แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Chomnath

หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7
101
https://www.facebook.com/AlecfanclubinThailand/posts/1479438772094611

a7f9f8f8gw1eiqgf5iuy8j20m80etmyd.jpg" border="0

28 มกราคม 2010: การรวมตัวกันอีกครั้งในงานฉลองตรุษจีนของเสี่ยวหู่ตุ้ย ทำให้หวนคิดถึงปี 70, 80

เสี่ยวหู่ตุ้ยเพียงครั้งเดียวก็ผ่านการสอบสวนเรื่องข่าวที่รั่วไหล

(1) แฟนคลับเว็ปไซน์ ร้องโอ้ เสี่ยวหู่ตุ้ยได้กลายเป็นเหลาหู่ (เสือน้อยกลายเป็นเสือเฒ่า)

คืนนี้จะดูรายการของใครดี? ดูจ้าวเปิ่นซัน “การบริจาค”ของเสี่ยวเฉินหยาง หรือว่าการร้องเพลงของหวังเฟยดี? ตามกระแสข่าวของสื่อที่สร้างกระแสนั้น รายละเอียดการแสดงของการฉอลงปีเสือนั้นได้รู้มาพอสมควรแล้ว ผู้คนมากมายในช่วงปี 70,80  ได้เกาะติดกระแสของการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยอย่างมากๆ จนได้กลายเป็นประเด็นร้อนของงานตรุษจีนปีนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

พวกเขาอดีตเป็นนักร้องวัยรุ่นที่เคยดังที่สุดในไต้หวัน ได้สร้างสถิติใหม่ของโลกและจีนมาแล้วมากมายหลายรายการ ช่วงปี 80, 90 นั้นได้ดังระเบิดในแวดวงชาวจีนเป็นอย่างมาก เหตุด้วยการที่จะต้องไปเกณฑ์ทหารและเรียน ปลายปี 1991  พวกเขาได้ทำอัลบั้ม(ไจ้เจี้ยนลาก่อน:Goody-Bye) เพื่อจะประกาศการแยกย้ายกันชั่วคราว ตอนนั้นผ่านทางบทเพลงพวกเขายังให้คำมั่นสัญญากับแฟนๆว่า ”พรุ่งนี้พวกเรายังจะต้องพบกันใหม่ เสมือนเมฆขาวที่จางหายไปแค่ชั่วครู่”  คิดไม่ถึง การบอกว่าแค่พรุ่งนี้นั้นรอไปเกือบ 20 กว่าปี จนเสี่ยวหู่ตุ้ยกลายเป็น (เหลาหู่ตุ้ย) ไปแล้ว

หลังจากงานฉลองผ่านไปแล้ว ทางเสี่ยวหู่ตุ้ยยังไม่ยืนยันที่จะมีการจัดคอนเสิร์ดทัวร์ จะพูดในอีกความหมายหนึ่งก็คือ จากการที่มาปรากฏตัวในงานฉลองตรุษจีนครั้งนี้นั้น เป็นการให้ความอบอุ่นในอดีตอีกครั้ง มิใช่เป็นการสานเสี่ยวหู่ตุ้ยต่อไป แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือ การคิดถึงนั้นมันไม่ต้องมีเหตุผล แต่เป็นเพราะพวกเขาได้นำสิ่งดีๆมาให้กับเรามากมายจนอดคิดถึงไม่ได้


สถานการณ์ตอนซ้อมการแสดง

“ตลอดการแสดงนั้น เสียงปรบมือจากห้องนั้นไม่เคยหยุดหายไปเลย หลายคนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ แม้แต่ทางผู้กำกับเองน้ำตายังคลอเบ้าเลย” 25  มกราคม 2010 หลังจากที่ซ้อมการแสดงอย่างเป็นทางการครั้งแรกแล้ว ทางทีมงานที่ตื่นเต้นไปด้วยได้เปรียบปฏิกิริยาของเหล่าผู้ชมในช่วงที่เสี่ยวหู่ตุ้ยออกมา

ตามข่าวที่ทราบมา หลังจากที่ได้มีการแยกจากกันจริงๆเมื่อ 15 ปีที่แล้ววันนี้ได้มีการมาร่วมงานกันอีกครั้งนั้น จะร้องเพลง 3 เพลงและมีแด้นเซอร์กว่า 40 คนร่วมเต้น ความยาวของรายการประมาณ 5.15 นาที ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของเสี่ยวหู่ตุ้ยไว้ รวมถึงเพลง(อ้าย:Love)ที่มีการเต้นด้วยภาษามือ และท่าตีลังกาหลังของฉีหลงด้วย


a7f9f8f8gw1eiqgf650qqj20m80etmye.jpg" border="0

สิ่งที่แตกต่างจากเดิมคือ ช่วงช่องว่างที่จะร้องเพลงต่อไปนั้นจะมีการเพิ่มท่าเต้นเข้ามา ทำนองก็ยังมีการเรียบเรียงใหม่ แน่นอนสิ่งที่แตกต่างที่สุดนั้นคือ ตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยเอง ครั้งแรกที่ฉีหลง จื้อเผิง โหย่วเผิงขึ้นเวทีฉอลงตรุษจีนในปี 1992  ในงานนั้นทางผู้จัดงานได้เป็นผู้เลือกเพลงที่จะร้องให้ โดยจะมีการบันทึกเทปแบบ MTV (ซินเหนียนไคว่เล่อ:Happy New Year) ตอนนั้นโหย่วเผิงที่เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดยังไม่ถึง 19 เลย แต่ปีนี้เขาย่าง 37  แล้ว และฉีหลงที่เป็นพี่ใหญ่ที่สุดก็ย่าง 40 แล้ว

เหตุที่ดูแลเสี่ยวหู่ตุ้ยอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้สื่อมารบกวนสมาธิของพวกเรา ทางผู้จัดงานได้เตรียมค่าชดเฉยให้พวกเขาโดยที่ใน 4 วันที่ซ้อมนั้นไม่ให้พวกเขาออกไปพบสื่อเลย ตอนที่ซ้อมนั้น ซึ่งจื้อเผิงกับฉีหลงได้เจอกันเป็นคู่แรกแล้วพวกเขาก็ได้มีการโอบกอดอย่างคิดถึง และได้ให้กำลังใจกันและกัน เมื่อโหย่วเผิงเดินเข้ามาก็รีบยกมือทักทายเป็นการใหญ่เลย นี่เป็นสัญญาลักษณ์แห่งการให้กำลังใจกันในอดีตที่ของพวกเขา

ส่วนเรื่องการร้องนั้นไม่มีปัญหา เนื้อร้องนั้นแทบจะไม่ต้องไปท่องมันเลย ขอแค่ดนตรีมาก็รู้แล้วว่าจะร้องอะไร “ไม่มีใครเข้าก่อนจังหวะ ไม่มีอะไรที่ไม่คุ้นเคย เข้าขากันดีกว่าเมื่อก่อน ท่าเต้นก็พร้อมกันมาก ดนตรีนั้นมันเหมือนฝังอยู่ในกระดูดอย่างนั้นเลย” เป็นคำบอกเล่าของโหย่วเผิง

ขณะที่เจ้าหน้าที่อัดเสียงเพลงของพวกเขาได้ยินเสียงประสานของพวกเขาแล้วอ้าปากค้างเลย พูดอย่างไม่หยุดว่า “เสี่ยวหู่ตุ้ยกลับมาแล้ว ยังเป็นสไตน์รสชาติเดิม” ตอนที่ซ้อมนั้น พวกเขาต่างคนก็ต่างหยอกล้อกันเล่น แล้วก็ได้ทำท่าเต้นภาษามือของเพลงอ้ายด้วยกัน ฉีหลงได้ปลีกตัวมาซ้อมตีลังกาหลังอยู่มุมหนึ่ง ภาพนี้ทำให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่อยู่ในช่วงปี 80 ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ปล่อยโฮเลย (ซึ้ง)

คนที่แสดงได้ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้นจื้อเผิง เขาที่ช่ำชองในลีลาการ้องเต้น เมื่อเปรียบกับฉีหลงที่มีวิชาตีลังกากับโหย่วเผิงนั้น เขาแสดงได้ดีกว่าเยอะ เขาเองยังบอกว่าเป็นอาจารย์จำเป็นในการสอนท่าเต้นด้วย ครั้งหนึ่งที่กำลังซ้อมเต้นอยู่นั้นจื้อเผิงเต้นไปๆก็หยุดนิ่งในทันใด แล้วน้ำตาไหลลงมา ขณะที่ถูกถามนั้นเขาตอบว่า “ไม่มีอะไร เม็ดทรายมันเข้าตา”

“มันลืมไม่ลงจริงๆ เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นความทรงจำของตลอดชีวิต” ตอนหลังเขามาอธิบาย หลังจากที่ซ้อมเสร็จแล้ว เสือทั้งสามตัวก็ได้นัดกันไปทานข้าว ได้ข่าวว่าข้าวมื้อนี้กินตั้ง 3 ชั่วโมง

102
26 มกราคม 2010 โหย่วเผิงได้ไปอัดรายการวันหนึ่งสองรอบที่สตูนดิโอ



โหย่วเผิงอัดรายการร้องเพลงของสถานีปักกิ่ง



โหย่วเผิงร้องเพลง (ซงตี้)



โหย่วเผิงให้สัมภาษณ์

เมื่อวาน(25 ม.ค.)  เป็นวันแรกที่เสี่ยวหู่ตุ้ยได้เข้าไปซ้อมอย่างเป็นทางการ และประเด็นร้อนที่สื่อให้ความสนใจเป็นอย่างมากอาทิ เพลงที่จะร้อง ท่าที่จะเต้น ชุดที่จะใส่ และตำแหน่งการยืน สิ่งเหล่านี้ล้วนได้รับคำตอบพอชัดเจนแล้ว การรวมตัวครั้งนี้ถือว่าเป็นการรวมตัวที่สมหวังสำหรับทุกๆคน

เมื่อวาน(25 ม.ค.) หลังจากที่เสร็จสิ้นการซ้อม โหย่วเผิงก็เร่งฝีเท้าไปที่ (สถานีปักกิ่ง)  ไปรวมอัดรายการร้องเพลงให้กับทางสถานีปักกิ่ง ทางผู้จัดการส่วนตัวโหย่วเผิงบอกว่า หลังจากเรื่อง (เฟิงเซิง) แล้ว การงานแวดวงการแสดงของโหย่วเผิงนั้นราบรื่นเป็นอย่างมาก การทาบทามให้ไปแสดงก็ยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ  “ ตอนนี้พวกเขากำลังออกจากสถานียางซื่อมุ่งไปสู่สถานีปักกิ่ง งานฉลองตรุษจีนครั้งนี้ของสถานีปักกิ่งก็มีความเกี่ยวข้องหรือร่วมมือกับค่ายหัวอี้ด้วย โหย่วเผิงจะร่วมร้องเพลงกับจางหันอี่หนึ่งเพลง เป็นรายการแรกของหัวอี้ อยู่หน้ารายการของหวงเสี่ยวหมิงกับหลู่อี้”

ทีเดียวสองงานเข้ามาด้วยกัน ทำให้โหย่วเผิงแทบจะไม่ได้อยู่นิ่งๆ หลังจากที่เสี่ยวหู่ตุ้ยแยกวงแล้ว โหย่วเผิงก็ได้มาเอาดีในด้านการแสดงละครโทรทัศน์อย่าง(องค์หญิงกำมะลอ) (ดาบมังกรหยก)  ให้เห็นว่ากระแสนิยมของเขาไม่เคยตกเลย และหลังจากเรื่องเฟิงเซิงแล้ว ฝีมือการแสดงของเขาก็ยิ่งได้รับการยอมรับ งานนั้นได้เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ทั้งยังมีบางคนได้กล่าวว่า คืนตรุษจีนเขาร้องเพลงทั้งสองสถานียังรู้สึกน้อยไป น่าจะมีการแสดงอะไรบ้างก็ดี  เพื่อจะให้ไป๋เสี่ยวเหนียนกลับมาอีก”

ตอนนี้ มีข่าวตีพิมพ์ว่า ลำดับการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นคงจะอยู่หลังเที่ยงคืน แต่ทางสถานีได้ปฏิเสธว่า ลำดับของรายการนั้นยังไม่ได้กำหนดชัดเจนเลย...




103
26 กุมภาพันธ์ 2010 การแต่งตัวเสี่ยวหู่ตุ้ยในงานตรุษจีนเป็นความลับ การซ้อมการแสดงเป็นที่ประทับใจสำหรับแฟนๆจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่


การเข้าซ้อมการแสดงนั้นของเหล่าศิลปินนั้นอย่างว่าแต่กล้องถ่ายรูปเลย แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่สามารถที่จะเอาเข้าไปได้ ศิลปินทุกคนเพียงสามารถนำผู้จัดการส่วนตัวหรือผู้ช่วยส่วนตัวเข้าไปได้เท่านั้น เมื่อวาน เสี่ยวหู่ตุ้ยเข้าไปซ้อมการแสดงโดยได้รับการคุ้มครองโดย รปภ ของยางซื่ออย่างหนาแน่น จุดประสงค์การป้องกันดูแลอย่างรอบคอบหนาแน่นนั้นก็เพื่อไม่อยากให้อะไรแพร่งพรายออกไป หลังจากที่เสร็จจากการซ้อมแล้ว มีพนักงานคนหนึ่งในนั้นได้ให้สัมภาษณ์กับทางสื่อ เกี่ยวกับประเด็นร้อนในการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ย
 
เวลาการแสดงของพวกเขา 5 นาที 15 วินาที
 
ร้องและเต้น 3 เพลงติดต่อกัน

การไปซ้อมในเมื่อวานนั้นเป็นครั้งแรกที่เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ไปร่วมซ้อมการแสดงอย่างเป็นทางการ จุดประสงค์ก็เพื่อจะให้ทางผู้กำกับรายการดูชุดแต่งกาย ท่าเต้น และแสงไฟมันโอเคดีไหม ตามที่ได้ทราบจากทีมงานข้างในว่า เพลงที่เสี่ยวหู่ตุ้ยร้องทั้งสามเพลงอย่าง(อ้าย)(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)(หู่เตี๋ยเฟยอา)ใช้เวลาประมาณ 5.15 นาที ทุกเพลงล้วนอนุรักษ์ความเป็นเอกลักษณ์ของเพลงได้อย่างดี



นอกจากนี้ ด้านการเต้นนั้น จะมีแดนเซอร์อีก 40 กว่าคนมาร่วมเต้นกับเสี่ยวหู่ตุ้ย “มองจากภาพรวมบนเวทีแล้ว ความเป็นเอกลักษณ์ของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นยังมีให้เห็นอย่างไม่ผิดหวัง รวมถึงการตีลังกาหลังของอู่ฉีหลงด้วย” มีทีมงานอีกคนได้กล่าวว่า “ระหว่างการต่อจากอีกเพลงไปอีกเพลงนั้น ทางเสี่ยวหู่ตุ้ยได้เพิ่มเทคนิกการเต้นเล็กๆน้อยๆ ก็น่าสนใจดี คุ้มแก่การรอคอย”

ชุดนั้นปรับปรุงแล้ว 4 ครั้ง

 สไตส์ทันสมัย สง่างาม


นอกจากจะมีการแสดงด้านร้องเต้นแล้ว ด้านชุดแต่งกายของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นได้รับการสนใจเป็นอย่างมากเหมือนกัน “ชุดที่ได้สวมใส่ในการออกงานครั้งนี้นั้นได้มีการปรับปรุงไปแล้ว 4 รอบ เรื่องชุดนั้นสามารถบอกได้ว่าทันสมัยและสง่ามาก เพราะเสือน้อยสามตัวนั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว ชุดแต่งกายก็ย่อมต้องเปลี่ยนไปตามวัย อย่างไรก็ตาม เรื่องชุดของวันนี้ก็ไม่ได้ถูกทางผู้กำกับฟีดแบคแต่อย่างไร” และเขายังกล่าวต่ออีกว่า  ทางผู้กำกับรายการนั้นรู้สึกพอใจมาก



ลำดับของรายการในคืนวันนั้นยังไม่แน่นนอน

การปรากฏตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยในครั้นนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นการกลับมาตามฝันของหลายคน ทางทีมงานยังบอกกับเราอีกว่า ขณะที่ซ้อมนั้น หลายๆคนที่อยู่ในงานล้วนซึ้งและประทับใจกับเสี่ยวหู่ตุ้ยอย่างมาก

“ตลอดเวลาที่พวกเขาขึ้นไปซ้อมแสดง เสียงปรบมือในห้องนั้นไม่มีหยุดเลย และยังมีหลายๆคนที่กลั้นน้ำตาไม่อยู่”

“แล้วเสี่ยวหู่ตุ้ยรู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ?”  ทางนักข่าวรีบถามต่อ “จริงๆส่วนตัวพวกเขาเองก็ตื่นตันใจเหมือนกัน แม้ว่าปกติแล้วพวกเขาทั้งสามคนก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์ด้วยการส่ง Message ให้กันและกันอยู่เสมอ แต่การที่ได้มีการร่วมแสดงบนเวทีนั้นถือว่าเป็นครั้งแรกของหลายๆปีเลย นี่ก็ยังถือเป็นที่ระลึกของสหายเก่าทั้งสามคนอีกด้วย”

 “แล้วปฏิกิริยาของทางด้านผู้กำกับล่ะ?” สื่อได้ถามต่อ “อื่ม ทางผู้กำกับรายการก็พอใจมาก รู้สึกว่ารายการไม่เลวจริงๆ”

สุดสัปดาห์ที่แล้ว มีรายการหนึ่งของรายการคืนวันตรุษจีนได้ถูกเผยแพร่ออกไปจากสื่อ ในนั้นมีรูปของรายการเสี่ยวหู่ตุ้ยกว่า 22 รูป ทางสื่อก็ได้ยืนยันกับทางทีมงานแล้ว ว่ารูปเหล่านี้เป็นรูปปลอมที่สร้างขึ้นมาเอง จนถึงวันนี้ลำดับรายการของคืนตรุษจีนนั้นยังไม่ได้กำหนดอย่างเป็นทางการเลย พวกเรายังไม่ได้รับลำดับรายการเลย ฉะนั้นจะเป็นรูปจริงคงเป็นไปไม่ได้”

104

ทำไมถึงเลือกเสี่ยวหู่ตุ้ยมาแสดงในงานฉลองตรุษจีน?

