Interviews [Thai Translation] | ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากจะรู้ ซึ่งไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน > Interviews & Video Clips

2010 Chu Wan Hui Ke Ting

<< < (2/4) > >>

Chomnath:
โหย่วเผิง : ใช่ หากจะมองอีกมุมหนึ่งก็สามารถพูดได้ว่าเขาพวกเป็นคนที่เข้าใจผม รวมถึงเรื่องของเจ๊ๆ ทั้งหลายในบริษัทด้วย หรือพวกอาอี้ พวกเธอจะดูเลยผม เพราะพวกเธอเข้าใจว่าผมเป็นคนที่ยังไม่รู้ว่า อะไรคือการงาน ไม่มีใจต่อการงาน พวกเธอจะมองผมเป็นเพียงเด็กนักเรียนคนหนึ่ง ไม่คิดว่านี่เป็นงานของคุณ ความเป็นจริงก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน พวกเขาคิดว่าผมเป็นคนที่ไม่จริงจัง หากผมร้องไม่ดี ผมก็สามารถไปเรียนหนังสือได้ อนาคตผมคงมีทางของผม นี่ถึงจะเป็นทางของผม ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเป็นความคิดของพี่ๆ ที่มีต่อผม แต่ความเป็นจริงก็ถูกเหมือนกัน

สำหรับผมแล้ว แน่นอนนิสัยอย่างผมนั้นเวลาทำงานก็เอาจริงเอาจังนะ ผมขยันนะ แต่ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะบริหารอย่างไร ผมจะหาจุดยืนตำแหน่งผม ผมจะหาความสามารถของผม เรื่องเหล่านี้นั้นมันยังไกลเกินที่ผมจะไปคิดมัน ฉะนั้นรอจนผมแยกตัวบินเดี่ยว และผมได้ออกจากมหาลัย ในทันใด ผมเพิ่งรู้สึกว่าผมโตแล้ว ต่อไปผมคงต้องเลี้ยงดูครอบครัว ผมจะเป็นเหมือนเมื่อก่อนที่ให้คนอื่นจัดชีวิตให้ผมอย่างนั้นไม่ได้แล้ว ผมไม่มีโรงเรียนที่จะกลับไป ผมไม่มีทางที่ถอยหลังแล้ว นั่นเป็นเรื่องต่อไปของคุณ

การรวมตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นจะเป็นความคิดส่วนตัวไม่ได้

หวงยุ้ย : แต่ผมเห็นว่าท่าทีที่คุณมีต่อ เสี่ยวหู่ตุ้ย นั้น ช่วงหลังๆ นั้นคุณจะเป็นคนที่มักจะมีท่าทีที่แข็ง แข็งต่อเรื่องของ เสี่ยวหู่ตุ้ย

โหย่วเผิง : ผมรัก เสี่ยวหู่ตุ้ย นะ

หวงยุ้ย : แต่ว่าน้อยมากที่จะได้ยินถึงคุณเอ่ย เสี่ยวหู่ตุ้ย พูดก็พูดน้อยมาก


โหย่วเผิง : ใช่ เหตุผลหนึ่งคือผมไม่ค่อยชอบคล้อยตามไปกับสื่อ ผมคิดว่าผมเข้าสู่วงการนานขนาดนี้ ทุกคนก็น่าจะรู้บุคลิกผมดี 2-3 ปีที่ผ่านไป แน่นอนผมรู้ว่าผมถูกป้ายสี ถูกว่าร้ายหลายอย่าง บางครั้งเรื่องเหล่านี้ผมเองก็ไม่รู้จะไปอธิบายมันอย่างไร


