Interviews [Thai Translation] | ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากจะรู้ ซึ่งไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน > SCOOPS & SPECIALS

2002 ความทรงจำของผู้ชายสองคน โหย่วเผิงและหวังเหวินหัว

<< < (3/3)

Chomnath:
โหย่วเผิง :  ผมอิจฉาชีวิตอย่างนี้ของคุณมาก หากว่าผมไม่ใช่ศิลปิน ผมก็จะคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ผมหาอยู่ เป็นชีวิตที่ดีมาก เป็นชีวิตอย่างพระเอกในหนังสือนิยายที่เหวินหัวได้เขียนไว้เลย คุณถามถึงชีวิตที่อยู่ต่างประเทศของผมหรือ ส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ร้านอาหาร ฮ่าๆ เพราะมันก็เกี่ยวข้องกับการถ่ายหนังด้วยเหมือนกัน นอกจากการถ่ายหนังแล้วเวลาส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ร้านอาหารเหมือนกัน การถ่ายทำนั้นลำบาก แม้จะดูบนหน้าจอจะสง่างาม แต่เบื้องหลังแล้วมันเป็นอะไรที่สุดทนเหมือนกัน

อนาคตอยากจะออมเงินไว้เยอะหน่อยแล้วจะไปสานฝันให้เป็นจริง หลายคนอาจคิดว่าการเป็นศิลปินนั้นมีเงินมากมาย จริงๆแล้วหลังจากที่เริ่มเข้าสู่วงการ ลาออกจากการเรียน ช่วงอายุที่ยังหนุ่มอยู่นั้นก็ได้แบกภาระของทางครอบครัวแล้ว แต่ว่าช่วงที่อยู่ที่เสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น เหตุเพราะค่าตอบแทนนั้นต่ำมาก หลายปีที่ได้ตกต่ำกับทั้งต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างของชีวิต

ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ล้วนทำให้ผมโตขึ้น เมื่อก่อนผมซีเรียสกับผลงานเป็นอย่างมาก แคร์ต่อความรู้สึกคนอื่นมากๆ เมื่อผ่านอุปสรรค์มามากมายแล้ว ผมเรียนรู้ที่จะเป็นตัวของตัวเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าควรทำและเป็นเรื่องที่มีความสุขด้วย อันที่จริงนั้นผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อนในวงการสักเท่าไหร่

ดาราฮ่องกงหลายคนนั้นได้ติดต่อสัมพันธ์กับนักธุรกิจมากมายแต่ส่วนผมนั้นจะไม่มีในจุดนี้ และไม่อยากจะเข้าร่วมด้วย ผมคิดอยู่บ่อยๆว่าการออกต่างประเทศนั้นก็จะมีอะไรหลายอย่างที่เราไม่รู้ หลังจากที่ออกจากการเป็นนักศึกษาแล้วผมเองก็ไปพักผ่อนที่ลอนดอนกว่าสามสี่เดือน เมื่อก่อนคิดว่าการเดินทางนั้นเป็นสิ่งที่เซ็ง ตอนหลังมารู้ว่านักเรียนนอกเมื่อเขาพักการเรียนแล้วก็จะไปท่องเที่ยว

เมื่อกลับมาแล้วสามารถจะเรียนต่อได้ ทางมหาลัยไม่เพียงไม่ตัดคะแนนพวกเขา ทั้งยังบวกคะแนนให้พวกเขาอีกด้วย เมื่อผมคิดกลับไป ใช่นะ ทำไมผมจะต้องเป็นนักเรียนที่ดีคนหนึ่งตามที่ทุกคนคาดหวังไว้ ฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่ แม้ไม่สามารถจะจบปริญญาผมเองก็สามารถที่จะหาเส้นทางชีวิตของตัวเองได้ ตอนที่อยู่ที่ลอนดอนนั้นสภาพจิตใจของผมนั้นมืดมั่วมาก เหมือนกับอากาศในที่นั่น ผมอยากจะปล่อยตัวเอง เบอร์โทรศัทพ์ที่ทางเพื่อนหรือญาติให้กับผมนั้นผมล้วนไม่เอา จะไปที่ที่ไม่มีใครรู้จัก ยิ่งไกลผมยิ่งมีความกล้า ผมได้สมัครเรียนโรงเรียนสอนภาษา แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจเรียน บวกกับสำเนียงของลอนดอนนั้นมันฟังยากมาก ผมไม่ชอบ แล้วก็ได้ท่องเที่ยวไปทั่วตามลำพัง


เหวินหัว : บุคลิกภาพของนักศึกษาของคุณนั้นแทบจะไม่จางหายไปเลย เหมือนกับการที่คุณอนุรักษ์ซื่อตรงต่อความรักอย่างนั้นที่ไม่เปลี่ยนแปลงไป คนทั่วไปจะคิดว่ามีความห่างเหินกับดารามาก แต่ขณะที่พูดคุยกับคุณผมไม่รู้สึกห่างเหินกับคุณเลย คุณกับพวกเราก็เหมือนกันกำลังฝ่าฝันชีวิตการเรียน และกล้าที่จะฝ่าฝันความใฝ่ฝันด้วย

Chomnath:
โหย่วเผิง : ใช่ อนาคตผมจะเป็นพวกที่ให้ชีวิตสบายๆ บวกกับผมเป็นคนที่รักเดียวใจเดียวด้วยก็คงจะดีมากๆเลย คนเกิดราศีกันย์นั้นไม่ใช่ต้องการชีวิตที่ดีหรือ? อดีตนั้นผมเป็นคนที่ตามหนังสือทุกอย่าง ตอนนี้กลับกลายเป็นคนไม่เข้าท่า ระยะนี้บุคลิกได้เปลี่ยนไปมาก มันคงเกี่ยวข้องกับราศีแห่งปีของผมด้วย

