Interviews [Thai Translation] | ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากจะรู้ ซึ่งไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน > Interviews & Video Clips

2004 Suyoupeng in Super Talk

<< < (2/9) > >>

Chomnath:
ตอน 2. บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จากรายการ "ครั้งแรกของซูโหย่วเผิง"
ช: เอ่ยถึงโหย่วเผิงแล้ว พวกเราทุกคนล้วนชื่นชอบ และที่ทางรายการของเราก็มีผู้เข้าร่วมรายการมากมายที่เป็นแฟนเพลงแฟนละครจากที่ต่างๆได้นำช่อดอกไม้มามอบให้

ญ: ยังมีทั้งของขวัญและผลไม้มากมายอีกด้วย สิ่งที่พวกเราได้เห็นเมื่อกี้นี้คือ รูปในสมัยมัธยมของคุณ เป็นรูปที่ตอนจบมัธยมต้น

ช: ตอนเด็กคุณก็ได้สวมแว่นอันใหญ่เลยใช่ไหม

โหย่วเผิง: ใช่ ตอนประถมศึกษา (ป.2) ผมก็สายตาสั้นแล้ว

ช: มันสั้นขนาดไหน

โหย่วเผิง: จนถึงผมจบมัธยมต้นแล้ว ก็สายตาสั้นถึงประมาณ 600 กว่าละมั้ง และจบมัธยมปลายก็ประมาณ 800 กว่า

ช: หากว่าถอดแว่นออกคุณก็จะมองไม่ชัด

โหย่วเผิง: ก็ประมาณนั้นแหล่ะ

ญ: เราลองมาดูซิว่า รูปถ่ายตอนเด็กของโหย่วเผิงรูปหนึ่ง โฮ้ มันไม่เหมือนคุณเลย ตอนนั้นอายุเท่าไรหรือ

โหย่วเผิง: นี่เป็นรูปตอนจบอนุบาล ผมยังจำได้ว่าตอนนั้น คือก่อนจะจบ ทุกคนก็จะไปถ่ายรูปที่ชายหาด ไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แล้วผมเองก็เป็นเด็กที่ซนมากๆ เพราะตั้งแต่เด็กผมก็ซนอยู่แล้ว เป็นพวกชอบอยู่ไม่สุข เมื่อเราไปถึงที่ชายหาด ผมก็ไม่สนใจในการที่จะเกาะกลุ่ม ผมวิ่งไปเล่นน้ำอีกที่หนึ่ง แล้วทำให้เปียกไปทั้งตัว คุณครูก็โมโหมากๆ ก็ให้ผมถอดเสื้อผ้าจนหมด จากนั้นสุดท้ายทุกคนมีเสื้อคลุย มีเพียงผมคนเดียวที่อยู่อย่างนี้ ไม่มีเสื้อผ้าใส่ อายมากเลยไปหลบอยู่ข้างๆ


ญ: เด็กผู้ชายไม่ใส่เสื้อ ทำไมต้องปิดด้วย จริงๆแล้วไม่เป็นไรนี่

ช: อายุแค่ 4-5 ขวบ คงไม่มีเขินอายมั้ง

โหย่วเผิง: ผมเริ่มมีความเขินอายแล้ว ผมเป็นพวกแก่แดด

ช: เรามาดูรูปที่สองกัน

โหย่วเผิง: นี่น่าจะอยู่ในช่วงประถมศึกษานะ

ช: แต่ว่าดูคุณแล้วรู้สึกโตมากเลยนะ

โหย่วเผิง: เพราะว่าช่วงประถมศึกษานั้น ทุกคนก็มีชุดนักเรียนแล้ว ผมจำได้ว่าตอนที่จบประถมศึกษานั้น ผมกับเพื่อนๆไม่เหมือนกัน ทุกคนล้วนใส่แจ๊คเก็ต ผมเป็นคนที่แตกต่างไป โดยไปตัดชุดสูท แล้วก็สวมแว่นหนาๆอันหนึ่ง ฉะนั้นในบรรดาหมู่เพื่อนๆแล้ว มันจะทำให้ผมรู้สึกแก่มาก

