นเวทีไปร้องเพลง”

             หากว่า เสี่ยวหู่ตุ้ย สามารถที่จะอิทธิพลคนรุ่นนั้น  ถ้าอย่างนั้น สามารถที่จะบอกได้ว่า ซูโหย่วเผิง นั้นสามารถมีอิทธิพลกับคนตั้ง 2 รุ่น   รุ่นแรกคือแฟนๆในสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ย   และอีกรุ่นหนึ่งคือ  เป็นแฟนคลับสมัยองค์หญิงกำมะลอ  นอกจากแฟนๆ 2 ยุคสมัยนี้แล้ว  ยังมีแฟนคลับรุ่นป้าน้าอามากมายที่ชื่นชอบเขา  สามารถที่จะทำให้คนมากมายชื่นชมเขา  สามารถที่จะเดินบนเส้นทางบันเทิงกว่า 10 ปี  สิ่งเหล่านี้นั้น  เป็นที่ภูมิใจของซูโหย่วเผิง  และยังเป็นที่ประทับใจสำหรับเขาด้วย   เขายังหวังว่าอีก 10 ปีข้างหน้านั้น   เขายังมีผลงานอีกมากมายให้ทุกคนชม สามารถที่จะให้ทุกคนเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเขา   ถ้าเช่นนี้ เชื่อว่าเขายังคงมีอิทธิพลต่อคนยุคหลังปี 90 อีกด้วย

การหวนอดีตไม่ใช่เป็นทุกอย่างของชีวต

                ราตรีปีเสือที่ เสี่ยวหู่ตุ้ย ได้รวมตัวกัน คนนับล้านรอคอยด้วยความตื่นเต้น หลายๆคนยังคิดว่า เสี่ยวหุ่ตุ้ย  น่าจะจะมาปรากฏที่ตงซัน   อย่างน้อยควรจะมีการจัดงานคอนเสิร์ดทัวร์ทั่วประเทศ   ซูโหย่วเผิงกลับปฏิเสธว่าเรื่องเหล่านี้เป็นไปได้ยาก ทำให้ทุกคนที่รอคอยนั้นต้องใจห่อใจเหี่ยว  ในเน็ตนั้นก็ได้มีข้อความต่อว่าซูโหย่วเผิงมากมาย  บ้างก็บอกว่าเขาเล่นตัว  สร้างความแตกแยก  แม้ข่าวจะออกมามากมาย  แต่ซูโหย่วเผิงก็ได้มีการตอบเหมือนกัน
เพราะว่าซูโหย่วเผิงนั้นเป็นคนที่ไม่อยากร่วมวง!
“คอนเสิร์ดแล้วพบการใหม่”ในครั้งที่แล้ว  ต้องรอเวลากว่า 10 ปี ถึงจะมาพบกันใหม่ แต่ซูโหย่วเผิงก็ยังคิดว่า เก็บไว้เป็นความทรงจำก็ยังจะดีกว่า “ผมคิดอยู่ตลอดเวลาว่า ความคลาสสิกของเสี่ยวหู่ตุ้ย นั้น  มันไม่เพียงแต่จะหมายถึงพวกเรา 3 คน   มันได้เปลี่ยนกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งไปแล้ว  ได้กลายเป็นสิ่งที่มีความหมายของวงการบันเทิงของชาวจีนไปแล้ว  ผมกล้าที่ให้พวกเรามารวมกันตลอดเวลา   มันคงจะไม่เหมือนกับความคิดของทุกคน  เพราะเราทุกคนล้วนมีสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน   ผมจะขอยกตัวอย่าง หากว่าไมเคิลยังอยู่   แล้วเขาจัดงานคอนเสิร์ด หากว่าเขาเต้นแล้วหกล้ม  ทุกคนก็คงคิดว่าหากว่าไม่จัดก็คงจะดีกว่า   ภาพลักษณ์ที่ดีๆ ที่มีในใจนั้น    กลับต้องมาถูกทำลายลงไปเพราะเหตุการเต้นแล้วหกล้มครั้งนี้  เสี่ยวหู่ตุ้ย ก็เหมือนกัน ผมไม่อยากจะทำลายมัน   เพราะว่าพวกเราไม่ได้เตรียมตัวมาดี   ก็จะทำให้ความคลาสสิกเสื่อมลงไป”