ผมจะขอยกตัวอย่าง ก็คือ มีนิทานเรื่องหนึ่งที่นิยมเล่ากันมาก คือเรื่องของเศรษฐี ผมเปรียบ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” เป็นบ้านของเศรษฐีนี้ก็แล้วกัน เศรษฐีหู่ มีลูกอยู่ 3 คน แน่นอนการที่ผมก็มีฐานนะเป็นลูกชายของตระกูลหู่ ผมมีสิทธิ์ที่จะไปกินใช้ในบ้าน บ้านผมมีเงินมาก ผมคิดว่าเพียงแค่ผมมีสิทธิ์นี้ก็พอแล้ว แต่ผมเองก็ย่อมอยากจะมีเกียรติของตัวเอง หรือว่าตัวเองควรจะมีการงานของตน ผมปรารถนาที่จะสร้างธุรกิจด้วยลำแข้งของตัวเอง แม้ผมรู้ดีว่าเงินที่จะหาได้จากธุรกิจโดยทั้งชีวิตก็ไม่สามารถที่จะเปรียบกับเงินในบ้านได้ แต่ผมเองก็อยากจะมีอะไรที่เป็นของผม ผมไม่อยากเป็นคนที่ใช้แต่เงินในบ้าน ใช้แต่รถในบ้าน ถ้าอย่างนี้ เหมือนกับว่าผมไม่อยากจะก้าวหน้าต่อไป ผมจึงไม่ชอบลักษณะแบบนี้ แต่สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าผมปฏิเสธ “บ้านหู่” นะ แน่นอนผมโอ้อวดบ้านผม บ้านผมมีเงิน เป็นเกียรติผมมาก แต่ว่าตอนที่ผมทำงานอยู่ข้างนอกนั้น คุณจะเรียกผม “คุณชาย3”ก็ได้ แต่อย่างเรียกผมว่า คนงอมืองอเท้ากินในบ้าน


ผมคิดว่าจากที่ผมเล่าคุณน่าจะเข้าใจดี ไม่ใช่ว่าผมไม่รัก เสี่ยวหุ่ตุ้ย แต่ผมคิดว่าผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมไม่ใช่เด็ก 10 กว่าขวบ ผมจำต้องรับผิดชอบต่อตัวเอง


หวงยุ้ย : ด้วยเหตุนี้เลยทำให้หลายคนเข้าใจคุณผิดได้ง่ายใช่ไหม?

โหย่วเผิง : บางครั้งมันอธิบายแล้วไม่เข้าใจ ผมก็ไม่อยากจะพูดอีก และก่อนหน้านี้ที่ผมเริ่มออกมาสร้างตัวด้วยตัวเองนั้น ตอนที่ผมยังไม่ประสบความสำเร็จใดๆเลยนั้น ทุกคนก็จะเย้ยว่า คุณน้อยๆ หน่อย คุณก็ไม่เห็นรุ่งเลย เพราะความสำเร็จของคุณในตอนนี้ เมื่อเทียบกับ ตอนเสี่ยวหู่ตุ้ย นั้นมันราวฟ้ากับดิน ไม่มีใครจะฟังคุณหรอก คุณกลับบ้านไปกินใช้ของบ้านดีกว่า ฉะนั้นตอนนั้นผมก็ได้แต่ หวานอมขมกลืน จนถึงวันหนึ่งผมรู้ว่าหน้าที่การงานผมประสบความสำเร็จแล้ว แม้มันจะเทียบกับ บ้านหู่ ไม่ได้ แต่ผมก็หวังว่าจากความสำเร็จเล็กๆน้อยๆนี้ มันจะเป็นโอกาสที่จะให้ผมได้พูด


หวงยุ้ย : ความเข้าใจผิดที่ใหญ่หลวงที่สุดที่คนอื่นมีต่อคุณนั้นคือเรื่องไหน?

โหย่วเผิง : ก็เรื่องพวกนั้นแหละ เป็นคำพูดที่ดูแล้วแทงใจดำผม จริงๆ แล้วผมปวดใจมากๆ

หวงยุ้ย : ที่ว่าคุณไม่รัก เสี่ยวหู่ตุ้ย เพราะคุณไม่อยากรวมตัวกันอีก เรื่องเหล่านี้หรือเปล่า?

โหย่วเผิง : มันเพียงแค่นี้หรือ? ในเว็ปยังมีคำด่าหยาบๆ มากมาย แต่ผมเองก็คิดว่าไม่เป็นไร ผู้ชายเนี่ย เมื่อทำงานในสังคม มีเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติ ความจริงจะชนะทุกสิ่ง

หวงยุ้ย : คุณกล้าเผชิญกับคำพูดเหล่านี้ คุณกล้ายกตัวอย่างหรือเปล่า?

โหย่วเผิง : ไม่มีอะไรน่ายกตัวอย่าง

หวงยุ้ย : ไม่ต้องกลัวหรอก พวกเขากล้าว่าคุณ คุณก็สามารถยกตัวอย่างมาได้

โหย่วเผิง :ไม่มีอะไร พูดเรื่องเหล่านี้ไร้สาระ

Chomnath:
หวงยุ้ย : ฉะนั้นสำหรับข่าวเรื่องนี้นั้น สิ่งที่คุณเลือกจะทำคือการนิ่งไม่พูด