ช: คุณนั่งอยู่ในกลุ่มแล้วใส่สูท ถ้าดูไปแล้วคุณจะเหมือนครูใหญ่หรือเปล่า

โหย่วเผิง: คงเหมือนนิดหน่อย

ช: ความรู้สึกเหมือนเป็นครูใหญ่น้อย

ญ: และในวันนี้ ฉันรู้สึกว่าเขาอยากจะสื่อผ่านทางการแต่งกายของเขาให้รู้ว่าเขาเป็นนักเรียนดี อะไรอย่างนั้น

โหย่วเผิง: ตอนเด็กผมจำได้ว่าผมเองก็เป็นเด็กศิลปะประมาณนั้น

Chomnath:
ญ: โหย่วเผิง คุณรู้ว่าสมาชิกในเสี่ยวหู่ตุ้ยของพวกคุณนั้น เคยได้มาร่วมรายการของพวกเราด้วย

โหย่วเผิง: ผมรู้ ผมรู้ อู่ฉีหลง

ญ: เขาเคยพูดกับคุณไหม เขาได้พูดความรู้สึกที่มาในรายการนี้ไหม ได้มีโอกาสคุยกับเขาหรือเปล่า

โหย่วเผิง: เพราะตอนนี้เขาเป็นอาเสี่ยไปแล้ว ยุ่งมาก

ญ: แล้วคุณอยากจะฟังสิ่งที่เขาให้คำแนะนำกับคุณไหม

โหย่วเผิง: ผมไม่อยาก

ญ: ไม่อยากฟังหรือ เพราะอะไรล่ะ

โหย่วเผิง: ไม่หรอก ล้อเล่น

ช: แค่คุณบอกว่าไม่อยากฟัง พวกเราก็ยากในการดำเนินรายการต่อไปแล้วนะ รู้ไหมยังมีหลายรายการรออยู่

ญ: เขาล้อเล่น

ช: เขามีการแนะนำหลายอย่างที่จริงใจมาก เขามีข้อระวังหลายเรื่องที่แนะนำก่อนจะมาออกรายการนี้ คุณลองฟังดูก่อน ดีไหม

อู่ฉีหลง: หวัดดี โหย่วเผิง ได้ยินไหม ผมจะบอกกับคุณว่ารายการนี้เนี่ย ผมเองก็พึ่งไปมาไม่นานนี้เอง คุณเองก็รู้อยู่แก่ใจแล้ว เพราะรายการนี้นั้น เขาได้ถามอย่างละเอียดมากๆ บางครั้งทำให้คุณร้องไห้เลย บางครั้งก็ทำให้คุณหัวเราะ แล้วพวกเขาจะเอาเรื่องอดีตหลายๆเรื่องของคุณ บางครั้งเรื่องบางอย่างที่คุณคิดว่าพวกเขาไม่น่าจะรู้ล้วนจะถูกพวกเขาขุดออกมาทีละเรื่องทีละเรื่อง ฉะนั้นสู้ๆ ระวังหน่อย อย่าเป็นเหมือนผม ขายหน้าจริงๆ ยังมี เหตุเพราะมีผมที่เคยมาร่วมรายการก่อนคุณ อยากจะเตือนคุณที่นี่หน่อย หากมีเรื่องอะไรตัวเองต้องพูดก่อน พูดตรงๆจะทำให้ไม่ลำบาก ปิดๆเปิดๆจะลำบาก คุณเข้าใจนะ ตัวผมเองโดนมาก่อนแล้ว ก็ไม่เป็นไรแล้ว

ช: มา พวกเรามาขอบคุณอู่ฉีหลง

ญ: มีเรื่องอะไรที่ตัวเองเจอก่อนแล้ว

ช: คุณรู้ไหมวันนั้นที่ดำเนินรายการกับอู่ฉีหลง เขามาอย่างดีอกดีใจ แต่ขากลับถูกหามส่งออกไป

ญ: ยิ่งกว่านั้นตัวเขาเองก็รู้สึกว่า เขาล้มเหลวไม่มากก็น้อย ก็คือสังเกตุเห็นว่าตัวเองคบเพื่อนไม่ระวัง แล้วยังไปเปิดร้านอาหาร ให้พวกเขามากินๆดื่มๆ สุดท้ายก็รู้ว่าพวกนั้นไม่ใช่เป็นเพื่อนจริงๆ

