Interviews [Thai Translation] | ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากจะรู้ ซึ่งไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน > SCOOPS & SPECIALS

2007 ให้พ่อแม่กลับมาคืนดีกัน ศิลปินโหย่วเผิงก็มีความหวังที่อยากจะมีบ้านที่สมบูรณ

<< < (2/2)

Chomnath:
http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2F37edefc8.pbw
2003 โหย่วเผิงอายุย่าง 30 แล้ว 30 อย่างเขานั้นทำให้ความอ่อนใสของเขาหายไปเยอะ จะเห็นความเป็นผู้ใหญ่และความหนักแน่นมากขึ้น เวลานี้ โหย่วเผิงเข้าใจจริงๆแล้วว่า แท้จริงแล้วพ่อแม่นั้นไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาหนักทำให้พวกเขาอยู่ด้วยกันไม่ได้ และไม่มีโทษอะไรที่ไม่สามารถที่จะไม่ให้อภัยได้ สิ่งที่ทำให้พวกเขาทะเลาะกันนั้น ล้วนเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆเอง ความสัมพันธ์ของพ่อแม่นั้นใช่ว่ามาถึงจุดที่แตกหักกันแล้ว การที่เป็นลูกของพวกท่านนั้น หากว่าตอนนั้นโตหน่อยรู้เรื่องหน่อยก็จะช่วยให้ทั้งสองฝ้ายอยู่ด้วยกันได้ บ้านก็คงจะไม่เป็นอย่างนี้

โหย่วเผิงไม่สามารถที่จะให้อภัยตัวเองได้ ทุกข์ใจมากๆ เขาเอาเรื่องราวในใจระบายให้กับ (หลินซินหยู) ฟัง เธอได้แนะนำมาว่า “ในเมื่อพ่อแม่ก็ไม่ได้แต่งงานใหม่ ต่างฝ่ายต่างก็ยังห่วงหากันอยู่ แล้วทำไมคุณไม่นำพวกเขาหันกลับมาคืนดีกันอีกล่ะ”

คำพูดของ (หลินซินหยู) แทงใจของโหย่วเผิง วันไหว้พระจันทร์ในปี 2003 นั้นเป็นวันเกิดของคุณแม่และโหย่วเผิงด้วย เขาได้นำเอาของขวัญที่พิเศษไปให้คุณแม่โดยเฉพาะ บอกกับแม่อย่างจริงจังว่า “คุณแม่ ตอนนั้นที่พวกท่านหย่ากัน ผมกลับนิ่งเฉยไม่ยอมพูดอะไร ตอนนี้ ผมอยากจะพูดให้พ่อยอมที่จะกลับมาอยู่กับท่านอีก แม่ว่าไง” คุณแม่ส่ายหัว “ลูกเอย มันเป็นไปไม่ได้ มันได้ผ่านไปแล้วหลายปีแล้ว ..” แม่พูดทั้งน้ำตา โหย่วเผิงก็ร้องไห้กับแม่ด้วย...

โหย่วเผิงก็ไปขอร้องพ่อ พ่อก็ได้ปฏิเสธไป กลางคืนโหย่วเผิงออกจากบ้านพ่อ ได้เดินไปเดินมากลางถนนอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ลมหนาวพัดผ่านไป ใบไม้ร่วงก็ได้พัดไปมาบนท้องฟ้า จิตใจของโหย่วเผิงเต็มไปด้วยความเหงาหงอย...