โหย่วเผิง : มีหลายอย่างที่พูดแล้ว ยังไม่รู้เรื่องกัน อย่างที่ผมบอกท่าทีของความคลาสสิคของแต่ละคนนั้น ไม่เหมือนกัน เรื่องนี้ไม่มีใครถูกหรือผิด หรือว่าใครดีใครชั่ว เพียงแต่ในใจผมนั้น เสี่ยวหู่ตุ้ย ไม่ควรจะทำแบบขอไปที บางอย่างนั้น ก็เหมือนกับโอกาสของราตรีตรุษจีนปีนี้ มันเป็นเวลาที่เหมาะที่จะให้ เสี่ยวหู่ตุ้ยมาอวยพรทุกคน แต่บางอย่างนั้นผมเองก็คิดว่าให้ตัวผมไปทำคนเดียวก็พอแล้ว คือไม่จำเป็นที่จะให้ เสี่ยวหู่ตุ้ยไปทำ เพราะกลัวทำแล้วเสียหาย มันทำให้ภาพลักษณ์ของเสี่ยวหู่ตุ้ยในใจทุกคนเสื่อมไป แต่เรื่องบางอย่างยิ่งดูยิ่งมัว ฉะนั้นพูดก็ไม่เข้าใจ ไม่เป็นไร

หวงยุ้ย : เมื่อคุณเอ่ยเรื่องนี้ หลายคนจะมองว่าโหย่วเผิงนั้นเล่นตัว ว่าโหย่วเผิงอย่างนั้นอย่างนี้

โหย่วเผิง : ฉะนั้นจึงไม่เป็นไรไง คิดว่าปีนี้เวลาโอกาสมันเหมาะจริงๆ ปีนี้ต้องขอขอบคุณทางรายการ และขอบคุณที่ปีเสือพอดี ฉะนั้นผมจึงฉวยโอกาสนี้ จริงๆแล้วผมมีงานที่จะต้องถ่ายภาพยนตร์เหมือนกันแต่ก็ละไว้ก่อน เพื่อจะมาร่วมรายการนี้และมาอวยพรปีใหม่กับทุกคนๆ นี่ก็เป็นความตั้งใจอย่างหนึ่งของผมเหมือนกัน เพราะทุกคนรักพวกเรา และพวกเราก็รักทุกคนเหมือนกัน

20 ปีแล้ว ทุกคนยังรักคิดถึงเรา หากแต่จะพูดอีกมุมหนึ่ง ในช่วงเวลานั้นของพวกเราความคลาสสิค ไม่เพียงแต่เป็นเสี่ยวหู่ตุ้ยเท่านั้น ยังมีดาราดังอีกหลายท่านด้วยกัน หรือจะเป็นขวัญใจท่านอื่นๆด้วย แต่ทำไมวันนี้พวกเขากลับไม่มีเสียงมาเรียกร้องหาพวกเขา อาจเป็นเพราะ เสี่ยวหู่ตุ้ย พวกเราสามารถที่จะหาเวลาและเวทีที่เหมาะสมที่สุดแล้วค่อยออกมา เพราะพวกเรารวมตัวกันน้อยมาก เลยทำให้วันนี้ยังเรียกร้องหาเสี่ยวหุ่ตุ้ยกันอยู่ ไม่ใช่หรือ? หากว่าพวกเราได้รวมตัวกันแต่โน้น แล้วจะมีวันนี้ของเสี่ยวหู่ตุ้ยไหม ? แล้วเสี่ยวหู่ตุ้ยจะนำอะไรมาสู่ทุกคนได้ ? นี่เป็นท่าทีที่ผมมีต่อค่ำว่า “เสี่ยวหู่ตุ้ย"

หวงยุ้ย : พวกเรากลัวคุณจะไม่สบายใจเพราะเรื่องนี้ พวกเรากลับหลังจากขึ้นแสดงในงานราตรีตรุษจีน เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ปรากฏแล้ว พวกเราได้หวนคิดความทรงจำดีในหลายอย่างด้วยกัน พวกคุณนำสิ่งเหล่านั้นมาให้กับพวกเรา ผมกลัวส่วนตัวคุณเองจะไม่สบายใจ

โหย่วเผิง : ไม่มี ผมสบายใจดี แต่ว่าบางครั้งก็จะมีคำพูดที่เสียดสีบ้าง แต่บอกว่าไม่รู้สึกอะไรก็เป็นไปไม่ได้ เมื่อเห็นแฟนคลับมากมายมีความสุข ทุกคนได้หวนอดีต ทุกคนได้มีความทรงจำที่ดีๆ ผมเองก็มีความสุขเพราะผมได้มีส่วนในเรื่องนี้ มันเป็นสิ่งที่ดีสวยงาม แค่นี้ก็ดีแล้ว

