This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
Messages - Siri
หน้า: [1]
1
« เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2017, 11:01:31 pm »
อดีตเคยเป็นไกวไกวหู่ #ซูโหย่วเผิง #ผู้กำกับ ที่จริงแล้วลักษณะนิสัยของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด เขายังคงรักษารอยยิ้มกว้างๆไว้ จิตใจที่งดงาม มีคุณธรรม มีจิตสาธารณะ อารมณ์ขัน ร่างกายกำยำล่ำสัน จิตใจทรงพลัง ทำงานอย่างไม่ย่อท้อ กตัญญูต่อบุพการี และการเปลี่ยนแปลงหนึ่งเดียวที่พวกเรามองเห็นนั่นก็คือลักษณะนิสัยที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น
บนเส้นทางละครภาพยนตร์ตลอด20ปีของซูโหย่วเผิง ได้ต่อสู้กับความยากลำบากต่างๆ เพื่อแสวงหาความงดงามทางศิลปะ ผลงานทุกเรื่องต่างถือว่าเขียนได้เป็นแบบฉบับคลาสสิก เขียนลงไปด้วยความพยายามที่เขามีต่อการแสดง ขอให้พวกเราอวยพรกับเขา ขอให้งานของเขาสว่างพร่างพราวอย่างไร้ขีดจำกัด ขอให้การปีนป่ายนี้เป็นบันไดขั้นที่สวยงามที่สุดในชีวิตศิลปินของเขา
2
« เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2017, 04:52:49 am »

จาก ”ไกวไกวหู่” สู่ “องค์ชายห้า” เป็นการปรากฏตัวบนจอเงินอีกครั้งด้วยภาพลักษณ์ที่แตกต่าง “อนาคต? ในอนาคตผมอยากมีให้มีโอกาสดีๆเข้ามาให้ผมได้ไปทดลอง มีหลายครั้งต้องปล่อยให้มันผ่านไปตามโชคชะตา ทุกช่วงของชีวิตจะมีหัวข้อหลักของมันเสมอ ขึ้นอยู่กับโอกาสและความเป็นไปได้ที่ไม่เหมือนกัน” เขาที่ผ่านมาทั้งจุดสูงสุดและต่ำสุดของชีวิตการทำงาน ชีวิตขึ้นๆลงๆมาตลอด 20 ปี ก็สามารถทำใจยอมรับและรับมือการผ่านไปของกาลเวลาได้นานแล้ว คว้าทุกโอกาสที่เข้ามา เพลินเพลินไปกับทุกๆสถานการณ์ที่เข้ามา
From "Obedient Tiger" 乖乖虎 to "Wu Age" 五阿哥 will show a completely different image on the screen. “In the future, I want to have a great opportunity to challenge myself. There are times when you have to cast your fate to the wind. Every moment of life is only one moment in time. Opportunities and possibilities are not the same.” Whether having highest or lowest points in his life has changed for over 20 years and can accept and handle the passage of time. Grab every opportunity that comes, enjoy every situation that comes in.
-------------------------------------------------------------
ภาพลักษณ์ของซูโหย่วเผิง
มันอาจจะเกี่ยวข้องกับการเข้าสู่วงการบันเทิงที่เร็วมากของเขา หรือว่าอาจเป็นเพราะที่ตัวเขาเป็นคนที่ชอบเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามเราเห็นแล้วว่าเขามีภาพลักษณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมา เริ่มจากภาพลักษณ์ของไกวๆหู่ที่เริ่มเข้าสู่วงการ สไตล์ที่เรียบร้อย สายตาที่เดียงสา เป็นภาพของเด็กนักเรียนมัธยมคนหนึ่ง
จากนักร้องเป็น "องค์ชายห้า" บุคลิกดี น่ารัก ทั้งยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ยังมีกลิ่นไอของการเติบโตเป็นหนุ่มอยู่ โหย่วเผิงในวันนี้ ล้วนให้ภาพลักษณ์ที่สงบกับทุกคน แท้จริงเบื้องหลังของการเงียบสงบนั้นเป็นการเติบโต รายการ I want to meet you เขาได้มีตำแหน่งจริงของตัวเอง "Su Dao" 苏导 สิ่งที่เห็นได้จากตัวเขาที่แสดงออกมาคือ ความรู้สึกปลอดภัย ความเป็นผู้ใหญ่จริงๆ บางทีเขาก็อาจจะแสดงมุมซนๆออกมาบ้าง นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเขายังคงมีใจขี้เล่น (เหมือนเด็ก)พูดได้เลยว่าความน่ารักของชายวัย 44 นี้ถึงจะเรียกว่าน่ารักของจริง
Su YouPeng's personality
As he entered the entertainment industry as a teenager, naïve and innocent, perhaps this is why he was given the “Obedient Tiger” 乖乖虎 moniker (name).