ใจที่กตัญญูให้พ่อแม่คืนดีกัน

ทิ้งอคติแล้วสร้างความสมานฉัน

จริงๆแล้ว การกระทำที่จะให้พ่อแม่คืนดีกันของโหย่วเผิงนั้น มันได้เป็นพายุในใจของคุณพ่อแล้วคุณแม่ของเขาไปแล้ว ความแค้นในอดีตก็ค่อยๆจางหายไปกับกาลเวลา จริงๆแค่การทะเลาะกันที่เล็กๆน้อยๆนั้นได้สะสมมาเป็นเวลานั้นจะกลายเป็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ น้ำแข็งนี้ใหญ่แน่นมาก ความเยือกแข็งนั้นมีมาก พวกเขาไม่สามารถที่จะยอมรับฝ่ายตรงข้ามในเวลาชั่วครู่

โหย่วเผิงยังไม่รู้ว่าจะมีวันที่พ่อแม่ทิ้งความแค้นแล้วมาอยู่ด้วยกันหรือเปล่า เมษายนของปี 2004 เขาได้ทดลองใจคุณแม่ว่า “แม่ อายุแม่ก็แก่ไปทุกวันๆ ผมกับน้องชายก็ไม่ได้อยู่ข้างๆ ไม่มีคนดูแลแม่ไม่ได้นะ ผมอยากจะแนะนำเพื่อนเก่าให้กับแม่ เอาไหม?” คุณแม่ได้ปธิเสธทันที “ลูกเอย แม่อายุปูนนี้แล้ว จะหาเพื่อนอะไรอีก?” คำตอบของแม่ทำให้โหย่วเผิงได้รับคำตอบแล้ว เขารู้ว่า ในใจแม่นั้นยังมีคุณพ่ออยู่

โหย่วเผิงยังไม่ละที่จะพยายามหาทางให้พ่อแม่คืนดีกัน เขามักจะพูดต่อหน้าพ่อแม่อย่างนี้บ่อยๆว่า “คุณแม่ คุณพ่อ มักจะพูดกับผมว่า เขาเสียใจที่ที่จากท่านไป ตอนนี้เขาก็เปลี่ยนไปเยอะแล้ว” โหย่วเผิงมักจะพูดจุดดีของคุณแม่ต่อหน้าคุณพ่อบ่อยๆ “พ่อ หลายปีนี้คุณแม่ก็ลำบาก ร่างกายก็ไม่แข็งแรง แต่แม่ยังคิดถึงพ่อเสมอ ทุกครั้งที่ผมไปหาแม่ แม่มักจะฝากให้ผมบอกกับพ่อว่า อย่าชงชาแก่เกินไปหรือดื่มเหล้าเยอะเกินไป บอกว่าอายุพ่อก็มากแล้ว ข้างกายไม่มีใครดูแล จะต้องดูแลตัวเองดีๆ”

โหย่วเผิงมักจะส่งของขวัญให้พ่อแม่โดยใช้นามของฝ่ายตรงข้ามบ่อยๆ ฤดูร้อนถึงแล้ว เขาได้ซื้อหมวกบังแดด รองเท้าหนัง ส่งให้แม่โดยบอกว่าพ่อฝากให้ เขาได้ซื้อเหล้าองุ่นที่ดีแอลกอฮอลต่ำและยาที่ลดความดันส่งให้พ่อโดยบอกว่าคุณแม่ฝากมาให้ จากสิ่งของเล็กๆน้อยที่ที่ทำประจำนั้นทำให้ใจของทั้งสองท่านตื้นตัน คิดไม่ถึงว่าห่างกันหลายปีเขายังคิดถึงและห่วงหากันอยู่ น้ำแข็งในใจของพวกท่านก็ค่อยๆละลายแล้ว


Chomnath:
http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2Fc701432b.pbw

ตุลาคมปี 2004 โหย่วเผิงได้เปิดคอนเสิร์ตที่ไทเป เขาไม่ได้บอกพ่อแม่ล่วงหน้า แต่มอบตั๋วที่นั่งใกล้กันสองใบให้กับทั้งสองท่าน หลังจากที่แยกกันหลายปีแล้ว วันนี้กลับได้มานั่งไหล่ชนไหล่ ทั้งสองท่านกลับรู้สึกเขินๆ แต่ไม่ทันไร การแสดงของลูกก็ดึงความเขินออกไป พวกเขาได้เริ่มที่จะพูดกันบ้างคุยกันบ้างแล้ว ใบหน้าก็เริ่มจะมีรอยยิ้มแล้ว