โหย่วเผิง: ใช่ กลับไปแล้วก็ปิดร้านไปเลย

Chomnath:
ช: พูดถึงโหย่วเผิงแล้ว ภาพลักษณ์ของคุณที่มีมาตลอดก็คือ ภาพที่ดีเชื่อฟัง ตอนเด็กคุณเหมือนเด็กในวัยเดียวกันกับคุณอย่างนั้นหรือเปล่าที่

ญ: เขาห้ามพูด "ไกว" อีก

ช: คือ ทั้งเกเร ทั้งซุกซน เป็นอย่างนั้นไหม

โหย่วเผิง: มี แน่นอนอยู่แล้ว มันก็ต้องมี

ช: แล้วซนจนถึงจุดไหน

โหย่วเผิง: ตอนเด็กนั้นผมเป็นคนร่าเริงมากๆ เป็นเด็กไฮเปอร์

ญ: ตอนเด็กๆหรือ

โหย่วเผิง: ใช่ ตอนอยู่ประถม ผมเป็นเด็กไฮเปอร์ คุณครูสอนหนังสืออยู่ข้างบน เสียงที่ผมอยู่ข้างล่างพูดนั้นก็จะดังเหมือนเสียงที่ครูสอนอะไรอย่างนั้น

ช: พูดจริงหรือพูดเล่น

โหย่วเผิง: จริงๆ

ญ: ฉันรู้ว่าเด็กอย่างคุณในตอนนั้นเป็นพวกเด็กที่น่ารำคาญมาก

โหย่วเผิง: แต่ว่าการบ้านผมกลับทำได้ดีนะ ฉะนั้นคุณครูก็จะไม่ได้คิดอย่างที่คุณคิดอย่างนั้น

ช: เวลาที่คุณเกเรนั้นมักจะเป็นอย่างไร

ญ: เคยแบบมีความรู้สึกว่าครูให้ท้ายอย่างนั้นหรือเปล่า

ช: ใช่ ตัวเองกลับมาคิดดูแล้ว ว่าตอนเกเรนั้นตัวคุณเป็นอย่างไร

ญ: ตอนที่อยู่กับเพื่อนๆ

โหย่วเผิง: ทำไมรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างนั้น

ญ: แต่ฉันรู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นการมาร่วมรายการของคุณก็ดี ไม่ว่าจะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวก็ดี ก็ยังนับว่าปกติอยู่ แล้วตอนที่อยู่กับเพื่อนๆปกติอย่างนี้หรือเปล่า

โหย่วเผิง: ตอนเด็กนั้นผมเองไม่ปกติจริงๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองนั้นชอบแสดงออกอะไรอย่างนั้น

ญ: แล้วตอนนี้ยังชอบแสดงออกอยู่หรือเปล่า

โหย่วเผิง: ตอนนี้ก็นับว่าดีขึ้นหน่อยแล้ว

ญ: ไม่นะ ตอนนี้ก็ยังมีคนอื่นว่าคุณชอบแสดงออกมากเลย มาลองฟังว่าเพื่อนคุณพูดว่าไง


อู่ฉีหลง: จะบอกถึงความปัญญาอ่อนของเขาให้คุณฟัง ยกตัวอย่างช่วงปี 92 เสี่ยวหู่ตุ้ยได้มีการทัวร์คอนเสิร์ด ผมจำได้ว่ามีครั้งหนึ่ง เป็นช่วงที่เสร็จจากงานคอนเสิร์ดแล้วเนี่ย พวกเราก็ไปพักอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งธรรมดาแล้วร้านอาหารก็จะเป็นแบบถนนยาวๆ พวกเราก็เลือกห้องที่ใกล้ที่สุด แล้วเขาก็กระโดดจากถนน โดดไปอย่างน่าตื่นเต้น โดดไปโดดมา ยิ่งโดดยิ่งสูงๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทันใดที่เขาโดดขึ้นสูงๆแล้วทำฝ้าของคนอื่นแตกจนเป็นรู แล้วหัวของเขาก็ได้รับบาดเจ็บ นี่ก็คือสุขตัวเองแต่ต้องเจ็บตัว แต่ว่าจากจุดนี้ก็ให้คุณเห็นถึงความเดียงสาของเขา ความน่ารักของเขา ก็คือเวลาที่สบายใจ เขาก็จะมีความสุขสุดสุด