From a singer to the role of “Wu Age” 五阿哥 we see a change in personality but still not quite mature. Today Su YouPeng is at peace with everyone. His inner self is one of tranquility that is growing. In an “I want to meet you” program, he is being himself in the role of “Su Dao” 苏导 and what we saw from the show was the feeling of security and maturity. Sometimes you will see his naughty side, and that show he is playful and young at heart, that is very cute for the man at age 44.
3
« เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2017, 03:18:07 am »
ขอบคุณตลอดเวลาที่มีคุณ วันเวลาเป็นสิ่งเดียวที่ไม่สามารถหวนคืนกลับมาได้ แต่คุณกลับอยู่ข้างๆฉันมาโดยตลอด สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ก็คือ ความรู้สึกลึกซึ้ง คุณอายุ 50 พวกเราก็จะเอาอายุ 50 ไปพร้อมๆคุณ แก่เฒ่าไปด้วยกัน
Time is the only thing that cannot be reversed; you were at our sides all along, you make us feel profound. When you are 50 we will be also, we will grow old together. Thank you for being in our lives.พวกเราจะร่วมเดินทางไปพร้อมๆคุณ อยู่เคียงข้างคุณ และจะคอยสนับสนุนคุณแบบนี้และตลอดไป มันคือความผูกพันตลอด 18 ปีที่ได้มารัก โชคดีเหลือเกินที่มีคุณ อยู่ด้วยกันก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว อบอุ่นไปด้วยกันนะ
In our minds, we will always be together with you in our journey. We will be by your side and will support you like this forever. It is your appreciation of us throughout our years that we have come to love. We are so lucky in being together in spirit that makes us feel happy and less lonely.
4
« เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2017, 01:00:58 am »
ยิ่งนานก็ยิ่งรู้ ยิ่งดูก็ยิ่งชัดเจน ยิ่งรู้จัก ก็ยิ่งรักเธอ พวกเราอยากจะตะโกนบอกกับคุณดังๆว่า ชายในฝันของพวกเราคือคุณ พวกเรารู้สึกภูมิใจมากจริงๆ รักคุณตลอดไป
The more we know you it becomes clearer of why we love you, and we want to shout out loud to you that, “you are the man in our thoughts, we are very proud of you and love you forever”.
เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
“Heavens definition is not as good as fighting your own battles.” Meaning creating an opportunity and not waiting for it to happen. Because of your experience, and not because of luck.
ไม่มีความพ่ายแพ้ใดที่ได้มาจากความพยายามอันสูงสุด และไม่มีความสำเร็จใดที่ได้มาจากการถอดใจยอมแพ้
“There is no defeat derived from your efforts. And no success derived from surrendering.”
มีครั้งนึงที่ได้อ่านบทความนี้อีกครั้ง ทำให้พวกเราได้มองเห็นเฮียเผิงตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จากนักร้องสู่ดารานักแสดง จากการเข้าร่วมงานกุศลจนถึงการถือเอาความเมตตาเป็นเรื่องราวที่สำคัญของชีวิต ได้มองเห็นขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงในหนึ่งชีวิต รวมถึงคุณภาพชีวิตที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว
As I read this article again, we have seen you go from early childhood to maturity. From singer to actor. From attending charities to obtaining compassion, it is a vital part of your life. Having seen the transitional phase of your life, including the quality of life which can move quickly.
