แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Alec Love Me

หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21
361
12 พฤษภาคม 2008
从乖乖虎到熟男 苏有朋讲述爱车生活
http://ent.sina.com.cn/s/h/p/2008-02-20/17291918408.shtml


ไกวๆหู่ถึงจุดโตเป็นผู้ใหญ่  ::  ซูโหย่วเผิงได้คุยถึงชีวิตของการรักรถ

ได้ล้างเอาความวัยแตกหนุ่มของซูโหย่วเผิงออกไปเสีย วันนี้ที่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าผมนั่นเป็นตัวตนแท้จริงของเขา หลังจากได้ผ่านร้อนผ่านหนาวในชีวิตมากมายแล้ว กลับกลายเป็นซูโหย่วเผิงที่เป็นผู้ใหญ่

ทรงจำเพื่อนเก่า


เริ่มแรกที่เห็นโหย่วเผิง ข้างกายเขานั้นไม่มีคนติดตามมากมายอย่างที่คิด มีแต่ทนายส่วนตัวเดินกับเขาเท่านั้น ได้ยิ้มให้ผมมาแต่ไกลเลย ทนายส่วนตัวเขาได้แนะนำให้เราสองคนรู้จักกัน เขาได้จับมือกับผมอย่างมีมารยาทมากๆ ทักทาย เขาทำได้ธรรมาชาติมากๆ เป็นกันเอง เหมือนกับว่าเราเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานานแล้วอย่างนั้น  ชุดที่ใส่ของเขานั้นก็ง่ายๆ ตัวนอกเป็นเสื้อขนอ่อนสีดำตัวหนึ่ง ตัวในนั้นเป็นเสื้อเชิ้ดสีเทากับผ้าพันคอสีเทาผืนหนึ่ง ตอนล่างเป็นกางเก่งยีนส์สีดำ การสวมใส่ของเขานั้นเป็นการแต่งตัวที่เรียบง่ายมากกับบรรดาศิลปินที่ผมได้รู้จักมา เขาคงสังเกตุออกว่าผมประหลาดใจกับการแต่งตัวของเขา ยิ้มและได้อธิบายว่า “ คนใต้อย่างผมนั้นกลัวหนาวหน่อย อย่าถือสานะครับ”  ผมหัวเราะแล้วส่ายหัว....ได้อยู่ด้วยกันกับเขา คุณจะมีความรู้สึกถึงการได้เจอเพื่อนเก่าอย่างนั้น เป็นสุขสบายๆ จะไม่ใส่ใจกับเรื่องพิธิตีตรองที่ทำให้ปวดหัว กับเขานั้นเหมือนกับว่าเคยรู้จักกัน ยิ่งกว่านั้นมีเหมือนกับว่าได้รู้จักมานาน รอยยิ้มที่หวานของเขานั้นเกือบจะทำให้ผมละลาย กลัวตะลึกไปหนึ่งนาที ผมได้รวบรวมสมาธิ ให้พนักงานทั้งหมดเข้าประจำงานของตัวเอง “ความสบายอยู่ที่ไหน ผมก็จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นั่น” เขาได้ถามอย่างชำนาญว่า งานอย่างนี้ศิลปินที่เคร่งระเบียบนั้นจะรีบทำให้ทันเวลา คนอื่นใช้เวลานี้ทำงานได้ชิ้นเดียว แต่เขากลับสามารถทำได้ห้าชิ้น

ภาพลักษณ์ชายผู้ใหญ่

ชายคนนี้ผิวพรรณดูแลได้ไม่เลวจริงๆ ดูไม่ออกจริงๆว่าเป็นหน้าของคนวัยสามสิบแล้ว เทียบกับภาพลักษณ์ในสมัยที่เริ่มดังไกวๆหู่นั้น ตอนนั้นยิ่งมีเสน่ห์ จนเป็นผู้มีอิทธิพลต่อเด็กหญิงอายุน้อยตั้งแต่แปดขวบจนถึงแม่เฒ่าวัยแปดสิบ จากภาพลักษณ์ลักษณะของเขาแล้วเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ใหญ่กว่าสองปีที่แล้วมาก ให้ผมรู้สึกถึงความหนักแน่น ความรู้สึกที่สงบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าห่างเหิน แม้ว่ามาดทั้งตัวของเขานั้นได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่ว่าสำหรับเรื่องการรักชอบของเพลงแล้วนั้น เขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ในเวลาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าจนถึงการถ่ายแบบนั้น เขาได้ร้องเพลงอย่างไม่หยุด และร้องออกมาอย่างเสียงดังและมีอารมณ์ความรู้สึกอย่างนั้นเลย  ขณะที่ร้องถึงเพลงที่ผมชอบนั้น เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ข้างห้อง ผมกับทนายส่วนตัวของเขาได้คุยกันข้างๆห้องเขา เสียงเพลงที่แหลมคมนั้นได้ล่องลอยมากับช่องโห่วของระหว่างห้องเข้าสู่หูผม ทำให้แก้วหูผมสั่นสะเทือน มีความรู้สึกอารมณ์ที่อยากร้องด้วยกับเขา แต่ก็กลัวจะรบกวนสมาธิเขา ก็เลยไม่ออกเสียง เพียงแต่ร้อนเบาๆในใจกับเขา นี่อาจเป็นการร่วมร้องเพลงของเพื่อนเก่า



รถ Esprit รถแห่งความเร็วสูง

Esprit หลังจากที่ได้ออกสู่ตลาดปี  1972 แล้ว ทั้งรูปแบบและรูปทรงที่หรูนั้นเป็นที่สนใจของคอรถ Esprit ที่มีรูปทรงที่หรูนั้น ระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบสามสิบปี รูปทรงภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปตามรุ่นนั้นไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ปี  1980  นั้นได้เป็นรถที่ใช้แสดงหนังเรื่อง 007 ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว


การถ่ายแบบครั้งนี้ได้ใช้รถ Esprit v8  ที่ได้พัฒนามาความแรงถึง 7.5  ในการวางรูปแบบเครื่องยนตร์ ทั้งเร็วทั้งแรง รูปลัดกระทัดรัด หนักไม่เกิน 220กก แรงม้านั้นอยู่ที่ 357  แรงม้า หมุ่น 6500รอบ/นาที การขับเคลื้อนที่เร็วมาก 0-100กม /ชั่วโมงเพีองใช้ 4.9  วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 282/ชั่วโมง ในเรื่อง(The Spy Who Loved Me) ของหนัง 007 นั้น ผู้แสดงทั้งหลายก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่ารถ Esprit นั้นเป็นรถแห่งความเร็วสูง เป็นรถชั้นนำติดสิบอับดับของรถ เหตุนี้ เสน่ห์ของรถนี้นั้นก็ไม่ธรรมดา


ผมได้ใช่เป็นคอรถขนาดแฟนพันธ์แท้อย่างนั้น Q . ยุคแห่งรถ  A . ซูโหย่วเผิง

Q . มีรถคันแรกในเวลาใด

A . ตอนอายุ  18 ตอนเข้ามหาลัย ซื้อรถโคโรล่า นั่นเป็นรถคันแรกของผม

Q . ขณะที่เริ่มฝึกหัดขับรถนั้น มีเรื่องอะไรที่จะมาเล่าให้พวกเราซึ่งเป็นผู้อ่านได้ฟังบ้าง

A . ตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่น พึ่งฝึกหัดเอง เป็นพวกมือใหม่ของบรรดามือใหม่ ตอนสอบใบขับขี่นั้น ถอยรถเข้าช่องจอด ผมนั้นทั้งซ้ายทั้งตรง จนสุดท้ายก็ได้จอดรถที่ช่องได้ สุดท้ายก็ทำให้ไฝท้ายด้านขวานั้นแตกกระจุยเลยล่ะ

Q . รถที่คุณเคยมีนั้น ราคารถที่แพงสุดกับถูกสุดนั้นเป็นสองคันไหน

A . รถที่ถูกสุดนั้นเป็นรถโคโรล่าคันแรกของผม รถที่แพงที่สุดนั้นจะเป็นรถบีเอ็มรุ่น 325 ผมไม่ได้ใส่ใจกับราคาหรือภายนอกของรถเท่าไรหรอก ผมให้ความสนใจกับคุณภาพศักยภาพของมันกับความเร็วของมันมากกว่า ผมไม่ค่อยชอบรถที่กระพือไปทั่ว ฉะนั้นผมเองก็เลยไม่ใช่พวกแฟนพันธ์แท้ของรถ

Q . มีรูปทรงรถที่ชอบเป็นพิเศษไหม

A . จะชอบพวก suv ไม่ค่อยชอบรถแข่งเท่าไหร่ ตอนนี้อยากจะซื้อวอลโว่ ชอบบีเอ็มมากกว่าเบ้นซ์ เป็นเพราะบีเอ็มดีไซส์แบบวัยรุ่นๆ เบ้นซ์นั้นดูเหมือนกับคนที่ฐานะขับกัน สำหรับผมแล้วมันคงไม่เหมาะกัน (ผมรู้สึกว่า บางคนอาจถ่อมไปหน่อย)

Q . ชอบซิ่งไหม

A . สิ่งนี้สำหรับผมนั้นไม่มีเลย เพื่อนของผมเคยเกิดอุบัติเหตุอย่างนี้อย่างหนัก ยังฝังใจกับภาพนี้อยู่ จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมขับรถด้วยความระวังตลอด ถ้าขับอยู่ในทางไฮเวย์นั้น เร็วสุดที่ผมเหยียบคือ 150 (ก็ถือว่ายังไม่ประมาท เพื่อนผมนั้นขับรถส่วนใหญ่จะเหยียบ 180 ขึ้นไป)

Q . รู้สึกอย่างไรกับการขับรถที่ปักกิ่ง

A . เพราะว่าตัวเองไม่คุ้มกับเส้นทางที่ปักกิ่ง ปกติแล้วคนขับรถเป็นคนขับให้ การงานกิจกรรมของผมก็ถูกจำกัดโดยเหตุนี้ ผมมักจะชอบขับรถไปตามทางด้วยตัวเอง ไปซื้อซีดีทีร้าน ไปร้านอาหารกินอาหาร ชีวิตที่เรียบง่ายนี้เป็นชีวิตที่มีมาแต่ก่อนแล้ว (ขณะที่พูดประโยคนี้นั้นได้เห็นถึงความเซ็งหลายปีที่เข้าสู่วงการ ไม่สามารถจะมีชีวิตปกติอย่างคนทั่วไป สำหรับคนบางคนแล้วน่าจะเป็นชีวิตที่ขมขื่น) ผมก็ยังรักในการขับรถ เพราะสามารถที่จะทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ว่าฟังเพลงที่ชอบ ร้องเพลง นอนหลับ

Q . ชอบเมืองไหนมากที่สุด

A . ก็ยังเป็นไทเปอยู่ดีนะ เพราะคุ้นกับเส้นทางต่างๆดี มีเพื่อนมิตรที่สนิท สถานที่ที่คุ้นเคย วัฒนธรรมที่คุ้น

Q . ผ่านวงการบันเทิงมาหลายปี มีความรู้สึกอย่างไร

A . โดยเหตุที่เข้าสู่วงการเร็วเกินไป สิบห้า(15) ก็เริ่มผ่านงานที่ยากลำบาก รับความกดดันที่ไม่น่าจะได้รับของคนในวัยนั้น การตั้งใจทำงานนั้นก็มาจากการเบื่อหน่าย ตอนนั้นรู้เพียงว่าทำสิ่งที่ดีๆอย่างสุดกำลัง ต้องจริงจังกับทุกงาน ตอนนี้ได้ตามวัยที่โตขึ้น ประสบการณ์ก็เยอะขึ้นแล้ว ประสบการณ์ที่ทั้งดีทั้งเลวร้ายเหล่านั้นสอนผมให้รู้อะไรหลายอย่าง ก่อนหน้านั้นสองปีผมก็เป็นพวกคนบ้างาน จนถึงปีนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลไปหน่อย เรียนรู้ว่ามีงานอีกหลายอย่างซึ่งเป็นสิ่งทีสำคัญกว่าที่ผมจะต้องไปฉวยไว้ ตัวผมในตอนนี้ ยังทำงานเต็มตัว แต่ก็มีการห่วงใยถึงความรู้สึกของคนในครอบครัวและเพื่อนๆมากขึ้น หาเวลาเยอะกว่านี้หน่อยในการอยู่กับพวกเขา ควรจะใส่ใจกับคุณค่าของชีวิตให้มากหน่อยแล้วล่ะ เป็นเหมือนเมื่อก่อนที่ทำงานอย่างวัวควายอย่างนั้นไม่ได้อีกแล้ว สุดท้ายจนไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นอะไรก็ไม่รู้

Q . ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนเด็กคืออะไร

A . ก่อนเข้าประถมศึกษาก็เคยคิดไว้ว่าจะเป็นดาราศิลปิน เดียงสาแต่ก็รู้สึกว่ามีความหมายดีนะ ตอนหลังได้เข้าร่วมการคัดเลือกของรายการศิลปินไต้หวัน อู่ฉีหลงนั้นมีใบหน้าที่หล่อเลยเข้ารอบไปก่อยเลย ส่วนผมกับเฉินจื้อเผิงนั้นคัดแล้วคัดอีกจนรอบห้ารอบหกถึงจะเข้ามาได้ ตอนหลังพวกเราสามคนได้จัดเป็นวงเสี่ยวหู่ตุ้ย(วงเสือ)ที่ดังในช่วงพริบตาขึ้นมา เพื่อให้สมดุลย์กับรายการทางบริษัทได้ตั้งวงเสี่ยวเมาตุ้ยขึ้นมา (วงแมว) ตอนนี้คิดๆแล้วรู้สึกตอนนั้นมันมีคุณค่ามาก

Q . เรื่องอะไรที่อยากจะทำที่สุดในตอนนี้

A . อยากเป็นนักศิลปินอยากจะอัพตัวเองให้สูงกว่านี้ พยายามพัฒนาความสามารถทางศิลปินของตัวเอง เหมือนกับปีที่แล้วที่ผมได้ไปร่วมแสดงงานละครโรงละครใหญ่ที่เหม่ยฉี (หอมดอกเบญจมาศ) ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้ทุ่มเทอะไรไปมากมาย และก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินเส้นทางนี้ให้ถึงที่สุด

Q . ปัจจุบันงานหลักนั้นจะเน้นไปทางไหน ร้องเพลงหรือว่าแสดงละคร

A . ตอนนี้อยากจะเปลี่ยนงานหลักเน้นไปทางแสดงหนังภาพยนตร์เป็นหลัก อยากจะไปแก้ตัวที่โรงภาพยนตน์ คนที่ผมอยากร่วมงานที่สุดคือผู้กำกับเฟิงเสี่ยวกังกับผู้กำกับหลี่อัน

