ผู้เขียน หัวข้อ: ซูโหย่วเผิง : 108 เหตุผลที่ทำให้คนหนึ่งคน ติดอยู่ในดวงตา ตรึงอยู่ในดวงใจ By Chotiga Sila  (อ่าน 35605 ครั้ง)

Chotiga

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 270
    • ดูรายละเอียด
 :) :D ;D ::) จิตสาธารณะ : ตั้งอกตั้งใจทำการกุศลโดยไม่สนใจใคร  ::) ;D :D :)
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)



อยากบอกเหลือเกินว่าแอดมินบ้านเผิงกับพี่โชนี่ช่างมีวาสนาต่อกันจริง ๆ มีความคิดและทำอะไรในจังหวะเดียวกันอยู่หลายครั้ง  เคยสังเกตหลายคราวแล้วโดยเฉพาะกับเรื่องของการทำอะไรที่เกี่ยวกับบ้านเผิง  หลายครั้งมากที่พี่โชเขียนอะไรทิ้งไว้หลายอย่างแล้วจึงค่อยเอามาวางไว้ที่บ้านในช่วงเวลาที่คิดและตั้งใจไว้ซึ่งไม่เคยบอกหรือเล่าให้ใครฟัง  แม้แต่กับแอดมินซึ่งปกติก็โทรคุยกันเกือบทุกวันจนเหมือนเป็นความคุ้นชินไปแล้วในชีวิตประจำวัน  แต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเกี่ยวกับเรื่องการวางแผนงานต่างๆ ในบ้าน  ต่างคนต่างมีภารกิจที่ต่างก็รับผิดชอบของตัวเองกันไป  แต่อยากจะบอกว่ามีหลายครั้งเหลือเกินที่เรามักจะวางเรื่องเดียวกันไว้ในเวลาเดียวกันแต่เป็นคนละตำแหน่ง  เช่นเดียวกันกับวันนี้พี่โชตั้งใจเขียนเรื่องการตั้งอกตั้งใจในการทำการกุศลของโหย่วเผิงใน คอลัมน์ 108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ นี้ก็ช่างพอเหมาะพอเจาะกับที่แอดมินก็บอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ของโหย่วเผิงเช่นกัน  งั้นเพื่อน ๆ ลองมาติดตามการสร้างกุศลของหนุ่มหน้ามลคนนี้ไปพร้อม ๆ กับดูภาพประกอบจากแอดมินได้จาก https://www.facebook.com/partana.su.5/media_set?set=a.174109662797122.1073741845.100005942678997&type=1  กันเลยดีมั้ยจ๊ะ


      เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคน น่าจะได้ติดตามผลงานของซูโหย่วเผิงมาบ้างพอสมควร  โดยเฉพาะถ้าเพื่อน ๆ ได้เข้ามาอ่านเรื่องราวต่าง ๆ ของโหย่วเผิงใน บ้านเผิงของเรา  และจากข้อมูลต่าง ๆ น่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักตัวตนของโหย่วเผิงมากขึ้น  และอาจทำให้มอบความรักและความศรัทธาให้กับหนุ่มหน้ามลคนนี้มากยิ่งขึ้นตามไปด้วย  และก็ยังเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงมีความรู้สึกและรับรู้ได้เหมือนกันว่าเลือกที่จะรักคนไม่ผิด  รู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้รักและติดตามผลงานของชายหนุ่มคนนี้  สำหรับตัวเองแล้วบางครั้งก็ยังสับสนว่าชื่นชอบในผลงานหรือซาบซึ้งในคุณความดีของชายผู้นี้มากกว่ากันแน่  แต่ที่ศรัทธาลึกซึ้งคือความเป็นคนจิตใจดีของโหย่วเผิง  ความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำการกุศลโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด  ขอเพียงมีโอกาสโหย่วเผิงก็ไม่เคยจะปล่อยให้โอกาสในการสร้างกุศลของเขาผ่านพ้นไป  สำหรับรายละเอียดในการสร้างกุศลของโหย่วเผิงนั้น เพื่อน ๆ ลองเข้าไปติดตามได้ที่  http://www.baansuyoupeng.com/webboard/index.php?board=34.0 เพื่อน ๆ ก็จะได้ค้นพบว่า  คำว่า  เทวดาบนดิน  ไม่ได้เกินความเป็นจริงเลยสำหรับซูโหย่วเผิง

และนี่เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยนิดในกิจกรรมที่โหย่วเผิงทำเพื่อสังคม  http://www.baansuyoupeng.com/webboard/index.php?topic=225.0


แถลงข่าว-ร่วมกิจกรรมเปิดโรงเรียนชีว่างซูโหย่วเผิง



เป็นทูตแห่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม



ทำหน้าที่ทูตช่วยเหลือผู้ยากไร้



เป็นทูตในงานกุศล “ของเล็กแต่หัวใจมาก”



ร่วมเดินทางสู่เคนยา-แอฟริกา  ร่วมกิจกรรม “อนุรักษ์ธรรมชาติแห่งองค์กรหมิงแย่”

 :P ::) ;D ::)

Chotiga

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 270
    • ดูรายละเอียด
 ;D :) :P ::) รักแม่ : ผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต  ::) :P :) ;D
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)
 


      ไม่รู้ว่าเพื่อนหลายหลายคนจะรู้รึเปล่าว่าโหย่วเผิงนับถือศาสนาพุทธ  และปฏิบัติตนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีและเป็นแบบอย่างที่ดีในหลาย ๆ ด้านให้กับพุทธศาสนิกชนอื่น ๆ อีกด้วย  มงคลชีวิตสำหรับผู้ที่เป็นชาวพุทธที่ดีอย่างหนึ่งก็คือความกตัญญูกตเวที  ตอนนี้ก็เลยอยากยกข้อความตอนหนึ่งจากหนังสือมงคลชีวิตมากล่าวในที่นี้สักหน่อย  ข้อความจากหนังสือดังกล่าว กล่าวไว้ว่า

ต้นไม้ที่ได้รับการดูแลให้น้ำให้ปุ๋ย ไปบำรุงลำต้นจนสมบูรณ์
เมื่อถึงเวลาแล้ว ย่อมออกดอกออกผลให้แก่เจ้าของฉันใด
คนที่ได้รับการเลี้ยงดูจนเติบใหญ่
เมื่อมีโอกาสย่อมตอบแทนคุณพ่อแม่และผู้มีอุปการคุณฉันนั้น
ทองคำแท้หรือไม่ โดนไฟก็รู้
คนดีแท้หรือไม่ ให้ดูตรงที่เลี้ยงพ่อแม่
ถ้าดีจริงต้องเลี้ยงพ่อแม่  ถ้าไม่เลี้ยงแสดงว่าไม่ดีจริง
เป็นพวกทองชุบ ทองเก๊ ทองปลอม

         พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอุปมาว่า ถ้าบุตรจะพึงวางบิดามารดาไว้บนบ่าทั้งสองของตน ประคับประคองท่านอยู่บนบ่านั้น ป้อนข้าวป้อนน้ำและให้ท่านถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่านั้นเสร็จ  แม้บุตรจะมีอายุถึง ๑๐๐ ปี และปรนนิบัติท่านไปจนตลอดชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนพระคุณท่านไม่หมด
            ยังมีผู้อุปมาไว้ว่า หากเราใช้ท้องฟ้าแทนกระดาษ ยอดเขาพระสุเมรุ แทนปากกา น้ำในมหาสมุทรแทนหมึก เขียนบรรยายคุณของพ่อแม่ จนท้องฟ้าเต็มไปด้วยอักษร ภูเขาสึกกร่อนจนหมด น้ำในมหาสมุทรเหือดแห้ง ก็ยังบรรยายคุณของพ่อแม่ไม่หมด




            บิดามารดาเป็นผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของบุตร คือ
            ๑.  เป็นต้นแบบทางกาย แบบเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำให้ของทั้งหลาย ในโลกมีค่าสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น ก้อนดินเหนียวธรรมดา ถ้าหากนำมาใส่แบบพิมพ์แล้วพิมพ์เป็นตุ๊กตา ก็ทำให้ดินก้อนนั้นมีค่าขึ้นมา เป็นเครื่องประดับบ้านเรือนได้ ดินเหนียวก้อนเดียวกันนี้ หากได้แบบที่ดีกว่าขึ้นมาอีก เช่นแบบเป็นพระพุทธรูป ดินเหนียวก้อนนี้ก็จะทรงคุณค่ามากยิ่งขึ้น     ผู้คนได้กราบไหว้บูชา จะเห็นได้ว่า คุณค่าของดินเหนียวก้อนนี้ขึ้นอยู่กับแบบที่พิมพ์นั่นเอง
            ๒.  เป็นต้นแบบทางใจ ให้ความอุปการะเลี้ยงดู ฟูมฟัก ทะนุถนอม อบรมสั่งสอน  ปลูกฝังกิริยามารยาท  ให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ลูก
พระคุณพ่อแม่ในการเป็นต้นแบบทางกายให้เรา ก็นับว่ามีมากเหลือหลายแล้ว ยิ่งท่านอบรมเลี้ยงดูเรามา เป็นต้นแบบทางใจให้ด้วย ก็ยิ่งมีพระคุณมากเป็นอเนกอนันต์

 
อานิสงส์การบำรุงบิดามารดา
            ๑.  ทำให้เป็นคนมีความอดทน
            ๒.  ทำให้เป็นคนมีสติรอบคอบ
            ๓.  ทำให้เป็นคนมีเหตุผล
            ๔.  ทำให้พ้นทุกข์พ้นภัย
            ๕.  ทำให้ได้ลาภโดยง่าย
            ๖.  ทำให้แคล้วคลาดภัยในยามคับขัน
            ๗.  ทำให้เทวดาลงรักษา
            ๘.  ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ
            ๙.  ทำให้มีความเจริญก้าวหน้า
            ๑๐. ถ้ามีลูกก็จะได้ลูกที่ดี
            ๑๑. ทำให้มีความสุข
            ๑๒. ทำให้เป็นแบบอย่างอันดีแก่อนุชนรุ่นหลัง
      และอื่น ๆ อีกมากมาย
                                                            ฯลฯ

            “เพราะการปรนนิบัติในมารดาบิดานั้นแล บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญเขาในโลกนี้นี่เอง เขาละไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์”
   และหากเพื่อน ๆ ได้รู้จักกับซูโหย่วเผิงมาบ้างแล้วคงจะทราบดีว่าโหย่วเผิงนั้นเป็นคนที่รักคุณแม่มากและสนิทกับคุณแม่มากมายแค่ไหน  สายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกของคู่นี้ไม่เพียงแค่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเท่านั้นหากแต่สัมผัสได้ด้วยใจเช่นกัน  หรือหากเพื่อน ๆ ยังนึกไม่ออกว่าซูโหย่วเผิงมีความรัก และความกตัญญูต่อคุณแม่มากแค่ไหน  ลองแวะเข้าไปอ่านบทความจากบ้านเผิงที่  http://www.baansuyoupeng.com/home_radio.html  รวมทั้ง http://www.baansuyoupeng.com/home_radio.html   และ  http://www.baansuyoupeng.com/home_radio.html 

       จนถึงตอนนี้เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเข้าใจแล้วว่า  เหตุใดโหย่วเผิงจึงยังยิ่งใหญ่อยู่ในวงการนี้ได้อย่างมั่นคง  และยังเป็นหนึ่งในใจของพวกเราชาว FC อย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง.