                      นี่เป็นจุดเด่นมีปัญญาของซูโหย่วเผิง  แต่ว่า ในความฉลาดนั้นก็มีความเลือดเย็นอยู่  และก็มีคนว่า ซูโหย่วเผิงไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์  เขากลับคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าขำ  เพราะชีวิตคนเราไม่ได้อยู่กับอดีต “จริงๆ แล้วคืนแสดงนั้น  ผมเองก็ตื้นตันใจมาก ได้คิดถึงอดีตมากมาย แต่ว่าอารมณ์อย่างอยู่  คุณก็จะรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของทุกคน  อีกอย่าง ผมเองก็รู้ว่าผมเป็นคนที่ชอบหวนอดีต  แต่ว่าชีวิตผมใช่ว่าจะอยู่แต่ในอดีต  ผมไม่อยากจะให้ชีวิตนั้นจมอยู่แต่อดีตทุกๆ วัน   ทุกคนจะเห็นได้จากเรื่อง เฟิงเซิง   แท้จริงแล้วผมเป็นคนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง  ผมนั้นมองไปข้างหน้า ไม่ชอบที่จะเดินถอยหลัง  ผมคิดว่านี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทุกคนยังชื่นชอบผมอยู่”

                        ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่ เสี่ยวหู่ตุ้ย แล้ว แต่เป็นยุคของ เฟิงเซิง แล้ว และครั้งนี้ที่ได้ยินเพลง “หูเตี๋ยเฟยยา”   ก็เพื่อจะย้อนหวนอดีต อดีตนั้นสามารถจะหวนคิดได้ แต่ไม่สามารถที่จะก๊อปปี้ได้  หากจะยืนกรานที่จะจัดคอนเสิร์ดเพื่อเรียกเรดติ้งของ เสี่ยวหู่ตุ้ย แล้ว  คงจะเป็นสิ่งที่เศร้า

                         อย่างไรก็ตาม  ซูโหย่วเผิงก็ยังบอกว่าความสัมพันธ์ของเขากับพี่ชายอีก 2 คนยังเหมือนกับว่าเพื่อนร่วมสงคราม  เป็นความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นแต่สมัยวัยเด็ก “ผมอยากจะยกตัวอย่างหนึ่ง   2 ปีก่อนผมไปอัดรายการหนึ่ง แขกผู้มีเกียรติที่ยืนอยู่ด้านหน้าผม คือจื้อเผิง และวันนั้นยังเป็นวันเกิดของเขาด้วย  ทางรายการได้ให้ผมเป็นคนส่งของขวัญวันเกิดให้กับเขา ตอนนั้นผมเองก็ได้ฟังเพลงใหม่ของเขาที่ร้องบนเวที ผมเห็นถึงประสบการณ์มากมายบนใบหน้าของเขา   ผมนั้นรู้สึกตื้นตันใจมาก   ตอนขึ้นเวทีผมเองก็อั้นอารมณ์ไม่อยู่แล้ว   และไม่รู้ว่าไปกอดเขาแต่เมื่อไหร่ ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา ความสัมพันธ์ของพวกเราทั้ง 3 คนนั้นเป็นเหมือนเพื่อนทหารร่วมรบด้วยกัน  จะไม่มีวันจางหายตลอดไป....


312
Thanks, http://ent.qq.com/a/20100304/000536.htm

โหย่วเผิงให้สัมภาษณ์กับสถานีหยางซื่อ 4 มีนาคม 2010


โหย่วเผิงบอกว่า “ผมได้ปฏิเสธ “ตำแหน่งยืนตรงกลาง”กับทางสถานียางซื่อ”

คืนที่ซ้อมการแสดงนั้น ขณะที่นักข่าวเจอโหย่วเผิง เขาได้รออยู่ด้านหลังสุดของห้องรับรอง นั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้  นิ่งเงียบไม่พูดกับผู้จัดการส่วนตัว

นักข่าวเข้าไปทักเขา  โหย่วเผิงได้ตอบรับอย่างใจเหม่อลอย ว่า “สวัสดี” มองจากสายตาของเขาเห็นถึงความเหนื่อยหล้าของเขา  อาจเป็นเพราะที่เขาไว้หนวดคราว ในคืนนั้นบรรดา 3 คนดูเหมือนเขาหน้าซีดที่สุด

วันนั้นเขาได้ตอบรับนัดให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเร็วเกินไป ตี 4 ของวันที่ 2 มีนาคม ทางนักข่าวได้รับจดหมายจากทางโหย่วเผิงอย่างตรงเวลา


ชิงเหนียนโจวม่อ : ตอนนั้นที่เสี่ยวหู่ตุ้ยต่างคนต่างบินนั้น วงในพวกคุณ 3 คนนั้น ได้มีการนัดหมายกันไหมว่า อนาคตจะมารวมตัวกันร้องเพลงอีก?