Q . ระยะหลายปีนี้ ข่าวที่คุณทำงานพวกการกุศลนี้ออกมาเยอะมาก มีการโฆษณาที่เน้นหนักไปทางนี้ไหม

A . แน่นอนไม่ใช่อยู่แล้วล่ะ การทำงานการกุศลของผมนั้นล้วนทำจากใจ ขณะที่ได้เห็นรอยยิ้มที่เป็นสุขของผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือเหล่านั้นแล้ว คุณก็จะรู้สึกได้เหมือนกันกับความรู้สึกที่อิ่มเอมใจ มันมีค่ามากกว่าได้เงินได้ทองได้ชื่อเสียงเสียอีก ปีที่แล้วพิธีเปิดโรงเรียนซีว่างที่สร้างภายใต้ชื่อผมนั้น มีลุงแก่คนหนึ่งได้นำเอาไข่ไก่ของบ้านเขาหิ้วมาแต่ไกลเพื่อจะมามอบให้ผมและขอบคุณผม ตอนนั้นผมสั่นตื้นตันใจไปหมด พวกเราดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่มีคุณค่าแก่การเอ่ยถึง แต่สำรับคนที่ต้องการความช่วยเหลือเหล่านั้นมันสำคัญจริงๆ การกระทำเล็กๆน้อยๆของพวกเราก็สามารถที่จะเปลี่ยนชีวิตของเด็กๆเหล่านั้นได้ หลังจากนั้นแล้ว ผมยิ่งรู้สึกถึงความลำบากของหน้าที่นี้ หวังว่าจะใช้กำลังที่ตัวเองมีอยู่นั้นพยายามทำช่วยเหลือพวกเขาให้มากที่สุด บางเวลาผมก็สับสนเหมือนกัน ตั้งใจจริงใจในการทำเพื่อนเด็กๆเหล่านั้น แต่ก็กลัวสื่อว่าผมทำเพื่อเอาหน้า

Q . สำหรับผมนั้นไม่มีแน่นอน จากน้ำเสียงของคุณนั้น ผมรู้สึกถึงความจริงใจของคุณได้

A . ขอบคุณที่คุณเข้าใจผม



Q . เรามาเปลี่ยนเรื่องคุยที่ไม่เคลียดกัน วันวาเลนไทปีนี้ตั้งใจจะฉลองยังไง

A . สำหรับวันนี้นั้น ผมยังไม่มีเค้าความคิดอะไรเลย ส่วนมากก็จะผ่านไปกับชีวิตที่อยู่ในงานถ่ายละคร รวมทั้งงานวันเกิดก็จะอยู่ในงานกองถ่าย เป็นศิลปินนั้น บางครั้งทำตามตัวเองไม่ได้ วันวาเลนไทที่ผมต้องการนั้น ก็ให้มันเรียบๆง่ายๆก็พอแล้ว มีแฟนหญิง นั่นจะต้องอยู่ในวัยที่พร้อม วาเลนไทที่ไปท่องต่างประเทศ ผมนั้นมักจะชอบไปเที่ยวประเทศแถวยุโรป ไม่กลัวเลยแม้แต่ตีนภูเขาอามีพีซี่ก็ยังได้ ไปใช้ชีวิตสองคน ไม่ว่าจะให้ของขวัญอะไรก็ดีใจมากๆ

ระหว่างสัมภาษณ์นั้น เมื่อพูดถึงเริ่องในใจนั้น เขาก็จะมีการตอบสนองเห็นด้วยมาตลอด มักจะพูดบ่อยๆว่า ใช่คับ ๆ ถูกต้องจริงๆ” มีศิลปินน้อยคนมากที่จะยอมรับและบอกถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของตนเอง เขากลับไม่ได้แสร้งอะไรเลย หลายปีนี้ได้ยึดมั่นในความคิดอุดมการณ์ของตัวเอง ระหว่างที่พูดคุยกับเขา รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ถูกจับบังคับมาก ไม่ชอบสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ สำหรับชีวิตของตัวเอง เขาไม่อยากจะใช้ชีวิตตามวิถีเดิมๆที่ทำกันทั่วไป เขาอยากจะให้หลุดพ้นจากสิ่งเดิมๆและเข้าสู่ชีวิตที่มีสีสัน โหย่วเผิงได้ดูรูปที่ผมถ่ายให้เขาเขาบอกว่าผอมลงไปเยอะ รอยเส้นบนใบหน้านั้นเห็นชัดขึ้น มีใบหน้าอารมณ์ที่โตเป็นผู้ใหญ่ แต่ใครจะรู้ได้ว่าภายนอกที่เห็นเขาสุขุมนั้นแต่ภายในใจดวงนั้นเต็มไปด้วยความเร้าร้อน เขาต้องการความยอมรับจากคนอื่น เขาไม่ใช่ไกวๆหู่ที่มีใบหน้าที่อ่อนๆอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว ไม่เป็นอู่อาเกอที่มีจิตใจอ่อนโยนหรือตู้เฟยที่มีนิสัยที่ดีๆ เขาต้องการที่จะมีช่องว่างเวลาเพื่อจะมายืนยันตัวเอง ปีใหม่นี้

“โหย่วเผิงมาจากแดนไกล แต่ก็ยังมีความสุข”

กลุ่มที่มีอายุมากกว่าสามสิบขึ้นไปที่เป็นโสด คนกลุ่มนี้ได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดี  มีงานการที่ดี มีเงินเดือนที่สูง ก็ยังรักษาความเป็นโสด ใช้เงินให้กับตัวเองได้ รู้จักหาความสุขใส่ชีวิต เปรียบกับคนที่แต่งงานแล้ว พวกเขาพูดเรื่องการออมเงิน ใช้จ่ายอย่างไม่อั้น เป็นที่รักยิ่งของนักธุรกิจกับสื่อนิตยาสาร

362
Magazine Interviews-China / 2008 Trading Up magazine
« เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 06:48:55 PM »
2008 Trading Up magazine



บางครั้งอาจเป็นเพราะว่าช่วงนี้ดูหนังโบราณสมัยของเขาเยอะไปหน่อย ในสมองนั้นมักจะจำได้แต่ภาพใบหน้าเด็กของเขา สิ่งที่ได้ยินก่อนเลยคือเสียงเพลงที่แว่วมา  ซูโหย่วเผิงได้เดินเข้ามาในห้องแต่งหน้าด้วยมือล้วงกระเป๋ากางเกง “ วันนี้ใครจะมาสนทนากับผม?” เปรี่ยมด้วยชีวิตชีวาในการจะคุย ผมได้ถอนหายใจ พริบตาเดียวก็ได้สะท้อนถึงเมื่อยี่สิบปีก่อน ทั้งสมองนั้นกำลังคิดถึง วัยหนุ่มวัยแน่นของผมเอ๋ย...(หัวเราะ)

ดาราที่มีใบหน้าเด็กนั้นสามารถที่จะปกปิดอายุได้ ซูโหย่วเผิงนั้นเป็นนอกเหนือกรณี ถึงอย่างไรก็ยังเป็นใบหน้าที่เราคุ้นเคยมาแต่สมัยประถม แม้ว่าจะดูไปแล้วอาจจะหนุ่มกว่าดาราหนุ่มหลายคน นับดูแล้ว ถึงเดือนนี้ เขาได้เข้าสู่วงการยี่สิบปีแล้ว ในโรงเรียนนักเรียนชายหล่อๆที่ได้เรียนแบบเขาอย่างบ้าคลั่งในสมัยนั้นนั้น ล้วนเสียศูยน์ไม่มีความสง่าเหลืออยู่แล้ว ซูโหย่วเผิงแต่กลับยังเหมือนเดิม ร้องเพลง แสดงละคร แป๊บเดียวยี่สิบปี ยังมี---  ที่ยังไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลาที่ดี เพียงแต่ ลักษณะท่าทางขณะที่เขาพูดนั้น สามารถเป็นถึงมืออาชีพในการทำงานที่รวดเร็วน่าเชื่อถือ ซึ่งหาในวัยหนุ่มนั้นแทบจะไม่มีเลย


ผู้สูงศักดิ์ (อาจหมายถึงผู้อุปภัมภ์ในชีวิต)

ขณะที่เขากำลังคิดนั้น มักจะใช้มือขยี้ผม ผู้แต่งทรงผมจำต้องแต่งทรงผมให้เข้าที่ให้เข้าทางครั้งแล้วครั้งเล่า  “ที่จริงผมมักจะชอบคิดเรื่องต่างๆ ตอนเป็นนักศึกษานั้นมักจะรวมกลุ่มปรึกษาประชุมกับเพื่อนๆ  ในตอนนั้นรู้สึกว่า ชีวิตคนนั้นไม่ใช่ว่าจะเดินไปด้วยรูปแบบเดียวเท่านั้น เส้นทางของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน อยู่ที่ว่ามีความสุขหรือเปล่านั่นแหละเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”  ซูโหย่วเผิงที่เข้าสู่มหาลัยนั้น เคยผ่านวันเวลาที่ลำบากมากในช่วงมัธยมปลายช่วงหนึ่ง ยังเด็กอายุยังน้อย แต่กลับถูกชาวจีนทั้งโลกเพ่งสายตาจับจ้องอยู่ที่เขา เป็นเสี่ยวหุ่ตุ้ยที่มีการเรียนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ทุกคนก็จับจ้องมองไปที่เขาว่าซูโหย่วเผิงนั้นจะสอบเข้ามหาลัยไหน

“สิ่งที่โชคดีก็คือ ทุกช่วงชีวิตของผมนั้นล้วนมีผู้สูงศักดิ์ปรากฏ”  มีอาจารย์ให้คำปรึกษาท่านหนึ่งได้ให้คำชี้แนะแก่ซูโหย่วเผิงที่ตกอยู่ในสภาพที่ไม่ดีเป็นประจำ “ท่านจะไม่บอกกับผมว่าทำอย่างไรจึงถึงถูก ไม่ว่าจะเป็นการอกหัก หรือว่าทุกเรื่องที่คิดไม่ตก ท่านเพียงแต่รับฟังและเป็นเพื่อน ค่อยๆช่วยผมให้อารมณ์ที่มั่นคงไม่สับสน หลังจากนั้นค่อยช่วยผมหาช่องทางออกที่ถูกต้อง”

ผู้สูงศักดิ์นั้นไม่เพียงแต่ปรากฏครั้งนี้เท่านั้น และยังรวมถึงเป็นผู้มีชื่อเสียงในช่วงหลังด้วย สำหรับซูโหย่วเผิงนั้น เวลาสิบปีเหมือนกับช่วงวิถีการพัฒนาของเหตุการณ์ที่สำคัญ ในปีที่สิบของการเข้าสู่วงการ เขาได้มีโอกาสได้เล่น (องค์หญิงกำมะลอ)

ในตอนนั้น ความสง่างามของเสี่ยวหู่ตุ้ยที่มีอยู่ในตัวเขานั้นได้จางเลือนไปหมดแล้ว เขาได้ยอมรับว่าตัวเองนั้นเป็นนักร้องขวัญใจที่ดังก็ไม่ใช่ไม่ดังก็ไม่เชิงอะไรอย่างนั้น ตัวเองตกอยู่ในสภาพที่ตกต่ำมาก แล้วยังต้องเครียดกับสภาพการเงินที่ไม่คล่องอีก “ไม่เคยคิดเลยว่าอนาคตจะดังอีกหรือไม่ การที่เข้าสู่การเป็นนักแสดงนั้นล้วนเหตุเพราะการเงินขัดคล่อง” การตัดสินใจ(เป็นนักแสดง)เพื่อจะมีชีวิตที่จะอยู่รอดได้นั้นกลับเปลี่ยนชีวิตของเขาอีกครั้งหนึ่ง 



“ตอนแรกที่แสดงนั้นก็เรียกว่าเป็นหนังแสดงหน้าใหม่ ก็เหมือนกับ "จ้าวเวย" ที่มักจะถูกพี่ๆที่แต่งหน้ารังแก”  พวกเราไม่เคยเห็นหรือมีประสบการณ์ที่คนคนหนึ่งดังแล้วกลับมาดังใหม่อีกครั้งหนึ่ง แน่นอนนั่นไม่ใช่เป็นสิ่งที่ง่ายๆของช่วงชีวิต สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับข้างต้นที่พูดไปคือเริ่มต้นใหม่ จิตใจถ่อมลง  “ตอนนั้นจริงๆ แล้วแสดงละครไม่เป็นเลย  จะไปเปรียบเทียบกับคนที่มีพรสวรรค์ในการแสดงอย่างงั้นได้ไง? มีแต่ถ่อมใจลงแล้วไปเรียนรู้ หากเริ่มต้นใหม่ตลอดแล้ว ก็จะไม่มีทางที่จะพัฒนาได้"

หรือว่าลักษณะบุคลิกแท้ของเขานั้นเป็นนักเรียนที่ดีคนหนึ่ง ผู้คนค่อยๆทิ้งภาพ “ไกวๆหู่”  เริ่มเห็นถึงชายที่โตเป็นผู้ใหญ่คนนี้ จากละครเพลงไหหลำ สู่ จิงเซียวจี้จื้อ จากคนที่เป็นแบบอย่างไม่มีที่ตำหนิสู่นักแสดง 3 มิติ วันนี้ กลิ่นไอของความเป็นนักร้องนั้นแทบจะถูกลบออกจากสมองของทุกคนแล้ว เขาในตอนนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในนักแสดงชายยอดเยี่ยมของชาวจีนไปแล้ว



สะสม

“ศิลปะการแสดงนั้นไม่ได้เป็นเทคนิค แต่เป็นการทุ่มเทอย่างจริงจัง สำหรับผมแล้ว การแสดงนั้นไม่เป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองแรง” บทบาทที่ซูโหย่วเผิงเกี่ยวข้องนั้นได้ล้ำสมัยปัจจุบัน  โบราณ และข้อมูลต่างๆ ล่าสุดนั้นได้ข่าวว่าได้เข้าร่วมแสดงหนังฮอลลีวูดกับมอร์นี่คา พีลูสคิสตาตัน แสดงเป็นนักรบคนปลา นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว เขายังกำลังพยายามปั้นร่างกายตัวเอง(เป็นเงือก) ผ่านบทบาทละครที่สำคัญในการปั้นสร้างนั้น เขาเริ่มที่จะรู้สึกถึงบทบาทแสดงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง ได้ทุ่มเททั้งหมด จนที่สุด “คิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความจริง” จนถึงปัจจุบันนี้  สำหรับเขาแล้วสิ่งที่ท้าทายที่สุดคือ(ต้าเสิ้นฝัน)ที่กำกับโดย ฝันเสี่ยวเทียน


