แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Alec Love Me

หน้า: 1 ... 205 206 [207] 208 209 ... 216
4121
Magazine Interviews-China / 2008 Rich Without Money
« เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 05:43:04 pm »

ซูโหย่วเผิงสัจธรรมกับการเล่นโยคะ

“ ฝึกฝนธรรมะ ถึงจะรู้สัจธรรมอะไรบางอย่าง ความเคลียดเกิดจากการไม่ปล่อยวาง ที่จริงแล้ว หลายอย่างเรื่องนั้น มันไม่ได้เป็นปัจจัยที่จำเป็น เป็นเพียงตัญหาความโลภที่ดื่ออยากได้นั่นเอง ฉะนั้น พระพุทธองค์ได้กล่าวถึงการให้ทาน ก็คือเรียนรู้ที่จะให้แจกจ่ายออกไป การให้คือการปล่อยวาง"

4122


เชื่อเถอะว่า นี่ไม่ใช่เป็นการเล่นลักษณะท่าทางของซูโหย่วเผิง ถ้ามาเปรียบกับนักศิลปินที่รุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เขาเป็นคนที่มีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมที่สุด แต่เยาว์วัยก็ประสบผลสำเร็จในชีวิต ได้โดดเด่นมีชื่อเสียงขึ้นใต้แสงไฟแห่งบนเวที แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้สูญเสียสิ่งที่คนธรรมดาคนหนึ่งพึ่งที่จะได้รับไม่น้อยเลยที่เดียว

ตอนอายุ15 ผมถูกคัดเลือกเข้าวงเสี่ยวหู่ตุ้ย จนดังในชั่วค่ำคืนเดียว ซูโหย่วเผิงกล่าวว่าในตอนนั้นฝันก็ฝันไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะดังขนาดนี้ ในเวลาเดียวกันก็คาดไม่ถึงเลยว่า ภายหลัง 2 ปีขณะที่จะสอบเข้ามหาลัยนั้น ความกดดันที่เขาจะต้องเผชิญกับมันนั้นมันใหญ่ขนาดไหน แต่เด็กในสายตาคนอื่นนั้นเขาจะเป็นเด็กที่เก่งและเป็นนักเรียนที่ดี การแข่งขันต่างๆนั้นก็ได้รับที่หนึ่ง เรียนมัธยมนั้นเรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุดดังที่สุด ในสายตาทุกคนนั้น การที่สอบเข้ามหาลัยนั้นเป็นเหมือนกับว่าเป็นทางเลือกเดียวของไกวๆหู่ “ ผมไม่สามารถบอกว่าผมไม่เรียนมหาลัย ไปเป็นศิลปินเลย ทัศนะมุมมองในตอนนั้นก็อย่างนี้แหละ การเป็นนักศึกษานั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนเลือกให้ผม” และไม่ได้ทำให้ทุกคนผิดหวัง ซูโหย่วเผิงสอบได้อันดับ 5 จากผลสอบของนักเรียนใต้หวันทั้งหมดและได้เข้าไปเรียนในมหวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เรียนทางเทคนิคช่างกล “ ช่วง ม.6 นั้นผมได้ลาหยุดงานเป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ เตรียมตัวอย่างสุดชีวิต ก็เพื่อที่อยากจะพิสูจน์ตัวเองให้กับทุกคนเห็น การที่ไปสมัครสอบคณะช่างกลนั้น ก็เพราะมันเป็นวิชาอาชีพที่ทุกคนว่าสอบเข้ายาก ในสมัยมัธยมนั้นวิชาพวกฟิสิกส์ เคมี ชีวะและคณิตนั้นผลการเรียนของเขาดีมาก และเขาไม่ชอบวิชาที่ต้องท่องต้องจำอะไรอย่างนั้น แต่เมื่อหลังจากที่เขาเข้าสู่มหาลัย เขาพึ่งรู้สึกว่าแท้จริงตัวเองไม่ชอบพวกเรื่องเครื่องกลเลย พวกประสาทสัมผัสกับมนุษย์ศาสตร์นั้นถึงจะเป็นสิ่งที่เขารักและสนใจอย่างแท้จริง จนมาถึงเวลานี้นั้น เขาพึ่งมองออกว่าจะวางแผนเรื่องอนาคตของตัวเองอย่างไร

