แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - prattana

หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 89
82
How Well do You Know Alec Su? / Re: [ซูโหย่วเผิง] ผลงานด้านการเขียน
« เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2015, 11:07:41 AM »
 

83
【海芬的大明星小跟班】做公益不落人后!苏有朋好棒棒!

“รายการผู้ดูแลซุปตาร์ของไห่เฟิน(海芬)”(Entourage-大明星小跟班 ต้าหมิงซิงเสี่ยวเกินปัน)ทำงานสาธารณะไม่ล้าหลัง!ซูโหย่วเผิงเก่งมาก!

【海芬的大明星小跟班】做公益不落人后!苏有朋好棒棒!
http://v.youku.com/v_show/id_XMTM1OTEzNDA4MA==.html

“รายการผู้ดูแลซุปตาร์ของไห่เฟิน(海芬)”(Entourage-大明星小跟班 ต้าหมิงซิงเสี่ยวเกินปัน)ทำงานสาธารณะไม่ล้าหลัง!ซูโหย่วเผิงเก่งมาก!

ายการผู้ดูแลของซุปตาร์(Entourage-大明星小跟班 ต้าหมิงซิงเสี่ยวเกินปัน)วันนี้สัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง ครั้งนี้ ซูโหย่วเผิงได้กลับมาที่ไต้หวันเพื่อกิจกรรมสาธารณประโยชน์ “รักษาปกป้องหมีดำ” รับเป็นทูตอนุรักษ์รอยยิ้มหมีดำให้แก่แบรนด์คีลส์ (KIEHL'S) อย่างไม่มีผลตอบแทน เชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม และร่วมกันสนับสนุนโครงการอนุรักษ์หมีดำไต้หวัน ซูโหย่วเผิงที่ไม่ได้ออกผลงานใหม่ทางฝั่งไต้หวันมานานแล้ว และไม่นานมานี้ก็ได้ทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจให้กับงานเบื้องหลัง ซึ่งผลงานของเขา โจ่วเอ่อ ได้เข้ารอบชิงรางวัลม้าทองคำสาขาผู้กำกับมือใหม่ยอดเยี่ยมในปีนี้อีกด้วย

大明星小跟班今天访问到苏有朋,这次苏有朋为了「保护黑熊」的公益活动回台湾,无酬劳担任KIEHL'S拥抱微笑黑熊公益大使,邀请大家一起重视环境保护,支持台湾黑熊保育计划。好久没在台湾发表新作品的苏有朋,最近重心比较在幕后工作,今年金马奖更以电影《左耳》入围最佳新导演。


 

 

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.961533150551845.1073742242.260376864000814&type=3

【海芬的大明星小跟班】做公益不落人後!蘇有朋好棒棒!
https://tw.celebrity.yahoo.com/news/%E3%80%90%E6%B5%B7%E8%8A%AC%E7%9A%84%E5%A4%A7%E6%98%8E%E6%98%9F%E5%B0%8F%E8%B7%9F%E7%8F%AD%E3%80%91%E5%81%9A%E5%85%AC%E7%9B%8A%E4%B8%8D%E8%90%BD%E4%BA%BA%E5%BE%8C%EF%BC%81%E8%98%87%E6%9C%89%E6%9C%8B%E5%A5%BD%E6%A3%92%E6%A3%92%EF%BC%81-034836033.html

VDO http://v.youku.com/v_show/id_XMTM1OTEzNDA4MA==.html

84
Public Benefits / Re: 2005 งานกุศลงานสาธารณประโยชน์ (CSR)
« เมื่อ: กันยายน 18, 2015, 12:52:47 PM »

85
<a href="https://www.youtube.com/v/?v=OWONWnvObw0" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/?v=OWONWnvObw0</a>

Happy Birthday SuYouPeng

This MV was made for your 42th birthday anniversary and also the 5th anniversary of Su You Peng Thaifans Website. It was last from 2000-2015 all the way through that you have been my most favorite.

All the time I have been dedicated myself to this website for the center of love in Thailand, and for all the people who love you since 2010. It has been 5 years now. Sometimes I felt tired but all of the dedication I've made a beautiful story of yours. I can see you've always got more fans along the way every day. It is  very beautiful, very impressed and very complacent.

This is my pride, pride to love you. We are ready to walk along with you every day, every month, every year, until forever.



สุขสันต์วันเกิดค่ะซูโหย่วเผิง

MV ตัวนี้ทำขึ้นเนื่องในวันเกิดครบรอบ 42 ปีของคุณ และวันครบรอบ 5 ปี ของเว็บไซด์ Thaifans ตลอดการเดินทางไกลของฉันที่ได้มารักคุณ ตั้งแต่ปี 2000-2015 มาถึงวันนี้ก็ 15 ปีแล้ว

ตลอดการทุ่มเททำเว็บไซด์ เพื่อเป็นศูนย์กลางแห่งความรักที่มีต่อคุณตั้งแต่ปี 2010-2015 มาถึงวันนี้ก็ 5 ปีแล้ว บางครั้งฉันก็รู้สึกเหนื่อย แต่สิ่งที่ฉันทุ่มเทลงไป มือคือเมล็ดพืชที่สวยงาม ได้คนที่รักคุณเพิ่มขึ้นทุกวัน เป็นสิ่งที่สวยงาม น่าประทับใจ อิ่มเอมใจ

นี้คือความภาคภูมิใจของฉันที่ได้มารักคุณ พวกเราพร้อมที่จะร่วมเดินไปกับคุณแบบนี้ ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี และตลอดไป

86

ที่มา http://ent.sina.com.cn/s/m/2011-02-11/10283226810.shtml

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2011ซูโหย่วเผิงเป็นผู้นำคณะนักแสดงชาย

ซูโหย่วเผิงเป็นผู้นำคณะนักแสดงชาย

ปี 2010 เป็นปีที่ดาราหลายๆ คนมีผลงานภาพยนตร์หลายเรื่องที่น่าจดจำ ทั้งเฉินหลง (ChengLong) หวงเสี่ยวหมิง (HuangXiaoMing) ซูโหย่วเผิง (SuYouPeng) เป็นต้น ซูโหย่วเผิงไม่เพียงทุ่มเทในการแสดงภาพยนตร์ที่แสนยอดเยี่ยม 5 เรื่อง ให้แก่ผู้ชม จนกลายเป็นดาราที่แสดงหนังเยอะที่สุดของปีนั้น เขายังได้รับรางวัลนักแสดงนำชายในเทศกาลหนังมาเก๊าจากเรื่อง คางติ้งฉิงเกอ (KangDingQingGe) อีกด้วย

ปีที่ผ่านมา ซูโหย่วเผิงมีผลงานภาพยนตร์ที่น่าประทับใจ กลายเป็นทั้งไอดอลสุดร้อนแรงและนักแสดงที่มีคุณภาพ เฉพาะในปีนี้ ซูโหย่วเผิงได้เสนอภาพยนตร์สุดยอดเยี่ยมให้ผู้ชมถึง 5 เรื่อง ได้แก่ เรื่อง สุนจ่าวหลิวซานเจี่ย (A Singing Fairy) เรื่อง ชื่อจือปู้เข่อเก้าเหริน (Lost In Panic Room) เรื่อง คางติ้งฉิงเกอ ( A Tibetan Love Song) เรื่อง เส้าเหนี่ยนซิงไห่ ( The Star and The Sea ) และเรื่อง ซื่อเก้อฉิวบี่เท่อ ( The Four Cupids) ซูโหย่วเผิงทำงานด้วยจิตวิญญาณและมีความตั้งใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนชื่นชมเขา จนกลายมาเป็นนักแสดงชายที่ร้อนแรงที่สุด

ไม่ว่าจะอยู่ในภาพยนตร์เรื่องไหน ซูโหย่วเผิงก็ปรับเปลี่ยนให้เป็นตามบทบาทนั้นได้ ทำให้เห็นภาพที่ลึกซึ้งและเสน่ของแต่ละบทบาทตัวละคร กลายมาเป็นผู้นำนักแสดงชายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าหากพูดว่าเรื่อง เฟิงเชิง (FengSheng) ทำให้ซูโหย่วเผิงกลายมาเป็นที่รู้จักไปทั่วจนได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชาย ถ้าอย่างงั้น เรื่อง คางติ้งฉิงเกอ (A Tibetan Love Song) ปี 2010 ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จ แต่ยังเป็นต้นแบบของนักแสดงที่มีความพยายามอีกด้วย จิตวิญญาณนักแสดงของซูโหย่วเผิงดึงดูดให้ประเทศอื่นๆ สนใจในตัวเขา จนเขาได้รับเชิญไปงานเทศกาลหลังนานาชาติ ด้วยความรักในภาพยนตร์ของเขา เขาเดินทางออกนอกประเทศ ก้าวไปในเวทีที่สูงขึ้นอีกขั้นหนึ่ง

นอกจากความทุ่มเททำงานของซูโหย่วเผิงแล้ว เขายังคงให้ความสำคัญกับการทำการกุศลอีกด้วย ซูโหย่วเผิงเดินทางไปมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือและบริจาคให้โรงเรียนประถมที่ยากจนแถบเหอเป่ย และพื้นที่ยากจนต่างๆ โดยเขาเสียสละกำลังของตนเองเพื่อไปให้ความบันเทิงและให้ความรักกับเด็กๆในพื้นที่ยากจนเหล่านั้น

ปี 2010 ผ่านไปแล้ว สำหรับซูโหย่วเผิงแล้วเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของเขามาก เขายังคงพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่เคยหยุดความพยายาม เขาท้าทายตัวเอง มองหาบทบาทที่ยากขึ้นไปด้วยความเชื่อมั่นที่เขามีในการสร้างสิ่งใหม่ๆ ทำให้พวกเราได้รับชมสิ่งแปลกใหม่จากเขาอยู่เสมอ ในตอนนี้ขออำลาปี 2010 ซูโหย่วเผิงจะยังคงเดินหน้าต่อไป มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ และบินไปในท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ขึ้น

87
 

ที่มา http://ent.sina.com.cn/s/h/2011-02-18/10403233283.shtml

เวลา 10:40 เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011  ซูโหย่วเผิงกลับคืนสู่จอเงิน แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ใส่ชุดโบราณ

Sina รายงาน ปี 2010 เป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวของภาพยนตร์ประเทศจีน รายได้ Box office มากกว่าพันล้าน ดาราภาพยนตร์หลายคนปรากฏตัวต่อหน้าผู้ชมบ่อยครั้งมากขึ้น ปี 2009 มีการเปิดตัวหนังที่ซูโหย่วเผิงจะแสดง และในปี 2010 มีการเสนอภาพยนต์ 5 สไตล์ให้ผู้ชม ซึ่งทำให้ผู้ชมประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม ผู้ชมก็ยังไม่พอใจเท่าไหร่ หวังว่าในปีใหม่จะได้เห็นซูโหย่วเผิงกลับสู่จอเงินในชุดโบราณอีกครั้ง

เมื่อนึกถึงซูโหย่วเผิงที่แสดงในภาพยนต์ 5 เรื่องในปี 2010 เขาได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อต้นปีที่อยากจะทำลายภาพลักษณ์เก่าของเขา ยิ่งบทบาทที่ไม่เหมือนเดิม เขายิ่งอยากแสดง ในปีนี้การตีความบทบาทตัวละครของซูโหย่วเผิงทำให้ผู้ชมประหลาดใจ และประสบความสำเร็จอย่างมากใน Box office ทั้งการแสดงเป็นวัยรุ่นในละคร Comedy

เรื่อง  The Four Cupids ซื่อเก้อฉิวบี่เท่อ (SiGeQiuBiTe)  ซูโหย่วเผิงแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก

ทั้งการแสดงเป็นนักศึกษาปริญญาโทผู้อ่อนโยนในเรื่อง A Singing Fairy สุนจ่าวหลิวซานเจี่ย (XunZhaoLiuSanJie) เขาทั้งร้องเพลงเต้นรำ แสดงออกถึงพรสวรรค์หลายด้านของเขา

ในเรื่อง Lost In Panic Room มี่ชื่อจือปู้เข่อเก้าเหริน (MiShiZhiBuKeGaoRen) และเรื่อง A Tibetan Love Song คางติ้งฉิงเกอ (KangDingQingGe) ซูโหย่วเผิงก็ได้ทำลายภาพลักษณ์เก่าของเขาได้ ยิ่งทำให้น่าประหลาดใจขึ้นไปอีกคือซูโหย่วเผิงแต่งกายเป็นนักศีกษาชาวธิเบตแสดงหนังซึ่งเป็นที่น่าจดจำ ความจริงใจของเขาทำให้คนน้ำตาไหลจริงๆ นี่เป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของบทบาทการแสดงภาพยนตร์ของเขาซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกประทับใจอย่างมาก