หวงยุ้ย : หลายคนงงมาก ไม่รู้ว่าทุกคนพูดอะไรไป ทำให้โหย่วเผิงไม่สบายใจอย่างมาก หรือว่าแทงใจคุณ

โหย่วเผิง : คุณลองเข้าไปในเน็ตแล้ว ไปอ่านดูก็จะรู้ ว่ามีคำว่าด่ามากมาย และการเข้าใจผิดมากมาย ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น และตอนนี้เราได้รวมตัวกันในคืนตรุษจีนแล้ว และพวกเราได้มาอวยพรปีเสือกับทุกๆคนแล้ว คิดว่าเรื่องเหล่านี้น่าจะจบได้แล้วมั้ง ผมรักเสี่ยวหู่ตุ้ยจริงๆ แต่มีบางอย่างมันใช้คำพูดอธิบายไม่ได้ ก็เหมือนกับที่ผมได้พูดไปเมื่อตะกี้ ผมเองก็อยากจะมีอะไรเป็นของตนเองบ้าง

หวงยุ้ย : คุณลองโต้ตอบคำถามหนึ่งของผมซิ แฟนชาวเน็ตหลายๆ คนคิดว่าเป็นเพราะโหย่วเผิงได้ดิบได้ดีไปแล้วหรือเปล่า ทำให้ทุกคนคิดว่าคุณไม่ค่อยสนใจกับเรื่องเสี่ยวหู่ตุ้ย หรือว่าคุณอาจไม่ใสใจหรือทุ่มเทกับมัน คุณลองโต้ตอบผมซิ

โหย่วเผิง : การแสดงในคืนวันนั้นคุณเห็นผมไม่เต็มที่หรือเปล่า ? ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ และตัวผมเองก็ไม่ได้ดังขนาดนั้น เรื่องที่ว่ากันนั้นไม่ใช่ความจริง ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลย

หวงยุ้ย : แล้วมีอะไรที่เจ็บปวดในใจบ้าง มีคำพูดที่อยากจะพูดกับเขา 2 คน ผมเองก็ถอนหายใจเหมือนกัน ต้องขออภัยที่ผมพูดแบบนี้

โหย่วเผิง : ไม่มีอะไร ผมคิดว่าแม้จะเป็นเพื่อนพี่น้องที่ดีขนาดไหนก็ตาม แน่นอนคำพูดบางอย่างนั้นมันไม่มีโอกาสได้พูด บวกกับพวกเราก็ได้ห่างกันกว่า 10 ปีแล้ว จริงๆ แล้วพวกเราแต่ละคนก็มีโลกของแต่ละคน มีเพื่อนของตัวเอง มีงานของตัวเอง ทั้งยังมีเป้าหมายและความใฝ่ฝันที่ต่างกันด้วย

แน่นอนรู้สึกงานของคืนนั้นดูเรียบง่าย จริงๆ แล้วพวกเราแค่อยากจะใช้เสียงเพลงคลาสสิคบนเวที ถ้าดูทั่วๆไปแล้วก็จะเหมือนกันหมด แต่ถ้าจะเปรียบแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ผมก็มีทีมผู้จัดการของผม หลายปีที่ผ่านมานั้น ตอนที่พวกเรายังไม่มีการรวมตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ย คนเหล่านี้ได้มาช่วยผม ติดตามผม เสมือนคนในครอบครัว สามารถบอกได้ว่าพวกเขาเป็นเด็กกลุ่มหนึ่ง พวกเราอยู่ด้วยกันนั้นมีเป้าหมายเดียวกัน พวกเราฝ่าฟันเพื่อเป้าหมายด้วยกัน แม้ความฝันนี้ยังสาวไปไม่ถึง แต่อย่างไรก็ตามพวกเราร่วมเดินมาด้วยกันยาวนานแล้ว แล้วตอนนี้มีเสี่ยวหุ่ตุ้ยเข้ามา กับเพื่อนพี่น้องเก่า บางครั้งใช้เหล้าในการพูดคุยเรื่องอดีต คืนหนึ่งก็รู้สึกสุขใจมาก มันสบายใจมาก แต่ก็เหมือนอย่างที่คุณพูดหลังจากที่จากกันแล้ว ผมก็มีหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบ ผมไม่ได้เป็นเด็กกำพร้าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว พวกเราจะทำโน้นทำนี่ จริงๆแล้วทุกคนก็เหมือนกัน เรามีครอบครัวของเรา มีการงานของเรา มีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบ

Chomnath:
หวงยุ้ย : ฉะนั้นเรื่องการรวมตัวกันอีกครั้งนั้น จะยืดเวลาออกไปหรือต่อไปไม่ได้ใช่หรือเปล่า?

