Interviews [Thai Translation] | ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากจะรู้ ซึ่งไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน > SCOOPS & SPECIALS

เฉลิมฉลองครบรอบ 29 ปี จากวันนั้นถึงวันนี้ของ "ซูโหย่วเผิง"

<< < (2/8) > >>

Alec Love Me:


--มนต์รักในสายฝน --

ยังคงอ่อนเยาว์ แต่มีพลังทำลายล้างมากเมื่อเทียบกับองค์ชายห้า ตู้เฟยคือผู้ถูกรังแกที่ทำให้ผู้คนรักและสงสาร ตลกแต่กลับมีความจริงใจต่อผู้คน ไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายและต้นทุนใด ๆ แต่ยินดีที่จะทำเพื่อคนๆหนึ่ง เขาไม่ได้เก่งมากพอ แต่ก็ใช้ชีวิตแบบมีความสุขได้ และไม่ลืมที่จะคงเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีไว้ สำหรับเขาแล้วอำนาจทางด้านชื่อเสียงก็เพียงแค่นั้นแหละ อุปนิสัยแบบนี้ก็น่าจะเป็นซูโหย่วเผิงแหละ ที่กล้าจะควักเอาความจริงใจออกมา และกล้าที่จะทิ้งทุกอย่างแล้วทำตามสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้ ในทุกๆก้าวเดินล้วนแต่เป็นทิศทางของหัวใจ ไม่มีการดัดจริตมารยาสาไถใดๆ เพียงแค่อยากทำสิ่งที่เป็นตัวเองจริงๆ ความบริสุทธิ์ในตอนแรกนั้นจากที่ทำไม่ได้และทำใจไม่ได้ที่จะทิ้งไป ได้ใช้หัวใจที่เลื่อมใสศรัทธาในการต่อสู้กับเรื่องทางโลกอันสับสนวุ่นวาย

Alec Love Me:


-- เดชเซียวฮื่อยี้ --

ฮวยบ่อข่วย  ความไม่ขาดตกบกพร่องและไม่เสียใจ กลับงดงามจนทำให้ผู้คนหลงรัก  ชุดสีขาวอันพริ้วไหวอย่างรวดเร็ว พัดไม้ไผ่โบกไหวเบาๆ สายตาอันน่าสะพรึง ความเยาว์วัยนั้น ล้วนทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว บอกว่าไม่ขาด ไม่บกพร่อง แต่กลับขาดน้ำใจที่แท้จริงของมนุษย์ไปอย่างมากมาย ตั้งแต่เด็กก็ห่างไกลจากโลกมนุษย์  ปิดบังชื่อเสียง ปิดบังนิสัย แต่กลับปิดบังใจจริงไว้ไม่ได้เลย จิตใจก็ใสๆแบบนั้นแหละ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะโดนจองจำหัวใจ ก็ยังคงสามารถใช้พละกำลังของตัวเองไปตามหาหัวใจที่แท้จริงได้

มักจะคิดเสมอว่าการปรากฏตัวของฮวยบ่อข่วยจะทำให้ผู้คนรู้สึกรักสุดหัวใจ แต่เป็นเพราะการตีความของซูโหย่วเผิงนั้นทำให้ความไม่จริงกลายเป็นความจริงที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถลืมความงดงามในการพริ้วไหวตามสายลมของชุดสีขาวนั้นได้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถลืมแสงกระพริบระยิบระยับจากหน้าผากของอัจฉริยบุรุษผู้หยิ่งทะนงนี้ได้ หยิ่งทะนงแต่กลับไม่โดดเดี่ยว เป็นเพียงเพราะหัวใจดวงหนึ่งที่เดินตามทางของตัวเอง ถึงแม้จะก้าวพลาดไปหนึ่งก้าว แต่ก็ไม่เสียใจที่จะก้าวข้ามไป

Alec Love Me:


ขอบคุณที่เดินเคียงข้างกันบนเส้นทางนี้ เปิดตัวโหย่วเผิงครบรอบ 29 ปี

วันที่ 27 เดือนกรกฎาคม ปี 1988 เสียวหู่ตุ้ยได้กำเนิดขึ้นที่ไต้หวัน ในวงเสียวหู่ตุ้ยมีเสืออยู่ตัวหนึ่ง เป็นเสือที่ชอบเล่น ชอบเรียน ทั้งน่ารักทั้งฉลาด เป็นที่รักที่เอ็นดูของผู้ชม เขาคือเสือน้อยแสนรู้ ซูโหย่วเผิง