เสี่ยวหู่ตุ้ยได้เปิดหน้าประวัติศาสตร์แห่งดาราขวัญใจ

การมาซ้อมการแสดงที่สถานียางซื่อของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นได้รับการสนใจเป็นพิเศษ และเป็นการสร้างกระแสนิยมอีกครั้งสำหรับขวัญใจวัยรุ่นของไต้หวัน แม้ว่าเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยจะเปิดบ่อยถี่ขึ้นตามสถานีต่างๆ แต่สำหรับคนรุ่นหลังแล้ว เสี่ยวหู่ตุ้ยก็ยังเป็นวงที่ไม่รู้จักไม่คุ้ยเคย และทางนักข่าวก็ได้ไปสัมภาษณ์กับคนรุ่นที่เกิดช่วงปี 80 สองคน พวกเขาล้วนได้โตมากับเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ย เมื่อได้ยินเพลง(อ้าย)(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)ก็ล้วนคิดถึงเสี่ยวหู่ตุ้ย เสมือนมีความผูกพันกันอย่างยิ่ง “เสี่ยวหู่ตุ้ยได้เปิดหน้าประวัติศาสตร์แห่งดาราขวัญใจ”

A มารู้จักกับเสี่ยวหู่ตุ้ยอีกครั้ง

เป็นบรรพบุรุษแห่งขวัญใจชาวจีน


ในคืนงานนั้นเสี่ยวหู่ตุ้ยจะร้อง 3 เพลงได้แก่ (อ้าย) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) (หูเตี๋ยเฟยอา) เป็นเพลงที่คลากสิกมากๆ พวกเขาได้เริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่ปี 1989  และแยกทางกันปี 1997  เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ออกอัลบั้มยอดนิยมกว่า 13 อัลบั้ม ในบรรดาอัลบั้มเหล่านั้น(หงชิงถิง:Red Dragonfly )ได้กลายเป็นอัลบั้มแห่งความแหวกแนว



Part1 ผลงานของเสี่ยวหู่ตุ้ย

เพลงเดี่ยว

(อ้าย:love) “ร้องตะโกนบอกกับฟ้าว่าผมรักคุณ ร้องตะโกนบอกกับสายเมฆว่าผมคิดถึงคุณ” นี่อาจเป็นเนื้อเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ในเนื้อเพลงที่เต็มไปด้วยความหวานชื่นของความรัก ความฝันที่สดใส และได้กลายเป็นจุดเด่นของผลงานของเสี่ยวหู่ตุ้ย และสิ่งที่ไม่เอ่ยไม่ได้เลยก็คือ (อ้าย:love) ร้องประสานเสียงสามเสียง ทำให้เพลงจีนกลายเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ตอนนั้นหลังจากเพลงรักที่ดังไปทั่วแล้ว ในโรงเรียนมัธยมก็มักจะมีการจัดกิจกรรมแล้วเลือกชายหญิงคู่หนึ่งมาร้องเพลงนี้ เพลงนี้ได้จุดประกายความรักแห่งปี 80
 
(หู่เตี๋ยเฟยอา:Flying Butterflies) มิวสิคเพลงนี้เป็นการไปถ่ายมิวสิคนอกสถานที่ของทั้งสามคน ได้สื่อถึงช่วงวัยที่ไร้ทุกข์ไร้โศก ทำนองเพลงนี้อาจมีอารมณ์เศร้าบ้าง แต่เมื่อเสี่ยวหู่ตุ้ยได้ร้องแล้วมันกลายเป็นความใฝ่ฝันไป ตอนนั้นทุกครั้งเมื่อถึงเทศกาลตรุษจีนหรือเทศกาลต่างๆจะมีนักเรียนนำเอาเพลงนี้ทำเต้นประกอบท่า
 
(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน:Green Apple Paradise) เป็นเพลงเดียวของเสี่ยวหู่ตุ้ย แต่ตอนที่ดังไปที่จีนนั้น จะช้ากว่าเพลงอ้าย ฉะนั้นเลยกลายเป็นเพลงอีกด้านหนึ่งของเสี่ยวหู่ตุ้ย ในภาพแห่งความทรงจำนั้น (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)นั้นมักจะเปิดถี่มากในช่วงวันเด็กแห่งชาติ และตอนนั้นได้เข้าไปที่จีนด้วยการทำเป็นคาราโอเกะแล้ว การประกวดร้องเพลงนั้นหลายคนได้เลือกร้องเพลงนี้ เพลงจะเลียนแบบเสี่ยวหู่ตุ้ย
 
(ซินเหนียนไคว่เล่อ:Happy New Year) เป็นเพลงรักซึ้ง ได้พูดถึงคำอวยพรของปีใหม่ ไม่ใช่พูดว่า “ผมรักคุณ”แต่จะขอพูดว่า “สวัสดีปีใหม่” การที่เพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นได้รับความนิยมไม่จำกัดอายุวัย ก็เพราะเนื้อเพลงที่ดี มันไม่เหมือนกับเนื้อเพลงของเพลงรักในสมัยนี้มันยุ่งเหยิงเศร้าระทมอย่างสุดแสน และเป็นการแสดงถึงความรู้สึกที่บริบูรณ์และใสสะอาด ฉะนั้นตอนนั้นอาจารณ์มัธยมก็ไม่ต่อต้านที่เด็กๆจะร้องเพลงของพวกเขา

(หงชิงถิง:Red Dragonfly) เป็นเพลงสุดคลากสิกของเสี่ยวหู่ตุ้ย เพลงนั้นล้วนจะมีท่าเต้นที่น่าตื่นเต้น อีกด้านหนึ่งเพื่อจะกระตุ้นบรรดาแฟนเพลง อีกด้านหนึ่งก็เพื่อจะให้หวนคิดถึงความเดียงสาของวัยรุ่นในสมัยนั้น ในปี 2003 ได้มีการเอาเพลงนี้มาร้องกันอีกครั้ง นี่แสดงให้เห็นว่าเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยไม่มีเวลามาจำกัดความดังของมัน



อัลบั้ม

ดังมาก (เซียวเหยายิ๋ว:Roaming Leisurely) เป็นอัลบั้มที่มีความหมายมากที่สุดอัลบั้มหนึ่งของเสี่ยวหู่ตุ้ย ตอนนั้นค่ายไคลี่ได้มีการวางแผนจัดงานแจกลายเซ็นให้กับบรรดาแฟนคลับของเสี่ยวหู่ตุ้ย และเพลงนั้นได้เปิดไปทั่วไต้หวัน ทำให้เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นที่รู้จักกันถ้วนหน้า ค่ายไคลี่ฉวยโอกาสที่ไฟแรงรีบตีเหล็กด้วยการออกอีกสองอัลบั้ม(หนันไหปู้คู: Boys Don't )(ซิงซิงเตอแยฮุ้ย: Dating Stars) แต่ว่าช่วงนี้เพลงที่ยอดฮิตที่สุดของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นน่าจะได้แก่ (บอกกับคุณคำหนึ่งว่า มายเลิฟ:Say To Me-My Love) กับ (ซิงซิงเตอแยฮุ่ย:dating stars)

 
จุดสุดยอด ::  (หงชิงถิง) (อ้าย) (ไจ้เจี้ยน) เป็น 3 อัลบั้มที่ยอดฮิตมากๆ และด้วยเหตุที่ธุรกิจการทำเพลงนั้นไปได้ดีมาก ทำให้การทำอัลบั้มได้อย่างไม่ต้องกังวล จนค่ายได้ทำอัลบั้มสองอัลบั้มต่อหนึ่งปี และมียอดขายทะลุกว่าแสนตลับอย่างสบายๆ

แค่ค่าภาษีก็รวยแล้ว ยอดขายที่ดีนั้นทำให้เสี่ยวหุ่ตุ้ยได้สร้างอัลบั้มเพลง (หงชิงถิง)(อ้าย)(หูเตี๋ยเฟยอา)(ฟ่างซินฉี่เฟย)(ลี่เกอ)เหล่านี้ขายดีมาก และความนิยมในตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นพุ่งกระฉูดไม่อยู่ ได้ข่าวว่าตอนนั้นโรงเรียนมัธยมในไต้หวัน แค่มีใครพูดคำเดียวว่า “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ก็จะมีเสียงกรี๊ดออกมาอย่างแก้วหูจะแตก อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงอัลบั้ม(ไจ้เจี้ยน:Goodbye) ตอนนั้นโหย่วเผิงเตรียมสอบเข้ามหาลัย จื้อเผิงต้องไปเกณฑ์ทหาร เสี่ยวหู่ตุ้ยก็ต้องพบการการแยกทางเป็นครั้งแรก
 
เกิดการเปลี่ยนแปลง :  รอการกลับมาของจื้อเผิง เสี่ยวหู่ตุ้ยได้มีการทำอัลบั้มใหม่(ซิงกวางอีจิ้วชั่นลั่น:Bright Starlight) ชื่อตรงกับสถานการณ์ของเสี่ยวหู่ตุ้ยในตอนนั้นมาก แม้ว่ายอดขายจะสู้ที่ผ่านมาไม่ได้ แต่ยอดขายก็ไม่เลวเหมือนกัน ทางค่ายก็ได้ฉวยโอกาสในการจัดคอนเสิร์ดทัวร์ทั่วเอเซีย ยังรวมถึงจีนด้วย กระแสยังร้อนแรงอยู่ แต่ว่าเห็นว่าทั้งสามคนก็เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้วทางบริษัทก็อยากจะสร้างพวกเขาให้เดินในเส้นทางของผู้ใหญ่ แต่ว่าก็กลัวจะทำให้ยอดขายต้องตก อีกด้านหนึ่งก็กลัวแฟนเพลงหดหาย สุดท้ายก็ยังคงเหมือนเดิมแต่จะมีท่าเต้นที่เพิ่มให้เด่นขึ้น แต่การทำอัลบั้ม(ไคว่เล่อเตอกั่นแจ๋หยงเหยี่ยนอีย่าง: Same Happy Feeling )(ยงเหยินจื้อยิว: Imaginary Worries )ก็เงียบๆ กระแสนิยมก็เริ่มตกต่ำ นี่ก็เป็นเหตุทำให้พวกเขาจำต้องแยกทางกันอีกครั้ง

105

25 ม.ค. 2010 การแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยเกือบร้อยเปอร์เซ็นแล้ว หวังว่าคืนนั้นจะได้รับรางวัล

ทั้งสามให้คำมั่นกับทุกคนว่าจะคว้ารางวัลที่ 1 มาครอง

(บ่าย 2)  24  มกราคม เสี่ยวหู่ตุ้ยทั้งสามก็เร่งรีบเข้าไปที่สถานที่ตั้งของหน่วยการซ้อมเพื่อจะซ้อมกับคนอื่นเป็นรอบสุดท้าย เจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยว่า ท่าเต้นของทั้งสามคนนั้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นแล้ว พรุ่งนี้ก็จะเข้าไปที่สถานียางซื่อเพื่อให้ปากคำ สำหรับงานซ้อมสองสามวันที่ผ่านมานั้น พวกเขาทำได้ยอดเยี่ยมมาก พวกเขายังเรียกร้องให้ซ้อมอีกหลายรอบ หวังว่าจะสามารถคว้าที่ 1  มาครองให้ได้(รางวัลการร้องเพลง)



ตอนที่นักข่าวสัมภาษณ์นั้นสังเกตุเห็นว่า นอกจากช่วงจบเพลงแล้วต่ออีกเพลงตรงนั้น ทำนองเพลงทั้งสามเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยที่จะร้องในคืนวันนั้นนั้นส่วนใหญ่ยังเหมือนเดิม ก็ประมาณว่าของแท้ไม่เคยเปลี่ยน มันแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่าจะมีสไตน์ Rap นอกจากนี้ ท่าเต้นของทั้งสามคนก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป เพลง(อ้าย)นั้นก็ยังมีจุดที่ดึงความสนใจคือท่าเต้นภาษามือ และอีกสองเพลงก็ยังคงอนุรักษ์ความเป็น original(ต้นฉบับ) มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้กล่าวว่า เมื่อเห็นทั้งสามคนทั้งร้องทั้งเต้นบนเวที มันจะให้ความรู้สึกถึงการย้อนกลับของเวลา


ทั้งสามคนถือขวดน้ำแทนไมค์โคโฟน

จริงๆแล้วทั้งสามคนได้สละเวลาที่แน่นเอียดของตัวเองมารวมตัวกันซึ่งมันไม่ง่ายเลย ฉะนั้นทำให้ทุกคนต้องใช้เวลาการซ้อมอย่างกระทัดรัด สำหรับเสี่ยวหู่ตุ้ยที่เข้าสู่วัยกลางคนแล้วเรื่องเวลาต้องกระทัดรัดนั้นคงเป็นอะไรที่ทำให้พวกเขาต้องเครียด ช่วงพักเบรคนั้น โหย่วเผิงได้หยิบเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วไปนั่นพักผ่อน ฉีหลงก็ยังคงเดินไปหาทีมงานแล้วพูดคุยเล่าเรื่องขำๆฟังกัน แต่ทางจื้อเผิงเป็นคนที่เอาจริงเอาจังที่สุดในบรรดาพวกเขา เขาจะซ้อมด้วยตัวเอง และได้ไปปรึกษาพูดคุยกับอาจารย์สอนเต้น สำหรับงานที่จะมาถึงในวันข้างหน้านี้นั้น จะเห็นถึงความตื่นเต้นของเสี่ยวหู่ตุ้ย โดยเฉพาะฉีหลงนั้นที่ไม่กลัวเสียเวลาส่วนตัวของเขา เขาบอกว่า เพื่อจะทำให้ผลงานของคืนวันนั้นออกมาให้ดีที่สุด ถ้าจะให้ดีต้องอยู่ที่ปักกิ่งแล้วซ้อมหลายๆครั้ง

106

24 มกราคม 2010  เมื่อรวมตัวอีกครั้งตอน 13 ปีให้หลัง เสี่ยวหู่(เสือน้อย)กลายเป็นเหลาหู่(สือเฒ่า)?

เมื่อวาน เสี่ยวหู่ตุ้ยได้บันทึกเพลงซีดีตัวอย่าง (24 ม.ค.)

