1
SCOOPS & SPECIALS / 2018-03-06 เขาคือสุดยอดแห่งวงการบันเทิง ปัจจุบันอายุ 44 ปีมีทรัพย์สินกว่า 2 พันล
« เมื่อ: มีนาคม 21, 2018, 02:09:02 PM »
http://cq.qq.com/a/20180306/003268.htm
เขาคือสุดยอดแห่งวงการบันเทิง ปัจจุบันอายุ 44 ปีมีทรัพย์สินกว่า 2 พันล้าน เป็นคนเรียบง่าย ไม่มีข่าวเสียหาย
ไม่กี่วันมานี้หม่าอีหลีได้โพสต์รูปภาพขององค์หญิงจงจื่อเวยในละครองค์หญิงกำมะลอบนเว่ยป๋อและก็เป็นที่ฮือฮากันหนักมาก ซึ่งกระตุ้นให้เกิดคลื่นแห่งความทรงจำลูกใหม่ แต่ในใจของแฟนคลับนั้น ละครองค์หญิงกำมะลอเวอร์ชั่นที่แสดงโดยซูโหย่วเผิง หลินซินหยู นั้นถือว่าดีที่สุดพูดถึงซูโหย่วเผิงส่วนใหญ่ความประทับใจที่ผู้ชมมีต่อเขามักจะเป็นบทบาทขององค์ชายห้าและตู้เฟยผู้ตลกโปกฮา ที่จริงแล้วเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่นะวันนี้แอดมินจะพาทุกคนตามไปดูซูโหย่วเผิง
ปี 1973 ซูโหย่วเผิงเกิดที่ไต้หวันมารดาเป็นครูสอนโรงเรียนมัธยม บิดาเป็นเถ้าแก่ร้านขายอุปกรณ์ทั่วไป ในขณะที่ทุกคนต่างให้ความสนใจกับที่ว่าเป็นเด็กเรียนเก่งนั้น แท้จริงแล้วซูโหย่วเผิงต่างหากที่เป็นเด็กเทพตัวจริง ปีนั้น เขาใช้คะแนนที่สอบได้เป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายลี่เจี้ยนกั๋ว เมืองไทเป (Taipei Municipal Jianguo High School )ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมปลายที่ดีที่สุดของที่นั่น และเขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่ชอบหมกตัวอยู่กับหนังสือทุกวันเท่านั้น
เรียกได้ว่าเกือบตลอดสองปีก่อนเข้าเรียน ม.ปลาย เขาไม่ได้เรียนหนังสือเลย จนกระทั่งใกล้ขึ้น ม.6 เขาได้ใช้เวลา 1 ปีในการพยายามอย่างหนัก ในที่สุดก็สอบได้คะแนนอันดับที่ 5 ของการสอบเข้าเรียนในภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลของมหาวิทยาลัยไต้หวันได้สำเร็จ
จะว่าไปแล้ว เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านการเรียน ตอนเรียนมัธยมปลายเขาไปทำอะไรมาน่ะเหรอความจริงแล้วตอนที่เขาอายุ 15 ปีนั้น มารดาของซูโหย่วเผิงกลัวว่าลูกตัวเองจะเป็นคนที่บ้าเรียนเกินไป จึงได้แอบส่งเรซูเม่ประวัติของซูโหย่วเผิงไปที่รายการเกี่ยวกับศิลปะการแสดงชื่อ ชิงชุนต้าตุ้ยค่าง (การเผชิญหน้าของเหล่าเยาวชน) สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดวงเสียวหู่ตุ้ยที่โด่งดังไปทั่วทุกพื้นที่ในขณะนั้น
คุ้นตาบ้างหรือยังเอ่ย แน่นอน ตอนนั้นวงเสี่ยวหู่ตุ้ยก็คล้ายๆวง TFBOYS ในตอนนี้นั่นแหละ เหล่าหนุ่มน้อยผู้อ่อนโยน อายุเฉลี่ยราวๆ ประมาณ 17 ปีสมาชิกกลุ่ม 3 คน เป็นดั่งซูเปอร์ไซโคลนพายุแห่งวงการบันเทิง ในช่วงยุคทองนั้น พวกเขาได้นั่งอยู่บนบันลังก์ไอดอลอันดับหนึ่งของวงการบันเทิงในเอเชีย มีงานคอนเสิร์ตกว่า 30 แห่ง งานโฆษณาล้นมือ ตอนนั้นเนื่องด้วยภาระทางราชการทหารทำให้วงเสียวหู่ตุ้ยต้องค่อยๆแยกจากกันไป ปี 1997 หลังจากที่วงเสียวหู่ตุ้ยกลับมาร่วมวงกันอีกครั้ง กลับพบว่าวงการบันเทิงได้เปลี่ยนไปแล้วหลินจื้ออิ่งที่ถูกขนานนามว่าเป็น “พายุน้อย” ได้กลายเป็นที่รักใหม่ของผู้ชม