5
« เมื่อ: เมษายน 30, 2017, 03:25:46 am »
ขอบคุณพี่โชค่ะ พี่โชเขียน 'สุดยอด' เลยค่ะ 
ด้วยความยินดึที่ได้ช่วยบ้านเผิงเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่เวลาจะอำนวยค่ะ ข้อความนี้ต้องขอบคุณ มิกกี้ แฟนโหย่วเผิว ชาวฮ่องกง ที่ช่วยแปลจากนิตยสารต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษให้อ่าน ต้องขอโทษแฟนๆค่ะ ที่ต้องรอนานหน่อย
6
« เมื่อ: เมษายน 24, 2017, 08:12:17 pm »
นักเรียนดีเด่นที่ซ่อนอยู่ได้รับความนิยม เป็นเวลา 30 ปีงานแถลงข่าวเรื่อง "The Devotion of Suspect X" จัดขึ้นในตอนเช้าผู้อำนวยการ ซูโหย่วเผิง ตื่นขึ้นมาแต่เช้า จนถึงสิ้นการประชุมในช่วงบ่ายเขาไม่ได้หยุดพัก เมื่อเขาคุยกับเจ้าหน้าที่ภายในห้องแต่งตัวพร้อมกับกล่องอาหารกลางวันที่อยู่ในมือ เขายิ้มแย้มแจ่มใสและสุภาพต้อนรับพวกเรา หลังจากเสร็จอาหารเที่ยงแล้วการสัมภาษณ์ก็เริ่มถ่ายทำ ซูโหย่วเผิง เหลือบมองนาฬิกาและพูดว่า "ผมเหนื่อยหน่อยตอนนี้อย่างไรก็ตามอีกสักพักหนึ่งผมคงจะกระปรี่กระเปร่าขึ้น" แล้วเขาก็หัวเราะอย่างเต็มที่ ความเหนื่อยล้าที่เขารู้สึกดูเหมือนหายไปหลังจากเสียงหัวเราะของเขา หลังจากนั้นเราก็ไม่รู้สึกว่าเขาเหนื่อยตลอดการสัมภาษณ์แม้ว่าเขาจะยุ่งมานานกว่าครึ่งวันและเขาอ้างว่าเขาไม่ได้เป็นเด็กเหมือนก่อน“เปลี่ยนรันเวย์ของชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย ในวัยสี่สิบผมเปลี่ยนอาชีพไปเป็นคนที่ท้าทายและทำในสิ่งที่ยากที่สุด” เขาพูดขึ้นมาตรงนี้แล้วก็หัวเราะ "การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในอาชีพของผมทำให้ผมมีความรู้สึกเหมือนจมน้ำ"ปี 1988 ซูโหย่วเผิง อายุ 15 ปีครึ่ง เขาเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในวงเสี่ยวหู่ตุ้ย มีฉายาว่า ไกวไกวหู่ เขาได้มีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วกลายเป็นนักแสดงที่ได้รับความนิยมหลังจากที่แสดงเป็น องค์ชายห้า ในซีรีย์เรื่อง องค์หญิงกำมะลอ เขาเป็นไอดอลอันดับที่ 3 ใน 50 ไอดอลของเอเซีย 4 ปีติดกัน จากปี 2002 ถึง 2005 2012 เป็นครั้งแรกที่เขาผันตัวเป็นผู้จัดละคร(Producer) กระโดดมาจับงานเบื้องหลัง โดยเริ่มต้นผลิตซีรี่ย์เรื่องแรก Destiny by Love (แผนรักสยบเพลย์บอย)
2010 ได้รับรางวัลสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Best Supporting Actor) ครั้งที่ 30 จากภาพยนต์เรื่อง The Message ในงาน Hundred Flowers Awards
2014 ได้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ครั้งแรก ในภาพยนตร์เรื่อง โจ่วเอ่อ (The Left Ear) ชื่อของเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ไต้หวัน Golden Horse Award ในฐานะเป็นผู้กำกับหน้าใหม่
2016 เขาได้กำกับภาพยนตร์เรื่องที่สอง จากบทประพันธ์อันมีชื่อเสียงของ ฮิงาชิโนะ เคโงะ ‘ผู้ต้องสงสัย X’ (The Devotion of Suspect X)