หลินซินหยู: จริงๆแล้ว ฉันรู้สึกว่าตัวเขาเองจะอยู่ในบริเวณที่คิดว่าปลอดภัย คือไม่มีคนนอก ไม่มีอะไรที่จะให้ตัวเองไปกังวลนั้น เขาก็จะสบายๆมาก เขาจะเล่นกับคุณอย่างสบายๆ ไม่ว่าจะหยอกล้อเล็กๆน้อยๆ หรือว่าจะเป่ายิงฉุบ หรือว่าเวลาที่พวกเราร้องเพลงด้วยกัน แม้กระทั้งมีกิจกรรมที่แปลกๆเขาเองก็ปรับตัวกับมันได้ เขายังสามารถเลียนแบบอารมณ์ของฉันได้ คุณสามารถให้เขาทำให้คุณดูก็ได้

Chomnath:
ญ: เรื่องที่อู่ฉีหลงเล่าไปนั้น

โหย่วเผิง: เรื่องที่เขาเล่านั้นเป็นเรื่องจริง ใช่ ประมาณ 11 ปีก่อนคือเสี่ยวหู่ตุ้ยได้มาที่จีน เป็นกลุ่มแรกของไต้หวันที่มาออกทัวร์คอนเสิร์ด ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมพึ่งสอบผ่าน เป็นช่วงที่อัลบั้ม(รัก)พึ่งออกจำหน่าย และตรงกับช่วงที่ผมสอบเข้ามหาลัยได้ ฉะนั้นในใจนั้นมีความสุขมากๆ ยิ่งกว่านั้นในช่วงที่ผมเป็นนักเรียนนั้นผมชอบเล่นบาสมากๆ บางครั้งว่างๆก็จะกระโดด จั๊ม ก็คืออยู่ที่ทางเดิน ใช่ ก็เดินไปแล้วจั๊มไป โดดๆ จั้มๆ แล้วสังเกตุว่าเอวเราจะโดดได้สูงมาก สุดท้ายก็โดดสูงจนโดนฝ้าจริงๆ เลือดไหลไม่หยุดเลย

ช: โอ้ คุณได้ชนเพดานนั้นจนทะลุเลยหรอ แล้วตรงหัวก็ได้รับบาดเจ็บมีแผลเป็นด้วย

โหย่วเผิง: จริงๆแล้วฝ้าบางชนิดก็ไม่ใช่ว่าแข็งขนาดนั้น ตอนนั้นก็เหมือนกับว่ามันมีกรอบแล้วเอาฝ้ามาวางในกรอบมันเป็นแผ่นๆ แค่วางไว้ที่กรอบเท่านั้นเอง ฉะนั้นคุณสามารถชนมันออกมาได้ คุณเข้าใจความหมายของผมไหม ใช่ ผมก็ได้ชนฝ้าทั้งแผ่นออกไปแล้วหัวก็ไปคาที่กรอบของมัน หัวก็ไปชนถูกกรอบของมัน