จนสุดท้าย ขณะที่เข้าสู่ปีที่ 3 ซูโหย่วเผิงได้ตัดสินใจทำสิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกคนอึ้งไปหมดเลย – ลาออก  ในขณะนั้นได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ยากมากๆ จากคำพูดของซูโหย่วเผิงนั้นให้รู้สึกถึงการเบื่อหน่าย “ในตอนนั้นเสี่ยวหู่ตุ้ยก็แยกกันแล้ว ตัวผมเองก็ได้ไปตามทางของผมคนเดียว ทุกสัปดาห์นั้นต้องบินไปพรีเซนต์งานที่ฮ่องกง เวลาที่จะอยู่ที่มหาลัยนั้นน้อยมากจริงๆ” ด้านหนึ่งจะต้องดำเนินงานด้านการแสดงต่อไป  ด้านหนึ่งจะต้องเป็นนักศึกษาที่ดี ผู้ดิ้นรนที่อยากจะดีทุกอย่างอย่างซูโหย่วเผิงนั้นก็คิดว่าอยากจะทำให้ทั้งการเรียนและการงานดีพร้องกันไปทั้งสองด้าน แต่เขาก็สังเกตได้ว่านั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ “ วิชาชีพเครื่องจักรกลที่ผมเรียนนั้น มีเนื้อหาที่ต้องดูมากขนาดนั้นเชียว มีสูตรที่ต้องท่องจำมากขนาดนั้นเลยหรือ รวมทั้งยังการการฝึกลงมือทำที่ไม่รู้จักจบ ทั้งเรียนในชั้นเรียนส่วนมากแล้วผมก็ไม่ได้เข้าอีกด้วย ผมได้พยายามต่อสู้เรื่องนี้กับทางบริษัท และสิ่งที่ได้รับอย่างมากก็แค่ได้มีเวลาอ่านหนังสือ1สัปดาห์ก่อนจะสอบเพื่อยัดความรู้เข้าไปโดยไม่รู้ว่าจะรับหรือไม่แค่นี้เอง ซูโหย่วเผิงจำได้ว่าในตอนนั้นเขากลัวมากที่จะไปร่วมรายการหรือว่าไปร่วมกิจกรรมกับทุกคน เพราะว่าทุกครั้งที่ผู้นำเนินรายการเชิญเขาออกมานั้นก็มักจะแนะนำตัวเขาว่าเป็นนักศึกษาที่ “เรียนดีประพฤติเยี่ยม” ประโยคนี้ สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง และยิ่งกว่านั้นคือยากจะเผชิญกับมัน “ในตอนนั้นผมอยู่ในมหาลัยนั้นผลการเรียนก็ไม่ใช่ว่าจะดีเยี่ยม”

ซูโหย่วเผิงกล่าวว่าเพื่อนักเรียนที่มหาลัยไต้หวันของเขานั้นมีหลายรูปแบบหลายสไตล์ ไม่ได้มีเพียงแต่พวกหนอนหนังสือเท่านั้น “พวกเขาต่างคนต่างมีบุคลิกนิสัยส่วนตัวของเขาเอง และทั้งยังพัฒนาเติบโตไปตามธรรมชาติที่มันควรจะเป็น และตัวผมเองนั้นก็ควรจะมีการเติบโตของตัวของผมเอง แต่ไม่มีใครให้เวลาและโอกาสอย่างนี้กับผม ตั้งแต่เริ่มแรกนั้น ชะตาก็ให้ป้ายติดตัวผมแล้ว ว่าผมควรจะเป็นเด็กที่รักการเรียนการอ่าน และชื่อ ไกวๆหู่นั้นก็ยิ่งตีตราให้ชีวิตผมว่าเป็นคนที่ภาพลักษณธดีเลิศตามธรรมเนียมความคิดของชาวจีน และความกดดันที่หนักหน่วงที่ตามมานั้นทำให้เขายากจะรับไหว ผมไม่ใช่สุเปอร์แมน ผลเองก็


