แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Alec Love Me

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 21
21
[2018.11.17] 苏有朋哽咽追忆金庸 回忆拍《倚天屠龙记》挑战与艰难

http://www.sohu.com/a/276083695_114941?scm=1002.280027.0.PC_CHANNEL_FEED&spm=smpc.ch19.fd.1.1542436794765UulNr5H

[2018.11.17] ซูโหย่วเผิงได้พูดถึงความทรงจำที่มีต่อคุณกิมย้ง ได้ย้อนนึกถึงความท้าทายและความยากลำบากตอนที่ถ่ายทำละครเรื่อง ดาบมังกรหยก

ซูโหย่วเผิงผู้รูปหล่อมีออร่า

สำนักข่าวบันเทิง Sohu (สถานีเซี่ยงไฮ้ หม่ายร๋งหลิง/เนื้อข่าว) ไม่กี่วันก่อน ซูโหย่วเผิงได้ไปร่วมงานพิธีเปิดโรงแรม InterContinental Shanghai Shimao Intercontinental Hotel ซูโหย่วเผิงสวมชุดสูทสีม่วงแดงมีออร่า หล่อสง่างามมาก ภายในงาน ซูโหย่วเผิงยากที่จะเก็บอาการซ่อนความตื่นเต้นและความประหลาดใจกับความยิ่งใหญ่ของความมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมแห่งนี้ ในการให้สัมภาษณ์ ได้พูดถึงการจากไปของคุณกิมย้ง ซูโหย่วเผิงได้พูดถึงความทรงจำที่มีต่อคุณกิมย้ง ได้ย้อนนึกถึงความท้าทายและความยากลำบากตอนที่ถ่ายทำละครเรื่อง ดาบมังกรหยก

สำหรับผลงานการสร้างของพระเจ้าที่ได้เนรมิตกำแพงหินทิ้งร้างให้กลายเป็นความมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมของโลกแห่งนี้ ซูโหย่วเผิงกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ตื่นเต้นมาก ไม่ใช่แค่ผมนะ แต่รวมถึงคนงานทุกคนที่ได้แต่ร้อง”ว้าวๆๆๆ”ตลอดทาง ภาพวิวทั้งหมด สิ่งก่อสร้างทั้งหมด บวกกับวิวธรรมชาติที่ให้มาแล้วนั้น เป็นรูปแบบสิ่งปลูกสร้างที่มีระดับความยากและซับซ้อนเป็นอย่างมาก ผมว่ามันเป็นภาพที่แปลกใหม่นะ”

เมื่อพูดถึงการจัดการเรื่องราวระหว่างอาชีพการงานและชีวิตแล้วนั้น ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า "หลังจากภาพยนตร์เรื่อง (The Devotion of Suspect X) จบลงเมื่อปีที่แล้ว ผมก็ให้วันหยุดพักผ่อนกับตัวเองค่อนข้างนานพอสมควร เมื่อหลายปีก่อนที่มีงานแน่นมาก ผมก็พยายามที่จะควบคุมจังหวะชีวิตของตัวเองให้ได้ ตอนนี้ก็ถือว่าผมสามารถทำได้ค่อนข้างดี พยายามที่จะสนุกกับชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในส่วนของการทำงานก็พยายามทำแบบพักผ่อนไปในตัว"

ซูโหย่วเผิงนึกถึงความทรงจำตอนที่ถ่ายทำละครเรื่อง ดาบมังกรหยก

สำหรับแผนการทำงานในอนาคต ซูโหย่วเผิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "หลังจากที่ถ่ายทำรายการร้านอาหารจีนซีซั่น2เสร็จก็จะกลับไปทำหน้าที่เดิม ตอนนี้ผมยังมีเรื่องราวจากเหตุการณ์ข่าวทางสังคมที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการผลิตและการส้รางภาพยนตร์ ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินงาน” สำหรับผลงานการละครในช่วงก่อนได้ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ซูโหย่วเผิงเองก็รู้สึกประหลาดใจ : ผมไม่ได้ดังแค่ตอนเรื่ององค์หญิงกำมะลอหรือเรื่องมนต์รักในสายฝนนะ แค่ผมตื่นขึ้นมาก็รู้แล้วว่าถูกพูดถึงมาก รู้สึกเท่ห์ตลอดเวลา ผมคิดว่าทุกคนน่าจะชอบผมนะ ดังนั้นถ้ามีโอกาสได้เล่นละครอีกครั้งก็คงน่าจะดี ยินดีมากครับ”

ซูโหย่วเผิงยังกล่าวอีกว่า ในเส้นทางอาชีพการแสดงของตนเองนั้น ละครเรื่องดาบมังกรหยก ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานที่สำคัญ "ตอนนั้นในฐานะที่เป็นนักแสดงหนุ่ม จางอู๋จี้ เป็นผู้ชายตัวแรกที่ผมหยิบขึ้นมาแสดงในอาชีพการแสดงของผม  นิยายทุกเรื่องของคุณกิมย้ง เขาเขียนได้ยิ่งใหญ่มาก ความสัมพันธ์ของตัวละครซับซ้อนมาก สมองผมต้องจดจำรายละเอียดเยอะมาก สำหรับความสามารถในตอนนั้นของผมถือว่าเป็นงานที่ค่อนข้างหนักมากจริงๆ” เกี่ยวกับจังหวะในการถ่ายทำ ซูโหย่วเผิงจำเป็นต้องสลับอารมณ์ของตัวละครไปมาตลอดเวลา “มันเป็นการถ่ายทำที่ทำทั้งวันทั้งคืน ถ่ายแบบไม่หยุดเลย ละครมีทั้งหมด 40 ตอน ต้องจดจำรายละเอียดเรื่องราวทั้งหมด ซับซ้อนมาก ต้องจดจำว่าแต่ละฉากต้องทำอารมณ์สีหน้าประมาณไหน จะให้มันปะติดปะต่อกันยังไง” 30 ตุลาคม หลังจากที่คุณกิมย้งเสียชีวิต ผู้ชมทั่วทุกสารทิศต่างก็ได้แสดงความเสียใจและไว้อาลัย ระลึกถึงความสามารถและสไตล์ของผลงานด้านวรรณกรรมของเขา พอพูดถึงเรื่องนี้ ซูโหย่วเผิงก็น้ำตาคลอ กล่าวด้วยความตื้นตันว่า “ผมเคยกดไลค์รูปภาพที่ชาวเน็ตท่านนึงทำไว้ในเว่ยป๋อ ตัวละครในรูปภาพจากปลายปากกาของคุณกิมย้งเป็นเงาทั้งหมด ทุกคนโบกมืออำลาเขา ภาพนั้นได้ถูกแชร์และคอมเมนท์มากมาย ซึ่งตอกย้ำความรู้สึกของทุกคนเป็นอย่างมาก พวกคุณรู้ไหมว่า ความรู้สึกของผมกับพวกคุณไม่เหมือนกัน ผมคือคนกลุ่มนั้นที่ยืนอยู่ตรงนั้น เสียใจมากจริงๆครับ

苏有朋帅气亮相

搜狐娱乐讯(上海站 马蓉玲/文)日前,苏有朋现身上海出席佘山世茂洲际酒店开幕发布会。苏有朋一袭紫红色西装亮相,帅气儒雅。现场,苏有朋难掩兴奋,惊叹这座建筑奇迹的伟大。采访中,谈及金庸逝世,苏有朋哽咽追忆金庸,并回忆了当年拍摄《倚天屠龙记》的挑战与艰难。

对于这个把废弃的采石矿坑壁打造成世界建筑奇迹的神创作,苏有朋惊为天人:“特别兴奋,不只是我,包括我的工作人员大家一路上都是“哇哇哇”,整个的景观,整个建筑,与大自然景观结合,非常复杂的有难度的建筑风格,我觉得是非常崭新的景象。”

谈及如何平衡事业与生活的话题,苏有朋表示:“去年的《嫌疑人X的献身》结束之后,我就给自己放了一个比较长的假,在曾经过去几年工作排得密密麻麻的时候,我很向往能够控制自己的生活节奏,现在也算是比较能做到这件事情了,尽量享受生活,工作可以劳逸结合。”

苏有朋回忆拍《倚天屠龙记》点滴

至于未来的工作计划,苏有朋笑言:“自己参加完《中餐厅2》后还是会回归老本行,在电影制作还有电影方面现在手上有一个根据真实的社会新闻事件在开发的一个故事,正在进行中。”对于常因早前的影视作品被喜提热搜,苏有朋直呼奇妙:“我时不时因为《还珠格格》、《情深深雨濛濛》就上热搜,我睡一觉醒来一看又上热搜了,一直有被cue的感觉,我想大家应该很喜欢我吧,所以如果有演戏的机会有时候也会觉得还不错,都欢迎。”

苏有朋还坦言,《倚天屠龙记》在自己的演戏生涯中是至关重要的一部作品,“当时作为青年演员,张无忌算是我在演艺事业上第一个自己扛起来的男一号,金庸的每一部小说都是巨作庞大,人物关系复杂,我脑袋要装很多东西,以我当时的表演能力来讲是超负荷的工作。”由于跳拍的关系,苏有朋需要在角色的各种情绪中切换自如,“每日每夜地拍,不停跳拍,40集的剧本,你永远要记得故事跌宕起伏,非常复杂,随时要记得上一场情绪在哪里,怎么联系。”金庸10月30日逝世后,大众以不同方式表达哀悼不舍之情,追忆他的文采与风范。谈及此,苏有朋眼眶含泪,哽咽表示:“我微博点赞了一张网友创作的图,图上金庸笔下的经典人物都是背影,每个人伸手跟他告别,那张图被很多人转发评论抒发情感。你们知道吗,我跟你们可能感受不一样,我是那群站在那边目送的人物之一啊,挺难过的。”

22
Alec Su 2018 Birthday Wishing 蘇有朋 2018 生日祝福
https://www.youtube.com/watch?v=IQ1IP2kmFT4&feature=youtu.be

1988-2018,30 ปีที่ยืนหยัดอยู่บนหนทางที่ยาวไกล
1988-2018,30 years of insistence on the long journey.

สามสิบปี กี่สิบเมือง
หลากหลายภาษา หลากหลายช่วงวัย
เส้นทาง ที่เธอเคยเดิน มีพวกเราที่รอคอยอยู่ เมื่อก่อนและต่อจากนี้ไป จะรักแต่ซูโหย่วเผิง สุขสันต์วันเกิด ปี 2018

『三十年   几十座城
不同的语言  不同的年龄
你走过的路   有我们在等
以前以后  最爱有朋』

https://www.weibo.com/5982604398/GyCfWj1gu?type=repost

23
Online Interviews & Updates / [2018.07.20] ร้านอาหารจีน2 《中餐厅2》
« เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2018, 01:00:29 PM »
【ENG SUB】
https://www.youtube.com/watch?v=N0Q20mhoFp4&index=12&list=PLUM8x224JrX88tNW7uDoreDO9_Zf2PsUw

EP1-2018.07.20
《中餐厅2》第1期:王俊凯烹煮地道家乡菜厨艺惊人 小燕子五阿哥再聚首上演新版“老友记” Chinese Restaurant S2 EP1【湖南卫视官方频道】
https://www.youtube.com/watch?v=N0Q20mhoFp4
(ร้านอาหารจีน2) ตอนที่1: หวังจวิ้นข่าย ลงมือทำอาหารรสชาติบ้านเกิดที่ทำเอาผู้คนตะลึง เสี่ยวเยี่ยนจื่อและองค์ชายห้าโคจรกลับมาเจอกันอีกครั้งในแบบ "เพื่อนเก่า" Chinese Restaurant S2 EP1 (สถานีโทรทัศน์ช่องหูหนาน)

 ชื่อ: หวัง จุนไค 王俊凯

EP2-2018.07.27
《中餐厅2》第2期:“主厨”王俊凯打造开业菜单 苏有朋金句频出笑点多 Chinese Restaurant S2 EP2【湖南卫视官方频道】
https://www.youtube.com/watch?v=qfQXHCY7FT8
(ร้านอาหารจีน2) ตอนที่2: "พ่อครัว" หวังจวิ้นข่าย ออกแบบเมนูอาหาร ซูโหย่วเผิงสร้างความฮา Chinese Restaurant S2 EP2 สถานีโทรทัศน์ช่องหูหนาน




https://www.facebook.com/pg/AlecfanclubinThailand/photos/?tab=album&album_id=1813785405326611

https://www.facebook.com/pg/AlecfanclubinThailand/photos/?tab=album&album_id=1841189335919551


《中餐厅2》:7月13日 苏有朋向世界传递东方味道 Chinese Restaurant S2 【湖南卫视官方频道】
https://www.youtube.com/watch?v=LvBiRIueTEY
รายการห้องอาหารจีน : 13 กรกฎาคม ซูโหย่วเผิงได้เผยให้โลกรู้เกี่ยวกับรสชาติอาหารตะวันออก รายการห้องอาหารจีน ซีซั่น2 ทางสถานีโทรทัศน์ช่องหูหนาน

ซับไทย
https://www.youtube.com/watch?v=Dujs_qPlnG8

2018.07.02《中餐厅2》探班:苏有朋再现小虎队经典POSE引回忆杀
https://www.youtube.com/watch?v=Imv2iiH5XOw&feature=youtu.be
รายการห้องอาหารจีน ตอนชั้นสำรวจ: ซูโหย่วเผิงโพสต์ภาพเพื่อย้ำเตือนความทรงจำเกี่ยวกับสมาชิกวงเสียวหู่ตุ้ย

รูป 湖南卫视中餐厅
https://www.weibo.com/5828752698/Go1zSF7Q0?type=repost#_rnd1530541955019

https://www.weibo.com/2721711263/GnXI8jgbL?type=repost#_rnd1530536728639

https://www.weibo.com/1892464897/Go4A99JpT?type=repost#_rnd1530536789833

https://www.weibo.com/6425975031/Go36gjPTB?type=repost#_rnd1530536952737

https://www.weibo.com/1656809190/Go3GJ8WBD?type=repost#_rnd1530537205089

https://www.facebook.com/pg/AlecfanclubinThailand/photos/?tab=album&album_id=1813785405326611

_Calista
https://www.weibo.com/1827215063/GmjS6AYAI?type=repost#_rnd1530628171649

25
http://news.ifeng.com/a/20171013/52626711_0.shtml?_share=sina&tp=1507910400000

[2017.10.13 ] พบเห็นซูโหย่วเผิงนั่งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก

พบเห็นซูโหย่วเผิงนั่งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เหมาะสมแล้วจริงๆที่องค์ชายห้าเป็นบุคคลพิเศษแห่งวงการบันเทิง

หัวข้อ: ฉันพบเห็นซูโหย่วเผิงนั่งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เหมาะสมแล้วจริงๆที่องค์ชายห้าเป็นบุคคลพิเศษแห่งวงการบันเทิง

เล่ากันว่า นับตั้งแต่ที่ซูโหย่วเผิงถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง 《The Devotion of Suspect X》เสร็จ ก็ไม่ค่อยจะได้ยินข่าวคราวใดๆของเขาเลย ผลก็คิอมีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กพบเห็นเขากำลังนั่งเรียนอยู่ที่นั่น  ที่ไหนได้องค์ชายห้าไปเรียนต่อที่นั่นส่งผลทฤษฎีเป็น  ”พลังบวก”   ในวงการบันเทิงนั้นซูโหย่วเผิงได้เลือกที่จะถอนตัวแม้จะอยู่ในช่วงที่รุ่งเรืองมากที่สุดก็ตาม แอดมินรู้สึกนับถือมากจริงๆ

พบว่าตัวเองกับดาราดังเรียนในห้องเดียวกันแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง

ช่วงนี้เพื่อนๆในมหาวิทยาลัยนิวยอร์กต่างกลับมาคึกคักกันอีกครั้ง สืบเนื่องมาจากครั้งที่แล้วที่หูเกอบอกว่าจะมาเรียนต่อที่นิวยอร์ก องค์ชายห้าก็ถูกจับได้ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัยแล้ว

ยังจำได้ครั้งนั้นที่จะทำการต้อนรับหูเกอ คณะกรรมการฝ่ายนักศึกษาต่างชาติต่างก็เหน็ดเหนื่อยพอตัว ไม่เพียงแต่ปูพรมสืบค้น ยังได้สร้าง”ทีมจับหูเกอ”ขึ้นมาอีก ตำราล้ำค่าทุกชนิดของหูเกอต่างก็ถูกนำมาถกเถียงกันอย่างรวดเร็ว

และยังมีแฟนคลับบางคนที่แอบติดสินบนกับนักศึกษาในคณะศิลปกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก แล้วก็ได้ตารางเรียนของหูเกอมาเป็นข้อมูล อีกทั้งยังมีข่าวแว่วมาว่าแฟลชที่หูเกอทำการจองไว้ที่อเมริกาก็ถูกล้อมไว้หมดแล้ว

ทว่าซูโหย่วเผิงกลับ ”แอบทำแบบลับๆ” ไม่มีการวางแผนหรือป่าวประกาศใดๆ และเมื่อมีคนพบเห็นก็ถือว่าเป็นเพียงความบังเอิญ

แต่ในเว่ยป๋อก็เหมือนจะไม่มีร่องรอยหลักฐานใดๆ ปีนี้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซูโหย่วเผิงได้โพสต์บทความยาวว่าตัวเองจะเริ่มใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์แล้ว จะเข้าสู่โหมดปรับปรุงอย่างเป็นทางการ ที่แท้ก็เลือกที่จะกลับไปเรียนโดยไม่เปิดเผยให้คนภายนอกรับรู้นั่นเอง

เมื่อดูจากภาพบนเว่ยป๋อในช่วงนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาอยู่ต่างประเทศ สวมหมวกถักไหมพรม สวมเสื้อแจ๊คเก็ตยีนส์ ดูเป็นลุคนักเรียน ดูเหมือนว่าจะใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาสักพักแล้ว

และมีคนพบเห็นข้อความการเข้าเรียนของซูโหย่วเผิงบนเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยนิวยอร์กด้วยถ้าดูตามเอกสารแล้วถือว่าเขาฉลาดมาก

มีรายงานว่าการมาที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กในครั้งนี้ก็เพื่อเรียนต่อในสาขากำกับการแสดง มหาวิทยาลัยนิวยอร์กเป็นแหล่งที่มีศิษย์เก่าเป็นผู้กำกับชื่อดังมากมาย หลี่อันผู้กำกับชื่อดังระดับโลกก็จบมาจากที่นั่น

ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องโดดเดี่ยวผู้น่ารักชื่อคริส โคลัมบัสก็เคยศึกษาอยู่ที่นั่น

ผู้กำกับชื่อดัง อาทิ มาร์ติน สกอร์เซซีสไปค์ ลีโอลิเวอร์ สโตนโจเอล โคเอนก็เคยเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยนิวยอร์กเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้น มหาวิทยาลัยนิวยอร์กยังครองอันดับหนึ่งด้านศิลปะการแสดง การโทรทัศน์ ละคร การเต้นรำและการถ่ายทำภาพยนตร์ด้วย จึงไม่แปลกเลยที่ซูโหย่วเผิงจะเลือกมาศึกษาต่อที่นี่

และแน่นอนว่ามีบางคนก็บอกว่าองค์ชายห้าไปเรียนต่อใน SPS American Language Institute(ศูยน์ภาษาอเมริกัน)

ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉายาเด็กเทพของซูโหย่วเผิงนั้นก็มีมานานแล้ว

ไม่แปลกที่แฟนคลับได้ออกมาเปิดเผยว่า “ซูโหย่วเผิงดีเลิศจนฉันอายที่จะพูดว่าตัวเองเป็นแฟนคลับของเขา”

ก่อนที่ซูโหย่วเผิงจะเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง เขาก็คือเด็กเทพที่เรียนเก่งดีๆนั่นเอง น่าจะเป็นเพราะว่าแม่เป็นครูประถม ปกติแล้วก็จะเข้มงวดกับลูก และนี่ก็เป็นสิ่งที่บ่มเพาะนิสัยที่ดีให้กับซูโหย่วเผิง ไม่ว่าจะอยู่โรงเรียนหรืออยู่บ้านเขาก็ขยันขันแข็งมาก

ในขณะที่เด็กในวัยเดียวกันกำลังคลั้งไคล้อยู่กับของเล่นหรือเกมส์ต่างๆอยู่นั้น ซูโหย่วเผิงในวัย 15ปี ได้ใช้คะแนนอันดับหนึ่งของโรงเรียนไปสอบเข้าในโรงเรียนมัธยมซึ่งเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งของไต้หวันชื่อ Taipei Municipal Jianguo High School ด้วย

เนื่องด้วยความขยันในการเรียน อาการสายตาสั้นของซูโหย่วเผิงจึงหนักขึ้นเรื่อยๆ พอถึงตอนที่เรียนจบมัธยมปลายก็สายตาสั้นปาไป 800D ซึ่งเหตุการณ์นี้แอดมินเข้าใจดีเพราะเคยสัมผัสมาแล้ว พอถอดแว่นตาออก ทุกอย่างก็พร่ามัวไปหมดเลย

เนื่องจากลักษณะภายนอกดูเหมือนสายตาใสปกติดี ซูโหย่วเผิงจึงถูกคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในวงเสียวหู่ตุ้ย กลายเป็นสมาชิกทีมหนุ่มไอดอลที่โด่งดังไปทั่วเอเชียมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไม่เป็นสองรองจากวง TFboys ในปัจจุบันเลย

เปิดตัวยอดขายของอัลบั้มผลงานชุดแรกในปีนั้นได้ผลตอบรับดีมาก คอนเสิร์ตเต็มไปด้วยผู้คน ถูกบันทึกว่าเป็นเวทีคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไต้หวัน การจราจรติดขัดมากที่สุด พนักงานเยอะที่สุด เวลายาวนานที่สุด เสียงปรบมือดังที่สุดด้วย

ถึงแม้ว่าจะมีการฝึกซ้อมอยู่บ่อยๆ แต่ซูโหย่วเผิงยังคงไม่ลดละในเรื่องของการเรียน ที่กองถ่ายมักจะเห็นภาพที่เขาก้มหน้าก้มตาเรียนอย่างจริงจังเสมอ

ตอนใกล้สอบ ซูโหย่วเผิงก็จะยุติงานด้านการแสดงอยู่พักนึง ตั้งใจเตรียมตัวในการสอบ อ่านหนังสือท่องจำเนื้อหาเหมือนกับนักเรียน ม.6 ทั่วๆไปในที่สุดคะแนนก็อยู่ที่ อันดับ 5 ของทั้งไต้หวัน สามารถสอบเข้าภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลของมหาวิทยาลัยไต้หวันได้อย่างสำเร็จได้รับการเลื่อนขั้นเป็นอัจฉริยะตัวจริงแห่งสาขาวิทยาศาสตร์


แต่ตามที่ซูโหย่วเผิงได้ออกมาเปิดเผยนั้น บอกว่าที่ตัวเองเลือกเรียนสาขานี้ ไม่ใช่เพราะเป็นสิ่งที่ใจชอบ แต่เป็นเพราะว่าสาขาวิศวกรรมเครื่องกลจัดว่าเป็นสาขาอันดับหนึ่งในมหาวิทยาลัยไต้หวัน เขาอยากจะบอกกับทุกคนว่า ตัวเขาเองยังคงเป็นเสือน้อยแสนรู้ผู้เรียนดีตัวนั้นอยู่เหมือนเดิม

นิสัยอันเข้มแข็งของเขานั้น ทำให้ผู้คนต่างก็ยอมรับนับถือและรู้สึกห่วงใยด้วย

แต่ว่าตอนที่ใกล้จะเรียนจบ ซูโหย่วเผิงกลับได้ทำเรื่องที่ทำให้ผู้คนทั่ววงการบันเทิงนั้นตะลึงตามๆกันไป ซึ่งก็คือ ลาพักการศึกษา

ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาสำคัญของวงเสียวหู่ตุ้ย ภาพที่เต็มไปด้วยผู้คนกลับลบเลือนหายไป ไม่เหมือนกับการเป็นไอดอลที่ผ่านมา เมื่อซูโหย่วเผิงย้อนกลับไประลึกถึงเรื่องนี้ สีหน้านั้นก็ปกปิดความหดหู่ไว้ไม่ได้  “หลังจากที่ตัดสินใจแบบนั้น ผมก็ถูกด่าอย่างสะใจ”

จริงๆแล้วที่ตัดสินใจแบบนั้น เหตุผลใหญ่ๆเลยก็มาจากเหตุการณ์ฉุกเฉินทางครอบครัว

ตอนนั้นพ่อของซูโหย่วเผิงไม่ได้คำนึงถึงการคัดค้านของแม่จะนำกิจการที่ทำมาหลายปีรวมถึงร้านขายวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงครอบครัวเซ้งออกไป โดนคนหลอกให้นำเงินที่มีและเงินสะสมทั้งหมดของซูโหย่วเผิงที่ได้มาจากการเป็นนักแสดงไปลงทุนกับตลาดวัสดุก่อสร้าง

แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นช่วงที่ประสบกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วยังต้องมาถูกหุ้นส่วนโกงอีก เงินที่ลงทุนไปก็ไม่ได้กลับคืนมา อีกทั้งยังติดหนี้อีกเป็นจำนวนมาก ฐานะเศรษฐกิจทางครอบครัวของซูโหย่วเผิงก้าวเข้าสู่สภาวะยากลำบากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนพ่อแม่ก็เถียงกันเพราะเรื่องนี้ แม่มักจะวิ่งมาร้องไห้อยู่บ่อยๆ โทษว่าพ่อทำลายครอบครัว ส่วนพ่อก็ดื่มเหล้าเมาดึกๆทุกวัน โทษตัวเอง และควบคุมตัวเองไม่ให้ใส่อารมณ์ไม่ได้

เผชิญกับความกดดันจากสื่อต่างๆ ภาระทางครอบครัว ซูโหย่วเผิงก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ช่วงนั้นเขาก็ได้ร่วงลงมากจากตำแหน่งเด็กเทพไอดอลผู้เรียนเก่งและเป็นผู้แพ้ทั้งด้านการเรียนและการงานในทันที

ถ้าเรื่องราวเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับคนอื่นๆ ฉากจบก็อาจจะได้รับการแก้ไข แต่เขาคือซูโหย่วเผิงไง

ช่วงที่กลับมาสู่สายตาประชาชนจำนวนมากอีกครั้ง ซูโหย่วเผิงคือนักแสดงหน้าใหม่ เขาได้รับคำเชิญอย่างน่าประหลาดใจจากบริษัทของฉงเหยาให้ไปรับบทเป็นองค์ชายห้าในละครชุดเรื่อง (องค์หญิงกำมะลอ)

ไม่คิดไม่ฝันว่าละครเรื่องนี้จะโด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ ภาพขององค์ชายห้าจารึกไปยังจิตใจของผู้คน เขาและเจ้าเวยที่รับบทเป็นเสี่ยวเยี่ยนจื่อได้กลายเป็นกระแสคู่จิ้นที่ดีที่สุด จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ยังคงเป็นละครในดวงใจของสถานีโทรทัศน์ใหญ่ๆหลายแห่ง

แต่สำหรับซูโหย่วเผิงแล้วการโด่งดังในครั้งนี้กลับมีความแตกต่าง ตอนนั้นเขาดูซื่อบื้อมาก ไม่รู้ว่าตัวเองได้กลายเป็นไอดอลของทุกคนไปแล้ว แต่ปัจจุบันนี้เขากลับได้ข้ามผ่านเหตุการณ์แย่ๆและได้ไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของชีวิตมาแล้ว

จากนั้นละครทุกเรื่องที่เขาถ่ายทำต่างก็เป็นผลงานที่เรียกได้ว่าเป็นความทรงจำในวัยเด็กของพวกเราเลยก็ว่าได้

เรื่อง (มนต์รักในสายฝน) รับบทเป็นตู้เฟยผู้ตลกโปกฮาแต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกอันลึกซึ้ง

เรื่อง (เดชเซียวฮื้อยี้) รับบทเป็นฮวยบ่อฮ่วย ชายหนุ่มอายุราว 20 ปี เป็นน้องฝาแฝดกับเซี่ยวฮื่อยี้ เติบโตใน "วังเคลื่อนบุปฝา" วรยุทธสูงส่งแต่ไม่ทันเล่ห์กลในยุทธภพ จิตใจมีเมตตา ช่วยชีวิตเซียวฮื่อยี้หลายครั้ง

เรื่อง (ไทเก๊กจางซางฟง) รับบทเป็นหยี่เทียนสิงผู้สง่างามน่าหลงไหล

เรื่อง (อู่ตี่เซี่ยนหลิ่ง) รับบทเป็นนายอำเภอหังเที่ยเซิง เล่ากันว่าคู่จิ้นระหว่างหวังเยี่ยน (Rebecca Wang)กับซูโหย่วเผิงนั้นทำให้พวกเรารู้สึกคล้อยตามอยู่พักใหญ่ รู้สึกว่าใบหน้าของพวกเขาทั้งสองนั้นอ่อนละมุนดูสวยหล่อและกลมกลืนกันมาก

ในละครหลายๆเรื่องที่ผ่านมา แน่นอนว่าต้องมีบทบาทที่แอดมินชื่นชอบที่สุด นั่นก็คือเตียบ่อกี้ในเรื่อง(ดาบมังกรหยก)

ต้องบอกเลยว่า ปีนั้นเกาหยวนหยวนกับเจี่ยจิ้งเหวินมาแรงมากจริงๆ

หลังจากที่ได้สร้างภาพยนตร์ไอดอลในดวงใจเหล่านี้ สามารถกล่าวได้ว่า เส้นทางในการเป็นนักแสดงของซูโหย่วเผิงนั้นพัฒนามาตามทิศทางนี้หรือเรียกว่าเดินตามกระแสน้ำและทิศทางลมทว่าซูโหย่วเผิงกลับไม่ยอมที่จะเป็นแบบนี้ตลอดไป “นักแสดงจะอาศัยกินกับความหน้าตาดีในช่วงวัยรุ่นตลอดไปไม่ได้”

เขาเริ่มที่จะติดตามพัฒนาการทักษะในการแสดงของตัวเองเริ่มที่จะรับบทที่มีความท้าท้ายมากขึ้นและทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเป็นการ “พลิกบทบาทใหม่”ด้วย

แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเซอร์ไพร์สมากที่สุดนั่นก็คือ ในเรื่อง (เฟิงเชิง) The Message  เขาตีบทนักแสดงหน้าอ่อนที่วันๆชอบนั่งมองดอกหลานฮวาและร้องเพลงโอเปร่าได้อย่างดีเยี่ยม และได้รับรางวัลสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม อีกด้วย

ซูโหย่วเผิงพูดว่า : “เพื่อรับบทบาทนี้ ผมต้องไปเรียนการร้องงิ้วคุนฉวี่ที่โรงละคร Kunqu ของภาคเหนือด้วย”  ซูโหย่วเผิงกล่าวด้วยรอยยิ้มตอนที่พวกเราคิดว่าเขาพึงพอใจผลงานในอดีตของตัวเองแล้ว ช่วงที่พวกเราใช้โอกาสรวมผลงานละครนั้น เขาก็ได้หายตัวไปแล้ว

ซูโหย่วเผิงผู้กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง เลือกที่จะวางมือลง ไม่รับงานแสดงต่อ แต่เลือกหันกลับไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย

เขาได้กลับเข้ามาสู่สายตาประชาชนอีกครั้งพร้อมกับผลงานภาพยนตร์ของตัวเองเรื่อง (จั๋วเอ่อร์) The Left Ear สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมก็คือ ตำแหน่งของเขาในครั้งนี้คือผู้กำกับ

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการถกเถียงเป็นอย่างมาก คำเยินยอไม่เป็นเหมือนที่ใจคิดไว้ แต่ก็ทำให้เห็นถึงพรสวรรค์ในการเป็นผู้กำกับของซูโหย่วเผิงและสายตาอันโดดเด่นในการเลือกบทบาทเฉินตูหลิง,โอวหาว,หยางหยาง,หม่าซือฉุน ไม่ว่าจะเป็นทักษะในการแสดงหรือแม้แต่บทบาทในอนาคตล้วนสามารถกล่าวได้ว่าได้ก้าวขึ้นสู่ระดับใหม่ที่สูงขึ้น โอวหาวกับหม่าซือฉุนก็ได้พบรักในเรื่องนี้ด้วย

ถึงแม้ว่าเรื่อง (จั๋วเอ่อร์) The Left Ear จะทำให้ซูโหย่วเผิงได้รับการโจมตีมากมายกระทั่งมีคนเกิดความสงสัยและตั้งคำถามเกี่ยวกับความสามารถของเขาเหน็บแนมว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใครๆก็ทำออกมาได้ ก็แค่เรื่อง “ความเจ็บปวดในวัยรุ่น” เท่านั้น แต่ซูโหย่วเผิงกลับไม่เอามาใส่ใจ และยังได้ลองถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องที่สองออกมาอีกครั้ง นั่นก็คือเรื่อง The Devotion Of Suspect X ของฮิงาชิโนะ เคโงะ

จากภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถมองเห็นพัฒนาการจากเรื่องจั๋วเอ่อร์ The Left Ear อย่างเห็นได้ชัด ซูโหย่วเผิงได้นำการเขียนบรรยายความรู้สึกของตัวละครในฉบับดั้งเดิมมาแก้ไขใหม่เป็นฉากที่งดงามกว่าเดิม ทำให้อารมณ์ของผู้ชมกับการแสดงของนักแสดงรวมถึงอารมณ์ภายในเรื่องนั้นสลับไปมาอยู่ตลอด

ตอนนี้เขาเรียนเกี่ยวกับการเป็นผู้กำกับอยู่ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก คงเพื่อเป็นการนำผลงานละครที่ดีกว่าเดิมมาฝากทุกคนในอนาคตแหละ

จากทฤษฎี ”พลังบวก” ความไม่แน่นอนในวงการบันเทิงที่เปลี่ยนไปนั้น หลายๆคนมักจะหลงไหลในอำนาจของตัวเองตอนที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุด วันนี้อาจจะโด่งดังเป็นที่รู้จักมากมาย แต่พรุ่งนี้อาจจะไม่มีใครถามไถ่ถึงเลยก็ได้ แต่ซูโหย่วเผิงกลับเลือกที่จะถอยลงไปแม้ในยามที่ตัวเองยังอยู่ในจุดสูงสุด ไปต่างประเทศเพื่อเรียนต่อ ทำให้ผู้คนรู้สึกนับถือในความกล้าหาญของเขา และถือว่าเป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัวเอง ทำใจให้สงบนิ่งก่อนแล้วค่อยเดินหน้าต่อ

สุดท้ายนี้อยากจะฝากคำพูดนึงไว้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกคน บนเส้นทางชีวิตนั้น มักจะมีจุดสูงสุดที่คุณนึกไม่ถึงอยู่เสมอ ตอนที่คุณเดินไปถึงบนยอดเขา คุณมักอยากจะขึ้นไปในที่ที่สูงกว่าเดิมเสมอ แต่ในขณะนั้น สิ่งเดียวที่คุณควรทำก็คือถอยลงมาก่อน เพราะว่าเมื่อคุณถอยลงมายังพื้นราบแล้ว ถึงจะมีโอกาสได้ขึ้นไปยังภูเขาอีกลูกที่มียอดเขาสูงกว่าเดิมได้

หัวใจที่มีความเคารพ ในใจรู้ตื่นอยู่เสมอ คนเราจึงจะสามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

26
https://t.ynet.cn/360/8700312.html

2017-10-04ซูโหย่วเผิงแอบไปเรียนต่อที่อเมริกาอย่างเงียบๆ เขาคือเด็กเทพ(หมายถึงคนที่เรียนเก่งมากๆ)ตัวจริงแห่งวงการบันเทิง

ช่วงนี้ เห็นมีชาวเน็ตในเว่ยป๋อท่านหนึ่งได้พบเห็น”องค์ชายห้า”ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เนื่องจากเห็นเขากำลังจริงจังตั้งใจกับการเรียนอยู่ก็เลยไม่กล้าเข้าไปรบกวน ปัจจุบันซูโหย่วเผิงกำลังศึกษาต่ออยู่ที่อเมริกา ชาวเน็ตต่างก็พากันแสดงความคิดเห็นเข้ามาว่าเขาเป็น “เด็กเทพตัวจริงแห่งวงการบันเทิง” “วันหยุดยาวนี้เรารวมตัวกันไปมหาวิทยาลัยนิวยอร์กเพื่อไปเจอองค์ชายห้ากันเถอะ”

เมื่อเปรียบเทียบกับพวกดาราที่เรียนไม่ได้เรื่องแต่ซื้อฉายาเด็กเทพมา องค์ชายห้าถือว่าเป็นเด็กเทพตัวจริง ตั้งแต่เด็กก็ได้เป็น “เด็กที่ไม่เหมือนคนอื่น”แล้ว

เล่ากันว่า ซูโหย่วเผิงตอนเด็กๆเฉลียวฉลาดมาก ชอบเรียนพิเศษในทุกแขนง เช่น การคำนวนลูกคิด เลขคณิตในใจ คณิตศาสตร์โอลิมปิกภาษาอังกฤษการเขียนบทความ การเขียนพู่กันจีน เป็นต้น พ่อแม่กลัวว่าเขาจะเหนื่อยเกินไป จึงได้ลดวิชาเรียนพิเศษของเขาลง และต้องอดอาหารเพื่อประท้วงด้วย (โอ้มายกอด ถึงกับทำให้องค์ชายห้าต้องคุกเข่ายอมให้ ฮ่าๆๆๆ )

ซูโหย่วเผิงโด่งดังมาจากวงเสียวหู่ตุ้ย (วงเสือน้อย) แต่เขากลับบอกว่า เขารู้สึกเสียดายมากที่เข้ามาเป็นสมาชิกวงเสียวหู่ตุ้ย นี่คือ “สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของการเป็นวัยรุ่น” ตอนนั้น “ไกวไกวหู่” ผู้อายุเพียง 16 ปี แต่ทุกสัปดาห์กลับมีงานรัดตัวเต็มไปหมด  จึงได้แต่ลาโรงเรียนอยู่ตลอด คะแนนก็ลดน้อยถอยลง เขาพูดอยู่เสมอว่าถึงแม้จะชอบงานด้านการแสดงมากเพียงใด แต่กลับรู้สึกว่าเวลาไม่เพียงพอ ไม่มีวิธีไหนเลยที่จะทำให้เขาเรียนควบคู่ไปกับการทำงานได้ ประสบการณ์ฝันร้าย “ทำงานด้วยเรียนด้วย”นี้ทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้มากๆ

