Interviews [Thai Translation] | ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากจะรู้ ซึ่งไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน > Interviews & Video Clips

2003 MVP Model Valuable Play

(1/8) > >>

Chomnath:
บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง

   "MVP MODEL VALUABLE PLAY"
จากรายการชิงชุนจี้ซื่อปู้ ปี 2003 


http://www.youtube.com/v/49_3TZysIMo

2003 台湾MVP青春记事簿——苏有朋
รายการชิงชุนจี้ซื่อปู้



Chomnath:


 


สถานี   :ถู่โต้วหวั่ง รายการ.ชิงชุนจี้ซื่อปู้

 
 พิธีกร   : เปิดรายการชิงชุนจี้ซื่อปู้ ลองมาฟังความในใจของเอ็มวีพี ก่อนอื่นอยากจะขอพูด
            สถานการณ์ของภาพหนึ่งให้ฟัง  ไม่นานมานี้มีกลุ่มเด็กมัธยมปลายกลุ่มหนึ่ง
            อายุประมาณ 17-18 ปี  พวกเขาไปรับประทานอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
            ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเพลงที่เปิด เพลงหนึ่งของเสี่ยวหุ่ตุ้ยในสมัยอดีต “หงชิงถิง”
            เพลงนี้ทำให้พวกเขาน้ำตาไหล เพราะว่าพวกเขาได้หวนคิดถึงเรื่องราวในสมัยอดีต
            จริงๆแล้วคำว่า “เสี่ยวหุ่ตุ้ย” สามคำนี้ได้เป็นเพื่อนสหายเคียงข้างคนมากมายเติบโตมาด้วยกัน
            เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นความทรงจำที่หวานชื่นของพวกเขา  แขกของเราในวันนี้นั้น
            ก็คือ "ไกวๆหู่"ซึ่งเป็นสมาชิกของเสี่ยวหู่ตุ้ยในอดีต “ซูโหย่วเผิง”

 
บรรยาย  : ศิลปิน โหย่วเผิง หลังจากที่ได้จบการศึกษาจากก่อจงแล้ว ก็ได้ย่างเข้าสู่วงการบันเทิง
             เขาที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอของเด็กนักเรียน และได้รับการสนใจเพ่งมองเป็นอย่างมาก
             แต่ว่าการจ้องมองของผู้คนมากมาย ที่สนใจในตัวเขานั้นก็ได้สร้างความกดดันให้กับเขา
             ไม่น้อยเหมือนกัน หลังจากที่ได้เปลี่ยนทิศทาง หักเหชีวิตของตัวเอง
             ชีวิตของโหย่วเผิงได้เริ่ม"นับศูนย์"ใหม่ เข้าสู่วงการแสดง ทำให้เป็นที่หลงรักของแฟนๆ
             ในสองประเทศด้วยกัน (จีน ไต้หวัน) ประสบการณ์การเติบโตตั้งแต่วัยเรียนจนถึงวันนี้นั้น
             จะได้มาพูดคุยเปิดประเด็นในรายการของเรา


 http://w1214.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw1214.photobucket.com%2Falbums%2Fcc484%2Fsandy2503%2F58be2bab.pbw

Chomnath:

 

 
 
พิธีกร     . ก่อนอื่นก็ขอ สวัสดีคุณโหย่วเผิง

โหย่วเผิง : สวัสดีครับพี่แหย่ สวัสดีผู้ชมทุกท่าน กระผมซูโหย่วเผิง

พิธีกร     . ฉันคิดอยู่เสมอว่า โหย่วเผิงนั้นเป็นคนที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
              จริงๆแล้ว อายุก็ไม่น้อยแล้วนะ ดูซิ คนอื่นเขาอายุ 17-18 กันแล้ว
              ไม่ว่าจะอยู่ที่ประถมหรือมัธยม  ก็ยังฟังเพลงของพวกคุณอยู่

โหย่วเผิง : ก็เพราะผมนั้นเข้าสู่วงการเร็วมากๆ

พิธีกร     . ใช่ๆ ทุกคนก็พูดอย่างนี้กัน จางเหวินเจีย ก็ยังบอกเลยว่าเขานั้น
              ได้เข้าสู่วงการตั้งแต่ตอนอยู่อนุบาล