 :P ::) :o :) ;D

Chotiga

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 270
    • ดูรายละเอียด
 :P ::) :o ;D  สองมือล้วงกระเป๋า : สองมือสอดไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างเหลือเกิน  ;D  :o :P ::)
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)



   วันนี้อยากพูดถึงบุคลิกอย่างหนึ่งของชายหนุ่มคนนี้ที่อาจถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งได้เหมือนกัน  นั่นก์คือกริยาสองมือสอดไว้ในกระเป๋ากางเกงที่พวกเรามักเรียกกันว่า “สองมือล้วงกระเป๋า” นั่นเอง  เวลาที่ได้เห็นโหย่วเผิงใช้สองมือล้วงกระเป๋าแล้วมักทำให้รู้สึกว่า จิ๊กโก๋นิด ๆ กวนหน่อย ๆ  น่ารักน้อย ๆ  น่าหลงใหล  ทั้งยังน่าค้นหา  และมักจะเห็นว่าโหย่วเผิงจะใช้สองมือล้วงกระเป๋าอยู่อย่างนี้ได้บ่อยครั้ง  จนเหมือนกับเป็นเอกลักษณ์ปรจำตัวเขาไปแล้ว  เพื่อน ๆ เชื่อหรือเปล่าว่าลักษณะการวางมือนั้นสามารถบอกลักษณะนิสัยได้เหมือนกันนะจ๊ะ  งั้นพวกเราลองมาดูคำทำนายจากการล้วงกระเป๋ากันดูบ้างนะจ๊ะ
   คนที่ชอบเอามือล้วงกระเป๋า  ทำนายไว้ว่า  เป็นคนมีลับลมคมใจ ผู้คนทั้งหลายมักให้ความเชื่อถือ มีจิตใจกว้างขวางชอบการเข้าสังคมมักปกปิดเรื่องของตนไม่ให้ผู้อื่นรู้มากนัก



   หากเรามาพิจารณาจากภาษากายที่ต้องการสื่อสาร  อาจพบได้ว่า  ถ้าคนคนนั้นเอามือล้วงกระเป๋า แสดงว่าเขากำลังผ่อนคลายและมีที่ท่าที่จะหลงใหลคุณมากขึ้น
   แต่ถ้าหากแค่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการบอกเล่าความเป็นโหย่วเผิงในมุมมองจากการชอบล้วงกระเป๋า  กลับรู้สึกว่าเป็นการแสดงออกให้เห็นว่าเป็นคนเรียบง่าย  สบายสบาย  ดูผ่อนคลายอยู่ตลอดเวลา  หลายครั้งที่เห็นว่าแม้แต่ตอนร้องเพลงบนเวที บางทียังยืนล้วงกระเป๋าร้องเพลง  ทำให้บรรยากาศดูไม่เป็นทางการเกินไป  ดูเป็นกันเอง และเหมือนกับว่าสามารถสัมผัสกับโหย่วเผิงได้ง่ายกว่าที่คิด จากท่าทางสบายสบาย สไตล์ล้วงกระเป๋า แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะร  คุณก็ยังน่ารักในสายตาพวกเราอยู่ดี  ฮิฮิ.





แม้ในอริยาบทพักผ่อนสบายสบาย  แต่ก็ยังไม่วายใช้สองมือล้วงกระเป๋า





 ::) :P ;D :D

Chotiga

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 270
    • ดูรายละเอียด
 :P :P :P ;D  ยิ้มเจ้าเลห์  :  อมยิ้มน้อย ๆ  สายตามีเลศนัย  กระตุกหัวใจน่าดู ;D :P :P :P
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)


      เพื่อน ๆ เคยคิดบ้างไหมว่าซูโหย่วเผิงเป็นคนที่มีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์มาก  หลายคนมักพูดว่าความประทับในคนบางคน หรือสิ่งของบางสิ่งบางอย่างมักเริ่มต้นจากภาพความทรงจำที่ได้เห็นคนคนนั้นหรือสิ่งของนั้นเป็นครั้งแรก  เชื่อเหลือเกินว่าแฟนคลับของโหย่วเผิงนั้นหลายคนตกหลุมรักโหย่วเผิงตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มของโหย่วเผิง  ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มในอิริยาบทไหนก็ตาม  และเมื่อตกหลุมรักนี้เข้าแล้วจะให้ถอนตัวนั้นคงเป็นเรื่องยากแล้ว  ใช่หรือเปล่าจ๊ะ  รอยยิ้มของโหย่วเผิงนั้นมีหลายอิริยาบถ  จำได้ว่าเคยได้พูดถึงความประทับใจแรกสุดที่มีต่อโหย่วเผิงไปแล้ว ซึ่งนั่นก็คือรอยยิ้มของโหย่วเผิงนี่เอง  แต่วันนี้อยากจะบอกเล่าถึงบทวิเคราะห์ของรอยยิ้มกันอีกสักหน่อยว่า การมีรอยยิ้มในแต่ละแบบนั้นจะบ่งบอกถึงลักษณะของเจ้าของรอยยิ้มนั้นเป็นอะไรได้บ้าง และยังเดาอารมณ์จากรอยยิ้มต่าง ๆ ได้อีกด้วย  งั้นเราลองมาเริ่มวิเคราะห์รอยยิ้มของโหย่วเผิงกันเลยนะ
ยิ้มกว้างเปิดเผย
            การยิ้มที่สามารถมองเห็นฟันของคนยิ้มได้อย่างชัดเจน นิสัยใจคอของคนที่มีกิริยาอาการยิ้มแบบนี้ บ่งบอกถึงการเป็นคนกระตือรือร้นอยู่เสมอ ทั้งยังเป็นคนที่ชอบการแสดงออกเอามาก ๆ หากได้รับมอบหมายให้ทำการใด ๆ ในกลุ่มคนจำนวนมาก ก็จะสามารถทำได้ดี โดยไม่มีอาการเก้อเขินหรือเอียงอายใด ๆ ทั้งสิ้นและยังคบหากับคนทั่วไปได้โดยง่ายนอกจากนี้ยังเป็นคนที่ชื่นชอบการแต่งตัวมาก 
ย้ิมเม้มปาก
            การยิ้มในลักษณะนี้ จะไม่เห็นฟันของคนยิ้ม มีเพียงรูปปากที่แย้มออกเท่านั้นที่บอกว่าเขากำลังยิ้มอยู่ สำหรับอุปนิสัยของคนที่มีการยิ้มแบบนี้นั้น ออกจะเป็นคนที่ระมัดระวังตัวสูงอยู่สักหน่อย แถมยังมีโลกส่วนตัวมาก ๆ อีกด้วย ชอบที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า จึงมีน้อยคนที่จะสามารถเข้าหาจนถึงขั้นสนิทสนมด้วยได้ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง รักสันโดษชอบใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติอย่างเช่นในชนบท มากกว่าในเมืองใหญ่
ยิ้มปุ๊บปั๊บ
            คนที่มีลักษณะการยิ้มแบบเร็ว ๆ แล้วก็หุบยิ้มเสีย จะว่าไปก็คือการยิ้มที่ไม่ได้ออกมาจากใจจริงซักเท่าไหร่ แต่เป็นการยิ้มตามมารยาทมากกว่า ส่วนลักษณะนิสัยของคนที่มีการยิ้มเช่นนี้ บ่งบอกถึงการเป็นคนที่มีพลังกระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลา และจะตื่นเต้นได้ง่ายกับสิ่งเร้าใจที่แปลก ๆ ใหม่ ๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะเป็นคนที่สับสนได้ง่ายกับสิ่งที่คลุมเครือ เพราะจะเป็นคนที่ค่อนข้างใจร้อนและชอบในความชัดเจนมากกว่า
ยิ้มยั่วยวน
            ยิ้มแบบยั่วยวนนั้น ส่วนใหญ่มักจะมีให้เห็นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในนิตยสารแฟชั่นต่าง ๆ แต่ว่ารอยยิ้มของเหล่านางแบบนั้น อาจแสร้งทำขึ้นมาเพื่อความเหมาะสมกับท่าทางและเสื้อผ้า แต่ทว่าสำหรับคนที่มีรอยยิ้มเช่นนี้อย่างแท้จริงนั้น นิสัยมักจะเป็นคนที่ชอบจนถึงขั้นหลงใหลในเรื่องความรักเป็นพิเศษ และยังชอบเพ้อฝันกับเรื่องสวย ๆ งาม ๆ มากกว่าที่จะสนใจความเป็นจริงของชีวิต จึงมักมีความสามารถสูงในเรื่องเกี่ยวกับความสวยงามหรือศิลปะ
ยิ้มมุมปาก
            ลักษณะการยิ้มที่เป็นเพียงแค่กระตุกมุมปากเสียหน่อย เหมือนไม่ค่อยเต็มใจจะยิ้มสักเท่าไหร่นั้น บ่งบอกถึงอุปนิสัยที่เป็นคนค่อนข้างเข้าใจยากทีเดียวเพราะมักจะมีความซับซ้อนในตัวเองสูง อารมณ์แปรเปลี่ยนรวดเร็ว แต่ว่าก็จะเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้งคมคาย เพียงแต่อาจแปลกและแตกต่างจากคนทั่วไปมาก จนบางทีคนอื่นถึงกับตามไม่ทัน นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการเป็นนักจิตวิทยา ที่พูดจาปลุกเร้าผู้คนจำนวนมากได้ไม่ยากเลย
ยิ้มตาหยี
            สำหรับคนที่เวลายิ้มแล้วตามักจะหยีหรือย่นนั้นบ่งบอกถึงนิสัยของการเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเอามาก ๆ เพราะถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างไร ก็จะยังสามารถหัวเราะได้อย่างน่าแปลกใจทีเดียวนอกจากนี้ ยังบ่งบอกถึงการเป็นบุคคลที่มีอารมณ์ขัน ชอบทำให้คนรอบข้างยิ้มแย้มอยู่เสมอ และยังเป็นคนที่สามารถนำประสบกาณณ์ของตนมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณค่าแทบทุกเรื่อง เรียกว่าไม่มีวันเสียหละ ที่จะปล่อยให้ประสบการณ์ไร้ประโยชน์
ยิ้มเยือกเย็น
            สำหรับบุคคลที่มีรอยยิ้มอันเยือกเย็นนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากหรอกนะ เพราะเพียงแค่ยิ้มออกไป คนที่มองอยู่รู้สึกได้ไม่ยากถึงความเย็นจากรอยยิ้มนั้น ส่วนอุปนิสัยของคนที่มีรอยยิ้มเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเป็นคนที่บุคลิกน่าเชื่อถือและไว้วางใจให้เห็นเป็นอันดับแรก แต่ลึก ๆ ลงไปข้างใน จะเป็นคนที่ไม่เชื่อมั่นใจตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว ทั้งยังเป็นคนที่ซื่อเอามาก ๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมซับซ้อนกับใครเขาเลย และมีความเป็นนักประนีประนอมสูงอีกด้วย