โหย่วเผิง : จริงๆแล้ว ผมรู้สึกว่า ผมเคยเห็นผู้จัดการส่วนตัวของฉีหลงในทีวี เขาพูดสิ่งที่มีผมรู้สึกได้ดีมาก พวกคุณรู้ว่างานคืนนี้ 3 เพลงนี้ ยังถือว่าเป็นเพลงรวมตัว พวกเราได้ซ้อมกัน 5 วันเต็ม นานมาก อาจจะนอกจากจื้อเผิงที่จะเต้นบ่อยๆ การเล่นภาพยนตร์ของฉีหลงก็คงจะมีแต่หนังบู้ แต่ว่าพวกเราไม่ได้แสดงแบบขวัญใจวัยรุ่นอย่างนี้มานานแล้ว พวกเราใช้เวลากว่า 5 วัน หากจะมีงานคอนเสิร์ตนั้นอย่างน้อยต้อง 20-30 เพลง มันคงต้องใช้เวลาซ้อมที่นานมากเหมือนกัน โดยเฉพาะนิยามของเสี่ยวหู่ตุ้ยในใจผมนั้น มันอาจไม่ใช่เป็นของพวกเรา 3 คนเท่านั้น เป็นเสี่ยวหู่ตุ้ยของทุกคนด้วย หากจะมีการแสดงนั้น คุณคิดว่าผมจะไปแสดงแบบถูๆไถๆได้ไหม ผมจะไม่ทำเด็ดขาด

ทุกคนลองจินตนาการดู ยกตัวอย่าง หวังเฟย เธอไม่เก่งในด้านการเต้น แต่เขามีอาชีพในด้านการร้องเพลง ปีนี้เธอจะจัดงานคอนเสิร์ต ก็เตรียมเกือบจะถึงเดือน 9 เดือน 10 จะเห็นได้ ว่าจะจัดงานคอนเสิร์ตที่มีมาตรฐานนั้น จำต้องใช้เวลา เป็นสิ่งที่มันเกินความคิดของคนทั่วไปและดาราทั่วไปจะทำกัน สำหรับผมกับฉีหลงหรือจื้อเผิงแล้ว มีสัญญาหรือแผนงานบางอย่างนั้นได้วางโครงการไว้แต่ปีที่แล้ว แล้ว ฉีหลงยิ่งไปใหญ่เลย เขามีบริษัททำอัลบั้ม เขาอาจเป็นผู้สร้างผู้ผลิต สร้างหนังสร้างละคร ปีนี้เขาก็มีงานละคร งานภาพยนตร์ สำหรับพวกเราแล้วไม่ใช่ว่าหลังจากที่ดูการแสดงคืนตรุษจีนเสร็จแล้ว ทุกคนก็ประทับใจ แล้วพวกเราก็จะออกคอนเสิร์ตทัวร์ในเดือนต่อไปเลยอย่างนั้น ไม่ใช่ นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าพวกเราต้องรับผิดชอบต่อผลงานที่จะแสดง ฉะนั้นงานนี้นั้นมันเป็นไปได้ยาก

หวงยุ้ย : บรรดา 3 คนนั้น ใครเป็นคนที่ยืนหยัดที่จะทำคอนเสิร์ตนี้ที่สุด?

โหย่วเผิง : ผมคิดว่าน่าจะเป็น จื้อเผิง

หวงยุ้ย : เขายืนหยัดในความคิดนี้

โหย่วเผิง : จะพูดอย่างไรดี สำหรับผมแล้วผมเป็นคนที่หวนอดีต แต่ว่าชีวิตผมนั้นจะอยู่แต่กับอดีตมันไม่ได้ มันอาจเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ก็เหมือนกับคนเราแม้จะดังได้ดี ก็ต้องให้เกียรติอาจารย์ในอดีต คนเราจะลืมอดีตก็ไม่ได้ แต่ผมก็ไม่หวังที่ทุกวันของผมจะอยู่กับอดีต จากเรื่อง“เฟิงเซิง”ก็น่าจะรู้ว่า แท้จริงผมเป็นคนที่แสวงหาความเปลี่ยนแปลง เป็นคนที่มองข้างหน้า ผมไม่ชอบเดินทางเก่า ผมคิดว่านี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทุกคนให้โอกาสผมและผมอยู่ได้มาจนถึงวันนี้ ผมยังยืนอยู่ที่นี่ ฉะนั้นผมเลยคิดว่าผมจะใช้คืนตรุษจีนมาอวยพรให้กับทุกคน ผมคิดว่า นี่เป็นสิ่งที่ผมจริงใจกับทุกคนที่สุด