ตั้งแต่เขาอายุได้ 15 ปี เขาเป็นวัยรุ่นที่มีความสามารถ ฉลาดเฉียบแหลม ในฐานะนักแสดง, นักร้อง, นักแต่งเพลง, เป็น producer ภาพยนตร์และผู้กำกับภาพยนตร์ อาชีพของเขาทำให้เขาได้รับความนิยมมากใน 30 ปีที่ผ่านมา เขามีความสงสัยเหมือนกันว่า เขาประสบความสำเร็จมาได้อย่างไร
วันเกิดของเขาและแม่ของเขาเป็นวันเดียวกัน ตรงกับวันเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ ครอบครัวของเขามีพระจันทร์สองดวงหลังจากที่เขาเกิด นั้นเป็นสาเหตุของการตั้งชื่อของเขา เขาชอบดนตรีมาตั้งแต่ยังเด็ก ในปี 1988 เขาเป็นนักเรียนดีเยี่ยมในสมัยเรียนประถมศึกษา สอบเข้าเรียนที่ โรงเรียนมัธยมปลายชั้นนำของเมืองไทเป โรงเรียนเจี้ยนจง Jianzhong ในปีเดียวกันเขาก็ได้เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงในวง เสี่ยวหู่ตุ้ย มีฉายาว่า ไกวไกวหู่
ปี 1988 ถึง 1991 ในขณะที่เขาเรียนมัธยมปลาย วงดนตรี เสี่ยวหู่ตุ้ย กำลังโด่งดัง เขามีคอนเสริต์กว่า 30 รายการ รวมทั้งเล่นหนัง ถ่ายโฆษณา และออกอัลบั้ม 7 แผ่น กลางวันก็ไปเรียนหนังสือ กลางคืนก็ไปร้องเพลงกับวง เสี่ยวหู่ตุ้ย เขาเป็นนักเรียนดีเด่นสอบเข้ามหาวิทยาลัยไต้หวันได้เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศและสอบเข้าคณะ วิศวกรช่างกล ซึ่งเป็นคณะที่มีชื่อเสียงมากที่มหาวิทยาลัยนี้ ดังนั้นเขาจึงได้ฉายา ว่า “The King of Science” 理工學营 ค่ายวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม
ความโดดเด่นก้าวหน้าของโหย่วเผิงได้มาจากบทเรียนในอดีต ความเก่งเรื่องวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และความละเอียดถี่ถ้วน รวมถึงวิธีกำกับภาพยนตร์ ประธานบริหารบริษัทกวางเสี้ยน "หวังฉางเถียน" Enlight Media ได้เห็นถึงความสามารถเหล่านั้นของ ผู้กำกับซูโหย่วเผิง ซึ่งเป็นประโยชน์มากที่สุดในการทำภาพยนตร์ The Devotion of Suspect X
เช่นเดียวกับโครงเรื่องของภาพยนตร์เรื่อง Our Time โหย่วเผิงได้หยุดการเรียนกลางคันที่มหาวิทยาลัย การหยุดเรียนที่มหาวิทยาลัยของเขาเป็นการเริ่มต้น หลังจากนั้นมาเขาก็ทุ่มเทตัวเองในการแสดง และการร้องเพลง เขาได้ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ประกอบกับด้านศิลปะ ในอาชีพและชีวิตประจำวันของเขา ความรู้สึกเหมือนจมน้ำในด้านการกำกับของเขา เขาชอบการท้าทายในชีวิต
“ผมเริ่มจากเป็นนักร้อง ต่อมาก็เป็นนักแสดงทางโทรทัศน์ แล้วก็เป็นนักแสดงภาพยนตร์ ต่อมาก็เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ เมื่ออายุ 40 ปี การเปลี่ยนอาชีพไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่การเปลี่ยนอาชีพครั้งล่าสุดนี้เป็นสิ่งที่ยากและท้าทายอันหนึ่ง” โหย่วเผิงหัวเราะเมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ “การเปลี่ยนอาชีพทำให้ผมมีความรู้สึกว่าผมกำลังจมน้ำ”