หลังเสร็จจากงานคอนเสิร์ต โหย่วเผิงเชิญพ่อแม่กินปูใหญ่ ขณะกินข้าวนั้น เขาได้พูดกับพวกท่านว่า “พ่อแม่ พวกท่านรู้ไหม เมื่อถึงเทศกาลตรุษจีนของทุกปี ผมก็จะเหมือนกับเด็กที่ไม่มีบ้าน ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน เห็นคนอื่นมีบ้านที่อยู่กับพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างอบอุ่น ใจผมแทบจะร้องให้ออกมา .”เขาก็ได้เล่าถึงตลอดเวลาที่พ่อแม่หย่ากันนั้นนำหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ดีได้เข้ามาในชีวิต เขาพูดและร้องไห้ไปด้วย “พวกท่านอาจจะไม่เข้าใจ เหตุเพราะชีวิตแต่งงานของพวกท่านที่เป็นแบบนี้ มันส่งผลต่อเรื่องความรักของผม ถึงวันนี้ก็ยังไม่กล้าที่จะมีคนรัก...”

คำพูดของลูกนั้นได้ทิ่มแทงใจทั้งสองคน ทำให้น้ำตาแห่งความสับสนของพวกเขาทั้งสองไหลออกมา หลังจากทานข้าวแล้ว ขณะที่โหย่วเผิงจะของถ่ายรูปหมู่กับพ่อแม่นั้น พวกท่านไม่ปฏิเสธ ขณะที่ถ่ายรูปนั้น โหย่วเผิงได้ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างพ่อแม่ สองมือของเขาก็ได้กอดไหล่ของพ่อแม่ หลายปีแล้ว ทั้งสามคนก็ได้ถ่ายรูปด้วยกัน ทั้งสามคนต่างก็มีความรู้สึกของตัวเอง..

สิ้นปี ภาพยนตร์(ฉิงติ้งอ้ายฉิงไห่:รักข้ามขอบฟ้า)ที่โหย่วเผิงแสดงนั้นถ่ายทำเสร็จแล้ว เขาคิดจะซื้อบ้านที่ไทเปหนึ่งหลัง เขาได้ชวนพ่อแม่ไปดูบ้านกับเขา เพราะบ้านหลังนี้จะซื้อไว้ให้ยามแก่จะให้พ่อแม่อยู่ ครั้งนี้พ่อและแม่ก็ไม่มีใครปธิเสธ โหย่วเผิงดีใจเป็นพิเศษ เขาได้ขับรถชวนพ่อแม่ดูทีละหลังทีละหลัง ทั้งสามคนเห็นพ้องต้องการว่าอยากจะซื้อบ้านที่ขนาดเล็กหน่อย โหย่วเผิงได้ซื้อบ้านที่ไทเปกว้างประมาณ 200 ตารางเมตร เมื่อได้รับกุญแจแล้ว โหย่วเผิงก็มอบกุญแจให้กับพวกเขาคนละชุด บอกอย่างเกเรว่า “พ่อแม่ ลูกหวังว่าพวกท่านจะรีบย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ มาใช้ชีวิตปั้นปลายที่นี่” ทั้งสองท่านรับกุญแจแล้วเขินแล้วหัวเราะออกมา

โหย่วเผิงตั้งใจจะให้อำนาจการแต่งบ้านให้กับพวกเขา ทั้งสองท่านก็ได้ปรึกษาด้วยกันว่าจะตกแต่งอย่างไร ไปซื้อวัสดุด้วยกัน ช่วยกันทำงาน และในเวลาทำงานนั้นก็มีเรื่องพูดที่เยอะขึ้น เหตุเพราะการทำงานที่หนักเกินไป คุณแม่ล้มป่วย ไปนอกพักรักษาที่โรงพยาบาล คุณพ่อทั้งยุ่งกับงานแต่งบ้าน และต้องมาดูแลคุณแม่ ทุกวันจะวิ่งไปที่โรงพยาบาลหลายรอบ ดูแลการกินยาของคุณแม่ ช่วยคุณแม่หาอาหารและผลไม้ที่ชอบกิน