โหย่วเผิง : อื่ม ไม่มีนะ งานของพวกเรานั้นเป็นช่วงที่ไม่มีเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว  ตลาดหรืองานมาเป็นตัวกำหนดเส้นทางของพวกเรา จะก้าวไปที่ไหนนั้นพวกเราแทบจะกำหนดอะไรไม่ได้เลย ได้เพียงไปตามโชคชะตา

ชิงเหนียนโจวม่อ : จะเล่าเรื่องราวอดีต “บินไปอย่างสบายใจเลย” ได้ไหม?

โหย่วเผิง : ตอนนั้นจื้อเผิงไปเกณฑ์ทหาร จริงๆแล้วตัวเองก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากมาย เพราะคุณก็ทราบว่าตอนนั้นผมอายุยังน้อย เรื่องการจากกันนั้น  ตอนแรกๆก็ไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าไร รอจนถึงช่วงคอนเสิร์ด ไจ้เจี้ยน  ถึงจะรู้สึกว่าคงจะไม่มีโอกาสได้ร้อง “ชิงผิงก่อเล่อเหยียน” อีก จนตอนนั้นบนเวทีไม่สามารถที่จะกลั้นอารมณ์ตัวเอง

313
Movies / 2000 Devoted to You [อวี้ไห่]
« เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 04:24:30 PM »


more https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.898731776904334.1073741899.100003025613301&type=3&uploaded=13

Movies : พฤษภาคม 2001 :ได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง “รักครั้งนี้ไม่มีวันจาง” ร่วมกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้ร่วมงานเป็นเวลานานกับอู่ฉีหลง ได้รับบทเป็นลูกชายของอี้โหลย ชื่อ อี้ไห่

แนะนำตัวละคร



อู๋ฉีหลง รับบท อี๋ปอ



อี้เหลย รับบท ซินแย่



ซูโหย่วเผิง รับบท อี้ไห่

314
Movies / 1998 Red Bride [จางเซิง]
« เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 01:20:04 PM »




:电影《红娘》戏里戏外

more https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.898175680293277.1073741897.100003025613301&type=3&pnref=story

Movies : ปี 1998 :ต้นปีนี้ ได้แสดงนำในภาพยนตร์เรื่องละครดนตรีจีน “หงเหนียน-Red Bride” ซึ่งเป็นหนังเพลง ได้รับบทเป็น จางเซิง ที่เนื้อหาไม่เหมือนเรื่องเก่า ในเรื่องนั้น จางเซิง ที่เขาได้รับบทไปไม่เพียงแต่เก่งทั้งบู้และบุ๋นเท่านั้น เรื่องยังฉูดฉาดแบบไม่ธรรมดาอีกด้วย ไม่เพียงแค่รักชอบหญิงสูงศักดิ์อย่าง เชวยอิงอิง ซึ่งได้มีใจให้แก่เธอมานานแล้ว หลังจากที่เขาสอบได้จอมหงวนแล้ว และได้ตั้งใจว่าจะแต่งเธอเพื่อมาเป็นภรรยา และคิดจะให้ น่าหงเหนียง เป็นภรรยาคนรอง แต่คิดไม่ถึง หงเหนียง ได้ขอบคุณและปฏิเสธความหวังดีของเขา เหลือเพียง เชวยอิงอิง เพียงคนเดี่ยว ในเรื่องนั้น ได้ร่วมงานกับ หลิวเซี่ยน, เฉินลี่เฟิง, หวังฝูลี่ เป็นต้น และได้ร้องเพลงนำประกอบเรื่องด้วย