เขาถูกแฟนๆเรียกว่า ไป๋เปี้ยนซู (BaiBianSu) แต่ก็มีผู้ชมพบว่าการแสดงหนังทั้ง 5 เรื่องของซูโหย่วเผิง ไม่มีบทบาทที่ใส่ชุดจีนโบราณเลย แฟนๆเลยหวังว่าในปี 2011 เขาจะเข้าสู่จอเงินในชุดโบราณอีกครั้ง หลังจากที่ปี 2010 ไม่มีบทบาทนี้เลย

90


ปี 2009 ~风声 (ฟงเซิน)

ผ่านมา 20 ปีแล้ว หลังจากที่ เสี่ยวหู่ตุ้ย ก้าวสู่ช่วงเวลาที่รุ่งเรื่องที่สุดทางด้านงานละครของพวกเขา เขา ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการโทรทัศน์อยู่ก่อนแล้ว  ก็ได้กลับมากับฝีมือการแสดงที่ทำให้ทุกคนต้องอึ้งอีกครั้งกับบทบาทที่ชื่อว่า (ไป๋เสี่ยวเหนียน) ซึ่งครั้งนี้ก็ถือเป็นก้าวที่สำคัญในวงการภาพยนต์ของ ซูโหย่วเผิง เลย นอกจากจะได้รับคำชมทั้งในและนอกวงการแล้ว ช่อดอกไม้แสดงความยินดีจากทุกๆสื่อก็ทำให้เค้าซาบซึ้งเป็นอย่างมาก

ซูโหย่วเผิง ได้สร้างภาพพจน์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน (เกาฉวินซู) เคยบอกว่า “ซูโหย่วเผิง เป็นนักแสดงที่ได้รับบทท้าทายที่สุดในหนังเรื่องนี้ เชื่อว่าการแสดงครั้งนี้จะทำให้เขาก้าวสู่จุดสูงสุดของวงการละคร ถึงอาจเทียบระดับกับ(จางกว๋อหยง)และ(เหมยหลานฟาง)ได้เลย”

ฉันคิดว่า “รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก โกลเด้นรูสเตอร์แอนด์ฮันเดรดฟราวเวอร์สฟิล์มเฟสติวัล ครั้งที่ 19(Hundred Flowers Awards)” ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับ ซูโหย่วเผิง เลยทีเดียว ทั้งพวกเราและเขาต่างหวังให้เขาประสบความสำเร็จสูงสุดในวงการภาพยนต์

ไอดอลของเราไม่ทำให้เราผิดหวังอยู่แล้วล่ะ บนเส้นทางที่ไม่ได้มีแต่ความราบรื่นเส้นนี้ มีคำอวยพรจากพวกเรา และความพยายามของตัวเขาเอง ทำให้เขาได้รับรางวัล นักแสดงชายดีเด่นมาเก๊าและรางวัลโกลเด้นฟินิกซ์ (Golden Phoenix Awards) ตามมา พวกเรายืนหยัดที่จะเชื่อว่า พระเจ้าจะคุ้มครองคนที่ไม่ละความพยายาม และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เรารอคอยพรุ่งนี้ที่ดีกว่า




อ้างถึง
ซูโหย่วเผิง : ที่จริงเพลงหลายเพลง  เมื่อก่อนร้องกับปัจจุบันร้องนั้นความรู้สึกไม่เหมือนกัน
ก็เหมือนเพลงเมื่อกี้เปยเปา ตอนที่ผมอัดเสียงอยู่นั้น  อย่างไงๆก็คิดไม่ถึงว่า 
วันหนึ่งผมจะสะพายกระเป๋าพเนจรไปมา

เอาล่ะ ผมสัญญากับพวกคุณว่าผมจะไม่ร้องไห้ ตั้งแต่เริ่มตัดสินใจออกจากการเรียนแล้วนั้น
ไม่ว่าจะก่อนหน้านั้นหรือหลังจากนั้น ก็ทำให้ผมมีความเครียดอย่างมาก รวมทั้งความเครียดในใจผมเอง
และความเครียดที่มาจากภายนอก ผมคิดว่า ระยะเวลาช่วงนั้นมันไม่มีความสุขสำหรับตัวผมเอง
ผมคิดว่าวันนี้ผมได้เดินผ่านความตกต่ำอย่างนี้มาได้ คนแรกที่ผมจะขอบคุณคือพ่อแม่ของผม
วันนี้พวกท่านก็มาในงานนี้ นั่งอยู่กับพวกคุณ ผมคิดว่ามันไม่ง่าย  ถ้าไม่ใช่คุณพ่อคุณแม่
ที่ให้กำลังใจผมมาตลอด

ผม คิดว่าขณะที่ความฝันกับความจริงมันขัดแย้งกันอยู่นั้น  ผมไม่สามารถจะมีความกล้า
ผมรักคุณ แน่นอน นอกจากสิ่งเหล่านี้ผมยังต้องขอบคุณสำหรับแฟนๆของผมที่มาในที่นี่
ยังมีเพื่อนที่ให้กำลังใจผมมาตลอดเจ็ดปี

ที่จริงผมรู้สึกตัวเองอยู่เสมอว่าผมเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด เจออุปสรรคบ่อยๆ  ผมก็คิดว่ามันไม่มีทางออก
อยากปล่อยวางจริงๆ  พวกคุณคงมองไม่ออกสักนิด จริงๆที่พวกคุณให้กำลังใจและหน้าที่นี้กับผม
ให้ผมยืนอยู่ตรงจุดนี้ยืนหยัดมาตลอด  เมื่อผมออกต่างประเทศ คุณอย่าหมดหวัง 
คุณเป็นเพื่อนที่รักผมตลอดกาล   ขอบคุณ


4 เมษายน 1995 คำพูดของ โหย่วเผิง  ในคอนเสิร์ต 95 ก่อนร้องเพลง《珍惜》รักและถนอม (เจินซี)

   เพลง《珍惜》(เจินซี-รักและถนอม) ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของโหย่วเผิงเลย เป็นหนึ่งในเพลงที่ฟังแอดมินชอบมากๆ ยังมีเพลง背包เปยเปา(เป้ใบใหญ่) 勇气 หย่งชี่(กล้าหาญ) แอดมินฟังเพลงนี้มาหลายเวอร์ชั่น ชอบที่สุดคือตอนที่เขาร้องเปรี่ยมไปด้วยน้ำตากลางคอนเสิร์ต 95 หนุ่มวัยรุ่นที่เคยมีอนาคตที่สวยงาม ความสับสนจากชีวิตที่สวยหรูพลิกสู่ความตกต่ำ ความสิ้นหวังที่ไม่มีคนเข้าใจ สุดท้ายเขาปฏิเสธเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง เขาผลักตัวเองไปต่างประเทศ ลองใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ระหว่างที่คนรอบกายเขาค่อยๆห่างจากไป คนที่ยังอยู่เคียงข้างเขาในตอนนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต

เขาเล่าเรื่องนี้ด้วยเสียงสะอื้อ เขาอยากยิ้มออกมา แต่น้ำตาคลอเบ้าเขา ความทรมานขนาดนั้นมันเกินกว่าที่วัยรุ่นคนหนึ่งจะรับได้ เขาไม่ใช่พระเจ้า เขาเป็นเพียงเด็กอายุ 22 เองนะ ทุกครั้งที่ฟังเขาร้องเพลงนี้ หัวใจเจ็บเหมือนโดนบีบ เมื่อกี้นี้ก็ฟังไปอีกหนึ่งรอบ อดไม่ได้ที่จะไม่พิมพ์คำพูดของเขาออกมา วันนี้ไม่ได้ทำเพื่อความเท่ห์ เพียงเพื่อแด่ความซาบซึ้งนั้น เพียงเพื่อแด่ความลำบากที่ผ่านมาของ โหย่วเผิง คลิปนี้คือคำพูดจากโหย่วเผิง แอดมินเอามาให้ฟังอีกครั้งค่ะ


<a href="https://www.youtube.com/v/?v=k7Xua6ZkaIM" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/?v=k7Xua6ZkaIM</a>



เทพบุตรที่ไม่แก่แห่งวงการบันเทิง ซูโหย่วเผิง เคล็ดลับความสำเร็จ: ซูโหย่วเผิงเพื่อนบ้านรูปหล่อที่ตอนนี้อายุเข้าเลขสี่แล้ว แต่ใบหน้าที่หล่อเหลา และรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นดังดวงตะวัน ก็ยังคงไม่ไปไหน ผลงานภาพยนตร์ที่ออกมาในช่วงสองปีนี้ มียอดจำหน่ายตั๋วที่ไม่เลวเลย ภาพยนตร์เรื่องโจ่วเอ่อที่เข้าฉายในปีนี้ ทำรายได้สุทธิ 491,500,000 ล้านหยวน หน้าที่การงานของซูโหย่วเผิงก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นเพื่อนบ้านรูปหล่อและความตั้งใจอย่างไม่ลดละ

ซูโหย่วเผิง
วันเกิด: 11 กันยายน 1973


ถึงแม้ว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยจะจากพวกเราไปนานแล้ว แต่ไกวไกวหู่ซูโหย่วเผิงกลับเป็นเทพบุตรตลอดกาลในใจของหลายๆคน ตั้งแต่อายุ 15 ปีที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกวงเสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นต้นมา ซูโหย่วเผิงกลายเป็นไอดอลคนแรกในวงการบันเทิงที่ได้รับความนิยมของคนทุกเพศทุกวัย เป็นการเริ่มยุคสมัย “ราชาเรตติ้งแห่งละครโทรทัศน์”ของเขา ละครเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ มนต์รักในสายฝน ดาบมังกรหยก ฯลฯ ล้วนแต่ได้รับความนิยมอย่างมาก.

ปัจจุบัน ซูโหย่วเผิงมีอายุเข้าเลขสี่แล้ว แต่ใบหน้าที่หล่อเหลา และรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นดังดวงตะวัน ก็ยังคงไม่ไปไหน ผลงานภาพยนตร์ที่ออกมาในช่วงสองปีนี้ เรื่อง    Design of Death, The Assassins, และ The Four III ล้วนมียอดจำหน่ายตั๋วที่ไม่เลวเลย ภาพยนตร์เรื่องโจ่วเอ่อ-The Left Ear ที่เข้าฉายในปีนี้ หน้าที่การงานของซูโหย่วเผิงก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นเพื่อนบ้านรูปหล่อและความตั้งใจอย่างไม่ลดละ





ซูโหย่วเผิง ซูโหย่วเผิง ในฐานะที่เป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมอย่างสูงอดีตวงเสี่ยวหู่ตุ้ยที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นต้นกำเนิดของไอดอล—ไกวไกวหู่ ซูโหย่วเผิง ในฐานะที่เป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ในวงการภาพยนตร์ วงการโทรทัศน์ วงการเพลง ฯลฯ ซูโหย่วเผิงล้วนแต่มีผลงานเป็นที่น่าจับตามอง เขาเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดสำหรับบรรดาสาวๆ SNH48 ที่กำลังไล่ตามความฝันที่จะเป็นไอดอลของจีน

ซูโหย่วเผิง เกิดวันที่ 11 กันยายน ปี 1973 ที่เมืองไทเป ไต้หวัน นักร้อง นักแสดง โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ

ปี 1988 เข้าเป็นสมาชิกวงเสี่ยวหู่ตุ้ย และได้รับความนิยมมาก เมื่อเสี่ยวหู่ตุ้ยปรากฏตัวก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากในเอเชีย จัดคอนเสิร์ตอย่างเต็มรูปแบบกว่า 20 รอบเป็นประวัติการณ์ กลายเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุค 80 และ 90 เป็นความทรงจำช่วงวัยรุ่นของคนมากมาย

ปี 2009 ซูโหย่วเผิงเริ่มเปลี่ยนแปลงบทบาท ในภาพยนตร์เรื่อง เฟิงเซิน (The Message) รับบทเป็นไป๋เสี่ยวเหนียน (Bai Xiaonian) ที่สับสนทางเพศ มีลักษณะตุ้งติ้ง นุ่มนิ่ม และได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม

ปี 2014 ซูโหย่วเผิงรับบทเป็นผู้กำกับครั้งแรก นิยายของหราวเสว่ม่าน (饶雪漫) เรื่อง โจ่วเอ่อ (The Left Ear) เป็นผลงานที่ซูโหย่วเผิงเลือกมาเป็นผลงานการกำกับชิ้นแรก ปี 2015 ภาพยนตร์เรื่อง โจ่วเอ่อ ได้รับรางวัล  “วรรณกรรมเยาวชนแห่งปี 2015”   ในงานเทศกาลภาพยนตร์ปักกิ่ง




ซูโหย่วเผิว--ชายหนุ่มที่คู่ควรให้ฉันคลั่งไคล้

จากหนุ่มขี้อายยามขึ้นบนเวที ในตอนนี้เวทีเป็นที่ๆเขาเป็นตัวของตัวมากที่สุด การพัฒนานี้อาจใช้เวลานานพอสมควร เขามีทุกวันนี้ได้ มีจุดเริ่มต้นมาจากความตั้งใจ ยืนหยัด และความพยายามของเขา เขาเชื่อเสมอว่า ขอเพียงเราตั้งใจทำให้เต็มที่ มันต้องผลตอบแทนกลับมาแน่นอน

ผลงานของเขาเป็นเหมือนเพื่อน ที่อยู่ข้างเราตั้งแต่เริ่มจำความได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา บางครั้งเราอาจลืมเขาไป แต่เพียงแค่ความบังเอิญเสี้ยววินาทีเดียว ก็ทำให้เราได้รับรู้ว่า เขาอยู่เคียงข้างเรามาเสมอ เขาเป็นคนเรียบง่าย ถึงตอนนี้จะกลายเป็น "ราชานักแสดง" แล้ว แต่เขายังคงความเรียบง่าย ติดดินเหมือนเดิม มุ่งมั่นในการก้าวไปข้างหน้าต่อไป

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความเมตตาในตัวเขา ทำให้ทุกคนที่รักเขาซาบซึ้งอยู่เสมอ ไม่ว่าในการทำงานจะเจออุปสรรคมากมายแค่ไหน แต่เขาก็ยังแสดงรอยยิ้มให้เราได้เห็น นี่แหล่ะ ซูโหย่วเผิง ผู้ชายที่คู่ควรให้เรารัก ผู้ชายที่คู่ควรให้เราคลั่งไคล้



ฝันถึง ซูโหย่วเผิง

หญิงสาวคนหนึ่งยืนรออยู่หน้าคฤหาสน์  ห้องนอนสว่างจ้าเพราะผนังห้องเป็นกระจก ผ้าม่านสีขาวถูกแขวนอยู่หน้ากระจก ข้างผ้าม่านมีกระถางดอกมะลิดอกน้อยตั้งอยู่ สายลมเบาๆพัดผ่านสระว่ายน้ำเข้าไปยังห้องของเธอ หญิงสาวนั่งอยู่ริมหน้าต่าง เธอเป็นสาวผมยาวสลวย หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ  อากาศตอนนี้มีกลิ่นหอมอ่อนจากดอกมะลิ

ขณะนี้มีคนก้าวเข้ามาในห้อง เขานั้นเอง ชายหนุ่มที่เธอนั่งรอ (โหย่วเผิง) หญิงสาวหันไปหาเขา ทั้งสองส่งยิ้มให้กัน อันที่จริงแล้ว เมื่อก่อนแล้วซูโหย่วเผิง ก็เหมือนกับ หมอหนิว 牛医生(หนิวยีเซิน) ในเรื่อง 杀生(ซาเซิง) ลึกลับและน่ากลัว  นั้นเป็นเพราะว่าเด็กผู้ชายตัวน้อยบ้านเด็กกำพร้าที่ โหย่วเผิง ชอบไปบ่อยๆ เขาเผลอกินลูกปัดที่มีเวทมนต์เข้าไป และลูกปัดเวทมนต์นี้สามารถดูดพลังความรักความเมตตาจากคน ทำให้กลายเป็นคนร้ายกาจน่ากลัว

จาก ซูโหย่วเผิง ที่เคยมีแต่เมตตาค่อยเปลี่ยนไปเพราะลูกปัดเวทมนต์ ไม่เพียงแค่ โหย่วเผิง เท่านั้น รวมถึงเด็กๆในบ้านเด็กกำพร้าด้วย กลายเป็นคนน่ากลัวไปหมด มีแต่เพียงเด็กชายคนนั้นที่ยังเหมือนเดิม ฉะนั้น เขาเลยกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของคนอื่นๆ ถูกข่มขู่ กลั่นแกล้งทุกวัน อยู่มาวันหนึ่ง ซูโหย่วเผิง มาถึงบ้านเด็กกำพร้าที่นี่ เขามัดเด็กชายคนนั้นแล้วแขวนไว้บนต้นไม้ ให้เด็กคนอื่นๆมาโยนถุงทรายในตัวเด็กชาย  เด็กน้อยร้องไห้ร้องขอ “ปล่อยฉันลงไปทีเถอะ ขอร้อง” แต่เด็กๆข้างล่างกลับเล่นอย่างสนุกสนาน “ทุกคนหลบไป ฉันจัดการเอง” โหย่วเผิงร้องบอก โหย่วเผิง ปาสุดกำลัง ถุงทรายกระทบกับลูกปัดในตัวเด็กชายพอดี เด็กชายสำลัก มีลูกปัดออกมาจากปากและหล่นลงพื้นหญ้า แสงอาทิตย์สาดสองปลดปล่อยพลังแห่งรักของทุกคน ทุกคนกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เด็กชายถูกปล่อยลงจากต้นไม้ บ้านเด็กกำพร้ากลับมาสู่ความสงบสุขเหมือนแต่ก่อน

โหย่วเผิง รู้สึกผิดที่ตนได้ทำเรื่องแย่ๆลงไป เขาสำนึกผิดด้วยการมีจิตใจเมตตามากยิ่งขึ้น ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนสุดความสามารถของตนเอง และให้ความรัก ความอบอุ่นแก่พวกเขา ฉะนั้นที่ โหย่วเผิง ดูแลหญิงสาวคนนั้น ก็เพราะว่าเธอต้องการความช่วยเหลือ ไม่ใช่อย่างอื่นใดเลย เพราะว่าหญิงสาวคนนั้นไม่สามารถมองเห็นได้




ซูโหย่วเผิง-สมกับที่เป็นผู้ชายที่ฉันบ้าคลั่ง

จากคนที่ตื่นเต้นขี้อายบนเวทีในอดีต ถึงคนที่มีความสุขอย่างยิ่งบนเวทีในปัจจุบัน หลังจากผ่านความพยายามและความหนักแน่นมาตั้งแต่แรก เขาเชื่อว่า เพียงแค่คุณตั้งใจและทุ่มเท จะต้องได้รับผลตอบแทนแน่นอน ...!

ผลงานของเขาเป็นเหมือนกับเพื่อนของพวกเรา ตั้งแต่จำความได้ ก็อยู่กับพวกเราแล้ว สิ่งละอันพันละน้อย อุปสรรคต่างๆ อาจทำให้พวกเราลืมเขาไปบ้างระหว่างทาง แต่ว่าแค่ช่วงเวลาที่ไม่สนใจ พวกเราก็จะพบว่าเขาอยู่เคียงข้างกับพวกเรามาตลอด

เขามีจิตใจที่สงบและสันโดษ ถึงแม้ว่าความยอดเยี่ยมของเขาได้สร้าง “ผู้ชนะ” ในวันนี้ แต่เขาก็ยังคงรักษาจิตใจอันสงบนี้ไว้ ในทุกๆก้าวที่ก้าวผ่านวันนี้ไปสู่อนาคต!

หลายปีมานี้ เขาใช้จิตใจที่มีเมตตามาทำให้พวกเราทุกคนที่รักเขาประทับใจตลอดมา ไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหนด้านการงาน เขาก็ยังคงมอบรอยยิ้มที่แสนจริงใจให้กับพวกเราเสมอ นี่ก็คือ "ซูโหย่วเผิง" สมแล้วที่พวกเรารัก สมแล้วที่เป็นผู้ชายที่พวกเราบ้าคลั่ง




อ้างถึง
มีสปุ๊ บ้านพิพัฒน์กนกพร

เท่าที่ติดตามดาราเด็กหลายคนที่ประสบผลสำเร็จตอนเด็ก มักไม่ประสบผลสำเร็จตอนโต เพราะหลงระเริงกับมายาภาพ เงินทองจนไปสู่อบายมุข แต่สำหรับซูโหย่วเผิงกลับไม่ใช่ การวางตัวที่เหมาะสม อาจจะมีช่วงหนึ่งที่หายไปนั่นคงเป็นระยะเวลาของดักแด้ ที่ต้องการความสงบนิ่งไตร่ตรอง สะสมพลัง เพื่อโบยบินสู่แสงตะวันอีกครั้งอย่างงดงาม





จะมีวัยรุ่นอายุ 17 ปี สักกี่คน
ที่จะมีความมุ่งมั่นทำในสิ่งที่ยากมาก
และกล้าที่จะแสดงความมุ่งมั่นนี้ออกมา
รับปากกับทุกคน และ
เขาเอาความมั่นใจมหาศาลนี้มาจากไหนกันนะ

ซูโหย่วเผิง Alec Su ในวัย 17 ปี
การตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต
โดยทำตามอิมเมจที่บริษัทสร้าง “ไกวไกวหู่” ไว้
ได้สร้างไว้ตั้งแต่ เป็น “ผู้ช่วยพิธีกร”
“ไกวไกวหู่” ที่ ทั้งหน้าตาน่ารัก หล่อเหลา
ทั้งเรียนหนังสือเก่ง ทั้งสามารถทำงานทีวีได้

ไม่มีใครคาดคิด
“เสี่ยวหู่ตุ้ย”
วัยรุ่นชายที่เป็นผู้ช่วยพิธีกรทั้ง 3 คน
มีชื่อเสียงและดังยิ่งกว่าพุแตก
“ไกวไกวหู่” ยังมีอินเมจอย่างเดิม

แต่…………………….
ภารกิจ การเป็นผู้ช่วยพิธีกร (ออกอากาศอาทิตย์ละ 1 ครั้ง)
กับ ภารกิจ การเป็น บอยแบรนด์อันดับหนึ่ง นั้น
ช่างต่างกันลิบลับ

ใครจะรู้ซึ้งเรื่องนี้ได้ดีเท่า ซูโหย่วเผิง
และความลำบาก หนักหน่วงนี้
ไม่ได้แสดงออกมาเป็นคำพูด
หากจะเห็นแต่ “ไกวไกวหู่” ที่มี
ใบหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นทุกวัน

เหตุการณ์นี้กดดันมากขึ้น
เมื่อบริษัทจะถอดเขาออกจาก “เสี่ยวหู่ตุ้ย”
เหตุเพียงเพราะคะแนน ม.4 และ ม.5 ของเขาไม่ดี
การสอบเข้ามหาลัยมีชื่ออาจเป็นไปไม่ได้
ถึงตอนนั้น นอกจาก “ไกวไกวหู่” จะเสียภาพพจน์แล้ว
แน่นอน ย่อมกระทบไปถึง “เสี่ยวหู่ตุ้ย”
และ ชื่อเสียงของ “บริษัทไคลี่” ด้วย
(เฮ้อออออออออออออออออ เซ็งจิต)

ระบบธุรกิจในโลกที่คนทำกับคนกันแบบนี้
ทำให้วัยรุ่นคนหนึ่ง
จะต้องทำงานไปด้วย
และสอบเข้าคณะที่ฮิต ในมหาลัยชื่อดังที่สุดในไต้หวันให้ได้
กลายเป็นความเชื่อ เป็นภารกิจที่สมควรทำ
ซึ่งเพราะความเชื่อแบบนี้
จึงทำให้คนเอเชียแบบญี่ปุ่น ไต้หวัน และ
ตามมาติดติดก้อจีน
เพราะความเชื่อแบบนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าดีหรือเปล่า
แต่ก้อทำให้นำมาซึ่งชื่อเสียงและเงินทอง