เขาไม่ชอบให้คนคิดว่าเขา เป็นนักแสดงไอดอล และให้ผู้ชมคิดว่าเขาเป็นคนรูปหล่อและอารมณ์ดี ฉนั้น เขาจึงเปลี่ยนจากการแสดงโทรทัศน์ มาแสดงภาพยนตร์ เขาแสดงในบทของ "ไป๋เสี่ยวเหนียน" ในภาพยนตร์เรื่อง The Message, ในบทของ หลิ่วเฟยหวิน ในภาพยนตร์เรื่อง Lost in Panic Room, และแสดงบทหมอฉาน(ฉานโชว่เจิน) หมอวายร้าย ในภาพยนตร์เรื่อง Design of Death ภาพยนตร์เหล่านั้น แสดงให้เห็นว่าโหย่วเผิงไม่ได้เป็นเพียงดารารูปหล่อ เขามีความสามารถที่จะสวมบทบาทต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม
จากการที่เป็นนักแสดงโดดเด่นและมีความสามารถในการแสดง เขาจึงต้องการที่จะทำสิ่งใหม่ๆ แต่ไม่ต้องการที่จะปฏิบัติตามแนวโน้ม เขาได้ผลิตละครโทรทัศน์ เรื่อง Destiny by Love แผนรักสยบเพลย์บอย หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง โจ่วเอ่อ “The Left Ear” เมื่อเขาอายุ 40 ปี
โจ่วเอ่อ “The Left Ear” จัดเป็นวรรณกรรมและศิลปะ เป็นการกำกับภาพยนตร์ครั้งแรกของโหย่วเผิง ในความทรงจำของเขา เขาถ่อมตัวในการถ่ายทำ The Left Ear เขาได้วางแผนล่วงหน้าอย่างละเอียดสำหรับการกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ “เป็นครั้งแรกที่ผมได้ทำงานเป็นผู้กำกับ ผมไม่มีประสบการณ์มาก่อน ผมบังคับตัวเองให้เตรียมงานเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะเริ่มถ่ายทำผมต้องคิดถึงปัญหาทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น มันจะสายเกินไปที่จะคิดถึงการแก้ไขในขณะถ่ายทำ มีคำถามมากกว่า 100 ข้อสำหรับผู้กำกับภาพยนตร์ที่จะแก้ปัญหาในแต่ละวัน ผมไม่สามารถหาเวลามาแก้ไขปัญหาในขณะถ่ายทำ เพราะอาจจะทำให้ได้ผลเสียกับภาพยนตร์”
ดังนั้น ก่อนอื่นเขาจะต้องเข้าใจกับบทบาท จากประสบการณ์การแสดงของเขาทำให้เขาเข้าใจบทบาทของนักแสดงเจ็ดคนและอารมณ์ของพวกเขาและทิศทางของเรื่องราวทั้งหมด “หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับพื้นฐานของความเข้าใจของเยาวชน, เราอยู่ในวัยที่สับสน มีความจงใจ และฟุ่มเฟือยในช่วงวัยรุ่น เรามีความรับผิดชอบต่อข้อผิดพลาดที่เราทำ พยายามที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดของเราและเริ่มที่จะช่วยตัวเราเอง สุดท้ายเราได้พบคำตอบและเริ่มมีชีวิตอีกครั้ง เราโตขึ้นหลังจากที่ทุกอย่างผ่านไป ผมมีความคิดของตัวเองในการสื่อสารระหว่างผมกับนักแสดงวัยรุ่น พวกเขายังเด็กเกินไปที่จะมีความคิดรอบคอบ ดังนั้นความรับผิดชอบของผมคือการสอนพวกเขา ผมให้พวกเขามีช่องที่จะปรับปรุงตัวเอง ถ้าพวกเขาทำได้ 85 หรือ 90 เปอร์เซ็นต์ ผมจะบอกพวกเขาว่าพวกเขามีความสามารถที่จะทำให้ดีขึ้นได้อีกและอาจได้รับคะแนนเพิ่มขึ้น 10 คะแนนหรือ 5 คะแนน”
ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการแสดงและด้านดนตรีที่สะสมมาหลายปี เป็นประโยชน์ต่อการกำกับการแสดงของเขา “ความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดไม่เพียงพอสำหรับการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ แต่ละส่วนของงานอาจทำให้ผมรู้สึกเหมือนจมน้ำ” โหย่วเผิงมองขึ้นบนเพดาน และกำหมัด และพูดอย่างช้าๆ “ทุกครั้งที่ผมมีความรู้สึกดูเหมือนจะเกินขอบเขตของผมที่จะทำในสิ่งที่ผมทำได้ ผมแทบจะหยุดหายใจ เช่นความรู้สึกเหมือนผมจมน้ำ มันเป็นผลผลักดันให้ขีดจำกัดของผมสูงขึ้นไปเรื่อยๆ” ผลสำเร็จของ The Left Ear เป็นบทพิสูจน์ถึงความพยายามของโหย่วเผิง