ญ: แล้วคุณได้เห็นทิวทัศน์บนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

โหย่วเผิง:ใช่ แม้แต่ตัวเองก็ยังคิดไม่ถึงว่าจะโดดได้สูงขนาดนี้

ญ: ฉันรู้สึกว่าคุณจะเป็นพวกโรคไฮเปอร์ อะไรอย่างนั้น

โหย่วเผิง: ตอนเด็กนั้นผมเองเป็นคนร่าเริงมากๆ เป็นเด็กประเภทหยุดนิ่งไม่ได้

ช: แล้วเรื่องที่หลินซินหยูเล่าล่ะ

โหย่วเผิง: ผมเองก็ไม่ค่อยสนิทกับเธอสักเท่าไหร่ เรื่องที่เขาเล่านั้นอาจไม่จริง

ญ: ไม่นะ เขาบอกว่าคุณเนี่ยเซียนมากๆ คือเลียนแบบอารมณ์โมโหของเธอได้

โหย่วเผิง: ผมจำได้ว่า คือน่าจะเป็นละครเรื่องแรก(องค์หญิงกำมะลอ)เรื่องนั้น เพราะตอนนั้นตัวเองไม่มีประสบการณ์การแสดงเลยสักนิด ฉะนั้นผมมักจะ..ก็คือ ช่วงที่ตัวเองไม่ได้เข้าฉากนั้นผมก็จะไปดูพี่ๆ หรือว่านักแสดงคนอื่นแสดงอย่างไร แล้วตอนนั้นก็มักจะไปเลียนแบบคนอื่น และผมเองก็รู้สึกว่าที่เขาแสดงเป็นจื่อเวยนั้นก็มีเอกลักณ์ของจื่อเวย คุณรู้ไหม เวลาที่เธอพูดก็มักจะตาโตๆ
 

ญ: แล้วตอนที่หลินซินหยูโมโหจะเป็นอย่างไร เขาบอกว่าคุณเลียนแบบได้เนียนมาก

โหย่วเผิง: พี่หัวโต เธอชอบเรียกผมว่า "พี่ซูหัวโต"

ญ: แล้วใช้ได้ไหม

โหย่วเผิง: ต้องดูสถานการณ์ เพราะผมกับเธอไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่

ช: แล้วหัวคุณใหญ่จริงๆหรอ

โหย่วเผิง: หัวผมใหญ่ แต่เด็กหัวก็โตแล้ว หากว่าคุณสังเกตุรูปถ่ายวัยเด็กของผม ก็จะเห็นว่าหัวผมโตมาก แล้วแบกไม่ไหว เวลาเดินๆเดินๆก็จะเอียงไปข้างหลังอย่างนี้ ในจีนผมเห็นเพียงแค่หัวของจางหยีเท่านั้นที่ใหญ่กว่าของผม


The end part 2

Chomnath:
ตอน 3 บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จากรายการ "ครั้งแรกของซูโหย่วเผิง"
ญ: ภาพยนตร์แนวชุดโบราณของคุณเยอะมาก ฉันเข้าใจว่านักแสดงก็จะมีการเปลี่ยนไปตามสถานที่ เมื่อกี้คุณบอกว่าพักที่โรงแรมบ่อยมาก แล้วที่ปักกิ่งไม่มีบ้านของตัวเองมั้ง

โหย่วเผิง: ไม่มี บ้านก็ยังอยู่ที่ไทเป

ช: อยู่ที่ไทเป แล้วบ้านคุณสะอาดไหม เพราะว่าพวกเราได้ทำการสำรวจมา มันแปลกมาก ยกตัวอย่าง ขณะที่เป็นแขกรับเชิญได้ถามว่า คุณเป็นคนที่รักสะอาดไหม คุณเป็นคนที่มอมแมมไหม แล้วเพื่อนๆของเขาก็จะบอกกับพวกเรา แต่ว่าสำหรับเพื่อนๆของคุณนั้นแปลกมาก พวกเขาได้บอกเราว่า โหย่วเผิงเป็นคนที่มอมแมมที่มีความสะอาดด้วย

โหย่วเผิง: จริงๆแล้วในจิตใจนั้นเป็นคนที่รักความสะอาด แต่ในการกระทำน้นจะออกแนวมอมแมม พูดอย่างนี้ไม่รู้เข้าใจไหม

ช: มีนักแสดงมากมาย ขณะที่เราไปสัมภาษณ์พวกเขาแล้วมักจะบอกว่า บ้านนั้นสำหรับข้าพเจ้าเสมือนโรงแรม

โหย่วเผิง: สองสามปีมานี้ก็จะเป็นอย่างนั้น ยุ่งจริงๆ

ช: แล้วโรงแรมในบ้านของคุณนั้นสกปรกไหม

โหย่วเผิง: โรงแรมนั้นก็สกปรกมากนะ เดินยากมาก

ญ: แล้วคุณเห็นด้วยกันการพูดอย่างนี้ไหม คือมอมแมมแต่สะอาด

โหย่วเผิง: ก็คงเป็นอย่างนั้นแหล่ะ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version