ในเรื่องนี้ซูโหย่วเผิงได้รับบทเป็น "ซูหมิงโซ้ว"  ที่ถูกความรักทำให้บ้าจนเป็นโรคจิต “คนบ้า” ตัวมันเองก็เป็นบทแสดงหนี่งคนท้าทายผู้แสดง ซูโหย่วเผิงยังจะต้องเผชิญกับเบื้องหลังกิจกรรมที่ไม่ปกติของประชาชนในสมัยเริ่มแรกในการตั้งราชอาณาจักร  “บทแสดงนี้มันไม่เหมือนกับสภาพการณ์ของแต่ละช่วงของชีวิต จากการไม่พอใจกับสงคราม จนถึงการต่อสู้ก่อนเกิดโรคนี้ อารมณ์หวั่นไหวตกใจง่ายเป็นโรคประสาท จนสุดท้ายกลายเป็นคนบ้า อารมณ์การแสดงออกของบทนั้นล้วนต่างกัน จะไม่หยุดในการที่จะปรับตัวเองเข้าสู่อารมณ์ในสภาพอย่างนั้น นี่ไม่ง่ายที่เดียว



ผู้กำกับฝันเสี่ยวเทียนเปิดเผยว่า เหตุที่เลือกซูโหย่วเผิงรับบทนี้ก็เพราะ ภาพลักษณ์เขาดี นิสัยที่ดี บุคลิกดี วัฒนธรรมและศิลปะนั้นล้วนไปถึงจุดสุดยอดแล้ว” ได้เดินเส้นทางแห่งขวัญใจมาบ่อยแล้วอย่างซูโหย่วเผิงด้วยเหตุนี้เองได้ขยายเส้นทางการแสดงของตัวเองกว้างขึ้น ได้ขุดค้นคุณสมบัติพิเศษอย่างอื่นในตัวเขา  ที่จริงแล้วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นเขาใส่ใจกับภาพลักษณ์ของนักแสดงมากๆ ไม่เคยรับบทละครในบทร้ายๆเลย ได้รักษาภาพลักษณ์ที่ดีงามมาตลอด และสิ่งนี้ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาได้รับรางวัล “บุคคลที่เด็กๆชื่นชอบที่สุด” ผมไม่สามารถหยุดที่จะคิดขึ้นได้ว่า ในสมัยประถมนั้น ได้เคยอ่านบทความแจ้งให้ทราบหนึ่งให้คุณแม่ฟัง เนื้อหามีดังนี้ว่า นักเรียนที่จะซื้อตั๋วเข้าชมของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นจำเป็นต้องมีคะแนนใบเกรดที่มากกว่า 90 ขึ้นไป

“อดีตคุณเคยเป็นขวัญใจของพวกเรา ยี่สิบปีผ่านไป ผู้คนที่ชื่นชอบคุณนั้นก็ยังเป็นคนในวัยนี้ นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือว่าไม่ดีล่ะ?” เขาไม่เขินเลย หัวเราะและพูดไปด้วย “อย่าลืมว่านอกเหนือจากเด็กๆแล้ว ยังมีคุณแม่และพี่ ป้า น้า อา หลายท่านอีกด้วยนะ” อดีตเขาเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นเดียวกันกับเขา ปัจจุบันนี้ พวกเขาเหล่านั้นล้วนมีความนึกคิดการตัดสินใจที่โตเป็นผู้ใหญ่ของตัวเอง และเขาก็ได้กล่าวออกมาว่า “ ทุกเรื่องนั้นล้วนต้องทำให้ดีที่สุด” ใช้ชีวิตวิถีที่ตัวเองชอบ “ชีวิตที่สบายๆ”

“ความจริงแล้วชีวิตของคนเรานั้นล้วนมีทุกข์สุขปะบนด้วยกัน ดูตัวเองและชีวิตนั้นก็กำลังก้าวสู่ความสมบูรณ์ การทุ่มเท ความพยายามของตัวเองนั้นก็ได้รับการตอบกลับจากทุกคน นี่ก็ดีที่สุดแล้ว” ที่จริงบางอย่างในวงการนั้น เขาไม่ใช่เป็นคนที่มีความสุขกับการที่ตกเป็นเป้าสายตาของผู้อื่น ชีวิตประสาคนทั่วไปของเขานั้นล้วนหายไปจากชีวิตของเขาในช่วงวัย 15 แล้ว หากมาเทียบกับการสูญเสียอย่างนี้แล้ว การมีชื่อเสียงนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญเลย



คนเราถึงที่สุดแล้วความโตเป็นผู้ใหญ่จะทำให้จิตใจเราสงบลงได้ อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ไม่จำต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่อย่างฝืนๆ เริ่มแรกที่เป็นนักแสดงนั้น ความมีความเป็นห่วงเป็นใยต่อผู้อื่นนั้น เขาเคยมีความขัดแย้งในการทำเหมือนเป็นวัยรุ่น ความจริงที่เรียก เสี่ยวไกว นั้นเป็นเพราะความเป็นคนกันเองและกับของคนที่เรียก เขาก็กลับรู้สึกว่าใช้ความสง่าของอดีตสะท้อนความพยายามของปัจจุบัน ไม่เป็นการยุติธรรมเลย เขาในสมัยนั้นเป็นผู้ใหญ่อย่างเขินเก้อ  เหมือกับเด็กที่พึ่งมีจุดยืนของตัวเอง พยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อจะลบล้างตลอดที่ผ่านมาในลักษณะเด็กของเขา แล้วย่อมค่อยๆถูกยอมรับ ความเป็นผู้ใหญ่ถึงค่อยๆนิ่ง มีเพียงแต่ความนิ่ง ถึงสามารถนำมาซึ่งอิสระที่แท้จริง

คิดแบบธรรมดา

เมื่อเอ่ยถึงชีวิตปัจจุบันแล้ว เขาใช้ประโยคนี้มาสรุปทุกอย่างในชีวิต “ตามเวรตามกรรม”  เข้าสู่หนที่ 3 ของสิบปี เขาก็ไม่ค่อยอยากไปวางแผนมันนัก  เพียงแค่หวังว่าได้ใช้ชีวิตตามที่ใจชอบ แน่นอน เขาก็รับแบบหน้าที่ความรับผิดชอบที่ผู้ชายต้องมี

“หน้าที่รับผิดชอบ” สำหรับในตัวเพื่อนสมิทอย่างอู๋ฉีหลงนั้น  สิ่งนี้ได้กลายเป็นครอบครัวลูกมีลูกไปแล้ว  ซูโหย่วเผิงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอกับคำถามในแนวนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากใคร่ครวญแล้ว เขาก็ยังคิดว่า “เรื่องชีวิตคู่” ที่จริงไม่ใช่เป็นสิ่งที่จำเป็นของชีวิต เป็นผมชายนั้นการรับได้ที่มีมุมมองที่ไม่เหมือนกัน การไปมาหาสู่กับญาติมิตร ความถ่อมใจ การขอบคุณ สิ่งเหล่านี้ในชีวิตนั้นสามารถเห็นถึงคุณสมบัติของคน แต่ไม่ใช่ว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเอาแบบอย่างวิถีชีวิตของคนทั่วไปทำนั้นมาใช้กับตัวเรา  คุณสมบัติเหล่านี้ได้เป็นที่ชมชอบในท่ามกลางเพื่อนของเขา

“คุณลองดูคนคนหนึ่ง หากมีความหวังหมายมากมายแต่เป้าหมายนั้น สุดท้ายจะไม่พบความสุข หากจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เข้ามาในชีวิตนั้นมันยาก การจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปปรับตัวเข้ากับทุกสิ่งนั้นถึงจะง่ายกว่า จิตใจบริสุทธิ์ มีอะไรอีกหรือที่ยังไม่พอใจอิ่มใจ?

สามารถที่จะพูดสิ่งเปล่านี้ออกมาอย่าง “ไกวๆหู่” (ฉายาของเขา) ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้ใหญ่จริงๆ

เข้าสู่วงการ20ปี เป็นผู้ที่มีความเป็นวัยหนุ่มกว่าคนรอบข้าง จนบัดนี้ซูโหย่วเผิงยังมีใจขอบคุณสำหรับชีวิตของตัวเองอยู่ ในเวที่คอนเสิร์ตนั้นเคยถึงจุดสูงสุด ในด้ายละครนั้นก็มีความสำเร็จมากมายแล้ว สำหรับสภาพของตนเอง ชีวิตของเขาคงไม่มีอะไรที่ขาดไป “เส้นทางชีวิตนับจากวันนี้ไปก็จะไม่ไปบังคับฝืนมัน คะแนนภายนอกนั้นที่จริงไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญอะไร เพียงแต่ยังถนอมรักษาการมีอิทธิพลที่ดีต่อสังคมของตัวเองให้ดี สามารถที่จะทำสิ่งอื่นได้” แม้ว่าในกิจกรรมการกุศลหรืองานเพื่อประโยชน์แก่สาธารณะก็สามารถเห็นรูปของโหย่วเผิง ทั้งยังได้รับโล่มากมายจากการทำงานการกุศล เขาก็ยังยืนยันเหมือนเดิม “การทำกุศลนั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นเฉพาะเรื่องเงินๆทองๆ ทุกวันของคนเรานั้นล้วนสามารถทำการกุศลกับคนรอบข้างที่ประสบปัญหา รวมทั้งชีวิตแห่งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการให้อภัยการไม่แกร่งแย่งกับเพื่อนรอบข้างของตัวเรา นี่ล้วนเป็นกิจกรรมการกุศลทั้งสิ้น”

ก่อนจะลา ผมยังได้ถามถึง วันที่7 เดือน7 ครบรอบปีที่20ของเสี่ยวหู่ตุ้ย โหย่วเผิงจะทำอะไรบ้าง จะมีการติดต่อกับเพื่อนอีกสองคนหรือเปล่า เขาหัวเราะ “เขาสองคนล้วนงานยุ่ง ร่วมทั้งปกติพวกเราก็ได้เจอกันเป็นประจำ ไม่มีความจำเป็นจะทำอะไรเป็นพิเศษ”

น่าจะเป็นอย่างนี้ แม้ตัวเขาเองก็ยังไม่ระลึกถึง ผมเองก็ไม่จำเป็นที่จะไประลึกถึงวันเวลาเหล่านั้นอีก เพียงแต่ใส่ใจวันนี้ให้ดีที่สุด ความยิ่งใหญ่ในอดีตนั้น ยังสู่ความสุขของตอนนี้ไม่ได้เลย



363
Magazine Interviews-China / 2008 25 Ans
« เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 06:15:44 PM »
Sept. 2008, 25 Ans




ซูโหย่วเผิง


ปี 1988 เข้าสู่เสี่ยวหู่ตุ้ย ได้เข้าสู่วงการโดยภาพลักษณ์ที่ดี ได้พัฒนาก้าวหน้าทั้ง หนัง ละคร เพลง ยี่สิบปีมานี้นั้นอัลบั้มที่ได้ออกไปนั้นมากกว่าสามสิบอัลบั้ม ยังมีละครที่ดังสามสิบกว่าเรื่องกับหนังที่ยอดเยี่ยมอีกสิบกว่าเรื่อง ละครหลักที่สำคัญ (องค์หญิงกำมะลอ/องค์ชายห้า, ซื่ออู่อาเกอ/ซื่อหลาง, เจ๋ใต้ซวงเจียว ,ฮัวอู๋เช/ฮวยบ่อข่วย, ฉิงเซินเซิน อี๋หมงหมง/ตู้เฟย, อีเทียนถูหลงจี้ แสดงเป็น จางอู่จี้, เรื่องฉิงติ้งอ้ายฉิงไห่ แสดงเป็น ลู่เอินฉี, ) วันเกิด 11 กันยายน สถานที่เกิด ไทเป

นักโหราศาสตร์ ไข่ตี่อา

เป็นผู้เชี่ยวชาญสำนักข่วงซินลั้น ศึกษา เรื่องดาราศาสตร์โบราณกับดาราศาสตร์สมัย ได้มีการติดต่อค้นคว้าแลกเปลี่ยนศึกษากับนักค้นคว้าที่มหาลัยลอนดอน มุ่งมั่นในการศึกษาเรื่องโหร และได้เผยแพร่ไปทั่วเกี่ยวกับเรื่องของโหราศาสตร์ เชี่ยวชาญในดาราศาสตร์ จิตวิทยา เป็นต้น ได้มีการดำเนินการในหลายรูปแบบ การวิเคาะห์บุคลิกนิสัยคน

364
Magazine Interviews-China / 2008 Rich Without Money
« เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 05:43:04 PM »

ซูโหย่วเผิงสัจธรรมกับการเล่นโยคะ

“ ฝึกฝนธรรมะ ถึงจะรู้สัจธรรมอะไรบางอย่าง ความเคลียดเกิดจากการไม่ปล่อยวาง ที่จริงแล้ว หลายอย่างเรื่องนั้น มันไม่ได้เป็นปัจจัยที่จำเป็น เป็นเพียงตัญหาความโลภที่ดื่ออยากได้นั่นเอง ฉะนั้น พระพุทธองค์ได้กล่าวถึงการให้ทาน ก็คือเรียนรู้ที่จะให้แจกจ่ายออกไป การให้คือการปล่อยวาง"

365


เชื่อเถอะว่า นี่ไม่ใช่เป็นการเล่นลักษณะท่าทางของซูโหย่วเผิง ถ้ามาเปรียบกับนักศิลปินที่รุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เขาเป็นคนที่มีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมที่สุด แต่เยาว์วัยก็ประสบผลสำเร็จในชีวิต ได้โดดเด่นมีชื่อเสียงขึ้นใต้แสงไฟแห่งบนเวที แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้สูญเสียสิ่งที่คนธรรมดาคนหนึ่งพึ่งที่จะได้รับไม่น้อยเลยที่เดียว