จำได้ว่า ปี 2000 ช่อง3 เอาละครเรื่ององค์หญิงกำมะลอมาออกอากาศ ซึ่งก็โด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง สร้างกระแส องค์หญิงกำมะลอ ฟีเวอร์ไปทั่วเอเชีย พูดตามตรงแอดมินไม่ชอบดูละครเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ไม่ได้มีความประทับใจอะไรกับละครเรื่ององค์หญิงกำมะลอเลย องค์ชายห้ายิ่งแล้วใหญ่ ไม่ได้มีความประทับใจใดๆเลย ในปีเดียวกันช่อง 3 เอา ละครเรื่องเดชเซียวฮื่อยี้มาออกอากาศต่อจนได้มาประทับใจบทบาท ฮวยบ่อข่วย นั้นหละหลงรักอย่างจัง งัง ^^

จากวันนั้นเป็นต้นมาก็ได้รู้จักซูโหย่วเผิง ความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นระหว่างกับเสียวหู่ตุ้ยก็น่าจะเริ่มจาก CCTV New Year's Gala ปี 2010 ตอนนั้นยังไม่รู้จักเสียวหู่ตุ้ย แต่พอเสียวหู่ตุ้ยได้กระโดดขึ้นมาอยู่บนเวที ก็กรี๊ดกร๊าดหนักมาก(กรี๊ดแต่โหย่วเผิง) จำได้ปี 2010 พี่หมิงแปลข่าวเรื่องราวของเสี่ยวหู้ตุ้ยในบ้านเผิงเยอะมาก บอกว่าหากป๊อปรักโหย่วเผิงก็ต้องสนใจอดีตของโหย่วเผิงด้วย จากตอนนั้นเป็นต้นมา ก็ได้รู้จักเสียวหู่ตุ้ย (พูดจริงๆเพิ่งจะมาสนใจเสี่ยวหู้ตุ้ยปี 2010 นี้เอง)

จำได้ปี 2002 โหย่วเผิงออกรายการทอล์คโชว์ในทีวี เขาพูดถึงเส้นทางการศึกษาของเขา รวมถึงเส้นทางทางศิลปะการแสดง แล้วก็ผลงานเพลงต่างๆของเขา ทันใดนั้น ก็เกิดความรู้สึกประทับใจในตัวเขา จากนั้นก็รีบหาอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในรายการทอล์คโชว์ของเขา รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเขา ความประทับใจที่เขามอบให้นั้นลึกซึ้งมากขึ้นทุกวัน

จนกระทั่ง 2005 ช่อง 3 ได้นำเรื่อง "รักข้ามขอบฟ้า" Love of the Aegean Sea มาออกอากาศอีกครั้ง คุณชายลู่เอินฉีมัดใจได้จริงๆ นับถือลู่เอินฉีจริงๆ ชอบลู่เอินฉี จากนั้นมา ก็ไม่สามารถลบซูโหย่วเผิงออกไปจากตำแหน่งในหัวใจได้เลย เข้าอินเตอร์เน็ตเพื่อสืบค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของเขา ถึงได้ล่วงรู้ว่าผลการเรียนของเขาดีมาก หน้าตาก็หล่อเหลาเอาการ มีแฟนคลับมากมาย จิตใจก็งดงามเหลือเกิน ก็ยิ่งชอบเขาขึ้นไปอีก จากนั้นก็เริ่มดูผลงานซีรีย์,ภาพยนต์,เกมส์โชว์,สัมภาษณ์ต่างๆมากขึ้น ประทับใจก็หลายเรื่องอยู่ค่ะเช่น  ยอดขุนศึกวีรบุรุษตระกูลหยาง ดาบมังกรหยก มนต์รักในสายฝน (เห็นตู้เฟยแล้วขำหนักมาก)องค์หญิงแสนซน ดูหนังของเขาแล้วก็ยิ่งชื่นชมนับถือในงานด้านศิลปะการแสดงของเขา ตั้งใจแล้วที่จะสนับสนุนผลงานการแสดงของเขา ฟังเพลงของซูโหย่วเผิงแล้วรู้สึกว่าเสียงของเขานั้นไพเราะจับใจเหลือเกิน จากนี้เป็นต้นไป เขาจะเป็นฮีโร่คนสุดท้ายในใจ ใครก็ไม่อาจเข้ามาแทนที่ได้

11 กันยายน 2010 ได้สร้างเว็บไซด์บ้านเผิงขึ้น , 20 ธันวาคม 2011 ไปสร้างเว็บเพจที่ facebook, 2012 (จำวันเดือนปีไม่ได้อ่ะ) แหะๆๆ สมัครเข้าใช้เวยป๋อ มีเพื่อนๆที่นั่นมากมายค่ะ แรกๆไม่กล้าคุย เพราะไม่รู้จักใครเลยไป เริ่มโพสต์รูปเป็น เริ่มแท็คชื่อโหย่วเผิงเป็น เริ่มทำนู้นี้นั้นเป็นก็มีเพื่อนๆเข้ามาทักทาย เขาคุยภาษาจีนอ่ะ กำจริงๆ เราก็ตอบเขาไปสั้นๆ ต่อมาก็ได้รู้จัก Micky,nhingo,star พูดคุยถูกคอกันมาก ทุกคนต่างก็เข้ากันได้ดี เมื่อวันเวลาค่อยๆผ่านไป ก็ได้หลงรักครอบครัวใหญ่นี้เข้าอย่างเต็มเปา