เวลาต่อมาหลังจากวงเสียวหู่ตุ้ย สิ่งที่ทำให้ซูโหย่วเผิงกลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งทั้งเหนือใต้ออกตกเลยก็คือ ละครเรื่อง (องค์หญิงกำมะลอ) เป็นเรื่องที่คนทั้งหล้าดูไม่ต่ำกว่า 860 รอบ ถือว่าเติบโตมากับละครของซูโหย่วเผิงเลยก็ว่าได้

1998 เรื่อง องค์หญิงกำมะลอ รับบทเป็นองค์ชายห้า “อู่เปาจื่อ” คือหนุ่มน้อยผู้อ่อนโยน ช่วงนั้นเป็นหนุ่มหล่อวัยใส

1998 เรื่อง เราสองหัวใจเดียวกัน (บ้านเก่าแสนสุข) รับบทเป็นซูเสี่ยวเผิง หนังเรื่องนี้ตอนนี้เหมือนจะมีน้อยคนแล้วที่จำได้ มาถึงวันนี้ เป็นเพียงเรื่องวันวานยังหวานอยู่ เต็มไปด้วยความรู้สึกจิ้นระหว่างซูโหย่วเผิงและเจ้าเวย

2001 เรื่อง มนต์รักในสายฝน รับบทเป็นตู้เฟย ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นตอนที่เหยียบปลาสองตัวแล้วลื่นล้มที่ตลาดขายผัก ล้มลงไปใส่ต้นแคคตัสเต็มๆหน้า ความตลกโปกฮาของตู้เฟยทำให้คนชื่นชอบเป็นอย่างมาก

2002 เรื่อง ไผอันจิงฉี (อู่ตี่เซี่ยนหลิ่ง) รับบท นายอำเภอหังเที่ยเซิง เป็นสุดยอดละครชุดแนวยุคโบราณอีกเรื่องหนึ่ง ความหน้าตาดีของหังเที่ยเชิงดึงดูดความสนใจจากผู้ชม มีเพียงแม่หนึ่งคน และปรมาจารย์อีกหนึ่งท่าน แล้วก็เริ่มจัดการคดีเลย การตกแต่งภาพโฟโต้ช็อประหว่างหางเที่ยเชิงกับหนิงเซียงทำได้เนียนมากๆ

2003 เรื่อง ดาบมังกรหยก รับบท เตียชุยซัว และ เตียบ่อกี้  เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องคลาสสิกของหนังต่อสู้กำลังภายใน เตียเมี่ยง,จี้เยียก,เสี่ยวเจียว, ตู่ยี้ ต่างก็พากันชอบเตียบ่อกี้ แล้วคุณล่ะชอบใครมากที่สุด

2004 เรื่อง รักข้ามขอบฟ้า รับบท ลู่เอินฉี โหย่วเผิง(เอินฉี)และแชริม(กวนเสี่ยวถง) เพราะการเดินทางท่องเที่ยวในกรีชจึงได้ก่อเกิดเป็นความรักอันหวานชื่นขึ้นมา ในช่วงนั้น เนื้อเรื่องแบบนี้เป็นที่ชื่นชอบมากใช่มั้ยล่ะ

2004 เรื่อง ยอดขุนศึกวีระบุรุษตระกูลหยาง รับบท หยางซื่อหยาง  เรื่องนี้ก็ร่วมมือกับแชริมอีกครั้ง ในเรื่องหยางซื่อหลางเป็นคนที่หัวดื้อชอบเก็บกด ซึ่งเป็นบทบาทที่ไม่เหมือนกับตัวตนของซูโหย่วเผิงเลย

2005 เรื่อง องค์หญิงจอมทะเล้น รับบท จูหยุ่นฮ่องเต้ เป็นละครคอมเมดี้ยุคโบราณ โดยร่วมแสดงกับจังนารา เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการแต่งงานที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ตอนนั้นได้รับกระแสความนิยมเป็นอย่างดี

2008 ซูโหย่วเผิงเริ่มที่จะพลิกบทบาทการแสดง ในเรื่อง The Message ได้รับบทเป็นปีศาจร้ายไป๋เสี่ยวเหนียน ศิลปะการแสดงของซูโหย่วเผิงในเรื่องนี้ก็ดังระเบิดเช่นกัน และได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากเวทีป๋ายฮวาเจี่ยงครั้งที่ 30 ด้วย

ซูโหย่วเผิงไม่ชอบตำแหน่ง “ชายผู้หวานแหวว” ดังนั้นก็เลยรับงานละครเรื่อง Lost in Panic Room และ Design of Death พยายามที่จะให้เหลือภาพของการเป็น “หนุ่มไอดอล”อย่างเดียว

หลังจากที่ได้ลิ้มลองการแสดงในทุกสไตล์แล้วนั้น ปี 2015 ซูโหย่วเผิงได้ผันตัวจากนักแสดงมาเป็นผู้กำกับ นำผลงานที่เอาใจวัยรุ่นเรื่อง "The Left Ear" 左耳 (จั๋วเอ่อร์) มาให้แฟนๆได้ชม

 "The Left Ear" 左耳 (จั๋วเอ่อร์) ติดอยู่ในชาร์ตที่ 5 อันดับคะแนนถือว่าดีไม่น้อย ตอนนี้คะแนนเฉลี่ยในเว็บไซต์โต้วป้าน (douban) คือ 5.4  พูดตามความจริงเลยก็คือ นี่ไม่ใช่ละครวัยรุ่นเรื่องที่มีคุณภาพดีเยี่ยม มันยังมีบ้างจุดที่ยังไม่ค่อยถูกใจผู้ชม ตอนนั้นซูโหย่วเผิงเองก็ยังไม่ใช่ผู้กำกับมือโปร

2017  ซูโหย่วเผิงก็ได้สร้างภาพยนตร์เรื่อง The Devotion Of Suspect X เมื่อเปรียบเทียบกับเรื่อง  The Left Ear 左耳(จั๋วเอ่อร์) แล้ว เรื่อง The Devotion Of Suspect X ในเวอร์ชั่นจีนนี้เป็นที่น่าชื่นชมพอตัว ทักษะในการเป็นผู้กำกับของซูโหย่วเผิงก็ถือว่าพัฒนาขึ้นกว่าเรื่อง   The Left Ear 左耳(จั๋วเอ่อร์) ที่ผ่านมาไม่น้อย

ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่อง The Devotion Of Suspect X นี้ยังไม่เพอร์เฟคร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่านักวิจารณ์ที่มีชื่อเสียงหลายท่านก็ได้ออกมาให้คำติชมยอมรับด้วย(เว็บไซต์ DUCHEflim และ TTTflim)

พูดตามความจริงนะ ตัวอย่างแบบนี้ในวงการบันเทิงที่เหมือนกับซูโหย่วเผิงนั้นไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว เป็นบุคคลที่เรียนเก่งตั้งแต่เด็กๆ ตอนมัธยมก็เรียนในโรงเรียนไถเป่ยเจี้ยนกว๋อ (Taipei Municipal Jianguo High School) ซึ่งเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งของไต้หวัน ถึงแม้ว่าจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยไต้หวัน แต่ว่าในช่วงเวลานั้น การสอบเข้าในภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลของมหาวิทยาลัยไต้หวันได้ถือว่าเก่งมากๆแล้ว
อายุ 15 ปีได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ได้กลายเป็นนักร้องไอดอลที่โด่งดังทั่วเอเชีย เป็นสัญลักษณ์แห่งความทรงจำของคนในวัยนั้น

ผลงานละครเรื่องแรกอย่างเป็นทางการของการเป็นนักแสดงเลยก็คือ เรื่ององค์หญิงกำมะลอ และก็เป็นที่โด่งดังทั่วบ้านทั่วเมืองอีกครั้ง โดยใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาสร้างผลงานภาพยนตร์ดีๆเหล่านี้ออกมา

พออายุ 40 ปี สถานะของการเป็นนักร้อง นักแสดงก็ได้พลิกบทบาทมาเป็นผู้กำกับ อีกทั้งยังมีประสิทธิผลที่ดีด้วย

ช่วงนี้ ซูโหย่วเผิงก็ได้แอบไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กอย่างเงียบๆ ได้ข่าวว่าเรียนเกี่ยวกับสาขาวิชาการกำกับภาพยนตร์ จะรอคอยผลงานอันมีคุณภาพของเขาอย่างตั้งใจเลย

และอีกสิ่งที่ต้องพูดถึงเลยก็คือ “ซูโหย่วเผิงคือบุคคลที่เก่งและมีความพยายาม” ถ้าดาราทำได้ถึงจุดนี้ นั่นคือที่สุดแล้ว


27
[2017.09.28]ซูโหย่วเผิงเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก

2017.09.28 ซูโหย่วเผิงเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก

(ข่าว-1) 28-09-2017 เด็กเทพ (หมายถึงคนที่เรียนเก่งมากๆ) แห่งวงการบันเทิง มีเพื่อนชาวเน็ตได้พบเห็นซูโหย่วเผิงในห้องเรียนที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กด้วย

ตอนเช้าของวันที่ 27 กันยายน มีชาวเน็ตที่อยู่อเมริกาหนึ่งคนได้เปิดเผยบนเว่ยป๋อว่าตนเองได้พบเห็น”องค์ชายห้า” ที่ห้องถ่ายเอกสารในมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และยังได้โพสต์ข้อความอย่างขวยเขินว่า เห็นเขาดูตั้งใจเรียนมากเลยไม่กล้ารบกวนเขา และสุดท้ายก็ได้ @เว่ยป๋อของซูโหย่วเผิง

(ข่าว-2)     เด็กเทพตัวจริง (หมายถึงคนที่เรียนเก่งมากๆ) แห่งวงการบันเทิง มีเพื่อนชาวเน็ตได้พบเห็นซูโหย่วเผิงเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก

ซูโหย่วเผิงเป็นนักเรียนที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้มาตั้งแต่เด็ก ในปีนั้นเขาทั้งได้ทำหน้าที่ของการเป็นสมาชิกของวงเสียวหู่ตุ้ย และยังสามารถสอบได้คะแนนดีเยี่ยมจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยไต้หวันได้อย่างสำเร็จ การไปเรียนต่างประเทศในครั้งนี้ เขาไม่ได้เผยแพร่ข่าวคราวอะไรบนอินเตอร์เน็ตเลย ชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมว่าซูโหย่วเผิงเป็นเด็กเทพตัวจริง “ทำเรื่องใหญ่โดยไม่หวือหวา และเป็นเด็กเทพตัวจริงแห่งวงการบันเทิง”ปัจจุบันการไปเรียนต่างประเทศแบบเงียบๆมีไม่เยอะแล้ว

(ข่าว-3)      ชาวเน็ตพบเห็นซูโหย่วเผิงที่ห้องเรียนในมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก

ตอนเช้าของวันที่ 27 มีชาวเน็ตที่อยู่อเมริกาหนึ่งคนได้เปิดเผยบนเว่ยป๋อว่าตนเองได้พบเห็น”องค์ชายห้า” ที่ห้องถ่ายเอกสารในมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และยังได้โพสต์ข้อความอย่างขวยเขินว่า เห็นเขาดูตั้งใจเรียนมากเลยไม่กล้ารบกวนเขา และสุดท้ายก็ได้ @เว่ยป๋อของซูโหย่วเผิง

ซูโหย่วเผิงเป็นนักเรียนที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้มาตั้งแต่เด็ก ในปีนั้นเขาทั้งได้ทำหน้าที่ของการเป็นสมาชิกของทีมเสียวหู่ตุ้ย และยังสามารถสอบได้คะแนนดีเยี่ยมจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยไต้หวันได้อย่างสำเร็จ การไปเรียนต่างประเทศในครั้งนี้ เขาไม่ได้เผยแพร่ข่าวคราวอะไรบนอินเตอร์เน็ตเลย ชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมว่าซูโหย่วเผิงเป็นเด็กเทพตัวจริง “ทำเรื่องใหญ่โดยไม่หวือหวา และเป็นเด็กเทพตัวจริงแห่งวงการบันเทิง”ปัจจุบันการไปเรียนต่างประเทศแบบเงียบๆมีไม่เยอะแล้ว

(ข่าว-4)     【ชาวเน็ตพบเห็นซูโหย่วเผิงโดยบังเอิญที่ห้องเรียนในมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก】 ตอนเช้าของวันที่ 27 เดือนกันยายน มีชาวเน็ตเปิดเผยบนเว่ยป๋อว่าตนได้พบเห็น”องค์ชายห้ากำลังเรียนอย่างตั้งใจ และยังได้@เว่ยป๋อของซูโหย่วเผิงด้วย

ตอนเช้าของวันที่ 27 มีชาวเน็ตที่อยู่อเมริกาคนหนึ่งได้เปิดเผยบนเว่ยป๋อว่าตนเองได้พบเห็น”องค์ชายห้า” ที่ห้องถ่ายเอกสารในมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และยังได้โพสต์ข้อความอย่างขวยเขินว่า เห็นเขาดูตั้งใจเรียนมากเลยไม่กล้ารบกวนเขา และสุดท้ายก็ได้ @เว่ยป๋อของซูโหย่วเผิง

ซูโหย่วเผิงเป็นนักเรียนที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้มาตั้งแต่เด็ก ในปีนั้นเขาทั้งได้ทำหน้าที่ของการเป็นสมาชิกของทีมเสียวหู่ตุ้ย และยังสามารถสอบได้คะแนนดีเยี่ยมจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยไต้หวันได้อย่างสำเร็จ การไปเรียนต่างประเทศในครั้งนี้ เขาไม่ได้เผยแพร่ข่าวคราวอะไรบนอินเตอร์เน็ตเลย ชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมว่าซูโหย่ว

(ข่าว-5)    ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณในความรักความเมตตาจากชาวเน็ตทุกท่าน ซูโหย่วเผิงไม่เคยพูดถึงเรื่องที่จะไปเรียนต่อเลย จะไปเรียนที่ไหน จะไปเรียนอะไร จะเรียนถึงเมื่อไหร่ แฟนคลับอย่างพวกเราไม่รู้อะไรเลย หลังจากที่หนังเรื่อง The Devotion Of Suspect X นั้นออกฉาย เขาก็หายไปเลย พวกเราก็เพิ่งรู้ก่อนหน้านี้ได้ไม่นานว่าเขาไปเรียนต่อ แต่ไหนแต่ไรตัวเขาเองไม่เคยเฟค แฟนคลับอย่างพวกเราก็ไม่ได้ไปใส่ใจในจุดนี้

เรื่องที่สอง พฤติกรรมที่มีชาวเน็ตบางคนเอาเขาไปเปรียบเทียบกับดาราอีกคนนั้น พวกเราก็รู้สึกแปลกใจและไม่รู้จะทำอย่างไรดีเหมือนกัน มันไม่ได้ส่งผลกระทบแค่กับพวกเรา พวกเราก็ทำได้แค่ปล่อยไปตามหน้าที่กฏหมายอ่ะนะ

เรื่องที่สาม ถ้ามีแฟนคลับคนไหนที่อยากจะตอบเม้นท์มาอธิบายก็ขอให้อธิบายเรื่องนี้ให้เคลียร์นะอย่าเอาเรื่องอื่นมาปน จนต้องทำร้ายคนอื่น ไม่ได้โดนคนอื่นผลักลงน้ำ ก็อย่าผลักคนอื่นลงน้ำ แล้วก็ไมต้องฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด อะไรที่ไม่ควรทำก็ไม่ต้องทำนะ เพราะการพูดและการกระทำมันส่อถึงสติปัญญา

เรื่องที่สี่ พวกเราชอบความโปร่งใส ไม่เคยที่จะทำร้ายใครก่อน แต่เรื่องราวในครั้งนี้ช่างไม่คิดไม่ฝันเสียจริงๆว่าจะเกิดขึ้น ข้อความนี้เป็นข้อความที่เขียนอย่างเร่งรีบ หากผิดพลาดประการใด ได้โปรดจงอภัย ขอบคุณ

เรื่องอดีตก็เป็นเหมือนควันบุหรี่ ลืมไปเถอะ ใจคนเราถ้าไม่แคบ โลกมันก็จะดูกว้างขึ้นอีกเยอะ

หลังจากที่มีข่าวเปิดเผยว่ามีชาวเน็ตพบเห็นซูโหย่วเผิงที่มหาวิทยาลัยนั้น ในบล็อกก็คึกคักกันมาก แฟนคลับอย่างพวกเราก็มึนงงจนตัวสั่น ก็เลยตั้งใจอยากจะโพสต์อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้

(ข่าว-6)   มีคนพบเห็นซูต่าวไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กในอเมริกา แล้วรู้สึกประหลาดใจที่ว่าเขาเป็นเด็กเทพ(หมายถึงคนที่เรียนเก่งมากๆ) งั้นเธอก็คงไม่รู้จักซูต่าวดีละสิ ตอนที่ซูต่าวอยู่ชั้นม.6 อายุ 18 ปี สอบเข้ามหาวิทยาลัยไต้หวันในภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลได้สำเร็จโดยคะแนนอยู่ที่อันดับห้าของไต้หวัน เป็นอัจฉริยะแห่งวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม เขาเคยเล่าว่าก่อนที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกทีมเสียวหู่ตุ้ยนั้นคะแนนของเขาอยู่ที่อันดับหนึ่งมาโดยตลอด ดังนั้นการที่เขาไปเรียนศาสตร์ในการเป็นผู้กำกับที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กนั้น ฉันรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกตินะ แฟนคลับของซูโหย่วเผิงต่างก็รู้ดีว่าเขาเป็นเด็กเทพ ฉันไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด อู่ฉีหลงสมาชิกทีมเสียวหู่ตุ้ยเองก็เป็นเด็กเทพเหมือนกัน

28
เขาคือผู้ริเริ่มแห่งวงการไอดอลรุ่นเด็ก ปัจจุบันได้ผันตัวมาเป็นผู้กำกับแล้ว

เขาคือผู้ริเริ่มแห่งวงการไอดอลรุ่นเด็กเขาเป็นศิลปินมืออาชีพที่หายากมากในวงการบันเทิง เขาเคยเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาข้างบ้าน และตอนนี้ได้กลายเป็นชายหนุ่มผู้เฉลียวฉลาดและมีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล เขาคนนั้นก็คือซูโหย่วเผิงศิลปินผู้มากด้วยความสามารถและคุณธรรมนั่นเอง เขาได้เติบโตและผ่านร้อนผ่านหนาวมากับพวกเราจนนับครั้งไม่ถ้วน ในวันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิด 44 ปีของเขา พวกเราขอร่วมส่งคำอวยพรจากใจไปให้เขา: ซูโหย่วเผิง สุขสันต์วันเกิดนะ

ซูโหย่วเผิงเกิดเมื่อวันที่ 11 เดือนกันยายน 1973 ที่เมืองไทเปในไต้หวัน เขาเป็นเด็กที่ฉลาดและขยันหมั่นเพียร มีทักษะความสามารถเยอะมาก เป็นเด็กอัจฉริยะผู้เด็ดเดี่ยว ปี 1988 เขาอายุได้ 15 ปีคะแนนสอบของเขาจัดอยู่ในอันดับหนึ่งของโรงเรียนและได้เอาคะแนนสอบนี้ไปสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของไต้หวัน และชีวิตแบบธรรมดาๆของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น