ซูโหย่วเผิง เองคงเคยเชื่อแบบนี้
ถึงตอนนี้ก้อยังเชื่ออยู่
หากแต่ อยู่ภายใต้ ตัวของตัวเองมากขึ้น
(และเนี่ยอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้
คนในประเทศเหล่านี้สามารถทำงานเป็นทีมได้
ไม่เหมือนเมืองไทย ทำงานเป็นทีมทีไร
มั่นหาเรื่องกัดกันทุกที คิดแต่เรื่องชิงดีชิงเด่น
อิจฉาริษยาไม่เข้าเรื่อง แทนที่จะมองที่เป้าหมาย
แล้วร่วมมือกัน ชอบจับผิดในเรื่องไม่เป็นเรื่อง)
ถึงตอนนี้ ซูโหย่วเผิง ก้อยังคงเป็นเหมือนเดิม
ดังที่เขาเคยพูดไว้

“กิจกรรมของบริษัทผมสามารถปฏิบัติตามได้ การเรียนของผมตัวผมรับผิดชอบเอง ลำบากกว่านี้ผมคนเดียวขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียวทั้งหมด”
เมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ก้อยังคงมุ่งมั่นเหมียงเดิม และมีเพิ่มเติมนิดหน่อย

“กิจกรรมของบริษัทผมสามารถปฏิบัติตามได้ การสรุปบทเรียนและความรู้ด้านการแสดงของผมตัวผมรับผิดชอบเอง ลำบากกว่านี้ผมคนเดียวขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียวทั้งหมด”


ารกระทำเป็นเครื่องวัดที่ดีที่สุด
เห็นการตั้งใจทำงาน
และการมองโลกในแง่ดีแล้วของ Alec Su แล้ว
ฉันตั้งใจจะเอาเป็นแบบอย่างคะ
และตั้งใจจะทำงานเป็นทีมให้ได้ดี
(กับทุกทีมที่ดิวอยู่ตอนนี้ เฮ้อ...เหนื่อยคะ เหนื่อยใจ)

ทึ่ง จิง จิง ว่าคุณทำได้ไง
แถมทำกับทึมงานเด็กรุ่นใหม่ทั้งนั้น
แต่อาจเป็นเพราะความต่างด้านวัฒนธรรมกะมัง
สุดยอดคะ Alec Su
คุณ คือ ที่สุดของแบบอย่าง
Alec Su , I Love You



ปี 2010 Alec ได้รับรางวัล Best Supporting Actor จากงาน Golden Rooster and Hundred Flowers Film Festival (ครั้งที่ 19) เขาเป็นคลื่นลูกใหม่ รูปลักษณะใหม่ของเขาเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์แบบการันตีด้วยความงดงาม มีชีวิตชีวา ความเคร่งขรึมดูมีเสน่ห์ เป็นความพิเศษของเขา

ยินดีและดีใจกับ Alec Su ศิลปินผู้มากความสามารถ
ศิลปินผู้มากความพยายาม
ปลื้มใจมากคะ ดีใจจนบอกไม่ถูก

ก้อไม่รู้ว่ารางวัลนี้ มีความหมายมากขนาดไหน
กับศิลปิน นักแสดงในประเทศจีน

เท่าที่ดูจากปฏิกิริยาของ Alec Su
การได้รางวัลนี้
เหมือนบทพิสูจน์ที่ได้พิสูจน์ตัวเอง
เส้นทางนี้ เดินมาถูกต้องแล้ว

ดีใจและยินดีด้วยหมดหัวใจเลยคะ
ซูโหย่วเผิง ยังไง ก้อเป็น ซูโหย่วเผิง ตลอดกาล
เขาอาจรู้อยู่แล้ว ว่าในใต้หล้า ทุกคนเทใจให้ “ไป๋เสี่ยวเหนียง”
แต่เขาก้อนึกไม่ถึง ว่าจะได้รับการยอมรับอย่างท่วมท้นขนาดนี้

ความรู้สึกของ ผู้ชายที่ชื่อ Alec Su ซูโหย่วเผิง
เก็บไม่ค่อยอยู่ เก็บได้ไม่เนียน
เสียใจก้อแสดงออก เศร้าใจก้อมองเห็น
ดีใจก้อยิ้มไม่หยุด ขำขำก้อหัวเราะร่า

สำหรับความยินดีของ ซูโหย่วเผิง บนเวทีนี้ สุดจะบรรยาย
เหมือนกับความเหนื่อยยากทั้งหมด
นับตั้งแต่ การได้เดินบนเส้นทางการเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว
เริ่มนับตั้งแต่ องค์หญิงกำมะลอ
เป็นความพยายาม บนหนทางแห่งความเพียร
พยายาม และ พยายาม

สมแล้วคะ ที่คุณเป็นฮีโร่ของฉัน
สมแล้วคะ สำหรับแบบอย่างของความพยายาม
บนหนทางที่ถูกต้อง และเป็นตัวของตัวเองที่สุด


:: VDO ::
https://www.youtube.com/watch?v=mOEM6bD4KJY&feature=g-upl
http://www.tudou.com/programs/view/gBXFmuNWDgY/

91

คุณลักษณะของจิตใจ 10 ข้อของ ซูโหย่วเผิง

1. เขามีความฝัน เขามีเป้าหมายที่ชัดเจน มั่นคง รู้ว่าตนเองต้องการอะไร ไม่หวั่นไหวเพราะเสียงภายนอก มีความตั้งใจแน่วแน่ มีความคิดเป็นของตนเอง เป็นเพราะว่าความแน่วแน่ของเขา จึงทำให้เขาประสบความความเสร็จในชีวิต คนแบบนี้ถึงจะสมป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่น

2. เขาเป็นคนตั้งใจ มุ่งมั่น เขามุ่งมั่นต่อเป้าหมายของตนเอง ไม่วอกแวก ไม่เอื่อยเฉื่อย สิ่งที่เขาก็ทำเป็นงานที่เป็นชิ้นเป็นอัน ถึงจะต้องใช้เวลานาน แต่ก็ได้ผลงานที่ออกมาคุ้มค่ากับสิ่งที่ทุ่มเทไป

3. เขาทำงานเป็น เขาใช้ความรู้ ความสามารถ แรงกายแรงใจของตนเองเต็มที่กับงาน เขาตั้งใจ มุ่งมั่น กับงานที่ต้องทำให้สำเร็จ เขาทุ่มเทโดยไม่คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยของตนเอง

4. เขากล้าทำกล้ารับ ยามที่ทำผิด เขาก็ยอมรับผิดโดยไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ
 
5. เขากล้าตัดสินใจ เขาคำนึงถึงเรื่องสำคัญมาก่อนเสมอ รับฟังความเห็นจากคนอื่น ตัดสินใจตามความถูกต้องและเหมาะสมที่สุด และเมื่อตัดสินใจทำอะไรไปแล้วเขาก็จะทำให้สำเร็จ

6. เขายืนหยัดด้วยตนเอง เขามีความสามารถอันเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จ และมั่นใจในการกระทำของตนเอง

7. เขามีความรู้ ความสามารถ เฉพาะทาง เขาจะค่อยหาความรู้ที่เกี่ยวข้องเสมอ ยามที่รู้ว่าตนขาดความสามารถด้านใด ก็จะขอความช่วยเหลือจากคนที่เก่งในด้านนั้นๆ

8. เขาเป็นร่าเริง มองโลกในแง่ดี ถึงจะที่ไม่เคยคบหากับเขา แต่ความรู้สึกที่เขาให้คือ เป็นคนที่เข้ากับคนง่าย อารมณ์ขัน ชอบดูแลคนอื่น

9. เขามีความกระตือรือร้น เขามีความสุขกับการทำงาน และยังสามารถแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่น แชร์ความสุขกับคนที่รักเขา

10. เขามีใจกุศล ตนเองไม่จำต้องใช้ชีวิตอู้ฟู้ฟุ่มเฟือย สำหรับเขาแล้วการที่ได้ช่วยผู้เดือดร้อน ถือเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุด เพราะมันทำให้รู้สึกว่าการมีชีวิตของตนเองนั้นมีคุณค่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เขาเป็น----ซูโหย่วเผิง

ชายผู้เพียบพร้อมด้วยคุณลักษณะของจิตใจ 10 ข้อและสิ่งที่พวกเราอยากบอกคือ "การได้รักคุณเป็นความภูมิใจสูงสุดของพวกเรา"




“ซูโหย่วเผิง” กลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในไต้หวันไปแล้ว!

ไม่แปลกเลยที่ ซูโหย่วเผิงสามารถประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนบทบาทครั้นนี้ เพราะว่าเมื่อก่อนนั้น คนๆนี้คือ คนบ้าเรียน เขาบอกว่าเมื่อก่อนตัวเองล้วนสอบได้ที่ 1 ทุกครั้ง ตอนนั้นเขาเรียนดีมากจริงๆ สามารถติดอันดับท๊อปในไต้หวัน

ปี 1988 เขาสามารถสอบเข้ารงเรียนเจี้ยนกั๋ว ไทเป ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมชายอันดับหนึ่งในไต้หวัน ได้ด้วยคะแนนลำดับที่ 1  ได้เป็นที่หนึ่งของโรงเรียน

นี่เพิ่งเริ่มต้น ตอน ม.ปลาย ซูโหย่วเผิงเป็น ไกวไกวหู่ ซึ่งเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในวงเสี่ยวหู่ตุ้ย และก็ดังอย่างรวดเร็วด้วยล่ะ ทั้งอ่านหนังสือ ทั้งเป็นดารา แต่ผลการเรียนของซูโหย่วเผิงก็ออกมาดีมากนะ ว่ากันว่าตอน ม.4, ม.5  ซูโหย่วเผิงขาดเรียนค่อนข้างบ่อย แต่ก็ได้ทุ่มเทเรียนเสริมในช่วง ม.6

ปี 1991 เขาเข้ามหาวิทยาลัยไต้หวันที่เป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของไต้หวันในคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล ได้ด้วยคะแนนวิทยาศาสตร์ที่อยู่อันดับ 5 ของประเทศ ถูกขนานนามว่าเป็น “คนบ้าเรียนสายวิทย์”

เริ่มต้นชีวิตได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่มีใครจะมีชะตาที่ราบรื่นตลอด ความล้มเหลวครั้งแรกของซูโหย่วเผิงก็คือ การพักการเรียน ถึงแม้ว่าเขาจะมีกลิ่นอายของการเป็นนักเรียนหัวกะทิจากโรงเรียนเจี้ยนจง แต่การเรียนวิศวกรรมเครื่องกลนั้น แตกต่างจากการเรียนในชั้นมัธยมโดยสิ้นเชิง ซูโหย่วเผิงพบว่า การเรียน และการงานไม่สามารถไปพร้อมๆกันได้ ดังนั้นจึงเลือกที่จะตัดใจพักการเรียนไว้ก่อน

ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า “การลาออกจากมหาวิทยาลัยเป็นความเจ็บปวดในช่วงวัยรุ่นของผม ถ้าหากว่าไม่เป็นนักแสดง ผมอาจจะไม่ทำอะไรซักอย่าง เอาแต่คิดถือศีลกินเจก็เป็นได้” ซูโหย่วเผิงที่เป็นนักเรียนดีเด่นมาตั้งแต่เด็ก รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก ถึงขั้นที่ว่าเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่กล้าออกมา “รู้สึกว่าถ้าเดินไปบนถนนจะต้องมีคนด่าผม” ภาพลักษณ์ไม่ดี เทปก็ขายไม่ดีแล้ว... ช่วงตกต่ำที่สุดครั้งแรกในชีวิตมาแล้ว

แต่ก็นะ คนฉลาดก็สามารถประสบความสำเร็จได้หลายครั้ง ช่วงปลายปี 90 ซูโหย่วเผิงก็เลือกที่จะไปก้าวหน้าที่แผ่นดินใหญ่ แสดงละครองค์หญิงกำมะลอ โอ้ เทพบุตรแห่งชาติ โด่งดังยิ่งกว่าตอนเป็นเสี่ยวหู่ตุ้ย  เด็กผู้หญิงมากมาย ในช่วงอนุบาลมีความประทับใจเล็กน้อยกับไกวไกวหู่ เมื่อถึงช่วงวัยรุ่นก็ตกหลุมรักองค์ชายห้าอย่างง่ายดาย... ตอนนั้นซูโหย่วเผิงเป็นราชาแห่งไอดอล พวกเธอยังจำได้มั๊ย?