ตอนอายุ15 ผมถูกคัดเลือกเข้าวงเสี่ยวหู่ตุ้ย จนดังในชั่วค่ำคืนเดียว ซูโหย่วเผิงกล่าวว่าในตอนนั้นฝันก็ฝันไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะดังขนาดนี้ ในเวลาเดียวกันก็คาดไม่ถึงเลยว่า ภายหลัง 2 ปีขณะที่จะสอบเข้ามหาลัยนั้น ความกดดันที่เขาจะต้องเผชิญกับมันนั้นมันใหญ่ขนาดไหน แต่เด็กในสายตาคนอื่นนั้นเขาจะเป็นเด็กที่เก่งและเป็นนักเรียนที่ดี การแข่งขันต่างๆนั้นก็ได้รับที่หนึ่ง เรียนมัธยมนั้นเรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุดดังที่สุด ในสายตาทุกคนนั้น การที่สอบเข้ามหาลัยนั้นเป็นเหมือนกับว่าเป็นทางเลือกเดียวของไกวๆหู่ “ ผมไม่สามารถบอกว่าผมไม่เรียนมหาลัย ไปเป็นศิลปินเลย ทัศนะมุมมองในตอนนั้นก็อย่างนี้แหละ การเป็นนักศึกษานั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนเลือกให้ผม” และไม่ได้ทำให้ทุกคนผิดหวัง ซูโหย่วเผิงสอบได้อันดับ 5 จากผลสอบของนักเรียนใต้หวันทั้งหมดและได้เข้าไปเรียนในมหวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เรียนทางเทคนิคช่างกล “ ช่วง ม.6 นั้นผมได้ลาหยุดงานเป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ เตรียมตัวอย่างสุดชีวิต ก็เพื่อที่อยากจะพิสูจน์ตัวเองให้กับทุกคนเห็น การที่ไปสมัครสอบคณะช่างกลนั้น ก็เพราะมันเป็นวิชาอาชีพที่ทุกคนว่าสอบเข้ายาก ในสมัยมัธยมนั้นวิชาพวกฟิสิกส์ เคมี ชีวะและคณิตนั้นผลการเรียนของเขาดีมาก และเขาไม่ชอบวิชาที่ต้องท่องต้องจำอะไรอย่างนั้น แต่เมื่อหลังจากที่เขาเข้าสู่มหาลัย เขาพึ่งรู้สึกว่าแท้จริงตัวเองไม่ชอบพวกเรื่องเครื่องกลเลย พวกประสาทสัมผัสกับมนุษย์ศาสตร์นั้นถึงจะเป็นสิ่งที่เขารักและสนใจอย่างแท้จริง จนมาถึงเวลานี้นั้น เขาพึ่งมองออกว่าจะวางแผนเรื่องอนาคตของตัวเองอย่างไร

จนสุดท้าย ขณะที่เข้าสู่ปีที่ 3 ซูโหย่วเผิงได้ตัดสินใจทำสิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกคนอึ้งไปหมดเลย – ลาออก  ในขณะนั้นได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ยากมากๆ จากคำพูดของซูโหย่วเผิงนั้นให้รู้สึกถึงการเบื่อหน่าย “ในตอนนั้นเสี่ยวหู่ตุ้ยก็แยกกันแล้ว ตัวผมเองก็ได้ไปตามทางของผมคนเดียว ทุกสัปดาห์นั้นต้องบินไปพรีเซนต์งานที่ฮ่องกง เวลาที่จะอยู่ที่มหาลัยนั้นน้อยมากจริงๆ” ด้านหนึ่งจะต้องดำเนินงานด้านการแสดงต่อไป  ด้านหนึ่งจะต้องเป็นนักศึกษาที่ดี ผู้ดิ้นรนที่อยากจะดีทุกอย่างอย่างซูโหย่วเผิงนั้นก็คิดว่าอยากจะทำให้ทั้งการเรียนและการงานดีพร้องกันไปทั้งสองด้าน แต่เขาก็สังเกตได้ว่านั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ “ วิชาชีพเครื่องจักรกลที่ผมเรียนนั้น มีเนื้อหาที่ต้องดูมากขนาดนั้นเชียว มีสูตรที่ต้องท่องจำมากขนาดนั้นเลยหรือ รวมทั้งยังการการฝึกลงมือทำที่ไม่รู้จักจบ ทั้งเรียนในชั้นเรียนส่วนมากแล้วผมก็ไม่ได้เข้าอีกด้วย ผมได้พยายามต่อสู้เรื่องนี้กับทางบริษัท และสิ่งที่ได้รับอย่างมากก็แค่ได้มีเวลาอ่านหนังสือ1สัปดาห์ก่อนจะสอบเพื่อยัดความรู้เข้าไปโดยไม่รู้ว่าจะรับหรือไม่แค่นี้เอง ซูโหย่วเผิงจำได้ว่าในตอนนั้นเขากลัวมากที่จะไปร่วมรายการหรือว่าไปร่วมกิจกรรมกับทุกคน เพราะว่าทุกครั้งที่ผู้นำเนินรายการเชิญเขาออกมานั้นก็มักจะแนะนำตัวเขาว่าเป็นนักศึกษาที่ “เรียนดีประพฤติเยี่ยม” ประโยคนี้ สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง และยิ่งกว่านั้นคือยากจะเผชิญกับมัน “ในตอนนั้นผมอยู่ในมหาลัยนั้นผลการเรียนก็ไม่ใช่ว่าจะดีเยี่ยม”

ซูโหย่วเผิงกล่าวว่าเพื่อนักเรียนที่มหาลัยไต้หวันของเขานั้นมีหลายรูปแบบหลายสไตล์ ไม่ได้มีเพียงแต่พวกหนอนหนังสือเท่านั้น “พวกเขาต่างคนต่างมีบุคลิกนิสัยส่วนตัวของเขาเอง และทั้งยังพัฒนาเติบโตไปตามธรรมชาติที่มันควรจะเป็น และตัวผมเองนั้นก็ควรจะมีการเติบโตของตัวของผมเอง แต่ไม่มีใครให้เวลาและโอกาสอย่างนี้กับผม ตั้งแต่เริ่มแรกนั้น ชะตาก็ให้ป้ายติดตัวผมแล้ว ว่าผมควรจะเป็นเด็กที่รักการเรียนการอ่าน และชื่อ ไกวๆหู่นั้นก็ยิ่งตีตราให้ชีวิตผมว่าเป็นคนที่ภาพลักษณธดีเลิศตามธรรมเนียมความคิดของชาวจีน และความกดดันที่หนักหน่วงที่ตามมานั้นทำให้เขายากจะรับไหว ผมไม่ใช่สุเปอร์แมน ผลเองก็


ถึงแม้จะผ่านช่วงปีแห่งการก่อตั้งแล้ว เห็นได้ว่าซูโหย่วเผิงนั้นยังหนุ่มมาก หนุ่มแน่นเหมือนดังชายชาตรี ใบหน้าของเขานั้นสามารถใช้ความงดงามมาเปรียบ เสมือนวันเวลาไม่ทิ้งรอยเหี่ยวย่นไว้ให้เขาเลย หรือว่าเหตุเพราะเขาอาจอยากหลุดพ้นจากภาพลักษณะไกวๆหู่นั้น ทุกครั้งที่เขาต้องเผชิญกับแลนกล้องนั้น เขาล้วยแสดงถึงสีหน้าที่เงียบคลึม ไม่เห็นรอยยิ้มแม้แต่น้อยเลย ได้ซ่อนสายตาที่เหลียมคมเสมือนกำลังบ่งบอกถึงการเป็นผู้ใหญ่และการเปลี่ยนแปลงของเขา แต่ว่า ขณะที่เขาได้นั่งลงเปิดอกอย่างจริงใจกับคนอื่นนั้น คุณจะสังเกตเห็นถึงความเดียงสาบริสุทธิ์ภายในใจของเขา ยังอบอุ่นเหมือนเดิม



“ยอดเยี่ยม” ของการทำงานการกุศล

ในเว็ปไซส์ส่วนตัวของซูโหย่วเผิงนั้น สำหรับ “มูลนิธิของซูโหย่วเผิง”นั้น การแนะนำรูปแบบการบริจาคนั้นได้จัดไว้ให้เห็นได้อย่างโดดเด่น “มูลนิธิ”นี้ เป็นการร่วมมือระหว่างซูโหย่วเผิงกับมูลนิธิเยาวชนจีนก่อตั้งขึ้นในเดือนกันยายน 2005 ฤดูใบไม้ผลิต(ช่วงตรุษจีน) ของปี 2007 ซูโหย่วเผิงได้สร้างโรงเรียนประถมศึกษาซีว่างที่เหอหนันผ่านทางมูลนิธินี้ ได้สัมผัสกับเด็กๆที่ได้รับการช่วยเหลือซูโหย่วเผิงกล่าวว่า “ นัยน์ตาของเด็กๆเหล่านี้ ผมได้เห็นถึงความกระหายในการอยากเรียนของพวกเขา”

ที่จริงก่อนหน้านี้หลายสิบปีนั้น ซูโหย่วเผิงเคยเข้าร่วมกิจกรรมงานสาธารณะประโยชน์มากมายกับเสี่ยวหู่ตุ้ย “ตอนนั้นล้วนเป็นการจัดของทางบริษัทให้พวกเราไปร่วม เหตุเพราะยังอยู่ช่วงวัยรุ่นเกินไป ยังไม่ค่อยเข้าใจถึงหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคมคืออะไร ซูโหย่วเผิงเริ่มคิดเรื่องสาธารณะประโยชน์กับงานการกุศลจริงๆจังๆนั้น คือช่วงวัย30ที่เขาเริ่มรู้จักการแทนคุณขอบคุณ “หลายปีที่ผ่านมานั้นการงานอาชีพนักศิลปินนั้นขึ้นๆลงๆ  มีถึงจุดสูงสุดและตกต่ำสุด ให้ผมเข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองได้รับนั้นไม่ใช่เป็นการบังเอิญหรือเป็นสิ่งที่สมควรจะได้รับ” ซูโหย่วเผิงกล่าวว่าตอนนี้เขาเรียนรู้จักการฉวยความสุขแล้ว “หลายครั้งชื่อเสียงเกียรติยศนั้นเป็นของอนิจัง เป็นสิ่งที่ทุกคนให้คุณ และยังเป็นสิ่งที่มาจากสังคม ขณะที่คุณกลายเป็นคนมีชื่อเสียง ทุกกิริยาบทของคนนั้นล้วนมีอิทธิพลต่อสังคม ชื่อเสียงนั้นไม่ได้เป็นของคุณคนเดียวแล้ว การทำคุณตอบแทนนั้นเป็นหน้าที่จำเป็นต้องมี

เผชิญกับความสงสัยว่าการทางานการกุศลหรือว่า “ทำให้เหมือนดีได้หน้า” ซูโหย่วเผิงได้เปิดเผยออกมาอย่างเซ็งๆ เขารู้สึกว่าการทำงานการกุศลที่เป็นรูปเป็นร่างและการออกไปกาศให้เป็นที่รู้จักกันทั่วนั้นมันทำความลำบากใจแก่เขา การทำการกุศลของคนดังนั้นเสมือนกับ “โยนอิฐเพื่อล่อให้โยนหยกออกมา” (ใช้ความคิดเห็นที่ตื้นๆเพื่อล่อให้คนอื่นแสดงความคิดเห็นที่ลึกซึ้งและเฉียบแหลมออกมา) แต่ว่าให้ชาวโลกทุกคนได้รู้กันทั่วหน้าว่าตัวเองกำลังทำในสิ่งที่ดีและยังทำให้คนอื่นรู้สึกว่าล่าชื่อเสียงและคำเยินยอ จากสิ่งนี้ก็ทำให้ซูโหย่วเผิงนั้นลำบากใจเหมือนกัน  แต่เขาก็ยืนหยัดและเข้าใจว่าคนดังพึงมีหน้าที่ในการที่จะประกาศงานสาธารณะประโยชน์และงาการกุศล สิ่งที่พวกเราที่เป็นคนดังได้เปรียบที่สุดก็คือการที่ตัวเองมีอิทธิพลต่อสังคมนั้นแหล่ะ ผ่านทางอิทธิพลที่มีอยู่นั้นผลัดดันทุกคนร่วมมือกันทำ อย่างนี้ถึงจะเป็นประโยชน์สูงสุด” ซูโหย่วเผิงกล่าวว่ากำลังจะเอาเสื้อผ้าของตัวเองเปิดขายทางอินเตอร์เน็ต หลังจากนั้นเอายอดเงินที่ขายได้ทั้งหมดมอบให้กับโรงเรียนซีว่าง  “สร้างโรงเรียนประถมศึกษาซีว่างนั้นต้องใช้งบ2แสนหยวน หากว่าเงินที่ขายเสื้อผ้านั้นยังไม่พอ ที่ขาดอยู่นั้นผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง” จากน้ำเสียที่จริงจังนั้นทำให้ทุกคนเชื่อได้ว่าเขาตั้งใจกับโครงการนี้จริงๆ  หากว่าแน่เป็นการ “ทำเพื่อเอาหน้า”แล้วล่ะก็ ถ้างั้นก็นับได้ว่าซูโหย่วเผิงได้ใช้รูปแบบที่จริงใจที่สุดแล้ว


ถามเขาว่าได้ตั้งเป้าไว้ไหมว่าอนาคตจะสร้างโรงเรียนซีว่างซูโหย่วเผิงกี่แห่ง เขาพูดอยางหัวเราะว่า “นี่ยังจะต้องดูรายรับในอนาคตของผมด้วย แต่ว่าถ้าหากขอเพียงมีความเป็นไปได้ มูลนิธิของผมนั้นก็จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ” “หากว่าวันหนึ่งได้ลาจากวงการแล้วคุณจะทำอะไร?” เขาคิดแล้วคิดอีกตอบว่า “ผมอาจจะไปทำงานด้านช่วยสังคม”
   
เรียนรู้การปล่อยวาง เชื่อถือมั่นใจตัวเอง

ตลอดปี 2007นี้ ซูโหย่วเผิงกล่าวว่าเขาไม่ได้ถ่ายหนังสักเรื่องเลย หลังจากที่ตั้งตัวได้แล้วอย่างซูโหย่วเผิงนั้นตัดสินใจจะไม่ทำงาน “บ้างาน”อย่างนั้นอีก นอกจากจะทำการแสดงให้ดีแล้ว ไม่หยุดในการถ่ายละครแล้ว เขายังรู้สึกว่าในชีวิตนี้ยังมีความฝันที่พิเศษที่รอเขาไปสานต่อ

“ สร้างโรงเรียนซีว่างแห่งหนึ่งต้องใช้งบ2แสนหยวน หากว่าเงินจากการขายเสื้อผ้าไม่พอ ที่ขาดผมจะรับผิดชอบเอง”

366

2009-8-5 โหย่วเผิงรับหน้าที่เป็นทูตช่วยเหลือผู้ยากไร้ บริจาคและซื้อเพื่อสนับสนุนองค์กรทำความดี

โหย่วเผิงได้ปรากฏตัวในงาน ได้สวมเสื้อทีเชิ้ดซึ่งเป็นที่สะดุดตา ในงานนั้น “กิจกรรมทำความดี”จัดขึ้นจากการร่วมมือเหล่าศิลปิน ทูตพรีเซ็นเตอร์ในงานกิจกรรมโหย่วเผิงได้ทำการ์ดที่ตัวเองเซ็นชื่อไว้นั้น ทุกคนที่ซื้อเสื้อทีเชิ้ดที่เขานำมาจำหน่ายนั้นจะได้รับการ์ดคนละใบ