คราวนี้เราลองมาวิเคราะห์อาการยิ้มที่บ่งบอกถึงอารมณ์และความรู้สึกกันดูนะจ๊ะ
1. ยิ้มเย็น : ยิ้มแบบนี้จะเท่มากสำหรับพระเอก(555555) บางทีจะเป็นการยิ้มอย่างใจเย็น, ยิ้มแบบคิดอะไรไว้ในใจ(อาจจะเป็นเรื่องน่ากลัวและคาดไม่ถึง), ยิ้มอย่างผู้ชนะ(ไม่ใช่การยิ้มเยาะนะคะ)
2. ยิ้มพราย : คิดอะไรไว้ในใจแหงมๆ เลย
3. ยิ้มเจ้าเล่ห์, ยิ้มอย่างมีเลศนัย : ตามชื่อเลยค่ะ กำลังคิดอะไรร้ายๆ แน่ๆ
4. ยิ้มยั่ว, ยิ้มเย้า, ยิ้มยั่วเย้า : คือการยั่วอย่างเห็นๆ อาจจะยั่วให้โมโห ยั่วให้หลุดปากพูดอะไรออกมา(ที่มันเป็นความลับ)
5. ยิ้มยั่วยวน : ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงค่ะที่ยิ้มอย่างนี้(ถ้าชายก็คงไม่ใช่ชายแท้นักหรอก) ยิ้มแบบนี้ถ้าใช้ในผู้หญิงสวยๆ จะดูมีเสน่ห์มากขึ้นอีกเท่าตัวเลยค่ะ
6. ยิ้มยียวน : กวนประสาท...
7. ยิ้มเย้ย : คนยิ้มชนิดนี้จะเป็นคนที่กำลังได้เปรียบหรือเป็นต่อ(เช่น พระเอกถูกมัดมือมัดเท้า โดนอัดซะน่วมก็ยังจะยิ้มเย้ย เป็นทำนองว่า ‘แค่นี้เองเหรอ จิ๊บๆ ว่ะ’ ...55555555)
8. ยิ้มเยาะ, ยิ้มหยัน, ยิ้มเยาะหยัน : ตามชื่อเลยค่ะ คือการเยาะเย้ย ถากถางกันเห็นๆ ยิ่งถ้าบรรยายว่า‘เหยียดยิ้มเยาะหยัน’ อะไรทำนองนี้ มันจะให้ความรู้สึกว่าเยาะเย้ยมากถึงมากที่สุดจนแทบจะทนไม่ได้!
9. แสยะยิ้ม : เป็นการยิ้มแบบราชสีห์จะตะครุบเหยื่อค่ะ ยิ้มแบบนักเลง ยิ้มอย่างผู้อยู่เหนือกว่าและกำลังอยู่ในโหมดโหด
10. ยิ้มเหี้ยม, ยิ้มเหี้ยมเกรียม : อันนี้ก็โหดค่ะ แต่โหดแบบวางแผนร้ายๆ เอาไว้แล้ว ...เหี้ยมโหด ว่างั้น 55555
11. ฝืนยิ้ม : ส่วนใหญ่ผู้ที่ยิ้มแบบนี้จะอยู่ในอารมณ์ที่ไม่เต็มใจจะยิ้ม อาจจะกำลังเศร้า โศก ทุกข์ เครียด กังวล ไม่สบายใจ หรือไม่อยากจะยิ้มเลยแม้แต่น้อย ก็เลยทำให้กลายเป็นรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาแบบเสียไม่ได้
12. ยิ้มเซียวๆ : เหนื่อย หมดแรง ป่วย ใกล้ตาย(เฮ้ย?) อะไรทำนองนี้ค่ะ
13. ยิ้มบางๆ : ยิ้มอย่างนี้มีหลายอารมณ์มาก บางคนยิ้มเพราะไม่รู้จะทำอะไรดี(นอกจากยิ้ม) ยิ้มแบบปนเอ็นดูเล็กน้อย อาจจะขำขันก็ได้
14. ยิ้มนิดๆ, ยิ้มน้อยๆ : สำหรับคนยิ้มยากโดยเฉพาะ หรือคงจะสมเพชอะไรสักอย่าง(?) ไม่รู้จะพูดหรือตอบรับอะไรดีก็เลยยิ้มแทน(แต่เพราะไม่รู้จะยิ้มทำไม ผลก็คือกลายเป็นยิ้มนิดๆ เล็กน้อยต้อยตีวิด(?)) ส่วนยิ้มน้อยๆ จะคล้ายกัน(หรือเหมือนกันก็ได้) แต่ว่ายิ้มน้อยๆ จะดูน่าเอ็นดูกว่าค่ะ


15. ยิ้มมุมปาก : (สำหรับพระเอกจะเท่มาก ยิ่งหัวเราะหึๆ ด้วยแล้ว จะเท่สุดๆ) ยิ้มแบบนี้กำลังคิดอะไรได้แน่ๆ หรือกำลังคิดอะไรอยู่ก็เป็นได้ (คิดอะไรอยู่กับคิดอะไรได้ มันต่างกันนะคะ อย่า”งง”ล่ะ =O=)
16. ยิ้มแยกเขี้ยว : ยิ้มแบบพยายามระงับอารมณ์สุดๆ
17. ยิ้มหวาน : โลกกำลังสุนทรีย์ค่ะ สวยงาม อ่อนหวานและนุ่มนวล แต่...บางทีการยิ้มหวานก็เป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวที่สุดเลยนะคะ เคยได้ยินกันไหม...”น้ำผึ้งอาบยาพิษ” น่ะ ดังนั้น รอยยิ้มแบบนี้นอกจากจะแปลไปในทางบวกคืออ่อนหวานและนุ่มนวลแล้ว มันก็ยังเป็นยิ้มอันตรายที่ซ่อนอะไรๆ ไว้อย่างมิดชิดเลยล่ะค่ะ
18. อมยิ้ม : เป็นยิ้มแบบปากปิดสนิท รอยยิ้มนั้นจะบางๆ แต่ระบายเต็มริมฝีปาก บางทีแก้มทั้งสองข้างอาจจะป่องออกมาเล็กน้อย(ย้ำว่า เล็กน้อย)
19. ยิ้มๆ : ยิ้มไม่จริงจังนัก เรื่อยๆ ยิ้มแบบขำๆ หรือยิ้มอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวก็หุบ(?)
20. ยิ้มสดใส : กำลังสดใส ร่าเริง และมีความสุขสุดๆ (บางทีเวลายิ้มก็อาจจะมีออร่าสีเหลืองสดใสพวยพุ่งออกมา << เว่อร์ล่ะ 555)
21. ยิ้มอ่อนโยน : ตามตัวค่ะ อ่อนโยนและนุ่มนวล
22. ยิ้มระรื่น : กำลังสุขใจ สนุกและบันเทิงใจมากๆ
23. ยิ้มแห้งๆ : ยิ้มแบบไร้อารมณ์และรสชาติมาก ยิ้มแบบคนกำลังเสียเปรียบ ยิ้มแบบถูกจับได้ว่าทำอะไร(ผิด)
24. ยิ้มแหย, ยิ้มเหย, ยิ้มเหยเก : ยิ้มพร้อมทำหน้าเมื่อยและเพลีย คล้ายกับยิ้มแห้งๆ แต่ยิ้มแหยจะฉีกปาก(?)กว้างกว่าเล็กน้อย
25. ยิ้มฝืดๆ, ยิ้มฝืดเฝื่อน : นี่ก็ไร้อารมณ์มากกว่ายิ้มแห้งอีก ไม่มีอารมณ์จะยิ้มอย่างที่สุด ยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้(มากๆ) เป็นการฝืนยิ้มมากมาย
26. ยิ้มแปลกๆ : เดาอารมณ์ยากมาก อาจจะคิดอะไรอยู่ในใจ แล้วตัวเองก็สมเพช(?) ขำ หรือความรู้สึกอื่นๆ ต่อความคิดนั้น

         เพือน ๆ คิดว่าเคยเห็นโหย่วเผิงยิ้มในแบบไหนไปแล้วบ้าง  ก็ลองเดากันดูเองนะจ๊ะ  แต่ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มในอิริยาบทไหน  ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มในชีวิตจริง  หรือรอยยิ้มในบทบาทการแสดง  โหย่วเผิงก็ยังเป็นชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ที่สุดอยู่ดี  โดยเฉพาะ อมยิ้มน้อย ๆ  สายตามีเลศนัย  ออกแนวเจ้าเล่ห์หน่อย ๆ เห็นแล้วกระตุกหัวใจสาว ๆ น่าดู  เวลาโหย่วเผิงยิ้มแบบนี้ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่หัวใจละลายจะขาดใจตายกันเป็นแถบเป็นแถว  จริงมั้ยจ๊ะ.......