ชีวิตประจำวันกับการทำงานบางครั้งก็เครียด,บางครั้งก็เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่เขา ไม่ใช่ละครของเขา ไม่ใช่เพลงของเขา ก็เกรงว่าจะเป็นโรคเครียดไปแล้ว แต่เพราะมีเขาอยู่ ทำให้มีพลังมากโข ทุกวันใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขามักจะสนทนากับทุกคนในเวยป๋อ มีปฏิสัมพันธ์กับทุกคน มีความรู้สึกว่าเขาเป็นดาราที่ไม่เคยวางมาดใหญ่โตเลย ดาราแบบนี้หายากจริงๆนะค่ะ

ประทับใจคำพูดโหย่วเผิงจากรายการ "มีนัดกับเสี่ยวเยี่ยน" ปี 2002 ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า

我一定要争气,ผมจะต้องสู้แน่นอน
我一定要做到好,ผมจะต้องทำออกมาให้ดี
我要这些支持我的人,ตอนที่คนที่สนับสนุนผมเหล่านี้
出去告诉人家说,ออกไปบอกคนอื่นว่า
我的偶像是苏有朋的时候,ไอดอลของฉันคือซูโหย่วเผิง
让他们很光荣,ผมอยากให้พวกเขาภาคภูมิใจ
我会有这种感觉,ผมมีความรู้สึกแบบนี้
因为他们支持很多年,เพราะว่าเพวกเขาสนับสนุนผมมานาน
他们也陪我经过谷底,และพวกเขาก็ผ่านมรสุมไปพร้อมกับผม
他们没有离开我,พวกเขาไม่ได้ทอดทิ้งผม
要替他们争这口气,จะต้องช่วงชิงโอกาสนี้แทนพวกเขา
我会有这种想法 ผมคิดแบบนี้

ขอบคุณนะซูโหย่วเผิง ตอนที่คุณพูดประโยคนี้ ฉันรู้สึกภาคภูมิใจ มากจริงๆ ทุกวันนี้  เขาไม่ใช่เสือน้อยแสนรู้ผู้ใสซื่ออีกต่อไป เขาไว้หนวดเครา ความวัยเยาว์บนใบหน้าของเขาลดลงไปบ้างแล้ว แต่เพิ่มความเป็นผู้ใหญ่ลงไป มีคำพูดมากมายเหลือเกินที่อยากจะบอก จะเป็นกำลังใจให้เขาตลอดไป ขอให้เป็น 29 ปีที่มีความสุข พวกเราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า พรุ่งนี้จะต้องดีกว่าเดิม

Alec Love Me:


“เจินซี”(รักและถนอม)นับเป็นบทเพลงในตำนานที่อยู่ในส่วนลึกในใจของพวกเราเสมอมา โดยเฉพาะ ท่อนฮุก มันทำให้รู้สึกประทับใจจนน้ำตาไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ

โหย่วเผิงพูดในช่วงเล่นคอนเสริตปี 1995 ว่า :

(ตอนที่ผมอัดเสียง ทำอย่างไรก็คิดไม่ถึง ซักวันหนึ่ง ผมจำเป็นจะต้องแบกเป้ของตัวเองแล้วออกท่องเที่ยวพเนจร

ผมคิดมาตลอดว่าตัวผมเป็นคนอ่อนแอเวลาที่เจอกับความพ่ายแพ้ผิดหวังก็มักจะมองว่ามันไม่มีทางออกและรู้สึกอยากจะยอมแพ้เอามากๆ เป็นเพราะพวกคุณจริงๆที่มอบหน้าที่และพละกำลังให้กับผม ทำให้ผมในวันนี้ได้มายืนในจุดนี้ได้สิ่งที่ผมแบกรับตลอดมา

ตั้งแต่ที่ผมตัดสินใจพักการเรียน จริงๆแล้วไม่ว่าจะเป็นหลังจากพักการเรียนหรือจะเป็นก่อนหน้านั้นผมก็รับแรงกดดันหนักๆมาโดยตลอดอยู่ดี หนักมากๆเลยด้วย รวมไปถึงความรู้สึกในหัวใจของผมด้วยและกับโลกภายนอกอีก...