ถึงแม้จะผ่านช่วงปีแห่งการก่อตั้งแล้ว เห็นได้ว่าซูโหย่วเผิงนั้นยังหนุ่มมาก หนุ่มแน่นเหมือนดังชายชาตรี ใบหน้าของเขานั้นสามารถใช้ความงดงามมาเปรียบ เสมือนวันเวลาไม่ทิ้งรอยเหี่ยวย่นไว้ให้เขาเลย หรือว่าเหตุเพราะเขาอาจอยากหลุดพ้นจากภาพลักษณะไกวๆหู่นั้น ทุกครั้งที่เขาต้องเผชิญกับแลนกล้องนั้น เขาล้วยแสดงถึงสีหน้าที่เงียบคลึม ไม่เห็นรอยยิ้มแม้แต่น้อยเลย ได้ซ่อนสายตาที่เหลียมคมเสมือนกำลังบ่งบอกถึงการเป็นผู้ใหญ่และการเปลี่ยนแปลงของเขา แต่ว่า ขณะที่เขาได้นั่งลงเปิดอกอย่างจริงใจกับคนอื่นนั้น คุณจะสังเกตเห็นถึงความเดียงสาบริสุทธิ์ภายในใจของเขา ยังอบอุ่นเหมือนเดิม



“ยอดเยี่ยม” ของการทำงานการกุศล

ในเว็ปไซส์ส่วนตัวของซูโหย่วเผิงนั้น สำหรับ “มูลนิธิของซูโหย่วเผิง”นั้น การแนะนำรูปแบบการบริจาคนั้นได้จัดไว้ให้เห็นได้อย่างโดดเด่น “มูลนิธิ”นี้ เป็นการร่วมมือระหว่างซูโหย่วเผิงกับมูลนิธิเยาวชนจีนก่อตั้งขึ้นในเดือนกันยายน 2005 ฤดูใบไม้ผลิต(ช่วงตรุษจีน) ของปี 2007 ซูโหย่วเผิงได้สร้างโรงเรียนประถมศึกษาซีว่างที่เหอหนันผ่านทางมูลนิธินี้ ได้สัมผัสกับเด็กๆที่ได้รับการช่วยเหลือซูโหย่วเผิงกล่าวว่า “ นัยน์ตาของเด็กๆเหล่านี้ ผมได้เห็นถึงความกระหายในการอยากเรียนของพวกเขา”

ที่จริงก่อนหน้านี้หลายสิบปีนั้น ซูโหย่วเผิงเคยเข้าร่วมกิจกรรมงานสาธารณะประโยชน์มากมายกับเสี่ยวหู่ตุ้ย “ตอนนั้นล้วนเป็นการจัดของทางบริษัทให้พวกเราไปร่วม เหตุเพราะยังอยู่ช่วงวัยรุ่นเกินไป ยังไม่ค่อยเข้าใจถึงหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคมคืออะไร ซูโหย่วเผิงเริ่มคิดเรื่องสาธารณะประโยชน์กับงานการกุศลจริงๆจังๆนั้น คือช่วงวัย30ที่เขาเริ่มรู้จักการแทนคุณขอบคุณ “หลายปีที่ผ่านมานั้นการงานอาชีพนักศิลปินนั้นขึ้นๆลงๆ  มีถึงจุดสูงสุดและตกต่ำสุด ให้ผมเข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองได้รับนั้นไม่ใช่เป็นการบังเอิญหรือเป็นสิ่งที่สมควรจะได้รับ” ซูโหย่วเผิงกล่าวว่าตอนนี้เขาเรียนรู้จักการฉวยความสุขแล้ว “หลายครั้งชื่อเสียงเกียรติยศนั้นเป็นของอนิจัง เป็นสิ่งที่ทุกคนให้คุณ และยังเป็นสิ่งที่มาจากสังคม ขณะที่คุณกลายเป็นคนมีชื่อเสียง ทุกกิริยาบทของคนนั้นล้วนมีอิทธิพลต่อสังคม ชื่อเสียงนั้นไม่ได้เป็นของคุณคนเดียวแล้ว การทำคุณตอบแทนนั้นเป็นหน้าที่จำเป็นต้องมี