ไม่กี่วัน อาการคุณแม่ดีขึ้น คุณพ่อได้ลงมือแกงฟักใส่ซี่โครงให้กับคุณแม่ หลายปีผ่านไปจึงได้ดื่มน้ำแกงของคุณพ่ออีก คุณแม่ตื้นตันใจมาก ดื่มน้ำแกงไปได้ครึ่งถ้วย น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา และได้พูดว่า “อดีตฉันนั้นมีหลายอย่างที่ไม่ดีจริงๆ เรียกร้องคุณเกินไป ขอคุณให้อภัยด้วย ฉันเองนั้นเป็นคนใจแรงอย่างนี้แหล่ะ พูดอะไรที่ไม่ทันคิด หวังว่าคุณจะเข้าใจ ..” คุณพ่อตาเริ่มแดง ก็รีบบอกว่าตัวเองก็ผิดมากเหมือนกัน “เมื่อก่อนฉันนั้นเป็นพวกชายอกสามศอก เวลาทำไรไม่เห็นหัวอกคุณ ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมากมาย ตอนนี้อายุมากแล้ว ผมเข้าใจอะไรหลายอย่าง รู้ว่าจะอยู่กับคนอื่นอย่างไร...”


Chomnath:
http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2F9f43e8ca.pbw

มีนาคมปี 2005 โหย่วเผิงได้ปฏิเสธงานแสดงทุกอย่าง พาพ่อแม่ไปเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้, คังโจว, ซูโจว, ทั้งสามได้ลิ้มรองอาหารของแต่ละที่ ท่องเที่ยวที่ต่างๆอย่างมีความสุข คุณแม่เดินเหนื่อย คุณพ่อก็ให้แม่นั่งพัก เอาขาของแม่มาวางไปที่เข่าของตัวเอง ช่วยนวดให้คุณแม่ เมื่อเห็นภาพนี้ โหย่วเผิงตื้นตันใจพูดไม่ออก..

เมื่อกลับถึงไทเป เมื่อเห็นว่าเวลาพอสมควรแล้ว โหย่วเผิงได้บอกว่าพ่อแม่อย่างจริงจังว่า “แม่ จดทะเบียนใหม่กับคุณพ่อเถิด ผมกับน้องก็รอคอยวันนี้มานานแล้ว”แม่ยิ้มแล้วพูดว่า “ลูก แม่ไม่มีปัญหา แต่เรื่องนี้ใช่ว่าแม่ตัดสินใจเพียงคนเดียว” โหย่วเผิงกระโดดอย่างดีใจ “แม่ คุณพ่อเห็นด้วยตั้งนานแล้ว” ก็อย่างนี้ จากจิตใจที่กตัญญูอันใหญ่หลวงของลูกโหย่วเผิงนั้น มิถุนายน ของปีนี้ การหย่ากันของทั้งสองที่ผ่านไปหลายปีนั้น ตอนนี้ได้ไปจดทะเบียนใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้น พวกเราก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข โหย่วเผิงกล่าวอย่างดีใจ

ปี 2007 โหย่วเผิงย่าง 34 แล้ว ยังโสดสนิท ตอนนี้กลับเป็นพ่อและแม่ที่กังวลใจแล้ว จากประสบการณ์ร้ายๆของพ่อและแม่นั้นทำให้โหย่วเผิงเข้าใจว่า ชีวิตคู่นั้นหาใช่ราบรื่นตลอด มีอุปสรรค์นั้นเป็นเรื่องที่ปกติ ขอเพียงเรียนรู้ที่จะบริหารจัดการ ก็จะได้พบความสุขแน่นอน ตอนนี้ เขาไม่กลัวความรักอีกต่อไป เขาได้บอกกับพ่อแม่อย่างจริงใจว่า “พ่อแม่ พวกท่านสบายใจได้ ผมจะพิจารณาเรื่องนี้ในไม่ช้า”


The End


นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version