หวงยุ้ย : สงสัย จื้อเผิง ได้ยินคำพูดของคุณ เขาคงคิดว่าความฝันของเขาสลายแน่ จื้อเผิงอยากจะสานฝันนี้มาก

โหย่วเผิง : เรื่องนี้นั้นจริงๆ แล้ว พวกเราไม่ได้พูดคุยกันเป็นจริงเป็นจัง แต่ว่ามีบางเรื่องนั้นมันยากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตารางเวลา เรื่องนี้ก็เหมือนกับเมื่อกี้ที่ผมพูดไป เราต่างก็มีครอบครัวกันแล้ว ทุกคนมีหน้าที่การงาน พวกเราไม่ได้เป็นพวกเราในสมัย 20 ปีก่อนอย่างนั้นแล้ว

หวงยุ้ย : แสดงว่าคุณอยากจะให้จื้อเผิงเผชิญกับความจริง

โหย่วเผิง : ผมไม่ได้พูดอย่างนี้นะ

หวงยุ้ย : อื่ม ต้องคำนวนให้ดี วางแผนก่อนจะทำ

โหย่วเผิง : ผมไม่ได้พูดอย่างนี้นะ

หวงยุ้ย : แล้วคุณกลัวเขาโกรธคุณไหม หากว่าเขาเป็นคนที่ตั้งใจจะทำจริงๆ กลัวไหมเมื่อเขาได้ยินคำพูดคุณแล้วเขาจะโกรธคุณ หรือเสียใจ เพราะดูแล้ว จื้อเผิง ไม่ค่อยมีงานใหญ่ๆที่เขาทำ หรือจะเป็นด้านการงานที่เขาก็ยังเหมือนเดิม

โหย่วเผิง : อันนี้ผมเองก็ไม่ได้คิดเหมือนคุณ จริงๆแล้วพวกเราทั้ง 3 ต่างก็มีจุดแข็งจุดเด่นของตน ผมหวังว่าแฟนๆที่รักชอบเสี่ยวหู่ตุ้ยทุกคน ไม่ว่าพวกเรา 3 คนจะรวมกันอยู่ หรือจะแยกกันอยู่ ต่างคนต่างไปมีอาชีพใหม่ ผมหวังว่าทุกคนยังคงจะสนับสนุนพวกเรา 3 คนเหมือนกัน

และขอสื่อบางสื่อ อย่าลงแต่ข่าวที่แทงใจกันและกัน มันไม่แฟร์สำหรับพวกเราเลย หากว่าคุณรักเสี่ยวหู่ตุ้ยจริงๆแล้ว อย่าทำแบบนี้กับพวกเราเลย ในสายตาผมนั้น จื้อเผิงเป็นคนที่มีความสามารถในด้านการแสดงเป็นอย่างมาก เขายังเก่งในด้านการเต้นด้วย บวกกับละครเวทีที่เขาเพิ่งแสดงผ่านไปนั้น ผมเห็นว่าเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากๆ ทุกคนควรจะให้โอกาสกับเขา เขาสามารถที่จะทำได้ ฉีหลงนั้น ด้านการแสดงของเขาก็เยี่ยมมากเหมือนกัน รูปร่างของเขาก็ดีมาก อายุราวอย่างเรานี้ เขายังมีรูปร่างที่ดีอย่างนี้หาได้ยาก เขาเป็นคนที่เก่งมากๆ ผมคิดว่าหากเขาเดินในเส้นทางหนังบู้แล้ว จะไม่แพ้ เรื่องกังฟู แน่นอน ผมเชื่อว่าเขาสามารถสร้าง กังฟูมังกร ได้

ผมหวังว่าหากว่าทุกคนรักเสี่ยวหู่ตุ้ย ทุกคนรักพวกเราจริงๆแล้ว ก็ให้สนับสนุนพวกเรา สนับสนุนในสิ่งที่พวกเราทำ ก็เหมือนเพลงที่พวกเราเคยร้อง ผีเสื้อบินๆ ยังมีอนาคตที่สดใสรอพวกเราอยู่ไม่ใช่หรือ?