ซูโหย่วเผิงผู้สูงส่งหลังจากที่ออกจากวงเสียวหู่ตุ้ย ก็ได้เริ่มผันตัวเข้ามาแสดงละคร ในเรื่องดาบมังกรหยก เขาได้รับบทเป็น "เตียบ่อกี้" ผู้โลเลแต่ถ้าได้รักใครก็จะรักมาก
ในเรื่อง มนต์รักในสายฝน เขาได้รับบทบาทเป็นตู้เฟยผู้ตลกโปกฮา แต่ในเรื่องของความรักกลับเอาใจใส่หนักมาก
เรื่อง องค์หญิงกำมะลอ ซูโหย่วเผิงได้รับบทเป็นองค์ชายห้าผู้มีจิตใจเมตตาหน้าตาหล่อเหลาเอาการ มีความเป็นสุภาพบุรุษทั้งภายในและภายนอก ในช่วงที่คุณคิดว่าซูโหย่วเผิงจะตลกนั้น เขากลับทำลายความคิดของคุณ ทำลายขอบเขตของเทคนิคการแสดง แสดงอะไรก็เหมือนไปหมด นี่น่าจะเป็นจุดพีคแล้วมั้ง
หลังจากที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปีนั้น ซูโหย่วเผิงยังคงเป็นคนเรียบง่ายเหมือนเดิม แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือในตัวเขามีพลังที่ห้าวหาญอย่างหนึ่งมาโดยตลอดเขาไม่ได้หลงไหลความสบายในการเป็นนักแสดงอยู่ในวงการเท่านั้น หากแต่ยังพยายามพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ อย่างเช่น การก้าวเข้าไปสู่การเป็นผู้กำกับภาพยนตร์นั่นเอง
ปี 2015 ภาพยนตร์แนววัยรุ่นที่เขากำกับเรื่องจั๋วเอ่อร์-The Left Ear ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเรทติ้งจะเพียง 5.4 คะแนน แต่ในฐานะที่เป็นเรื่องแรกและเป็นเรื่องราวของวัยรุ่นแล้วนั้น เรื่องจั๋วเอ่อร์-The Left Ear ถือว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นไม่น้อย
ปี 2017 เขายอมเสี่ยงความอันตรายด้วยการรีเมคภาพยนตร์เรื่อง The Devotion of Suspect X ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการที่เอาผลงานที่มีอยู่แล้วมารีเมคใหม่นั้นย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ใช่แค่ไม่ได้รับผลดั่งที่คาด หากแต่ยังถูกต่อว่าอีกถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะออกมาครั้งแรก แม้จะเป็นเรื่องที่ได้รับเสียงด่ามากมายก็ตาม แต่พูดตามตรงนะคุณภาพของภาพยนตร์ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น
ในการเปรียบเทียบละคร สิ่งที่ทุกคนค่อนข้างให้ความสำคัญอาจจะเป็นชีวิตความรักของซูโหย่วเผิง ไม่กี่ปีมานี้ ในงานแต่งงานของเซี่ยน่ากับจางเจี๋ยและงานแต่งงานของอู๋ฉีหลงกับหลิวชือชือ ซูโหย่วเผิงก็ได้ไปร่วมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเช่นกัน
เพื่อนสนิทรอบกายของเขาต่างก็แยกย้ายไปมีความรักหมดแล้ว เหลือแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่แค่เรื่องวุ่นวายของความรักนะข่าวเสียหายก็แทบจะไม่มีให้ได้ยิน ทั้งเก่งทั้งรวย (ทรัพย์สินราว 2พันล้าน) แต่กลับไม่มีแฟน ไม่แปลกเลยที่ในประเทศจีนจะมีข่าวเกี่ยวกับรสนิยมเพศที่สามของเขาเต็มไปหมด(คือเฮียเป็นคนในฝันของบรรดาเก้ง-กว้าง-ชนี แบบนี้ค่ะ) บวกกับเมื่อปีก่อนที่เขาโพสต์ “GV” ลงไปในเว่อป๋อนั้นยิ่งทำให้คนพากันคิดไปไกล
แต่นี่ก็ไม่ได้บ่งบอกถึงอะไรหรอก เพราะความเรียบง่ายคือสไตล์แต่ไหนแต่ไรของซูโหย่วเผิงอยู่แล้ว ต่อให้มีแฟนแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอามาบอกผู้ชมหรอก จะให้คิดยังไง ซูโหย่วเผิงเป็นดั่งแม่น้ำอันบริสุทธิ์แห่งวงการบันเทิง ไม่สร้างกระแส อยู่แต่กับสิ่งที่ตัวเองชอบ ดาราแบบนี้ ใครจะไม่รักล่ะค่ะ