ข่าวสำนักซินลั้น(sina) ระยะนี้ งานกิจกรรมทำดีที่ทางมูลนิธิจีนได้จัดเปิดพิธีในร้านจิงลา โหย่วเผิงที่ได้ร่วมงานการกุศลอย่างไม่ขาดก็ได้เข้าร่วมซึ่งมาในฐานะทูตของมูลนิธิช่วยเหลือผู้ยากไร้ของจีน รวมทั้งยังบริจาคเสื้อสีขาวที่ตัวเตรียมไว้จากเซี่ยงไฮ้ ขณะเดียวกัน เขายังเชิญชวนบรรดาศิลปินมาร่วมกัน เรียกร้องให้ศิลปินมาช่วยกันบริจาคของของตัวเองให้มากกว่านี้ เพื่อสนับสนุนโครงการช่วยเหลือผู้ยากไร้

++++++++++++++++++++++++++++

โหย่วเผิงได้ปรากฏในงาน ได้สวมเสื้อทีเชิ้ดซึ่งเป็นที่สะดุดตา ตามที่ได้รับทราบมา เสื้อทีเชิ้ดเหล่านี้นั้นเป็นภาพวาดใผ่ปีใหม่ ขณะที่ได้มีการบริจาคนั้น โหย่วเผิงยังเป็นกลุ่มแรกที่ซื้อสินค้าด้วย ในงานนั้น โหย่วเผิงยังได้บริจาคเสื้อขาวที่ตัวเองเตรียมไว้จะไปรายการที่เซี่ยวไฮ้ด้วย ขณะที่รับการสัมภาษณ์นั้น โหย่วเผิงกล่าวว่า เสื้อขาวเหล่านี้นั้นตัวเองไม่เคยใส่เลย หวังว่าผู้ใจบุญจะมอบความรักนี้ให้กับผู้ยากไร้ งานสาธารณะประโยชน์นั้นเป็นงานของเราทุกคน ทุกคนล้วนน่าจะใส่ ใจกับมัน สนับสนุนมัน ช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ประสบปัญหา นี่ก็เป็นหน้าที่ของบุคคลสาธารณะอย่างพวกเรา

ภาพวาดใผ่ปีใหม่นี้ได้ใช่สิ่งของมรดกวัฒนธรรม แต่ว่าปีที่แล้วแผ่นดินไหว 512 ได้รับความเสียหายอย่างมาก คนที่นั่นต่างก็หาหนทางใหม่ของตัวเอง “งานกิจกรรมทำดี”ได้วาดใผ่ปีใหม่ไว้ในเสื้อทีเชิ้ด เพิ่มให้คนมากมายเห็นถึงภาพวาดใผ่ปีใหม่นี้ ขณะเดียวกันก็จะช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประสบภัยเหล่านี้อีกด้วย

กิจกรรมในงานวันนั้น “กิจกรรมทำดี”ได้รวมกับเหล่าศิลปิน โหย่วเผิงทูตพรีเซ็นเตอร์งานได้ทำการ์ดที่ตัวเองเซ็นชื่อ เพื่อจะมาแจกให้กับผู้ที่ซื้อเสื้อทีเชิ้ดคนละหนึ่งใบ

“กิจกรรมทำดี”สาธารณะประโยชน์นี้ได้จัดขึ้นโดยมูลนิธิช่วยเหลือผู้ยากไร้ของจีน เพื่อจะช่วยเปิดตลาดให้กับชุมชนยากไร้ที่พวกเราทำสินค้างานฝีมือ เพื่อจะให้ผู้ยากไร้มากมายที่มีผลผลิตของตัวเองสามารถมีตลาดในการขายแล้วมาช่วยบรรเทาความเดือนร้อนของตัวเองได้ ขณะเดียวกัน จากโครงการนี้ยังสามารถรวบร่วมมือกับศิลปิน รวมทั้งเรียกร้องให้บรรดาศิลปินสามารถที่จะบริจาคของของตัวเองให้มากขึ้น ไปขายในร้านค้าต่างๆ แล้วรายได้ทั้งหมดนั้นจะไปช่วยเหลือสนับสนุนพัฒนางานฝีมือของชุมชนอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นยังสามารถใช้พลังของเหล่าศิลปินกระตุ้นให้ประชาชนมาร่วมด้วยช่วยกันซื้อสินค้าเหล่านี้อีกด้วย

367
2009-07-14 
โหย่วเผิงรับเชิญเป็นทูตพรีเซนเตอร์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทะเล

URL=http://et.21cn.com/star/zhuixing/gangtai/2009/07/14/6576722.shtml]http://et.21cn.com/star/zhuixing/gangtai/2...4/6576722.shtml[/URL]


2009/7/14 โหย่วเผิงทุ่มกับงานการกุศล ได้รับเชิญเป็นทูตแห่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล

โหย่วเผิงรับเชิญเป็นทูตพรีเซนเตอร์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทะเล

“โหย่วเผิงมาจากแดนไกล มันเป็นสิ่งที่เกินความสมควร” ระยะนี้ ได้มีแขกที่มีเกียรติมาจากขั่วโลกใต้สองท่าน มาถึงจู่ไห่ของจีน ทำให้ประชาชนทั่วราชอานาจักรตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พวกเขาทั้งสองก็คือเพนกวินที่น่ารักจากขั่วโลกใต้ เพนกวินสองตัวนี้เป็นเพนกวินที่ใหญ่อันดับสองในขั่วโลกใต้ รูปร่างเป็นรองราชาเพนกวินแค่เล็กน้อย ราชาเพนกวิกตัวขาวแปดสิบถึงหนึ่งร้อย ซม. น้ำหนักประมาณ๑๒-๑๔ กก ปากแหลมคม เป็นเพนกวินที่สวยงามที่สุกในขั่วโลกใต้ มีอุปนิสัยที่โยนอ่อนผ่อนตามมาก

ทั้งสองได้เติบโตที่สวนสัตว์เสือทางขั่วโลกใต้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มาที่นี่ เพื่อป้องกันในการที่จะไม่ชินกับดินฟ้าอากาศ ทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมงานไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ก่อนหนึ่งอาทิตย์ก็ได้จัดเตรียมกุ้งหมึกสดๆที่มาจาก๕๐๐กก ส่งไปทางใต้ เพราะเพนกวินสองตัวนี้ ถ้าไม่ใช่ของสดจะไม่เตะเลย ฉะนั้นจำเป็นต้องรักษาความสดของอาหารของมัน นอกจากนี้ ยังได้เตรียมสถานที่อาศัยให้กับพวกเขาที่เป็นตู้กระจกกว้างถึงสิบตารางเมตร อุณหภูมินั้นตั้งอยู่ที่ลบ๘องศา๒๔ชั่วโมงเลย และตู้กระจกนี้ก็จะเป็นบ้านบ้านอีกหลังของพวกเขาสองตัว




 “โหย่วเผิงมาจากแดนไกล มันเป็นสิ่งที่เกินความสมควร” ครั้งนี้ที่ได้มาจากแดนไกลและทั้งยังรีบเร่งที่จะมาอย่างโหย่วเผิง ดาราดังอย่างโหย่วเผิงนั้นได้รับเชิญเป็นทูตพรีเซ็นเตอร์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ในเมื่อโหย่วเผิงก็ได้ทุ่มกับงานการแสดงภาพยนตร์มาตลอด โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ยุ่งกับการถ่ายหนังใหม่ แต่ว่าตั้งแต่ปี๑๙๙๐ที่โหย่วเผิงได้ถ่ายโฆษณาสาธารณะประโยชน์ครั้งแรกในตอนเสี่ยวหุ่ตุ้ย จนถึงการแสดงเพื่อนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเสฉวน เขาไม่เคยที่จะขาดหายในการที่จะทำการกุศลเลย โดยเฉพาะเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของทะเลนั้นเขาทุ่มเทมาก โหย่วเผิงเกิดที่ไต้หวัน อยู่ใกล้ๆทะเล สำหรับเขาแล้ว ทะเลก็เสมือนบ้านของเขา ฉะนั้นเขาก็มีความผูกพันที่พิเศษกับทะเล ครั้งนี้ที่ได้มีโอกาสเป็นผู้นำในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทะเลและบวกกับเป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชินเพนกวินนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับเขา

 ในช่วงนี้ เพนกวินสองตัวก็ยังอยู่ที่เซินชวน แต่ว่าโหย่วเผิงได้จดบันทึกพวกเขาสองตัวไว้แล้ว ทั้งยังเรียนรู้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเพนกวินอีกด้วย และยังทั้งได้แต่งตัวสวมชุดเข้าไปในตู้กระจกที่ที่ทั้งสองตัวอยู่ที่เต็มไปด้วยหิมะ แล้วได้เข้าใกล้ชิดที่สุดหนึ่งครั้ง

 นอกจากนี้แล้ว โหย่วเผิงเป็นทูตแห่งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทะเล ทั้งยังได้รับเชิญไปร่วม “ธุรกิจรักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”ด้วย เป็นการจัดของคณะเยี่ยนเสียงในกิจกรรม “เพนกวินสัมพันธมิตร นี่สามารถพูดได้ว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่างนักธุรกิจกับทางศิลปินเลย ได้ร่วมกันส่งเสริงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้กระตุ้นให้ทุกคนได้หันมาเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อม


“โหย่วเผิงมาจากแดนไกล เป็นการเกินความสมควร” สหายเพนกวินสองตัว กับสหายศิลปินหนึ่งคน เชื่อว่ามีการเข้าร่วมของทั้งสามสหายแล้ว จะทำให้งานตระการตาแน่นอน นี่สามารถสื่อถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้กิจกรรมนั้นมีสีสันขึ้น มีคุณค่ายิ่งขึ้น

368
https://www.facebook.com/AlecfanclubinThailand/posts/1479485718756583

“เสี่ยวหู่ตุ้ย” ในเทศกาลวันขนมบัวลอย”
ช่อง CCTV 1  เวลาประมาณ 19:40 นาที


http://tieba.baidu.com/f?kz=721816984




เสี่ยวหู่ตุ้ย ซิงกวางอีจิ้วชั่นลั่น แสงดาวยังคงระยิบระยับ

เมื่อคืน 2010  รายการราตรีตรุษจีนที่ฉันชื่นชอบที่สุดได้ถ่ายทอดสดที่ละรายการๆ ตามที่หวัง ว่าเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยจะต้องได้รับรางวัลที่หนึ่ง พวกเขาสามคนที่ได้รับโล่รางวัลแล้ว เห็นถึงความตื่นเต้นตื้นตันใจที่ไม่สามารถจะปกปิดได้ นักข่าวได้ฉวยเวลาอย่างรวดเร็วในการไปสัมภาษณ์ผู้จัดการส่วนตัวโหย่วเผิง แม้การเรียกร้องให้จัดคอนเสิร์ดทัวร์ของแฟนคลับจะยิ่งร้อนแรงขึ้น แต่หลังจากเทศกาลตรุษจีนแล้ว พวกเขาที่สกัดในค่ายที่ต่างกันนั้น ต่างก็ได้ล่ำลากันไปทำงานของตัวเอง

มาจัดตารางเวลาใหม่เพื่องานราตรีตรุษจีน

งานราตรีตรุษจีนปีนี้ของสถานียางซื่อ เพลงแห่งคลาสสิกของเสี่ยวหู่ตุ้ยได้สร้างสีสันเป็นอย่างมาก ทางสามหนุ่มก็ได้พูดแต่เนิ่นๆเลยว่าหากได้รับรางวัลก็จะมีโอกาสขึ้นเวทีอีก วันที่ 27 เป็นการประกาศรางวัล พิธีกรได้ประกาสรางวัลชนะเลิศประเภทร้องเพลงเป็นของ โหย่วเผิง ฉีหลง จื้อเผิงและทั้งสามคนก็ขึ้นบนเวทีรับรางวัล และได้ร้องเพลงเก่าอีกเพลงคือ (ซิงกวางอีจิ้วชั่นลั่น)

ก่อนจะมีการประกาศนั้นมีอยู่สองวงที่ได้ลุ้นรางวัลนี้คือเสี่ยวหู่ตุ้ยกับหวังเฟย เพราะทั้งสองต่างก็แสดงได้ดีมาก ผู้จัดการส่วนตัวของโหย่วเผิงได้กล่าวว่า “เวลาที่ประกาศรางวัลวินาทีนั้นถึงจะรู้ว่าเราได้รับรางวัล มันเหนือความคาดหมายจริงๆ ช่วงมีการพิจารณานั้นพวกเราไม่รู้เลยว่าจะได้รับรางวัล แต่ถ้ารู้ก่อนก็คงจะเตรียมการร้องเพลง (ซิงกวางอีจิ้วชั่นลั่น)ให้ดีกว่านี้”

สำหรับเรื่องที่ว่าทำไมต้องเลือกเพลงนี้มาร้องนั้น อัลบั้มทั้งหมด 12 ชุดของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นมันถึง 3 หมื่น ในเคทีวีนั้น เปอร์เซ็นการเลือกฟังเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นสูงมากๆ ทางแฟนเพลงต่างก็รู้สึกว่ายังไม่สะใจ จึงเรียกร้องให้ทั้งสามคนจัดคอนเสิร์ดทัวร์อย่างไม่หยุดหย่อน
 
ทราบจากนักข่าวว่า ทางค่ายของแต่ละคนล้วนมีงานของพวกเขาตามตาราง สำหรับโหย่วเผิงนั้นมีงานโปรโมทภาพยนตร์ (กูเต่ามี่มี่จั้น) (เส้าเหนียนสี่ซิงไห่) (ซื่อเก้อชิวปี่เท่อ)(สินเจ่าหลิวซันแจ่) รออยู่ ตารางงานนั้นได้จัดแน่นจนถึงท้ายปีเลย
 
“เหตุเพราะตารางเวลาของทั้งสามคนนั้นแน่นไปหมด งานคอนเสิร์ดทัวร์ก็คงเป็นไปไม่ได้ อนาคตหากมีงานแบบราตรีตรุษจีนอย่างนี้ พวกเรายินดีที่จะร่วมงาน” ผู้จัดการโหย่วเผิงกล่าว

การสละเรื่องการเงินไป ผู้จัดการบอกว่าไม่เสียดาย เธอคิดว่า ความคลาสสิกย่อมมีคุณค่าความหมายของมันอยู่ “เสี่ยวหู่ตุ้ยได้รับรางวัลและความภูมิใจมากมาย พวกเราไม่อยากจะทำร้ายน้ำใจความตั้งใจของแฟนๆที่ค่อยสนับสนุนพวกเรามาตลอด แต่หากจะจัดงานคอนเสิร์ดทัวร์นั้น แน่นอนก็คงจะมีคนพูดว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยมาหาเงินอีกแล้ว การเป็นสมาชิกของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น ไม่อยากจะทำลายภาพลักษณ์ความคลาสสิกของเสี่ยวหู่ตุ้ย”