1988 เพื่อเป็นการเสริมสร้างกิจกรรมนอกหลักสูตรให้กับเขา พ่อแม่ของเขาได้กระตุ้นให้เขาส่งประวัติย่อของการสมัครเข้าเกณฑ์เป็นผู้ช่วยไปยังรายการ《ชิงชุนต้าตุ้ยคั่ง》 โชคดีก็คือว่า เขากับเฉินจื้อเผิงและอู่ฉีหลงสามคนได้รับคัดเลือกจากทางรายการและได้รวมตัวกันขึ้นเป็น ”ทีมเสียวหู่ตุ้ย”  ซูโหย่วเผิงได้อาศัยท่าทางอันชาญฉลาดของเขาจนได้เป็น  “ไกวไกวหู่”  ทั้งสามคนได้อยู่ในผลงานอัลบั้มเพลงเดี่ยวของรุ่นพี่ “วง Yu HuanPaiTui” เสี่ยวเหมาตุ้ย (กลุ่มแมวน้อย)เพลงชิงผิงกั่วเล่อหยวน Green Apple Paradise  ใช้เวลาประมาณ 5 สัปดาห์ก็ปีนขึ้นสู่ชาร์ตผลงานเพลงยอดเยี่ยม ทีมเสียวหู่ตุ้ยก็ได้เปิดตัวในปีเดียวกันนี้ด้วย เนื่องด้วยภาพลักษณ์อันทรงพลังของพวกเขาทำให้ได้รับกระแสความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นเป็นอย่างมาก และเป็นที่โด่งดังในที่สุด

1988 ถึงปี 1991 ช่วงวัยมัธยมปลายของซูโหย่วเผิงเป็นช่วงที่ทีมเสียวหู่ตุ้ยโด่งดังที่สุด ตอนกลางวันเขาก็เรียน ส่วนตอนเย็นก็ต้องทำหน้าที่ของสมาชิกทีมเสียวหู่ตุ้ย ช่วงเวลานั้นจัดงานคอนเสิร์ตถึง 30 ครั้ง ปล่อยผลงานออกมถึง 7 อัลบั้มตามลำดับ แต่ในที่สุดเขาก็สามารถสอบได้คะแนนดีที่สุด และนำคะแนนนี้ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในไต้หวันได้ในภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล และได้รับการขนานนามว่าเป็น “อัจฉริยะด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม”ด้วย

1990 เดือนกุมภาพันธ์ ซูโหย่วเผิง เฉินจื้อเผิงและอู่ฉีหลงได้ร่วมกันแสดงภาพยนตร์เรื่อง《ห่าวเสียวจื่อจือโหยวเซี๋ยร์》(นักดาบพเนจร) Wandering Heroes เป็นการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา ในภาพยนตร์เขารับบทเป็น ”เสี่ยวไกว” นักเรียน ม.ปลาย ที่มีอัจฉริยภาพทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมีนิสัยแบบเด็กๆ ถึงแม้ว่าครั้งแรกในการแสดงของซูโหย่วเผิงยังคงมีจุดด้อยอยู่บ้าง แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังได้เป็นหนึ่งในหนังที่ติด 10 อันดับแรกของไต้หวันในปี 1990 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการการันตีความสนใจจากผู้ชมที่มีต่อพวกเขา

1995 เดือนตุลาคมได้ร่วมมือกับอู่ฉีหลง จินเฉิงอู่และหลินจื้ออิง ร่วมกันแสดงภาพยนตร์เรื่อง《Forever Friends》แสดงเป็น ”หลัวชื่อเจียน” Luo Zhi Jian ทหารที่กำลังรับราชการอยู่ ในหนัง เขาได้บรรยายคำพูดของเนื้อเรื่องหนังทั้งเรื่องด้วยตัวเขาเอง และได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วยตัวเอง เพลง 《เพื่อนที่รักที่สุด》

1996 เดือนเมษายน เขาได้รับบทเป็น ซูเสี่ยวเผย Xiao Pei พนักงานในบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งในภาพยนตร์แนวคอมเมดี้เรื่อง《Flirting Expert》 โดยร่วมมือกับจินเฉิงอู่ จูอิน หลัวป่ายจี๋ และหลินเสี่ยวโหลว เป็นต้น ซูโหย่วเผิงได้สัมผัสกับสไตล์การแสดงที่ไม่ซ้ำกันเลย ในเรื่องเขาย้อมผมสีทองและชอบนั่งไขว้ห้าง ในมือถือบุหรี่หนึ่งมวน ท่าทางนักเลงเถื่อนๆ ทำลายภาพลักษณ์ของการเป็นเด็กดีเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นผลงานฉบับพลิกล็อคของเขา

1996 เดือนมิถุนายน ได้แสดงละครที่นำนวนิยายของเหยียนเกอหลิงนักเขียนนิยายผู้หญิง《อู๋เฟยหนานหนี่ว》มาดัดแปลงใหม่เป็นเรื่อง 《ฉิงเซ่อ》Pale Sun ได้รับบทเป็นพระเอกที่ทนทุกข์ทรมานกับการเป็น ”โรคไตวาย”  “ลูกคนที่ห้า ชื่อช่ายอู้” ภาพยนตร์ถ่ายทำออกมาได้สุดยอดมาก ซึ่งแตกต่างจากเรื่องก่อนหน้านี้มาก《Flirting Expert》ซูโหย่วเผิงได้เริ่มเดินกลับไปยังเส้นทางของเด็กน้อยผู้น่ารักอีกครั้ง แต่ศิลปะของหนัง《ฉิงเซ่อ》   Pale Sun เรื่องนี้ดูหนักไปหน่อย ก็เลยได้รับการตอบรับแบบทั่วไปจากทางตลาดภาพยนตร์

1996 เดือนพฤศจิกายน ละครโทรทัศน์เรื่อง 《Ou Xiang Yi Ji Bang》 ที่เขาได้แสดงของทาง China Television ภาพยนตร์เรื่อง “โอ่วเซี่ยงอี้จี๋ปั้ง” ตอนสองชื่อตอน “เหล่าซือฉิงเกอ” แสดงเป็น “ซูจิ้นสง” กับ จิงเชาเฉียน(ผู้แสดงเป็นเปาบุ้นจิ้น) โค้วซื่อจิง (ในปีเหล่านี้แสดงที่จีน (จีจื่อหงเลอ) (เซี่ยงหยี่เซี่ยงอู้อิ้วเซี่ยงเฟิง) เรื่องเหล่านี้เป็นต้น) และปลายปีนั้น เขายังได้รับ “ ตุ๊กตาทอง” นักแสดงชายยอดเยี่ยม  Golden Bell Awards” จากช่อง China Television ในปลายปีนั้นอีกด้วย และนี่ก็เป็นอีกเสียงหนึ่งที่ทุกคนการันตีให้กับความสามารถด้านการแสดงของเขา หลังจากนั้น งานด้านการแสดงของซูโหย่วเผิงส่วนใหญ่ก็จะเป็นทางด้านซีรีย์มากกว่า ซีรีย์ทุกเรื่องที่แสดงแทบจะกล่าวได้ว่าเป็นแบบฉบับจริงๆ

1997 เดือนกรกฎาคม เขาได้แสดงซีรีย์แนวยุคโบราณที่กำกับนักประพันธ์ชาวไต้หวัน ฉงเหยา เรื่อง《องค์หญิงกำมะลอ》 โดยรับบทเป็นองค์ชายห้า "หย่งฉี"  ในซีรีย์เรื่องนี้เขาได้ทะลายกรอบข้อจำกัดของการเป็นนักร้องไอดอล นำการเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่มาให้กับศิลปะการแสดงละครของเขา และยังบุกโจมตีตลาดบันเทิงของจีนและทั่วเอเชียอีกด้วย ระดับความโด่งดังฮอตฮิตนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย หน้าร้อนและหน้าหนาวของทุก ๆ ปี แทบจะยึดครองทุกช่องสัญญาณเลยทีเดียว ถือเป็นความทรงจำวัยเยาว์ของใครหลาย ๆ คน

ช่วงเวลานั้น ใบหน้าของซูโหย่วเผิงได้เผยความสดใสออกมา บทบาทองค์ชายห้าของเขาเป็นผู้จิตใจดีและแฝงความเอาแต่ใจอยู่นิดๆ และ ”เสียวเยี่ยนจื่อ” ที่รับบทโดยเจ้าเวย ที่ได้แสดงเกี่ยวกับความรักอันสะเทือนเลื่อนลั่น ความรักของคู่นี้ไม่ได้ขมขื่นแบบเวยเอ่อร์คัง ความรักอันหวานชื่นของพวกเขาทั้งสองได้กลายเป็นคู่จิ้นของแฟนคลับหลายๆคน สามารถกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนแรกแห่งวงการไอดอลเด็ก และการสะสมสติกเกอร์โปสการ์ดรูปทะเลของเขาก็ได้กลายเป็นที่โปรดปรานของเหล่าแฟนคลับทั้งหลายด้วย

1998 เดือนมิถุนายน ซูโหย่วเผิงและเจ้าเวยได้โคจรมาแสดงเรื่องเดียวกันอีกครั้งในภาพยนตร์ไอดอลเรื่อง 《Old House Has Joy》เราสองหัวใจเดียวกัน  ในเรื่องรับบทเป็นหนุ่มหล่อชื่อ “ซูเสี่ยวเผิง” เรื่องนี้เป็นช่วงที่ซูโหย่วเผิงดูหล่อเท่ห์ที่สุด เทคนิคด้านการแสดงก็เป็นมืออาชีพขึ้นทุกวัน ได้เก็บเอาภาพลักษณ์ของเด็กชายข้างบ้านผู้ไร้เดียงสาไว้ในใจของผู้ชมได้สำเร็จ

1999 เดือนพฤษภาคม เขาเปิดตัวจากหนังจีนที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายที่แต่งโดยโกวเล้ง เรื่อง 《เซียวฮื้อยี้》 และในเรื่องรับบทเป็น “ฮวยบ่อข่วย ” ฮวยบ่อข่วยผู้ไร้ความรู้สึกไม่มีความรู้สึกทุกข์สุขใดๆ ใส่ใจทดสอบฝีมือการแสดงเป็นอย่างมาก แต่เขาอยากจะอธิบายถึงนิสัยที่ชอบเก็บกดของฮวยบ่อข่วยให้ออกมาอย่างเฟอร์เฟค ในบทต้องระมัดระวังในด้านการพูด พูดน้อยแต่สื่อด้วยสายตาอันอ่อนโยน,เจ็บปวด,ขมขื่น,ได้อย่างชัดเจน ท่าทางอันสูงสง่าในเรื่องและลักษณะนิสัยภายนอกที่ดูเย็นชาแต่ข้างในอบอุ่นนั้น ทำให้ชนะใจแฟนคลับได้อย่างนับไม่ถ้วน

2000 เดือนเมษายน เขาได้ร่วมงานกับเจ้าเวยและหลินซินหยูอีกครั้งในการแสดงภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายที่เขียนโดยฉงเหยาเรื่อง《มนต์รักในสายฝน》 ในครั้งนี้ซูโหย่วเผิงได้รับบทเป็นหนุ่มทะลึ่งชื่อว่า “ตู้เฟย” ไม่ใช่หนุ่มไอดอลผู้เพอร์เฟคอีกต่อไป ครั้งนี้เขาได้ใช้ความพยายามในการตามจีบหยูผิง ความรักของเขาประทับใจผู้ชม และส่วนหนึ่งมาจากความหลากหลายของวิธีการธรรมดาๆต่างๆที่ทำให้ผู้ชมขำจนท้องแข็ง

2003 เขาได้ร่วมมือกับสองสาวเจี่ยจิ้งเหวินและเกาหยวนหยวนในการแสดงภาพยนตร์เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้เรื่อง 《ดาบมังกรหยก》รับบทเป็นผู้ชายหมายเลขหนึ่งชื่อ "เตียบ่อกี้"  ครั้งนี้ฝีมือในการแสดงของเขาดูเป็นผู้ใหญ่ขี้นมาก จึงทำให้ความดีและความลังเลของ "เตียบ่อกี้" ไม่มีช่องโหว่ให้โจมตีได้เลย และได้รับการชื่นชมเป็นเสียงเดียวกัน ละครเรื่องนี้เป็นละครของกิมย้งเรื่องแรกที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และก็เป็นหนึ่งในผลงานของซูโหย่วเผิง จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาได้กลายเป็นนักแสดงชายที่รับบทตัวละครของฉงเหยา กิมย้งและโกวเล้ง มากที่สุดคนหนึ่ง

จากที่มีผลงานอันล้ำเลิศทางด้านละคร เขาได้เริ่มหันเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ปี 2009 ในผลงานภาพยนต์หลักเรื่อง The Message ซูโหย่วเผิงได้รับบทเป็นตัวประกอบชื่อ "ป๋ายเสี่ยวเหนียน" และในขณะนั้นเองก็ได้รับรางวัลช่อดอกไม้ ป๋าย ฮัว ( Hundred Flower Award ) สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม "Best Supporting Actor"  ในเรื่อง เขาได้ทำลายภาพลักษณ์ในอดีต ในบทท่าทางตุ้งติ้งนี้ทำให้ผู้ชมได้เห็น รูปร่างหน้าตาของเขาท่วงท่าเยื้องย่างกรีดกรายได้แสดงความหยิ่งทนงดั่ง ”หยกแก้ว” ออกมาให้เห็นทั้งหมด การรับบทบาทในครั้งนี้ซูโหย่วเผิงได้บรรลุการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองอย่างยิ่งใหญ่   

2010 เป็นปีทองของโหย่วเผิง เขาได้เป็นนักแสดงหลักของภาพยนตร์ 5  เรื่อง ได้แก่

The Four Cupids
A Singing Fairy
The Love Song of Kang Ding
Lost in Panic Room
Lost in Panic Cruise

ได้ออกฉายตามลำดับ เรื่อง Lost in Panic Room ได้เปิดตัวช่วงวันเฮโลวีน ในขณะเดียวกันนั้นซูโหย่วเผิงก็ได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจาก Macau International Movie Festival ครั้งที่ 2 จากภาพยนตร์เรื่อง《The Love Song of Kang Ding》อีกด้วย

2011 เดือนเมษายน ได้เข้าร่วมถ่ายทำภาพยนตร์ของผู้กำกับกวนหู่เรื่อง《Design of Death》 กับเริ่นต๋าฮว๋า หวงป๋อ ยวี่หนานนักแสดงมากด้วยฝีมือ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ซูโหย่วเผิงได้รับบทบาทเป็นตัวโกง ในเรื่องซูโหย่วเผิงแสดงเป็นนายแพทย์หนิวผู้มีจิตใจอำมหิตหนิวเจี๋ยชื่อ (แสดงโดยหวงป๋อ) ได้ทำการฆาตกรรมปู่กับย่าของเขา ความคิดในการแก้แค้นนั้นไม่เคยจางหายไป เพื่อการนี้เขาได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆเดินทางจากบ้านเกิดเพื่อไปศึกษาศาสตร์ทางการแพทย์ หลายปีต่อมาเขาได้สวมเครื่องแบบเต็มยศกลับบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อดำเนินการตามแผนการแก้แค้นที่วางไว้ แต่สุดท้ายเพราะกินเนื้อหมูที่ติดสารพิษจึงเสียชีวิตไป

2012 เขาได้แสดงเรื่อง  Three Unmarried Mothers ที่ออกฉายเมื่อวันที่ 26 เดือนตุลาคม ในปีเดียวกันนั้น ซูโหย่วเผิงได้สร้างห้องทำงานของตัวเอง และเริ่มผันตัวไปเป็นผู้สร้าง ผู้บุกเบิกระเบียบใหม่ในงานของเขาเอง

2013 ที่ผ่านมาซูโหย่วเผิงได้ห่างจากบ้านที่ไต้หวันไปทำงานอยู่ที่ประเทศจีนเป็นระยะเวลาหลายปี ครั้งนี้เขาได้กลับไปถ่ายทำภาพยนตร์ที่ไต้หวันอีกครั้ง โดยร่วมมือกับทางหลินอี้เฉิน เรื่อง Sweet Alibis โดยรับบทเป็นตำรวจที่ดูแล้วมีท่าทางขี้ขลาดแต่ความจริงแล้วเข้มแข็งเกรียงไกรมาก ในเรื่องซูโหย่วเผิงได้แสดงออกถึงกำลังที่ไม่ธรรมดา มีผู้กำกับอีกท่านบอกว่า ซูโหย่วเผิงเป็นตัวแทนของคนประเภทที่มีเสน่ห์ ดังนั้นบทบาทนี้จึงเหมาะสมกับเขามาก

2014 เป็นครั้งแรกที่ซูโหย่วเผิงได้ลองลิ้มรสของการเป็นผู้กำกับ ได้ถ่ายทำภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายของนักเขียนชื่อ ร่าวเสวี่ยม่าน เรื่อง《จั่วเอ่อร์》 "The Left Ear" 左耳 เพื่อที่จะทำภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมา เขาได้ปฏิเสธงานแสดงทั้งหมดในปีนั้น ตั้งใจสร้างหนังอย่างเดียว ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน ในที่สุดหนังเรื่องจั่วเอ่อร์ก็ทำรายได้สูงถึงห้าร้อยล้าน จากนวนิยายเรื่องนี้ ทำให้ซูโหย่วเผิงได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลผู้กำกับหน้าใหม่ดีเด่นจากงานรางวัลม้าทองคำจากการถ่ายทำเรื่อง  "The Left Ear" 左耳  นี้ ซูโหย่วเผิงได้พยายามทุ่มเท ทั้งศึกษาไปด้วย ถ่ายทำไปด้วย ในที่สุดก็ได้ผลงานที่ทำให้ผู้คนประทับใจออกมา

ผลงานปัจจุบันนี้ คือภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายญี่ปุ่นจากนักเขียนฮิงาชิโนะ เคโงะ เกี่ยวกับแนวสืบสวนสอบสวนผู้ต้องสงสัยเรื่อง The Devotion of Suspect X ซึ่งได้เริ่มเตรียมการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2015 แล้ว โดยทำการตรวจสอบเรื่องเป็นระยะเวลา 3 เดือน ไปแสดงทั้ง 28 เมือง ใช้เวลาถึง 128 วันจึงสามารถเริ่มถ่ายทำได้ สิ่งเหล่านี้พอจะทำให้เห็นได้แล้วว่าซูโหย่วเผิงได้ทุ่มเทและใส่ใจทุกรายละเอียดในการสร้างหนังแต่ละเรื่องจริงๆ

“ไกวไกวหู่” ในวันนั้น ได้ส่งพลังบวกต่อการเติบโตของผู้คนมากมาย ปัจจุบันเขาได้อยู่ในวงการบันเทิงมาเป็นระยะเวลา 20-30 ปีแล้ว กาลเวลาไม่เพียงแต่ทำให้เขาเติบโตขึ้น แต่ยังคงจิตใจอันงดงามของเขาไว้ และมีเพื่อนในวงการบันเทิงมากมายที่ชื่นชมยกย่องเขา

ตลอดเส้นทางเดินที่ผ่านมา  ความสามารถของซูโหย่วเผิงทำให้ทุกสายตาได้เห็นว่าความเพียรพยายามของเขาควรค่าแก่การยกย่องสรรเสิรญ ผลงานของเขาที่อยู่เคียงข้างพวกเรานั้นยิ่งควรค่าแก่การขอบคุณ ขอให้เขาได้เดินตามเส้นทางงานภาพยนตร์เพื่อทำตามความฝันของตัวเองต่อไป

โหย่วเผิง พูดว่า : “คนจะยิ่งใหญ่ได้เพราะความฝัน ผมคิดว่าผมอยากจะเล่าประสบการณ์จริงในชีวิตให้กับทุกคน อย่าปล่อยมันไปอย่างง่ายๆ ขอเพียงยืนหยัด ยืนหยัด ความฝันจะกลายเป็นความจริงในสักวัน..."

ps. อวยพรให้โหย่วเผิงยิ่งบินยิ่งสูง ไม่หยุดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นผู้ซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่แฟนคลับให้กับคุณ

29
https://www.facebook.com/AlecfanclubinThailand/posts/1527172393987915

005WNQvGgy1fjkoofgc21j30ku0dwt9t.jpg" border="0

2017.09.11 蘇有朋 生日快樂 !