การกำกับเรื่อง The Devotion of Suspect X ท้าทายและยากกว่า The Left Ear
ผู้ต้องสงสัย X เป็นนวนิยายที่ดีและเป็นที่นิยมมากที่สุดจากนักประพันธ์โด่งดังชาวญี่ปุ่น ฮิงาชิโนะ เคโงะ อาจมีปัญหาเรื่องสำเนาลิขสิทธิ์ก่อนที่จะถ่ายทำ และอาจจะลำบากในการถ่ายทำเพราะยังไม่เคยมีใครแปลงมาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในแผ่นดินใหญ่ประเทศจีน หลังจากแก้ปัญหาของสำเนาลิขสิทธิ์และปรับปรุงเรื่องราวหลายครั้ง ข่าวร้ายก็มาเยี่ยมเยือนก่อนเปิดกล้อง
ในความทรงจำของโหย่วเผิง “ฮืงาชิโนะ เคโงะ นำข่าวร้ายมาให้ผม หล้งจากที่แก้เรื่อง ครั้งที่ 7 เขาก็บอกมาว่าการแก้เรื่องของเราต้องเป็นในทำนองใหม่ที่ยังไม่มีใครทำ เพราะลิขสิทธิ์สำเนาเรื่องต้องไม่ซ้ำกับเวอร์ชั่นเก่า เรามีเวลาไม่มากที่ต้องแก้เรื่องในมุมใหม่ แล้วก็ต้องแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นส่งไปให้ เคโงะ อ่านใหม่ จนกระทั่งเขาพอใจและอนุมัติให้ใช้เรื่องถ่ายทำได้”
ปัญหาใหญ่ ของ ซูโหย่วเผิง และทีมงาน คือการแก้ไขเรื่อง “มันเป็นเรื่องที่ยากมากตั้งแต่ต้นจนจบ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นทำอาหารจานหนึ่งที่ใช้เครื่องประกอบแบบเดียวกัน เราคุ้นเคยกับรส แต่เราต้องทำออกมาให้เหมือนต้นฉบับ เราต้องการทำให้รสออกมาเพี้ยนนิดหน่อย สำหรับผม เรื่องจริงอยู่ครบ ทำอย่างไรถึงจะเล่าเรื่องในลักษณะที่แตกต่างกัน ทำให้มองเห็นเรื่องไปในมุมใหม่และมีความสำคัญ นั้นคือการเล่าเรื่องของผม”
แฟน ๆ หลายคนเห็นว่าฉบับแก้ไขครั้งแรกในญี่ปุ่นเหมือนต้นฉบับมาก “ถ้าผมเป็นคนแรกที่ทำมันก็ง่าย” “ในเรื่องราวอัจฉริยะทั้งสองที่เป็นเพื่อนกันมีความรักในการต่อสู้ของปัญญากลายเป็นศัตรูกันในภายหลัง การต่อสู้ระหว่างสองวีรบุรุษเป็นความคิดที่ดีที่สามารถให้ความสำคัญกับเรื่องเดิมได้ ในขณะเดียวกันก็เป็นแนวคิดแรกที่ยังไม่มีใครทำ”โหย่วผิง วิเคราะห์สองสำเนาเก่าก่อนหน้านี้ “เกาหลีเปลี่ยนป็นเรื่องราวของความรัก ผมไม่เห็นด้วยและคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ ความเข้าใจของผมวัสดุเหล่านี้มีหลายวิธีที่จะอธิบายถึงความขัดแย้ง, เช่นเพื่อนกลายเป็นศัตรู, ความจงรักภักดีต่อความรักที่ไม่มีเงื่อนไข, ความรู้สึกระหว่างความรักและเหตุผลและกฎหมายที่มีเงื่อนปมผูกพวกเขาไว้ และการฆาตกรรมที่ผิดปกติ ทุกอย่างผสมกัน เหมือนเรื่องราวของชาวตะวันตก เลือดที่เปื้อนมือที่สะอาด คุณมองเรื่องนี้ไปทางไหนดี”บนพื้นฐานของความเข้าใจของโหย่วเผิง จึงให้ชื่อเวอร์ชั่นของเขาว่า 'การต่อสู้ระหว่างสองอัจฉริยะ'“ในเรื่องสองอัจฉริยะที่เป็นเพื่อนกัน รักการต่อสู้ของปัญญาต่อกันและกัน กลายเป็นศัตรูกันในภายหลัง การต่อสู้ระหว่างสองตัวละครเอกเป็นความคิดที่ดี ในด้านหนึ่งผมสามารถเคารพต้นฉบับ อีกด้านหนึ่งก็เป็นแนวคิดใหม่และเป็นความคิดครั้งแรกที่ไม่มีใครเคยใช้มาก่อน”
หน้า: [1]