เขาคือสุดยอดแห่งวงการบันเทิง ปัจจุบันอายุ 44 ปีมีทรัพย์สินกว่า 2 พันล้าน เป็นคนเรียบง่าย ไม่มีข่าวเสียหาย
ไม่กี่วันมานี้หม่าอีหลีได้โพสต์รูปภาพขององค์หญิงจงจื่อเวยในละครองค์หญิงกำมะลอบนเว่ยป๋อและก็เป็นที่ฮือฮากันหนักมาก ซึ่งกระตุ้นให้เกิดคลื่นแห่งความทรงจำลูกใหม่ แต่ในใจของแฟนคลับนั้น ละครองค์หญิงกำมะลอเวอร์ชั่นที่แสดงโดยซูโหย่วเผิง หลินซินหยู นั้นถือว่าดีที่สุดพูดถึงซูโหย่วเผิงส่วนใหญ่ความประทับใจที่ผู้ชมมีต่อเขามักจะเป็นบทบาทขององค์ชายห้าและตู้เฟยผู้ตลกโปกฮา ที่จริงแล้วเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่นะวันนี้แอดมินจะพาทุกคนตามไปดูซูโหย่วเผิง
ปี 1973 ซูโหย่วเผิงเกิดที่ไต้หวันมารดาเป็นครูสอนโรงเรียนมัธยม บิดาเป็นเถ้าแก่ร้านขายอุปกรณ์ทั่วไป ในขณะที่ทุกคนต่างให้ความสนใจกับที่ว่าเป็นเด็กเรียนเก่งนั้น แท้จริงแล้วซูโหย่วเผิงต่างหากที่เป็นเด็กเทพตัวจริง ปีนั้น เขาใช้คะแนนที่สอบได้เป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายลี่เจี้ยนกั๋ว เมืองไทเป (Taipei Municipal Jianguo High School )ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมปลายที่ดีที่สุดของที่นั่น และเขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่ชอบหมกตัวอยู่กับหนังสือทุกวันเท่านั้น
เรียกได้ว่าเกือบตลอดสองปีก่อนเข้าเรียน ม.ปลาย เขาไม่ได้เรียนหนังสือเลย จนกระทั่งใกล้ขึ้น ม.6 เขาได้ใช้เวลา 1 ปีในการพยายามอย่างหนัก ในที่สุดก็สอบได้คะแนนอันดับที่ 5 ของการสอบเข้าเรียนในภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลของมหาวิทยาลัยไต้หวันได้สำเร็จ
จะว่าไปแล้ว เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านการเรียน ตอนเรียนมัธยมปลายเขาไปทำอะไรมาน่ะเหรอความจริงแล้วตอนที่เขาอายุ 15 ปีนั้น มารดาของซูโหย่วเผิงกลัวว่าลูกตัวเองจะเป็นคนที่บ้าเรียนเกินไป จึงได้แอบส่งเรซูเม่ประวัติของซูโหย่วเผิงไปที่รายการเกี่ยวกับศิลปะการแสดงชื่อ ชิงชุนต้าตุ้ยค่าง (การเผชิญหน้าของเหล่าเยาวชน) สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดวงเสียวหู่ตุ้ยที่โด่งดังไปทั่วทุกพื้นที่ในขณะนั้น
คุ้นตาบ้างหรือยังเอ่ย แน่นอน ตอนนั้นวงเสี่ยวหู่ตุ้ยก็คล้ายๆวง TFBOYS ในตอนนี้นั่นแหละ เหล่าหนุ่มน้อยผู้อ่อนโยน อายุเฉลี่ยราวๆ ประมาณ 17 ปีสมาชิกกลุ่ม 3 คน เป็นดั่งซูเปอร์ไซโคลนพายุแห่งวงการบันเทิง ในช่วงยุคทองนั้น พวกเขาได้นั่งอยู่บนบันลังก์ไอดอลอันดับหนึ่งของวงการบันเทิงในเอเชีย มีงานคอนเสิร์ตกว่า 30 แห่ง งานโฆษณาล้นมือ ตอนนั้นเนื่องด้วยภาระทางราชการทหารทำให้วงเสียวหู่ตุ้ยต้องค่อยๆแยกจากกันไป ปี 1997 หลังจากที่วงเสียวหู่ตุ้ยกลับมาร่วมวงกันอีกครั้ง กลับพบว่าวงการบันเทิงได้เปลี่ยนไปแล้วหลินจื้ออิ่งที่ถูกขนานนามว่าเป็น “พายุน้อย” ได้กลายเป็นที่รักใหม่ของผู้ชม
ซูโหย่วเผิงผู้สูงส่งหลังจากที่ออกจากวงเสียวหู่ตุ้ย ก็ได้เริ่มผันตัวเข้ามาแสดงละคร ในเรื่องดาบมังกรหยก เขาได้รับบทเป็น "เตียบ่อกี้" ผู้โลเลแต่ถ้าได้รักใครก็จะรักมาก