โหย่วเผิงถนอมความสัมพันธ์ของเพื่อน

เมื่อเผชิญกับการลาจาก ทั้งสามก็ต้องเสียใจบ้าง วันที่ 27 เว็ปของจื้อเผิงได้เขียนว่า “ผมได้ร้องไห้ ร้องไห้ในใจ” ขณะเดียวกัน ในเว็ปของโหย่วเผิง ก็ได้ตอบคำถามมากมายให้กับเหล่าแฟนๆถึงเรื่องราวปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น “บางครั้งมรสุมชีวิตมันหนักหน่วงมากๆ มันท่วมเสียงของเรา เพื่อนรักที่ได้โตมาด้วยกันทั้งหลาย แม้ว่าพวกเรานั้นไม่สามารถจะย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อนได้ แต่ก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะพวกเรายังมีอนาคตที่ดีกว่า ผีเสื้อก็จะบินต่อไปเรื่อยๆ”

 
“20 ปีก่อน ตอนที่ร่วมงานกับเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นตอนนั้นโหย่วเผิงยังเป็นเด็กอยู่ ประมาณ 16  ฉันรู้สึกว่าเขาในวันนี้นั้นเป็นผู้ใหญ่มากๆ มีเสน่ห์ มีความรับผิดชอบ” ผู้จัดการส่วนตัวเขาพูด วัยหนุ่นไม่สามารถจะหวนคืน การรวมตัวอีกครั้งเป็นได้แค่ความฝัน ขออวยพรให้เสือน้อยสามคนโชคดีตลอดไป

369
Magazine Interviews-China / 2008 Alec in Fengshang Trend Magazine
« เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 03:49:32 AM »
Alec in Fengshang Trend Magazine (15 March 2008)


ยี่ห้อและเหตุผลที่ชอบกระเป๋าเดินทาง

เมื่อพูดถึงความชอบกระเป๋าเดินทางของซูโหย่วเผิงแล้ว กล่าวได้ว่าเค้าชอบกระเป๋าเดินทางยี่ห้อ “Rimowa” อย่างมาก เนื่องจากมันไม่ได้ผลิตจากโลหะหนัก แข็งแรง ยืดหยุ่น และน้ำหนักเบา ใส่ของที่มีน้ำหนักมากก็ไม่ทำให้เสียรูปทรงพร้อมทั้งปกป้องของที่อยู่ภายในได้เป็นอย่างดี เหตุผลสุดท้ายก็คือ อายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน ซูโหย่วเผิงมีกระเป๋าเดินทางยี่ห้อนี้ถึง 4 ใบด้วยกันแต่เป็นคนละสี กระเป๋าเดินทางในรูปหน้าปกนั้น ของเดิมมันเป็นสีทอง แต่หลังจากที่ใช้มาเป็นเวลานาน สีก็เลยซีดลงเล็กน้อย แต่ว่ามันก็ยังดูดีอยู่เลย

ซูโหย่วเผิงใช้ LV Rimowa ใบนึงสำหรับการเดินทางทั่วๆไป เค้ากล่าวว่าใบนี้เค้ามีมานานหลายปีแล้ว เหตุผลที่เค้าชอบมันเนื่องจากมันดูสวย ไว้ใจได้ในเรื่องคุณภาพ และอายุการใช้งานยาวนาน แต่ข้อเสียของมันมีอย่างเดียวคือ ซิบรูดปิดยาก และเวลาใช้ไปนานๆมันจะมีรอยถลอกข้างในอีกด้วย แต่โหย่วเผิงก็ไม่ได้เอาไปซ่อม มีอยู่ครั้งหนึ่ง หูหิ้วกระเป๋าขาดเนื่องจากบรรจุของหลายอย่างและก็หิ้วนานเกินไป ดังนั้นมันจึงทำให้ไม่สะดวกเวลาต้องเดินทางไปหลายๆที่

นอกจากนี้ซูโหย่วเผิงยังชอบกระเป๋าหนัง แม้ว่ามันจะใช้มานานแล้วแต่ก็ยังดูดี เค้าไม่ชอบกระเป๋าเดินทางเพราะว่ามันทำมาจากผ้าซึ่งจะทำให้สกปรกง่ายมาก

ถาม- คุณมีวิธีในการเลือกใช้กระเป๋าเดินทางอย่างไร คุณเป็นนักเดินทางที่จัดกระเป๋าเก่งมากเลยใช่ไหม๊

ตอบ- ใบที่แพงแล้วก็จำเป็นคือใบที่มี LV ซึ่งภายในจะบรรจุของไว้อย่างเช่น สบู่ แชมพู และก็เสื้อผ้าทั่วไป ผมเป็นคนแพ็คกระเป๋าเก่งนะ มันมาจากประสบการณ์ในการเดินทางไปหลายที่เพราะผมเดินทางตั้งแต่อายุยังน้อย ส่วนใหญ่กระเป๋าพวกนี้ข้างในจะมองเห็นได้ แบบเป็นตาข่าย ผมจะชอบใช้มันใส่พวกของจิปาถะเช่น เข็มกลัด เข็มขัด ผมจะแบ่งเนื้อที่ในกระเป๋าเวลาใส่ของไว้ 4 ส่วน- ส่วนนึงสำหรับใส่พวกของต่ำๆ เช่นพวกถุงเท้า ส่วนนึงสำหรับใส่ของจิปาถะ อีกส่วนสำหรับเสื้อผ้าและกางเกง ส่วนสุดท้ายสำหรับของชิ้นใหญ่หน่อยเช่น หมวกและรองเท้า ส่วนโน๊ตบุ๊คและพวกเครื่องเล่นเสียงผมจะไว้รวมกับเสื้อผ้าโดยจะรัดให้แน่นอีกชั้นหนึ่ง

370
Magazine Interviews-China / 2008 issue of LOHAS China mag
« เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 03:46:26 AM »
2008 issue of LOHAS China mag

I Just want to be a starter for Charity


ซูโหย่วเผิง: ผมหวังที่จะรวมพลังของทุกๆคนไปในแม่น้ำ

สิ่งหนึ่งสามารถเข้าใจซึ่งบนเวที ซูโหย่วเผิง แสดงออกมาถึงนิสัยผู้ใหญ่เมื่อเขาได้ยกมือของเขา หน้ากล้อง เขาแสดงสไตล์ดารากับความมั่นใจ เบื้องหลังฉาก นอกจากนั้นเขาเข้าใจที่จะว่าจะทำอย่างไรที่จะตอบสนองความต้องการของคนอื่นและเป็นการโปรโมตหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ที่เขารักและงานการกุศลเพื่อที่จะขยายให้กว้างใหญ่ขึ้น

“ได้โปรดอย่าอธิบายผมให้มันมากมาย” ในรายการใหญ่ ส่วนของผมเป็นส่วนเล็กๆเท่านั้น ถ้าทีมงานทุกๆคน และผู้คนทำในสักครู่ พลังของทุกๆคนจะรวมกับไปในแม่น้ำสายใหญ่”







371
Magazine Interviews-China / 2008 Beijing Youth Weekly
« เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 03:43:57 AM »
[Magazine] Beijing Youth Weekly 2008.01.24

บทความจาก Beijing Youth Weekly 2008.01.24 4th Edition, Total 604th Edition


Alec Su: การระลึกถึงการเติบโตไปขึ้น

ไม่ว่าหน้าตาของซูโหย่วเผิงยังหนุ่มแน่นขนาดไหน จากการที่พวกเราได้รู้จักกับการเข้าสู่วงการของเขาเป็นเวลากว่า 20 ปี และได้อ่านชีวประวัติของเขานั้น ได้รู้ถึงเขาในวันนี้แน่นอนได้ไม่เป็น “ไกวๆหู่” ในสมัยวัยแตกหนุ่ม แม้ว่า รอยยิ้มของเขานั้นจะสดใส แต่เบื้องหลังนั้นแน่นอนมีเรื่องราวอีกมากมาย ฉะนั้น ขณะที่พวกเราได้เห็นรูปของเขาได้ปรากฏในนิตยสารต่าง ๆ ที่เห็นถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งเต็มไปด้วยเสน่ห์ของความเป็นชายนั้น ไม่มีความรู้สึกที่ไม่กลมกลืนเลย เพราะว่านี่เป็นใบหน้าแท้จริงตอนนี้ของซูโย่วเผิงที่ได้ให้กับพวกเรา ในระดับหนึ่ง ๆ นั้น ซูโหย่วเผิงนั้นประสบความสำเร็จทั้งยังเป็นคนที่มีความผาสุก เพราะว่า “คุณภาพขวัญใจ” ที่ยอดเยี่ยมของเขานั้นได้มีอิทธิพลต่อคนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ได้เป็นคนวัยเดียวกับ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ได้กลายเป็นภาพในสมัยนักเรียนที่พวกเรากระหายหา ขณะที่ได้เห็นเขาอยู่ต่อหน้าอย่างมีชีวิตชีวา พวกเรานั้นได้อยู่อีกขั้นหนึ่งของสังคมแล้ว ความรู้สึกที่โตมาด้วยกันนั้นก็เสมือนกระจกสองด้าน กระตุ้นซึ่งกันและกันเพื่อเป็นพลังเคลื่อนไหวกัน เขาพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อความคาดหวังของคนที่รักเขา พวกเราได้ต่อสู้เพื่อแบบอย่างขวัญใจอย่างเขา การพูดคุยหน้าต่อหน้านี้นั้น ก็ยิ่งเหมือนกับเป็นการระลึกถึงการเติบโต

คนเรานั้นย่อมมีหลักการ แต่มีบางคนนั้นกลับยอมก้มหัวต่อหลักการ แต่หลักการของผมนั้นก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน ศักดิ์ศรีที่ว่านี้นั้นไม่สามารถมองข้าม ผมยืนหยัดสิ่งที่ผมอยากได้ หากว่ามีเพียงทางเดียวที่จะได้สิ้งนั้นมาคือต้องทิ้งหลักการของตัวเองไปหรือผิดหลักการตัวเอง ผมยอมที่จะไม่เอาสิ่งนั้นเลย แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าการพูดคุยของผมกับทุกคนนั้นจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ ยึดมั่นในความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ผมก็มีการรับฟังความคิดเห็นของทุกคนอย่างจริงจัง และจะหาจุดสรุปที่ดีที่สุด


372
Thanks, http://tieba.baidu.com/f?kz=726076717


8 มีนาคม 2010 รายงานจากตู่เจียน

โหย่วเผิงที่เป็นแขกรับเชิญในรายการ (กวางอิ่งซิงฟางเค่อ)

“ผมไม่ชอบที่จะยืนโดดเด่นตระง่าอย่างนั้น และยิ่งกว่านั้นก็คือไม่ชอบกลายเป็นเป้าหมายของนักข่าว”  โหย่วเผิงที่มีชีวิตที่เงียบๆในวงการตลอดเวลานั้น และด้วยข้อความในเว็ปของ(โจงเจี๋ย) ทำให้เขาตกเป็นประเด็นร้อนไปเลย แน่นอน คนดังก็ย่อมมีข่าวเยอะ หลังจากงานราตรีตรุษจีนผ่านไปแล้วสายตาทุกคนก็คงจะต้องมองไปเสี่ยวหู่ตุ้ยว่าเรื่องคอนเสิร์ดทัวร์นั้นจะเอาไง และโหย่วเผิงที่เป็นแขกรับเชิญในรายการ (กวางอิ่งซิงฟางเค่อ)นั้นได้บอกว่า หากว่าเป็นงานแบบการกุศลแล้ว พวกเราทั้งสามคนก็จะไม่เกี่ยงที่จะมาร่วมมืออย่างเต็มที่

โหย่วเผิงได้เขียนในเว็ปว่า ตัวเองไม่อยากเป็นประเด็นให้นักข่าวเขียนข่าวตัวเอง
 
5  มีนาคม  คอลัมน์หนึ่งในเว็ปของโจวเจี๋ยนั้นได้เขียนเรื่องของ(โหย่วเผิง) (จื้อเผิง) (ซินหยู) จนกลายเป็นประเด็นร้อนไปเลย ได้พูดถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในการถ่ายทำองค์หญิงกำมะลอใน 12 ปีก่อน (จื้อเผิง) ที่ไม่สามารถจะทนข่าวได้นั้นได้พูดว่า “พวกเราไปเจอกันที่ศาลกัน”  และทางผู้จัดการส่วนตัวของ(ซินหยู) ก็ได้บอกว่าเรื่องราวที่เขียนขึ้นของโจวเจี๋ยนั้นไร้สาระไม่เป็นความจริง 6 มีนาคม  โหย่วเผิงได้เขียนตอบในเว็ปของตัวเอง บอกว่าคอลัมน์ของโจวเจี๋ยที่เขียนขึ้นเพื่อจะทำลายพวกเขา เป็นเรื่องที่ปั้นขึ้นมาเอง



คนดังมักจะตกเป็นข่าว หลังจากราตรีตรุษจีนแล้ว(โหย่วเผิง)ที่ร้อนแรงอีกครั้งก็ได้ตกเป็นเป้าของนักข่าว แม้จะรู้สึกเบื่อหน่ายมากๆ ขณะที่ให้การสัมภาษณ์ได้บอกว่า “เข้าสู่วงการมานานผมเองเป็นคนที่ชอบเงียบๆ ไม่ชอบที่จะเป็นข่าว ยิ่งกว่านั้นไม่ชอบตกเป็นเป้าของนักข่าวบันเทิง” โหย่วเผิงที่เพียงแค่อยากจะตั้งใจทำงานอย่างจริงจังได้บอกว่าเป้าหมายสูงสุดของตัวเองคืออยากเป็นนักแสดง แม้ยังจะต้องใช้เวลาช่วงหนึ่ง แต่เขาก็เชื่อว่าพึ่งในความสามารถของตนเองนั้นก็ไม่ยากเกินไปที่จะทำได้

เสี่ยวหู่ตุ้ยจะรวมตัวอีกครั้งต่อเมื่อมีงานการกุศล โหย่วเผิงบอกว่าเฉยๆกับเรื่องการแต่งงาน