โอเค สัญญานะ  ว่าจะไม่ร้องไห้ แน่นอนว่า นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว สิ่งที่ผมอยากจะขอบคุณอีกก็คือวันนี้ที่มีพี่ๆน้องๆแฟนเพลงมาอยู่กันถึงหน้าเวที และยังมีเพื่อนๆทุกคนที่ในระยะเวลา 7 ปีมานี้ได้เคยให้การสนับสนุนผมมาก่อน จริงๆแล้วผมมักจะคิดว่าตัวเองเป็นคนที่อ่อนแอมาก เวลาที่เจอกับความพ่ายแพ้ผิดหวังก็มักจะมองว่ามันไม่มีทางออกและอยากจะยอมแพ้สุดๆ

พวกคุณคงไม่รู้หรอกว่าพวกคุณนี่แหละที่เป็นคนมอบหน้าที่และพลังให้ผมจนผมสามารถแบกรับเรื่องต่างๆมาเรื่อยๆจนสามารถมาถึงจุดนี้ได้ผมหวังว่าเมื่อผมออกนอกประเทศไปแล้วและเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกคุณประสบกับความพ่ายแพ้ผิดหวังขึ้นมาก็อย่าสิ้นหวังกันนะครับ ผมสามารถเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับพวกคุณได้ตลอดไป ขอบคุณครับ)

เพลง “เจินซี” (รักและถนอม)Cherish นี้กล่าวได้ว่าเป็นผลงานเพลงชิ้นสำคัญของโหย่วเผิงเลยก็ว่าได้มันเป็นผลงานเพลงที่ พวกเราชื่นชอบที่สุดเพลงหนึ่ง ยังมีกระป๋าเป้ Backpack, ความกล้าหาญCourage,ฉันเพียงต้องการเธอรักฉันI Only Want You To Love Me และอีกหลายๆเพลง

ได้ฟังเพลงนี้ในหลายๆเวอร์ชั่นที่แตกต่างกัน แต่ที่ชอบมากที่สุดก็คือการร้องออกมาด้วยเสียงหัวเราะพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้าของ โหย่วเผิง ในคอนเสิร์ต 95 ความคาดหวังในอนาคตที่สวยงามของวัยรุ่น จากที่สุดบนก้อนเมฆตกลงมาถึงจุดต่ำสุดของความลังเล ความสิ้นหวังที่ไม่มีใครเข้าใจ นำไปสู่การเลือกที่จะหลีกหนี หนีไปยังต่างประเทศซึ่ง เขาสามารถเนรเทศตัวเองให้ไปสัมผัสชีวิตของคนธรรมดาๆ เมื่อคนส่วนใหญ่ล้วนจากเขาไป ในเวลานี้เองสำหรับเขาแล้วทุกๆคนที่ยังคงอยู่ข้างกายเขานับเป็นสิ่งที่วิเศษณ์มาก เขาเลยพูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างสะอึกสะอื้น จริงๆเขาอยากจะหัวเราะแต่น้ำตาของเขามันไม่ยอมออกห่างจากเบ้าตาเลยซักนิด แรงกดดันที่หนักอึ้งนี้ไม่ควรจะมาอยู่บนบ่าของวัยรุ่นผู้อ่อนแอนี้ตั้งแต่แรก เขาไม่ใช่เทพนะ เขาเป็นแค่เด็กอายุ 22 เท่านั้น!

ทุกครั้งที่ได้ฟังเขาร้อง ใจก็ถูกผูกไว้อย่างเจ็บปวด เจ็บปวดมากๆ เมื่อกี๊นี้ก็เพึ่งจะฟังไปรอบหนึ่ง จู่ๆก็ทนไม่ไหวที่จะพิมพ์คำพูดที่เขาได้เคยพูดไว้ท่อนนั้นออกมา รู้สึกซาบซึ้งกับข้อความท่อนนั้น และเพื่อเส้นทางชีวิตที่ผ่านมาของโหย่วเผิงซึ่งมันไม่ใช่เส้นทางเดินที่ง่ายเลย!

คำพูดจริงๆของโหย่วเผิง

ซูโหย่วเผิง: มักจะมีคนออกมาแสดงความไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงของผมเสมอ

จากนักร้องไอดอลกลายมาเป็นดาราที่มีศักยภาพ ไม่ใช่ว่าศิลปินที่ป๊อบปูล่าจะสามารถข้ามผ่านเหตุการณ์พลิกผันแบบนี้ไปได้สำเร็จทุกคนซูโหย่วเผิงคนปัจจุบันได้ถอดความมึนงงสับสนสมัยวัยรุ่นของฉายา “ไกวไกวหู่” ในปีนั้นออกไป  เขาเอาทุกอย่างมามองอย่างเรียบง่าย เบาๆ แล้วพูดถึงการเปลี่ยนแปลงสไตล์ในระยะที่ผ่านมา เขาพูดไปหัวเราะไปว่า “มักจะต้องมีคนที่ออกมาแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของผมเสมอ แต่ว่า ใครจะสนล่ะ!”