There is more today
Through enormous time
Increased from yesterday
The longer we love, the more we love

Wishing you a happy birthday Su You Peng

Your birthday this month is nearly here. We of the Thai fan club would like to bless you with good thoughts by these messages. All of us on behalf of this fan club want sincerely the best for you as a director, artist, actor and for your acting that we really love. We all have good feelings whenever you will be arriving. We wish you happiness, health, wealth and that it will continue.

We want to convey to you how you have impacted us deeply as we have learned about you. It has been nearly ten years since we discovered you and our memories remain steadfast for you.

It is not easy to gather such a large group of people. We live in different places, have different lives and ages, but we all have the same purpose, "Su You Peng". Many of us have devoted ourselves to the purpose of this fan club. To collect every story, life experience and a standard of living that you show daily by what you do. All of this will be collected in the "baansuyoupeng.com" web site for those that want to learn more about you. All of these things make us proud to belong to this fan club.

Since we learned about you as a Taiwanese actor we found that when you were younger and your previous experiences that have made us care more about you unconditionally. It grows day by day, more and more. If anyone asks us, why do we care so much for you? Our answer is because you lead by example - not just words!

We all love and pray for you so much. Your smile, your acting, your kind virtue to others and that you still care deeply for your parents. We all sincerely care about you very much and will always stand with you and support you in any way that we can to encourage you.

This information herein is to send blessings to you on your birthday and is our way to tell you that our thoughts, trust, concerns, hopefulness and love are with you always.

วันนี้ มีมากกว่า
ผ่านเวลา มหาศาล
เพิ่มพูน กว่าเมื่อวาน
ยิ่งรักนาน ยิ่งเพิ่มพูน

"สุขสันต์วันเกิด" ..... ซูโหย่วเผิง

ใกล้เข้ามาอีกหนึ่งปีแล้วสำหรับวันคล้ายวันเกิด 11 กันยายน พวกเราชาว Thai Fans ขอมอบคำอวยพรผ่านเป็นข้อความ พวกเราในฐานะแฟนคลับที่มีความรักแบบบริสุทธิ์ใจให้กับศิลปิน ดารา นักแสดงที่เราชื่นชอบ เราต่างก็รู้สึกดีทุกครั้งเมื่อวันดีดีของผู้เป็นที่รักใกล้เข้ามาถึง ขอให้คุณมีความสุข ปราศจากโรคภัย คิดหวังสิ่งใดขอให้ได้สมดั่งใจปราถนา สมบูรณ์พูลผลทุกประการขอให้ปีนี้ปีต่อๆไปเป็นปีที่ดีที่สุดของคุณ...

พวกเราชาว “ Thai Fans ” อยากจะบอกถึงความรู้สึกตั้งแต่ได้เริ่มรู้จัก สนใจ ชอบพอ จนมาถึงวันนี้ที่เรียกได้ว่า ”ความรัก ”ผ่านช่วงเวลามานับสิบปีที่คุณอยู่ในความทรงจำของพวกเราชาวไทย ก่อนจะมาเป็นกลุ่มเป็นก้อนในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้ง่ายเลย คนที่รักคุณมาจากหลายที่ ต่างพ่อต่างแม่ ต่างช่วงอายุ แต่จุดมุ่งหมายเดียวกันของพวกเราคือ “ซูโหย่วเผิง ” กว่าจะมารวมกันเป็นครอบครัว “ ซูโหย่วเผิง “ อย่างทุกวันนี้ได้ต้องมีหลายคนที่อุทิศตัวเอง เวลา พร้อมความรัก ความเข้าใจ เก็บเกี่ยวทุกเรื่องราว ประสบการณ์ชีวิต มาตรฐานในการดำรงตนเองรวมถึงความเป็นไปในแบบฉบับของ “ ซูโหย่วเผิง “ จากสิบ เป็นร้อย เป็นพัน เรื่องราวรวบรวมไว้ใน “BAANSUYOUPENG.COM “ สำหรับหลายคนที่มีความรักให้กับคุณ บ้านหลังนี้จะคอยรองรับดูแล ด้วยการนำเสนอเรื่องราวของคุณ ผลงาน ชีวิตประจำวัน และกุศลบุญที่คุณกระทำ เรื่องราวดีดีเหล่านี้เป็นความภาคภูมิใจของพวกเราชาวไทยแฟนคลับเช่นกัน

พวกเรารู้จักคุณในฐานะนักแสดงชาวไต้หวัน แต่คุณเชื่อหรือไม่ เรื่องราวของคุณในวัยเด็ก ตลอดจนถึงปัจจุบันทำให้พวกเรารักคุณได้อย่างไม่มีข้อแม้ นับวันความรักที่มียิ่งมากขึ้นเพิ่มเป็นทวีคูณ” ไม่อยากให้ถามว่า เพราะอะไรพวกเราถึงรักคุณ “ แต่จะเปลี่ยนคำถามว่า ” คุณทำได้อย่างไรให้พวกเรารักคุณ “ สำหรับคำถามนี้พวกเราชาวไทยมีคำตอบอยู่ในใจ

พวกเราชาว “Thai Fans” รักและศรัทธาในตัวคุณมาก รักที่รอยยิ้มของคุณ, รักที่ตัวตนของคุณ, รักที่น้ำใจที่คุณมีให้เพื่อนมนุษย์, รักในความเป็นกตัญญูรู้คุณต่อบุพการี, พวกเรามีรักที่บริสุทธิ์ใจให้กับคุณ ถ้าหากในวันพรุ่งนี้จะมีอุปสรรคแวะเวียนเข้ามาหาคุณบ้าง ขอให้คุณจงเชื่อว่า..พวกเราทุกคนต่างเป็นกำลังใจให้คุณ ให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างคุณไปเป็นแรงใจให้คุณรู้สึกดีเท่าที่พวกเรากลุ่มเล็กๆจะทำได้ นี่คือบทความอวยพรวันคล้ายวันเกิดและคือบทความแทนใจจากพวกเราถึงคุณ คงเป็นสิ่งเดียวที่จะสื่อความในใจของพวกเราชาวไทยที่มีต่อคุณ เพื่อตอบแทนในสิ่งดีดีที่คุณมีให้มา พวกเราก็ขอมอบ ความรัก ความห่วงใย ความหวังกลับไปให้คุณเช่นกัน

31
明星都别吹“学霸”人设了! 谁能比得过真正的超级大学霸:苏有朋?
https://www.youtube.com/watch?v=OTE2g8Z5m50&feature=youtu.be

005WNQvGgy1fi5nkb7uydj30j20j2434.jpg" border="0

[2017.08.02]ดาราคงไม่ต้องมาสวมบทเป็น "หัวกะทิ" กันแล้วล่ะ! ใครจะมาสู้สุดยอดหัวกะทิอย่างซูโหย่วเผิงได้?

เรามาทำความรู้จักกับสุดยอดหัวกะทิอย่างซูโย่วเผิงกันค่ะ!  ซูโหย่วเผิงเป็นคนที่ฉายแววฉลาดมาตั้งแต่เด็ก เขาชอบเข้าเรียนคลาสเสริมทักษะต่างๆ อาทิ...จินตคณิตคณิตคิดในใจ คณิตศาสตร์โอลิมปิก ภาษาอังกฤษ งานเขียน ทักษะการคัดลายมือ ฯลฯ ทั้งยังฝึกเล่นคีย์บอร์ดไฟฟ้าและเข้าร่วมวงขับร้องประสานเสียงของทางโรงเรียนอีกด้วย

พ่อแม่ของเขากลัวว่าเขาจะเหนื่อยมากจนเกินไปจึงอยากจะลดจำนวนคลาสเรียนเสริมทักษะของเขาลง เขาใช้วิธีอดข้าวเพื่อประท้วงจนสุดท้ายพ่อและแม่ของเขาต่างก็หมดหนทาง ทำได้เพียงยอมปล่อยให้เขาได้เรียนต่อไป ซึ่งเขาเองก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ผลการเรียนในแต่ละด้านของเขาล้วนทำออกมาได้อย่างโดดเด่น ในเรื่องของเกรดเฉลี่ย เขาก็เป็นที่1 ของโรงเรียนมาโดยตลอด ทั้งยังทำลายสถิติผลการเรียนของตนเองไม่หยุดอีกด้วย

ในปี 1988 ซูโหย่วเผิงได้จบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เขาในตอนนั้นที่อายุเพียงแค่15 ปีสามารถสอบติดโรงเรียนมัธยมเจี้ยนกั๋วไทเป (โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของไต้หวัน) ได้ด้วยเกรดเฉลี่ยสูงสุดของโรงเรียน หลังจากที่ซูโหย่วเผิงสอบติดโรงเรียนมัธยม เป็นเพราะแม่ของเขาคิดว่าเขาคงจะเรียนหนังสือเป็นอย่างเดียว ไม่มีกิจกรรมสัมพันธ์อื่นๆและใช้ชีวิตโดดเดี่ยวจนเกินไป เพื่อเป็นการเติมเต็มชีวิตที่สนุกสนานคืนให้แก่เขา แม่ของเขาจึงปกปิดผู้เป็นพ่อ แอบสนับสนุนให้ซูโหย่วเผิงส่งใบสมัครเข้าเป็นผู้ช่วยในรายการ “ชิงชุนต้าตุ้ยคั่ง” (การเผชิญหน้าของวัยหนุ่มสาว) รายการวาไรตี้ไต้หวันสำหรับนักเรียน ซึ่งเขา เฉินจื้อเผิง และ อู๋ฉีหลง ต่างก็ได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานโดยทีมของ “ชิงชุนต้าตุ้ยคั่ง” พร้อมๆกันทั้งสามคน  วงเดอะ ลิตเติ้ล ไทเกอร์ (เสี่ยวหู่ตุ้ย) ได้ก้าวเข้าสู่วงการอย่างเป็นทางการในปีเดียวกันนั้นเอง

ซึ่งปี 1988 ถึง 1991 เป็นช่วงเวลาที่ วงเดอะ ลิตเติ้ล ไทเกอร์ ดังจนถึงขีดสุด ซึ่งช่วงนั้นได้มีการจัดคอนเสิร์ตไปกว่า 30 ครั้ง และออกเทปไปถึง7 อัลบัม    ซูโหย่วเผิงเรียนหนังสือในช่วงเวลากลางวัน และยังต้องร่วมออกงานอีเว้นท์กับวงเดอะ ลิตเติ้ล ไทเกอร์ในช่วงเวลากลางคืนอีกด้วยแต่สุดท้ายแล้ว เขาก็สอบติดคณะวิศวกรรมเครื่องกลของมหาวิทยาลัยไต้หวัน (มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของไต้หวัน) ได้ด้วยผลการเรียนดีเด่นเป็นอันดับ 5 ของไต้หวันเลยทีเดียว

32
[2017.06.27] ซูโหย่วเผิงกับบทสัมภาษณ์พิเศษ:ความเก่งเป็นเรื่องปกติของซูโหย่วเผิง
https://www.youtube.com/watch?v=hqNnzZuiSic&t=222s

2017-08-01_185504.png" border="0
2017-08-01_185523.png" border="0
2017-08-01_185610.png" border="0

33
Online Interviews & Updates / Capture-I Want To meet you
« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2017, 12:15:06 PM »
2017.07.28 ฉันอยากพบคุณ "สำรวจหัวใจประชาชน
https://www.facebook.com/pg/AlecfanclubinThailand/photos/?tab=album&album_id=1483200521718436

2017.07.13 ซูโหย่วเผิงและจิ่งเถียนต่างฝ่ายต่างโชว์เทคนิคพิสดาร
https://www.facebook.com/pg/AlecfanclubinThailand/photos/?tab=album&album_id=1469592919745863

2017-07-07 EP7 “หว่อเสี่ยงเจี้ยนต้าวหนี่ I Want To meet you
https://www.facebook.com/pg/AlecfanclubinThailand/photos/?tab=album&album_id=1469667159738439

2017.07.07 ทีมพยัคฆ์หน่วยกู้วิกฤต
https://www.facebook.com/pg/AlecfanclubinThailand/photos/?tab=album&album_id=1439964586042030

EP7-2017.07.07 Capture-I Want To meet you
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.1219797308131111.1073741966.100003025613301&type=3

EP6-2017.06.09 Capture-I Want To meet you
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.1189988361112006.1073741964.100003025613301&type=3

EP5-2017.06.02 Capture-I Want To meet you(เต็มจบ)
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.1186182038159305.1073741962.100003025613301&type=3

EP5-2017.06.02 Capture-I Want To meet you
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.1183910121719830.1073741961.100003025613301&type=3

EP4-2017.05.26 Capture-I Want To meet you(4)
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.1181561018621407.1073741960.100003025613301&type=3

EP4-2017.05.26 Capture-I Want To meet you(3)
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.1181554151955427.1073741959.100003025613301&type=3

EP4-2017.05.26 Capture-I Want To meet you(2)
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.1181531868624322.1073741958.100003025613301&type=3

EP4-2017.05.26 Capture-I Want To meet you(1)
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.1179392735504902.1073741957.100003025613301&type=3

2017.05.26 ซูโหย่วเผิง พี่ใหญ่ของทีม นิสัยที่แท้จริงของจิ่งเถียน
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.1177940105650165.1073741956.100003025613301&type=3

EP3-2017.05.19 Capture-I Want To meet you
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.1173449906099185.1073741952.100003025613301&type=3

EP1-2017.05.05 Capture-I Want To meet you
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.1166582493452593.1073741951.100003025613301&type=3

EP2-2017.05.12 Capture-I Want To meet you
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.1165793613531481.1073741949.100003025613301&type=3

34
ใช้ความผิดพลาด เป็นบทเรียน ใช้หัวใจทำทุกสิ่งที่หวังไว้ ด้วยตัวเราเอง 把错误当成教训,用心做好每件自己期望着的事情
#苏有朋##苏有朋出道29周年#

กิจกรรม โดย Thaifans
Graphic Design by Lookked

เฉลิมฉลองครบรอบ 29 ปี จากวันนั้น ถึง วันนี้ ของซูโหย่วเผิง
(ผู้ชายที่มีแววตาอ่อนโยนและมีรอยยิ้มที่อบอุ่น)


Celebrating the 29th anniversary of Su YouPeng from that former day today.
(A Man with gentle eyes and a warm smile)


庆祝从出道至今,整整29周年的苏有朋——这个带着温柔的眼神及和煦的笑容的乖乖虎。

19904436_453871431652785_404630123_n.jpg" border="0

27 กรกฎาคม ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ
วันนี้ก็คงเป็นเพียงวันธรรมดาๆวันหนึ่ง 
เช่นเดียวกับวันธรรมดาทั่วไป ผ่านวันเวลาไปด้วยความยุ่งวุ่นวาย 
แต่เป็นเพราะมีคุณอยู่ ทุกอย่างจึงได้แตกต่างไปแบบนั้น 

วันที่ 27 กรกฎาคม 1988 เป็นวันที่พวกเราลืมไม่ลงจริงๆ 
ผู้ที่มุ่งใฝ่ในพุทธศาสนาแบบคุณได้ปรากฏตัวอยู่ในสายตาของพวกเรา   
การเต้น#โชว์สกิล *ร้องเพลง*  นำมาซึ่งรอยยิ้มที่เห็นแล้วสามารถละลายได้  

ปี 1988 ถึง 2017 บนเส้นทางเดินที่ผ่านมา 29 ปีแห่งการเดินทางผ่านร้อนผ่านหนาว
คุณให้พวกเรามามากมายเหลือเกิน   

ตั้งแต่อัลบั้มเพลง,งานคอนเสิร์ตต่างๆ ตลอดจนถึง photo books ของคุณ    
จากละครโทรทัศน์จนถึงภาพยนตร์
จากการแสดงเพื่อการกุศล ชื่นชอบแสตมป์จนถึงชื่นชอบกล่องพัสดุ
จากบทบาทผู้กำกับจนถึงรายการ reality I Want To meet you ทางBTV(ปักกิ่ง)

ทุกครั้งที่คุณทดลองทำอะไรสักอย่างต่างก็นำความเซอร์ไพรส์มาให้พวกเรา
ทุกครั้งที่คุณบุกทะลวงอะไรสักอย่างต่างก็นำความหวั่นใจมาให้พวกเรา   
ทุกครั้งที่คุณทำบุญกุศลคุณงามความดีต่างก็นำความประทับใจมาให้พวกเรา

จากนี้เป็นต้นไป ชีวิตนี้มีชื่อเพิ่มเข้ามาอีกชื่อนึงนั่นก็คือ ซูโหย่วเผิง    
การได้รู้จักคุณนับว่าเป็นความสุขของพวกเรา ง่ายๆแบบนี้นี่เอง    
ง่ายชนิดที่ว่าแค่ได้คิดถึงคุณอยู่เงียบๆก็พอใจแล้ว   
ง่ายชนิดที่ว่าเมื่อคุณทุกข์ใจเราก็ทุกข์ใจด้วย เมื่อคุณมีความสุขเราก็มีความสุขด้วย   
เป็นแบบนี้ไปอีกสักหมื่นปี พวกเราก็ยินดีที่จะอยู่เคียงข้างเป็นพยานให้กับคุณจนถึงกาลเวลาสุดท้าย   
ทิวทัศน์ทั้งหลายมองเห็นได้หมด พวกเรายินดีที่จะอยู่เคียงข้างคุณเพื่อดูสายน้ำที่ค่อยๆไหลมาบรรจบกันจนเป็นสายธารที่ยาวไกล

ซูโหย่วเผิง พวกเราอยากจะตะโกนบอกกับคุณดังๆว่า ชายในฝันของพวกเราคือคุณ พวกเรารู้สึกภูมิใจมากจริงๆ ให้คุณพยายามไขว่คว้าหาชีวิตในแบบที่คุณต้องการและพวกเราจะพยายามไล่ตามร่องรอยการเคลื่อนไหวในชีวิตคุณตลอด 29 ปีนี้

ช่วงวัยรุ่นของคุณ เชื่อมกันกับพวกเราอย่างแน่นแฟ้น ในทุกขณะที่พวกเรานั้นเติบโต ต่างก็มีคุณอยู่เคียงข้าง เพราะซูโหย่วเผิง ในทุกๆวันที่แสนจะธรรมดาจืดชืดนี้ ได้สดใสขึ้นมาอย่างกระทันหัน

35
AIec心随双月 : 著



导演系掘起的新星【苏有朋】
AIec心随双月  2016-06-22 17:25:59 举报 阅读数:5030

​​大家好我是【苏有朋】的真爱粉丝【AIec心随双月】首先今天是由【苏有朋导演】执导的日本作家【东野圭吾】的巅峰之作#嫌疑人x的献身#中文版,顺利开拍第十三天!祈福!祈福!拍摄顺顺利利!一切安好!【苏导】加油! 