ตั้งแต่ก่อรากสร้างฐานเสี่ยวหู่ตุ้ยมาจนถึงวันนี้ก็ 22  ปีแล้ว 13  ปีแห่งเวลาที่แยกจากกัน และจะมีการรวมตัวกันร้อง(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)(อ้าย) (หูเตี๋ยเฟย) 3 เพลงในสถานียางซื่อ อายุฉีหลงที่ 39,  จื้อเผิงที่ 38, โหย่วเผิงที่ 36 ต่างก็ได้ตบเท้าเข้ามาบันทึกรายการในห้องอัด เป็นซีดีตัวอย่างของงานครั้งนี้ เพลงติดต่อกัน 3 เพลงใน 5 นาที ยังเป็นที่ประทับใจเป็นอย่างมาก ยังอนุรักษ์ความเป็นเอกลักษณ์และกลิ่นของเสี่ยวหู่ตุ้ยอยู่

“ตอนที่ยืนอยู่บนเวที ผมจะพยายามอนุรักษ์สไตน์คลาคสิกของเสี่ยวหู่ตุ้ย แต่ว่าพวกเราจะทำได้ดีขนาดอย่างที่พวกคุณเคยเห็นในสิบกว่าปีก่อนอย่างนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้?”   นี่เป็นคำถามที่โหย่วเผิงได้ถามเหล่าทีมงานและแฟนๆ   “สิ่งที่คุณเห็นอาจเป็นความผิดหวัง อาจรู้สึกว่าวัยหนุ่มนั้นหายไปแล้ว อาจรู้สึกว่าเป็นเพียงสหายเก่ามาร่วมอวยพร หรืออาจรู้สึกว่าเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่ไม่ได้เจอกันกว่า 20 ปีแล้วมาเจอกัน ความรุ้สึกเหล่านี้อาจเกิดขึ้นกับคุณก็ได้ แต่ผมรู้สึกว่าวันวานที่ทุกคนต่างทรงจำได้ดีคือวันวานแห่งความไร้ทุกข์ไร้โศก”
 
22  ปีก่อน รายการช่องหนึ่งของสถานีไต้หวันได้ทำให้เสี่ยวหู่ตุ้ยมารวมตัวกัน แต่ว่าไม่มีใครคาดคิด จากวงที่เป็นเพียงผู้ช่วยของพิธีกรรายการหนึ่งกลายเป็นวงพิธีกรและวงนักร้องแห่งขวัญใจของวัยหนุ่มสาวไป แค่ปีเดียวในช่วง 1989  พวกเขาก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีใครเคยสร้างไว้ก่อน

อัลบั้มแรกของพวกเขา(ซินเหนียนไคว่เล่อ:Happy New Year )นั้นแค่ไม่กี่สัปดาห์ยอดขายทะลุกว่า 250,000 แผ่น และได้มีการจัดงานแจกลายเซ็นที่ หอ ดร.ซุนยะเซน นั้นมีแฟนคลับมาร่วมงานกว่า  200,000 คน

และอัลบั้ม(เซียวเหยายิ๋ว:Roaming Leisurely)นั้นก็ติดอันดับชาร์ท Chart เพลงนัมเบอร์วันเลย คาราวานคอนเสิร์ดทั้ง 25 ครั้งนั้นล้วนเต็มแน่นไปด้วยผู้คน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนมาร่วมคอนเสิร์ด จราจรติดขัด ยอดผู้ชมที่สูงที่สุด เวลาที่ใช้นั้นนานที่สุด และเสียงกรี๊ดที่ดังที่สุดเหล่านี้ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์แห่งสถิติไปแล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือท่าทีของผู้ปกครอง



ปกติแล้วผู้ปกครองจะไม่สนับสนุกให้ลูกหลานไปหลงชื่นชมดาราศิลปิน หนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า (ปีเหล่านั้นของไต้หวัน) “ตอนนั้นในห้องเรียน ไม่ว่าคุณจะร้องออกมาจากมุมไหนของห้องว่า “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ก็จะมีเสียวกรี๊ดกราดมากมายจากแฟนๆของพวกเขา กรี๊ดเสร็จแล้วต่างคนก็ต่างมองหน้ากันแล้วหัวเราะ” แน่นอน ในโลกไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกลา  ธันวาคม ปี 1992   หนุ่มหล่อจื้อเผิงจำต้องไปเกณฑ์ทหารจึงทำให้วงเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นไม่แยกไม่ได้ ปี  1993  จื้อเผิงได้กลับมาสู่วงอีกครั้ง และเสี่ยวหู่ตุ้ยได้มีการรวมตัวอีกครั้ง ปี 1997 ฉีหลงก็ได้ไปสมัครเป็นทหารจึงทำให้เสี่ยวหู่ตุ้ยต้องแยกทางกันอีกครั้ง
 
การที่จะมารวมตัวอีกครั้งในคืนงานตรุษจีน เสือน้อยทั้งสามล้วนปกติ “อนาคตจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ดวง” คำพูดจากฉีหลง “ในชีวิตของพวกเขานั้น คำว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นมันมีคุณค่าที่หาจะเปรียบไม่ได้ ไม่อยากให้มันเป็นสิ่งที่ไร้ค่า “โหย่วเผิงได้อธิบายอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง....(Ming)
 
ข่าวต่างๆ

รายการร้องเพลงของคืนตรุษจีนนั้นรั่วไหล? สถานียางซื่อบอกว่า : กำลังอยู่ในขั้นตอนสืบสวน

ก่อนหน้านี้ มีรูปสองรูปที่คล้ายเป็นรูปตอนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยกำลังซ้อมแสดงรายการได้ถูกเผยแพร่ที่อินเตอร์เน็ตจนมีข่าวโกลาหลไปหมด ทั้งยังมีรูปกว่า 25 ใบที่ยังไม่มีเขียนว่าเป็นรายการแสดงอะไรถูกเผยแพร่ด้วย ในนั้นยังไม่นับตอนที่สื่อได้ถ่ายรูปการแสดงของหวังเฟย และรายการร้องเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ย และของอีกหลายๆท่าน และทางเจ้าหน้าที่ของสถานียางซื่อได้บอกว่า “รายการแสดงร้องเพลงนั้นล้วนได้คัดออกมาแล้ว แต่ ณ วันนี้นั้น รายการเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาอยู่ ยังไม่ได้ลงมติเลือกรายการแสดงใดๆเลย

107

(แปลเฉพาะส่วนที่พูดถึงในเสี่ยวหู่ตุ้ย)

25 มกราคม 2010 เหอตงประเมิน . งานแสดงของโหย่วเผิงดีกว่าการร้องเพลง

พิธีกร : จริงๆแล้วสมาชิกทั้งสามคนของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น เช่น จื้อเผิง โหย่วเผิง หรือฉีหลง หลังจากที่ต่างคนต่างแยกทางกันเดินแล้ว แต่ละคนนั้นล้วนให้เห็นถึงความสามารถพิเศษของพวกเขาอย่างชัดเจน และสิ่งที่พวกเขาปรารถนาอย่างยิ่งคือการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของพวกเขา อาจารย์เหอตง ตอนนั้นครั้งแรกที่ท่านได้เห็นการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น ท่านเห็นภาพลักษณ์ของเขาเป็นอย่างไร?

เหอตง: หากว่าพวกเขาไม่ต่างคนต่างไป และอยู่รวมกัน ภาพลักษณ์อย่างนี้ยังคงอยู่ แต่ว่า หากจะขอความคิดเห็นในตอนนี้ของผมเองนั้น โหย่วเผิงจะเป็นคนที่เอาดีในด้านการแสดง ผมเคยดูผลงานการแสดงของเขา โจซินฉือเคยพูดไว้ว่า ออกไปขายจะต้องคืน ผมขอยกตัวอย่างหนึ่ง ผมไปดูเรื่อง(สือแย่หวุยเฉิง) ทันทีที่หลี่อี่ชุนออกมา ทำให้หัวเราะกันทั่วโรง ทุกฉากก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน แล้วตอนที่เธอแสดงมาถึงช่วงท้าย แสดงจนชำนาญแล้ว ทำให้ทุกคนไม่หัวเราะแล้ว หลี่อี่ชุนได้พูดกับผมว่า บอกว่าเธอและพ่อแม่ของเขาก็ได้แต่หัวเราะ ก็คือคุณซื้ออันนี้แล้ว ทันใดนั้นคุณไปที่อีกที่หนึ่งไปซื้ออีกอัน ทุกคนก็ยังอยู่ ภาพลักษณ์ของโหย่วเผิงที่มีในชีวิตฉันใดฉันนั้นมันลึกมากๆ เพราะว่าผมพึ่งดูเฟิงเซิงจบไป และองค์หญิงกำมะลอด้วย เอามารวมกันซิ

พิธีกร : ไป๋ฝู่กวน (เป็นศัพท์เฉพาะของพวกเขา ไม่รู้แปลว่าไร :@@: )

เหอตง : สามารถพูดได้ว่ามีอันตรายเหมือนกัน ผมไม่กลัวกระทบแฟนคลับ แฟนคลับนั้นเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่น่าทึ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันก็เหมือนทำอะไรเวอร์และเขลาไป แต่หากคุณมารวมตัวกันอีกครั้ง หลังจากที่ต่างคนต่างแยกทางกันไป มันจะมีบรรยากาศเหมือนสมัยตอนนั้นหรือไม่ ผมว่ามันเป็นอะไรที่น่าคิด

พิธีกร: โดยเฉพาะหลังจากที่ทั้งสามต่างคนต่างแยกกันไปแล้ว ก็จะเห็นถึงบุคลิกและจุดเด่นที่ต่างนั้นชัดเจนขึ้น ใช่ไหม?

เหอตง : ใช่

พิธีกร : ขณะที่ได้มารวมกันอีกครั้งนั้น

เหอตง : ตอนแรกที่ผมยอมรับพวกเขานั้น ไม่ได้ยอมรับเหมือนอย่างวันนี้ คือพวกเขาสามคนมาอยู่ด้วยกัน แล้วทันใดนั้นคุณไปเล่นหนัง แล้วคนนั้นไปทำอะไรของเขาอีก แล้วมารวมตัวกันอีก ผมฟังคุณร้องเพลงไปด้วย แล้วผมก็คิดภาพยนตร์เฟิงเซิงที่ผมจะแสดงไปด้วย แล้วไปคิดเรื่ององค์หญิงกำมะลอ จากนั้นสมองคงจะปั่น มันคงรวมแล้วไม่อยู่ด้วยกันอย่างแฮปปี้

พิธีกร: แต่ว่ามีแฟนคลับหลายคนอยากเห็นภาพที่พวกเขามารวมตัวอยู่ด้วยกัน แม้เห็นว่าต่างคนต่างแยกกันไปแล้ว ก็หวังที่จะเห็นพวกเขามารวมตัวกันอีก

เหอตง : แม้แสงอาทิตย์ยามเย็นจะสวยงามปานใด แต่มันก็ใกล้จะตกแล้วล่ะ(หมายถึงจะสวยดีแค่ไหน แต่ก็แค่ชั่วครู่)

พิธีกร : เป็นคำที่เปรียบได้คมมาก

พิธีกร: แล้วภาพลักษณ์ในอดีตที่คุณมองเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นมองอย่างไร?

เจ้าเสี่ยวตง : การแสดงออกของพวกเขาในตอนนั้นโดดเด่นมาก แค่เห็นพวกเขาบนจอ คุณก็ไม่ต้องร้องไม่ต้องเต้นอะไรแล้ว ขอแค่คุณเปิดรายการเทปบันทึกของของเสี่ยวหู่ตุ้ย ขอแค่เห็นพวกเขาสามคน คนในรายการหรือคนดูก็จะดิ้นเต้นแทบจะขาดใจเลย การที่พวกเขาจะมาออกรายการแสดงครั้งนี้นั้น เป็นอะไรที่น่าสนใจของรายการสถานีจงยาง

พีธีกร : หากเอาจุดนี้มาเป็นจุดขายของงาน เพื่อจะกระตุ้นกระแสดนตรีของงานครั้งนี้

เจ้าเสี่ยวตง : ฉะนั้นผมจึงรู้สึกว่า หากว่าพวกเราอยู่ในสมันนั้น ฉะนั้นอาจารย์เหอตงคุณก็ไม่ต้องกังวลหรอก หากว่าพวกเราเป็นแฟนคลับสมัยนั้นของเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว ผมคิดว่าแฟนคลับทั้งหมดของพวกเขาคงไม่อยากจะให้พวกเขามาอยู่ด้วยกันอีก

เหอตง : โดยเฉพาะที่ผมได้ยินคำนี้ของเขา ภาพจิตนาการณ์ของผมนั้น ผมคิดว่าโหย่วเผิงเป็นนักแสดงมืออาชีพ การแสดงของเขานั้นโดดเด่นดีกว่าการร้องเพลงของเขาด้วยซ้ำ เขาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แบบมืออาชีพเลยแหล่ะ จะหานักศึกษานักแสดงมหาลัยที่สอนการแสดงต่างๆมาเปรียบกับเขาแล้ว มันทิ้งกันแบบไม่เห็นฝุ่นเลย และบทต่างๆที่เขาแสดงนั้น ล้วนเป็นบทที่สะอาดและดี และฝีมือการแสดงของเขานั้นธรรมชาติมาก .....(Ming)


108


17 ปีให้หลังเสี่ยวหู่ตุ้ยมารวมตัวอีกครั้ง

เมื่อวาน (21) เสี่ยวหู่ตุ้ยที่ได้แยกย้ายกันไปนานได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่สถานียางซื่อ ได้มาซ้อมรายการแสดงคืนตรุษจีนเป็นครั้งแรก ทราบมาว่า เสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีการซ้อม 4 วันติดต่อกัน หลังจากที่ซ้อมเสร็จก็จะเข้าห้องอัดเสียง และวันที่ 25 จะเข้าไปที่สถานที่จัดงานของสถานียางซื่อซ้อมจริง

ข่าวจากเสฉวน:  ข่าววันที่ 22 มกราคม เมื่อวาน(21) สี่ยวหู่ตุ้ยที่ได้แยกย้ายกันไปนานได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่สถานียางซื่อ ได้มาซ้อมรายการแสดงคืนตรุษจีนเป็นครั้งแรก สำหรับการรวมตัวกันอีกครั้งนั้น ทั้งสามมีความสุขเป็นอย่างมาก ฉีหลงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ จื้อเผิงถูกทุกคนเรียกว่าเป็นอาจารย์ ไกวๆหู่(เสือเชื่อง)กลับกลายเป็นเสือดุ ได้ข่าวว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีการซ้อม 4 วันติดต่อกัน หลังจากที่ซ้อมเสร็จก็จะเข้าห้องอัดเสียง และวันที่ 25 จะเข้าไปที่สถานที่จัดงานของสถานียางซื่อซ้อมจริง




เมื่อเจอกัน “เสี่ยวไกว” เป็นผู้ใหญ่ขึ้น

เสือน้อยสามตัวไม่ได้มาพร้อมกัน คนที่มาเป็นคนแรกคือฉีหลงและโหย่วเผิง เมื่อเจอกันก็มีการโอบกอด การโอบกอดอย่างนี้นั้นจื้อเผิงบอกว่าเป็นการโอบกอดได้ความรู้สึก ขณะที่ซ้อมนั้น ฉีหลงที่เพิ่งหย่ากับภรรยานั้นก็ให้เห็นถึงรอยยิ้มบนใบหน้าที่บานเลย เมื่อถามถึงสาเหตุ เขากล่าวว่า “การจะรวมตัวกันอีกครั้งมันไม่ง่าย ผมดีใจมากๆ สนุกกับการร่วมซ้อมรายการแสดงเป็นอย่างมาก” ไกวๆกู่ไม่หยุดที่จะหยอกล้อพวกเขา จนทำให้ฉีหลงและจื้อเผิงให้ฉายาเขาว่า ไกวๆหู่เปลี่ยนไปเป็นเสือดุ ขณะที่ถามว่าบรรดาทั้งสามคนใครเปลี่ยนไปมากที่สุด ทั้งสองคนก็ได้ชี้ไปที่โหย่วเผิง “ไว้หนวดคราวแล้ว เป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว”
 
ซ้อมการเต้น อาจารย์เฉินเก่งที่สุด

ในห้องซ้อมนั้น เพลง(ซิงซิงเตอแย่ฮุ่ย) (หงชิงถิง) (อ้าย) เปิดตลอดเวลา ทั้งสามคนเต้นโดยที่ไม่ได้นัดกันมาก่อน พยายามที่จะเรียกความทรงจำเก่าๆกลับมา จื้อเผิงที่มีความทรงจำที่ดีนั้นก็ได้ค่อยๆรื้อฟื้นท่าเต้นของเพลงอ้ายออกมา และได้นำสองคนเต้นด้วยกัน

เมื่อเห็นการเต้นที่คล่องของจื้อเผิงแล้ว ฉีหลงได้พูดว่า “บรรดาพวกเราจื้อเผิงเป็นคนที่จำท่าเต้นได้มากที่สุด ผมนั้นดูเขาเต้นแล้วค่อยๆฟื้นความทรงจำของตัวเอง เมื่อกี้พวกเรายังล้อเล่นว่า จะจำท่าเต้น ต้องหาจื้อเผิง”




เพลงผ่านไปหลายรอบแล้ว อาจารย์ก็ได้มาประเมินการเต้นของพวกเขา สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่พวกเขาจะต้องทำใน 4 วันนี้เวลาที่ประเมินนั้น ฉีหลงเสนอว่าท่าเต้นขอให้เข้ากับสไตน์จีนหน่อย พูดไปด้วยเต้นไปด้วย ตำแหน่งการยืนนั้น ยังคงจะคงเดิมไว้ เมื่อวานตอนบ่าย ผู้กำกับของงานนี้ได้มาปรากฏตัวตอนซ้อมอย่างเหนือความคาดหมาย มาดูการซ้อมของพวกเขาทั้งสามคน ผู้กำกับเองก็ยังบอกว่ารู้สึกพอใจกับพวกเขาทั้งสามคนที่แม้จะแยกกันไปนานหลายปี