ซูโหย่วเผิงพูดรำลึกถึงความหลังว่า “ในตอนนั้นมีคนออกมาชี้เยอะมากเลยจริงๆนะครับ ในทุกๆวันทุกๆครึ่งหน้าของหนังสือพิมพ์ก็จะมีแต่ข้อความด่าผมเต็มไปหมด”  ด้วยความเลือดร้อนเมื่อตอนสมัยวัยรุ่น ทำให้ความสุดขั้วในตัวเขาเปลี่ยนจากด้านหนึ่งไปเป็นอีกด้านหนึ่ง ถึงแม้มันจะไม่ใช่จุดที่อยู่กึ่งกลางแต่ทว่า เขาก็ยังมองว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรอยู่ดี เพราะ “ชีวิตไม่ใช่การส่งการบ้าน” ควรทำตามที่ใจตนเองปรารถนาไม่ใช่เสิร์ฟทุกอย่างตามที่คนอื่นต้องการให้เราเป็น ชีวิตแบบนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นชีวิตจริงๆ ถึงจะเป็นชีวิตที่ซูโหย่วเผิงต้องการ “มักจะต้องมีคนที่ออกมาแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของผมเสมอ แต่ว่า ใครจะสนล่ะ!555+”

คนที่ฝึกพูดสำเนียงห่อลิ้นและสกิล “ไม่แคร์สื่อ” ได้แล้วอย่างซูโหย่วเผิงจะไม่ชอบถ่ายภาพที่ไม่มีความแปลกใหม่ ไม่ชอบพักอยู่ในสถานที่ที่หนึ่งเป็นเวลานานๆ ไม่ชอบแสดงในบทบาทที่ซ้ำกับที่ตัวเองเคยแสดงมาก่อน ไม่ชอบปิดบังความรู้สึกจริงๆของตัวเอง บางทีก็ตะโกนอย่างเลือดร้อน บางทีก็เล่นสนุกแบบไม่เกรงใจ บางทีก็แอบนั่งอมทุกข์ บางทีก็เป็นคนใสๆและจริงใจ เขาไม่อำพรางจุดอ่อนของเขา แต่ก็ไม่ซ่อนเร้นความมีไมตรีจิตของตัวเองด้วยเช่นกัน

โดยภาพรวมแล้วชีวิตที่ผ่านมาของนักแสดงอย่างซูโหย่วเผิง เขาสามารถเล่นหนังแนวย้อนประวัติศาสตร์ก็ได้ แนวโมเดิร์นก็ได้ เล่นบทนักรบก็ได้ หรือรับบทเพี้ยนๆก็ได้ นับว่าเซ็ตสายงานภาพยนตร์หลักๆให้กับเขาได้ยากมากจริงๆ “อายุสี่สิบกว่าแล้ว ถ้าจะยังเล่นแนวอารมณ์คำพูดที่ลึกซึ้งหรือเล่นหนังแนวไอดอลโอปป้าอยู่ ความคิดก็คงจะมีปัญหาแน่ๆแหละครับ” เขาพูด ตอนนี้ผันตัวเองมาอยู่เบื้องหลังกำกับภาพยนต์มาแล้ว 2 เรื่อง ประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง แจ้งเกิดในฐานะใหม่ "ซูต่าว-sudao" ที่น้องๆทีมพลังอบอุ่นเรียกกัน ซึ่งเป็นชื่อที่ โหย่วเผิงบอกว่า ชอบจัง อิอิ

Alec Love Me:


เขียนโดย "ซ่งเหวินซ่าน" (พี่ซ่ง)   อดีตผู้จัดการส่วนตัวของ "วงเสี่ยวหู่ตุ้ย"

ความหลังของ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui   : ซูโหย่วเผิงการถูกเปลี่ยนตัวกับเหตุผลที่ว่ากลัวเรื่องเรียนแย่ไปนิด

หลังจากการรวมตัวกันของ [ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui] ปัญหาหนักๆในข้อแรกที่เข้ามาอยู่ตรงหน้าก็คือ พวกเขาทั้งสามล้วนเป็นเด็กเพียงแค่นักเรียน จึงห้ามทำอะไรก็ตามที่จะส่งผลเสียกับการเรียน โดยเฉพาะเด็กที่โตมาในครอบครัวคนจีนที่พ่อแม่มักจะมีความเชื่อว่าในวันข้างหน้าลูกๆจะออกไปทำอะไรที่ไหนก็ได้ แต่เรื่องการเรียนยังไงๆก็ห้ามทิ้งเด็ดขาด