เผชิญกับความสงสัยว่าการทางานการกุศลหรือว่า “ทำให้เหมือนดีได้หน้า” ซูโหย่วเผิงได้เปิดเผยออกมาอย่างเซ็งๆ เขารู้สึกว่าการทำงานการกุศลที่เป็นรูปเป็นร่างและการออกไปกาศให้เป็นที่รู้จักกันทั่วนั้นมันทำความลำบากใจแก่เขา การทำการกุศลของคนดังนั้นเสมือนกับ “โยนอิฐเพื่อล่อให้โยนหยกออกมา” (ใช้ความคิดเห็นที่ตื้นๆเพื่อล่อให้คนอื่นแสดงความคิดเห็นที่ลึกซึ้งและเฉียบแหลมออกมา) แต่ว่าให้ชาวโลกทุกคนได้รู้กันทั่วหน้าว่าตัวเองกำลังทำในสิ่งที่ดีและยังทำให้คนอื่นรู้สึกว่าล่าชื่อเสียงและคำเยินยอ จากสิ่งนี้ก็ทำให้ซูโหย่วเผิงนั้นลำบากใจเหมือนกัน  แต่เขาก็ยืนหยัดและเข้าใจว่าคนดังพึงมีหน้าที่ในการที่จะประกาศงานสาธารณะประโยชน์และงาการกุศล สิ่งที่พวกเราที่เป็นคนดังได้เปรียบที่สุดก็คือการที่ตัวเองมีอิทธิพลต่อสังคมนั้นแหล่ะ ผ่านทางอิทธิพลที่มีอยู่นั้นผลัดดันทุกคนร่วมมือกันทำ อย่างนี้ถึงจะเป็นประโยชน์สูงสุด” ซูโหย่วเผิงกล่าวว่ากำลังจะเอาเสื้อผ้าของตัวเองเปิดขายทางอินเตอร์เน็ต หลังจากนั้นเอายอดเงินที่ขายได้ทั้งหมดมอบให้กับโรงเรียนซีว่าง  “สร้างโรงเรียนประถมศึกษาซีว่างนั้นต้องใช้งบ2แสนหยวน หากว่าเงินที่ขายเสื้อผ้านั้นยังไม่พอ ที่ขาดอยู่นั้นผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง” จากน้ำเสียที่จริงจังนั้นทำให้ทุกคนเชื่อได้ว่าเขาตั้งใจกับโครงการนี้จริงๆ  หากว่าแน่เป็นการ “ทำเพื่อเอาหน้า”แล้วล่ะก็ ถ้างั้นก็นับได้ว่าซูโหย่วเผิงได้ใช้รูปแบบที่จริงใจที่สุดแล้ว


ถามเขาว่าได้ตั้งเป้าไว้ไหมว่าอนาคตจะสร้างโรงเรียนซีว่างซูโหย่วเผิงกี่แห่ง เขาพูดอยางหัวเราะว่า “นี่ยังจะต้องดูรายรับในอนาคตของผมด้วย แต่ว่าถ้าหากขอเพียงมีความเป็นไปได้ มูลนิธิของผมนั้นก็จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ” “หากว่าวันหนึ่งได้ลาจากวงการแล้วคุณจะทำอะไร?” เขาคิดแล้วคิดอีกตอบว่า “ผมอาจจะไปทำงานด้านช่วยสังคม”
   
เรียนรู้การปล่อยวาง เชื่อถือมั่นใจตัวเอง

ตลอดปี 2007นี้ ซูโหย่วเผิงกล่าวว่าเขาไม่ได้ถ่ายหนังสักเรื่องเลย หลังจากที่ตั้งตัวได้แล้วอย่างซูโหย่วเผิงนั้นตัดสินใจจะไม่ทำงาน “บ้างาน”อย่างนั้นอีก นอกจากจะทำการแสดงให้ดีแล้ว ไม่หยุดในการถ่ายละครแล้ว เขายังรู้สึกว่าในชีวิตนี้ยังมีความฝันที่พิเศษที่รอเขาไปสานต่อ

“ สร้างโรงเรียนซีว่างแห่งหนึ่งต้องใช้งบ2แสนหยวน หากว่าเงินจากการขายเสื้อผ้าไม่พอ ที่ขาดผมจะรับผิดชอบเอง”