ลู่เอินฉีจากละครเรื่องรักข้ามขอบฟ้า ที่จริงแล้วในเรื่องทักษะการแสดงก็นับว่าดี มีความจริงจังและความสอดคล้อง เป็นตู้เฟยจากละครมนต์รักในสายฝน ที่แค่เปลี่ยนสีหน้าก็สามารถทำให้หัวเราะได้แล้ว ตอนนี้มาคิดดูแล้ว อารมณ์และนิสัยของซูโหย่วเผิงน่าจะดีทั้งคู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นช่วงที่กำลังดังที่สุด แต่ได้รับบทรอง แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีหลังจากนั้นหลายปี เหอซูหวนกับตู้เฟย  ก็ยังสังสรรค์ตอนกลางคืนด้วยกันอยู่เลยอายุมากขึ้นแล้ว ไม่สามารถเป็นซุปตาร์วัยรุ่นได้ตลอดไป

ซูโหย่วเผิงตีบทแตกในการรับบทเป็นสาวประเภทสองในเรื่องเฟิงเซิน ทำให้ทุกคนตะลึงจนอ้าปากค้าง ซูโหย่วเผิงประสบความสำเร็จครั้งที่ 3 ในชีวิตแล้ว คิดไม่ถึงว่าปีนี้ยังมีครั้งที่ 4 ... ก็คือเป็นผู้กำกับล่ะ  ภายนอกก็ยังเป็นเด็กเนิร์ด ไอดอลในการเป็นผู้กำกับของซูโหย่วเผิงก็คือหลี่อัน ซูโหย่วเผิงบอกว่าเคยดูผลงานทุกเรื่องของเขา




มันไม่ง่ายเลยที่ไอดอลของพวกเราจะคิดขึ้นมาได้ว่าจะต้องแบกหน้าที่(ของดารา)ขึ้นมา ปี 2015 ทุกคนคงจะเห็นแล้วนะค่ะว่าโหย่วเผิงทำงานหนักมากแค่ไหน และตลอดการทำงานก็ทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ พร้อมๆกับทำหน้าที่ผู้กำกับมือใหม่ได้อย่างสุดยอด 30 ก.ค. 2015 โหย่วเผิงแวะมาโพสต์คำสั้นๆว่า 把包袱捡起 เก็บภาพพจน์ขึ้นมา หรือ แบกหน้าที่(ของดารา)ขึ้นมา นี้ก็แสดงให้เห็นว่าตอนนี้โหย่วเผิงกำลังจะมีผลงานใหม่ให้พวกเราได้ดูอีกแล้ว

ช่วงระหว่างที่หายไป 2 อาทิตย์คงจะเตรียมตัวอย่างเงียบๆ โหย่วเผิงใกล้จะกำกับเรื่องที่สองแล้วหละค่ะ เห็นบอกว่ากำกับเรื่องที่ 2 โหย่วเผิงจะกำกับที่มีมาดหน่อยแล้วค่อยๆเพิ่มความตลกเข้าไปในโลกของผู้กำกับที่เขาสร้างขึ้น แต่ว่าแววที่จะเป็นนักแสดงคงต้องรออีกซักระยะ เพราะว่าตอนนี้โหย่วเผิงขึ้นแท่งเป็นผู้กำกับมือทองไปแล้ว

ภาพยนตร์ The Left Ear (โจ่วเอ่อ) ที่กำกับโดยซูโหย่วเผิงนั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ยอดขายของไต้หวัน และซูโหย่วเผิงกลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไต้หวัน

อวยพรให้โหย่วเผิงยิ่งบินยิ่งสูง ไม่หยุดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นผู้ซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่แฟนคลับให้กับคุณ



ภาพยนตร์โจ่วเอ่อกวาดรายได้ที่แผ่นดินใหญ่เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นกว่า 485 ล้านหยวน (ประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่) ซูโหย่วเผิงกลายเป็นผู้กำกับที่ทำรายได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์วงการภาพยนตร์ไต้หวัน ถูกยกย่องให้เป็นตำนานแห่งผู้กำกับภาพยนตร์ของไต้หวัน

ซูโหย่วเผิงทำลายสถิติยอดขายตั๋วภาพยนตร์ของไต้หวัน ได้มาพร้อมกันทั้งอาชีพ และเกียรติยศ

ภาพยนตร์เรื่องโจ่วเอ่อที่เข้าฉายในแผ่นดินใหญ่วันที่ 26 เมษายน เป็นผลงานการกำกับครั้งแรกของซูโหย่วเผิง ช่วงเวลาที่กำลังโปรโมทอยู่นั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก  ในช่วงต้นของการฉาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำวิจารณ์ส่วนใหญ่ไปในทางที่ดีจากผู้ชม และได้รับการบอกต่อไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อภาพยนตร์ลาโรง โจ่วเอ่อกลายเป็นผู้ชนะในตลาดภาพยนตร์ที่เข้าช่วงเดือนพฤษภาคมด้วยรายได้กว่า 485 ล้านหยวน ถือเป็นการเปิดเส้นทางให้กว้างขึ้นสำหรับอาชีพผู้กำกับของซูโหย่วเผิง ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ได้รับสิทธิ์ให้ออกอากาศในเขตไต้หวัน แต่ก็ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากในไต้หวัน

เป็นที่เข้าใจว่า ภาพยนตร์โจ่วเอ่อที่กำกับโดยซูโหย่วเผิงนั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ยอดขายของไต้หวัน และซูโหย่วเผิงกลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไต้หวัน

92
<a href="https://www.youtube.com/v/?v=oUW9B7TYsxM" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/?v=oUW9B7TYsxM</a>

บ้านบอร์ด 3 เป็นจุดกำเนิดของคำว่าบ้าน
เป็นแหล่งแห่งความทรงจำที่งดงาม
เป็นสถานณ์ที่ก่อเกิดแห่งมิตรภาพ
เป็นศูนย์รวมพลังแห่งรักที่ไม่จางหาย
ไม่หน้าเชื่อมาวันนี้จะเดินทางมา 8 ปีแล้ว



thaitv3.com
http://www.thaitv3.com/%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94/243/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B9%82%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%87--Alec-Su--%E8%8B%8F%E6%9C%89%E6%9C%8B--Suyoupeng.html

 

93


ปี 2009 ~风声 (ฟงเซิน)

ผ่านมา 20 ปีแล้ว หลังจากที่ เสี่ยวหู่ตุ้ย ก้าวสู่ช่วงเวลาที่รุ่งเรื่องที่สุดทางด้านงานละครของพวกเขา เขา ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการโทรทัศน์อยู่ก่อนแล้ว  ก็ได้กลับมากับฝีมือการแสดงที่ทำให้ทุกคนต้องอึ้งอีกครั้งกับบทบาทที่ชื่อว่า (ไป๋เสี่ยวเหนียน) ซึ่งครั้งนี้ก็ถือเป็นก้าวที่สำคัญในวงการภาพยนต์ของ ซูโหย่วเผิง เลย นอกจากจะได้รับคำชมทั้งในและนอกวงการแล้ว ช่อดอกไม้แสดงความยินดีจากทุกๆสื่อก็ทำให้เค้าซาบซึ้งเป็นอย่างมาก

ซูโหย่วเผิง ได้สร้างภาพพจน์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน (เกาฉวินซู) เคยบอกว่า “ซูโหย่วเผิง เป็นนักแสดงที่ได้รับบทท้าทายที่สุดในหนังเรื่องนี้ เชื่อว่าการแสดงครั้งนี้จะทำให้เขาก้าวสู่จุดสูงสุดของวงการละคร ถึงอาจเทียบระดับกับ(จางกว๋อหยง)และ(เหมยหลานฟาง)ได้เลย”

ฉันคิดว่า “รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก โกลเด้นรูสเตอร์แอนด์ฮันเดรดฟราวเวอร์สฟิล์มเฟสติวัล ครั้งที่ 19(Hundred Flowers Awards)” ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับ ซูโหย่วเผิง เลยทีเดียว ทั้งพวกเราและเขาต่างหวังให้เขาประสบความสำเร็จสูงสุดในวงการภาพยนต์

ไอดอลของเราไม่ทำให้เราผิดหวังอยู่แล้วล่ะ บนเส้นทางที่ไม่ได้มีแต่ความราบรื่นเส้นนี้ มีคำอวยพรจากพวกเรา และความพยายามของตัวเขาเอง ทำให้เขาได้รับรางวัล นักแสดงชายดีเด่นมาเก๊าและรางวัลโกลเด้นฟินิกซ์ (Golden Phoenix Awards) ตามมา พวกเรายืนหยัดที่จะเชื่อว่า พระเจ้าจะคุ้มครองคนที่ไม่ละความพยายาม และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เรารอคอยพรุ่งนี้ที่ดีกว่า



อ้างถึง
ซูโหย่วเผิง : ที่จริงเพลงหลายเพลง  เมื่อก่อนร้องกับปัจจุบันร้องนั้นความรู้สึกไม่เหมือนกัน
ก็เหมือนเพลงเมื่อกี้เปยเปา ตอนที่ผมอัดเสียงอยู่นั้น  อย่างไงๆก็คิดไม่ถึงว่า 
วันหนึ่งผมจะสะพายกระเป๋าพเนจรไปมา

เอาล่ะ ผมสัญญากับพวกคุณว่าผมจะไม่ร้องไห้ ตั้งแต่เริ่มตัดสินใจออกจากการเรียนแล้วนั้น
ไม่ว่าจะก่อนหน้านั้นหรือหลังจากนั้น ก็ทำให้ผมมีความเครียดอย่างมาก รวมทั้งความเครียดในใจผมเอง
และความเครียดที่มาจากภายนอก ผมคิดว่า ระยะเวลาช่วงนั้นมันไม่มีความสุขสำหรับตัวผมเอง
ผมคิดว่าวันนี้ผมได้เดินผ่านความตกต่ำอย่างนี้มาได้ คนแรกที่ผมจะขอบคุณคือพ่อแม่ของผม
วันนี้พวกท่านก็มาในงานนี้ นั่งอยู่กับพวกคุณ ผมคิดว่ามันไม่ง่าย  ถ้าไม่ใช่คุณพ่อคุณแม่
ที่ให้กำลังใจผมมาตลอด

ผม คิดว่าขณะที่ความฝันกับความจริงมันขัดแย้งกันอยู่นั้น  ผมไม่สามารถจะมีความกล้า
ผมรักคุณ แน่นอน นอกจากสิ่งเหล่านี้ผมยังต้องขอบคุณสำหรับแฟนๆของผมที่มาในที่นี่
ยังมีเพื่อนที่ให้กำลังใจผมมาตลอดเจ็ดปี

ที่จริงผมรู้สึกตัวเองอยู่เสมอว่าผมเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด เจออุปสรรคบ่อยๆ  ผมก็คิดว่ามันไม่มีทางออก
อยากปล่อยวางจริงๆ  พวกคุณคงมองไม่ออกสักนิด จริงๆที่พวกคุณให้กำลังใจและหน้าที่นี้กับผม
ให้ผมยืนอยู่ตรงจุดนี้ยืนหยัดมาตลอด  เมื่อผมออกต่างประเทศ คุณอย่าหมดหวัง 
คุณเป็นเพื่อนที่รักผมตลอดกาล   ขอบคุณ


4 เมษายน 1995 คำพูดของ โหย่วเผิง  ในคอนเสิร์ต 95 ก่อนร้องเพลง《珍惜》รักและถนอม (เจินซี)

   เพลง《珍惜》(เจินซี-รักและถนอม) ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของโหย่วเผิงเลย เป็นหนึ่งในเพลงที่ฟังแอดมินชอบมากๆ ยังมีเพลง背包เปยเปา(เป้ใบใหญ่) 勇气 หย่งชี่(กล้าหาญ) แอดมินฟังเพลงนี้มาหลายเวอร์ชั่น ชอบที่สุดคือตอนที่เขาร้องเปรี่ยมไปด้วยน้ำตากลางคอนเสิร์ต 95 หนุ่มวัยรุ่นที่เคยมีอนาคตที่สวยงาม ความสับสนจากชีวิตที่สวยหรูพลิกสู่ความตกต่ำ ความสิ้นหวังที่ไม่มีคนเข้าใจ สุดท้ายเขาปฏิเสธเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง เขาผลักตัวเองไปต่างประเทศ ลองใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ระหว่างที่คนรอบกายเขาค่อยๆห่างจากไป คนที่ยังอยู่เคียงข้างเขาในตอนนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต

เขาเล่าเรื่องนี้ด้วยเสียงสะอื้อ เขาอยากยิ้มออกมา แต่น้ำตาคลอเบ้าเขา ความทรมานขนาดนั้นมันเกินกว่าที่วัยรุ่นคนหนึ่งจะรับได้ เขาไม่ใช่พระเจ้า เขาเป็นเพียงเด็กอายุ 22 เองนะ ทุกครั้งที่ฟังเขาร้องเพลงนี้ หัวใจเจ็บเหมือนโดนบีบ เมื่อกี้นี้ก็ฟังไปอีกหนึ่งรอบ อดไม่ได้ที่จะไม่พิมพ์คำพูดของเขาออกมา วันนี้ไม่ได้ทำเพื่อความเท่ห์ เพียงเพื่อแด่ความซาบซึ้งนั้น เพียงเพื่อแด่ความลำบากที่ผ่านมาของ โหย่วเผิง คลิปนี้คือคำพูดจากโหย่วเผิง แอดมินเอามาให้ฟังอีกครั้งค่ะ


<a href="https://www.youtube.com/v/?v=k7Xua6ZkaIM" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/?v=k7Xua6ZkaIM</a>


เทพบุตรที่ไม่แก่แห่งวงการบันเทิง ซูโหย่วเผิง เคล็ดลับความสำเร็จ: ซูโหย่วเผิงเพื่อนบ้านรูปหล่อที่ตอนนี้อายุเข้าเลขสี่แล้ว แต่ใบหน้าที่หล่อเหลา และรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นดังดวงตะวัน ก็ยังคงไม่ไปไหน ผลงานภาพยนตร์ที่ออกมาในช่วงสองปีนี้ มียอดจำหน่ายตั๋วที่ไม่เลวเลย ภาพยนตร์เรื่องโจ่วเอ่อที่เข้าฉายในปีนี้ ทำรายได้สุทธิ 491,500,000 ล้านหยวน หน้าที่การงานของซูโหย่วเผิงก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นเพื่อนบ้านรูปหล่อและความตั้งใจอย่างไม่ลดละ

ซูโหย่วเผิง
วันเกิด: 11 กันยายน 1973


ถึงแม้ว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยจะจากพวกเราไปนานแล้ว แต่ไกวไกวหู่ซูโหย่วเผิงกลับเป็นเทพบุตรตลอดกาลในใจของหลายๆคน ตั้งแต่อายุ 15 ปีที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกวงเสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นต้นมา ซูโหย่วเผิงกลายเป็นไอดอลคนแรกในวงการบันเทิงที่ได้รับความนิยมของคนทุกเพศทุกวัย เป็นการเริ่มยุคสมัย “ราชาเรตติ้งแห่งละครโทรทัศน์”ของเขา ละครเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ มนต์รักในสายฝน ดาบมังกรหยก ฯลฯ ล้วนแต่ได้รับความนิยมอย่างมาก.

ปัจจุบัน ซูโหย่วเผิงมีอายุเข้าเลขสี่แล้ว แต่ใบหน้าที่หล่อเหลา และรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นดังดวงตะวัน ก็ยังคงไม่ไปไหน ผลงานภาพยนตร์ที่ออกมาในช่วงสองปีนี้ เรื่อง    Design of Death, The Assassins, และ The Four III ล้วนมียอดจำหน่ายตั๋วที่ไม่เลวเลย ภาพยนตร์เรื่องโจ่วเอ่อ-The Left Ear ที่เข้าฉายในปีนี้ หน้าที่การงานของซูโหย่วเผิงก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นเพื่อนบ้านรูปหล่อและความตั้งใจอย่างไม่ลดละ



ซูโหย่วเผิง ซูโหย่วเผิง ในฐานะที่เป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมอย่างสูงอดีตวงเสี่ยวหู่ตุ้ยที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นต้นกำเนิดของไอดอล—ไกวไกวหู่ ซูโหย่วเผิง ในฐานะที่เป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ในวงการภาพยนตร์ วงการโทรทัศน์ วงการเพลง ฯลฯ ซูโหย่วเผิงล้วนแต่มีผลงานเป็นที่น่าจับตามอง เขาเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดสำหรับบรรดาสาวๆ SNH48 ที่กำลังไล่ตามความฝันที่จะเป็นไอดอลของจีน

ซูโหย่วเผิง เกิดวันที่ 11 กันยายน ปี 1973 ที่เมืองไทเป ไต้หวัน นักร้อง นักแสดง โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ

ปี 1988 เข้าเป็นสมาชิกวงเสี่ยวหู่ตุ้ย และได้รับความนิยมมาก เมื่อเสี่ยวหู่ตุ้ยปรากฏตัวก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากในเอเชีย จัดคอนเสิร์ตอย่างเต็มรูปแบบกว่า 20 รอบเป็นประวัติการณ์ กลายเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุค 80 และ 90 เป็นความทรงจำช่วงวัยรุ่นของคนมากมาย

ปี 2009 ซูโหย่วเผิงเริ่มเปลี่ยนแปลงบทบาท ในภาพยนตร์เรื่อง เฟิงเซิน (The Message) รับบทเป็นไป๋เสี่ยวเหนียน (Bai Xiaonian) ที่สับสนทางเพศ มีลักษณะตุ้งติ้ง นุ่มนิ่ม และได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม

ปี 2014 ซูโหย่วเผิงรับบทเป็นผู้กำกับครั้งแรก นิยายของหราวเสว่ม่าน (饶雪漫) เรื่อง โจ่วเอ่อ (The Left Ear) เป็นผลงานที่ซูโหย่วเผิงเลือกมาเป็นผลงานการกำกับชิ้นแรก ปี 2015 ภาพยนตร์เรื่อง โจ่วเอ่อ ได้รับรางวัล  “วรรณกรรมเยาวชนแห่งปี 2015”   ในงานเทศกาลภาพยนตร์ปักกิ่ง



ซูโหย่วเผิว--ชายหนุ่มที่คู่ควรให้ฉันคลั่งไคล้

จากหนุ่มขี้อายยามขึ้นบนเวที ในตอนนี้เวทีเป็นที่ๆเขาเป็นตัวของตัวมากที่สุด การพัฒนานี้อาจใช้เวลานานพอสมควร เขามีทุกวันนี้ได้ มีจุดเริ่มต้นมาจากความตั้งใจ ยืนหยัด และความพยายามของเขา เขาเชื่อเสมอว่า ขอเพียงเราตั้งใจทำให้เต็มที่ มันต้องผลตอบแทนกลับมาแน่นอน

ผลงานของเขาเป็นเหมือนเพื่อน ที่อยู่ข้างเราตั้งแต่เริ่มจำความได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา บางครั้งเราอาจลืมเขาไป แต่เพียงแค่ความบังเอิญเสี้ยววินาทีเดียว ก็ทำให้เราได้รับรู้ว่า เขาอยู่เคียงข้างเรามาเสมอ เขาเป็นคนเรียบง่าย ถึงตอนนี้จะกลายเป็น "ราชานักแสดง" แล้ว แต่เขายังคงความเรียบง่าย ติดดินเหมือนเดิม มุ่งมั่นในการก้าวไปข้างหน้าต่อไป

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความเมตตาในตัวเขา ทำให้ทุกคนที่รักเขาซาบซึ้งอยู่เสมอ ไม่ว่าในการทำงานจะเจออุปสรรคมากมายแค่ไหน แต่เขาก็ยังแสดงรอยยิ้มให้เราได้เห็น นี่แหล่ะ ซูโหย่วเผิง ผู้ชายที่คู่ควรให้เรารัก ผู้ชายที่คู่ควรให้เราคลั่งไคล้



ฝันถึง ซูโหย่วเผิง

หญิงสาวคนหนึ่งยืนรออยู่หน้าคฤหาสน์  ห้องนอนสว่างจ้าเพราะผนังห้องเป็นกระจก ผ้าม่านสีขาวถูกแขวนอยู่หน้ากระจก ข้างผ้าม่านมีกระถางดอกมะลิดอกน้อยตั้งอยู่ สายลมเบาๆพัดผ่านสระว่ายน้ำเข้าไปยังห้องของเธอ หญิงสาวนั่งอยู่ริมหน้าต่าง เธอเป็นสาวผมยาวสลวย หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ  อากาศตอนนี้มีกลิ่นหอมอ่อนจากดอกมะลิ

ขณะนี้มีคนก้าวเข้ามาในห้อง เขานั้นเอง ชายหนุ่มที่เธอนั่งรอ (โหย่วเผิง) หญิงสาวหันไปหาเขา ทั้งสองส่งยิ้มให้กัน อันที่จริงแล้ว เมื่อก่อนแล้วซูโหย่วเผิง ก็เหมือนกับ หมอหนิว 牛医生(หนิวยีเซิน) ในเรื่อง 杀生(ซาเซิง) ลึกลับและน่ากลัว  นั้นเป็นเพราะว่าเด็กผู้ชายตัวน้อยบ้านเด็กกำพร้าที่ โหย่วเผิง ชอบไปบ่อยๆ เขาเผลอกินลูกปัดที่มีเวทมนต์เข้าไป และลูกปัดเวทมนต์นี้สามารถดูดพลังความรักความเมตตาจากคน ทำให้กลายเป็นคนร้ายกาจน่ากลัว

จาก ซูโหย่วเผิง ที่เคยมีแต่เมตตาค่อยเปลี่ยนไปเพราะลูกปัดเวทมนต์ ไม่เพียงแค่ โหย่วเผิง เท่านั้น รวมถึงเด็กๆในบ้านเด็กกำพร้าด้วย กลายเป็นคนน่ากลัวไปหมด มีแต่เพียงเด็กชายคนนั้นที่ยังเหมือนเดิม ฉะนั้น เขาเลยกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของคนอื่นๆ ถูกข่มขู่ กลั่นแกล้งทุกวัน อยู่มาวันหนึ่ง ซูโหย่วเผิง มาถึงบ้านเด็กกำพร้าที่นี่ เขามัดเด็กชายคนนั้นแล้วแขวนไว้บนต้นไม้ ให้เด็กคนอื่นๆมาโยนถุงทรายในตัวเด็กชาย  เด็กน้อยร้องไห้ร้องขอ “ปล่อยฉันลงไปทีเถอะ ขอร้อง” แต่เด็กๆข้างล่างกลับเล่นอย่างสนุกสนาน “ทุกคนหลบไป ฉันจัดการเอง” โหย่วเผิงร้องบอก โหย่วเผิง ปาสุดกำลัง ถุงทรายกระทบกับลูกปัดในตัวเด็กชายพอดี เด็กชายสำลัก มีลูกปัดออกมาจากปากและหล่นลงพื้นหญ้า แสงอาทิตย์สาดสองปลดปล่อยพลังแห่งรักของทุกคน ทุกคนกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เด็กชายถูกปล่อยลงจากต้นไม้ บ้านเด็กกำพร้ากลับมาสู่ความสงบสุขเหมือนแต่ก่อน

โหย่วเผิง รู้สึกผิดที่ตนได้ทำเรื่องแย่ๆลงไป เขาสำนึกผิดด้วยการมีจิตใจเมตตามากยิ่งขึ้น ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนสุดความสามารถของตนเอง และให้ความรัก ความอบอุ่นแก่พวกเขา ฉะนั้นที่ โหย่วเผิง ดูแลหญิงสาวคนนั้น ก็เพราะว่าเธอต้องการความช่วยเหลือ ไม่ใช่อย่างอื่นใดเลย เพราะว่าหญิงสาวคนนั้นไม่สามารถมองเห็นได้



ซูโหย่วเผิง-สมกับที่เป็นผู้ชายที่ฉันบ้าคลั่ง

จากคนที่ตื่นเต้นขี้อายบนเวทีในอดีต ถึงคนที่มีความสุขอย่างยิ่งบนเวทีในปัจจุบัน หลังจากผ่านความพยายามและความหนักแน่นมาตั้งแต่แรก เขาเชื่อว่า เพียงแค่คุณตั้งใจและทุ่มเท จะต้องได้รับผลตอบแทนแน่นอน ...!

ผลงานของเขาเป็นเหมือนกับเพื่อนของพวกเรา ตั้งแต่จำความได้ ก็อยู่กับพวกเราแล้ว สิ่งละอันพันละน้อย อุปสรรคต่างๆ อาจทำให้พวกเราลืมเขาไปบ้างระหว่างทาง แต่ว่าแค่ช่วงเวลาที่ไม่สนใจ พวกเราก็จะพบว่าเขาอยู่เคียงข้างกับพวกเรามาตลอด

เขามีจิตใจที่สงบและสันโดษ ถึงแม้ว่าความยอดเยี่ยมของเขาได้สร้าง “ผู้ชนะ” ในวันนี้ แต่เขาก็ยังคงรักษาจิตใจอันสงบนี้ไว้ ในทุกๆก้าวที่ก้าวผ่านวันนี้ไปสู่อนาคต!