ในเวลาที่สำคัญของการซ้อมแสดงนั้น เสียงเพลงที่ซ้อมร้องนั้นกลับไปโผล่ที่เว็ปไซน์ มีข่าวว่า หลุดมาจากมือถือของอาจารย์อัดเทปท่านหนึ่ง เป็นเพลง(อ้าย)ที่ร้องหลายๆรอบ แต่จะมีของใหม่คือเสียงคีบอร์ดเพิ่มเข้ามา แต่ทางทีมงานได้บอกว่า เพลงที่หลุดออกมานั้นไม่ใช่เพลงที่พวกเข้าห้องอัดอัดกัน


ชุดที่จะใช้ให้กับสไตน์วัยรุ่น

สำหรับเรื่องชุดนั้น ตามที่ทราบมา ทางทีมงานได้เสนอแบบมาสามแบบ ตอนนี้ทั้งสามคนสนใจแบบทันสมัยวัยรุ่น และทางทีมงานเองก็มีความคิดเดียวกันคือจะให้ออกแบบสไตน์วัยรุ่น จะมีสามชุด ชุดของแต่ละคนก็จะเข้ากับบุคคลิกของแต่ละคน




โหย่วเผิงปฏิเสธเรื่องมีปัญหาการเช่าบ้านที่เฉาหยาง

คดีเช่าบ้านที่เฉาหยางของโหย่วเผิงกำลังเบิกความครั้งแรกที่ศาล และเขาได้มาแก้ข่าวนี้ ในข่าวว่าโหย่วเผิงได้หลอกลวงไม่ให้ข้อมูลจริงกับทางศาล ทางทนายความและผู้จัดการส่วนตัวของโหย่วเผิงไม่พอใจกับข่าวนี้ “จริงๆคดีนี้เป็นคดีความที่ปกติธรรมดา ก่อนที่ทางศาลจะมีการตัดสินคดีนั้น ไม่อยากจะให้สื่อมาวิจารณ์ก่อนว่าจะเป็นอย่างไรหรือเขียนข่าวมั่วๆ ควรที่จะเคารพต่อผู้อื่นด้วย” เป็นการพูดต่อสื่อของผู้จัดการโหย่วเผิง

แล้วทนายส่วนตัวของโหย่วเผิงกล่าว  1. ในใบสัญญาของโหย่วเผิงนั้น ไม่ได้มีการกระทำความผิดใดๆ และในช่วงที่เช่านั้น โหย่วเผิงก็ได้ทำหน้าที่เป็นนายหน้า สำหรับรายละเอียดการการเช่านั้นทางเราไม่รู้ 2.คุณหวังที่เป็นผู้ฟ้องก็ทำเพื่อธุรกิจ เขาเป็นคนสัญชาติจีน ก็น่าจะเข้าใจกฏหมายจีนดี

ท้ายสุด ทนายความกล่าวว่า ในคดีนี้นั้น โหย่วเผิงได้ทำตามใบสัญญาอย่างเคร่งครัด แต่ทางผู้ฟ้องร้องกลับทำผิดสัญญา โหย่วเผิงได้มีข้อคิดเห็นต่อการผิดสัญญาของคุณหวัง จะขอทางสื่อทำข่าวให้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องใน ณ ที่นี้อีกครั้ง ขอบคุณที่ทุกคนเป็นห่วง

109
22 มกราคม 2010  เสี่ยวหู่ตุ้ย รวมตัวกันครั้งแรกรอบใน 20ปี


ทุกคนต่างสนใจข่าวของเสี่ยวหู่ตุ้ย วันนี้บ่าย 2 โมงได้ปรากฏที่สถานียางซื่อเพื่อซ้อมการแสดงคืนวันตรุษจีนแห่งปีเสือ โหย่วเผิง, จื้อเผิง, ฉีหลงได้มาปรากฏตัวพร้อมกัน การรวมตัวครั้งแรกนั้นเป็นที่สนใจของสื่อเป็นอย่างมาก และทางทีมงานก็ได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือโดยจัดหน่วยคุ้มครองไว้เยอะเป็นพิเศษ ในงานซ้อมการแสดงก็มีหน่วยรักษาความปลอดภัยไม่น้อยเลยทีเดียว จากข่าวที่ได้รับมานั้น ขณะนี้พวกเขากำลังซ้อมเดินบนเวทีอยู่ แล้วเพลงที่จะร้องก็คือเพลงที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว มีอยู่ 3 เพลง (อ้าย) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) (หูเตี๋ยเฟยยา) ส่วนตำแหน่งการยืนนั้น ก็ยังคงรักษาตำแหน่งเดิมอยู่ อู่ฉีหลงยืนตรงกลาง ซ้ายขวาเป็นโหย่วเผิงและจื้อเผิง และคืนนั้นจะมีการร้อง 3 เพลงตำแหน่งการยืนก็ยังเหมือนเดิม

คืนงานเสี่ยวหู่ตุ้ยร้อง 3 เพลง ตำแหน่งการยืนไม่เปลี่ยนแปลง

หลายคนก็เข้าใจว่า ตอนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยรวมตัวกันนั้น น่าจะมีการโอบกอดที่ประทับใจและกินใจ แต่มีข่าวลือกันข้างนอกว่า เมื่อเจอกันต่างคนต่างวางมาด เหมือนกับน้ำแข็ง โหย่วเผิงที่มาหลังสุดนั้น ได้ย่องไปนั่งข้างจื่อเผิงเบาๆ ทั้งสามต่างยิ้มให้กัน ต่างสนิทสนมกันและก็ใช่ว่าจะห่างกัน ก็เหมือนกับเมื่อก่อนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยยังไม่แยกทางกัน เสี่ยวหู่ตุ้ยเมื่อก่อนเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนั้น
 
เพลงก็ยังเป็นเพลงที่คุ้นเคยกันเช่น (อ้าย ) (หูเตี๋ยเฟย) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) ใบหน้าทั้งสามที่เคยใสซื่อ วันนี้กลับเห็นความเข้มของการงานบนใบหน้า ท่าทางลีลาการเต้นและคราวบนใบหน้า มันทำให้เรารู้สึกถึงวัยหนุ่มที่จากเราไปแล้ว ครั้งนี้สิ่งที่เราเห็นอาจเป็นการรวมตัวในปลายวัยหนุ่มของพวกเขา มันตื่นเต้นขนาดไหน และมันปวดใจขนาดไหน


เมื่อวานตอนมาซ้อมการแสดงในสถานียางซื่อ ทางทีมงานได้มีโอกาสพูดคุยกับพวกเขา
 
“นี่เป็นการโอบกอดที่ไม่จริงใจ”

จื้อเผิงที่ดูเหมือนแดดเผาจนตัวดำ หากจะเปรียบการเจอกันครั้งแรกระหว่างเขากับฉีหลงนั้น พวกเขาต่างโอบกอดกับฝ่ายตรงข้ามเบาๆหนึ่งครั้ง ดูไปก็เหมือนกับการกอดที่ธรรมดา เหตุอาจเป็นเพราะหน้าที่การงานของแต่ละคนที่ต่างกัน เกือบจะเป็นภาพแห่งตำนานไปแล้ว ขณะนั้น สถานียางซื่อก็ได้จัด รปภ ไว้อย่างหนาแน่น ได้กลายเป็นกันชนกับสื่อ กับไฟ กับโจรผู้ร้าย แต่ไม่วายที่จะมีสื่อบางคนไปรอที่ห้องโถงใหญ่ จึงสามารถที่จะเก็บภาพการโอบกอดอย่างนี้มาได้ โหย่วเผิงได้รับการสัมภาษณ์เสี่ยววินาทีบอกว่า “พวกเราต่างก็ได้ติดต่อกันส่วนตัวอยู่บ่อยๆ เราก็ได้ไปกินข้าวในบ้านของต่างฝ่ายด้วยกัน”

20 ปี มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปทุกอย่าง แต่ว่าบางกิริยาบทมันอาจกลายเป็นความเคยชิน ในกระดูกนั้นได้สลักตราไว้แล้ว อู่ฉีหลงก็ยังเป็นคนที่พูดน้อยที่สุดอยู่ดี โหย่วเผิงก็ยังมีใบหน้าที่ไกวๆอยู่ดี เฉินจื้อเผิงก็ยังเป็นคนที่ถูกรังแกเหมือนเดิม การแต่งตัวนั้นล้วนเหมือนกัน ที่ได้สวมหมวกกันมาโดยไม่ได้นัดหมายกัน กางเกงของฉีหลงกับโหย่วเผิงนั้นคล้ายๆกัน ขณะที่ซ้อมยืนนั้น ก็ได้มีกิริยาบทสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ยออกมาให้เห็นอย่างเป็นธรรมชาติ ฉีหลงยืนอยู่ตรงกลาย แล้วสองคนก็ยืนคนละข้าง

“คุณดูซิ โหย่วเผิงไว้หนวดคราวแล้ว”

ฉีหลงกั้นระหว่างจื้อเผิงกับดูโหย่วเผิง เขายื่นมือไปเตะคางของโหย่วเผิง สิ่งที่รู้สึกถึงเสี่ยวหู่ตุ้ยในสมัยก่อนคือ รอยยิ้มที่ใสสะอาด ที่ร่าเริงที่สุดคนนั้น เวลาได้ทำให้เขาจากเด็กชายกลายเป็นนายไปแล้ว
จริงๆแล้วการให้สัมภาษณ์แค่สิบนาทีนั้น ทั้งสามคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกตื่นเต้น และไม่ได้ยินถึงคำพูดที่ทำร้ายจิตใจในอดีต และด้วยรายละเอียดต่างๆนี้ทำให้เรามองเห็นถึงอารมณ์นิสัยของพวกเขา

คืนวันตรุษจีน ปัญหาที่พวกเขาเจอก็ไม่น้อย และร่างกายที่ไม่ได้เต้นมานานแล้วกลับลงพุง จำต้องลดน้ำหนัก ผมที่ตัดสั้นเพราะการแสดงนั้น จำเป็นที่จะต้องไว้ให้ยาวหน่อย และหนวดคราวที่ไว้อย่างคลากสิกนั้น จำต้องโกนมันทิ้งไป โหย่วเผิงใช้เพียงประโยคเดียวมาบรรยาย จริงๆแล้วมีคำพูดนับหมื่นแสน สิ่งที่ทำได้ก็คือเงียบไว้ “พวกเราทุกคนโอเคมาก คืนวันนั้นจะแสดงได้ยอดเยี่ยมแน่ ผมเชื่ออย่างนั้น”


“ระบำแห่งรัก ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยลืม”

การซ้อมการแสดงวันนั้นจะเน้นการเต้น ตำแหน่งการยืน ทุกอย่างก็จะทำตามให้เหมือนกับตอนเสี่ยวหู่ตุ้ย  ลำดับนั้น เริ่มจาก (อ้าย) (หูเตี๋ยเฟยยา) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) ท่าเต้นเพลงอ้ายนั้นหลักๆจะใช้ภาษามือเต้น น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยที่สุด อย่างไรก็ตามมันก็เป็นอดีตไปนานแล้ว ฉีหลงกับโหย่วเผิงก็ลืมจนเกือบหมด ปกติแล้วจื้อเผิงจะนำสองเสือน้อยเต้น ไม่นานก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง จื้อเผิงบอกกับสื่อว่า ใช่ว่าความจำเขาดี แต่มันลืมไม่ลงจริงๆ “นี่เป็นเพลงเต้นของพวกเรา เป็นท่าที่ลืมไม่ได้เลย” โหย่วเผิงพยักหน้าแล้วแซวว่า “ สกิดใจมาก คิดถึงท่าต่างๆในอดีตแล้วทำให้มีความสุขมาก อนาคตจื้อเผิงสามารถเปิดโรงเรียนสอนเต้นได้เลย”

เพลงร้องติดต่อกัน ปัญหาที่ใหญ่มากคือจะต่อให้เข้ากันอย่างไร ฉีหลงได้มีข้อเสนอ ขอเปลี่ยนท่าเต้นแบบเก่าเป็นสไตล์แบบจีน แล้วตั้งชื่อเป็น ต้าจี๋จงก๋อเฟิง แต่มีข่าวลือมาว่า โหย่วเผิงกลับตอบว่า “พวกเราไม่ใช่ฝันอยู่นะ”


“การอยู่ร่วมกันนั้น เป็นความหวังทั้งหมดของพวกเรา”

เสือน้อยทั้งสามได้มาร่วมอวยพรกับแฟนคลับ ขณะที่ถูกถามว่ามีอะไรจะพูดกับแฟนๆ พวกเขาได้นิ่งเงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายกลับพูดคำว่า “ขอบคุณ”  พร้อมกันโดยที่ทั้งสามไม่ได้นัดกันฉีหลงที่ดูเงียบๆนั้น ครั้งนี้เขากลับพูดด้วย “เห็นแฟนมากมายมาห่วงใยพวกเรา รวมทั้งมีข่าวลือข่าวจริงมากมายแพร่ออกไป หลังจากที่จบงานนี้แล้ว ยังไม่มีแผนอะไรที่แน่นอนชัดเจน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องขอบคุณแฟนๆ 21 ปีแล้ว” จากนั้นก็ยังมีเสียงเบาๆออกมาว่า เป็นเพลงที่ทุกคนรู้จักดี (ซินเหนียนไคว่เล่อ...ปี 1989) พวกเขาได้ร่วมกันออกอัลบั้มนี้กับ “ยิวฮวน” นี่ก็ถือว่าเป็นอัลบั้มแรกของพวกเขา เพลงหนึ่งในอัลบั้มนั้นคือ (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) ทำให้พวกเราดังระเบิดไปทั่วสังคมชาวจีนเลย


“การรวมตัวกัน เป็นสิ่งที่พวกเราคาดหวัง” นี่เป็นเนื้อเพลงของเพลง(ซิงกวางอีจิ้วชั่นลั่น) ตอนนั้น เหตุที่จื้อเผิงในเสี่ยวหู่ตุ้ยต้องไปเกณฑ์ทหาร ครั้งแรกที่จะต้องแยกย้ายกัน และครั้งแรกที่รวมตัวกัน ครั้งที่สองที่ต้องแยกทางกันคือปี 96  การรวมตัวกันครั้งที่สองน่าจะเป็น 14 ปีให้หลัง ในท่ามกลางพวกเขานั้น ฉีหลงได้แต่งงานและหย่าไปแล้ว โหย่วเผิงโตเป็นผู้ใหญ่และดังไปแล้ว จื้อเผิงยังดิ้นรนเพื่อการงาน หลังจากคืนตรุษจีนแล้วต่างก็ยังคนต้องต่างไป แต่ที่ยังดีคือยังมีหวังว่า “หากมีงานการกุศลใดๆที่จะให้พวกเราทั้งสามคนรับใช้ พวกเราพร้อมที่จะมาร่วมงานด้วย”


(สื่อสูกู) ก็เข้าใจดีว่า ทางเสี่ยวหู่ตุ้ยต่อจากนี้จะมีงานซ้อมหนักอยู่ 3 วัน ยังจะต้องไปเลือกชุดแสดงและอัดเพลงด้วย จนกว่าจะถึงวันที่ 25 ที่จะเปิดตัวบนเวทีอย่างเป็นทางการ

110
เสี่ยวหู่ตุ้ย อู่ฉีหลง, เฉินจื่อเผิง, ซูโหย่วเผิง มารวมตัวกันในวันซ้อม วันที่ 20 ม.ค.2010 ที่ปักกิ่ง ของสถานีโทรทัศน์ยางซื่อ

ตามที่ทราบ เวลารายการของเสี่ยวหู่ตุ้ยประมาณ 5 นาที ทั้งสามคนจะรื้อเอาเพลงเก่าๆยอดฮิตมาปัดฝุ่นร้องอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นเพลง(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) (อ้าย) (หูเตี๋ยเฟยยา)เป็นต้น






111
เสี่ยวหู่ตุ้ย คุณที่ไม่มีอะไรมาแทนความทรงจำได้



ปีเสือปีนี้ เสียวหู่ตุ้ยได้กลับมาแล้ว ความหน้าใสน่ารักของพวกเขานั้นได้ถูกกาลเวลาบดบังไป แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน คือ รอยยิ้มที่สวยงามกับเสียงเพลงที่เพราะ 20 ปีแห่งกาลเวลา การรวมตัวครั้งนี้ของพวกเขานั้นนับว่าเป็นการทำความฝันของทุกคนให้เป็นจริง ในความฝันที่มีความทรงจำเก่าๆมากมาย