ต้นไม้ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งรับลมแรง ข่าวเท็จจริงมากมายของโหย่วเผิงนั้นได้กระหึ่มขึ้นอย่างงานราตรีตรุษจีนของเสี่ยวหู่ตุ้ย แม้ว่าคอนเสิร์ดทัวร์จะเป็นไปไม่ได้ แต่ทางโหย่วเผิงก็กล่าวว่าทั้งสามคนยังจะมีโอกาสมารวมตัวกันได้ “หากว่ามีงานกิจกรรมการกุศลหรือสาธารณะประโยชน์แล้ว ผมคิดว่าพวกเราทั้งสามคนก็จะมาร่วมงานด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง”  โหย่วเผิงเปิดเผย ยุคสมัยของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นขาวสะอาดมากๆ แต่ตอนนี้วงการบันเทิงมีความคิดที่จะทำลายภาพลักษณ์ เขาไม่อยากจะให้ภาพลักษณ์มันหมองไป

เข้าสู่วงการกว่า 20 ปีมานี้ ข่าวฉาวของโหย่วเผิงนั้นน้อยมาก ตารางงานของเขานั้นแน่นเอียดตั้งแต่ต้นปีจนถึงท้ายปีแทบจะไม่มีเวลาให้กับเรื่องของความรัก  เมื่อเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงาน โหย่วเผิงยิ้มแล้วตอบว่า “จริงๆแล้ววัยที่ต่างกันก็จะมีความคิดที่ต่างกัน จำได้ว่าตอนที่ผมอายุ 20 นั้นแทบจะไม่สนใจเรื่องนี้เลย ความคิดของวันนี้นั้นก็คืออยากจะเจอผู้หญิงที่คุยกันได้คนหนึ่ง เรื่องคู่ครองนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ”




โหย่วเผิงมาเป็นแขกรับเชิญรายการ “ซิงฟางเค่อ” หนุ่มอายุ 40 ไม่ทำตัวเป็นคนน่ารักแล้ว

โหย่วเผิงที่มาเป็นแขกรับเชิญในรายการนั้นเข้มขรึมมาก ก่อนจะเริ่มรายการเขานั้นวุ่นกับการท่องบทให้คล่อง เขามาในชุดสูทเทา เขาที่มีความคิดเพอร์เฟค นั้นจะละเอียดอ่อนกับการแต่งตัวเป็นอย่างมาก มักจะถามผู้จัดการว่าทำอย่างไรตัวเองจะดูดีขึ้นกว่านี้(แค่นี้แฟนคลับการละลายแล้วจ๊ะเผิง)  หลังจากที่ถามแล้วเขาก็ได้พับแขนเสื้อขึ้น จนทางผู้กำกับเองก็เอ่ยปากชมว่าดูดีขึ้น เขาที่อารมณ์ขำก็ได้ตอบว่า “ใช่ครับ อย่างนี้จะดูหนุ่มกว่าเยอะ” อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทีมงานได้ช่วยเขาพับแขนเสื้อแล้ว ทางผู้กำกับก็มองเขาเหมือนกับเป็นกรรมกรกำลังจะไปไร่ไถนา และโหย่วเผิงก็ได้โต้ตอบกลับว่า “จริงๆผมเองมาก็เพื่อมาทำงานนี่นา”  คำตอบทำให้ทุกคนขำกลิ้งเลย

วันนี้อายุ 37 อย่างโหย่วเผิงนั้นไม่เห็นภาพที่เขาเคยเต้นๆร้องๆในสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ย(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)แล้ว แต่ว่าความหล่อนั้นไม่ได้หายไปกลับกาลเวลาเลย เขาได้ทุ่มเทกับฝีมือการแสดงของเขามาตลอด ความนิยมต่อเขาก็ยิ่งมีมากขึ้นด้วย แม้ตัวเขาเองก็ยังพูดติดตลกว่า “อายุปูนนี้แล้วยังไปทำเป็นน่ารักน่าชังแล้ว มันคงไม่ปลอดภัยแน่นอนเลย” (ดูคลิปประกอบนะค่ะ โหย่วเผิงพูดหน้าหยิกมากเลย)

ดูคลิปประกอบ http://blog.sina.com.cn/s/blog_4ac8003a0100hj1e.html?tj=1

373
10 มีนาคม 2010  เพื่องานการกุศล โหย่วเผิงจะไปแอฟริกาจริงๆ

“ร่วม เดินสู่แอฟริกา—อนุรักษ์ธรรมชาติแห่งองค์กรหมิงแย่”  29  มีนาคม เลขาธิการสหประชาชาติได้จัดให้มีการจัดสัมนาแผนการอนุรักษ์ธรรมชาติขึ้น ซึ่งจะมีการร่วมมือกันกับทางค่ายหัวอี้ซึ่งจะให้ศิลปินดาราของค่ายได้มีส่วน ร่วมในแผนงานโครงการนี้ และทางโหย่วเผิงเองก็ได้มาร่วมงานแถลงการณ์ครั้งนี้ด้วย

การจะเข้า สู่แอฟริกาเพื่อกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาตินั้นได้ตั้งเป็นองค์กร “หมิงแย่สิงต้ง” งานกิจกรรมครั้งนี้นั้นจะมุ่งเน้นปัญหาการปกป้องรักษาธรรมชาติโลก
งาน กิจกรรมครั้งนี้นั้นได้ร่วมกันจัดขึ้นโดยองค์กรสหประชาชาติและองค์กรซิงหัว เซ่อแห่งแอฟริกา และทางองค์กรณ์ของจีนหลายๆองค์กรณ์ก็ได้เข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วย

โหย่ วเผิงผู้ที่เข้าร่วมโครงการได้เปิดเผยว่า งานโครงการครั้งนี้นั้นได้ร่วมกันโดย “ประชาชน นักธุรกิจ สื่อ และองค์กรณ์ประเทศ” เป้าหมายคือจะพัฒนาการรักษาธรรมชาติโดยผ่านโครงการนี้ ได้พูดถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ

การที่ทาง องค์การสหประชาชาติที่ได้จัดโครงการอย่างนี้ขึ้นมานั้น ทางค่ายหัวอี้กับศิลปินก็ได้มีส่วนในการที่จะช่วยและร่วมมือกับโครงการนี้ ด้วย

ปี 2009  ได้มีการจัดกิจกรรมโดยให้ทั่วโลกปิดไฟหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นที่สนใจของคนทั่วโลกเป็นอย่างมาก มนุษย์ทั่วโลกนั้นไม่เคยมีการร่วมทำกิจกรรมอย่างนี้มากอ่น และไม่เคยมีการสนใจเรื่องรวมภาวะโลกร้อนที่มากขนาดนี้เลย

และเรื่อง ราวปัญหาภาวะโลกร้อนนั้นได้กลายเป็นที่สนใจของผู้คนทั้งโลก ทางเลขาธิการสหประชาชาติเองก็ได้เปิดเผยว่า การรักษาโลกสีเขียวของประเทศจีนนั้นกำลังมุ่งหน้าได้ดี หวังว่าวันนี้จีนจะมีการพัฒนาในเรื่องนี้ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

374
http://ent.qq.com/a/20100110/000401_4.htm
http://tieba.baidu.com/f?kz=694266040

โหย่วเผิงรับรางวัลนำแสดงเฟยเตี๋ย(ดาวรุ่ง)ชาย

ข่าวจากสถานีเทิงซิ่น(QQ) 10 มกราคม 2010 เหม่ยเทา .

พิธีประกาศรางวัลของเทิงซิ่น (QQ)ในปี 2009 นี้ได้จัดขึ้นที่โรงยิมบาสเกตบอลแห่งเมืองปักกิ่ง  เหลียงเจียฮุย ยินหนี หลี่ปิงปิง เฉินลิ่นซิ่น เติ้นชุ่ยเหวิน ฝั่นปิงปิง เฉิงเค่อซิ่นและ ศิลปินดาราอีกนับร้อยได้มาร่วมงานด้วย ดำเนินรายการโดยเหอกุ้ย หย่าซัน รูปนี้เป็นการรับรางวัลนักแสดงดาวรุ่งที่รับโดยโหย่วเผิง และได้กล่าวคำขอบคุณในงาน




พิธีกร เหอกุ้ย : ต่อจากนี้ของเชิญท่านผู้จัดการโซ่วหม่า และศิลปินซินเลี่ยง หยี่หนอมอบรางวัลนักแสดงดาวรุ่ง

โซ่วหม่า : เมื่อกี้เห็นตัวหนังสือสองตัวว่า “เฟยเต๋ย” (ดาวรุ่ง) ผมอยากจะตัดคำว่าเตี๋ยออกไป ใช้คำว่านักแสดงเฟยโดยตรงเลย อย่างนี้น่าจะเหมาะหน่อย (เฟยแปลว่าบิน) แล้วทั้งสองท่านเข้าใจคำว่าเฟยเตี๋ยอย่างไร

ซินเลี่ยง : หากว่าเป็นนักแสดงแล้วจะเป็นจะต้องลองเล่นบทที่ไม่เหมือนกัน อายุที่สูงกว่า 20 ถึง 60 นั้น หน้าตาข้างนอกไม่ว่าจะมีหน้าตาที่คมคายเหมือนผู้หญิงทั้งยังดูเนียนใสผุผ่องก็น่าจะล
องดู รวมทั้งยังต้องเล่นในหลายๆบทที่ต่างกัน แน่นอนสำหรับผมที่เป็นน้องใหม่นั้น ก็หวังอย่างยิ่งที่จะร่วมงานกับผู้กำกับที่ดีๆ


หยีหนอ : ฉันชื่นชอบนักแสดงหญิงคนหนึ่งอย่างมากอาจารย์ซายื่อหนอเคยพูดกับฉันว่า การจะเป็นนักแสดงที่ดีนั้นจิตใจต้องเต็มด้วยรัก อย่างนี้ถึงจะเลือกบทที่ถูกต้องได้ ถึงจะสามารถเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับบทได้ ฉันอยากจะแบ่งปันประโยคนี้ให้กับทุกคน

โซ่วหม่า : พิธีมอบรางวัลเฟยเตี๋ยปี 2009 ผู้ที่จะได้รับรางวัลนั้นของดูรายชื่อต่อไปนี้

ผู้ได้รับรางวัลเกียรติยศคือ ยินหนี่ (ซันเชียงผ้าอั้นจิงฉี่)

ซูโหย่วเผิง (เฟิงเซิง)

โหย่วเผิง : นี่เป็นครั้งที่สองที่เราสองคนได้รับร่วมกัน

ยินหนี่ : ใช่แล้ว ขอบคุณเพื่อนๆเทิงซิ่นที่สนับสนุนเรามาตลอด ขอบคุณแฟนคลับของฉันเองด้วย พวกท่านได้เคียงบ่าเคียงไหล่ฉันตลอดมา ร่วมเติบโตมาด้วยกัน ขอบคุณผู้กำกับจางอี้โหมว ของคุณทีมงาน(ซันเชียงผ้าอั้นจิงฉี่)ที่สนับสนุนฉันจนมีวันนี้ ฉันจะพยายามต่อไป ขอบคุณ

โหย่วเผิง : ผมต้องขอขอบคุณทางบริษัทผมคุณหัวอี้ที่ให้โอกาสกับผม ผมขอขอบคุณทีมงานหน้าจอหลังจอของ(เฟิงเซิง) และของขอบคุณสถานีเทิงซิ่น ปีหน้าผมจะพยายามกับบทที่มีที่ใหม่ๆ ขอบคุณทุกคน

375
Alec's Albums / 2002 Playing for Real -หว่านเจินเตอ
« เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 01:49:48 AM »


Playing for Real 玩真的 (Wan Zhen De)
aka Earnest


(Hong Kong Version)
Year: 2002
Company: NMG天中娛樂
Release Date: 13 July 2002

01. 玩真的 Wan Zhen De (Playing for Real) (duet: 蘇有朋/潘瑋柏)
02. 同桌的你 Tong Zhuo De Ni (Desk-mate / You at the Same Desk)
03. 愛情告訴我 Ai Qing Gao Su Wo (Love, Tell Me)
04. 你知道我在等你嗎 Ni Zhi Dao Wo Zai Deng Ni Ma (Do You Know I'm Waiting for You)
05. 愛 Ai (Love)
06. 快樂主義 Kuai Le Zhu Yi (Happy Idea/Principle of Happiness)
07. 不想開口 Bu Xiang Kai Kou (Reluctant to Speak)
08. 第三十天 Di San Shi Tian (30th Day)
09. 愛人的心是不是在乎我 Ai Ren De Xin Shi Bu Shi Zai Hu Wo (Does My Lover Care for Me?)
10. 出去走走 Chu Qu Zou Zou (Go Out for a Walk)


Bonus VCD
01. 同桌的你 Music Video
02. 愛情告訴我 Music Video


-------------------------------------------------------------------------

(Taiwan Version)
Year: 2002
Company: NMG天中娛樂
Release Date: 18 June 2002

01. 玩真的 Wan Zhen De (Playing for Real) (duet: 蘇有朋/潘瑋柏)
02. 出去走走 Chu Qu Zou Zou (Go Out for a Walk)
03. 愛情告訴我 Ai Qing Gao Su Wo (Love, Tell Me)
04. 你知道我在等你嗎 Ni Zhi Dao Wo Zai Deng Ni Ma (Do You Know I'm Waiting for You)
05. 愛 Ai (Love)
06. 快樂主義 Kuai Le Zhu Yi (Happy Idea/Principle of Happiness)
07. 不想開口 Bu Xiang Kai Kou (Reluctant to Speak)
08. 第三十天 Di San Shi Tian (30th Day)
09. 愛人的心是不是在乎我 Ai Ren De Xin Shi Bu Shi Zai Hu Wo (Does My Lover Care for Me?)
10. 同桌的你 Tong Zhuo De Ni (Desk-mate / You at the Same Desk)

376
Alec's Albums / 2002 Best Love-จุ่ยอ้าย 1992-2002
« เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 01:37:51 AM »


01-aegean sea sub
02-love is bitter (Ai Hao Ku)รักที่ขมขื่น
03-crazy for you บ้าถึงคุณ
04-feeling of love ความรู้สึกของความรัก
05-leave การจากลา
06-ni cuen pei hao le ma
07-ni wo ce cian
08-prisoner of love (Ai Qing Zhan Zheng Xia De Fu Lu) ทาสของความรัก
09-when the snow is falling (Xue Lai De Shi Hou) เมื่อหิมะกำลังตก
10-taipei good night ฝันดีที่ไทเป