Chomnath:
หวงยุ้ย : ช่วง 2-3 ปีมานี้จื้อเผิงจะพูดถึงเรื่องการรวมตัวกันบ่อยมากๆ เขาเคยพูดกับพวกคุณไหม?

โหย่วเผิง : จริงๆแล้วไม่เคยเลย ไม่เคย

หวงยุ้ย : แล้วทำไมเมื่อกี้พูดซ้ำๆ แล้วมันหมายความว่าอะไร

โหย่วเผิง : ก็คือติดต่อกันไม่มาก

หวงยุ้ย : จริงอ่ะ

โหย่วเผิง : ใช่ จริงๆ แล้ว ผมได้ส่งข้อความให้เขา ก็คือวันเกิดของเขา เขาก็ส่งมาให้ผมเหมือนกัน ผมก็ส่งไปให้เขา บางครั้งผมรู้ผ่านเน็ตว่าเขาจะมาถ่ายละครที่ปักกิ่ง หรือว่ามาทำงานที่ปักกิ่ง ผมก็จะส่งข้อความให้เขา หากว่างก็มากินข้าวด้วยกันหรือทำอะไรกัน แต่ว่างานถ่ายละครของเขาคงยุ่งมาก สุดท้ายก็ไม่ได้เจอกัน

หวงยุ้ย : สำหรับพวกเราที่เป็นผู้ชม ก็ปราถนาที่จะให้เสี่ยวหู่ตุ้ยมีภาพอย่างนี้ตลอด แต่เมื่อกี้คุณก็ได้พูดถึงปัญหาอุปสรรค์ต่างๆในการรวมกัน นี่เป็นปัญหาที่ไม่มีใครจะเอาไปคิด สำหรับคุณแล้ว คิดว่างานแสดงของคืนตรุษจีนปีนี้ เป็นการมารวมตัวกันครั้งสุดท้ายหรือเปล่า?

โหย่วเผิง : เรื่องอนาคตผมไม่กล้าพูด จริงๆแล้วเมื่อวานตอนซ้อมนั้น ทันใดนั้นผมเองก็ตื้นตันใจมาก มีอารมณ์อย่างนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าครั้งต่อไปจะนานขนาดไหนหรือเมื่อไหร่ เป็นโอกาสที่เหมาะและทุกคนสามารถวางงานของตัวเองได้ มาฟื้นความสัมพันธ์ หาความรู้สึกของการเต้น ไม่รู้ว่าโอกาสอย่างนี้จะมีอีกเมื่อไหร่กัน ฉะนั้นผมเองก็คิดว่าผมเองก็ไม่กล้าพูด

หวงยุ้ย : ต้องขออภัยที่ผมต้องพูดแบบเด็ก ขอร้องคุณวางงานทุกอย่างที่จะทำลงก่อน แล้วมาเตรียมงานคอนเสิร์ตทัวร์ด้วยกัน คุณยินดีไหม? ให้ละงานทุกอย่างไว้ก่อน

โหย่วเผิง : ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่มันเป็นไปยาก เช่นยกตัวอย่างการเซ็นสัญญาที่จะถ่ายหนังของผมนั้น หรือเป็นงานอื่น ผมไม่สามารถจะทิ้งพวกเขาได้ นั่นก็เป็นการไม่รับผิดชอบอย่างหนึ่ง จริงไหม?

หวงยุ้ย : ทุกคนก็หวังไว้อย่างนี้ แฟนคลับทางสถานีก็มีความหวังอย่างนี้เหมือนกัน ทุกคนเฝ้ารอดู เหมือนกับที่เราได้ยินเสียงเพลงของพวกคุณ 3 คนอย่างนั้น เป็นความรู้สึกที่ให้หวนย้อนเวลา ผมเชื่อว่าปีที่จะมาถึงนี้ โหย่วเผิงก็มีโครงการต่างๆที่ได้วางไว้แล้วใช่หรือเปล่า?

โหย่วเผิง : ใช่ ก็คือหลังเทศกาลตรุษจีนแล้ว มีหนังเรื่องหนึ่งจะเปิดกล้อง เรื่องนี้ก็สนุกดีเหมือนกันนะ

หวงยุ้ย : เปิดเผยหน่อยได้ไหม

โหย่วเผิง : บอกได้เลยว่าเป็นแนวหนังที่ในประเทศ ยังไม่มีการสร้างในแนวลักษณะนี้เลย

หวงยุ้ย : ในประเทศยังไม่มีแนวนี้เลย

โหย่วเผิง : อื่ม สนุกมากๆ เรื่องนั้นเริ่มแรกจะสงสัยมากๆ จะทำให้คุณต้องติดตามต่อไปให้ได้ มันมีบางส่วนที่เหมือนกับเฟิงเซิง สนุกมากๆ