โหย่วเผิง : แล้วใครจะไปทำอะไรได้

พิธีกร     . อื่ม ใช่ๆ หากจะเอ่ยถึงซูโหย่วเผิงแล้ว ก็จำต้องพูดถึง"เสี่ยวหู่ตุ้ย"ด้วย
              แน่นอนเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น  ก็จะพูดถึงช่วงแวลาแห่งการเติบโตของคุณใน"เสี่ยวหู่ตุ้ย"
              ก่อนอื่นอยากจะพูดถึงสมัยเด็กๆของคุณ เพราะว่าทุกคนเข้าใจว่าคุณเป็นเด็กที่ดีมากๆ
              ไม่ดื้อ  เพราะรูปร่างภายนอกของคุณ จริงๆแล้วรูปร่างภายนอกของคนเรานั้น
              บางครั้งก็เป็นสิ่งที่หลอกลวงเหมือนกัน

โหย่วเผิง : มันอาจเป็นเพราะว่าตอนนั้นเริ่มแรกที่ผมเข้าสู่วงการ เป็นช่วงที่ผมเป็นเด็กนักเรียนอยู่
              ทุกคนก็เลยได้มองภาพอย่างนั้นในตัวผม

พิธีกร     . ฉะนั้นในตอนนั้นแท้จริงแล้วก็คือช่วงที่ปั้นภาพลักษณ์ของตัวเอง
              ก็คือเป็นคนที่สงบเรียบร้อย สุภาพอ่อนโยน แต่จริงๆแล้วเทียบกับบุคลิก ส่วนตัวของคุณนั้น
              คุณไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียทั้งหมดเลย  ใช่ไหม?

โหย่วเผิง : ใช่ครับ มันไม่เหมือนบุคลิกของผมเลย

พิธีกร     . ลองเล่าให้เราฟังหน่อยซิว่า คุณในสายตาของคุณพ่อคุณแม่นั้นเป็นลูกแบบไหนอย่างไร

โหย่วเผิง : ผมหรือ? อื่มผมเป็นเด็กที่เลี้ยงดูแลยากพอสมควร เป็นเด็กไฮเปอร์

 

 

Chomnath:

 



พิธีกร     . อื่มเด็กไฮเปอร์ ที่ว่าไฮเปอร์นั้นเป็นการไฮเปอร์ในตัวคุณจริงๆ
             หรือว่าพวกเขาคิดหรือรู้สึกว่าอย่างนั้น

โหย่วเผิง : น่าจะเป็นความรู้สึกของพวกท่านมากกว่า เพราะว่าตัวผมเองรุ้สึกว่า
              ผมนั้นแค่ร่าเริงไปหน่อย ไม่ถึงขนาดไฮเปอร์ ตอนเด็กๆนั้นผมเป็นคนที่ร่าเริงมากๆ
              ผมจำได้ว่าพวกท่านก็มักจะพูดกับผมว่า ในสมัยเด็กก่อนจะนอนนั้นพวกท่านจะต้อง
              อุ้มผมไว้ เพียงแค่ท่านวางผมลงบนเตียงผมก็จะร้องไห้เลย ฉะนั้นบางครั้งพวกท่านก็
              จะต้องอุ้มผมไว้จนสว่างก็มีนะ จากนั้นเมื่อผมโตขึ้นมาหน่อย ก็มักจะไปที่บ้านของคุณยาย
              ที่บ้านคุณยายนั้นสนามหญ้ากว้างมากๆ และผมก็วิ่งเล่นไปทั่วพวกท่านมาไล่จับผม
              แต่ก็จับไม่ได้ ตอนเด็กผมก็เป็นคนที่ชอบคุย และชอบการแสดงมากๆ

พิธีกร     . เด็กๆนั้นคุณชอบคุย

โหย่วเผิง : ใช่ครับ ทั้งยังชอบแสดงโชว์ด้วย

พิธีกร     . แล้วชอบแสดงโชว์อะไรบ้างล่ะ?

โหย่วเผิง : ก็คือชอบอวด ชอบโชว์อะไรประมาณนี้ ผมจำได้ว่าตอนนั้น

พิธีกร     . ร้องเพลงเต้นรำโชว์ทุกอย่างเลย

โหย่วเผิง : อื่มตอนนั้นหรือ ถ้าสมัยเด็กๆเลยนั้นผมเองก็จะไม่ค่อยได้ แต่ว่าตอนที่ผมจำได้นั้น
              พวกเรามีรูปถ่ายใบหนึ่ง คือคุณน้าใหญ่หรือน้ารอง ก็ไม่รู้ลืมไปแล้ว
              ท่านทั้งสองเป็นน้องสาวของแม่ผม และวันแต่งงานของพวกเขานั้น
              ผมก็ได้วิ่งไปวิ่งมาในงานจนวุ่นวายไปหมดเลย