และพ่อแม่ของซูโหย่วเผิงเองต่างก็ยืนหยัดในเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ เพราะในปีนั้นซูโหย่วเผิงกำลังเรียนอยู่ระดับชั้น ม.ต้น ซึ่งเขาเป็นนักเรียนที่โดดเด่นที่สุดในเครือโรงเรียนมัธยมเจี้ยนกั๋วแห่งไต้หวัน   ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเรียนสไตล์การเรียนหรือจะเป็นด้านของระเบียบวินัยและเกรดเฉลี่ยสำหรับการเลื่อนระดับชั้นก็ตามล้วนนับได้ว่าเป็นดาวเด่นในระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนเจี้ยนจง(โรงเรียนชายล้วน) ของไต้หวันที่ไม่เป็นสองรองใครเลยทีเดียว ซูโหย่วเผิงโตมาจากครอบครัวที่เข้มงวดกวดขัน พ่อแม่ของเขาต่างก็คาดหวังในตัวเขาสูงมาก

การที่ซูโหย่วเผิงเข้ามาร่วมเป็นสมาชิกของ[ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui]นั้น พ่อแม่ของเขามองว่า นั่นถือเป็นความสนใจทั่วๆไปของเด็กวัยรุ่นซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้คัดค้านแต่ก็ไม่ได้สนับสนุนเช่นกัน และสิ่งหนึ่งที่เตือนให้รับรู้ไว้ก่อนเลยก็คือ จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนเป็นหลัก ไม่อนุญาตให้การทำเพลง ออกคอนเสิร์ต หรือถ่ายทำวิดิโอของซูโหย่วเผิง มาทำให้ตัวเขาเองต้องเสียการเรียนโดยเด็ดขาด

เรื่องการเรียนนี้ก็นับเป็นแรงกดดันที่อู๋ฉีหลงและเฉินจื้อเผิงเองต่างก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน แต่ทว่าในตอนนั้นอู๋ฉีหลงเลือกเรียนสายอาชีพในเมืองไทจง ส่วนเฉินจื้อเผิงนั้นเรียนที่โรงเรียนอาชีวะเฉียวไท่ในเมืองไทจงเช่นกัน ซึ่งท่าทีของการพัฒนาผู้เรียนของโรงเรียนดังกล่าวจะเป็นรูปแบบของการสนับสนุนและให้กำลังใจซะมากกว่า ขอเพียงไม่ขาดเรียนมากจนเกินไป หากมีธุระก็ติดต่อกับอาจารย์ไว้ก่อน ขอลากิจซะ หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมอัดวิดิโอต่างๆนานาที่เมืองไทจงเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมาหาอาจารย์เพื่อตามเรียนเสริมในภายหลังแบบนี้แล้ว...ทางโรงเรียนก็สามารถยอมผ่อนผันให้ได้

ซูโหย่วเผิงเป็นคนที่กตัญญูมาก แต่ด้วยเหตุที่ทางบ้านเข้มงวด เขาเองก็เลยไม่อาจขัดได้  และไม่เพียงแต่ตัวเขากับทางบ้านเท่านั้นที่ไม่ยอมให้เขาหยุดเรียนเพื่อไปออกอีเว้นท์โปรโมทผลงานทางบริษัทต้นสังกัดเองก็ไม่ยอมให้เขาหยุดเรียนเพื่อหาเงินด้วยการออกไปโปรโมทผลงานเช่นกัน

ทว่า...นับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 1989 จนถึงช่วงซัมเมอร์ของปี 1990 ในช่วงระยะเวลาปีครึ่งนี้ จู่ๆ [ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui] ก็ดังเป็นพลุแตกในวงการเพลงจีนไปได้อย่างน่าประหลาดใจ ภาพลักษณ์ดีเด่นทั้งในด้านการเรียนและความประพฤติของพวกเขาได้กลายเป็นไอดอลในดวงใจของบรรดานักเรียนนักศึกษาวัยรุ่นทั่วทุกหนทุกแห่ง[ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui]ได้ฝากผลงานเพลง “ซินเหนียนไคว่เล่อ” (สุขสันต์วันปีใหม่) ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1989 และเพลง “เซียวเหยาโหยว” (เที่ยวไปอย่างอิสระ) ในเดือนมิถุนายน 1989 ตามลำดับ สองอัลบั้มนี้ต่างก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า งานถ่ายวิดิโอก็มาก งานสัมภาษณ์ก็ไม่น้อย งานนัดถ่ายโฆษณากับกิจกรรมคอนเสิร์ตก็มีอยู่บ่อยๆ