4133
บทพูด. แสงตะวันยามเย็นนั้นสวยไม่สิ้นสุด แต่ก็มีความเหน็บเหนื่อยเหมือนกันฮ่าๆๆ ไม่ควรพูดติดตลกเยอะเกินไป

บทพูด. แม้นไม่มีแดด แต่อากาศก็ยังร้อนอยู่ดี ปักกิ่งในเดือนสิงหานั้น มันเหมือนเครื่องนึ่ง งานกิจกรรมงานได้ใช้เวลาช่วงเที่ยวตรง ตัวเรานั้นไม่ค่อยไหวแต่เห็นบรรดาเพื่อนๆนั้นเต็มไปด้วยความจิตใจที่กระตือรือร้น กำลังรอคอยการปรากฏตัวของสุดที่รัก

แม้ว่าไม่รู้ว่าวันนี้มาทำอะไร ทั้งยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนจากทางผุ้จัดกิจกรรม รู้เพียงว่าวันนี้ซุปเปอร์สตาร์โหย่วเผิงจะมาที่นี่ สำหรับกิจกรรมทำความดี สำหรับการซื้อสินค้าช่วยเหลือผู้ยากไร้ หรือการบริจาค พวกเราล้วนไม่รู้เลย ฉะนั้น พี่สาวเยี่ยนกับคนอื่นๆก็เหมือนกัน ในกระเป๋าตังค์นั้น ได้หยิบบัตรออกมา แทบจะไม่มีเงินสดเลย ฉะนั้นต่างก็รีบไปกดเงินที่ตู้ คนรอกดเป็นหางงู ได้ไปหากดตามห้างต่างๆ





4134
กองทุนช่วยเหลือคนยากไร้ “งานการกุศล”เริ่มงานธุรกิจสาธารณะประโยชน์

เว็ปไซนี้ได้ส่งเสริมการทำประโยชน์แก่สาธารณะชนให้กับประชาชน  กระตุ้ยให้เป็นพลังของสังคม เข้าร่วมกับทางกองทุนช่วยเหลือผู้ยากไร้ กองทุนช่วยเหลือผู้ยากไร้ของจีนได้จัดงานพิธิเปิดที่ห้างเล่อเทียนอิ๋งไท้ในวันที่๑ สิงหาคม ๒๐๐๙ เจียงเจาเกาผู้เป็นรองอำนวยการของกองทุนช่วยเหลือผู้ยากไร้ มีใจที่จะร่วมมือกับทางศิลปินเพื่อดึงดูดหมุ่ชน ทูตพรีเซ็นเตอร์อย่างโหย่วเผิงก็ได้ปรากฏในพิธีเปิดด้วย ทางเว็ปไซได้ทำกิจกรรม “ทำความดี”ด้วย

กิจกรรม “ทำความดี”นี้จัดขึ้นโดยมูลนิธิกองทุนช่วยเหลือผู้ยากไร้ของจีน ผ่านทางรูปแบบการซื้อสินค้าของชุมชนผู้ยากไร้เพื่อนจะกระตุ้นให้ทุกคนหันมาสาใจกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ จากกิจกรรมทำความดีนี้ทุกคนสามารถซื้อสินค้าของผู้ไร้ยาก โดยการซื้อสินค้าของพวกเขาเหล่านี้จะช่วยชุมชนที่ยากจนสามารถจะพัฒนาต่อไปได้ จัดหาตลาดให้กับพวกเขา นี่เป็นวัถุประสงค์ของกิจกรรมใหม่นี้ นำมาซึ่งการคิดในสิ่งที่ดีแล้วมีการกระทำออกมาในสิ่งที่ดีอีกด้วย กิจกรรมทำความดีนี้ก็ยังได้มีการปฏิบัติในแนวเชิงรุกต่อสังคมที่จะให้ภาคธุรกิจและเหล่าศิลปินได้ร่วมมือกันบริจากสิ่งของต่างๆเพื่อนงานนี้ จะจัดตั้งสินค้าในร้านค้าต่างๆเพื่องานสาธารณะประโยชน์นี้จะรุ่งเรื่องไปได้ดี ขณะเดียวกัน กิจกรรมทำความดีนี้ยังมีการจัดสินค้าเป็นเขตโซนและสงวนสินค้าที่เป็นมรดกด้วย เพื่อป้องกันสินค้ามรดกเหล่านี้จะสูนหายไปจากชุมชน ทางกิจกรรมทำความดีนั้นได้เชื้อเชิญให้ทุกภาพส่วนได้มีส่วนร่วมในงานนี้ โดยจะผ่านทางเวทีแห่งรักนี้รวบรวมพลังแห่งความเมตตาเพื่อจะยิ่งใหญ่ขึ้น