การรวมอีกครั้ง “เชื่อเถิดว่า พวกเราจะกลับมาหาทุกคนอีกครั้ง ร้องถึงวัยหนุ่มที่ไม่เคยลืมของพวกเรา”

ก่อนหน้านี้ที่ จื้อเผิง ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อที่ปิกกิ่ง ขณะที่ถูกถามถึงความรู้สึกที่ได้เจอเพื่อนเก่า “ผมรู้สึกว่าตอนแรกๆ ก็ยังมีความไม่คุ้นเคยอยู่ แน่นอนปฏิเสธไม่ได้ว่านานแล้วที่พวกเราไม่ได้ร่วมเวทีร่วมการแสดงด้วยกัน แต่ว่า หลังจากที่ได้ซ้อมการแสดง 2-3 วันแล้ว รู้สึกต่างคนก็ค่อยๆ เรียกความรู้สึกในสมัยอดีตกลับคืนมาแล้ว”

อู่ฉีหลง ได้กล่าวว่า นี่เป็นโอกาส เบียดบังผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นของส่วนตัว ผ่านทางการรวมตัวครั้งนี้ พี่น้องทั้ง 3 คนได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และได้หวนคิดถึงเรื่องราวอดีตต่างๆ และสิ่งที่โหย่วเผิงอัศจรรย์ใจที่สุดคือ ทั้ง 3 คนนั้นเข้าขากันได้ดีกว่า 20 ปีก่อน มันอาจเป็นเพราะพวกเราเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ตอนซ้อมพวกเรายังแซวกันเลยว่า หากว่าเวลาแสดงท่าจังหวะของพวกเราพร้อมเพรียงกันจนหมดนั้นคงไม่ใช่เสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว ก็คิดไม่ถึงว่าผลงานที่ออกมานั้นดีกว่าอดีตจริงๆ”

เหตุด้วยมีผู้คนหนับหมื่นแสนเฝ้ารอการกลับมาของพวกเขา ทำให้ทั้ง 3 ก็ต้องเตรียมตัวการแสดงในงานนี้อย่างสุดๆ ทราบจะผู้จัดการส่วนตัวโหย่วเผิง เพื่อจะมางานนี้ โหย่วเผิงได้แคนเซิ่นงานกว่า 10 งานของเขา และเพื่อจะตอบแทนที่ทุกคนยังรักห่วงใยเสี่ยวหู่ตุ้ย แม้จะสูญเสียจากงานของเขามากมายเขาก็ยินดี เพื่องานนี้นั้น โหย่วเผิงได้โกนหนวดที่ไว้มาเป็นเวลานานทิ้งไป ขณะเดียวกัน ทางฉีหลงก็พยายามที่จะเรียกท่าตีลังกาหลังกลับคืนมา โดยการฝึกทุกวันเลย



ก้าวสู่วงการ “ตัวหนอนรอคอยพรุ่งนี้จะมีปีกสวยงามคู่หนึ่ง”

ตุลาคม 1988 เสี่ยวหุ่ตุ้ยได้ดังขึ้นในรายการทีวี “ชิงชุนต้าตุ้ยคั้ง”ของไต้หวัน ตอนนั้นทางรายการต้องการให้มีผู้ช่วยซึ่งเป็นผู้ชาย 3 คน เมื่อหวนคิดถึงภาพอดีตตอนนั้น ฉีหลง ได้เล่าว่า “ครั้งแรกที่ได้เจอจื้อเผิงและโหย่วเผิงก็จำฝังใจแล้ว เพราะทุกคนที่มาสมัครก็ล้วนปกติ มีแต่พวกเขา 2 คนที่ดูแปลก ตอนที่จื้อเผิงเดินเข้ามานั้น ได้แบกกระเป๋าใบหนึ่ง สวมหมวกแก๊ปใบหนึ่ง เสื้อผ้าที่เขาใส่ก็ถือว่าทันสมัยเหมือนกัน ตอนเข้ามาเขาไม่พูดไม่จา ไปนั่งอยู่มุมหนึ่งแล้วหยิบร้องเท้ามาเปลี่ยน ผมก็ได้มองเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า  เปลี่ยนรองเท้า ตอนนั้นก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่มีไอเดียตอนหลังก็เห็นโหย่วเผิงเดินเข้ามา  เขาใส่ชุดนักเรียน โรงเรียนที่เขาเรียนถือว่าเป็นโรงเรียนที่ดีแห่งหนึ่งของไต้หวัน  ผมเลยแปลกมากๆ เด็กนักเรียนของโรงเรียนที่เป็นเด็กเรียน มาที่นี่ได้ไง?  และทรงผมของเขาก็หยิกนิดๆ” และทางจื้อเผิงและโหย่วเผิงก็ได้หวนคิดอดีตของฉีหลง  ภาพที่ติดใจตลอดคือ “มอเตอร์ไซร์คันใหญ่ของเขา”
 
ตอนแสดงคัดเลือกนั้น โหย่วเผิงที่ร้องเพลงมีหลักมีการ จื้อเผิงที่โดดเด่นการเต้น และการแสดงที่มีสีสันของฉีหลง “ตอนนั้นผมเห็นคนนั้นร้องเพลงได้ดี คนนี้ก็เต้นได้ดีมาก ตัวเองไม่รู้ว่าจะเอาอะไรโชว์ดี  สุดท้ายก็เลยตีลังกาหลังโชว์” แค่ตีลังกาหลังนี้ ทำให้เข้าตีเข้าสู่เส้นทางบันเทิงเลย
 
สำหรับช่วงนั้นของผมนั้น โหย่วเผิงกล่าว ตอนนั้นตัวเองได้คุยกับแม่ว่าเรื่องการไปสมัครเข้าคัดเลือกนั้นจะปิดไว้ไม่ให้พ่อรับรู้  “พ่อผมหน้าตาดีมาก ขนาดเดินบนถนนก็ยังมีแมวมองมาชวนให้ไปเป็นดารา แต่ทัศนะของพ่อนั้น เป็นคนหัวโบราณหน่อย ลูกผู้ชายนั้นไม่ควรพึ่งใบหน้ากิน และไม่ชอบที่ผมจะเกี่ยวข้องกับอาชีพนี้” เพราะเหตุนี้ การคัดเลือกผ่านไปทีละขั้นทีละตอนจนได้กลายเป็นสมาชิกของเสี่ยวหู่ตุ้ย โหย่วเผิงเองก็มองเสี่ยวหุ่ตุ้ยเป็นเพียงงานเสริมที่จะหาเงินเป็นค่าขนม เพื่อจะไม่ให้กระทบต่อการเรียนเขา เขาได้มีเงื่อนไขเซ็นสัญญากับทางค่ายว่า “เวลาเรียนนั้นจะไม่ลาไปทำกิจกรรมเด็ดขาด”
 
เริ่มแรกนั้นทั้ง 3 คนทำงานเป็นผู้ช่วยของรายการ  โดยได้รับเงินสัปดาห์ละ 1,350เหรียญไต้หวัน หากว่าสัปดาห์นี้รายการไม่ยาว ยังมีเวลาเหลืออยู่ไม่กี่นาที พวกเขาทั้ง 3 คนก็จะได้ร้องเพลง 2 เพลงและเต้นไปด้วย  เพิ่มจะให้เวลารายการพอดี ยิ่งกว่านั้นบางครั้ง   งานพวกเขาเป็นการโยกย้ายอุปกรณ์ต่างๆในรายการ แต่เมื่อพวกเขาได้ออกรายการแล้ว  ใบหน้าที่ใสๆ และเดียงสาของพวกเขาเป็นที่สนใจของผู้ชมเป็นอย่างมาก
ธ .ค.1988  พวกเขาได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับค่ายไคลี่
ม .ค.1989 วงเสี่ยวหู่ตุ้ยกับวงเหย่าฮวนได่ตุ้ย  ได้ร่วมกันออกอัลบั้ม “ซินเหนียนไคว่เล่อ” คิดไม่ถึง อัลบั้มที่แค่ลองทำเป็นชิ้นแรกกลับขายดีอย่างเทน้ำเทท่าในตลาด โดยเฉพาะเพลง “ชิงผิงก่อเล่อเหยียน” หลังจากที่อัลบั้ม “ซินเหนียนไค่วเล่อ”ออกได้ไม่นาน เสี่ยวหู่ตุ้ยก็เริ่มที่จะทำอัลบั้มของตัวเองซึ่งอัลบั้มแรกคือ  “แซวเหยาอิ๋ว” และได้ติดเป็นอันดับ 1 ของไต้หวันด้วย  ในไต้หวันได้มีกระแสเสี่ยวหู่ตุ้ยที่แรงขึ้นมา  และหลังจากนั้นโดยเฉพาะอัลบั้มต่อมา “หงชิงถิง”นั้น ได้ทำยอดขายอย่างถล่มทลายโดย 1 เดือนขายกว่า 400,000 ตลับ
 
พูดถึงเรื่องการถ่ายรูปโปสเตอร์แล้ว อู่ฉีหลงนั้นจะมีหน้าครึม ยิ้มแบบไม่เห็นฟัน ฉีหลง ได้กล่าวว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นคอนเซ็ปของค่าย “ตอนนั้นที่ถ่ายรูปนั้น ทางค่ายได้บอกผมว่า  พยายามอย่ายิ้ม และทางโหย่วเผิงต้องยิ้มให้บาน ต้องให้เห็นฟันทุกซี่ด้วย สำหรับจื้อเผิงนั้นแล้วแต่เขา สิ่งเหล่านี้ก็เพื่อจะทำให้งานออกมาได้สมบูรณ์ แต่แรกทางค่ายก็มีคอนเซ็ปอย่างนี้แล้ว ตามบุคลิกของเราแล้วทำใบหน้าให้เข้ากับตัวเอง

112
19 มกราคม 2010 ชิงผิงก่อเล่อเหยียน (Qing Ping Guo Le Yuan:สวนแห่งความสนุก)

11 เรื่องราวสำคัญๆหวนรำลึกถึงเสี่ยวหู่ตุ้ย


เริ่มตั้งแต่ปี 1997 ข่าวเกี่ยวกับการจะรวมตัวกันของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นเราได้ยินมาแล้ว 12 ปี ในรอบ 12 ปีที่ผ่านมานั้น ทั้งสามคนก็มักจะมีคนหนึ่งที่ขาดหายไป ทั้งสามคนต่างล้วนมีหน้าที่การงานของตัวเองแล้ว แต่ละคนก็จะพยายามที่จะทำให้สิ่งที่ตั้งใจไว้เป็นจริง ในปีเสือนี้ ในที่สุดพวกเราก็ได้เห็นการรวมตัวของพวกเขาจนได้ สำหรับการหวนรำลึกอดีตของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นมันมากมายหลายเรื่องเหลือเกิน งั้นเราของเจาะเอาประเด็นเรื่องสุดยอดแค่ 11 เรื่องมาหวนระลึกอดีตของเสี่ยวหู่ตุ้ยด้วยกัน

อัลบั้มเพลงไคลี่

การเริ่มต้นรวมตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นมีความเกี่ยวข้องกับไคลี่ หากมิใช่สถานีรายการไคลี่เปิดโอกาสให้ หากมิใช่รายการไคลี่ที่มีสาวน้อยแสนสวยสามคนมาดำเนินรายการ ก็คงจะไม่มีวันที่เสี่ยวหู่ตุ้ยมารวมตัวกัน เริ่มแรกจากการประกาศคัดตัวผู้ที่จะมาเป็นผู้ช่วยของรายการไคลี่ ทั่วเกาะไต้หวันก็ควนหาผู้ชายที่เหมาะสมเพื่อมาเป็นผู้ช่วยในรายการไคลี่ของเสี่ยวเมาตุ้ย

อู่ฉีหลง, โหย่วเผิง, จื้อเผิง ชายหนุ่มทั้งสามคนก็ได้เดินเข้ามาสู่สายตาของทุกคน ตอนนั้นหนุ่มน้อยทั้งสามคนแทบจะไม่รู้เลยว่าวงการบันเทิงคืออะไร การที่พวกเขาไปสมัครคัดตัวนั้นต่างก็มีโชคของตัวเอง เช่นอู่ฉีหลง เขาเป็นคนปกติ แต่เหตุที่เขามีความสามารถตีลังกาหลังได้จึงเป็นที่เตะตาของกรรมการ ทางด้านคุณแม่ของโหย่วเผิงก็กังวลใจว่าการที่เขาเข้าสู่วงการบันเทิงแล้วจะทำให้ผลการเรียนที่ดีมาตลอดของเขาตกต่ำไปมั้ย

แต่ละด่านที่ผ่านมานั้น ทำให้พวกเขาทั้งสามคนกลายเป็นเสี่ยวหู่ตุ้ยผู้ช่วยรายการวัยหนุ่มไป ที่น่าอัศจรรย์คือพวกเขาที่เป็นแค่ผู้ช่วยรายการกลับทำรายการได้โดดเด่นและเป็นที่นิยมของผู้ชมมากกว่าเสี่ยวเมาตุ้ย จนทำให้พวกเขาได้รับความสนใจจากผู้ชนเป็นอย่างมาก


113
24 มกราคม 2010 จางเสี่ยวเยี่ยนหวนคิดเสี่ยวหู่ตุ้ย


เริ่มจากการคัดเลือกเสี่ยวหู่ตุ้ยจนถึงการทำอัลบั้มและออกคอนเสิร์ด ศิลปินแนวหน้าอย่าง (จางเสี่ยวเยี่ยน) นั้นถือว่าเป็น “ครูพี่เลี้ยง”ของเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้ เมื่อถามถึงศิษย์รักสามคน พี่เสี่ยวเยี่ยนก็มีคำพูดที่สนุกๆมากมายมาเล่าสู่กัน และเพื่อให้ความสำคัญการการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ทางพี่เสี่ยวเยี่ยนยังอุตส่าไปหารูปภาพครั้งแรกที่เสี่ยวหู่ตุ้ยออกคอนเสิร์ดมาโชว์ด้วย ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นกับภาพเก่าๆที่หน้าตาใสๆและเดียงสาของพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง
 
ถาม : คุณยังจำภาพของเสี่ยวหู่ตุ้ยในตอนนั้นได้ไหม?

ตอบ : ภาพของเขานั้นจำได้ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาทั้งสามคนมาในรายการของฉัน พวกเขาสามคนเป็นวัยรุ่นที่ต่างกัน เพราะว่าบุคลิกของพวกเขาต่างกัน ฉะนั้นเลยรวมพวกเขาเป็นเสี่ยวหู่ตุ้ย เมื่อมาถึงปีเสือพวกเขาก็น่าจะคำรามแล้ว

ถาม :  ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนต่างก็มีการงานที่ต่างกัน มุมมองของคุณเป็นอย่างไร?

ตอบ :  จริงๆแล้วพวกเขาเข้าสู่วงการก็ดังระเบิดในทันใด และสิ่งที่ฉันจำขึ้นใจมากคือหลังจากที่พวกเขาสามคนบ้างก็กลับมาจากการไปเกณฑ์ทหาร บ้างก็โตแล้ว จบแล้ว จริงๆแล้วตอนนั้นพวกเขาสามคนยังไม่รู้ว่าหลังจากที่แยกกันแล้ว ไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะไปทำอะไรหรือจะเข้าวงการอีกครั้ง ฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งได้เชิญพวกเขาสามคนไปทานข้าวด้วยกัน พวกเขาตัดสินใจว่าจะไปทำงานที่จีน ฉันรู้สึกถึงการกังวลที่ไม่มั่นใจของพวกเขา และหวังว่าอยากจะมีอะไรที่จะให้ทำบ้าง เพราะพวกเขาต่างก็เป็นขวัญใจมาก่อน ตอนนี้คุณจะกลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว สำหรับศิลปินแล้ว เป็นบทเรียนที่ยากมาก โดยเฉพาะวันนี้ แต่ละคนก็ไม่เลวเลย ฉันรู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลยทีเดียว ทั้งสามคนก็สู้มาแต่เล็กจนมีวันนี้ สู้ๆต่อไป

ถาม  : คุณคิดว่าความนิยมในสมัยนั้นของเสี่ยวหู่ตุ้ยกับความนิยมชมชื่อในศิลปินในสมัยนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร?

ตอบ :  ฉันคิดว่าศิลปินวงหนึ่งที่ได้รับการนิยมนั้นมันมีความเกี่ยวข้องกับเวลา สถานที่ และแฟชั่นในสมัยนั้นนั้นเป็นอย่างมาก พวกเขาสามคนสามารถพูดได้ว่าพวกเขาเป็นวงสามหนุ่มที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งเต้นทั้งร้อง และทั้งสามคนก็ไม่เหมือนกันด้วย คนหนึ่งเก่งด้านเรียน คนหนึ่งเก่งด้านเต้น อีกคนหนึ่งร้ายกาจมากๆ ฉะนั้นฉันคิดว่าในสมันนั้น ฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยจัดงานร้องเพลง คิดไม่ถึงเลยว่างานนั้นจะมีคนมากันล้นหลาม ทุกคนก็ล้วนคิดไม่ถึง ฉันคิดว่าดาราแต่ละคนนั้นต่างก็มีดวงใจของตัวเอง คุณไปเกิดในช่วงนั้นพอดี แล้วก็ทำให้คุณดังระเบิดในทันใดเลย

ถาม :  เสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีการรวมตัวกันในคือฉลองเทศกาลตรุษจีนที่ประเทศจีนอย่างแน่นอนแล้ว คุณมองอย่างไร?