หลายปีมานี้ เขาใช้จิตใจที่มีเมตตามาทำให้พวกเราทุกคนที่รักเขาประทับใจตลอดมา ไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหนด้านการงาน เขาก็ยังคงมอบรอยยิ้มที่แสนจริงใจให้กับพวกเราเสมอ นี่ก็คือ "ซูโหย่วเผิง" สมแล้วที่พวกเรารัก สมแล้วที่เป็นผู้ชายที่พวกเราบ้าคลั่ง





อ้างถึง
มีสปุ๊ บ้านพิพัฒน์กนกพร

เท่าที่ติดตามดาราเด็กหลายคนที่ประสบผลสำเร็จตอนเด็ก มักไม่ประสบผลสำเร็จตอนโต เพราะหลงระเริงกับมายาภาพ เงินทองจนไปสู่อบายมุข แต่สำหรับซูโหย่วเผิงกลับไม่ใช่ การวางตัวที่เหมาะสม อาจจะมีช่วงหนึ่งที่หายไปนั่นคงเป็นระยะเวลาของดักแด้ ที่ต้องการความสงบนิ่งไตร่ตรอง สะสมพลัง เพื่อโบยบินสู่แสงตะวันอีกครั้งอย่างงดงาม

จะมีวัยรุ่นอายุ 17 ปี สักกี่คน
ที่จะมีความมุ่งมั่นทำในสิ่งที่ยากมาก
และกล้าที่จะแสดงความมุ่งมั่นนี้ออกมา
รับปากกับทุกคน และ
เขาเอาความมั่นใจมหาศาลนี้มาจากไหนกันนะ

ซูโหย่วเผิง Alec Su ในวัย 17 ปี
การตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต
โดยทำตามอิมเมจที่บริษัทสร้าง “ไกวไกวหู่” ไว้
ได้สร้างไว้ตั้งแต่ เป็น “ผู้ช่วยพิธีกร”
“ไกวไกวหู่” ที่ ทั้งหน้าตาน่ารัก หล่อเหลา
ทั้งเรียนหนังสือเก่ง ทั้งสามารถทำงานทีวีได้

ไม่มีใครคาดคิด
“เสี่ยวหู่ตุ้ย”
วัยรุ่นชายที่เป็นผู้ช่วยพิธีกรทั้ง 3 คน
มีชื่อเสียงและดังยิ่งกว่าพุแตก
“ไกวไกวหู่” ยังมีอินเมจอย่างเดิม

แต่…………………….
ภารกิจ การเป็นผู้ช่วยพิธีกร (ออกอากาศอาทิตย์ละ 1 ครั้ง)
กับ ภารกิจ การเป็น บอยแบรนด์อันดับหนึ่ง นั้น
ช่างต่างกันลิบลับ

ใครจะรู้ซึ้งเรื่องนี้ได้ดีเท่า ซูโหย่วเผิง
และความลำบาก หนักหน่วงนี้
ไม่ได้แสดงออกมาเป็นคำพูด
หากจะเห็นแต่ “ไกวไกวหู่” ที่มี
ใบหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นทุกวัน

เหตุการณ์นี้กดดันมากขึ้น
เมื่อบริษัทจะถอดเขาออกจาก “เสี่ยวหู่ตุ้ย”
เหตุเพียงเพราะคะแนน ม.4 และ ม.5 ของเขาไม่ดี
การสอบเข้ามหาลัยมีชื่ออาจเป็นไปไม่ได้
ถึงตอนนั้น นอกจาก “ไกวไกวหู่” จะเสียภาพพจน์แล้ว
แน่นอน ย่อมกระทบไปถึง “เสี่ยวหู่ตุ้ย”
และ ชื่อเสียงของ “บริษัทไคลี่” ด้วย
(เฮ้อออออออออออออออออ เซ็งจิต)

ระบบธุรกิจในโลกที่คนทำกับคนกันแบบนี้
ทำให้วัยรุ่นคนหนึ่ง
จะต้องทำงานไปด้วย
และสอบเข้าคณะที่ฮิต ในมหาลัยชื่อดังที่สุดในไต้หวันให้ได้
กลายเป็นความเชื่อ เป็นภารกิจที่สมควรทำ
ซึ่งเพราะความเชื่อแบบนี้
จึงทำให้คนเอเชียแบบญี่ปุ่น ไต้หวัน และ
ตามมาติดติดก้อจีน
เพราะความเชื่อแบบนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าดีหรือเปล่า
แต่ก้อทำให้นำมาซึ่งชื่อเสียงและเงินทอง

ซูโหย่วเผิง เองคงเคยเชื่อแบบนี้
ถึงตอนนี้ก้อยังเชื่ออยู่
หากแต่ อยู่ภายใต้ ตัวของตัวเองมากขึ้น
(และเนี่ยอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้
คนในประเทศเหล่านี้สามารถทำงานเป็นทีมได้
ไม่เหมือนเมืองไทย ทำงานเป็นทีมทีไร
มั่นหาเรื่องกัดกันทุกที คิดแต่เรื่องชิงดีชิงเด่น
อิจฉาริษยาไม่เข้าเรื่อง แทนที่จะมองที่เป้าหมาย
แล้วร่วมมือกัน ชอบจับผิดในเรื่องไม่เป็นเรื่อง)
ถึงตอนนี้ ซูโหย่วเผิง ก้อยังคงเป็นเหมือนเดิม
ดังที่เขาเคยพูดไว้

“กิจกรรมของบริษัทผมสามารถปฏิบัติตามได้ การเรียนของผมตัวผมรับผิดชอบเอง ลำบากกว่านี้ผมคนเดียวขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียวทั้งหมด”
เมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ก้อยังคงมุ่งมั่นเหมียงเดิม และมีเพิ่มเติมนิดหน่อย

“กิจกรรมของบริษัทผมสามารถปฏิบัติตามได้ การสรุปบทเรียนและความรู้ด้านการแสดงของผมตัวผมรับผิดชอบเอง ลำบากกว่านี้ผมคนเดียวขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียวทั้งหมด”


ารกระทำเป็นเครื่องวัดที่ดีที่สุด
เห็นการตั้งใจทำงาน
และการมองโลกในแง่ดีแล้วของ Alec Su แล้ว
ฉันตั้งใจจะเอาเป็นแบบอย่างคะ
และตั้งใจจะทำงานเป็นทีมให้ได้ดี
(กับทุกทีมที่ดิวอยู่ตอนนี้ เฮ้อ...เหนื่อยคะ เหนื่อยใจ)

ทึ่ง จิง จิง ว่าคุณทำได้ไง
แถมทำกับทึมงานเด็กรุ่นใหม่ทั้งนั้น
แต่อาจเป็นเพราะความต่างด้านวัฒนธรรมกะมัง
สุดยอดคะ Alec Su
คุณ คือ ที่สุดของแบบอย่าง
Alec Su , I Love You


ปี 2010 Alec ได้รับรางวัล Best Supporting Actor จากงาน Golden Rooster and Hundred Flowers Film Festival (ครั้งที่ 19) เขาเป็นคลื่นลูกใหม่ รูปลักษณะใหม่ของเขาเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์แบบการันตีด้วยความงดงาม มีชีวิตชีวา ความเคร่งขรึมดูมีเสน่ห์ เป็นความพิเศษของเขา

ยินดีและดีใจกับ Alec Su ศิลปินผู้มากความสามารถ
ศิลปินผู้มากความพยายาม
ปลื้มใจมากคะ ดีใจจนบอกไม่ถูก

ก้อไม่รู้ว่ารางวัลนี้ มีความหมายมากขนาดไหน
กับศิลปิน นักแสดงในประเทศจีน

เท่าที่ดูจากปฏิกิริยาของ Alec Su
การได้รางวัลนี้
เหมือนบทพิสูจน์ที่ได้พิสูจน์ตัวเอง
เส้นทางนี้ เดินมาถูกต้องแล้ว

ดีใจและยินดีด้วยหมดหัวใจเลยคะ
ซูโหย่วเผิง ยังไง ก้อเป็น ซูโหย่วเผิง ตลอดกาล
เขาอาจรู้อยู่แล้ว ว่าในใต้หล้า ทุกคนเทใจให้ “ไป๋เสี่ยวเหนียง”
แต่เขาก้อนึกไม่ถึง ว่าจะได้รับการยอมรับอย่างท่วมท้นขนาดนี้

ความรู้สึกของ ผู้ชายที่ชื่อ Alec Su ซูโหย่วเผิง
เก็บไม่ค่อยอยู่ เก็บได้ไม่เนียน
เสียใจก้อแสดงออก เศร้าใจก้อมองเห็น
ดีใจก้อยิ้มไม่หยุด ขำขำก้อหัวเราะร่า

สำหรับความยินดีของ ซูโหย่วเผิง บนเวทีนี้ สุดจะบรรยาย
เหมือนกับความเหนื่อยยากทั้งหมด
นับตั้งแต่ การได้เดินบนเส้นทางการเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว
เริ่มนับตั้งแต่ องค์หญิงกำมะลอ
เป็นความพยายาม บนหนทางแห่งความเพียร
พยายาม และ พยายาม

สมแล้วคะ ที่คุณเป็นฮีโร่ของฉัน
สมแล้วคะ สำหรับแบบอย่างของความพยายาม
บนหนทางที่ถูกต้อง และเป็นตัวของตัวเองที่สุด


:: VDO ::
https://www.youtube.com/watch?v=mOEM6bD4KJY&feature=g-upl
http://www.tudou.com/programs/view/gBXFmuNWDgY/

94


คุณลักษณะของจิตใจ 10 ข้อของ ซูโหย่วเผิง

1. เขามีความฝัน เขามีเป้าหมายที่ชัดเจน มั่นคง รู้ว่าตนเองต้องการอะไร ไม่หวั่นไหวเพราะเสียงภายนอก มีความตั้งใจแน่วแน่ มีความคิดเป็นของตนเอง เป็นเพราะว่าความแน่วแน่ของเขา จึงทำให้เขาประสบความความเสร็จในชีวิต คนแบบนี้ถึงจะสมป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่น

2. เขาเป็นคนตั้งใจ มุ่งมั่น เขามุ่งมั่นต่อเป้าหมายของตนเอง ไม่วอกแวก ไม่เอื่อยเฉื่อย สิ่งที่เขาก็ทำเป็นงานที่เป็นชิ้นเป็นอัน ถึงจะต้องใช้เวลานาน แต่ก็ได้ผลงานที่ออกมาคุ้มค่ากับสิ่งที่ทุ่มเทไป

3. เขาทำงานเป็น เขาใช้ความรู้ ความสามารถ แรงกายแรงใจของตนเองเต็มที่กับงาน เขาตั้งใจ มุ่งมั่น กับงานที่ต้องทำให้สำเร็จ เขาทุ่มเทโดยไม่คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยของตนเอง

4. เขากล้าทำกล้ารับ ยามที่ทำผิด เขาก็ยอมรับผิดโดยไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ
 
5. เขากล้าตัดสินใจ เขาคำนึงถึงเรื่องสำคัญมาก่อนเสมอ รับฟังความเห็นจากคนอื่น ตัดสินใจตามความถูกต้องและเหมาะสมที่สุด และเมื่อตัดสินใจทำอะไรไปแล้วเขาก็จะทำให้สำเร็จ

6. เขายืนหยัดด้วยตนเอง เขามีความสามารถอันเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จ และมั่นใจในการกระทำของตนเอง

7. เขามีความรู้ ความสามารถ เฉพาะทาง เขาจะค่อยหาความรู้ที่เกี่ยวข้องเสมอ ยามที่รู้ว่าตนขาดความสามารถด้านใด ก็จะขอความช่วยเหลือจากคนที่เก่งในด้านนั้นๆ

8. เขาเป็นร่าเริง มองโลกในแง่ดี ถึงจะที่ไม่เคยคบหากับเขา แต่ความรู้สึกที่เขาให้คือ เป็นคนที่เข้ากับคนง่าย อารมณ์ขัน ชอบดูแลคนอื่น

9. เขามีความกระตือรือร้น เขามีความสุขกับการทำงาน และยังสามารถแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่น แชร์ความสุขกับคนที่รักเขา

10. เขามีใจกุศล ตนเองไม่จำต้องใช้ชีวิตอู้ฟู้ฟุ่มเฟือย สำหรับเขาแล้วการที่ได้ช่วยผู้เดือดร้อน ถือเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุด เพราะมันทำให้รู้สึกว่าการมีชีวิตของตนเองนั้นมีคุณค่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เขาเป็น----ซูโหย่วเผิง

ชายผู้เพียบพร้อมด้วยคุณลักษณะของจิตใจ 10 ข้อและสิ่งที่พวกเราอยากบอกคือ "การได้รักคุณเป็นความภูมิใจสูงสุดของพวกเรา"




“ซูโหย่วเผิง” กลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในไต้หวันไปแล้ว!