-----------------------------------------------------------------------

Best Love 1992-2002 最愛 1992-2002
(新歌加精選)
Year:2002
Release Date: December 2002



Disc 1

01. 雪來的時候 Xue Lai De Shi Hou (When the Snow Comes)
(Yi Tian Tong Long Ji opening theme)
02. 你快不快樂 Ni Kuai Bu Kuai Le (Are You Happy or Not?)
03. 逃兵 Tao Bing (Escapist)
04. 玩真的 Wan Zhen De (Playing for Real) (duet: 蘇有朋/潘瑋柏)
05. 幸福一萬年 Xing Fu Yi Wang Nian (Happiness for 1,000 Years)
06. 我的好心情 Wo De Hao Xin Qing (My Good Mood)
(康師傅綠茶2001年廣告曲) (Green Tea 2001 Commercial)
07. 你是我的NO.1 Ni Shi Wo De No. 1 (You Are My No. 1)
08. 走 Zou (Go)
09. 大小姐 Da Xiao Jie (My Lady)
10. 愛情告訴我 Ai Qing Gao Su Wo (Love, Tell Me)
(拍案驚奇片尾曲) (Pai An Jing Qi ending theme)
11. 深愛著你 Shen Ai Zhe Ni (Deeply in Love with You)
12. 傷口 Shang Kou (Wound)


Disc 2

01. 愛情戰爭下的俘虜 Ai Qing Zhan Zheng Xia De Fu Lu (Prisoner of Love)
02. 來生緣 Lai Sheng Yuan (Past Life Fate)
(2002激情搖滾版)
03. 102%愛情 102% Ai Qing (102% Love)
04. 在乎 Zai Hu (Care About)
(相約青春片頭主尾曲) (Xiang Yue Qing Chun theme song)
05. 一路順風 Yi Lu Shun Feng (Bon Voyage / Peaceful Journey) (duet: -蘇有朋/舒高)
06. 出去走走 Chu Qu Zou Zou (Go Out for a Walk)
07. 愛 Ai (Love)
08. 把美眉 Ba Mei Mei (Chasing Girls)
09. 背包 Bei Bao (Backpack)
10. 同桌的你 Tong Zhuo De Ni (Desk-mate / You at the Same Desk)
11. 我一直都在 Wo Yi Zhi Dou Zai (I Am Always Here)
12. 我只要你愛我 Wo Zhi Yao De Ai Wo (I Just Want You to Love Me)
(2002上海演唱會Live版) 2002 Shanghai concert Live

377
Alec's Albums / 2004 Before and After-หยี่เฉียนหยี่โฮ่ว
« เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 01:01:02 AM »


อัลบั้มที่ 16 : 2004 《以前以后》 หยี่เฉียนหยี่โฮ่ว
Before and After


Before and After 以前以後 (Yi Qian Yi Hou)

Year: 2004
Company: Skyhigh 擎天娛樂
Release Date: 02 June 2004

Note: The limited edition comes with a hard cover photo album

01. Intro-以前 Before (Yi Qian)
02. 臨時演員 Lin Shi Yan Yuan (Part-time Actor)
03. 起跑點 Qi Pao Dian (Starting Point)
04. 戀愛視窗 Lian Ai Shi Chuang (Window of Love)
05. 回憶郵差 Hui Yi You Chai (Bad Memories)
06. 夢見北極光 Meng Jian Bei Ji Guang (Dreams of Northern Light)
07. 柏拉圖的永恆 Bo La Tu De Yong Heng (Plato's Eternity)
08. 零分Lucky Day (Ling Fen Lucky Day)
09. 左心房的痛 Zuo Xin Fang De Tong (Left Heart Chamber Pain)
10. 你是我的一滴淚 Ni Shi Wo De Yi Di Lei (You Are My One Teardrop)
11. Outro-以後 After (Yi Hou)
12. 我 Wo (Me)

378
Alec's Albums / 2007 No Big Deal-ต้าปู่เหลียว
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2010, 08:00:12 AM »
2007  No Big Deal (Smiling)

<a href="http://www.tudou.com/v/oP6Hk7zBoqc/" target="_blank" class="new_win">http://www.tudou.com/v/oP6Hk7zBoqc/</a>

(1) Da Bu Liao


ไม่มีอะไรที่มันยากเกินไป

ตื่นขึ้นมาทุกอย่างไม่เหมือนเดิม
ได้ปลดปล่อยร่ายกายและวิญญาณ
ทุกๆวันมีจิตใจใหม่อันสดใส
จะไม่นอนไม่หลับเพื่อเธออีกแล้ว
เอาความคิดถึงเก็บขึ้นไปแล้วก็ปลดปล่อยมันออกไป
จะได้ใช้เวลามาเริ่มต้นใหม่เพื่ออนาคตอันสดใส
ในอดีตเหมือนเงาที่ผ่านไป
ไม่สามารถลืมเธอให้หมดสิ้น
โอ้ที่รัก...มันเหมือนกับได้สัมผัสกับริมฝีปากของเธอ
ความทุกข์ที่ผ่านมาไม่มียาจะรักษาได้
So babe เราต้องเปลี่ยนทิศทางใหม่
ฉันสามารถที่จะเห็นรอยยิ้มเธอ

ไม่มีอะไรที่มันยากเกินไป
สถานการณ์ของเธอฉันรู้หมดแล้ว
แต่เป็นเพราะว่าอารมณ์ชั่วขณะนั้น
อันนี้เรื่องนี้ก็ไม่ได้ร้ายแรงมาก
ดื่มน้ำซักคำสามารถที่จะลิ้มรสความหวานชื่น
ลองหายใจเข้าไปลึกๆมันก็จะดีขึ้นเอง

ไม่มีอะไรที่มันยากเกินไป
ยังงัยฟ้าก็ไม่ถล่มทลายลงมา
มองไปเห็นคนมากมายก็ไม่ได้ดีกว่าเธอ
อันนี้เรื่องนี้ก็ไม่ได้ร้ายแรงมาก
ขอให้คิดถึงตัวเองเป็นสำคัญ
อย่าลืมว่าฉันเป็นที่พึ่งของเธอ

ไม่มีอะไรที่มันยากเกินไป
จะมีอะไรที่แย่ไปกว่านี้
คนโง่ถึงจะไปถือในสิ่งที่โง่เขลา
ไม่มีอะไรที่แย่กว่านี้

ให้ปลดปล่อยมันซะ เลิกไปกังวล
จะไปหาทุกข์มาใส่ตัวทำไม

ไม่มีอะไร ที่แย่ไปกว่านี้
หรือจะมีอะไรที่แย่กว่านี้
ฉันจะให้รอยยิ้มเธอเสมอ
อันนี้เรื่องนี้ก็ไม่ได้ร้ายแรงมาก
ถ้าเวลานี้เธอสามารถลืมความทุกข์ได้ทุกอย่าง
ความสุขก็จะตามมา



379
Public Benefits / ALEC's Public Benefit กิจกรรมสาธารณะประโยชน์
« เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 12:35:37 PM »
ปี 1990 


กุมภาพันธ์ :(ไต้หวัน;Taiwan) เสี่ยวหู่ตุ้ยถ่ายโฆษณาเพื่อสาธารณะประโยชน์ชิ้นที่ 1 :กรมอนามัยโฆษณาอาหารอนามัย

กรกฏาคม :(ไต้หวัน;Taiwan) เสี่ยวหู่ตุ้ยถ่ายโฆษณาเพื่อสาธารณะประโยชน์ชิ้นที่ 2 :จับมือเดินผ่านเส้นทางที่ลำบาก




ปี 1991  

มกราคม :(ไต้หวัน;Taiwan) เสี่ยวหู่ตุ้ยถ่ายโฆษณาเพื่อสาธารณะประโยชน์ชิ้นที่ 3 :โฆษณาต่อต้านสารเสพติดมอร์ฟีน

มีนาคม :(ไต้หวัน;Taiwan) เสี่ยวหู่ตุ้ยถ่ายโฆษณาเพื่อสาธารณะประโยชน์ชิ้นที่ 4 :โฆษณาต่อต้านมลภาวะ

กันยายน :(จีนแผ่นดินใหญ่;China) ครั้งแรกที่เสี่ยวหู่ตุ้ยไปร่วมงาน "ค่ำคืนแห่งการบรรเทาทุกข์ประชาชนผู้ประสบภัย"ที่จีน ในงานไม่เสียค่าใช้จ่าย และได้รับการต้อนรับที่ฮือฮาและครึกโครมมาก




ปี 1992 

พฤศจิกายน :(ไต้หวัน;Taiwan) โฆษณาเพื่อสาธารณะประโยชน์ "ให้รักกลับคืนมา -บทเพลงความกล้าหาญ" ซูโหย่วเผิงร้องเพลง"ความกล้า"



ปี 1993    

เมษายน :(สิงคโปร์;Singapore) ได้รับเชิญจากรัฐบาลสิงคโปร์ และร่วมบริจาคเลือดให้กับ รพ.ที่นั่น 500CC กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ศิลปินบริจาคเลือดเป็นคนแรก เป็นอาสาสมัครให้กับสมาคมผาสุขของเด็กในสิงคโปร์ตลอดชีวิต และได้จัดสรรเวลาไปสิงคโปร์บ่อยๆ ช่วยสอนหนังสือให้เด็กพิการที่ไม่มีที่พึ่งราว 30 คน ได้ไต่ถามและแสดงความห่วงใยต่อความเป็นอยู่และการพัฒนาสภาพจิตใจของพวกเขา ทุกปีนอกจากเงินที่ตัวเองได้บริจาดออกไปช่วยเหลือแล้ว และยังได้ช่วยระดมเงินผ่านทางกลุ่มแฟนคลับอีกด้วย

พฤษภาคม :(ไต้หวัน;Taiwan) รวบรวมนักธุรกิจ (งานโฆษณา กาแฟ ยี่ห้อ“เฝินตี่” ทั้งยังบันทึกเทปให้กำลังใจผู้ที่กำลังสอบ)

พฤษภาคม :(ไต้หวัน;Taiwan) ได้รับเลี้ยงเด็กที่ถูกทอดทิ้งในสถานเลี้ยงเด็กอ่อนไต้หวัน 6 คน ทุกวันนี้ยังส่งเงินไปทุกปี



380
Magazine Interviews-China / 2008 Top Men
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 10:11:38 AM »
An Article from Top Men 2008 2nd edition


ซูโหย่วเผิงได้มีประสบการณ์ชีวิตเป็นดาราขวัญใจที่ดังมากๆและยังมีชีวิตที่ตกต่ำปราศจากเป้าหมาย ดังวันนี้ วัยที่เกิน 30 อย่างเขาได้เข้าใจเรื่องราวและมองโลกอย่างโปร่งใสถึงเรื่องราวมากมาย เริ่มที่จะมีท่าทีแสวงหาชีวิตที่ปล่อยไปตามกรรมวาสนาและความรู้สึกในจิตใจที่สมดุล ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือ ได้ช่วยเหลือผู้อื่นผ่านทางมูลนิธิ และได้เข้าใจถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตต่างๆผ่านการท่องเที่ยวทัศนาจร

พวกเรามองซูโหย่วเผินเป็น “ไกวๆหู่” มาตลอด แต่แล้ววันหนึ่งได้สังเกตเห็นเขาในทันใด ใบหน้าที่เหมือนเด็กอย่างเขานั้น ในเวลาชั่วขณะเดียวได้ไว้หนวดไว้คราวแล้ว ทุกคนล้วนคิดว่าเขาเป็นเด็กที่จริงจังมาก แต่ว่าพวกเราอาจจะไม่รู้ว่าเพื่อบทบาทหนึ่งของเขาแล้วเขาพร้อมที่จะแหกกฎจิตใจของเขา ทุกคนทราบว่าเขาร้องเพลงเก่ง แต่ว่าอาจจะไม่รู้ว่านักร้องที่เขาชื่นชอบที่สุดคือ Madonna and Jack JackSon หากเขาไม่ได้เข้าวงเสี่ยวหู่ตุ้ยแต่เด็ก เขาอาจจะไปตามความฝันของเขาเป็นนักแต่งเพลงไปแล้ว หรือว่าอาจมีคนน้อยมากทราบว่าในประเทศจีนมีโรงเรียนซีว่างซูโหย่วเผิง เขาได้เป็นทูตแห่งความรัก “โรงเรียนซีว่างแห่งแรกของจีน” จากมูลนิธิเยาวชนจีน มีคนอีกมากมายที่ยังไม่รู้ว่าซูโหย่วเผิงได้ร่วมงานการกุศลต่างๆอย่างไม่ขาดสาย

สัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง อยู่ร้านกาแฟในศูนย์กลางตลาดแห่งหนึ่ง เพราะคริสมาสใกล้เข้ามาแล้ว ร้านกาแฟก็ได้เปิดเพลง jingle Bells ซ้ำๆ ซูโหย่วเผิงได้พิงที่โซฟาพูดคุยอย่างสบายๆ พูดถึงหนังที่เขาดูแล้วสองครั้ง (ปาเบี๋ยถา) (ปาเบี๋ยถาปา) พูดถึงนิสัยที่หนักหน่วงของคน พูดถึงวัฒนธรรที่เขาชอบ พูดถึงความเชื่อและประสบการณ์มูลนิธิของเขา

เหตุที่เข้าสู่วงการเร็วและมีชื่อเสียงเร็ว ซูโหย่วเผิงได้สูญเสียรสชาติความสุขของความเป็นวัยเด็ก ฉะนั้นอายุ 21 ปีนั้นจึงเลือกตัดสินใจออกนอกประเทศ เอาตัวเองไปทิ้งที่อังกฤษ ในสภาพที่เป็นสามัญชนธรรมดาคนหนึ่ง “มองย้อนกลับไปดูประสบการณ์ในช่วงนั้น ก็คือเขาได้กระโดดจากขั่วหนึ่งไปยังอีกขั่วหนึ่ง ที่จริงเขาไม่ได้ไปอยู่จุดศูนย์กลางเลย “เขาในวันนี้ที่ผ่านแรมปี นิสัยนั้นได้ขาดสิ่งหนึ่งของราศีกันย์ แต่มีอารมณ์ขำขันของราศีอื่นเพิ่มเข้ามา เรียนรู้จักที่จะมองทุกอย่างอย่างสันติ ได้ไปตามความนึกคิดของจิตใจ


สำหรับความสุข นิยามของซูโหย่วเผิงนั้นง่ายๆ “ หากผมสามารถทำให้คนอื่นมีความสุข ผมก็มีความสุขแล้ว” อาจจะเพราะเหตุนี้เองที่เขาได้ทุ่มเทกับงานกุศลมูลนิธิอย่างมาก ในปีนี้โรงเรียนซีว่างที่ใช้ชื่อของเขานั้นได้มีพิธีเปิดไปแล้ว เขาเคยไปที่ "เจิ้นโจวเหอหนัน" ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคนในพื้นที่ ยิ่งกว่านั้นครูใหญ่ของโรงเรียนได้พูดกับเขาด้วยน้ำตา “ ขอบคุณคุณ พวกเราจะจดจำคุณตลอดไป” เขาในตอนนั้นลึกๆในใจสัมผัสได้ว่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำไปนั้น ได้มีอิทธิพลอย่างไรกับคนอื่นๆ


หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21