ตอบ :  ฉันดีใจมากๆ พวกเขาก็เคยคิดที่จะรวมตัวกันเหมือนกัน เพราะฉันคิดว่าหลายคนได้ฟังเพลงของพวกเขาแล้วโตมากับเพลงเหล่านั้น แต่เวลาของทั้งสามคนกลับไม่ลงตรงกัน ฉะนั้นครั้งนี้สามารถรวมตัวกันได้ ฉันเชื่อว่าแฟนคลับมากมายคงจะดีใจเป็นอย่างมาก

ถาม : คุณคาดหวังที่พวกเขาจะมีคอนทัวร์เสิร์ทไหม?

ตอบ :  ฉันคิดว่าฉันปรารถนาที่จะเห็นพวกเขาร้องเพลงอีก จริงๆแล้วครั้งแรกที่ฉันพาพวกเขาไปที่เซี่ยงไฮ้ เห็นว่าคอนเสิร์ทของพวกเขามีคนมาฟังมากมาย เป็นเรื่องที่ดีใจมาก พวกเขาสามคนโตกันแล้ว ก็เหมือนกับที่  “เฉาหมง” ได้กลับมาเปิดคอนเสิร์ทที่ไต้หวัน สนุกมากๆ และทำให้แฟนๆดีใจกันถ้วนหน้า ฉันคิดว่า ให้แฟนเพลงสุขใจอีกครั้ง เป็นหน้าที่ของพวกเขา เหมือนกับรูปนี้เป็นรูปที่พวกเขาออกคอนเสิร์ทครั้งแรก ในปี 1989  คุณดูซิ คนที่เปลี่ยนเยอะที่สุดน่าจะเป็นหวงจื่อเจียว เวลาผ่านไปเร็วมาก

114

สัมภาษณ์หวงจื่อเจียว พูดถึงเสี่ยวหู่ตุ้ย

21 มกราคม 2010 (หวงจื่อเจียว เคยอิจฉาที่เสี่ยวหู่ตุ้ยดัง )

หวงจือเจียวที่ได้เข้าสู่วงการร่วมกันกับเสี่ยวหู่ตุ้ย สำหรับหวงจื่อเจียวแล้วเสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นที่คุ้ยเคยกันอย่างดี หลายปีมานี้หวงจื่อเจียวกับเสี่ยวหุ่ตุ้ยนั้นประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น แต่ยังมีภาพตอนเข้าสู่วงการใหม่ๆนั้นติดตามมาตลอด

หวงจื่อเจียวกล่าวว่า >>  การเป็นเพื่อนร่วมทางด้วยกันนั้น เขาเคยอิจฉาที่เสี่ยวหู่ตุ้ยดัง และภาพลักษณ์ที่เขาติดตาในตัวเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นเป็นภาพที่เด่นชัด เช่น (ฉีหลง) เป็นคนที่มีความรักก่อนใครเลย

ถาม :  คุณยังจำช่วงที่ทำงานกับเสี่ยวหู่ตุ้ยได้ไหม?

จื่อเจียว :  ตอนนั้นพวกเราเข้าสู่วงการด้วยกัน ห่างกันแค่ประมาณสองสามเดือนเองมั้ง ตอนนั้นพวกเราได้แข่งขันกันในรายการหนึ่ง จากนั้นผมเป็นคนตลก แต่เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นวงที่หล่อและเป็นขวัญใจ ไม่เคยคิดเลยว่า หลังจากที่พวกเขาได้มีโอกาสร้องเพลงกับ (เสี่ยวเมาตุ้ย) แล้วกลับดังระเบิดเลย

ผมจำได้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงที่เรากำลังอัดรายการ ทุกวันอาทิตย์ที่อัดรายการของ(สถานีหัวซื่อ) นั้นจะแน่นไปด้วยผู้คน จากนั้นพวกเขาก็มีการจัดงานแจกลายเซ็น มีแฟนๆมานับหมื่นซึ่งที่ไต้หวันไม่เคยมีเรื่องอย่างนี้มาก่อนเลย  ช่วงปี 88...89  สำหรับพวกเราที่เป็นรุ่นพี่นั้นก็รู้สึกประทับใจ และอิจฉาไปด้วย รู้สึกว่าพวกเขาเป็นที่นิยมมาก

คุณดูซิ (ไกวๆหู่) นั้นต้องเรียนตลอดวัน แล้ว (ฉีหลง) ก็ต้องฝึกตีลังกาตลอด ผมรู้สึกว่าตอนนั้นสิ่งที่ผมรู้สึกพวกเขาสามคนความสัมพันธ์ของพวกเราดีมากๆ และภาพลักษณ์ก็ดีมากๆ และพวกเขาก็เป็นขวัญใจของคนไต้หวันที่รักในการแสดงเป็นอย่างมาก



ถาม : สิ่งที่ลืมยากที่สุดคือ

จื่อเจียว :  จริงๆแล้วตอนนั้นเพราะว่าพวกเขาจะต้องมีการแสดงบนเวที โดยเฉพาะเสี่ยวหู่ตุ้ย เป็นสิ่งที่ทุกคนยากจะลืมเลย เช่นการแต่งตัวของพวกเขา คุณลองจิตนาการณ์ดู ชุดสูทที่หล่อเท่มากๆ ทุกอย่างล้วนสั่งตัด เหตุที่ท่าเต้นบนเวทีของพวกเขานั้นหนักมาก ฉะนั้นพวกเขามีเหงื่อเยอะ ฉะนั้นทุกครั้งที่ไปเปลี่ยนเสื้อหลังเวทีก็จะมีเรื่องขำเกิดขึ้น เพราะคุณจะเห็นว่าหลังจากที่ถอดสูทออกแล้ว คุณจะเป็นเสื้อเชิ๊ดนั้นไม่มีคอ หรือว่าด้านหลังแหว่ง เหตุเพราะต้องการจะให้มีลมเข้า กันร้อน

ฉะนั้นดูภายนอกแล้วพวกเขาดูเหมือนเต็มสูท หล่อไร้ที่ติ แต่ถ้าถอดชุดสูทแล้ว จะมีความทุเรศออกมาให้เห็น(หัวเราะ)  แต่ว่าผู้ชมจะไม่เห็น อีกอย่างผมรู้สึกว่าพวกเขาเป็นวงหนึ่งที่ทนทุกข์มากในตอนนั้น เพราะพวกเขาดังเกินไป ฉะนั้นจะไปเดินเที่ยวก็เป็นการยาก หรือว่าอาหารการกิน ก็ถูกคุมอย่างหนัก บางครั้งยังต้องเจอความเครียดของการเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น

เช่นตอนนั้นบริษัทของพวกเรานั้นโหดมาก ศิลปินแต่ละคนจะมีตู้จดหมายของตัวเอง รวมถึงตัวผมเองด้วย แล้วของพวกเขาสามคนั้นคุณจะเห็นว่าตู้พวกเขาแทบจะระเบิดจดหมายนั้นหล่นบนพื้นดัง ป้า ป้า ป้า ผมรู้สึกว่าการเป็นขวัญใจนั้นลำบากจริงๆ คุณลองคิดดูจะอ่านจดหมายเหล่านั้นให้หมด มันไม่ง่ายเลย แน่นอนทั้งสามก็มีการจดหมายที่ต่างกัน

ผมจำได้ว่าตอนแรกจดหมายของ (ฉีหลง) เยอะที่สุด ต่อจากนั้น (จื้อเผิง) ก็ตามมาติดๆ สุดท้ายของ(โหย่วเผิง) เยอะสุด  จริงๆแล้วพวกเขาทั้งสามคนก็น่ารักดี สำหรับ (ฉีหลง) นั้นเรื่องความรักจะเยอะหน่อย เขาน่าจะเป็นคนแรกที่มีความรัก

(โหย่วเผิง) นั้น พูดตรงๆว่าเขานั้นลำบากมาก เขามักจะใส่ชุดนักเรียนแล้วมาเปลี่ยนที่บริษัทบ่อยๆ เขาจะช้านิดหนึ่ง ตอนขึ้นเวทีเขาจะเป็นคนคิดมาก 

(จื้อเผิง) เป็นตัวของตัวเองมาก แต่เขาเองก็เป็นคนที่ขี้สงสารตัวเอง นับได้ว่าเขาเป็นบรรพบุรุษของคนที่ขี้สงสารตัวเอง ตอนนั้นเขาก็รู้ที่จะดักผม มักจะใส่ใจในตัวเอง ตอนนั้นหลายคนบอกว่าเขาเหมือน (จางก๋อหยง/ลิสลี่จาง)  ฉะนั้นเขาจะเป็นคนที่เพล้อ คิดว่าตัวเองนั้นหล่อที่สุด


ถาม :  บรรดาเพลงต่างๆนั้นเพลงไหนที่คุ้นที่สุด แล้วตอนนั้นเป็นที่นิยมที่สุดนั้น สาเหตุสำคัญคืออะไร?

จื่อเจียว :  จริงๆแล้วเพลงที่ผมคุ้นเคยและรู้จักนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับทุกคน ก็น่าจะเป็นเพลง(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)ในสมัยนั้น เพราะเพลงนี้จะเปิดในรายการของ (พี่เสี่ยวเยี่ยน)  ผมจำได้ว่าตอนนั้นทุกคนก็ชื่นชอบ จากนั้นก็ออกอัลบั้มประสานเสียง ซึ่งร้องด้วยกันกับ (เสี่ยวเมาตุ้ย)  และตอนนั้นสิ่งที่ร้ายกว่านั้นคือ ตอนนั้นไม่ค่อยมีใครสนใจ (เสี่ยวเมาตุ้ย) เลย แต่ทุกคนกลับรอคอยรายการ(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) ที่หลังจากรายการของเสี่ยวเมาตุ้ย

ผมรู้สึกว่าสภาพการณ์อย่างนั้นมันลืมยากมาก เพราะมันไม่มีอีกแล้ว รวมทั้งขวัญใจรุ่นหลังก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น F4  ยังมีอีกหลายวง ใช่พวกเขาก็ดังเหมือนกัน แต่ว่าไม่เหมือนกับพวกเสี่ยวหู่ตุ้ย สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่จำฝังใจไม่เคยลืมเลย และเพลงหลังๆของพวกเขาผมเองก็ชื่นชอบเหมือนกัน เช่น(หงชิงเถียน) ได้แปลเป็นภาษาญี่ปุ่น พวกเขาได้ใส่ชุดยีนส์ ถือกีตาร์ และพวกเขาไปฝึกซ้อมเพื่อจะเข้ากับดนตรี ผมรู้สึกว่ามันประทับใจมาก

เช่นเพลงหนึ่งที่ชื่อว่า (อ้าย) พวกเขาไปคิดภาษามือ แล้วใช้ภาษามือเป็นท่าเต้น ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยากจะลืม


ถาม :  มุมมองของคุณนั้น วงขวัญใจในวันนี้กับเสี่ยวหู่ตุ้ยในอดีตมีความต่างกันอย่างไร? แล้วสิ่งที่ต่างกันที่สุดคืออะไร?

จื่อเจียว :  สมัยนั้น ทุกคนล้วนใสซื่อไร้เดียงสา ไม่มีตัวเลือกให้เลือกเยอะ แต่วันนี้พวกเรามีหลายๆวงที่จะให้เราเลือกดู ฉะนั้นผมคิดว่าสมัยนี้ทำให้จุดสนใจของผู้ชมนั้นแตกกระจ่ายกันไป และตอนนั้นพวกเขาก็ได้เป็นที่รู้จักของทุกคนผ่านทางรายการหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นรายการเกมส์หรืออะไรก็ตาม ล้วนมีพวกเขา ทำให้เป็นที่รู้จักของทุกคน ยิ่งกว่านั้นตอนนั้นสถานีก็แค่ 3 ช่องเอง หากไม่ดูเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้วจะไปดูใครล่ะ?

ถาม :  เสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีการรวมตัวอีกครั้งในคืนฉลองตรุษจีนที่ประเทศจีน เรื่องนี้คุณมองอย่างไร? 

จื่อเจียว :  ที่ผ่านมาจริงๆแล้วพวกเราก็เคยเห็นการจัดงานอย่างนี้ที่ไต้หวัน แต่ส่วนมากแล้วผมเองก็จะเอาเวลาไปพักผ่อน

115
http://www.chinanews.com.cn/yl/yl-ypkb/news/2010/01-11/2064181.shtml

11 มกราคม 2010 ข่าวคืนฉลองเทศกาลตุรุษจีน เนื้อหาเกี่ยวกับคำพูดของโหย่วเผิง

การเตรียมรายการแสดงของคืนฉลองเทศกาลตรุษจีนของสถานียางซื่อกำลังเคร่งเครียด และสิ่งที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมากว่าจะมีรายการอะไรบ้างที่จะนำมาแสดงบนเวที เมื่อวานโหย่วเผิงได้มาที่เผิงซิ่นซิงกวาง และรายการแสดงของคืนวันนั้นก็เป็นประเด็นร้อนที่นักข่าวอยากจะถามเขา

(โหย่วเผิง) บอกกับนักข่าวว่า เขาจะมุ่งมั่นตั้งใจที่จะไปเตรียมการแสดงของเขา ทั้งยังตั้งใจที่จะไปซ้อมการแสดงด้วย อย่างไรก็ตามทาง (อู่ฉีหลง) นั้นยังติดงานถ่ายภาพยนตร์อยู่ แต่ก็คาดการณ์ว่าทั้งสามคนจะรวมตัวกันเป็นครั้งแรกที่จะซ้อมการแสดงนั้นก็คงจะหลังวันที่ 20

แล้วการที่ทั้งสามคนจะซ้อมการแสดงนั้น ตำแหน่งการยืนของทั้งสามคนจะเป็นไปตามที่ทางผู้จัดวางไว้อย่างนั้นหรือเปล่า ให้น้องเล็กในอดีตอย่าง (โหย่วเผิง) นั้นยืนอยู่ตรงกลางซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญ? ตอนนี้แต่ละคนก็ล้วนไม่เหมือนเดิมแล้ว (โหย่วเผิง) ยังอยู่ในแวดวงบันเทิงอยู่ แต่ทาง (อู่ฉีหลง) นั้นไม่ค่อยเห็นผลงานด้านการแสดงเท่าไหร่ ส่วน (จื้อเผิง) นั้นไม่เห็นแม้แต่เงาเลย (โหย่วเผิง) กล่าวว่า มันคงจะเป็นตำแหน่งเดิม ถ้ามิเช่นนั้นก็คงจะไม่คลากสิค



ข่าวคราวเรื่องการรวมตัวกันของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นได้มีกระแสตลอดระยะเวลา 20 ปีแล้ว (โหย่วเผิง) กล่าวว่า หน้าที่ที่สำคัญในตอนนี้คืองานคืนเทศกาลตุรุษจีน แล้วเรื่องอื่นนั้นเอาไว้คุยกันหลังเสร็จงานนี้ก็แล้วกัน

รายการคืนนั้นของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นร้องเพลง 3 เพลงในเวลา 5 นาที เครื่องแต่งกายให้เข้ากับหัวข้อของปีเสือ

เสี่ยวหู่ตุ้ยร่วมแสดงคืนเทศกาลตุรุษจีน ตอนนี้นั้นเตรียมพร้อมแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง เหลือเพียงรอการซ้อมแสดงของวันที่ 20 (ม.ค) เมื่อวาน ผู้จัดการส่วนตัวของโหย่วเผิงได้พูดกับนักข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า เธอจะให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเป็นพิเศษเกี่ยวกับชุดแต่งกายของพวกเขา

ผู้จัดการส่วนตัวกล่าว เสื้อผ้าที่ทั้งสามคนจะใส่ในการแสดงนั้นผู้จัดงานได้ประสานให้ช่างมาช่วยวัดตัวและจะตัดให้ ตอนนี้ผู้จัดการส่วนตัวของทั้งสามคนก็ได้รับแบบเสื้อต้นคราวๆจากทางช่างตัดแล้ว “เสื้อผ้านั้นเข้ากับเวทีมาก ทั้งยังเป็นเสื้อที่ทันสมัยสมกับปี 2010 มันเหมาะและเข้ากับหัวข้อในคืนวันนั้นมาก” แล้วทางนักข่าวถามอีกว่าเสื้อนั้นจะมีรูปเสือด้วยหรือเปล่า ทางผู้จัดการกล่าว เรื่องนี้ไว้ท้ายสุดค่อยตัดสินใจ