 :P :P :P :P :P

Chotiga

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 270
    • ดูรายละเอียด
 :) ;D :P มุ่งมั่นตั้งใจ : ก้าวเดินต่อไปไม่เคยย่อท้อ  :P  ;D :)
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)



        สำหรับเหตุผลในข้อนี้นั้นอยากจะขอยกเอาบทความ ในหลายบทหลายตอนที่มีอยู่แล้วในบ้านเผิงของเรามาประกอบสักเล็กน้อย  เพราะข้อเขียนเหล่านั้นสามารถแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการก้าวเดินบนเส้นทางสายที่โหย่วเผิงได้เลือกแล้วอย่างไม่เคยย่อท้อ  เพื่อน ๆ ลองอ่านดูนะจ๊ะ  แล้วจะมองเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของโหย่วเผิงของพวกเรา
       “ท่านผู้ชมที่เคยรู้จัก ในปี 1988 ซูโหย่วเผิง ได้โด่งดังเป็นพลุแตก จากวง "เสี่ยวหู่ตุ้ย"  ได้เข้าสู่วงการบันเทิง ปี 1997 ได้แสดงละครเรื่อง (องค์หญิงกำมะลอ)  ปี 2009 ได้แสดงหนังเรื่อง The message อาชีพทางด้านการแสดงของเขาสามารถแบ่งเป็น 3 ระดับขั้นอย่างชัดแจ้ง ความสมหวังราบรื่นยังห่างไกลที่จะกล่าวถึงได้ มีเพียงลมๆแล้งๆซึ่งผ่านมาหลายปีแล้ว ความขยันขันแข็งของตัวเขาเองยังโด่งดังมากว่า 20 ปี จนกระทั่งเวลาใกล้ๆนี้ได้รับตุ๊กตาทองฝ่ายชายยอดเยี่ยมในงานภาพยนตร์สากลเมืองม๋าเก๊าอย่างแน่นอน พฤติกรรมแท้จริงของเขาซึ่งผู้คนยังเคยรู้จักเขาแล้วจึงเห็นความหมายของ คำว่า "ยืนหยัด" นี้
         ซูโหย่วเผิง คือนักแสดงคนหนึ่งที่พวกเราชื่นชอบมาก เพราะว่าไม่เพียงเขาคือ “ไกวๆหู่” ใน “วงเสี่ยวหู่ตุ้ย” เพราะว่าไม่เพียงเขาทำการบ้านอย่างดีเลิศ ในปีนั้นเป็นผู้สอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับที่ 5 ของไต้หวันทั้งประเทศ เพราะว่าไม่เพียงแต่เพลงของเขา และไม่เพียงเขาได้แสดงบทบาทเข้ามานั่งถึงจิตใจคนอีกสิ่งสำคัญกว่านี้ความรักอันยิ่งใหญ่ของเขากับบทบาทการแสดงได้เข้าถึงจิตใจผู้ชมอย่างลึกซึ้ง และยิ่งสำคัญกว่านี้เขามีจิตใจที่เมตตา ชอบการกุศล ความเข้าใจการแสดงยังไม่เพียงพอ แต่ว่าผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ได้ตีพิมพ์ลงข่าวเกี่ยวกับการร่วมกิจกรรมการกุศลของเขา คงไม่ใช่เรื่องเท็จแน่นอน
         เป็นนักแสดงนั้น เขาแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมกับพลังอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง เรียกร้องผู้คนกระทำการกุศล ไม่คิดว่าตัวเองเป็นดาราที่ยิ่งใหญ่ แต่คิดว่าการกุศลสมควรที่จะได้รับการแบ่งปัน ให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันตัวเขาเองแอบไปช่วยเหลือคนอย่างมากมายแบบเงียบๆ เรื่องเหล่านี้นักข่าวไม่เคยตีพิมพ์ลงข่าว ผู้คนทั่วไปล้วนเป็น “ผู้ชื่นชอบ ซูโหย่วเผิง “ บุคคลต่างๆมากมายที่เคยรับการช่วยเหลือ ได้ปรากฏพบเห็นเขาทำจนเหงื่อโชกท่วมตัวหนทางการกุศล เขาได้นำพาบุคคลผู้ชื่นชอบ(FC) มุ่งหน้าก้าวสู่หนทางระดับชุมชน
         ซูโหย่วเผิงมักจะถูกเรียกชื่อแทนคำว่า หนุ่มรูปงาม,หนอนหนังสือ,รักเดียว,จอมยุทธ์ ในสายตาของ นักสร้างหนังและผู้กำกับหลายคน แต่ว่าอายุได้ผ่านไป 37 ปีของซูโหย่วเผิง ไม่คาดคิดเรื่องขอบเขตคับแคบ คนอื่นได้หยิบยื่นให้เขาใส่กรอบไว้ ดังนั้นเขาจำใจยกเลิกละครหลายเรื่อง มีใจเป็นหนึ่งเดียวกันตามหาอุดมคติของตนเอง เพราะฉะนั้น พระเอกหนุ่มรูปงามมาก ทุกปีเปิดเผยรายรับแบบไม่เกรงใจ แล้วสร้างสถิติใหม่โดยขณะนั้นบนป้ายบอร์ด-billboard ตัวเองได้รับความนิยม ซูโหย่วเผิง ยอมเก็บแววซ่อนเร้น สิ้นเปลืองเวลามากเพื่อเติมพลังของตัวเอง คัดเลือกบทที่ดีให้แก่ผู้ชมดู ความไม่เหมือนกันของ ซูโหย่วเผิง โดยแสดงรับผิดชอบต่อตัวเอง
         เขายอมทิ้งเงินก้อนโต ตรงกันข้ามกลับใช้แรงกายแรงใจสนับสนุนสาธารณะประโยชน์การกุศล โหย่วเผิง ลดตัวสู่รากหญ้า ไม่สร้างกระแสเหมือนคนอื่นหาเงินแบบเบิกบานใจ แต่เขากลับยอมควักกระเป๋าเงินแบบเงียบๆ คนอื่นมีใจละโมบ เขามีใจรักบุญยิ่งกว่าและยอมจ่าย
         โหย่วเผิงฉลาดจริงจัง ใจดี เขาเข้าใจเปรียบเทียบหลายๆชนบท ซึ่งมีชื่อเสียงมาจากโรงเรียนวิชาหนังละครของนักแสดงทั้งหลาย เขาไม่ใช่มาจากชั้นห้องเรียนหนังละครหรือนักร้อง จำต้องนำออกมาเปรียบเทียบกับนักแสดงคนอื่นยิ่งต้องขยันเพิ่มมากขึ้น การนิ่งเงียบของเขากำลังทำเพื่ออนาคตตัวเอง ยิ่งต้องสร้างพื้นฐานถนนกว้างใหญ่ขึ้น สุภาษิตคน ยูนนานกล่าวไว้ว่า (เทียนกงเถิงฮันเหริน) สวรรค์ชอบคนดีซื่อสัตย์ ก็คนไถหว่าน (ขยันสู้) แบบเงียบๆท้ายสุดสวรรค์จึงเมตตาท่าน”


          ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นข้อเขียนของบ้านเผิง  ต้องขอโทษจริง ๆ ที่ลืมกระทู้จะใช้อ้างอิงให้เพื่อน ๆ เข้าไปอ่านต้นฉบับได้ว่าอยู่ตรงส่วนไหนของบ้าน  จำได้แต่ว่าข้อเขียนนี้เป็นของ “พี่หมิง”  แต่จำไม่ได้จริง ๆ ว่าอยู่หน้าไหน  แต่จากข้อเขียนนี้เชื่อว่าเพื่อน ๆ คงได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการก้าวเดิน และการดำเนินชีวิตของโหย่วเผิงได้เป็นอย่างดี  และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชายคนนี้ติดอยู่ในดวงตาและตรึงอยู่ในดวงใจของพวกเรามายาวนานและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป.




 ::) :P :) ;D

bewty

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 24
    • ดูรายละเอียด

Chotiga

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 270
    • ดูรายละเอียด
 :) ;D ::) :P กระดังงาลนไฟ : ผู้ชายอะไรยิ่งสูงวัยยิ่งเร้าใจ  :P ::) ;D :)
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)



      โดยปกติธรรมดาของสิ่งมีชีวิตบนโลก  เมื่อวันเวลาผ่านเลยไปช่วงวัยล่วงเลยจากวัยเด็กสู่วัยหนุ่มสาว  ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่  จวบวัยกลางคน  รูปร่างหน้าตาก็จะเปลี่ยนแปลงไป  มีน้อยคนนักที่จะรักษาความสดชื่นแจ่มใสแห่งช่วงวัยไว้ได้ตลอด  แต่ก็มีอีกหลายคนยิ่งเจริญวัยยิ่งดูดีมีสง่า  โหย่วเผิงของพวกเราก็เช่นกัน  เมื่อยามเด็กก็ร่าเริงแจ่มใส  ยามหนุ่มน้อยก็หล่อเหลาชวนมอง  จนถึงทุกวันนี้เป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว  ก้าวสู่วัยกลางคนที่ยิ่งโตเป็นผู้ใหญ่ก็ยิ่งน่าหลงไหล  มีเสน่ห์เร้าใจ  ชวนให้ค้นหาและติดตาม  อยากจะใช้คำว่า “ผู้ชายอะไรยิ่งสูงวัยยิ่งเร้าใจ  เสมือนหนึ่งกระดังงาลนไฟก็ไม่ปาน” ความจริงแล้วคำว่า กระดังงาลนไฟ เป็นสำนวนไทยสำนวนหนึ่ง  แต่สำหรับในประเด็นนี้  ขอใช้ความหมายตรงตัวของกระดังงาที่นำมาลนไฟจริง ๆ ไม่ใช่สำนวนไทย มาเล่าให้เพื่อน ๆ ได้ลองวิเคราะห์กันดูดีกว่าว่าเป็นจริงตามนี้หรือไม่  กระดังงาเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม  และกลิ่นของดอกกระดังงาจะยิ่งหอมเมื่อแก่จัดเหมือผลไม้สุกยิ่งงอมก็ยิ่งหวาน  เช่นเดียวกันกับกลิ่นดอกกระดังงา  ยิ่งบานจัดใกล้โรยยิ่งมีกลิ่นหอมแรง  และยิ่งหอมเย้ายวนมากขึ้นเมื่อนำดอกกระดังงาไปลนไฟ  กลิ่นหอมจะยิ่งรัญจวนใจและหอมได้นานยิ่งขึ้น  เช่นเดียวกันกับซูโหย่วเผิง  ชายหนุ่มที่ผ่านช่วงวัยเหมือนกับกระดังงานที่กำลังเบ่งบานเต็มที่ส่งกลิ่นหอมหวลฟุ้งกระจายขจรไปไกล และยิ่งไกลออกไปเรื่อย ๆ  กลิ่นหอมเย้ายวนของดอกกระดังงารัญจวนใจแค่ไหน  เสน่ห์มัดใจของโหย่วเผิงก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันและคงนานเท่านาน.”