ตำแหน่งซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะนั้นย่อมมีคนจ้องมอง แต่ว่าคนข้างๆก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจผม ในวันหยุดที่แล้วได้ทำงานโปรโมทโฆษณานั้นต้องเจอผู้คนมากมาย แต่ว่าเมื่อปิดประตูห้องแล้ว ตัวเองก็ยังต้องเผชิญกับความเป็นจริงอยู่ดี  ผมรู้สึกว่าจะดีกว่านี้ หรือว่าจะมีคนจ้องเพ่งมากกว่านี้ ก็ไม่สามารถที่จะทำให้ผมคลายความกดดันเรื่องการเรียนและความอ้างว้างที่โรงเรียนได้ นี่มันเป็นคนละเรื่อง

หลังจากที่แถลงการลาออกจากการเรียนแล้วผมเองได้ร้องไห้ทั้งคืน ในใจคิดว่า ตายแล้ว ผมหมดทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เมื่อคิดถึงคำพูดที่โหย่วเผิงพูดตอนเปิดคอนเสิร์ดว่า  “แท้จริงผมเป็นคนอ่อนแอคนหนึ่ง ทุกครั้งที่เจอกับอุปสรรค ปัญหาก็อยากจะปล่อยมันไม่เอาอะไรแล้ว เป็นทุกคนที่ให้กำลังใจและกำลังที่ทำให้ผมมายืนอยู่ที่นี่ได้”  มาจนถึงวันนี้เขายังไม่หยุดที่จะพยายามต่อไป จากอดีตจนถึงวันนี้นั้นรักโหย่วเผิงเป็นอย่างมาก


เหวินหัว : โหย่วเผิงก็ย่างสามสิบแล้วสิ่งนี้ทำให้ผมทึ่งมาก ผมยังได้เห็นนิตยสารของเขา ไม่เคยคิดเลยว่าเขาอายุสามสิบแล้ว ตัวเขาเองก็คงจะไม่คุยกับการที่ผ่านไปแล้วยี่สิบเก้าปีแห่งความจริง เพราะผมรู้สึกว่า ชีวิตสามสิบของผมก็เพิ่งจะเริ่มเอง


Chomnath:
โหย่วเผิง : แม้ผมจะเพิ่งย่างสามสิบ แท้จริงแล้วผมเองก็ได้ผ่านประสบการณ์ชีวิตสามสิบปีของคนวัยนี้มากแล้ว เช่น การเข้าสู่สังคม การหางานทำ การดูแลพ่อแม่ อยู่กับเพื่อนคนอื่น แต่เหมือนอย่างเหวินหัวที่บอกว่าเหมือนกับว่าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสามสิบแล้ว ตัวเองก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องอายุสักเท่าไร เพียงแค่จิตใจได้เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับตอนนี้ผมเองนั้นให้ความสำคัญกับการอยู่กับครอบครัวเป็นอย่างมาก การที่คนในครอบครัวมีสุขภาพที่ดีนั้นเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ของผม เหมือนกับตรุษจีนปีนี้พวกเราล้วนได้ถ่ายรูปครอบครัวพร้อมกัน ความรู้สึกอย่างนั้นมันดีมาก


เหวินหัว :  ผมเองก็รู้สึกอย่างนั้น อายุสิบหกสิบเจ็ดอย่างโหย่วเผิงนั้นก็คงจะคิดว่าไม่มีอะไร ผมจะไม่เอาอย่างนั้น แต่ว่าคุณลองคิดดูว่าถ้าผ่านไปอีกสองปี การอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาของพวกคุณจะไม่ใช่ที่โต๊ะอาหารอีกต่อไป แต่เป็นที่โรงพยาบาล ฉะนั้นหลังสามสิบปีแล้ว สิ่งที่คุณจะไปคิดมันนั่นถึงเป็นสิ่งที่ยืนยงมั่นคง จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่า

โหย่วเผิง : ตอนนี้ผมเองนั้นอยากจะมั่นคง ความมั่นคงของผมนั้นใช่ว่าจะหมายถึงการแต่งงานมีลูก เพียงแค่ไม่อยากจะคบคนโน่นทีคนนี่ที แต่อยากจะหาคู่ที่มั่นคง แต่นั่นก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ง่าย อย่าคิดว่าในแวดวงดารานั้นเต็มไปด้วยหนุ่มหล่อสาวสวย ทุกคนล้วนยุ่งกับการงาน การจะรักษาความสัมพันธ์นั้นมันยากมาก

ไม่ค่อยมีโอกาสที่จะพัฒนาให้ลึกลงไป ทางเลือกของพวกเรานั้นแท้จริงแล้วมันน้อยมาก ฉะนั้นคู่ของเรานั้นจะเป็นคนในวงการหรือนอกวงการนั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือต้องเข้ากันได้ เป็นหญิงสาวที่น่ารักในใจผม จะต้องเป็นสาวที่ชอบยิ้ม ฉลาด ร่าเริง สามารถให้ความมั่นใจแก่ผมได้ นี่สำคัญมาก หากว่าเธอนั้นไม่เข้าขากับคุณ ผมอยากจะพูดเรื่องตลก คือฟังก็ฟังไม่รู้เรื่อง เวลาควรจะหัวเราะก็ไม่ยิ้ม งั้นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเธอดีถ้าเป็นอย่างนี้ อีกอย่างหนึ่งก็คืออย่าจู้จี้ เหมือนกับจ้าวเหว่ยอย่างนั้น




นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version