  【苏有朋】15岁半参加《小虎队》红遍亚洲,歌声悠扬,帅气可爱!时至今日仍然被称作《精点传奇》给60-70-80后美好的青春留下了永恒的记忆!谢谢你【苏有朋】爱你!

 然而在两岸三地欢唱他那动听的歌时!乖乖虎【苏有朋】跨越一步做了演员!小乖蜕变了,成熟了!风流倜傥,潇洒迷人的【有朋】给荧屏增加了一道靓丽的风景线!娱乐圈在次掀起了高潮【苏有朋】潇洒自如的在荧屏上展现他的风采!精典传奇在次创造精典2010年10月【苏有朋】以电影《风声》55票优势一举捧得#金鸡百花最佳男配角#奖!是啊有朋哭了落泪了!那一刻我也哭了,不容易啊!看着他憔悴的容颜,泛着泪光的双眼,心里隐隐的疼!有朋别哭,你把泪水都化成自豪吧!你成功了!加油

 体验人生奋斗过程的成功!跨越更高的标杆,你的生活因此而美丽,生命因此而富有价值【苏有朋】一路不断超越,不断挑战!2015【苏有朋】又向他的艺术高峰攀登了做了导演!他的处女作#左耳#一问试给娱乐圈又掀起波澜!在泛滥的青春片里,脱颖而出大陆一上映就获得5亿票房的佳绩!获得票房加口碑的双丰收的好评 !

 并荣登台湾#52金马#影展!点亮了影展大厅!看到他露出了开心的笑容!我的心里确是无限感慨激动的泪眼迷离!【有朋】他并不是导演系科班出身,深知他为此佳作所付出多少个不眠之夜!流了多少汗水和泪水!擦干眼泪大声说!【有朋】你好棒!继续努力!

  然而善有善报!老天又一次眷顾了这个爱拼搏的天使!他的处女佳作#左耳#在一次捧到2015微博之夜#新力量#导演奖!看到他高举奖杯的时刻!我却笑中带泪的问他【有朋】开心吗?这是你早就应该得到呀!是啊! 百姓心里是杆秤!这就是百姓对你的心声

 是啊付出就有回报!2016年5月8日,喜讯在次传来【苏有朋导演】处女作#左耳#一举摘得#第二十三届北京大学生最受欢迎导演#奖!真是可喜可贺!在一次喜泪参伴为他鼓掌!

 而且在欢庆他的获奖的同时!我们聪明拼搏的【苏有朋导演】他的第二部挑战日本【东野圭吾】的推理嫌疑巅峰之作#嫌疑人x的献身#于6月10日隆重开机了 !太棒了!【有朋】好样的!但是必定是精典!而且#嫌疑人x的献身#也已有日,韩版问世了!是影坛佳作!书迷和影迷给有朋带来了至疑声!随之也给有朋带来了重重压力!媒体更是乘机采访【苏有朋】而且我们的【有朋】豪不惧怕,面带微笑轻松自如的回答媒体“没在怕的,坚决不走回头路”赞!【苏有朋】我要给你点无数个赞!

 【有朋】拼搏吧!坚持,勇敢的走下去!走出属于自己光辉的路,没有人能不劳而获,只要付出了总会有收获的!人生就是要坚持,努力,奋斗,这就是属于你精彩的人生!开弓没有回头箭,做事果断不犹豫,主见意识要强烈,自信在心不动摇,勇往直前不后退,在苦在难要坚持,祝君成功与相随,梦想成真幸福伴!永远支持你!爱你!祝福你的贴心粉【双月】一生永相随!伴你漫漫人生路 ❤

อ้างถึง
Dear AIec心随双月

为了让泰国朋友们能看懂您的文章, 我将您的文章翻译成泰语并分享给他们看。真的很感谢您这些优秀的文章。ฉันได้เอาบทความของคุณแปลเป็นภาษาไทย แบ่งปันแก่เพื่อนๆชาวไทย ขอบคุณสำหรับบทความดีๆที่คุณเขียน

36
“ซูโหย่วเผิง” ตัวอย่างที่ดีของนักแสดง
https://www.facebook.com/AlecfanclubinThailand/posts/1440926465945842

18403672_1166413433469499_2821218231771134164_n.jpg" border="0
18424100_1166413436802832_8110253426862792319_n.jpg" border="0
18449312_1166413440136165_3855653003529218865_o.jpg" border="0


“ซูโหย่วเผิง” ตัวอย่างที่ดีของนักแสดง

“ซูโหย่วเผิง”

พระเอกวัย 44 ปี ที่โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งแต่อายุ 15 มีผลงานที่แฟนชาวไทยรู้จักกันดีคือ “องค์หญิงกำมะลอ” และ “ดาบมังกรหยก”

เขาเป็นพระเอกที่ได้รับการยกย่องจากสื่อมวลชนของจีนว่า เป็นนักแสดงที่รักษาคุณภาพได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งยังคืนกำไรให้สังคมด้วยการก่อตั้งกองทุนการกุศล “ซูโหย่วเผิง” เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของนักแสดงในวันนี้

“ซูโหย่วเผิง” ได้กล่าวถึงงานแสดงว่า ก่อนหน้านี้เขามักจะได้รับบทที่ค่อนข้างอ่อนโยน นุ่มนวล นานๆ ครั้งถึงจะมีการพลิกบทบาท แต่ไม่ว่าจะแสดงบทอะไร เขาก็เต็มที่กับทุกบทที่ได้รับ และนอกจากงานแสดง การร้องเพลงก็เป็นอีกงานที่เขารัก และทุ่มเทเวลาให้อยู่เสมอ


ซูโหย่วเผิง เขาเป็นคนที่อ่อนโยนตามภาพลักษณ์ที่เราๆเห็นกัน เข้าวงการตั้งแต่อายุ 15 ปี โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงแล้วกว่า 20 ปี ล้วนอาศัยความตั้งใจ พยายาม ทุ่มเท ความสามารถ และความขยันหมั่นเพียรทั้งนั้น ผ่านมาแล้วทั้งความสับสน ความเจ็บปวด และการเปลี่ยนฐานะ แต่การเปลี่ยนแปลงกลับทำให้เขาประสบความสำเร็จในการหาบทบาทที่เหมาะสมกับตัวเอง 

อาชีพ: รวยแต่ไม่หยิ่ง ชัดเจนในจุดยืนของตัวเอง กล้าที่จะท้าทาย

จากหนุ่มน้อยผู้ไม่ประสีประสาสู่ความเจิดจรัสในองค์หญิงกำมะลอ(My Fair Princess)  สู่บทบาทที่พลิกกลับในเฟิงเซิน(The Message)  สู่การทำลายภาพลักษณ์ตัวเองในห้องลับ(Lost in Panic Room)  เส้นทางของเขาไม่ได้ราบรื่นมากนัก อาจมีหลายคนไม่เข้าใจ หากเขาแสดงแต่สิ่งที่ทุกคนคุ้นตา หรือเป็นผลงานที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดมากๆ บางทีตอนนี้เขาอาจจะดังมากกว่าตอนนี้ก็เป็นได้ ถูกต้องแล้ว ทั้งๆที่สามารถใช้หน้าตาหากินได้ แต่กลับพากเพียรตรากตรำใช้ความสามารถของตัวเอง จนประสบความสำเร็จได้เป็น “ศิลปินไอดอล” สร้างพื้นที่ที่เหมาะสมกับตัวเองได้ 

บนโลกที่เต็มไปด้วยการแสวงหาชื่อเสียงนี้ เขาสามารถยืนหยัดในจุดยืนของตัวเองได้ถึงขนาดนี้ นั่นก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า ตลอดระยะเวลาที่เขากำลังตั้งใจมุ่งมั่นอยู่นั้น เขาสามารถกลั่นกรองประสบการณ์ที่ผ่านมา วิเคราะห์จุดด้อยของตัวเอง กำหนดจุดยืนของตัวเองได้อย่างแน่ชัดว่าอยู่ที่ตรงไหน สามารถไปได้ถึงไหน นี่เป็นสิ่งที่น้อยคนจะคิดและทำได้ 

สังคม: ทั้งเหนื่อยทั้งยุ่ง แต่ก็ไม่ลืมเรื่องหนึ่ง--การกุศล

ในเวลาว่างจากการงานอันยุ่งเหยิง ซูโหย่วเผิงก็ไม่ลืมที่จะสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์ ทุกครั้งเมื่อสื่อยกประเด็นเรื่องกิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์ขึ้นมา เขาล้วนแต่ตอบว่า “เรื่องนี้ควรพูดให้น้อย ทำให้มาก ต่อจากนี้ผมก็จะยังคงอุทิศตนให้กุศลต่อไป ให้ตัวผมได้เป็นตัวกลางในการประกาศพลังงานเชิงบวกนี้ออกไป เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมมีจิตเพื่อสาธารณะประโยชน์ ให้คำจำกัดความใหม่ของคำว่าสมดุลชีวิต แบบนี้แล้ว จะทำให้ผู้คนมีมุมมองใหม่ในการเข้าใจเพื่อนมนุษย์ และเป็นการสร้างผลบุญให้กับตัวเองอีกด้วย”  สิ่งที่ซูโหย่วเผิงอยากสื่อก็คือ ปัจจุบันนี้ ผู้คนที่อาศัยอยู่พื้นที่ยากลำบากห่างไกล ก็สามารถมีท้องฟ้าที่สวยงามเป็นของตัวเองได้เหมือนกันผ่านการร่วมมือและใจรักที่ไม่มีที่สิ้นสุดของทุกคน เขาเน้นว่าการทำบุญไม่มีคำว่าใหญ่เล็ก สำคัญอยู่ที่ต้องตั้งใจทำให้ถึงที่สุด

ผู้ชายที่มีใจรักแบบนี้มีแรงดึงดูดมากๆ จะพูดอย่างไรดี? ก็เป็นเช่นนักจิตวิทยาคอเนอร์บอกไว้ “การมีมุมมองต่อชีวิต มีใจรัก มีรสนิยม มีความต้องการ รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร มีความเป็นผู้นำครอบครัว ผู้ชายที่มีสิ่งเหล่านี้จึงจะเป้นผู้ชนะในชีวิตจริงได้” สามารถเข้าใจได้ไหม? ยกตัวอย่างเช่นผู้ชายคนหนึ่งไม่มีความคิด ไม่มีความมั่นใจ แม้กระทั่งตัวเองจะทำอะไรก็ยังไม่รู้ ผู้หญิงคนไหนจะกล้าฝากชีวิตไว้กับผู้ชายแบบนี้กัน? นี่เป็นสัจธรรมง่ายๆที่เห็นได้ชัด

ชีวิต: รับรู้ถึงความหลากหลายของโลก ใช้ชีวิตอยู่ในความบริสุทธิ์

“ผมคิดมาตลอดว่าการได้ไปเที่ยวเป็นเรื่องที่สุดยอดมาก เปลี่ยนเวลา เปลี่ยนบรรยากาศ ได้ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์” สำหรับโหย่วเผิงแล้ว การท่องเที่ยวทำให้เขาได้เติมเต็มช่องว่างที่หายไปในชีวิต ได้เห็นความเป็นจริงของชีวิต “บางที่ก็ทำให้คุณรู้สึกได้ว่าชีวิตที่เป็นอยู่ คือชีวิตที่มีความสุขที่สุดแล้ว บางที่ก็ทำให้คุณได้ตระหนักว่า ที่แท้ชีวิตก็มีความเป็นไปได้เต็มไปหมด” รับรู้ถึงความหลากหลายของโลก ย้อนกลับไปที่จิตใจอันนิ่งสงบของตน การท่องเที่ยวเป็นยาขนานเอกจริงๆ 

บางคนทุ่มเทเงินทองเพื่อความพอใจของเพศตรงข้าม บางคนทุ่มเทเงินทองเพื่อสิ่งของเครื่องใช้ แต่เขาทุ่มเทเวลาและเงินทองเพื่อคนที่ด้อยกว่า จิตใจที่นิ่งสงบนี้ ในความธรรมดากลับมีประสบการณ์ชีวิตที่ไม่ธรรมดา สำหรับคนในวงการบันเทิงที่เต็มไปด้วยสีสันแล้วเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมยิ่งนัก

เพราะมีแต่คนที่รู้จักแบ่งปันให้กับคนที่ด้อยกว่าเท่านั้น จะมีกิริยาที่นุ่มนวลงดงาม ใจร้อนน้อยลง สงบมากขึ้น แผ่ความรู้สึกที่สบายๆออกมา เช่นเดียวกับหลายคนที่กำลังเปลี่ยนเส้นทาง มุ่งไปแต่ผลลัพธ์ที่ออกมา แต่กลับไม่รู้จักดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่มันค่อยๆดีขึ้น รีบไปให้ถึงเส้นชัย สุดท้ายก็ไปไม่ถึงผลลัพธ์ที่ต้องการ

ในช่วงชีวิตของคนที่กำลังเดินทางอยู่ก็จะมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบัน เขาที่กำลังเดินไปข้างหน้า มีความนิ่งและสงบเพิ่มขึ้นมา พวกเราก็เหมือนกัน ต้องชัดเจนในจุดยืนของตัวเอง กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทาย ในช่วงที่อยู่สูงสุดก็ไม่ลืมที่จะตอบแทนและสำนึกบุญคุณ อย่าลืมความตั้งใจแรกของเรา นี่ก็คือชีวิตที่ธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา

37
วันนี้ (13 มิ.ย.60) ซูโหย่วเผิงควงเจ้าเหว่ยไปร่วมงานแต่งงานของ แมตต์ วู (เจ้าบ่าว) หยางจื่อชาน (เจ้าสาว) บรรยากาศสุดชื่นมื่น

5d98a9014c086e061ec3240908087bf40ad1cb0e.jpg" border="0
d19a033b5bb5c9ea38230aa1df39b6003bf3b3a5.jpg" border="0
f4dea9ec8a1363276d7cd9719b8fa0ec09fac7e4.jpg" border="0
f8940a7b02087bf40dfd4cabf8d3572c11dfcf64.jpg" border="0

38
[2017.04.02] 专访苏有朋:接受所有质疑,但拍《嫌疑人》我依旧很自我!
http://www.happyjuzi.com/mobile/114438.html
http://www.weibo.com/2243549945/F6SWMisGz?type=repost#_rnd1496920629759
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/posts/1188248771285965



สัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง:ตอบทุกข้อสงสัย  ถ่ายทำ《 The Devotion of Suspect X》ผมยังคงมีความเป็นผม

ใกล้จบการสัมภาษณ์ นักข่าวได้ถามผู้กำกับซูโหย่วเผิงในคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์

“ทำไมรูปโปรไฟล์ในเวยป๋อของคุณถึงเป็นรูปแองกี้เบิร์ดล่ะ ปกติแล้ว ช่วงโปรโมตหนัง มันควรต้องเป็นภาพโปสเตอร์หนังไม่ใช่หรอ ?”

ซูโหย่วเผิงยิ้ม :“ไม่ใช่แบบนั้นนะ! ผมไม่ได้เป็นกลุ่มคนที่เริ่มใช้เวยป๋อตั้งแต่แรก ผมเปิดบัญชีค่อนข้างช้าไปหน่อย ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าเวยป๋อคืออะไร จำได้เพียงว่าช่วงนั้นแองกี้เบิรด์ฮิตมาก ส่วนตัวผมไม่ค่อยจะเล่นเกมส์เท่าไหร่ แต่ว่าเล่นเกมส์นี้ผมดันผ่านหมดทุกด่าน ดังนั้นผมจึงใช้แองกี้เบิร์ดเป็นภาพโปรไฟล์ครับ” 

สิ่งนี้ทำให้เห็นได้ว่ามันคืออีกมุมของซูโหย่วเผิงในฐานะผู้กำกับ

“ผมก็เป็นคนมีอายุแล้วนะ ไม่ค่อยจะแคร์ภาพลักษณ์แล้ว!” ซูโหย่วเผิงเอามือจบที่หน้า แล้วหัวเราะ

ในฐานะผู้กำกับ ซูโหย่วเผิงไม่มีความเคยชินให้การวางมาดหล่อต่อหน้ากล้องสักเท่าไหร่แล้ว ดังนั้น หน้ายิ้มแบบโปกเกอร์เป็นโพสที่เขาทำมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ถ่ายหน้าตรงจะยิ้มแบบ Poker Face ช่างภาพบอกให้เปลี่ยนท่า  เขาก็หันข้างกลายเป็นด้านข้างของหน้า Poker Face  อย่างมากที่สุดก็เอามือกอดอกแล้วยิ้มแบบหน้า Poker Face

การสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิงจะสัมภาษณ์ในห้องพักผ่อนวีไอพี  วันนั้นทางทีมประชาสัมพันธ์ได้จัดตารางเดินสายโปรโมตให้เขาทั้งวัน  นั่นหมายความว่า ซูโหย่วเผิงถูกนักข่าวสัมภาษณ์มาทั้งวัน ทีมงานบอกกับพวกเราว่า  การสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ ซูโหย่วเผิงพึ่งถูกสัมภาษณ์ไป 1 ชั่วโมง “จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พอถึงคิวสัมภาษณ์ต่อไป คำตอบส่วนมากของเขาอาจจะแทนที่ด้วยใช่หรือไม่ใช่เท่านั้น”

หลังจากผ่านไป 30 นาที ซูโหย่วเผิงมาถึงห้องสัมภาษณ์อย่างรีบเร่ง หลังจากทักทายทีมงาน เขาก็รีบไปนั่งที่โซฟา มือขวาถือของกินที่ดูคล้ายกับคุกกี้ที่ผู้จัดการจับใส่มือเขาและกำลังใส่เข้าปาก  มองเห็นเศษของกินที่ตกบนเสื้อเขา ซูโหย่วเผิงไม่มีเวลาจะไปจัดการมัน เขายิ้มแบบตาเป็นเส้นแล้วพูดว่า:โทดทีนะครับ ผมแทบไม่ได้กินอะไรมาตลอดทั้งวันเลย  ทีมงานยิ้มตอบ  ซูโหย่วเผิงจึงกินคำใหญ่อย่างสบายใจ เขากินเร็วเกินไป หน้านั้นบิดเบี้ยวเลย แล้วดื่มน้ำตามเข้าไปอึกใหญ่ แล้วยิ้มให้นักข่าวอย่างพอใจ

ซูโหย่วเผิงได้ทำพฤติกรรมที่เป็นข้อห้ามสำหรับไอดอล  ไม่แคร์สักนิดเลยว่าตัวเองกำลังอยู่หน้ากล้อง เขาที่เข้าสู่วงการบันเทิงในฐานะไอดอลไกวไกวหู่ ที่ผ่านมาก็ได้ระมัดระวังภาพลักษณ์ต่อหน้าสาธารณะชนมากนัก แต่ซูโหย่วเผิงในวันนี้ ภาพลักษณ์เหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญอีกต่อไปแล้ว