 :P :( ;D :) ::)

Chotiga

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 270
    • ดูรายละเอียด
 :) :D ::) :Pสุภาพบุรุษชุดขาว  :  เทวดาตัวจริงที่มีตัวตน :P ::) ;D
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)



          เชื่อว่าหลายครั้งที่เพื่อน ๆ อาจเห็นโหย่วเผิงเวลาออกงานต่าง ๆ มักแต่งตัวสีขาวไปออกงาน  เวลาเห็นโหย่วเผิงใส่สีขาว  ทำให้มีความรู้สึกว่านี่แหละเทวดาตัวน้อยของฉัน  เป็นเทวดาที่ฉันสามารถสัมผัสได้จริงใจโลกมนุษย์  เห็นแล้วทำให้รู้สึกบริสุทธิ์  วันนี้ก็เลยอยากเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสีขาว 
       ทุกวันนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้นะคะว่าสีนั้นมีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา สีแต่ละสีนั้นให้ผลในทางจิตวิทยา ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้คนเรามีความรู้สึกต่างกันไปตามสีนั้น ไม่ว่าจะเป็นรู้สึกผ่อนคลาย, เยือกเย็น, หม่นหมอง ฯลฯ ปฏิกิริยาที่มีต่อสีใดสีหนึ่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น วัฒนธรรม หรือความเป็นสากล ยกตัวอย่าง คนจีนถือว่าสีแดงเป็นสีแห่งความโชคดีส่วนในทางสากลถือว่าสีแดงหมายถึงความรัก  ลองมาดูความหมายและความเชื่อของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับสีขาวกันดูสักหน่อยดีไหมจ๊ะ

ความหมาย: สีขาวมักจะสื่อความหมายถึง  เทวดา, สันติภาพ, บริสุทธิ์, เคารพนับถือ, เลื่อมใสศรัทธา, ความเรียบง่าย, ความสะอาด, ไร้เดียงสา, หนุ่มสาว, การเกิด, หน้าหนาว, หิมะ, ความดี, ปลอดเชื้อ, หนาวเย็น, ชัดเจน, สมบูรณ์แบบ, ยุติธรรม, ความปลอดภัย, คิดบวก, บุญกุศล, ความสำเร็จ, สิ่งประดิษฐ์, เป็นเอกภาพ, เสียสละเพื่อส่วนรวม, พระเจ้า, ผู้หญิง

รู้หรือไม่: สีขาวนั้นแสดงถึงความเรียบง่าย ปลอดภัยและ สะอาด นิยมใช้กับพวกของไฮเทคทั้งหลาย เช่นคอมพิวเตอร์ และพวกอุปกรณ์ทางการแพทย์ค่ะ

         คราวนี้มาเจาะประเด็นกันเลยดีกว่า  สำหรับคนที่ชอบแต่งตัวด้วยสีขาว  แสดงว่าเป็นคนเรียบร้อยนะ แต่ก็จริงจังในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ รวมไปถึงเรื่องความรักและหัวใจ ชอบการมีคู่รักที่ตรงตามมาตรฐานส่วนตัวคือต้องสะอาด เปิดเผย อบอุ่น มีรสนิยมดีและพร้อมแชร์ชีวิตด้วยกันอย่างมั่นคง  อีกอย่างหนึ่งก็คือต้องการมิตรภาพที่บริสุทธิ์ ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนนาน กับความรักที่ลงตัวในทุกๆ ด้าน

         เวลาเครียดมากๆ พักสายตาโดยมองท้องฟ้าที่มีเมฆขาวจะทำให้รู้สึกดีกับชีวิตมากขึ้น   สีขาว แทนความกว้างใหญ่ไพศาลอย่างหาที่สุดไม่ได้ คนที่ชอบสีขาวจะเป็นคนที่มีความเชื่ออย่างแรงกล้า แถมยังเป็นความเชื่อที่เปี่ยมไปด้วยเหตุผลอีกด้วย จะเป็นคนซื่อสัตย์ จิตใจขาวสะอาดเหมือนสีที่ชอบ ใครที่ได้อยู่ใกล้ชิดจะรู้สึกอบอุ่น และคุณเองก็ต้องการให้คนอื่นมาสนใจ และมองเห็นความสำคัญของตัวคุณด้วย มักพบในนักการธนาคารรวมทั้งคนที่ชอบศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์  ยึดมั่นในความจริง  ใจบุญ มีความเมตตา กรุณา ประนีประนอม 

      จำได้ว่าเคยอ่านบทสัมภาษณ์ถึงความชอบส่วนตัวของโหย่วเผิง  ที่ชอบใส่เสื้อผ้าสีขาว  ยิ่งทำให้ยิ่งเห็นด้วยกับความเชื่อและคำทำนายเหล่านี้  เพื่อน ๆ ว่าจริงมั้ยจ๊ะ  วันนี้ก็เลยเก็บภาพของโหย่วเผิงที่ใส่สีขาวมาฝากเพื่อน ๆ  เล็ก ๆ น้อย ๆ นะจ๊ะ เพราะถ้าหากเพื่อน ๆ ได้ติดตามชายหนุ่มคนนี้มาพอสมควร  คงจะได้เห็นแล้วว่าเขาเป็นเทวดาตัวน้อยในชุดขาวที่น่ารักที่สุดในโลก........อิอิ




 ;D ::) :P :-[

Chotiga

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 270
    • ดูรายละเอียด
 :) :D ;D  อีกซักหน่อยนะจ๊ะ ::) :P :-[ ;D


 :P ;D :D ::)

Chotiga

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 270
    • ดูรายละเอียด
 :) ;) ::) :P  รองเท้าสีเจ็บ ๆ : ถ้าไม่ใช่ต้องใส่ออกงาน แต่งสบาย ๆ          ให้สีเจ็บไว้ก่อน  :P ::) ;D ;)
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)



           ไม่รู้ว่ามีเพื่อน ๆ คนไหน  ใครเคยสังเกตกันบ้างหรือเปล่าจ๊ะ  ว่าพ่อยอดชายนายเผิงของเราเนี่ย  มักจะเลือกใส่รองเท้าสีเจ็บ ๆ ตลอด  โดยปกติแล้วโหย่วเผิงนั้นเป็นคนที่พิถีพิถันในการแต่งกายอยู่แล้วตามแบบฉบับของชาวราศีกันย์ที่ต้องรักษาเสน่ห์ในตัวเองไว้ตลอดเวลา  แน่นอนในเวลาที่จะต้องแสดงตัวต่อที่สาธารณะจะต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี  เหมาะควรต่อจังหวะ  เวลา  สถานที่  และกิจกรรมที่เข้าร่วม สมกับที่ได้รับรางวัลนักแสดงที่แต่งกายดีมาโดยตลอด  แต่ถ้าหากเวลาใดที่ไม่เป็นทางการนัก  เป็นเวลาส่วนตัวหรือเวลาที่สบาย ๆ พวกเราก็จะมีโอกาสได้เห็นอีกหลากหลายสไตล์ในการแต่งตัวของโหย่วเผิง  ซึ่งในบางครั้งก็ทำให้พวกเราแอบอึ้ง  และทึ่งในการดีไซน์เครื่องแต่งกายอยู่เหมือนกัน  และไม่ว่าจะแต่งออกมาในสไตล์ไหน  โหย่วเผิงก็ยังดูดี  มีเสน่ห์ในทุกอิริยาบถอยู่ดีนั่นแหละ  แต่ที่อยากพูดถึงมากที่สุดในวันนี้ไม่ใช่สไตล์ในการแต่งตัวของโหย่วเผิง  แต่อยากจะเขียนถึงการเลือกใส่รองเท้าของหนุ่มหน้ามลคนนี้  ถ้าเพื่อน ๆ จะสังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่าถ้าไม่ใช่การไปงานโชว์ตัวต่าง ๆ  เขามักจะสวมใส่รองเท้าในสไตล์สบาย ๆ  โดยเฉพาะรองเท้าผ้าใบสีเจ็บ ๆ  สีสันสดใส  ทำให้ดูกระฉับกระเฉง  คล่องตัว 
             ถึงแม้ว่าผู้ชายหลายคนจะไม่ได้สนใจเรื่องของแฟชั่นการแต่งกายมากเท่าผู้หญิง แต่ยังมีเครื่องแต่งกายอีกหนึ่งที่ผู้ชายให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ก็คือรองเท้านั่นเอง ซึ่งรองเท้าที่ใส่กันอยู่ทุกวัน อันที่จริงมันบอกอะไรได้เป็นนัย ๆ กว่านั้นเยอะ เพราะนอกจากเรื่องของรสนิยมส่วนตัวแล้ว ยังบอกถึงตัวตนของผู้สวมใส่ได้อีกด้วย โดยในวันนี้ได้นำข้อมูลการทายนิสัยของผู้ชายจากรองเท้าแบบต่าง ๆ มาบอกกัน แล้วดูสิว่าจะตรงใจใครกันบ้างหรือเปล่า
   หนุ่มที่สวมรองเท้าของ Timberland