การสัมภาษณ์ทางสถานีวิทยุที่มีเพียงแค่อู๋ฉีหลงกับเฉินจื้อเผิงนั้นก็ยังถือว่าพอไหวอยู่ แต่ถ้าเป็นการบันทึกเทปผ่านทางสถานีโทรทัศน์   งานโฆษณา หรือคอนเสิร์ตที่ขาดซูโหย่วเผิงไป...ก็คงไม่อาจจะเรียกได้ว่า นี่คือ[ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui] เรื่องนี้ ทำให้บรรดาสื่อต่างๆพากันกลุ้มใจ แฟนๆ[ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui]ก็พากันกลุ้มใจ ส่วนผู้ชมนี่ ยิ่งกลุ้มใจเข้าไปใหญ่! บ่อยครั้งมากที่ในรายการต่างๆเราจะได้เจอเสือน้อยเพียงแค่สองตัวอย่างอู๋ฉีหลงและเฉินจื้อเผิงเท่านั้น

ในเดือนสิงหาคมปี 1989 ซูโหย่วเผิงเลื่อนชั้นจาก ม.4 ขึ้น ม.5 การเรียนก็ต้องหนักขึ้น ตอนเช้าก็ต้องตื่นเช้าขึ้น  การเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนก็ต้องใช้เวลานานมากขึ้นยังมีสายตาของเขาก็สั้นเพิิ่มขึ้นอีก แรงกดดันจากการเลื่อนชั้นรวมไปถึงบรรยากาศการเรียนการสอนที่เข้มงวดนี้ ทางบริษัทต้นสังกัดของพวกเราจึงไม่กล้าที่จะเข้ามารบกวนเวลาเรียนของซูโหย่วเผิงเลยแม้แต่คาบเรียนเดียว

ที่สุดแล้วซูโหย่วเผิงจะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆได้หรือไม่?สื่อต่างๆ บรรดาผู้ชม รวมไปถึงคนจีนทั้งประเทศต่างก็กำลังจับตามอง ยิ่งกลุ่มคนที่กำลังรอฟังข่าวเด็ดๆอยู่ก็ยิ่งพากันจับตามองเข้าไปใหญ่จากเหตุการณ์ในตอนนั้น ทางบริษัทต้นสังกัดจะส่งตัวซูโหย่วเผิงให้กลับไปตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือที่โรงเรียนเลยก็ได้ เพราะเรื่องการเรียน ใครๆก็ไม่อยากจะเข้าไปถ่วง

ทว่ากิจการของทางบริษัทต้นสังกัดยังจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าต่อไป ยังมีรายการที่จะต้องจัด ยังมีพนักงานอีกหลายปากท้องที่จะต้องเลี้ยง เป็นไปไม่ได้เลยที่ทางบริษัทต้นสังกัดจะต้องปิดกิจการชั่วคราวด้วยสาเหตุเพียงแค่ว่าซูโหย่วเผิงจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย!ในเวลานั้นก็เข้าช่วงเดือนสิงหาคมของปี1989 แล้ว ทางบริษัท Carrier ของพวกเรา(Carrier Entertainment Agency Co., Ltd.)กำลังเตรียมออกอัลบั้มชุดที่ 3 ของ[ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui] “หนานหายปู้คู” (ลูกผู้ชายอย่าร้องไห้)

พี่เหมียว ผม และโปรดิวเซอร์หลี่จึเหิงต่างก็กำลังวุ่นอยู่กับการรวบรวมเพลงขณะเดียวกันก็คิดถึงปัญหาที่น่าปวดหัวเกี่ยวกับซูโหย่วเผิงที่ว่า ตอนรวม[ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui]จะต้องเก็บตัวซูโหย่วเผิงเอาไว้อีกหรือเปล่าพี่เสี่ยวเยี่ยน พี่เหมียวและผมมารวมตัวกันเพื่อวางแผนการของบริษัทCarrierโดยประกาศการจัดประชุมอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ว่าทางบริษัทต้นสังกัดจะถือเอากำไรเป็นเป้าหมาย แต่ก็ไม่อาจทำให้คนคนหนึ่งต้องออกนอกลู่นอกทางเพียงเพื่อการแสวงหาผลกำไรเช่นกันซูโหย่วเผิงเป็นนักแสดงที่มีความรับผิดชอบต่องาน และยังเป็นนักเรียนดีเด่นคนหนึ่งอีกด้วยแค่เรื่องเรียนของตัวเองก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว ถ้าฐานะของ  [ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui] จะมากลืนเวลาที่เหลืออันน้อยนิดของเขาไปอีกจนเขาไม่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆได้ขึ้นมา แบบนั้นแล้วสังคมภายนอกก็มีแต่จะประเมินค่าซูโหย่วเผิง [ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui] และบริษัทCarrier Entertainment Agency Co., Ltd.  ไปในด้านลบทุกคนต่างเข้าร่วมประชุมการกำหนดนโยบายในครั้งนี้ด้วยความปวดใจ