 ในพิธีเปิดของงานนั้นทางโหย่วเผิงได้เอาเสื้อเชิ้ดภาพวาดปีใหม่ที่ได้มาจากการไปช่วยงานแผ่นดินไหวที่เสฉวนมาขายด้วย ได้รับการสนับสนุนจากภาคทางธุรกิจและภาคส่วนต่างอย่างเป็นอย่างมาก เสื้อเชิ้ดสองร้อยตัวได้ขายหมดในช่วงพริบตา ทำให้ผู้คนในเขตชุมชนได้มีแนวทางชีวิตที่ใหม่อีกเส้นทางหนึ่ง

 การทำความดีนั้นยาวไกล คนทำความดีไม่เคยหมดสิ้น  กิจกรรมทำความดีนี้ได้กลายเป็นรูปแบบใหม่ที่ได้เริ่มต้น ได้ส่งเสริมการทำประโยชน์ต่อสังคม และเป็นการพัฒนาสังคมไปด้วย

 



4135

2009-8-5 โหย่วเผิงรับหน้าที่เป็นทูตช่วยเหลือผู้ยากไร้ บริจาคและซื้อเพื่อสนับสนุนองค์กรทำความดี

โหย่วเผิงได้ปรากฏตัวในงาน ได้สวมเสื้อทีเชิ้ดซึ่งเป็นที่สะดุดตา ในงานนั้น “กิจกรรมทำความดี”จัดขึ้นจากการร่วมมือเหล่าศิลปิน ทูตพรีเซ็นเตอร์ในงานกิจกรรมโหย่วเผิงได้ทำการ์ดที่ตัวเองเซ็นชื่อไว้นั้น ทุกคนที่ซื้อเสื้อทีเชิ้ดที่เขานำมาจำหน่ายนั้นจะได้รับการ์ดคนละใบ

ข่าวสำนักซินลั้น(sina) ระยะนี้ งานกิจกรรมทำดีที่ทางมูลนิธิจีนได้จัดเปิดพิธีในร้านจิงลา โหย่วเผิงที่ได้ร่วมงานการกุศลอย่างไม่ขาดก็ได้เข้าร่วมซึ่งมาในฐานะทูตของมูลนิธิช่วยเหลือผู้ยากไร้ของจีน รวมทั้งยังบริจาคเสื้อสีขาวที่ตัวเตรียมไว้จากเซี่ยงไฮ้ ขณะเดียวกัน เขายังเชิญชวนบรรดาศิลปินมาร่วมกัน เรียกร้องให้ศิลปินมาช่วยกันบริจาคของของตัวเองให้มากกว่านี้ เพื่อสนับสนุนโครงการช่วยเหลือผู้ยากไร้

++++++++++++++++++++++++++++

โหย่วเผิงได้ปรากฏในงาน ได้สวมเสื้อทีเชิ้ดซึ่งเป็นที่สะดุดตา ตามที่ได้รับทราบมา เสื้อทีเชิ้ดเหล่านี้นั้นเป็นภาพวาดใผ่ปีใหม่ ขณะที่ได้มีการบริจาคนั้น โหย่วเผิงยังเป็นกลุ่มแรกที่ซื้อสินค้าด้วย ในงานนั้น โหย่วเผิงยังได้บริจาคเสื้อขาวที่ตัวเองเตรียมไว้จะไปรายการที่เซี่ยวไฮ้ด้วย ขณะที่รับการสัมภาษณ์นั้น โหย่วเผิงกล่าวว่า เสื้อขาวเหล่านี้นั้นตัวเองไม่เคยใส่เลย หวังว่าผู้ใจบุญจะมอบความรักนี้ให้กับผู้ยากไร้ งานสาธารณะประโยชน์นั้นเป็นงานของเราทุกคน ทุกคนล้วนน่าจะใส่ ใจกับมัน สนับสนุนมัน ช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ประสบปัญหา นี่ก็เป็นหน้าที่ของบุคคลสาธารณะอย่างพวกเรา