ซูโหย่วเผิงเคยบอกกับผมเป็นส่วนตัวว่าจริงๆแล้วบุคลิคของเขาค่อนข้าง อึมครึม แต่ก็เหมือนที่ทุกคนเห็นผ่านจอทีวี ภาพลักษณ์ที่แสดงให้เห็นคืออบอุ่นและสนุกสนาน  หรือกระทั่งบทบาทที่ได้รับก็มักจะไปในแนวนี้ เช่นองค์ชายห้า、ตู้เฟย、เตียบ่อกี้  ในทางกลับกันเมื่อเป็นผู้กำกับ ตัวตนอีกด้านของเขาจึงได้ออกสู่สาธารณะชน

ปฏิกิริยาแรกของเขาคือผู้กำกับหนังแนวสยองขวัญชาวญี่ปุ่น Tetsuya Nakashima กลับไม่ใช่《In the Heat of the Sun》ที่เขาเอ่ยถึงภายหลัง

อย่างเช่นถ้าพูดถึงภาพยนตร์รักวัยรุ่น เรื่องแรกที่ซูโหย่วเผิงนึกถึงคือคือเรื่อง 《Confessions》

ถ่ายทำ《 The Devotion of Suspect X》ผมยังคงมีความเป็นผม

ซูโหย่วเผิงกับ Beijing Enlight Media มีสัญญาภาพยนตร์อีกสองเรื่อง

หลังเสร็จจากเรื่อง《The Left Ear》Beijing Enlight Media อยากให้เขาทำภาพยนตร์ที่เน้นไปในทางธุรกิจ ซูโหย่วเผิงคิดอยู่นาน จำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยพูดถึงเรื่อง《 The Devotion of Suspect X》บังเอิญว่าเขาเคยได้อ่านนิยายเรื่องนี้ จึงคิดจะเริ่มถ่ายทำหนังเรื่องนี้。

ปี 2015 ซูโหย่วเผิงมีผลงานเรื่อง《The Left Ear 》ถึงแม้จะได้รับคะแนนเพียง 5.6 ในเว็บโต้วปั้น เมื่อเทียบกับบรรดาภาพยนตร์รักวัยรุ่นในประเทศช่วงไม่กี่ปีมานี้  ไม่ถือว่าเป็นคะแนนที่ดี แต่ทำรายได้ทั่วประเทศเกือบ 500  ล้านหยวน  ทั้งซูโหย่วเผิงยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงผู้กำกับมือใหม่มาแรงในงาน Golden Horse Film Festival สำหรับผู้กำกับมือใหม่แล้วถือว่าทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว แต่สำหรับซูโหย่วเผิงแล้ว ชัดเจนว่ารู้สึกไม่พอใจสักเท่าไหร่

ซูโหย่วเผิงบอกว่าเขาเองนั้นวางมาตรฐานให้ตัวเองค่อนข้างสูง  สำหรับคำวิจารณ์ในด้านลบ เขาให้เรื่องการทบทวนตัวเองมาเป็นอับดับแรก  แน่นอนว่า ในบรรดาคำวิจารณ์ในด้านลบก็มีคนมากมายที่ให้คะแนนแค่ 1 ดาวทั้งที่ไม่เคยดูภาพยนตร์มาก่อน”《The Left Ear》มีคำวิจารณ์ทำนอง “ผลงานปัญญาอ่อน” “ดูไม่เรียล” “ดูไม่แพงและดราม่า” ไม่น้อยเลย สองปีก่อน ตอนที่เขารับการสัมภาษณ์ได้พูดไว้ว่า:“ตอนดัดแปลงก็ได้พยายามหลีกเลี่ยงความไม่เรียลและดราม่าแล้วนะ หนังที่ผมชอบจะต้องเป็นภาพยนตร์ที่มีเสน่ห์  โทนของภาพยนตร์ 《The Left Ear》จะค่อนข้างมืดหน่อย  มีความลึกซึ้งหน่อย ไม่ใช่ภาพยนตร์ทำนองที่ทำเราร้องไห้หนัก หัวเราะหนัก แต่พออกจากโรงก็ไม่มีอะไรหลงเหลือเลย

หลังจากนั้นสองปี เมื่อพูดถึง 《The Left Ear》ซูโหย่วเผิงคิดว่าเป็นเพราะตัวเองเป็นผู้กำกับมือใหม่ความสามารถยังไม่พอ อีกอย่างหนึ่งคือเขาลืมคำนึงถึงความต้องการในตลาด:“ผมคิดว่าภาพยนตร์รักวัยรุ่นคือ การไปหาความทรงจำในวัยนั้นของตัวเอง  ไม่ได้สนใจกลุ่มผู้ชมในตลาดเป็นพิเศษ ทำสิ่งที่พวกเขาชอบดู”

ดังนั้น เมื่อซูโหย่วเผิงเพิ่งประกาศผลงานชิ้นที่สองที่เขาจะทำ คือภาพยนตร์《 The Devotion of Suspect X》นิยายของ Keigo Higashino นักประพันธ์ชาวญี่ปุ่น แฟนคลับของนิยายเรื่องนี้ก็ได้จับตาดูอย่างห่างๆ ก่อนหน้านี้นิยายเรื่องนี้ได้ถูกถ่ายทำเป็นภาพยนตร์เวอร์ชั่นญี่ปุ่นและเกาหลี สิ่งนี้ทำให้เขาได้รับความกดดันไม่น้อยเลยทีเดียว。

ก็เหมือนผู่กำกับจำนวนมากที่ชอบแสดงความเป็นตัวตน ซูโหย่วเผิงไม่ค่อยอยากให้ผลงานของเขาเป็นไปในทิศทางของธุรกิจอย่างเดียว ถ้าหากจะทำตามความชอบส่วนตัวทั้งหมด  เน้นศิลป์อย่างเดียว ก็เกรงว่านายจ้างจะขาดทุน ดังนั้นหลังจากภาพยนตร์เรื่อง《The Left Ear》ก็หวังว่าจะสามารถทำควบคู่ไปในทางของธุรกิจและศิลป์ด้วย ถ่ายทำ《 The Devotion of Suspect X》ผมยังคงมีความเป็นผม แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องราวดราม่า  ดีที่ไม่เป็นเรื่องราวธรรมดาทั่วไป จึงมีปัจจัยทางธุรกิจในตัว ถ้าจะตีความให้มีมิติขึ้นไปอีกก็ยังสามารถทำได้ ซูโหย่วเผิงพูดจบ ใช้มือขยับแว่น

“ก็เหมือนการตีสัตว์ประหลาด(ในเกมส์) หลังจากผ่านด่านแรก พอผ่านไปด่านสองก็จะมีค่าประสบการณ์”

ช่วงถ่ายทำภาพยนตร์《 The Devotion of Suspect X》เดิมทีกำหนดไว้ช่วงต้นปี 2016  เป็นช่วงห่างจากฤดูหนาวและครึ้มๆ  เหมาะสมกับความสัมพันธ์ของตัวละครและสภาพแวดล้อมในนิยายแบบที่ซูโหย่วเผิงต้องการอย่างมาก

แต่การจะหานักแสดงชาวจีนคนที่จะมาแสดงเป็นถังชวนกับสือหงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะได้ตัวนักแสดงที่เหมาะสม ก็มีปัญหาเรื่องตารางงาน เลยยืดออกจนเป็นเดือนกรกฏาคม。

ตอนที่เริ่มเปิดกล้องภาพยนตร์  เป็นช่วงหน้าร้อน วันที่เปิดกล้อง  คนทั้งกองร้อนจนเหงื่อไหลโชกๆ  ซูโหย่วเผิงที่นั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์ยังสังเกตุเห็นไอร้อนเลย  สิ่งแรกที่เขาคิดก็คือ: ไม่ได้แล้วล่ะ เราต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เปลี่ยนสถานที่ถ่ายทำ ขึ้นเหนือ ไปหาแถบตะวันออกเฉียงเหนือ”

นี่เป็นการตัดสินใจที่ซูโหย่วเผิงทำในวันเปิดกล้อง ตอนนั้นทางทีมงานไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนสถานที่ถ่ายทำ พวกเขาเห็นตรงกันว่าหน้าร้อนของฮาบิ้นก็มีต้นไม้เขียวเหมือนกัน และก็มีอากาศร้อนเช่นกัน แต่ซูโหย่วเผิงยังคงยืนยันแบบเดิม เขาที่เป็นนักแสดงรู้ว่า ถึงแม้ว่าจะให้นักแสดงใส่เสื้อแขนยาว ทำเหมือนว่าเป็นหน้าหนาว แต่แววตาของนักแสดงนั้นโกหกไม่ได้นะ  นั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ คุณต้องดูออกแน่ๆว่านั่นคือหน้าร้อน “คนเราเมื่อร้อนก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ผมเคยอยู่ที่เหิงเตี้ยน ผมเข้าใจ ผมจะพยายามหาสถานที่ที่หนาวที่สุด ”

สุดท้าย ทีมงานก็ต้องยอมทำตามความเห็นของเขา  เปลี่ยนสถานที่ถ่ายทำใหม่

นอกจากสถานที่ถ่ายทำแล้ว ในด้านรายละเอียดของเรื่องซูโหย่วพยายามทำให้ใกล้เคียงกับสภาพแวดล้อมวัฒนธรรมในจีนมากที่สุด  เขาเคยสัมภาษณ์ว่า:“ยกตัวอย่างในนิยายเช่น สือเสินไปขโมยจักรยานคันใหม่มา 1 คัน  เจ้าของต้องไปแจ้งความแน่นอน พอแจ้งความก็จะมีหลักฐานช่วงเวลาที่ถูกขโมย  แต่ว่าในประเทศจีน ถ้าคุณซื้อจักยานอย่างดีสักคัน คุณจะไม่จอดทิ้งไว้ข้างทางอย่างแน่นอน ถ้าหากคุณจอดจักรยานคันธรรมดาไว้ข้างถนน หายก็คือหาย คุณคงไม่ไปแจ้งความ”

นอกจากบทประพันธ์ และพูดคุยกับนักแสดง ซูโหย่วเผิงก็ได้ใช้วิธีที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากเรื่องที่แล้วที่ใช้นักแสดงใหม่หมดอย่าง 《The Left Ear》

ก่อนเปิดกล้อง ซูโหย่วเผิงได้คิดทบทวนอีกรอบในทุกๆ รายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอน ทีมงาน ภาพรวม รู้สึกว่าตัวเองควรเปิดกว้างมากขึ้น

“เพราะว่าก่อนเริ่มถ่ายทำในแต่ฉากของทุกตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นฉากทั่วไป หรือว่าซีนอารมณ์ ผมอยากจะให้สมูทเป็นส่วนมาก รวมทั้งสารที่นักแสดงต้องสื่อในฉากนั้นเช่นกัน  แต่ว่าครั้งนี้ผมอาจจะเปิดกว้างมากขึ้น ไปฟังความคิดเห็นของนักแสดงว่าพวกเขาคิดยังไง  ผมจะเอาความคิดตัวเองเป็นหลักเด็ดขาดไม่ได้ หรือตัดสินตามอำเภอใจ พวกเราจะต้องคุยกัน  อาจจะมีบางอย่างที่คุณคิดได้ดีกว่า หรือผมอาจจะนึกอะไรบางอย่าวที่คุณนึกไม่ออก พวกเขาทุกคนมีวุฒิภาวะ มีประสบการณ์  เป็นนักแสดงที่ฉลาดมาก  พวกเขาอาจจะช่วยให้ไอเดียในบทบาทของตัวละคร จะพูดว่าเพิ่มความยากให้ผู้กำกับก็ได้นะ”

ในฐานะผู้กำกับ ซูโหย่วเผิงคิดว่า:“ก็เหมือนเล่นเกมส์ตีสัตว์ประหลาด  พอป่านด่านแรกก็จะได้ค่าประสบการณ์นิดหน่อย  คิดว่าสัตว์ประหลาดด่านสอนตีได้เหมือนกัน  พอถึงด่านสอง แต่ค่าประสบการณ์ยังเหมือนเดิม  ผมยังคงต้องพยายามทำต่อไป ทำอย่างสุดความสามารถไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด”

ไม่ว่าจะในบทบาทของผู้กำกับหรือนักแสดง ซูโหย่วเผิงพยายามทำให้ได้ในทุกบทบาท  ค่าประสบการณ์จากการตีสัตว์ประหลาดของเขามีทั้งขึ้นและลง (เขาเปรียบว่าอุปสรรคที่พบเจอในชีวิตเหมือนการเล่นเกมส์)

คุณจะต้องพยายามอย่างที่สุดเหมือนเล่นสกี  ถึงจะไม่ตกลงไปในน้ำ

ซูโหย่วเผิงนิยามความรู้สึกในการสร้าง 《 The Devotion of Suspect X》ว่าเหมือน การจมน้ำ

ความหมายของ การจมน้ำ ก็คืออาการของการจมน้ำนั้นจะผุดๆโผล่ๆในน้ำ บางครั้งได้หายใจ บางครั้งก็หายใจไม่ได้  ซึ่งก็คือคุณจะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ เหมือนเล่นสกี ต้องไม่หยุดสไลด์ ถึงจะไม่ตกลงไปในน้ำ

ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขา《ช่วงชีวิตที่อยู่ในเจี้ยนจง My Days at Jian Zhong》 ซูโหย่วเผิงได้เล่าถึงเรื่องหนึ่ง:“ผมกลัวว่าถ้าผมสอบได้ไม่ดี แล้วไปเจอคุณแม่ที่พาลูกๆเดินอยู่ข้างถนนเขาจะต้องชี้มาที่ผม  แล้วพูดกับลูกๆของเขาว่า ดูเขาสิ เขาก็คือไกวไกวหู่ที่ชอบเล่นไม่ชอบเรียนคนนั้นไง” ในที่สุด มหาวิทยาลัยไต้หวันสาขาวิศวะเครื่องกลได้รับเขาเข้าเรียน  ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาที่ดีที่สุดในมหาลัยในไต้หวัน

เริ่มจากไกวไกวหู่ จนประสบความสำเร็จใน《องค์หญิงกำมะลอ》ซูโหย่วเผิงพยายามท้าทายตัวเองด้วยบทบาทที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนจมน้ำ เขารู้ว่า นี่คือบทบาทที่ความสามารถระดับเขาสามารถทำได้ ค่อยๆเริ่มจากบทตัวโกง  จนกระทั่งไป๋เสี่ยวเหนียนในเรื่อง《The Message》ในปี 2008

หลังจากนั้น1 ปี  เขาก็ได้ยืนอยู่บน เวที Hundred Flowers Awards ในฐานะผู้ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบดีเด่น ซูโหย่วเผิงร้องไห้  เขาพูดด้วยความตื้นตันว่า:“ผมรู้ว่าผมต้องดีใจมาก ตอนเข้าวงการใหม่ๆผมถูกมองว่าเป็นศิลปินไอดอล ผมต้องใช้พยายามอย่างมาก”

ก่อนจบสัมภาษณ์ เขาได้พูดถึงแนวคิดของเขาในการดัดแปลงภาพยนตร์เรื่อง《 The Devotion of Suspect X》

ผมรู้สึกว่าสือหงเขาคิดทุกอย่างอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่มีสิ่งหนึ่งที่คิดไม่ถึงคือใจคน เขาอาจจะคิดว่าเสียสละตัวเอง ขอเพียงเธอมีความสุขก็พอ แต่เขาไม่รู้ว่า เฉินจิ้งอาจจะพูดโกหกก็ได้  บางทีเธออาจจะรู้ก็ได้”

แต่ว่ามุมมองของผมมันไม่ใช่แบบนี้มาตั้งนานแล้ว ซูโหย่วเผิงพูดเสริม พูดจบ ก็ทิ้งตัวลงโฟซา
(หมายถึงมุมมองของเฮียไม่ได้เป็นเหมือนตัวละครมานานแล้ว)

39


[2017.04.09] 乖乖虎苏有朋:一心想换“标签”
http://character.workercn.cn/361/201704/09/170409135052548.shtml

ซูโหย่วเผิง นึกอยากเปลี่ยนฉายา “ไกวไกวหู่ หรือ เสือเชื่องๆ” ของตัวเอง

ซูโหย่วเผิงเมื่อเดินเข้าประตูมา เขาทักทาย ถอดเสื้อนอกออก และนั่งลงไปในคราวเดียวกัน ใบหน้าของเขายังคงแสดงภาพลักษณ์ของ “ไกวไกวหู่ หรือ เสือเชื่องๆ” เหมือนเดิม แต่พื้นเพลักษณะนิสัยนั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว

ในกลุ่ม “แฟนคลับองค์หญิงกำมะลอ” เขายังคงเป็น “องค์ชายห้า” ผู้เป็นสุภาพบุรุษและอ่อนโยน
ในสายตาของ แฟนคลับ ฉงเหยา  เขาเป็น “ตู้เฟย” ที่ ใสซื่อและน่าหลงใหล
ในดาบมังกรหยก เขาคือ จางหวู่จี้(เตียบ่อกี้) ผู้มีความเอื้ออาทร 

ต่อมาซูโหย่วเผิงเริ่มเปลี่ยนแปลงบทบาทของตัวเอง เริ่มต้นจากการรับบทเป็นไป๋เสี่ยวเหนียน  ที่สับสนทางเพศ มีลักษณะตุ้งติ้งในภาพยนตร์เรื่อง เฟิงเซิง The Message   จนกระทั่งในปัจจุบัน ซูโหย่วเผิงได้รับหน้าที่กำกับภาพยนตร์เรื่อง การปรากฏตัวของผู้ต้องสงสัยX (The Devotion Of Suspect X ) ซึ่งเป็นผลงานเรื่องที่สองของเขาหลังจากที่หันมานั่งแท่นป็นผู้กำกับ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการท้าทายผลงานคลาสสิคสุดลึกลับของ ฮิงาชิโนะ เคโงะ  ซึ่งหลังจากเปิดตัวได้เพียงแค่ 9 วันก็กวาดรายได้ไป 300 ล้านหยวน  มันเป็นเรื่องยากจริงๆที่จะมีใครทำได้เหมือนเขา ใบหน้าเด็กๆของเขาที่เต็มไปด้วยหนวดเครา กลับถูกแซวว่าเป็นผู้กำกับที่เก่งที่สุด ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เขาพิถีพิถันในทุกรายละเอียด

คำสำคัญ:  ฝ่าด่านต่างๆเพื่อเก็บแต้ม

ในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกล่าวว่า ในด้านของผู้กำกับ ผลงานของซูโหย่วเผิงเปรียบเหมือนการ  “ฝ่าฟันอุปสรรคในด่านต่าง ๆ ของเกมส์” แม้จะร้องมาหลายเพลงก็ยังหนีไม่พ้นภาพลักษณ์ของเสือตัวน้อยแสนเชื่อง ถ่ายละครมาก็หลายเรื่อง แต่ก็ยังถอดภาพพจน์องค์ชายห้าไม่ได้  ดังนั้นจึงใช้ความท้าทายต่างๆเป็นเครื่องมือ เช่นการเป็นผู้กับกับภาพยนตร์เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ก็เหมือนกับการเล่นเกมส์ที่ต่อสู้เพื่อเก็บแต้มและพิชิตด่านที่ยากขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น เรื่อง การปรากฏตัวของผู้ต้องสงสัยX (The Devotion Of Suspect X ) ภาพยนต์เรื่องนี้การถ่ายทำเป็นเรื่องยากมาก ไม่เพียงแต่เพราะต้นฉบับนี้ได้รับการยกย่องอย่างถึงขีดสุด แต่นวนิยายแนวลึกลับของ ฮิงาชิโนะ เคโงะ  ต้องใช้ความละเอียดประณีตเพื่อให้ได้รับความสำเร็จ การย้ายสถานที่ที่เกิดขึ้นในเรื่องไปยังอีกประเทศหนึ่ง มันเป็นเรื่องยากมากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องบางอย่าง