ไม่แปลกเลยที่ ซูโหย่วเผิงสามารถประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนบทบาทครั้นนี้ เพราะว่าเมื่อก่อนนั้น คนๆนี้คือ คนบ้าเรียน เขาบอกว่าเมื่อก่อนตัวเองล้วนสอบได้ที่ 1 ทุกครั้ง ตอนนั้นเขาเรียนดีมากจริงๆ สามารถติดอันดับท๊อปในไต้หวัน

ปี 1988 เขาสามารถสอบเข้ารงเรียนเจี้ยนกั๋ว ไทเป ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมชายอันดับหนึ่งในไต้หวัน ได้ด้วยคะแนนลำดับที่ 1  ได้เป็นที่หนึ่งของโรงเรียน

นี่เพิ่งเริ่มต้น ตอน ม.ปลาย ซูโหย่วเผิงเป็น ไกวไกวหู่ ซึ่งเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในวงเสี่ยวหู่ตุ้ย และก็ดังอย่างรวดเร็วด้วยล่ะ ทั้งอ่านหนังสือ ทั้งเป็นดารา แต่ผลการเรียนของซูโหย่วเผิงก็ออกมาดีมากนะ ว่ากันว่าตอน ม.4, ม.5  ซูโหย่วเผิงขาดเรียนค่อนข้างบ่อย แต่ก็ได้ทุ่มเทเรียนเสริมในช่วง ม.6

ปี 1991 เขาเข้ามหาวิทยาลัยไต้หวันที่เป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของไต้หวันในคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล ได้ด้วยคะแนนวิทยาศาสตร์ที่อยู่อันดับ 5 ของประเทศ ถูกขนานนามว่าเป็น “คนบ้าเรียนสายวิทย์”

เริ่มต้นชีวิตได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่มีใครจะมีชะตาที่ราบรื่นตลอด ความล้มเหลวครั้งแรกของซูโหย่วเผิงก็คือ การพักการเรียน ถึงแม้ว่าเขาจะมีกลิ่นอายของการเป็นนักเรียนหัวกะทิจากโรงเรียนเจี้ยนจง แต่การเรียนวิศวกรรมเครื่องกลนั้น แตกต่างจากการเรียนในชั้นมัธยมโดยสิ้นเชิง ซูโหย่วเผิงพบว่า การเรียน และการงานไม่สามารถไปพร้อมๆกันได้ ดังนั้นจึงเลือกที่จะตัดใจพักการเรียนไว้ก่อน

ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า “การลาออกจากมหาวิทยาลัยเป็นความเจ็บปวดในช่วงวัยรุ่นของผม ถ้าหากว่าไม่เป็นนักแสดง ผมอาจจะไม่ทำอะไรซักอย่าง เอาแต่คิดถือศีลกินเจก็เป็นได้” ซูโหย่วเผิงที่เป็นนักเรียนดีเด่นมาตั้งแต่เด็ก รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก ถึงขั้นที่ว่าเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่กล้าออกมา “รู้สึกว่าถ้าเดินไปบนถนนจะต้องมีคนด่าผม” ภาพลักษณ์ไม่ดี เทปก็ขายไม่ดีแล้ว... ช่วงตกต่ำที่สุดครั้งแรกในชีวิตมาแล้ว

แต่ก็นะ คนฉลาดก็สามารถประสบความสำเร็จได้หลายครั้ง ช่วงปลายปี 90 ซูโหย่วเผิงก็เลือกที่จะไปก้าวหน้าที่แผ่นดินใหญ่ แสดงละครองค์หญิงกำมะลอ โอ้ เทพบุตรแห่งชาติ โด่งดังยิ่งกว่าตอนเป็นเสี่ยวหู่ตุ้ย  เด็กผู้หญิงมากมาย ในช่วงอนุบาลมีความประทับใจเล็กน้อยกับไกวไกวหู่ เมื่อถึงช่วงวัยรุ่นก็ตกหลุมรักองค์ชายห้าอย่างง่ายดาย... ตอนนั้นซูโหย่วเผิงเป็นราชาแห่งไอดอล พวกเธอยังจำได้มั๊ย?

ลู่เอินฉีจากละครเรื่องรักข้ามขอบฟ้า ที่จริงแล้วในเรื่องทักษะการแสดงก็นับว่าดี มีความจริงจังและความสอดคล้อง เป็นตู้เฟยจากละครมนต์รักในสายฝน ที่แค่เปลี่ยนสีหน้าก็สามารถทำให้หัวเราะได้แล้ว ตอนนี้มาคิดดูแล้ว อารมณ์และนิสัยของซูโหย่วเผิงน่าจะดีทั้งคู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นช่วงที่กำลังดังที่สุด แต่ได้รับบทรอง แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีหลังจากนั้นหลายปี เหอซูหวนกับตู้เฟย  ก็ยังสังสรรค์ตอนกลางคืนด้วยกันอยู่เลยอายุมากขึ้นแล้ว ไม่สามารถเป็นซุปตาร์วัยรุ่นได้ตลอดไป

ซูโหย่วเผิงตีบทแตกในการรับบทเป็นสาวประเภทสองในเรื่องเฟิงเซิน ทำให้ทุกคนตะลึงจนอ้าปากค้าง ซูโหย่วเผิงประสบความสำเร็จครั้งที่ 3 ในชีวิตแล้ว คิดไม่ถึงว่าปีนี้ยังมีครั้งที่ 4 ... ก็คือเป็นผู้กำกับล่ะ  ภายนอกก็ยังเป็นเด็กเนิร์ด ไอดอลในการเป็นผู้กำกับของซูโหย่วเผิงก็คือหลี่อัน ซูโหย่วเผิงบอกว่าเคยดูผลงานทุกเรื่องของเขา



มันไม่ง่ายเลยที่ไอดอลของพวกเราจะคิดขึ้นมาได้ว่าจะต้องแบกหน้าที่(ของดารา)ขึ้นมา ปี 2015 ทุกคนคงจะเห็นแล้วนะค่ะว่าโหย่วเผิงทำงานหนักมากแค่ไหน และตลอดการทำงานก็ทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ พร้อมๆกับทำหน้าที่ผู้กำกับมือใหม่ได้อย่างสุดยอด 30 ก.ค. 2015 โหย่วเผิงแวะมาโพสต์คำสั้นๆว่า 把包袱捡起 เก็บภาพพจน์ขึ้นมา หรือ แบกหน้าที่(ของดารา)ขึ้นมา นี้ก็แสดงให้เห็นว่าตอนนี้โหย่วเผิงกำลังจะมีผลงานใหม่ให้พวกเราได้ดูอีกแล้ว

ช่วงระหว่างที่หายไป 2 อาทิตย์คงจะเตรียมตัวอย่างเงียบๆ โหย่วเผิงใกล้จะกำกับเรื่องที่สองแล้วหละค่ะ เห็นบอกว่ากำกับเรื่องที่ 2 โหย่วเผิงจะกำกับที่มีมาดหน่อยแล้วค่อยๆเพิ่มความตลกเข้าไปในโลกของผู้กำกับที่เขาสร้างขึ้น แต่ว่าแววที่จะเป็นนักแสดงคงต้องรออีกซักระยะ เพราะว่าตอนนี้โหย่วเผิงขึ้นแท่งเป็นผู้กำกับมือทองไปแล้ว

ภาพยนตร์ The Left Ear (โจ่วเอ่อ) ที่กำกับโดยซูโหย่วเผิงนั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ยอดขายของไต้หวัน และซูโหย่วเผิงกลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไต้หวัน

อวยพรให้โหย่วเผิงยิ่งบินยิ่งสูง ไม่หยุดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นผู้ซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่แฟนคลับให้กับคุณ


ภาพยนตร์โจ่วเอ่อกวาดรายได้ที่แผ่นดินใหญ่เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นกว่า 485 ล้านหยวน (ประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่) ซูโหย่วเผิงกลายเป็นผู้กำกับที่ทำรายได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์วงการภาพยนตร์ไต้หวัน ถูกยกย่องให้เป็นตำนานแห่งผู้กำกับภาพยนตร์ของไต้หวัน

ซูโหย่วเผิงทำลายสถิติยอดขายตั๋วภาพยนตร์ของไต้หวัน ได้มาพร้อมกันทั้งอาชีพ และเกียรติยศ

ภาพยนตร์เรื่องโจ่วเอ่อที่เข้าฉายในแผ่นดินใหญ่วันที่ 26 เมษายน เป็นผลงานการกำกับครั้งแรกของซูโหย่วเผิง ช่วงเวลาที่กำลังโปรโมทอยู่นั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก  ในช่วงต้นของการฉาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำวิจารณ์ส่วนใหญ่ไปในทางที่ดีจากผู้ชม และได้รับการบอกต่อไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อภาพยนตร์ลาโรง โจ่วเอ่อกลายเป็นผู้ชนะในตลาดภาพยนตร์ที่เข้าช่วงเดือนพฤษภาคมด้วยรายได้กว่า 485 ล้านหยวน ถือเป็นการเปิดเส้นทางให้กว้างขึ้นสำหรับอาชีพผู้กำกับของซูโหย่วเผิง ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ได้รับสิทธิ์ให้ออกอากาศในเขตไต้หวัน แต่ก็ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากในไต้หวัน

เป็นที่เข้าใจว่า ภาพยนตร์โจ่วเอ่อที่กำกับโดยซูโหย่วเผิงนั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ยอดขายของไต้หวัน และซูโหย่วเผิงกลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไต้หวัน

95
Movies / Re: 2010 A Singing Fairy
« เมื่อ: มิถุนายน 29, 2015, 02:24:06 PM »
 

96
Movies / Re: 2010 A Singing Fairy
« เมื่อ: มิถุนายน 29, 2015, 02:23:49 PM »
 

100
<a href="https://www.youtube.com/v/?v=KbHEFyTmF-M&amp;feature=youtu.be" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/?v=KbHEFyTmF-M&amp;feature=youtu.be</a>

การปรากฏตัวของความทรงจำครั้งวัยรุ่น  ท่าเต้นที่สดใสที่เป็นเอกลักษณ์ วงเสี่ยวหู่ตุ้ยที่โด่งดัง  หลังจากที่แยกวงกันไปแล้ว สมาชิกแต่ละคนก็ต่างมีทางเป็นของตัวเอง  วันนี้ สมาชิกสองคนในวง พีลี่หู่ อู๋ฉีหลง และไกวไกวหู่ ซูโหย่วเผิง ได้มารวมตัวกันในการอัดรายการในวันนี้  ทั้งสองคนมักจะพูดคุยกระซิบกระซาบกัน   ทั้งยังทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตาด้วยกันอีกด้วย ทำให้เซี่ยน่า (谢娜) อดแซวไม่ได้ว่า  พวกเขาทั้งสองก็กระซิบกระซาบกันอย่างนี้ตลอดแหละ  อดไม่ไหวก็เลยเตือนขึ้นมา  พวกเขายังทำกิริยาแบบ “เธอยุ่งอะไรด้วย”   และยังกลอกตามองบน ฉันก็เลยได้แต่ถอยไป  อู๋ฉีหลง ซูโหย่วเผิง เป็นคุณลุงอายุสี่สิบกันแล้ว  แต่ถึงแม้ว่าจะทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตา   ก็ยังคงแผ่ออร่าที่สดใสออกมา ตอนนี้ ทั้งเรื่องการงานและความรักของอู๋ฉีหลงเป็นที่น่าพอใจแล้ว  ซูโหย่วเผิงเป็นหนุ่มโสดคนหนึ่งที่มีความสามารถ  เมื่อทั้งสองมาอยู่ด้วยกันก็เกิดเป็นภาพที่น่ามองมาก  แต่ก็ยังมีคน รอคอยที่จะได้เห็นเสี่ยวหู่ตุ้ยมารวมตัวกันอีกครั้ง  บอกว่า ถ้าเฉินจื้อเผิงมาด้วยก็สมบูรณ์แบบแล้ว 

หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 89