          รองเท้าบูทหนังสีน้ำตาล ดีไซน์เรียบเก๋ พร้อมพื้นรองเท้าที่แข็งแรงทนทาน ถือเป็นลักษณะเฉพาะของรองเท้าทิมเบอร์แลนด์ (Timberland) ผู้ผลิตรองเท้าจากอเมริกา ซึ่งสำหรับคนที่ชอบรองเท้าสไตล์นี้ คุณมักมีตัวตนที่ดูถึก ห้าวและแกร่งไม่น้อย แต่ลึก ๆ แล้วข้างในเป็นคนจิตใจดี ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง และหาสิ่งท้าทายใหม่ ๆ ตลอดเวลา ส่วนกับสาว ๆ แล้ว คุณถือเป็นคนดีเลยทีเดียว ทั้งมีน้ำใจ อดทน และซื่อสัตย์กับเธอมาก ไม่ว่าจะมีเรื่องขัดใจกันมากแค่ไหน ซึ่งเป็นไปตามลักษณะเด่นของรองเท้าคู่นี้ คือถูกสร้างให้ทนทานอย่างที่สุดนั่นเอง
             หนุ่มที่ชื่นชอบรองเท้า Boat Shoe     รองเท้าทรงเล็ก แบน ใส่สบาย เป็นลักษณะเฉพาะตัวของรองเท้าโบ๊ท ชู เหมาะกับการเป็นรองเท้าที่สวมใส่ในวันสบาย ๆ หรือจะใส่ทำงานก็ยังไหว หากคุณชอบใส่รองเท้าชนิดนี้ ถือว่าเป็นคนมีรสนิยมดีเลยทีเดียว รู้จักแต่งตัว แต่ขณะเดียวกันก็เป็นคนฟุ้งเฟ้อ ชอบทานอาหารแพง  มีพฤติกรรมแปลก ๆ และยังดูเป็นหนุ่มเจ้าสำราญไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้น สาว ๆ ก็อาจไม่กล้าคุยด้วย  เพราะเธอไม่แน่ใจว่าคุณชอบเธอหรืออยากเป็นเพื่อนสาวของพวกเธอกันแน่
             หนุ่มที่ชอบใส่รองเท้า Converse รองเท้าที่บรรดาเด็กแนวต่างชื่นชอบ ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย ใส่สบาย และถ้าหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบรองเท้าแบบนี้ล่ะก็ คุณคือหนุ่มที่เข้าใจโลกและปรับตัวได้ง่ายกับทุกสถานการณ์ วางตัวได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะอยู่ในปาร์ตี้หลังบ้านและงานพรมแดง ทุกคนที่มีโอกาสพูดคุยด้วยจะรู้สึกสบายใจ และสัมผัสถึงตัวตนของคุณโดยไม่ต้องป่าวประกาศใด ๆ ผู้หญิงจึงชื่นชอบผู้ชายกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อย แถมหนุ่มสวมคอนเวิร์ส ยังชอบชีวิตอิสระ และมีวิถีชีวิตที่รักสนุก ทั้งชอบดูคอนเสิร์ต ดูภาพยนตร์ เป็นนักฟังเพลง หรือบางคนอาจเป็นหนอนหนังสือเลยก็ได้ จัดว่าเป็นหนุ่มที่มีเสน่ห์เหลือล้นเชียวล่ะ   
             หนุ่มที่ชอบความสบายด้วยการใส่รองเท้าแตะ รองเท้าแตะดูจะเหมาะกับวันสบาย ๆ ริมชายหาดมาก ซึ่งนี่บ่งบอกตัวตนของหนุ่มกลุ่มนี้ได้ดี โดยผู้ชายที่ชอบใส่รองเท้าแตะมักเป็นคนสบาย ๆ ไร้พิษภัย แต่มักไม่ค่อยเอาจริงเอาจังกับอะไรมากนัก ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้หนุ่ม ๆ กลุ่มนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากสาว ๆ มากนัก แถมยังดูเป็นเด็กไม่รู้จักโตอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ชายทุกคนก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสียหรอกนะ อ้อ แล้วอย่าใส่ถุงเท้าคู่กับรองเท้าแตะล่ะ เพราะมันจะดูประหลาดมากเลย
             หนุ่มผู้ชื่นชอบรองเท้าสไตล์ Hipster  ฮิปสเตอร์ (Hipster) จัดเป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบสิ่งที่มีสีสันมากมายอยู่ตลอดเวลา และมีความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่เสมอ  ซึ่งนั่นทำให้รองเท้าของบรรดาคนกลุ่มนี้ มักมีดีไซน์ที่เรียบแต่ดูโดดเด่นด้วยสีสันและลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์เสมอ หนุ่ม ๆ ในกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่จะมีวิถีชีวิตที่แตกต่างและเป็นตัวของตัวเองอย่างมาก อาจมีรสนิยมบางอย่างที่ขัดกัน เช่น ชอบของใช้จากท้องถิ่น แต่เวลาทานอาหารต้องร้านหรูเท่านั้น เป็นคนติดเทคโนโลยี แต่ขณะเดียวกันก็ชื่นชอบเพลงหรือภาพยนตร์จากยุคเก่า เป็นต้น ซึ่งบางครั้งเพราะความแตกต่างแบบนี้ ทำให้พวกเขาเข้ากับคนได้ยากสักหน่อย แถมยังมีโลกส่วนตัวสูงลิบ และมักจะเกาะกลุ่มกับคนที่มีลักษณะเหมือนกันเท่านั้น
             หนุ่มที่สวมรองเท้าหรูแบรนด์เนมทั้งหลาย  เมื่อเอ่ยถึงชื่อของรองเท้าแบรนด์เนมอย่าง อาร์มานี่ (Armani) หรือกุชชี่ (Gucci) หลายคนคงขนลุกด้วยราคาที่แพงจนกระเป๋าฉีกได้ง่าย ๆ  แต่หนุ่มคนไหนที่ชอบสวมใส่รองเท้ามียี่ห้อแล้วล่ะก็ ขอทายไว้ก่อนเลยว่าน่าจะเป็นคนมีรายได้ดีซะส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นผลมากจากการทำงานหนัก ความขยัน  และซื่อสัตย์ต่อหน้าที่มากกว่าจะคดโกง แถมยังดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจจากสาว ๆ ด้วยความที่ใช้ของมีราคาแพง ดังนั้น ต้องระวังผู้หญิงที่คิดจะจับคุณด้วยเหมือนกัน  ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมผู้ชายกลุ่มนี้เวลาจะจีบสาวแต่ละทีต้องแน่ใจว่าใช่เสียก่อน แต่เมื่อรู้ตัวว่าใช่แล้ว รับรองว่าจะจับไม่ปล่อยแน่นอนเลยล่ะ
             หนุ่มที่ชอบใส่รองเท้าผ้าใบ   รองเท้าผ้าใบถือเป็นอีกหนึ่งอย่างที่หนุ่ม ๆ ส่วนใหญ่คงมีติดบ้านกัน โดยเฉพาะจากแบรนด์ชั้นนำอย่าง ไนกี้ (Nike), อาดิดาส (Adidas) หรือรีบอก (Reebok) เป็นต้น ซึ่งคนที่ชอบใส่รองเท้าผ้าใบมักเป็นพวกแอคทีฟ เรียบง่ายสบาย ๆ ไปไหนไปกัน มีน้ำใจ แถมยังเป็นคนชอบออกกำลังกายอีกด้วย นอกจากนี้สาว ๆ เมื่อหนุ่มกลุ่มนี้จีบสาว พวกเขาถือได้ว่าค่อนข้างมีน้ำใจและตามใจสาว ๆ เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ หนุ่มสวมผ้าใบจึงเป็นที่รักของสาว ๆ ได้ไม่ยาก เพราะตัวตนที่แสนสบาย ลักษณะนิสัยที่แสนดีของเขานั่นเอง
             หนุ่มที่ชอบใส่รองเท้ากีฬา แน่นอนว่ารองเท้ากีฬาก็ต้องได้รับการออกแบบมาเพื่อใส่เล่นกีฬา  เพราะสีสันและลวดลายนั้นจัดว่าแปลกเมื่ออยู่นอกสนาม แต่ถ้าคุณเอามาใส่ใช้ในชีวิตประจำวันล่ะก็ ฟันธงได้เลยว่าจะต้องเป็นพวกออกแนวเป็นผู้ชายเนิร์ดแน่ ๆ ซึ่งเป็นพวกที่มีความพยายามอย่างสูงจนเชี่ยวชาญและประสบความสำเร็จในด้านนั้น ๆ ในที่สุด และหากหนุ่มกลุ่มนี้ปิ๊งสาวคนไหนขึ้นมาล่ะก็ เขาจะปรนนิบัติดูแลเธอคนนั้นเยี่ยงราชินีเลยทีเดียว นั่งจึงทำให้หนุ่ม ๆ กลุ่มนี้มักเป็นที่นิยมของสาว ๆ ถึงแม้ว่าจะมีภาพลักษณ์ธรรมดาไปสักหน่อยก็ตามที
             หนุ่มที่ชอบสวมบูทหนัง  ถึงแม้ว่าสมัยนี้จะหมดยุคเฟื่องฟูของคาวบอยไปแล้ว แต่แฟชั่นเครื่องแต่งกายแบบคาวบอยยังคงมีให้เห็นอยู่เสมอ และหนึ่งในนั้นก็คือรองเท้าบูทนั่นเอง ซึ่งรองเท้าบูทมักมาพร้อมรูปลักษณ์ที่แข็งแรง ตัดเย็บด้วยหนังชั้นดีมีความทนทาน หนุ่ม ๆ ที่ชอบใส่รองเท้าบูทจึงเป็นกลุ่มหนึ่งที่ดูดีและดูแกร่ง ในเวลาเดียวกันก็ยังรักสบาย ชอบความอิสระ แต่ก็หัวดื้อและไม่ค่อยยอมใครง่าย ๆ หนุ่ม ๆ กลุ่มนี้จะไม่ค่อยง้อสาว ๆ เท่าไร รวมทั้งยังเป็นคนจู้จี้จุกจิกอย่างมาก แต่ถ้าชอบใครแล้ว จะชอบอย่างจริงจังที่สุด ทว่าก็ไม่ยอมปรับตัวง่าย ๆ หรอก นอกจากนี้ ยังเป็นหนุ่มที่เจ้าชู้พอตัวเลยล่ะ

          เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ   สำหรับการทายนิสัยจากรองเท้าแบบต่าง ๆ ที่นำมาฝากกัน แม่นไม่แม่นก็ลองนำไปสังเกต และบอกต่อกันได้นะ แต่จริง ๆ แล้วนิสัยของคนไม่สามารถวัดได้จากรองเท้าที่ชอบหรอก การเป็นคนดีที่มีนิสัยน่าคบหานั้นไม่ได้อยู่ที่ราคาหรือประเภทของรองเท้า การแต่งกาย หรือการทายนิสัยใด ๆ แต่อยู่ที่การกระทำและเจตนาของคน ๆ นั้นมากกว่า...........จริงมั้ยจ๊ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  http://men.kapook.com/view73996.html

 

 :) ;D ::) :P :o

Ploy

  • บุคคลทั่วไป
หล่อจังค่ะ   :)
ขอสมัครเป็นนางสนมด้วยคนนะคะ ฮ่องเต้  ;D  ;D  ;D

Chotiga

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 270
    • ดูรายละเอียด
 :);D :P 谢谢 ขอบคุณ : ได้ยินจนเหมือนเป็นคำพูดติดปาก :P ;D:)
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)

    มีคำพูดอยู่สามคำที่หลาย ๆ คนคงเคยใช้บ่อย ๆ  เพราะในทางจิตวิทยา  คำสามคำนี้ถือว่าเป็นคำจรรโลงโลก  สามคำที่ว่านั้นก็คือคำว่า “ขอบคุณ” , “ขอโทษ”  และ “ไม่เป็นไร”  และในคำสามคำนี้มีอยู่คำพูดหนึ่งซึ่งมักจะได้ยินบ่อยครั้งมากจากปากของโหย่วเผิง  เพื่อน ๆ จะลองทายกันดูหน่อยไหมจ๊ะว่าเป็นคำไหน  ใช่แล้วจ้าเพื่อน ๆ คำพูดที่โหย่วเผิงใช้บ่อยครั้งมากก็คือคำว่า “ขอบคุณ”  ถ้าเพื่อน ๆ จะได้เห็นโหย่วเผิงปรากฏตัวในที่ต่าง ๆ หรือในรายการต่าง ๆ  คำ “ขอบคุณ” ที่โหย่วเผิงพูดออกมานั้นยิ่งทำให้เพิ่มเสน่ห์ในตัวตนของเขา  ยิ่งทำให้เขาน่ารัก  น่าเอ็นดู  น่าถนุถนอม  และเป็นที่รักของทุกคนมาจนถึงทุกวันนี้  วันนี้เลยแอบลองคิดว่าถ้าตัวเองเป็นโหย่วเผิง  คำกล่าวขอบคุณเหล่านั้นจะสามารถแทนความหมายอะไรได้บ้างนะ
"ข อ บ คุ ณ”
อาจเป็นคำพูดสั้น ๆ เพียงสองพยางค์ 
อาจฟังไม่ได้ไพเราะไปกว่าคำไหน ๆ
แต่เป็นคำที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกจากหัวใจ
แทนทุกความหมายที่ไม่อาจบรรยายเป็นถ้อยคำ




ขอบคุณ . . . สำหรับทุกความห่วงใยและความปรารถนาดี
ขอบคุณ . . . ที่ทำให้คนคนนี้ได้รู้สึกว่าตัวเองยังมีค่า
ขอบคุณ . . . ที่ทำให้รู้จักยิ้มสู้แม้ในวันที่มีน้ำตา
ขอบคุณ . . . ที่เดินเข้ามาและยังไม่เดินจากไป
ขอบคุณ . . . ที่มองเห็นคุณค่าของคนเล็กเล็กคนหนึ่ง
ขอบคุณ . . . ที่ที่ทำให้รู้ซึ้งถึงความรักที่ยิ่งใหญ่
ขอบคุณ . . . ที่สอนให้รู้ว่าโลกนี้ยังมีสิ่งสวยงามมากมาย
ขอบคุณ . . . ที่ที่หยิบยื่นน้ำใจให้กันเสมอมา
ขอบคุณ . . . ที่เอาใจใส่แม้ในเรื่องที่ใครใครไม่สน
ขอบคุณ . . . ที่บอกให้อดทนเมื่อรู้สึกเดียวดาย
ขอบคุณ . . . ที่ทำให้ฉันรู้ว่าต้องลุกขึ้นยืนและเดินต่อไป
ขอบคุณ . . . ที่ปลุกให้ตื่นจากฝันร้ายเมื่อต้องอยู่เพียงลำพัง
ขอบคุณ . . . ที่ยังยืนยันจะอยู่เคียงข้างในทุกทุกครั้ง
ขอบคุณ . . . ที่ยังใส่ใจไม่ว่าจะทำไปในฐานะใดก็ตาม
ขอบคุณ . . . ทุกการกระทำที่แสดงถึงความหวังดี
"ขอบคุณ" ขอให้เธอมั่นใจว่าคำคำนี้ . . . ทุกครั้งที่พูดออกมา
  “พู ด ด้ ว ย หั ว ใ จ”

และวันนี้พวกเราลองมาดูบางส่วนบางตอนของคำกล่าวขอบคุณจากโหย่วเผิงกันดูสักนิดดีไหมจ๊ะ............


<a href="http://www.youtube.com/v/?v=l71s_xGe9A4&amp;feature=youtu.be" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/?v=l71s_xGe9A4&amp;feature=youtu.be</a>





 :) ;) :D ;D :o :P

Chotiga

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 270
    • ดูรายละเอียด
 :) :D ;D นัก......ร้อง : ทุกครั้งเมื่อร้องเพลงก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง   ;D :D :)
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)


             หลายครั้งหลายหนที่โหย่วเผิงมีโอกาสได้ให้สัมภาษณ์กับรายการต่าง ๆ  และมีหลายแห่งที่มักจะถามคำถามเกี่ยวกับการร้องเพลงของเขา  วันนี้ก็เลยขอยกบทความบางส่วน บางตอน จากบางกระทูในบ้านเผิงของเรา มายืนยันว่าโหย่วเผิงมีความสุขมากแค่ไหนเมื่อได้ร้องเพลงให้พวกเราฟัง……………

พิธีกร : จริงๆแล้วเรื่องการร้องเพลงนั้น หลายปีมานี้คุณก็ไม่ได้ทิ้งมันไปเลย คุณยังได้มีร้องพวกเพลงต่างๆนิดๆหน่อยๆอยู่ด้วย

โหย่วเผิง : คุณไม่รู้หรอกว่าผมนั้นชอบร้องเพลงขนาดไหน พูดตามตรงเลยว่า ตอนที่ผมเริ่มก้าวเข้าสู่วงการแสดงนั้น                  ผมก็หวังไว้ว่าวันหนึ่งจะกลับมาร้องเพลงอีก ผมชอบร้องเพลงมากๆ ตอนนั้นนะ แม้กระทั่งเวลาอาบน้ำก็ยังร้องเพลงไปด้วย

พิธีกร : เวลาอาบน้ำใครก็ร้องด้วยเหมือนกันแหล่ะ

โหย่วเผิง : จริงซิ อย่างไรก็ตามผมเป็นคนที่ชอบร้องเพลง แม้กระทั่งตอนที่ถ่ายละคร “องค์หญิงกำมะลอ” แม้มือจะถือบทอ่านไปก็ยังร้องเพลงไปด้วยเลย ผมก็หวังไว้ว่าจะหาโอกาสมาร้องเพลงอีก แต่ตอนแสดงก็เอาจริงเอาจริงกับการแสดงเหมือนกัน อย่างไรก็ตามตัวเองนั้นชอบร้องเพลงมากกว่า

พิธีกร : ฉันคิดว่าตอนนั้นคงจะเป็นเวลาที่จะรอโอกาส

โหย่วเผิง : ถูกแล้ว รอโอกาสที่จะร้องเพลงอีก

พิธีกร : แล้วตอนนี้ยังมีความคิดอย่างนี้อยู่หรือเปล่า

โหย่วเผิง : ตอนนี้นั้นอาจจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามตัวเองก็ยังรู้สึกว่ายังรักในการร้องเพลงอยู่ จริงๆแล้วการได้เรียนสิ่งเหล่านี้ในอดีตนั้นก็คิดว่าคงจะได้ใช้มันในอนาคต แน่นอน แต่ท่าทีจิตใจตอนนี้นั้นคงจะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผมรู้สึกว่า การเป็นนักแสดงคนหนึ่งนั้น ก็เหมือนกับผมเป็นนักแสดง ตอนนี้อายุก็ไม่น้อยแล้ว การที่จะยึดอาชีพนักแสดงนั้นคิดว่าจะยืนยาวกว่า โดยเฉพาะงานแสดงนั้นยิ่งทำก็ยิ่งมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญขึ้น มันก็ยิ่งจะเปิดหนทางข้างหน้าของเรามากขึ้นกว่าเดิม แต่สำหรับเวทีเพลงแล้ว จุดนี้คงจะไม่มีหรือไม่เหมือน ส่วนมากนักร้องบนเวทีก็จะเป็นเวทีของนักศึกษาเหล่าบรรดาวัยหนุ่มสาวมากกว่า ฉะนั้นผมเองก็คิดว่า งานหลักของผมนั้นก็คงจะเจาะจงในทางงานการแสดงมากกว่า

พิธีกร : จริงๆแล้วงานการแสดงนั้นถือว่าเป็นเวทีที่ใหญ่มากๆ ก็คือสะสมประสบการณ์ยิ่งเยอะก็ยิ่งจะมีโอกาสที่ดี

โหย่วเผิง : ก็เหมือนกับการร้องละครเพลงของผมอย่างนั้นเลย คุณยิ่งเอื้อนก็ยิ่งมีให้เอื้อนจนไม่มีที่สิ้นสุดเลย