แนะนำตัวละคร




ซูโหย่วเผิง รับบท จางเซิง



รับบท เชี่ยอิงอิง



รับบท หงเหนียง



รับบท เล่าฮูหยิน

315
Movies / 2002 Reunion [จื่อชง]
« เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 05:50:52 PM »


more https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.898763680234477.1073741900.100003025613301&type=3&uploaded=71

Movies : สิงหาคม 2001 : ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์ของฮ่องกงเรื่อง “เพื่อเธอ เพื่อข้า กอดคอกันบ้าดีเดือด" - Reunion" ได้รับบทเป็นพี่รอง จางจื่อชง (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นซูจื้อเผิง) ในเรื่องนั้นได้ร่วมงานกับ ฟางปิงปิง, จางจื้อหลิน, พังหง ดาราใหม่, ลู่สูอี้เป็นต้น

แนะนำตัวละคร



จางจื้อหลิน รับบท จางเจียเจ๋อ



ซูโหย่วเผิง รับบท จางเจียชง



ฟางปิงปิง รับบท จางอี้ชิง



จางเข่ออี่ รับบท เสี่ยวซิง




Monica Lo รับบท ตงเฟ่ยเจิน





316
1992年12月苏有朋个人单飞第一张专辑《我只要你爱我》
http://www.tudou.com/programs/view/JPPAB2Bl5_s/?resourceId=0_06_02_99?fr=2

1992 I Only Want You To Love Me

http://mojim.com/cn100351x2.htm



I Only Want You To Love Me 我只要你愛我 (Wo Zhi Yao Ni Ai Wo)

Year: 1992
Company: UFO
Released Date: December 1992


01. 勇氣 Yong Qi (Courage)
02. 你我之間 Ni Wo Zhi Jian (Between You and Me)
03. 我真的真的好喜歡你 Wo Zhen De Zhen De Hao Xi Nuan Ni (I Really Really Like You)
04. 不同 Bu Tong (Different)
05. 遇上愛情就不聰明 Yu Shang Ai Qing Jiu Bu Cong Ming (Falling in Love Is Not Clever)
06. 我只要你愛我 Wo Zhi Yao Ni Ai Wo (I Only Want You To Love Me)
07. 否認 Fou Ren (Deny)
08. 獨立宣言 Du Li Xuan Yan (Personal Statement)
09. 我知道我在做什麼 Wo Zhi Dao Wo Zai Zuo Shen Me (I Know What I Am Doing)
10. 重視我的夢好嗎 Zhong Shi Wo De Meng Hao Ma (Pay Attention to My Dream, OK?)

317
Alec's Albums / 1993 Waiting for That Day-เติ้งไต่หน่าอี้เทียน
« เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 03:02:10 PM »
1993年7月苏有朋个人第二张专辑《等到那一天》
http://www.tudou.com/programs/view/nfIuT5r8ejA/?fr=rec1


1993 Waiting for That Day

http://mojim.com/cn100351x3.htm



Waiting for That Day 等到那一天 (Deng Dao Ni Yi Tian)

Year: 1993
Company: UFO
Release Date: July 1993


01. 等到那一天 (青春勁爆版) Deng Dao Na Yi Tian (Waiting for That Day remix)
02. 擦肩而過 Ca Jian Er Guo (Brushing Past)
03. 珍重吧!我的愛 Zhen Zhong Ba! Wo Di Ai (Take Care! My Love)
04. 當愛情迷惑了我 Dang Ai Qing Mi Huo Le Wo (When Bewitched by Love)
05. 把愛帶回你身邊 Ba Ai Dai Hui Ni Shen Bian (Bring Love to Your Side)
06. 回到從前 Hui Dao Cong Qian (Go Back to the Beginning)
07. 等到那一天 (年輕情懷版) Deng Dao Na Yi Tian (Wait until That Day)
08. 愛人的心是不是在乎 Ai Ren De Xin Shi Bu Shi Zai Hu Wo
(Does My Lover Care for Me)
09. 自作多情 Zi Zuo Duo Qing (My First Crush)
10. 你準備好了嗎 Ni Zhun Bei Hao Le Ma? (Are You Ready or Not?)