ภาพวาดใผ่ปีใหม่นี้ได้ใช่สิ่งของมรดกวัฒนธรรม แต่ว่าปีที่แล้วแผ่นดินไหว 512 ได้รับความเสียหายอย่างมาก คนที่นั่นต่างก็หาหนทางใหม่ของตัวเอง “งานกิจกรรมทำดี”ได้วาดใผ่ปีใหม่ไว้ในเสื้อทีเชิ้ด เพิ่มให้คนมากมายเห็นถึงภาพวาดใผ่ปีใหม่นี้ ขณะเดียวกันก็จะช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประสบภัยเหล่านี้อีกด้วย

กิจกรรมในงานวันนั้น “กิจกรรมทำดี”ได้รวมกับเหล่าศิลปิน โหย่วเผิงทูตพรีเซ็นเตอร์งานได้ทำการ์ดที่ตัวเองเซ็นชื่อ เพื่อจะมาแจกให้กับผู้ที่ซื้อเสื้อทีเชิ้ดคนละหนึ่งใบ

“กิจกรรมทำดี”สาธารณะประโยชน์นี้ได้จัดขึ้นโดยมูลนิธิช่วยเหลือผู้ยากไร้ของจีน เพื่อจะช่วยเปิดตลาดให้กับชุมชนยากไร้ที่พวกเราทำสินค้างานฝีมือ เพื่อจะให้ผู้ยากไร้มากมายที่มีผลผลิตของตัวเองสามารถมีตลาดในการขายแล้วมาช่วยบรรเทาความเดือนร้อนของตัวเองได้ ขณะเดียวกัน จากโครงการนี้ยังสามารถรวบร่วมมือกับศิลปิน รวมทั้งเรียกร้องให้บรรดาศิลปินสามารถที่จะบริจาคของของตัวเองให้มากขึ้น ไปขายในร้านค้าต่างๆ แล้วรายได้ทั้งหมดนั้นจะไปช่วยเหลือสนับสนุนพัฒนางานฝีมือของชุมชนอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นยังสามารถใช้พลังของเหล่าศิลปินกระตุ้นให้ประชาชนมาร่วมด้วยช่วยกันซื้อสินค้าเหล่านี้อีกด้วย

4140
2009-07-14 
โหย่วเผิงรับเชิญเป็นทูตพรีเซนเตอร์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทะเล

URL=http://et.21cn.com/star/zhuixing/gangtai/2009/07/14/6576722.shtml]http://et.21cn.com/star/zhuixing/gangtai/2...4/6576722.shtml[/URL]


2009/7/14 โหย่วเผิงทุ่มกับงานการกุศล ได้รับเชิญเป็นทูตแห่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล

โหย่วเผิงรับเชิญเป็นทูตพรีเซนเตอร์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทะเล

“โหย่วเผิงมาจากแดนไกล มันเป็นสิ่งที่เกินความสมควร” ระยะนี้ ได้มีแขกที่มีเกียรติมาจากขั่วโลกใต้สองท่าน มาถึงจู่ไห่ของจีน ทำให้ประชาชนทั่วราชอานาจักรตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พวกเขาทั้งสองก็คือเพนกวินที่น่ารักจากขั่วโลกใต้ เพนกวินสองตัวนี้เป็นเพนกวินที่ใหญ่อันดับสองในขั่วโลกใต้ รูปร่างเป็นรองราชาเพนกวินแค่เล็กน้อย ราชาเพนกวิกตัวขาวแปดสิบถึงหนึ่งร้อย ซม. น้ำหนักประมาณ๑๒-๑๔ กก ปากแหลมคม เป็นเพนกวินที่สวยงามที่สุกในขั่วโลกใต้ มีอุปนิสัยที่โยนอ่อนผ่อนตามมาก