ตลอดกระบวนการถ่ายทำเป็นกระบวนการที่ซูโหย่วเผิงรู้สึกขัดแย้ง ยุ่งเหยิง และเป็นกังวล รวมถึงยังเป็นกระบวนการที่ยากลำบากสำหรับทีมงานผู้สร้างทุกคน และเพื่อให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สมบูรณ์แบบที่สุด เกือบทุกฉากที่ซูโหย่วเผิงต้องถ่ายซ้ำ   ครั้งที่มากที่สุดคือ นักแสดงนำอย่างจางหลู่อี โดน NG ไป 50 ครั้ง นักแสดงในกองถ่ายเล่าว่า พวกเขาบอกว่าเรื่องที่มีความสุขที่สุดในกองถ่ายคือ ตอนที่ซูโหย่วเผิงลุกขึ้นยืนจากจอมอนิเตอร์ เพื่อไปเข้าห้องน้ำ เพราะมันทำให้พวกเขาได้มีเวลาหยุดพัก

ปี 2015 มีการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องแรกของซูโหย่วเผิง เรื่อง หูข้างซ้าย (The Left Ear) ซึ่งสามารถกวาดยอดขายมาได้ 4.85 ล้านหยวน แต่กระแสจากภาพยนตร์เรื่องนี้แบ่งเป็นสองทาง กระแสหนึ่งบอกว่า “มันทำให้ฉันได้รับบทเรียนมากมาย” ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า ตัวเขาเองและสาธารณะชนมีความเข้าใจต่อภาพยนตร์วัยรุ่นแตกต่างกัน เขาไม่สามารถใช้ “ความทรงจำสมัยวัยรุ่น” มาใช้ได้ในขณะนี้ และด้วยข้อจำกัดของวรรณกรรมทำให้ไม่สามารถตอบสนองต่อรสนิยมของทุกคนได้

ใครจะรู้ว่าหลังจากี่ผ่านด่านแรกมาได้ ด่านที่สองกลับยากยิ่งกว่า  ซูโหย่วเผิงไม่ได้เป็น “แฟนคลับที่คลั่งไคล้” ในผลงานนิยายของฮิงาชิโนะ เคโงะ  และเพื่อที่ให้นิยายญี่ปุ่นเรื่องนี้สามารถผสมผสานกลิ่นไอความเป็นจีนลงไปได้ เขาได้ทำการบ้านอย่างหนัก ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มีการแก้ไขสิบกว่าฉาก โดยเขาเชิญผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ มาเพื่อ "จับผิด"  ภาพยนตร์เรื่องนี้ เพื่อความละเอียดประณีต เขายังเชิญศาสตราจาารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ระดับแนวหน้าของประเทศมาเขียนสูตรคณิตศาสตร์ที่กำลังอยู่ในระหว่างศึกษาค้นคว้า โดยเขียนไว้บนกระดานดำในห้องนอนของตัวละครสือหง เพื่อที่จะให้ผู้เชี่ยวคนอื่นที่ดูภาพยนต์เรื่องนี้รู้สึกสมจริงมากยิ่งขึ้น

“ถ้าถามว่า การฝ่าด่านต่างๆเพื่อเก็บแต้มเรื่อยๆแบบนี้  รู้สึกเหนื่อยบ้างมั๊ย? พูดตามจริงก็เหนื่อย ผมใช้เวลา 2 เดือนในการเตรียมนักแสดง   4 เดือนสำหรับการถ่ายทำ และอีก 1 เดือนสำหรับวางฉายในโรงภาพยนตร์” แต่ว่าเพื่อที่จะเป็นผู้กำกับ เขาชี้ไปที่หัวใจของเขา "ผมเตรียมใจมาแล้ว 6 ปี"
 
คำสำคัญ:การทำลาย

หลังจากที่  “เสี่ยวหู่ตุ้ย” แยกตัวบินเดี่ยว ไม่ใช่ซูโหย่วเผิงคนเดียวที่มีแนวโน้มว่าจะมีอนาคตที่ดี ในขณะเดียวกัน “อู๋ฉีหลง” เป็นคนที่มีบุคลิกคล่องแคล่วว่องไว จึงได้ฉายา “เสือสายฟ้า” และเฉินจื้อเผิง เป็นคนที่รักสวยรักงาม มีบางกระแสยังบอกอีกว่าเขาหน้าเหมือน “เลสลี่ จาง” จึงได้ฉายา “เสือหล่อ” ไปครอง ก็กำลังได้รับความนิยมในวงกว้าง

แต่กับซูโหย่วเผิงที่เป็นพวกคลังวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ตั้งแต่เด็กเขาก็เป็นพวกเด็กเรียน แม่ของเขาที่เป็นครูเคยเปิดเผยว่า ตอนที่ซูโหย่วเผิงอยู่ชั้นประถม เขาชอบเข้าเรียนคลาสพิเศษมาก เขาลงเรียนเกือบ 10 วิชา เช่น คณิตศาสตร์โอลิมปิก ภาษาอังกฤษ การเขียน การเขียนพู่กันจีน คีย์บอร์ด ลูกคิด เป็นต้น พ่อแม่ของเขากลัวเขาจะเครียดเกินไป  จึงอยากลดวิชาเรียนลง แต่จู่ๆเขากลับหยุดความกระตือรือร้นเหล่านั้นลง

เขาพูดถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ซูโหย่วเผิง เขาเล่าว่า “ความท้าทายและการทำลายเป็นไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จทุกครั้ง ผมหวังว่าจะมีความก้าวหน้า หวังว่าทุกคนจะลืมทุกสิ่งที่ผ่านมาของผม เรื่องเหล่านี้ต้องการเวลาและโชค ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถรอคอยโอกาสได้”

โอกาสครั้งแรกคือตอนที่รับบทเป็น "ไป๋เสี่ยวเหนียน"  ในภาพยนตร์เรื่อง เฟิงเซิง The Message เป็นผู้ชายรุ่มร่ามที่หลังจากถูกทรมาน เขาถูกขังไว้ในน้ำ หลังจากนั้นก็ถูกเฆี้ยนจนตาย  ไม่มีใครคาดคิดซูโหย่วเผิงปฏิเสธที่จะแสดงบทไอดอล แล้วไปรับบทแปลกๆที่มีอารมณ์ซับซ้อนแทน แต่ในบทบาทนี้เขาได้รับการยอมรับจากผู้ชมมากเกินกว่าที่คาดคิดไว้  เนื่องจากเขาได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ซูโหย่วเผิงรู้สึกเหนื่อยต่อภาพลักษณ์เจ้าชายผู้ทรงเสน่ห์เป็นอย่างมาก

ในฐานะที่เป็นผู้กำกับเป็นธรรมดาที่จะต้องแสดงความเหน็ดเหนื่อยออกมา ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการที่จะกำกับการแสดงออกมาให้ดีที่สุด เขาทั้งวิตกกังวล สับสน และพยายามใส่ใจทุกรายละเอียด ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความคุ้มค่าของผู้ชม "พูดยังไงดีล่ะ ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่งก็หวังว่าทุกคนจะยอมจ่ายเงินมาดูหนังเรื่องนี้  เพื่อที่จะให้กลุ่มผู้ชมที่ไม่สนใจผลงานของเรายอมมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้ ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า  "ในปัจจุบันนี้มีคนดูภาพยนตร์มากขึ้น  ไม่ควรประมาทต่อสติปัญญาของพวกเขา ถ้าหากผมที่เป็นผู้กำกับสนใจแต่ความต้องการของตัวเอง ไม่สนใจตลาดภาพยนตร์หรือผู้ชม แน่นอนว่ายอมมีผลกระทบที่ไม่ดีตามมา ในเรื่องนี้ผมค่อนข้างระมัดระวังมาก”

เขาหวังว่าภาพยนตร์ของตัวเอง “ต้องสนุก มีศิลปะ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นธุรกิจ”

คำสำคัญ: ความทรงจำ

ไม่มีความทรงจำ ก็เก่งไม่ได้ สมัยเมื่อเป็นวัยรุ่นในสายตาของเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ซูโหย่วเผิงเป็นคนที่เก่งมาก ทั้งร้องเพลง ทั้งเรียนหนังสือ แต่ก็ยังสอบได้ที่ 1 เสมอ ไม่มีใครรู้ นี่เป็นผลที่แลกมาจากการอดหลับอดนอนมาหลายคืน “โลกภายนอกพูดว่าฉันดีอยู่แล้ว แต่ถ้าหากฉันรู้สึกว่าดีไม่พอ นั่นก็คือยังดีไม่พอ”

เขาเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ ในอีกแง่หนึ่งคือ เขาค่อนข้างเข้มงวดกับตัวเอง

เคยมีช่วงเวลาหนึ่ง ซูโหย่วเผิงชอบร้องเพลงของ “เสี่ยวหู้ตุ้ย” ใน KTV ถึงแม้ว่า“เสี่ยวหู้ตุ้ย” จะแยกวงมาแล้วหลายปี แต่พวกเขาก็ยังถูกสื่อสอบถามเกี่ยวกับความเป็นไปของวง เขากล่าวว่า  “คนอื่นจะไม่ถามความเป็นไปในปัจจุบันของคุณ แต่เขาจะใส่ใจอดีตของคุณ”

ในสายตาสาธารณะประชาชน เขายังคงเป็น “เสือเชื่องๆ” ที่เต็มไปด้วยพลังเชิงบวกเสมอ อย่างไรก็ตามเขายังจำตัวเองตอนอายุ 16  มีเพียงแค่การทำงานพิเศษในวันอาทิตย์ และเป็นกังวลเกี่ยวกับคะแนนที่ลดลง “ในขณะที่เดินไปตามถนน  เห็นหญิงอุ้มลูกอยู่ ผมกลัวว่าเธอชี้มาที่โปสเตอร์ของผมแล้วพูดว่า ลูกดูสิ เขาคือเสือเชื่องๆที่รู้จักแต่ซ้อมละคร แต่คะแนนผลการเรียนแย่มาก”

เสียงหัวเราะในวันนี้ช่วยปกปิดความยากเจ็บปวดในช่วงวัยรุ่นเสมอมา ซูโหย่วเผิงพูดว่า เขาชอบงานในฐานะวง “เสี่ยวหู่ตุ้ย” มากๆ  แต่สำหรับฐานะที่เป็นเด็กคนหนึ่งที่พึ่งจะเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว ไม่สามารถไม่ใส่ใจบทเรียนได้ ผลการเรียนลดลง ทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างมาก นั่นคือเหตุผลที่ตอนนี้เขากำลังคิดที่จะต่อสู้กับการถอดภาพลักษณ์หล่อน่ารักแบบเมื่อก่อน ในบางครั้งเขาอยากใช้พฤติกรรม “กบฏ” เพื่อบอกให้โลกรู้ว่า ฉายานี้ผูกมัดตัวเขาไว้นานเกินไปแล้ว

ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า เรื่องที่ทำให้ผมกลัวมากที่สุด ก็คือการที่ทุกคนหลงใหลในความทรงจำ “ในตอนที่คุณมองไม่เห็นผม ผมกำลังพยายามที่จะไม่ให้ตัวเองจมไปกับสิ่งเหล่านั้น นี่เป็นสิ่งที่ยากและลำบากมาก”  จนถึงปัจจุบันนี้ ซูโหย่วเผิงไม่ได้รังเกียจที่จะถูกทุกคนตั้งฉายา “มองย้อนกลับไปของ "เสี่ยวหู่ตุ้ย" และ "องค์หญิงกำมะลอ"  เป็นสัญลักษณ์ของช่วงวัยรุ่นที่แสนงดงามของใครหลายคน เพราะชอบ ทุกคนก็เลยจดจำได้ สำหรับเรื่องนี้ผมรู้สึกขอบคุณมาก”

40
苏有朋与赵薇在京成立新公司

[2017.04.20] ซูโหย่วเผิงจับมือ เจ้าเหว่ย (Vicki Zhao)ตั้งบริษัทใหม่ที่ปักกิ่ง YII FILMS  一本影业

ซูโหย่วเผิงจับมือ เจ้าเหว่ย (Vicki Zhao)ยตั้งบริษัทใหม่ที่ปักกิ่ง

ซูโหย่วเผิงกับ เจ้าเหว่ย (Vicki Zhao)จับมือ ประกาศจะมอบภาพยนตร์ดีๆที่เต็มไปด้วยความตั้งใจให้กับทุกคน ทั้งยังประกาศข่าวดีได้ร่วมกับ เจ้าเหว่ย (Vicki Zhao) ก่อตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์ขึ้นมา สองเพื่อนรักจับมือขอมอบภาพยนตร์ดีๆที่เต็มไปด้วยความตั้งใจให้กับทุกคน รอคอยการร่วมมือครั้งต่อไปของทั้งคู่กัน!

บันเทิงซินหล่างรายงาน วันนี้ ภาพยนตร์ เสียนอี๋เหรินฯ ที่กำกับโดยซูโหย่วเผิง ได้จัดงานเลี้ยงขอบคุณเล็กๆขึ้น ที่ปักกิ่ง ผู้กำกับซูโหย่วเผิง กล่าวขอบคุณความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากทีมงานและทุกๆฝ่าย













source http://news.mtime.com/2017/04/21/1568490.html

ซูโหย่วเผิงและเจ้าเหว่ย  เพื่อนเก่าจับมือร่วมกันเปิดบริษัทภาพยนตร์ “อี้เปิ่นอิ่งเย่” YII FILMS 一本影业  คำขวัญบริษัท “เต็มไปด้วยความตั้งใจ”

คืนวันที่ 20 เมษายน ผู้กำกับซูโหย่วเผิงได้จัดงานเลี้ยงขอบคุณ “ซูโหย่วเผิง NEXT” งานเล็กๆขึ้นที่ปักกิ่ง เป็นการฉลองในโอกาสที่ผลงานกำกับชิ้นที่ 2 เรื่อง เสียนอี๋เหรินฯ The Devotion Of Suspect X  ทำรายได้ทะลุ 400 ล้านหยวน(2,000 ล้านบาทไทย) ในคืนนั้น หลี่ฉวนหลง ผู้อำนวยการผลิต หวงไห่ ฉางเจียง หวังเฉา ฉือไห่ และทีมเขียนบทก็ได้มาร่วมงานด้วย อีกทั้งยังมีการเซอร์ไพรส์จากการปรากฏตัวของผู้กำกับที่มือชื่อเสียง และจ้าวเหว่ย ซูโหย่วเผิงได้ถือโอกาสประกาศการจับมือกับจ้าวเหว่ยร่วมก่อตั้ง “บริษัทภาพยนตร์”  สัญญาว่าจะมอบภาพยนตร์ที่ “เต็มไปด้วยความตั้งใจ” ให้กับทุกคน หลินซินหยู และฟ่านปิงปิงก็ได้ส่ง VCR มาแสดงความยินดีด้วย ขอให้ทั้งคู่ผลิตผลงานดีๆออกมาให้กับทุกคน

ปี 2015 ซูโหย่วเผิงประเดิมผลงานกำกับแรกกับภาพยนตร์เรื่อง โจ่วเอ่อ The Left Ear หลังจากนั้นอีก 2 ปี ก็มีเรื่อง เสียนอี๋เหรินฯ The Devotion Of Suspect X ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคดีฆาตกรรม ความรัก และการไขปริศนาออกมา โดยทำรายได้ไปกว่า 400 ล้านหยวน(2,000 ล้านบาทไทย) ทั้งยังเป็นผลงานยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาภาพยนตร์แนวเดียวกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อเดียวกันจากปลายปากกาของนักเขียนปรมาจารย์ด้านงานเขียนแนวสืบสวนสอบสวน  ฮิงาชิโนะ เคโงะ ซึ่งก็เป็นผลงานเรื่องแรกของ เคโงะ ที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ภาคจีน ในงาน ซูโหย่วเผิงกล่าวขอบคุณทีมงาน และทีมผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างจริงใจ และขอบคุณทุกข้อคิดเห็นเสนอแนะจากผู้ชมทุกท่าน สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สมบูรณ์แบบมากขึ้น

หวงไห่ ฉางเจียง หวังเฉา ฉือไห่ ทีมเขียนบท ได้มาแบ่งปันเรื่องราวจากเบื้องหลังกองถ่ายภาพยนตร์ เสียนอี๋เหรินฯ The Devotion of Suspect X ทั้งยังแฉความเข้มงวดของซูโหย่วเผิง “ผู้กำกับรู้อย่างชัดเจนว่าเขาต้องการอะไร ดังนั้นทีมงานทั้งหมดจะต้องไปคุยกับผู้กำกับให้ละเอียด” บรรดาทีมงานที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง โจ่วเอ่อ The Left Ear นอกจากจะชื่นชมและยอมรับสำหรับการทำงานของผู้กำกับแล้ว ก็หวังว่าต่อไปจะสามารถร่วมงานกันอีก

คืนนั้น เจ้าเหว่ย เพื่อนรักของซูโหย่วเผิงที่คบกันมาเกือบ 20 ปี ได้ปรากฏตัวในงาน และยังได้ประกาศข่าวเซอร์ไพรส์ก็คือ ทั้งสอง จับมือกันสร้างบริษัทภาพยนตร์ มิตรภาพของเจ้าเหว่ยและซูโหย่วเผิงเป็นที่รู้กันอยู่ ทั้งคู่ต่างก็สนับสนุนและให้กำลังใจกันและกันมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นผลงานชิ้นใหม่ของเจ้าเหว่ย หรือกิจกรรมการกุศลของเธอ ล้วนต้องมีชื่อซูโหย่วเผิงสนับสนุนอยู่ นี่ไม่เพียงแต่เป็นมิตรภาพอันยาวนานของทั้งคู่เท่านั้น ยังมีความรู้สึกเหมือนกันในการเปลี่ยนจากการเป็นนักแสดงสู่การเป็นผู้กำกับ สำหรับภาพยนตร์เรื่อง เสียนอี๋เหรินฯ The Devotion Of Suspect X นี้ ผู้กำกับเจ้าเหว่ยคร่ำครวญว่า “ผลงานนี้มีส่วนที่เป็นการหักห้ามใจและความเป็นเหตุเป็นผลเยอะมาก ต่างกับผลงานชิ้นแรกมากๆ พิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นผู้กำกับที่ทำได้ทุกแนวคนหนึ่ง”

การร่วมมือของซูโหย่วเผิงและเจ้าเหว่ยในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ก่อตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์ “อี้เปิ่นอิ่งเย่” เท่านั้น ทั้งยังเป็นการอธิบายมุมมองของทั้งสองคนที่มีต่อการสร้าง: “เต็มไปด้วยความตั้งใจ” สร้างภาพยนตร์ที่ให้ความสุขแก่ทุกคน แม้เพื่อนรักของซูโหย่วเผิงทั้งหลินซินหยู และฟ่านปิงปิง ไม่ได้มาร่วมงาน แต่ก็ได้ส่ง VCR มาแสดงความยินดีด้วย ขอให้ทั้งคู่สร้างผลงานดีๆออกสู่สายตาผู้ชม

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 21