หลังจากปรึกษาหารือกันเสร็จก็ได้เสนอนโยบายออกมา 2 ข้อคือ

ข้อ1. ให้[ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui] งดการแสดงไปก่อน รอให้ซูโหย่วเผิงเรียนจบ ม.5 ม.6ฯลฯ สองปีหลังจากนี้พอซูโหย่วเผิงสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว [ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui] ค่อยปรากฏตัวในวงการเพลงอีกครั้ง 

ข้อ2.  ให้การแสดงของ[ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui] ยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ แต่ตัดซูโหย่วเผิงทิ้งไปแล้วหาคนใหม่มาเปลี่ยนแทน

ในตอนนั้น ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับนโยบายข้อที่ 2 เพราะว่าปีนี้กระแสของ [ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui] มาแรงจนฉุดไม่อยู่จริงๆ   [ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui] ไม่มีทางจะถอนตัวออกจากวงการเพลงไปง่ายๆ บริษัทยังจำเป็นจะต้องดำเนินกิจการต่อไปเรื่อยๆ    ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว ก็มีเพียงใช้วิธี “ออกม้าเปลี่ยนแม่ทัพ” จึงจะสามารถได้รับการยอมรับจากสังคมได้มากที่สุด และซูโหย่วเผิงเองก็ได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากการเลื่อนชั้นจริงๆ วิธีนี้จึงมีสิทธิ์จะได้รับเสียงสนับสนุนจากพ่อแม่ของซูโหย่วเผิงด้วยสุดท้าย...มติของที่ประชุมก็คือ หาคนมาแทนซูโหย่วเผิงซะ ให้[ เสี่ยวหู่ตุ้ย 小虎队 xiao hu dui] เดินหน้าต่อเต็มกำลัง!อีกทั้งคนที่เตรียมจะให้เข้ามาแทนที่ซูโหย่วเผิง ก็ได้คิดเตรียมกันไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนที่เตรียมจะให้เข้ามาแทนซูโหย่วเผิงนั้นดูคร่าวๆแล้วเด็กกว่าซูโหย่วเผิงนิดหน่อย แต่มีความหล่อเหลานุ่มนวลมีความรู้และมาดเท่ห์เช่นเดียวกันกับซูโหย่วเผิงเป็นคนที่ดูมีระดับ ส่วนตัวผม...ได้ถูกมอบหมายให้ไปโน้มน้าวให้ซูโหย่วเผิงถอนตัว!ภารกิจบีบให้ซูโหย่วเผิงถอนตัวนี้มั้นช่างยากเสียเหลือเกินสำหรับตัวผม ผมมองเห็นน้ำใสๆในดวงตาของเขา กับหัวใจที่ไม่อาจจะทนได้ไหว

เขานิ่งไปนานมาก... นานมากๆ... “ผมจะไม่ถอนตัว!”เขาพยายามกลั้นน้ำใสๆที่เอ่อล้นอยู่ในดวงตาของเขาไว้อย่างสุดกำลัง  “การจัดอีเว้นท์ของบริษัท ผมสามารถไปร่วมได้ เรื่องเรียนผมจะรับผิดชอบเอง จะให้ยากลำบากยังไงผมก็สามารถแบกรับมันไว้ได้ทั้งหมดด้วยตัวของผมเอง” เขายืนยืดอกตัวตรง ผมได้เห็นร่างเล็กๆของเขาที่ถูกกระเป๋านักเรียนทับจนผอมแห้งและอ่อนแรงในตอนนั้น ระเบิดความมุ่งมั่นและความแน่วแน่ออกมาอย่างไม่มีขีดจำกัด

มันเป็นความแน่วแน่และกล้าหาญที่พบเห็นได้ยากมากสำหรับเด็กอายุ 17 เป็นความกล้าหาญอันไร้ขีดจำกัดประเภทที่ว่า “แม้ข้าศึกเป็นหมื่นเป็นแสนข้าก็จะบุกเข้าไป”!เมื่อผมกลับไปรายงานพี่เสี่ยวเยี่ยนกับพี่เหมียวถึงความตั้งใจของซูโหย่วเผิง พร้อมกับช่วยพูดเพื่อด็กอายุ 17 คนนี้... พี่เหมียวนับเป็นคนที่ใจอ่อนคนหนึ่ง เธอรู้ซึ้งถึงความตั้งใจที่จะรับผิดชอบเรื่องของตัวเองทั้งหมดของซูโหย่วเผิงเป็นอย่างดี เธอจึงทำร้ายเขาไม่ลง เพราะอย่างนี้เองซูโหย่วเผิงจึงอัดเทปอัลบั้มชุด “ลูกผู้ชายอย่าร้องไห้” ได้อย่างราบรื่นในที่สุด

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version