318
Alec's Albums / 1994 Cherished Backpack - เจินซี เต๋อเป้ยเปา
« เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 02:57:33 PM »
1994年3月苏有朋个人第三张专辑《珍惜的背包》
http://www.tudou.com/programs/view/U-P8vjKqx00/?fr=rec1


1994  Cherished Backpack

http://mojim.com/cn100351x4.htm



อัลบั้มที่ 3 : 1994 《珍惜的背包》 Zhen Xi De Bei Bao เจินซี เต๋อเป้ยเปา
Cherished Backpack


01-Zhen Xi (Cherish) / ความยึดมั่น/รักและถนอม

02-Bei Bao (Backpack) / เป้ใบใหญ่

03-Zhen Xin Chi Xin Huan Ni De Xin (Exchanging Your Heart With Sincerity) / การแลกเปลี่ยนหัวใจคุณกับความจริงใจ

04-Shang Xin De Gu Shi Tai Duo (Too Many Sufferings) / ความเจ็บปวดที่สะสม

05-Na Yi Chang Meng (That Dream) / ความฝันนั้น

06-Han Liu (Cold Wind) / ลมหนาว

07-Guan Yu Si Ji (Four Seasons) / ฤดู 4 ฤดู

08-Xin Shi Chong Chong (Abundant Ponderings) / การไตร่ตรองอย่างดียิ่ง

09-Si Zhen Si Jia (Like Real, Like Fake) / เหมือนความจริง,เหมือนความเท็จ

10-Fen Shou De Qing Shu (Good-Bye Letter) / จดหมายลา

319
Alec's Albums / 1994 Happens This Way - เจ้อป้านฝ่าเซิง
« เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 02:53:44 PM »
1994年8月苏有朋首张个人精选《这般发生》
http://www.tudou.com/playlist/p/l12574292.html

1994 Happens This Way
http://mojim.com/cn100351x11.htm



Happens This Way
這般發生 (Zhe Ban Fa Sheng)

Year: 1994
Company: UFO
Release Date: October 1994


01. 這般發生 Zhe Ban Fa Sheng (Happens This Way))
02. 愛人的心是不是在乎我 Ai Ren De Xin Shi Bu Shi Zai Hu Wo (Does My Lover Care for Me?)
03. 我的心你一定看得見 Wo De Xin Ni Yi Ding Kan De Jian (Surely You Can See Through My Feelings)
04. 遇上愛情就不聰明 Yu Shang Ai Qing Jiu Bu Cong Ming (Falling in Love Is Not Clever)
05. 我只要你愛我 Wo Zhi Yao Ni Ai Wo (I Just Want You To Love Me)
06. 分手的情書 Fen Shou De Qing Shu (Love Letter of Separation)
07. 真心痴心換你的心 Zhen Xin Chi Xin Huan Ni De Xin (Exchange My Sincerity and Infatuation for Your Love)
08. 擦肩而過 Ca Jian Er Guo (Brushing Past)
09. 天地一沙鷗 Tian Di Yi Sha Ou (One Seagull in the World)
10. 珍惜 Zhen Xi (Cherish)
11. 等到那一天 Deng Dao Na Yi Tian (Waiting for That Day)
12. 珍重吧!我的愛 Zhen Zhong Ba! Wo Di Ai (Take Care! My Love!)
13. 君子要動手 (粵語) Jun Zi Yao Dong Shou (Gentlemen Must Make the First Move)

320
Alec's Albums / 1994 Wound-ซังโข่ว
« เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 02:49:26 PM »
1994年11月苏有朋个人第四张专辑《伤口》
http://www.tudou.com/playlist/p/l12551324.html

1994 Wound
http://mojim.com/cn100351x1.htm



อัลบั้มที่ 5 : 1994 《伤口》 Shang kou (ซังโข่ว)
Wound 傷口 (Shang Kou)

Year: 1994
Company: UFO
Release Date: November 1994



01. 傷口 Shang Kou (Wound)
02. 無悔 Wu Hui (No Regrets)
03. 最愛你的人 Zui Ai Ni De Ren (The Person Who Loves You the Most)
04. 心怕痛 Xin Pa Tong (Heart Afraid of Pain)
05. 記得我的好 Ji De Wo De Hao (Remember the Good Things About Me)
06. 青鳥 Qing Niao (Green Bird)
07. 愛好苦 Ai Hao Ku (Love Is Bitter)
08. 我的朋友 Wo De Peng You (My Friend)
09. Fall in Love
10. 情傷 Qing Shang (Hurt by Love)

หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17 18 ... 21