หวงยุ้ย : แล้วตอนจบจะโหดร้ายไหม

โหย่วเผิง : ช่วงกลางอาจจะมีคนตาย จะว่าโหดก็ไม่โหด แต่ว่าตอนจบนั้นจะคลี่คลายทุกข้อสงสัย ฉะนั้นคุณต้องดูให้จบ มันจะดึงความสนใจคุณ หากว่าการแสดงทั้งเรื่องเหมือนดังที่เขียนไว้ ผมว่าสนุกมากๆ

Chomnath:
(ภาพและเสียงบรรยาย)

หวงยุ้ย : พวกเราก็คุยกันมามากมายแล้ว ผมอยากจะพูดความรู้สึกจริงๆหน่อย ผมรู้สึกว่าปีนี้คุณแบกรับหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกิน แล้วในใจคุณก็มีหลายๆเรื่อง มีคำพูดหลายๆอยากจะพูด

โหย่วเผิง : คนเป็นผู้ใหญ่ก็เป็นอย่างนี้มิใช่หรือ? มีบางอย่างคุณคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีก็จะต้องแบกรับไว้ และสำหรับผมแล้ว

“เสี่ยวหู่ตุ้ย” นอกจากจะเป็นช่วงวัยหนุ่มของพวกเราแล้ว ผมก็หวังว่ามันเป็นตำนานแห่งความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องที่ไม่ตายจากเราไป ผมคิดว่าช่วงยุคสมัยของพวกเรานั้น คิดว่าเมื่อโตแล้วก็คงจะไปหาความสัมพันธ์แบบนี้จากที่ไหนไม่ได้อีก ฉะนั้นผมคิดว่าในใจทุกคนแล้ว “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ก็เป็นความใฝ่ฝันที่สวยงาม ทุกคนอาจจะรอคอยในสิ่งที่ชีวิตจริงเป็นไปไม่ได้ แต่ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ทั้ง 3 คนทำได้ ในสิ่งเหล่านี้ ฉะนั้นผมคิดว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเอาสิ่งนี้เป็นมาตรฐานของชีวิต


หวงยุ้ย : ผมอยากจะบอกกับคุณว่า ต้องลำบากคุณแล้ว

โหย่วเผิง : ไม่ได้ลำบากผม ไม่มี มันไม่ลำบากผม แต่เป็นสิ่งที่ผมสมควรอยู่แล้ว นี่เป็นคำที่ผมมักจะพูดต่อหน้าสื่อ เป็นหน้าที่ที่ผมจะรักษาความคลาสสิกนี้ไว้ ในเมื่อผมโชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเสี่ยวหู่ตุ้ย ผมมีหน้าที่จะรักษาสิ่งเหล่านี้ ก็เหมือนกับไมเคิลที่จะลืมท่าเต้นของเขาไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่เขา

หวงยุ้ย : หลังจากนี้คุณจะเจอแฟนคลับของคุณ หรือว่าวันไหนที่คุณออกจากบ้านเจอพวกเขา พวกเขาจะบอกว่าโหย่วเผิงเมื่อไหร่พวกเราจะได้ฟังเพลงของคุณอีก

โหย่วเผิง : ผมก็ร้องนะ

หวงยุ้ย : คุณคิดจะร้องเดี่ยว หรือจะร้องกับคนอื่น

โหย่วเผิง : ร้องกับทุกคน หากจะร้องเพลงของเสี่ยวหุ่ตุ้ย แน่นอนต้องร้องกับทุกคน ก็เหมือนกับตอนนั้น ที่มีข่าวเรื่องตำแหน่งการยืนพวกนั้น มันแปลกจริงๆ พวกเราไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย แต่ทางผมเองก็ไม่อยากจะอธิบายแล้ว หากว่าให้ผมยืนตรงกลางแล้ว พวกเราทั้งสามคนไม่รู้จะเต้นอย่างไรแล้ว แล้วมันยังเป็น เสี่ยวหุ่ตุ้ยอยู่หรือ? ฉะนั้นเพลงที่ร้อง 3 คนก็ต้องร้อง 3 คน

หวงยุ้ย : งั้นตอนนี้คุณอยากจะร้องหนึ่งเพลง ผมเองก็อยากจะเชิญคุณร้องเพลงหนึ่งเพลงกับผม คุณจะร้องไหม?

โหย่วเผิง : อื่ม ร้องเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ย

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version