แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Alec Love Me

หน้า: 1 ... 196 197 [198] 199 200 ... 216
3941
Movies / Re: 1999 Cotton Fleece
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 12:21:30 PM »
: เรื่องย่อ :




1999 "Cotton Fleece"
กำกับโดย . หลี่อิ้วเฉียว
ตัวละครเอก . หนังจิ้ง จงหัว ซูโหย่วเผิง
ประเภท . หนังความรัก


อำเภอ เกาหมี่ นั้นมีชื่อเสียงทางด้านผลิตสำลีในจีน ผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง ไม่แก่ไม่เด็กนั้นได้ตามผู้นำที่มีฝีมือ ทุกวันได้แบกเครื่องพ่นยาไปพ่นยา ปราบศัตรูพืช หม่าเฉิงกง ที่กำลังทำงานอยู่นั้นทั้งพ่นยาไปด้วย และยังแอบมอง ฟังปี้ยี่ ไปด้วย แอบหลงรักเธออย่างหมดหัวใจ แต่ ฟังปี้ยี่นั้นได้เป็นคู่หมั้นกับลูกชายของผู้ใหญ่บ้านไปแล้ว

คนงานในโรงงานนั้นหลี่จื้อเกา เป็นคนหนึ่งที่โดดเด่นกว่าใคร เป็นที่สนใจ และยังเป็นที่เลื่อมใสนับถือของ หม่าเฉิงกง อีกด้วย วาทะศิลป์ที่ยอดเยี่ยมของ หลี่จื่อเกา นั้นทำให้ หม่าเฉิงกง ไร้ความคิดของตัวเองและได้แต่เดินตามเขา แต่เป้าหมายของ หลี่จื้อเกา นั้น กลับเป็น ฟังปี้ยี่ ที่มาร่วมทำงานที่โรงงานกับ หม่าเฉิงกง

หลังเก็บเกี่ยวสำลีแล้ว ที่ว่างของโรงงานนั้นกองไปด้วยสำลีเป็นกอง ได้กลายเป็นสถานที่นัดรักของหลี่จื้อเกากับฟังปี้ยี่ ความรู้สึกที่ดีในใจของหม่าเฉิงกงต่อหลี่จื้อเกานั้นได้สูญสิ้นไปแล้ว เขาได้แอบเป็นห่วงฟังปี้ยี่อย่างลับๆ

การแอบคบหาการเป็นระยะเวลานาน นั้นสุดท้ายก็ถูกเปิดเผย ทำให้ก่อจงเหลียงซึ่งเป็นคู่หมั้นของฟังปี้ยี่นั้นไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้หลี่จื้อเกากลับไม่กล้าพูดอะไร ยอมแพ้กับฝ่ายตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง

หม่าเฉิงกง ได้เห็นผลที่ได้รับของ ฟังปี้ยี่ ซึ่งเป็นคนที่เขาแอบชอบ เก็บความคับแค้นใจไว้อย่างเงียบๆ และก่อนจะจากที่นี่ไปนั้นฟังปี้ยี่ได้แสดงออกกับหม่าเฉิงกงว่า หากรู้แต่แรกว่าหม่าเฉิงกงมีใจให้ตัวเองแล้วเนี่ย ก็จะยอมตอบแทนสิ่งที่หม่าเฉิงกงให้มาแน่





3942
Movies / 1999 Cotton Fleece [หม่าเฉิงกัง]
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 11:48:40 AM »


more https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.898727130238132.1073741898.100003025613301&type=3&uploaded=27

Movies : ตุลาคม 1999 :ได้แสดงภาพยนตร์เรื่องที่เขียนใหม่จากวรรณกรรม “ไป๋เหมียนฮัว” (Cotton Fleece) (หลี่ซงเฉียวกำกับ) ได้รับบทเป็นเด็กชนบท หม่าเฉิงกง ที่แอบรักผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุของเธอแก่กว่าเขาตั้งหลายปี ได้ร่วมงานกับ หนิงจิ้ง, ตู้จงหัว เป็นต้น