พิธีกร     . คุณเป็นคนที่โปรยดอกไม้ด้วย

โหย่วเผิง : ใช่ ตอนนั้นผมถืออะไรสักอย่าง รุ้สึกว่าตอนนั้นผมยังไม่ขึ้นประถมเลยมั้ง
              และรูปใบนั้นเป็นรูปที่ผมยืนอยู่ที่ ตะกรัาดอกไม้ทำหน้าบ้องๆอย่างนี้
              อื่ม ไม่รู้ว่าไปยืนท่าอย่างนั้นได้ไง




Chomnath:




พิธีกร    . คุณเป็นผู้ถือดอกไม้ตัวเล็กๆ แต่กลับไปสร้างความวุ่นวายที่ยิ่งใหญ่ในงาน
             ตอนเด็กอยู่ไม่สุข ร่าเริงมากๆ แล้วคุณพ่อคุณไม่รู้สึกเหนื่อยกับการเลี้ยงดู
             แต่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกรัก โอ๋มากๆเลยใช่หรือเปล่า

โหย่วเผิง : พวกท่านรักโอ๋ผมมาก เพราะน้องชายผมอายุห่างผมตั้ง 6 ปี ก็คือ
              ก่อนที่จะคลอดเขานั้น ผมก็เป็นลูกคนเดียวในบ้าน อีกอย่างก็คือผมเองนั้นแต่เด็ก
              ก็เรียนพวกศิลปะอะไรอย่างนั้นมาพอสมควร  ถือได้ว่าเป็นพวกเด็กศิลปะ
              ฮ่าๆๆ พูดเองเออเอง

พิธีกร     . เป็นเด็กชายที่น่ารักดีงาม ใส่แว่น เด็กเรียน

โหย่วเผิง : ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ เพราะแต่เด็กก่อนจะเข้าประถมที่ก๋อจงผมเองก็เป็นคน
              ที่สายตาสั้นแล้ว ฉะนั้นตลอดเวลานั้นผมก็จะสวมแว่นหนาๆอันหนึ่ง ก็เลยทำให้ทุกคน
              มองว่าผมนั้นเหมือนกับเด็กเรียน มากๆอะไรอย่างนี้ จริงๆแล้วตอนนั้นผมก็ได้เรียนหรือ
              ไปติวหลายๆอย่างเหมือนกัน เช่น ลูกคิดคณิต การคิดเลขในใจ หลักไวยกรณ์ การเรียงความ
              วาดรูป ร้องเพลงประสานเสียง อะไรมากมายจิปาถะ ตอนหลังยังไปเรียนการเปียโนอีกด้วย

พิธีกร     . การไปร้องเพลงประสานเสียงถือว่าไปเรียนติวเตอร์ด้วย

โหย่วเผิง : อื่ม สิ่งเหล่านี้ล้วนไปเรียน ตอนเลิกเรียนแล้ว

พิธีกร     . พูดง่ายๆก็คือคุณมีกิจกรรมเยอะแยะที่จะทำกัน เป็นการเรียนเสริมแนวศิลปะ

โหย่วเผิง ; ใช่ๆๆ มีการเรียนลักษณะอย่างนี้เยอะ

พิธีกร     . จากตรงนี้สามารถมองออกว่า คุณพ่อคุณแม่นั้นได้คาดหวังคุณมากๆ หรือว่า
              พวกเขายุ่งมากจนไม่มีเวลาที่จะมาดูแลคุณ แล้วส่งคุณไปเรียนสิ่งเหล่านั้น

โหย่วเผิง : น่าจะเป็นการคาดหวังของคุณพ่อคุณแม่มากกว่า จริงๆแล้วใช่ว่าท่านจะไม่มีเวลา
              มาดูแลผม เพราะว่าตอนนั้นคุณแม่เป็นแม่บ้าน เป็นคนดูแลผม ท่านไม่ไปทำงานอะไรเลย

พิธีกร     . อื่ม ที่คุณเรียนนั้นมากมายเหลือเกิน อะไรเป็นสิ่งที่คุณคิดว่าชอบและรักที่สุด

โหย่วเผิง : เรียนเปียโน จริงๆแล้วตอนเด็กๆนั้นการเรียนเล่นเปียโนของผมนั้น
              ถือว่ามีพรสวรรค์เหมือนกัน



นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version