          นี่เป็นเพียงแค่บางส่วนบางตอนจากอีกหลากหลายบทความที่มีอยู่ในบ้านเผิง  และเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนก็คงเห็นด้วยว่า โหย่วเผิงเป็นนักร้องที่ร้องเพลงได้เพราะมาก และร้องได้ไพเราะในทุกสไตล์เพลง  ไม่ว่าจะเป็นเพลงช้า เพลงเร็ว เพลงป็อป เพลงร็อค เพลงปลุกใจ………… ฯลฯ  จึงอยากเรียกว่า  “เพลงเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงความเป็นโหย่วเผิงได้ชัดเจนที่สุดอีกสัญลักษณ์หนึ่งเช่นกัน”…………



Chotiga

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 270
    • ดูรายละเอียด
 :) :D :o ::) :P

สะอาดสะอ้าน : สวมใส่เสื้อเชิร์ตสีขาว
(108   เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)
   
   นานมากแล้ว ที่หายไปจากหน้ากระดาษนี้  การบอกเล่าเพื่อน ๆ ถึงเหตุผลที่ทำให้หลงรักชายหนุ่มคนนี้อย่างหมดหัวใจ  มีเขาเพียงคนเดียวที่ยังติดอยู่ในดวงตา  และตรึงอยู่ในดวงใจอย่างไม่รู้ลืมเลือนและไม่เคยลดน้อยลงเลยแม้สักวินาทีเดียว  วันนี้จึงอยากมาเล่าถึงเหตุผลอีกข้อหนึ่ง  บางครั้งก็อยากรู้บ้างเหมือนกันว่าเพื่อน ๆ เคยมีความรู้สึกหรือมีเหตุผลเดียวกันบ้างรึเปล่านะ
   เพื่อน ๆ หลายคนคงเห็นด้วยอย่างแรงว่าซูโหย่วเผิงของพวกเรานั้น  เป็นนายแบบที่นำเสนอเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากโขอยู่  ไม่ว่าแบรนด์ใดก็แล้วแต่ที่ไว้เนื้อเชื่อใจให้โหย่วเผิงเป็นนายแบบเพื่อนำเสนอสินค้าของแบรนด์เหล่านั้น  ก็จะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคด้วยดีเสมอ


   สำหรับฉัน แฟชั่นที่เมื่อไหร่ก็ตามที่โหย่วเผิงได้สวมใส่ คือ เสื้อเชิร์ตสีขาว  ยอมรับอย่างไม่อายเลยแหละว่าหลงไหลชายหนุ่มคนนี้เวลาที่เขาสวมใส่เชิร์ตสีขาว  ดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก  ซึ่งโดยปกติโหย่วเผิงก็เป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์แบบหาตัวจับยากอยู่แล้ว  สำหรับเหตุผลในข้อนี้จึงไม่มีอะไรมาอ้างอิงทั้งสิ้น  เป็นเรื่องของความรู้สึกล้วน ๆ จ้า  ถ้าเพื่อน ๆ ไม่เชื่อว่าโหย่วเผิงมีเสน่ห์เหลือล้นแค่ไหนเวลาสวมใส่เสื้อเชิร์ตสีขาว  เพื่อน ๆ ก็ลองดูภาพประกอบเซ็ตนี้ก็ได้  แล้วจะหลงไหล่ในเสน่ห์ที่เหลือเฟือของชายหนุ่มเชิร์ตขาวคนนี้แบบไม่มีข้อแม้ใดใดเช่นกัน............คริ คริ.

















:) :D ;D ::) :P :o

Chotiga

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 270
    • ดูรายละเอียด
 :) :-\ ::) :P :o ;D

ไหว้สวย : งามจับใจด้วยการไหว้อย่างชาวพุทธ
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)


             ซูโหย่วเผิง ฉันอยากบอกคุณเหลือเกินว่า  คุณเป็นผู้ชายที่ไม่ใช่คนไทย (ชาวต่างชาติ)  ที่ไหว้ได้สวยงามที่สุด  ทุกครั้งที่มีโอกาสเห็นโหย่วเผิงไหว้  ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ มันทำให้รู้สึกว่าช่างเป็นชายหนุ่มที่มีความอ่อนน้อม  น่าซาบซึ้ง  การไหว้เป็นวัฒนธรรมประจำชาติของไทยที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เนื่องจากประเทศไทยมีพลเมืองเป็นชาวพุทธเป็นส่วนใหญ่ ความจริงก็มีหลายชนชาติในโลกที่ใช้การไหว้เป็น วจนภาษาอย่างหนึ่งที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างกัน เช่น อินเดีย พม่า ลาว จีน รวมไปถึงญี่ปุ่น ซึ่งล้วนแต่เป็นชนชาติที่นับถือพุทธศาสนาทั้งสิ้น  แต่สำหรับฉัน ชาติไทยเป็นชนชาติที่แสดงออกด้วยการไหว้ได้สวยงามที่สุดในโลก

             มารยาทไทยที่เป็นวัฒนธรรมการทักทาย เวลาพบปะกันหรือลาจากกัน “การไหว้” เป็นการแสดงถึงความมีสัมมาคารวะ และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน นอกเหนือจากการกล่าวคำว่า “สวัสดี” คนไทยเป็นคนที่มีอุปนิสัยอ่อนน้อม มีสัมมาคารวะ การไหว้เป็นการแสดงความมีสัมมาคารวะอย่างหนึ่ง และเป็นธรรมเนียมการทักทายและแสดงความเคารพ เมื่อจะไปโรงเรียนและเมื่อกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านลูกจะไหว้พ่อแม่ถ้ามีผู้ปกครองก็ไหว้ผู้ปกครอง เมื่อไปถึงโรงเรียนและเมื่อกลับจากโรงเรียนเด็กจะไหว้ครู การไหว้ทำให้ผู้ใหญ่รักและเอ็นดู คนที่พบเห็นก็ชื่นชม ในภาษาไทยมีคำกล่าวถึงผู้ที่มีสัมมาคารวะและได้รับการอบรมมรรยาทให้รู้จักไหว้ว่า รู้จัก “ไปลามาไหว้” หมายความว่า เมื่อมาถึงก็ ไหว้ เมื่อจะไปก็ลา  การไหว้นั้นเกิดจากธรรมชาติของมนุษย์ที่จะแสดงความรัก ความเคารพต่อกัน  โดยธรรมชาติแล้วการสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวกัน เป็นภาษาท่าทางที่แสดงออกถึงความรักที่มีต่อกัน   สัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขหรือแมวมักจะแสดงความรักกับเจ้าของด้วยการเข้ามาสัมผัสคลอเคลียด้วย มนุษย์ก็เช่นกันที่มีการแสดงความรักต่อกันด้วยการโอบกอด หลายประเทศทางยุโรปใช้การสัมผัสมือเมื่อพบกัน บางประเทศใช้แก้มสัมผัสกัน ใช้หน้าผากสัมผัสกัน หรือใช้จมูกสัมผัสกันก็มี แต่ทางแถบเอเชียนั้นการสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวผู้อื่นนั้นถือว่าไม่สุภาพนัก คนทางแถบเอเชียจึงใช้การสัมผัสตัวเองเป็นการแสดงการทักทายหรือทำความเคารพ เช่นชาวจีนใช้มือทั้งสองข้างสัมผัสกันเพื่อแสดงการคารวะ  อินเดียใช้ฝ่ามือทั้งสองประนมประกบกันเหมือนดอกบัวตูม เพื่อแสดงความเคารพและบูชา ของไทยเราน่าจะรับวัฒนธรรมนี้มาจากอินเดีย นำมาปรับปรนให้เหมาะกับวิถีชีวิตของคนไทยจึงเกิดเป็นวัฒนธรรมการไหว้ ขึ้นมา

              “การไหว้”  เป็นภาษาท่าทางที่ใช้แสดงความเคารพ ทักทาย โดยการยกมือสองข้างประนม พร้อมกับยกขึ้นไหว้ในระดับต่างๆ นอกจากนี้ยังแสดงออกถึงความหมายของ การขอบคุณ การขอโทษ การยกย่อง การระลึกถึง และอีกหลายความหมายสุดแท้แต่โอกาส  การไหว้เป็นการแสดงมิตรภาพ มิตรไมตรี ที่เป็นขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นวัฒนธรรมที่งดงาม รวมทั้งเป็นสิ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์ และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทย ที่ปัจจุบันกำลังเลือนหายและถูกละเลยอย่างน่าเสียดาย ประเทศไทยซึ่งเคยได้ชื่อว่ามีวัฒนธรรมที่งดงามเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม (Land of Smile) ที่ผู้คนรู้จักไปทั่วโลก กำลังสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไป ทั้งที่การไหว้เป็นมารยาทแบบไทยๆ ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก

             มารยาทในการไหว้ เป็นวัฒนธรรมไทยที่คนรุ่นใหม่อาจจะมองข้ามไป ด้วยเหตุผลหลายประการ แต่โดยสำนึกของความเป็นคนไทยแล้ว เชื่อว่าในส่วนลึกของจิตใจทุกคน ยังเห็นสิ่งนี้เป็นสิ่งดีงามอยู่ เพียงแต่ กระแสวัฒนธรรมตะวันตกที่เข้ามาทางสื่อต่างๆ ถาโถมมาอย่างมากมาย จนทำให้เยาวชนของเราหลงใหลไปบ้าง ทำให้หลงลืมสิ่งดีงามที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมไป ปัจจุบันจะเห็นว่าหลายหน่วยงาน หันกลับมาให้ความสนใจความเป็นไทยมากขึ้น เห็นได้ชัดตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อที่มีอยู่มากมาย ที่พนักงานไหว้แสดงการต้อนรับและขอบคุณลูกค้า ถึงแม้จะไหว้ได้ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง ไหว้ได้สวยบ้างไม่สวยบ้าง แต่ก็ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเองเสมือนญาติพี่น้องกันมากขึ้น

             โหย่วเผิงของพวกเราก็เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี  ดังนั้นจึงมีจริยปฏิบัติที่งดงาม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่ทุกครั้งที่เห็นโหย่วเผิงแสดงความเคารพด้วยการไหว้ เขาจึงเป็นผู้ชายที่ไม่ใช่คนไทยที่ไหว้ได้สวยงามที่สุดคนหนึ่ง  ขอยืนยันการันตีด้วยภาพประกอบเซ็ตนี้เลยนะจ๊ะ...............แล้วเพื่อน ๆ ลองบอกซิว่า เห็นด้วยรึเปล่า



















 :-[ ::) :o :D ;D :-*