ทั้งสองได้เติบโตที่สวนสัตว์เสือทางขั่วโลกใต้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มาที่นี่ เพื่อป้องกันในการที่จะไม่ชินกับดินฟ้าอากาศ ทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมงานไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ก่อนหนึ่งอาทิตย์ก็ได้จัดเตรียมกุ้งหมึกสดๆที่มาจาก๕๐๐กก ส่งไปทางใต้ เพราะเพนกวินสองตัวนี้ ถ้าไม่ใช่ของสดจะไม่เตะเลย ฉะนั้นจำเป็นต้องรักษาความสดของอาหารของมัน นอกจากนี้ ยังได้เตรียมสถานที่อาศัยให้กับพวกเขาที่เป็นตู้กระจกกว้างถึงสิบตารางเมตร อุณหภูมินั้นตั้งอยู่ที่ลบ๘องศา๒๔ชั่วโมงเลย และตู้กระจกนี้ก็จะเป็นบ้านบ้านอีกหลังของพวกเขาสองตัว




 “โหย่วเผิงมาจากแดนไกล มันเป็นสิ่งที่เกินความสมควร” ครั้งนี้ที่ได้มาจากแดนไกลและทั้งยังรีบเร่งที่จะมาอย่างโหย่วเผิง ดาราดังอย่างโหย่วเผิงนั้นได้รับเชิญเป็นทูตพรีเซ็นเตอร์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ในเมื่อโหย่วเผิงก็ได้ทุ่มกับงานการแสดงภาพยนตร์มาตลอด โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ยุ่งกับการถ่ายหนังใหม่ แต่ว่าตั้งแต่ปี๑๙๙๐ที่โหย่วเผิงได้ถ่ายโฆษณาสาธารณะประโยชน์ครั้งแรกในตอนเสี่ยวหุ่ตุ้ย จนถึงการแสดงเพื่อนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเสฉวน เขาไม่เคยที่จะขาดหายในการที่จะทำการกุศลเลย โดยเฉพาะเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของทะเลนั้นเขาทุ่มเทมาก โหย่วเผิงเกิดที่ไต้หวัน อยู่ใกล้ๆทะเล สำหรับเขาแล้ว ทะเลก็เสมือนบ้านของเขา ฉะนั้นเขาก็มีความผูกพันที่พิเศษกับทะเล ครั้งนี้ที่ได้มีโอกาสเป็นผู้นำในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทะเลและบวกกับเป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชินเพนกวินนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับเขา

 ในช่วงนี้ เพนกวินสองตัวก็ยังอยู่ที่เซินชวน แต่ว่าโหย่วเผิงได้จดบันทึกพวกเขาสองตัวไว้แล้ว ทั้งยังเรียนรู้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเพนกวินอีกด้วย และยังทั้งได้แต่งตัวสวมชุดเข้าไปในตู้กระจกที่ที่ทั้งสองตัวอยู่ที่เต็มไปด้วยหิมะ แล้วได้เข้าใกล้ชิดที่สุดหนึ่งครั้ง

 นอกจากนี้แล้ว โหย่วเผิงเป็นทูตแห่งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทะเล ทั้งยังได้รับเชิญไปร่วม “ธุรกิจรักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”ด้วย เป็นการจัดของคณะเยี่ยนเสียงในกิจกรรม “เพนกวินสัมพันธมิตร นี่สามารถพูดได้ว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่างนักธุรกิจกับทางศิลปินเลย ได้ร่วมกันส่งเสริงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้กระตุ้นให้ทุกคนได้หันมาเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อม


“โหย่วเผิงมาจากแดนไกล เป็นการเกินความสมควร” สหายเพนกวินสองตัว กับสหายศิลปินหนึ่งคน เชื่อว่ามีการเข้าร่วมของทั้งสามสหายแล้ว จะทำให้งานตระการตาแน่นอน นี่สามารถสื่อถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้กิจกรรมนั้นมีสีสันขึ้น มีคุณค่ายิ่งขึ้น

หน้า: 1 ... 205 206 [207] 208 209 ... 216