ในเรื่อง มนต์รักในสายฝน เขาได้รับบทบาทเป็นตู้เฟยผู้ตลกโปกฮา แต่ในเรื่องของความรักกลับเอาใจใส่หนักมาก
เรื่อง องค์หญิงกำมะลอ ซูโหย่วเผิงได้รับบทเป็นองค์ชายห้าผู้มีจิตใจเมตตาหน้าตาหล่อเหลาเอาการ มีความเป็นสุภาพบุรุษทั้งภายในและภายนอก ในช่วงที่คุณคิดว่าซูโหย่วเผิงจะตลกนั้น เขากลับทำลายความคิดของคุณ ทำลายขอบเขตของเทคนิคการแสดง แสดงอะไรก็เหมือนไปหมด นี่น่าจะเป็นจุดพีคแล้วมั้ง
หลังจากที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปีนั้น ซูโหย่วเผิงยังคงเป็นคนเรียบง่ายเหมือนเดิม แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือในตัวเขามีพลังที่ห้าวหาญอย่างหนึ่งมาโดยตลอดเขาไม่ได้หลงไหลความสบายในการเป็นนักแสดงอยู่ในวงการเท่านั้น หากแต่ยังพยายามพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ อย่างเช่น การก้าวเข้าไปสู่การเป็นผู้กำกับภาพยนตร์นั่นเอง
ปี 2015 ภาพยนตร์แนววัยรุ่นที่เขากำกับเรื่องจั๋วเอ่อร์-The Left Ear ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเรทติ้งจะเพียง 5.4 คะแนน แต่ในฐานะที่เป็นเรื่องแรกและเป็นเรื่องราวของวัยรุ่นแล้วนั้น เรื่องจั๋วเอ่อร์-The Left Ear ถือว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นไม่น้อย
ปี 2017 เขายอมเสี่ยงความอันตรายด้วยการรีเมคภาพยนตร์เรื่อง The Devotion of Suspect X ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการที่เอาผลงานที่มีอยู่แล้วมารีเมคใหม่นั้นย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ใช่แค่ไม่ได้รับผลดั่งที่คาด หากแต่ยังถูกต่อว่าอีกถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะออกมาครั้งแรก แม้จะเป็นเรื่องที่ได้รับเสียงด่ามากมายก็ตาม แต่พูดตามตรงนะคุณภาพของภาพยนตร์ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น
ในการเปรียบเทียบละคร สิ่งที่ทุกคนค่อนข้างให้ความสำคัญอาจจะเป็นชีวิตความรักของซูโหย่วเผิง ไม่กี่ปีมานี้ ในงานแต่งงานของเซี่ยน่ากับจางเจี๋ยและงานแต่งงานของอู๋ฉีหลงกับหลิวชือชือ ซูโหย่วเผิงก็ได้ไปร่วมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเช่นกัน
เพื่อนสนิทรอบกายของเขาต่างก็แยกย้ายไปมีความรักหมดแล้ว เหลือแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่แค่เรื่องวุ่นวายของความรักนะข่าวเสียหายก็แทบจะไม่มีให้ได้ยิน ทั้งเก่งทั้งรวย (ทรัพย์สินราว 2พันล้าน) แต่กลับไม่มีแฟน ไม่แปลกเลยที่ในประเทศจีนจะมีข่าวเกี่ยวกับรสนิยมเพศที่สามของเขาเต็มไปหมด(คือเฮียเป็นคนในฝันของบรรดาเก้ง-กว้าง-ชนี แบบนี้ค่ะ) บวกกับเมื่อปีก่อนที่เขาโพสต์ “GV” ลงไปในเว่อป๋อนั้นยิ่งทำให้คนพากันคิดไปไกล
แต่นี่ก็ไม่ได้บ่งบอกถึงอะไรหรอก เพราะความเรียบง่ายคือสไตล์แต่ไหนแต่ไรของซูโหย่วเผิงอยู่แล้ว ต่อให้มีแฟนแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอามาบอกผู้ชมหรอก จะให้คิดยังไง ซูโหย่วเผิงเป็นดั่งแม่น้ำอันบริสุทธิ์แห่งวงการบันเทิง ไม่สร้างกระแส อยู่แต่กับสิ่งที่ตัวเองชอบ ดาราแบบนี้ ใครจะไม่รักล่ะค่ะ