ตามที่ทราบมา เวลาการแสดงนั้นประมาณ 5 นาที และพวกเขาจะร้อง 3 เพลงอมตะอย่าง (หูเตี๋ยเฟยยา/Butterflies Fly )( อ้าย/Love ) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน/Green Apple Paradise ) แล้วเสือน้อยทั้งสามตัวที่ได้แยกวงไปนานแล้วตอนนี้กลับมารวมตัวร้องเพลงตอนอยู่วงเดียวกันนั้นจะมีบรรยกาศและสปิริตเก่าๆให้เห็นอยู่หรือไม่? ทางผู้จัดการกล่าว “3 เพลงเป็นทาง (สถานียางซื่อ) เป็นผู้จัด จะเห็นก็ต่อเมื่อตอนที่พวกเขาได้มาซ้อมด้วยกัน พวกเราจะพยายามทำอย่างสุดกำลัง จะสร้างความรู้สึกที่ยังใกล้ชิดกันตลอดมากับบรรดาแฟนๆ

ทางผู้จัดการยังกล่าวอีกว่า ช่วงนี้ (โหย่วเผิง) มีแต่เรื่องดีๆ ไม่เพียงได้เชิญมาร่วมงานนี้ ทั้งยังได้รับรางวัลนักแสดงทะลุทะลวง(คือเปลี่ยนจากภาพลักษณ์ดีไปเล่นบทร้าย) จากฝ่ายภาพยนตร์ของจีนในเรื่องเฟิงเซิง และได้รับรางวัลนักแสดงดาวรุ่งจากซิงกวง(QQ)ด้วย หลังจากงานคืนตุรุษจีนแล้ว 24 กุมภาพันธ์จะไปไต้หวันโปรโมทเรื่อง(ตามหาพี่หลิวซัน)ที่โหย่วเผิงแสดงเป็นพระเอก


116
8 มกราคม 2010 คืนฉลองตุรุษจีนเสี่ยวหู่ตุ้ย 5 นาที 3 เพลง



เสี่ยวหุ่ตุ้ย 5 นาที 3 เพลง

“พวกเราทราบดีว่าทุกคนก็ล้วนสนใจกับการรวมตัวกันของเสี่ยวหู่ตุ้ย แต่ว่าจริงๆแล้วไม่อยากให้ใจจดใจจ่อจนเกินไป เกินจนเม้กระทั่งตำแหน่งการยืนก็ต้องรู้..” เมื่อวานนักข่าวได้โทรศัพท์มาถามผู้จัดการส่วนตัวโหย่วเผิง ได้ถามถึงเพลงที่จะร้องในคืนนั้นและตำแหน่งยืนของพวกเขาสารพัดเรื่อง ทำให้น้ำเสียงเธอเหมือนเบื่อหน่าย

ก็เหมือนว่าคนเรายิ่งอยู่ยิ่งอยากหวนคิดเรื่องอดีต ความเป็นจริงนั้น สิ่งที่น่าจะสนใจรอคอยในคืนนั้น น่าจะเป็นแฟนคลับที่ร่วมเดินทางอันยาวนานมากับพวกเรา เสี่ยวหู่ตุ้ยจะรวมตัวกันในคืนตุรุษจีนของปีเสือนั้นคงไม่ต้องสงสัย ตอนนี้สิ่งที่แน่นอนอยู่แล้วนั้นก็คือ เสี่ยวหู่ตุ้ยจะขึ้นบนเวที่ร้องเพลง๓เพลง (หูเตี๋ยเฟย )(อ้าย ) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) ในเวลา 5 นาที สหายสามคนที่ไม่ได้รวมกันแรมปีก็จะมารวมกันที่ปักกิ่ง จะมีการซ้อมการแสดงอย่างเป็นทางการ


“ตำแหน่งการยืน” จริงๆแล้วเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง

เมื่อวาน ขณะที่นักข่าวโทรศัพท์สัมภาษณ์จื้อเผิง เขากำลังจัดเตรียมสัมภาระที่จะออกเดินทางไปไต้หวันในพรุ่งนี้เช้า เมื่อเอ่ยถึงเรื่องการซ้อมการแสดงในคืนวันงาน ดูเขาสบายๆ กล่าวว่าวันที่ 20 จะบินไปปักกิ่งสมทบกับเพื่อนอีกสองคน จื้อเผิงเป็นคนที่เงียบที่สุดในบรรดาสามคน และเป็นคนที่อยู่กับอดีต ได้ถามเขาว่าได้ร่วมร้องเพลงกับเพื่อนๆที่ต่างแยกย้ายกันไปตั้ง 20 ปีรู้สึกอย่างไรบ้าง เขาได้หยุดนิ่งพักหนึ่ง “ครั้งล่าสุดที่พวกเราทั้งสามได้ขึ้นเวทีร้องเพลงนั้น เป็นงานคอนเสิร์ดของโหย่วเผิงที่ไปเปิดที่เซี่ยงไฮ้(2002) เขาบอกว่าเราสองคนจะต้องไปให้ได้ เมื่อยกนิ้วมานับดู มันก็ผ่านไปเกือบ 8 ปีแล้ว ..” ตอนนั้น ทั้งสามคนร่วมร้องเพลง (ซิงกวงอีหยานชางลั่น) จนถึงวันนี้ทางแฟนคลับก็ยังเป็นห่วงพี่น้องของเราอยู่เสมอ

คนที่เข้าใจแฟนคลับของเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ทราบกันดีว่า จื้อเผิงเป็นผู้มากความสามารถในวง ท่าเต้นในสมัยนั้นล้วนเป็นการคิดค้นโดยจื้อเผิง หลายปีมานี้ เขาเองก็ยังเข้าแข่งขันการประกวดเต้นของวงการศิลปินอยู่เรื่อยมา และก็มักจะได้รับรางวัลอยู่เสมอ และงานครั้งนี้นั้น ไม่รู้ว่าเขาจะมารับหน้าที่เดิมอยู่หรือเปล่า มานำสอนท่าเต้นของทั้งสองคน? เขากล่าวว่า ครั้งนี้น่าจะมีอาจารย์สอนเต้นจากสถานียางซื่อมาฝึกสอน แต่ว่าตัวเองก็จะพยายามเสนอไอเดียดีๆให้

ได้พูดถึงบางข่าวเขียนข่าวว่า “แม้ว่างานการรุ่งสู้โหย่วเผิงไม่ได้ แต่ว่าอู่ฉีหลงก็ยังจะขอยืนตรงกลาง” จื้อเผิงบอกว่าข่าวอย่างนี้ไร้สาระ เขาหัวเราะ “เรื่องอย่างนี้ยังนำมาเขียนด้วย ทางผู้จัดการของอู่ฉีหลงเข้าใจว่า รูปแบบการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นได้กำหนดไว้แต่เนิ่นๆแล้ว ไม่จำเป็นที่จะนำมาเขียนข่าว ทางผู้กำกับของโหย่วเผิงก็พูดได้ยิ่งตรง “ถ้าเปลี่ยนตำแหน่งแล้ว ก็จะไม่ใช่เสี่ยวหู่ตุ้ยซิ”


ดังกว่าใคร

ไม่สามารถจะปฏิเสธได้ว่า วงเด็กหนุ่มเสี่ยวหู่ตุ้ยที่ดังทั่วแผ่นดินเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผ่านมาแล้วนับสิบปีแฟนๆยังคงมีความทรงจำที่ดีและไม่เคยลืมนับว่าเป็นปฏิหาร์ณ์อย่างยิ่ง แต่ว่า หลังจากที่เสือน้อยสามตัวต่างคนต่างบินแล้ว เส้นทางชีวิตของแต่ละคนกลับต่างกัน อู่ฉีหลงเข้าสู่เส้นทางเล่นละครโทรทัศน์ จื้อเผิงเล่นละครเวที ภาพยนตร์ พิธีกร ล้วนทำมาแล้ว โหย่วเผิงแข็งใจสู้เข้าสู่เส้นทางภาพยนตร์ โดยเฉพาะเฟิงเซิงที่แสดงไปเมื่อปีที่แล้ว ฝีมือการแสดงนั้นเป็นที่ยอมรับของผู้คนมากขึ้น แล้วเรื่องที่ว่าทั้งสามคนนั้นใครเด่นดังสุด ความสนใจในเรื่องนี้นั้นทางแฟนคลับและสื่ออาจจะใส่ใจมากกว่าตัวพวกเขาเอง โดยเฉพาะการรวมตัวในครั้งนี้ ข่าวจิปาถะมากมายได้เขียนว่าไม่ลงรอยกันอย่างโน้นอย่างนี้

สำหรับทางผู้จัดการส่วนตัวของอู่ฉีหลงได้กล่าวว่า “หลายปีมานี้ พวกเขาสามคนต่างก็เข้าไปสังกัดค่ายที่ต่างกัน ต่างคนก็ต่างพัฒนาก้าวหน้าในงานอาชีพของตน การที่สามารถที่จะมารวมตัวกันในงานตุรุษจีนนั้นก็ยากแสนยากแล้ว หวังอยากจะให้ทุกคนสนใจเรื่องการแสดงของพวกเขามากกว่า อย่าไปใส่ใจเรื่องไร้สาระเหล่านั้นเลย มันทำร้ายจิตใจของเขาทั้งสามคน อู่ฉีหลงนั้นให้ความสำคัญกับการรวมตัวกันในคืนตุรุษจีนเป็นอย่างมาก ปรารถนาที่จะแสดงรายการที่ดีเยี่ยมออกไป” ทางผู้จัดการส่วนตัวของโหย่วเผิงก็พูดตรงๆว่า ไม่อยากจะให้ทุกคนหมกมุ่นกับเรื่องไร้สาระอย่างนี้ เพราะมันอาจสร้างความกดดันให้กับเขาทั้งสามคนได้

จื้อเผิงนั้นอาจจะรู้จักปล่อยวางมากกว่าทางผู้จัดการของทั้งสอง เขาเหมือนปล่อยไปตามธรรมชาติแล้วได้พูดอย่างสบายๆว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ดี ใครจะพูดอะไรก็พูดไป ผมขอเพียงทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พยายามแสดงให้ดีที่สุด ให้ผู้ชมดูแล้วสนุก ไม่ให้พวกเขาผิดหวังในตัวเสี่ยวหู่ตุ้ยเมื่อ 20 ปี ให้รู้สึกว่าพวกเราเก่งขึ้นก็ดีแล้ว”



คุ้มค่าแก่การรอคอย ตั้งใจดูเสี่ยวหู่ตุ้ยในคืนเทศกาลตุรุษจีน

เหตุเพราะอู่ฉีหลงจะปิดกล้องเรื่องที่เขากำลังถ่ายทำที่เหินเตี้ยนในวันที่ 20 นี้ การซ้อมครั้งแรกของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นก็ต้องรอจนถึงวันที่ 20 สองสามวันนี้ ผู้จัดการส่วนตัวของพวกเขาก็ได้ประสานงานเกี่ยวกับเสื้อผ้าที่จะใส่ในงานแสดง ทางผู้จัดงานกล่าวว่า ทางผุ้จัดงานจะทำเสื้อให้เข้ากับงานและสไตล์ของพวกเขาแต่ละคนอย่างเหมาะสม สำคัญคือทำให้งานมีสีสันขึ้น

ตามที่ทราบมา หนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะซ้อมนั้น เสี่ยวหู่ตุ้ยต่างก็จะยุ่งกับงานของตัวเอง และต้นเดือนกุมภาพันธ์ก่อนจะแสดงนั้น ก็จะไปซ้อมใหญ่อีกครั้งที่สถานียางซื่อ เพราะเพลงที่เสี่ยวหู่ตุ้ยร้องนั้นเป็นเพลงที่คุ้นเคยกันดี ไม่เน้นความยากของเทคนิก ส่วนปัญหาอย่างอื่นนั้น พวกเขาก็ไม่มี และทางทีมงานผู้เตรียมงานได้ให้สื่อสัมภาษณ์ว่า พวกเขาบอกว่าการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นน่าดูมาก “เสี่ยวหู่ตุ้ยกับจ้าวเปิ่นซันเหมือนกัน เป็นวงบุคคลที่ทุกคนรอคอย แม้ว่าจะไม่สามารถพูดว่าสามารถได้เหรียญทองแล้ว แต่ว่าการแสดงของพวกเขาก็พร้อม 78 เปอร์เซ็นแล้ว สุดท้ายก็ต้องดูเรื่องลีลาในเวทีของพวกเขาอีกที”

แม้ว่ายังจะไม่ขึ้นเวที แต่ว่าทางบริษัทจัดคอนเสิร์ดหลายๆค่ายก็ได้ยืนข้อเสนอในการไปทัวร์คอนเสิร์ทของพวกเขาแล้ว สำหรับเรื่องนี้ทางโหย่วเผิงนั้นเขามีจุดยืนที่ชัดเจน ทางผู้จัดการส่วนตัวบอกว่าการจะไปจัดทัวร์คอนเสิร์ทนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะพวกเขาทั้งสามไม่ได้เป็นนักร้องมืออาชีพแล้ว” อย่างไรก็ดีเธอก็ไม่ปฏิเสธอนาคตที่จะร่วมงานกุศลกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ต่างๆ แน่นอน ในใจของแฟนคลับนั้นเสี่ยวหู่ตุ้ยยังเป็นหนึ่งอยู่ การที่จะมีงานร่วมกัน ก็เป็นสิ่งที่ดีมากแล้ว



117
7 มกราคม 2010: ข่าวคืนฉลองเทศการตุรุษจีน เนื้อหาที่ถูกต้องเท่านั้น


เสี่ยวหู่ตุ้ยจะซ้อมรายการในคืนวันที่ 20

เมื่อวานนักข่าวทราบข่าวมาว่า ทางผู้จัดรายการกับผู้จัดการส่วนตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยได้มีโอกาสคุยกัน ได้กำหนดอย่างแน่ชัดแล้วว่าทางเสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีการซ้อมรายการแสดงอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 เพื่อเตรียมต้อนรับปีเสือ ทั้งสามคนจะร้อง (หูเตี๋ยเฟยยา) (อ้าย ) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)สามเพลงอมตะ สำหรับเรื่องของจัดสรรตำแหน่งการยืนนั้น ก็มีคำตอบที่ชัดเจนแล้ว

เมื่อวานทางนักข่าวได้พูดกับผู้จัดการส่วนตัวของ (โหย่วเผิง) ถามว่า (โหย่วเผิง) ซีเรียสเกี่ยวกับตำแหน่งการยืนในงานแสดงคืนนั้นใช่ไหม ทางผู้จัดการส่วนตัวตอบว่า “ข่าวนี้มันไร้สาระมาก โหย่วเผิงนั้นมีความตั้งใจรอการรวมตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นอย่างมาก

คืนงานกำหนดช่างทำเสื้อตัดเสื้อ

ตอนนั้นที่เสี่ยวหู่ตุ้ยก่อตั้งขึ้นแล้วนั้น ก็จะมีช่างตัดเสื้อประจำตัวคอยตัดเสื้อให้พวกเขาทั้งสามคนหลังจากที่แยกย้ายกันไปแล้ว ต่างก็ได้โตกลายเป็นผู้ใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้ต่างคนก็ต่างมีเอกลักษณ์ในการแต่งตัวของตนเองไปแล้ว

การแต่งตัวตอนอยู่ในงานเลี้ยงก็เป็นที่สนใจของทุกคนด้วยเหมือนกัน ผู้ที่สนิทกับพวกเขาบอกกับนักข่าวว่าตอนนี้ก็ได้กำหนดเรื่องนี้ไว้แล้ว จะมีช่างตัดเสื้อจะมาช่วยตัดเสื้อผ้าให้พวกเขาทั้งสามคนในคืนวันงานและชุดการแสดงด้วย สำหรับเรื่องเอกลักษณ์สไตล์นั้น ก็จะมีการออกแบบให้เข้ากับงานและเข้ากับเอกลักษณ์ส่วนตัวของทั้งสามคนเหมือนกัน ตอนนี้ทางผู้จัดการส่วนตัวของแต่ละคนก็ล้วนได้รับรูปชุดจะแสดงต้นฉบับไปดูพิจารณาแล้ว หลังจากที่ทั้งสามได้แนะนำและเสนอมาแล้ว ตอนนี้ก็ยังอยู่ในอีกขั้นตอนหนึ่งคือการแก้ปรับปรุง

เสี่ยวหู่ตุ้ย ปี 80 นั้นไม่มีการแกร่งแย่งใครเป็นเอก

ในปี 1988 นั้นสถานีหัวซื่อของไต้หวันได้จัดรายาการหนึ่งและมีพิธีกรสาวน้อยสามคนเป็นพิธีกร เรียกว่า เสี่ยวเมาตุ้ย หลังจากดำเนินรายการไปแล้ว ทางผู้ชมก็ตอบสนองมาว่าน่าจะมีพิธีกรหนุ่มน้อยอีกสามคน ถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ

และแล้วเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ได้เกิดขึ้น พวกเขาก็คือ

ผี่ลี่หู่ : อู่ฉีหลง

เสี่ยวสร้อยหู่ : เฉินจื้อเผิง

ไกวๆหู่ : ซูโหย่วเผิง

ปี 80 ช่วงปลายก่อนศตวรรษนั้น เสี่ยวหู่ตุ้ยได้กลายเป็นขวัญใจไปโดยไม่มีข้อกังขา และพวกเขาก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ในการออกคอนเสิร์ดร้องเพลงกว่ายี่สิบคอนเสิร์ด สะท้านทั่วเวทีคอนเสิร์ด สุดท้ายก็ต้องแยกทางกันเพราะต่างคนต่างก็ต้องไปเรียน หรือเหตุบางคนต้องไปเกณฑ์ทหาร




118
คืนฉลองเทศกาลตุรุษจีนจะจัดในวันที่ 8 เสี่ยวหู่ตุ้ยกำหนดซ้อมวันที่ 20 ม.ค.2010

รายงานข่าว งานสี่ภาษาที่จะจัดขึ้นใน 1 มกราคม นั้นจะถูกเลื่อนออกไป เหตุเพราะเวลาของดาราตลกหลายคน มาถึงวันนี้ถึงจะได้จัด เมื่อวานนักข่าวได้รับข่าวจากสถานียางซ่อที่จัดฉลองเทศกาลตุรุษจีน เลื่อนเวลาจัดงานของคืนฉลองตุรุษจีนเปลี่ยนเป็นวันที่ 8 นอกจากจ้าวเปิ่นซันแล้ว หวงหง ฮั่นหลิน ไฉ่หมิง เก๋อต่าก็ล้วนจะมาร่วมงานด้วย นอกจากนี้ทางนักข่าวยังมีข่าวอีกว่า เสี่ยวหู่ตุ้ยที่ถูกจับตานั้นก็จะมีการมาร่วมซ้อมรายการในสิ้นเดือนนี้ด้วย

ตามที่ทราบ หวงหงกับฮั่นหลินจะร่วมออกรายการหนึ่งในคืนนั้น(เหลี่ยงเหมาเฉียนอี้เจี่ยว) ในรายการการแสดงนั้น หวงหงรับบทเล่นเป็นชาวนาคนหนึ่ง นั่งอยู่ใต้ต้นจ้อดูลูกจ้อ ฮั่นหลินเป็นคนเยียบต้นจ้อ ก่อนที่ทั้งสองจะทำการค้าด้วยกันนั้นต่างก็จะพูดถึงเรื่องจ้อ

เนื้อหาใจความหลักคืนจะบอกกับทุกคนว่าอย่าโลภในสิ่งใดๆก็ จะต้องลงทำด้วยแรงตัวเอง และเทศกาลตุรุษจีนจะเริ่มในอาทิตย์ที่สอง ทางฝ่ายจัดรายการการแสดงของคืนวันนั้นก็ได้มีการคัดสรรรายการต้อนรับปีเสือ จะมีการซ้อมรายการแสดงติดต่อกันหกครั้งเริ่มจากวันที่ 31 มกราคม

นอกจากนี้เมื่อวานนักข่าวยังบอกว่า เสี่ยวหู่ตุ้ยที่แยกย้ายกันนานและจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง จะมีการซ้อมรายการแสดงของพวกเขานั้นปลายเดือนนี้ ตามที่ทราบ เวลารายการของเสี่ยวหู่ตุ้ยนประมาณ 5 นาที ทั้งสามคนจะรื้อเอาเพลงเก่าๆยอดฮิตมาปัดฝุ่นร้องอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นเพลง(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) (อ้าย) (หูเตี๋ยเฟยยา)เป็นต้น

ตามที่เข้าใจ ตอนนี้ทางจื้อเผิงกับโหย่วเผิงก็ได้ลางานของตัวเองแล้ว งานวันนั้นก็เหลือเพียงรอดูเวลาของอู่ฉีหลงว่าลงตัวอย่างไร นอกจากนี้ เมื่อวานทางผู้จัดการส่วนตัวของจื้อเผิงมาบอกกับนักข่าวว่า “แผนการแรกคือการไปซ้อมรายการที่ปักกิ่งช่วงวันที่ 20” สำหรับเรื่องตำแหน่งการยืนของทั้งสามคนนั้น ทางผู้จัดการบอกว่า “เมื่อก่อนเสี่ยวหู่ตุ้ยยืนอย่างไร ตอนนี้ก็ยังเหมือนกัน นี่เป็นเรื่องของหลักการ”







119
6dd5f21bgx6BmosUhBy5c690.jpg" border="0

20 ปีแห่งการตั้งเสี่ยวหู่ตุ้ย สมาชิกต่างคนต่างเดินทางของตนยากจะรวมตัว

แหล่งข่าวไป๋ตู้ กรกฏาคนปี 1988 หนุ่มหล่อสามคนที่ได้รวมตัวเป็นวงบันเทิงภาษาจีนที่ได้เป็นขวัญใจประชาชนเป็นวงแรก “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ปีนี้ เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ครบรอบการก่อตั้งวงเป็นปีที่ 20 แต่ว่าวันนี้ทำให้แฟนๆคิดถึงสุดใจอย่าง อู๋ฉีหลง ซูโหย่วเผิง เฉิงจื้อเผิง สามคนก็ยากจะรวมตัวร้องเพลงอีก เพราะต่างคนก็ล้วนมีการงานของตนที่จะทำ

“เสี่ยวหู่” พวกเขาต่างคนต่างยุ่งกับงาน ยากจะมารวมตัวฉลองงานครบรอบยี่สิบปี

วันครบรอบยี่สิบปีของเสี่ยวหู่ตุ้ยมาถึง สมาชิกอย่าง อู๋ฉีหลง ซูโหย่วเผิง เฉิงจื้อเผิง เพียงแต่ยุ่งกับงานธุรกิจของตัวเอง แต่ไม่ได้จัดวางแผนการจัดงานครบรอบอย่างไร ปัจจุบัน เฉิงจื้อเผิงได้ออกงานวางแผนสร้างสรรที่เซี่ยงไฮ้ เฉิงจื้อเผิงได้เปิดเผยว่า ทุกครั้งที่ตัวเองได้ร้องเพลงที่พวกเขาสามคนเคยร้องนั้นก็มักจะมีน้ำตาคลอเบ้า เพียงแต่วันนี้ทั้งสามคน “ต่างคนก็ต่างมีการงานของตัวเองแล้ว” ยากมากที่จะมีโอกาสได้อยู่ร่วมกัน ทางอู๋ฉีหลงที่ได้เข้าร่วมงานนักธุรกิจ รอคอยการรวมตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นอย่างยิ่ง แต่วันเวลาของทั้งสามเรามันยากจะเหมาะ ฉะนั้นพวกเราก็ยังอยู่ในช่วยที่พยายามจัดสรรเวลาอยู่ หวังว่าปีนี้จะทำให้ความฝันของทุกๆคนให้เป็นจริงให้ได้

20 ปีเวลาที่ค่อยๆผ่านอย่างช้าๆ เสี่ยวหู่ตุ้ยสร้างการบันเทิงที่มหัศจรรย์

กรกฏาคมฤดูใบไม้ร่วงแห่งยี่สิบปีที่แล้ว ชายหนุ่นสามคนอายุเฉลี่ยแล้วประมาณ16ได้เข้าร่วมด้วย อู๋ฉีหลง ซูโหย่วเผิง เฉิงจื้อเผิง ชายหนุ่มสามคนที่ยังไม่สิ้นความเป็นเด็ก ได้รวมเป็นกลุ่มวงเสี่ยวหู่ตุ้ยที่เป็นวงภาษาจีนกลายเป็นขวัญใจของปวงชน เปรียบกับวงบันเทิงในปัจจุบัน ก็นับว่าเสี่ยวหู่ตุ้นนั้นมหัศจรรย์มาก และยังดังกว่าขวัญใจวัยรุ่นในปัจจุบันนี้ ปีที่สามของการก่อตั้ง ได้ออกอัลบั้มเป็นของตัวเอง (หงชิงถิง) (หูเตี๋ยเฟยยา) (ลีเกอ) เพลงที่ออกใหม่ ไม่นานก็เป็นเพลงยอดฮิตของวัยรุ่นที่ร้องกันตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย ในนั้น เพลง “รัก”อัลบั้มที่5ในปี1991 ได้สร้างสถิติที่มียอดขายถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นแผ่น ณ.จนบัดนี้ นี่ก็ยังเป็นตำนานที่ไม่มีในอดีต

แต่ว่า วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ทั้งซูโหย่วเผิงที่ต้องเรียนต่อ เฉิงจื้อเผิงที่ต้องไปเกณฑ์ทหาร วงเสี่ยวหูตุ้ยต้องเผชิญกับการที่จะต้องแยกย้ายกัน อัลบั้มชุด “พบกันใหม่”เป็นอัลบั้มที่พวกเขาบอกว่าจะแยกย้ายกันชั่วขณะ แม้ว่าในท้ายปี 1995 เฉิงจื้อเผิงได้กลับจากการเกณฑ์ทหาร สมาชิก “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ทั้งสามคนจับมือกันอีกครั้ง เพียงแต่คนเขารู้จักเพลงไม่รู้จักคน ศิลปินหน้าใหม่ก็เกิดขึ้นทุกวัน จนทำให้ทั้งสามคนจำต้องแยกจากกันต่างคนต่างไป

แฟนเพลง เสี่ยวหู่ตุ้ยอยู่ในความทรงจำ

“เสี่ยวหู่ตุ้ยก่อตั้งครบรอบยี่สิบปี” ไม่เพียงแต่จะมีความหมายกับการครบรอบของเสี่ยวหู่ตุ้ยเท่านั้น งานเพลงของพวกเขายังเป็นที่จดจำหลัง เจ็ดสิบ แปดสิบ เหมือนกับแฟนๆหลายคนได้เอ่ยว่า “ฤดูใบไม้ร่วงของทุกปีก็ยากที่จะอดคิดถึงเสี่ยวหู่ตุ้ยในวันวาน ก็เหมือนกับเป็นการหวนคิดถึงวันวานของเราอีกด้วย”

เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ก่อตั้งครบรอบยี่สิบปีแล้ว พวกเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในช่วยวัยรุ่นของเรา นั่นเป็นวันเวลาที่ยากจะลืม นั่นเป็นวันวานแห่งวัยมันส์ ภาพลักษณ์ของพวกเขานั้นทำให้เรามีความทรงจำที่ลืมไม่ลง เมื่อคิดถึงตอนนั้นที่ตัวเองได้เอาเงินเก็บของตัวเอง(8.5หยวน มัวนเทปม้วนหนึ่งสำหรับผมแล้วมันไม่ใช่น้อยๆ)ไปร้ายขายเทปหาซื้อเทปของพวกเขาอย่างสนุกตื่นเต้น สมัยมัธยมตอนเรียนไฟดับ ทั้งโรงเรียนได้ร้องเพลงของพวกเขา มักจะมีความอุ่นใจอยู่ด้วย คนหนึ่งคนโตไปกับวันเวลา สามารถให้ตัวเองมีเรื่องที่สนุกอย่างเดียงสา มันไม่ค่อยมีจริงๆ ขณะวัยเด็กถ้าคุณชอบอะไรแล้ว ให้คุณถนอมมันไว้ให้ดีๆ มันอาจเป็นความทรงจำที่ดีๆในอนาคตของคุณก็ได้

120
เสี่ยวหู่ตุ้ยครบรอบยี่สิบปี ความเยาว์วัยวันเวลาเหล่านั้น


เดือนกรกฎาคนปีนี้ เป็นวันครบรอบยี่สิบปีของการรวมตัวนักร้องวงเสี่ยวหู่ตุ้ย ฤดูใบไม้ร่วงเดือนกรกฏาคนของปี 1988 เสี่ยวหู่ตุ้ยแจ้งเกิดทั่วทิศ ให้ภาพแห่งวงขวัญใจก่อนใคร แม้ว่าวันนี้วงเสี่ยวหู่ตุ้ยจะแยกย้ายแล้ว แต่ฤดูใบไม้ร่วงของทุกปีก็ยากที่จะอดคิดถึงเสี่ยวหู่ตุ้ยในวันวาน ก็เหมือนกับเป็นการหวนคิดถึงวันวานของเราอีกด้วย

แม้ว่าตลอดมาแฟนๆจะเรียกร้องให้เสี่ยวหู่ตุ้ยร่วมกันร้องเพลงอีก รื้อฟื้นอีกครั้ง หรือว่าจะจัดงานครบรอบยี่สิบปีของเสี่ยวหู่ตุ้ย เปิดคอนเสิร์ต แต่ว่า ในวงการบันเทิงไม่มีวี่แววท่าทีว่าจะมีการรวมตัวกันของเสี่ยวหูตุ้ย และเมื่อวาน นักข่าวได้สัมภาษณ์หนึ่งในสามของเสี่ยวหู่ตุ้ยเฉิงจื้อเผิง คำตอบของเขาคือ “การจะรวมตัวอีกครั้งของปีนี้มันเป็นไปได้ยาก” อาจเป็นเพราะเหตุผลหลายอย่างที่เป็นอุปสรรค์ของการดำเนินการนี้ แต่ภาพความเดียงสา สปิริต ความน่ารักของอดีตนั้น ยังอยู่ในความทรงจำของแฟนเพลงตลอดเรื่อยมา

เสี่ยวหู่ตุ้ย เป็นตำนานในใจที่ไม่จางหายจากพวกเรา


“เสี่ยวหู่ตุ้ย”เป็นวงที่ยอดฮิตยอดนิยมวงหนึ่งในไต้หวัน เคยสร้างสถิติงานคอร์นเสิร์ตยี่สิบกว่าครั้งแต่ละครั้งเต็มไปด้วยความมันส์ความตื่นเต้น กระหึ่มทั่วคอนเสิร์ต ได้กลายเป็นวงนักร้องที่คึกคักวงหนึ่งในไต้หวัน การเกิดของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” นั้นโดยบังเอิญแท้ กรกฏาคนปี 1988 ค่ายเพลงไคลี่ ของไต้หวันได้มีรายการ “เตี้ยนซื่อซิงชุนเจิงป้าจ้าง” (รายการเกี่ยวกับวัยใสวัยรุ่น) กลุ่มเป้าหมายคือพวกเด็กนักเรียนนักศึกษา เนื้อหารายการสบายๆสดใส มีพิธีกรสาวสามคนเป็นผู้จัดรายการชื่อว่า “เสี่ยวเมาตุ้ย” รายการเป็นที่นิยมมาก และแล้วมีคนเสนอว่าน่าจะเพิ่มผู้ชายเข้าไปอีกสามคนเพื่อให้มันสมดุลย์กันระหว่างชายหญิง เหตุนี้เอง ทางบริษัทได้ออกประกาศรับสมัครชายหนุ่มสามคน ได้ผ่านการคัดสรรอย่างหนักและเทคนิกการเต้น การร้องที่ดี “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ได้รับการคัดเลือก สมาชิกคือ อู๋ฉีหลง เฉิงจื้อเผิง ซูโหย่วเผิง ใครจะรู้ชายหน่มที่ยังมีกลิ่นไอของนักเรียนทั้งสามคนได้ออกรายการ เด่นกว่าพิธีการเก่าทั้งสามคนอีก ได้รับการตอบรับจากวัยรุ่น เด็กเล็กเด็กแดงรวมทั้งผู้ใหญ่ด้วย เพลงที่พวกเขาได้ขับร้องก็โด่งดังอย่างรวดเร็ว กระทั่ง พวกเขาก็ได้กลายเป็นวงนักร้องที่ตั้งขึ้นโดยกลุ่มนักเรียน แค่เวลาอันสั้นก็ได้กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่น เพลงของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ไม่เพียงแต่ดังในฮ่องกงไต้หวันเท่านั้น ที่จีนยังมีแฟนเพลงมากมายที่ชื่นชอบในตัวพวกเขา ไม่เพียงเท่านี้ รูปของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ที่ได้แผร่ไปทั่ว ยังเป็นสิ่งที่คนทั้งหลายเก็บสะสม ปี1990 ไต้หวันได้จัดนักร้องเพลงยอดเยี่ยมไม่วาย “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ก็ได้รับไปโดยไม่ยอมให้ใครเอาไป ขณะเดียวกัน อัลบั้ม “หงชิงถิง”(แมลงปอแดง) ได้ขึ้นเป็น (90 สิบเพลงยอดฮิต) บุคลิกภาพของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย เชื่อว่ายังคงอยู่ต่อไป



หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7