แนะนำตัวละคร



ซูโหย่วเผิง รับบท หม่าเฉิงกง




หนังจิ้ง รับบท ฟังปี้ยี่



จงหง รับบท ลี่จื้อเกา




3943
Movies / Re: 1990 Wandering Heroes
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 10:41:12 AM »
  CAPTURE 







3944
Movies / Re: 1990 Wandering Heroes
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 10:13:48 AM »
เรื่องย่อ

http://www.56.com/w24/album-aid-5099713.html 


ปี 1990 Wandering Heroes  (โหย่วเซี่ยเอ๋อ)
บริษัทแส่เจ๋อจำกัด ผลิตปี 1990
แต่งบทละครโดย . เจียวสงเจี้ยน
กำกับโดย . จูอินผิง
ตัวละครเอก. อู่ฉีหลง ซูโหย่วเผิง เฉินจื้อเผิง


15 ปีก่อน ครั้งหนึ่งในการแสดงงานของโจรสลัดนั้นภาพลายแทงสมบัติที่ตกทอดมาจากกัปตันเฮยอิงนั้นได้ถูกผู้ร้ายกลุ่มหนึ่งขโมยไป และไม่ช้าคนร้ายพวกนี้ได้แก่งแย่งลายแทงสมบัตินี้ และลายแทงสมบัตินี้ได้ถูกฉีกออกเป็นห้าส่วน และได้ถูกครอบครองโดยคนห้าคนด้วยกัน ในนั้นมีหัวโจกของพรรคคูเสี้ยวสองคนขณะที่แก่งแย่งชิ้นลายแทงนี้อย่างไม่ทันระวังจนทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้น ทั้งสองคนถูกไฟไหม้จนไม่มีชิ้นดี สุดท้ายก็ถูกทางการจับไป เขาสองคนได้สาบานไว้ว่าหากวันหนึ่งได้ออกจากคุกแล้วจะกลับไปแก้แค้นกับพวกที่เหลือ เพื่อที่จะพยายามไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ให้สงบ เหล่าเจี้ยวโถวได้เอาส่วนที่ตัวเองถือไว้นั้นไปมอบให้กับพี่สาวของหัวโจกพรรคคูเสี้ยว ทั้งยังไปมอบตัวกับทางการ

วันเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้หัวโจกทั้งสองของพรรคคูเสี้ยวนั้นได้ถูกลูกน้องเข้าไปช่วยหนีออกจากคุก พวกเขาได้ตัดสินใจจะไปหาพรรคพวกในอดีตที่มีชิ้นส่วนลายแทงที่ตกอยู่กับพวกเขา เมื่อหาพบก็จะฆ่าพวกเขาหลังจากนั้นก็ค่อยไปหาสมบัติ ไม่นาน ในเมืองก็เกิดฆาตกรรมขึ้น พ่อของเสี่ยวไกวที่ชอบคิดค้นสิ่งใหม่ๆนั้นได้ถูกฆาตกรรม พ่อบุญธรรมของร้ายขายเหล้าของเสี่ยวสร้อยกับคุณอาที่พึ่งเซ็นสัญญาการเป็นนักแสดงของเสี่ยวหลงก็ถูกฆ่าไล่เลี่ยกัน ชายหนุ่มสามคนก็ได้รู้จักกับฆาตกรรายนี้ สิ่งที่พวกเขาทั้งสามเหมือนกันก็คือจะล้างแค้นแทนพ่อที่ตายไปแล้ว ก่อนตายพ่อพวกเขาได้ย้ำนักย้ำหนาว่าให้พวกเขาไปหาเหล่าเจี้ยวโถว ให้เหล่าเจี้ยวโถวพาเด็กหนุ่มสามคนนี้ไปหาสมบัติ แน่นอนขณะที่พวกเขารีบเร่งไปที่คุกเพื่อหาเหล่าเจี้ยวโถวนั้นก็พบว่ามาช้าไปก้าวนึงแล้วเพราะคนของพรรคคูเสี้ยวได้นำเหล่าเจี้ยวโถวออกจากคุกแล้ว

ชายหนุ่มสามคนกับเพื่อนที่พึ่งรู้จักกันนั้นได้พบที่อยู่ของพรรคคูเสี้ยว ไม่เพียงแต่ช่วยเหล่าเจี้ยวโถวออกมาได้ ยิ่งกว่านั้นคือได้ขโมยลายแทงของพรรคคูเสี้ยวออกมาด้วย แต่พวกเขาหารู้ไม่ ว่าพี่สาวของหัวโจกได้ใส่เครื่องแสวงไว้ในลายแทงเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะเดินไปที่ไหนก็ตามพรรคูเสี้ยวก็จะรู้จุดที่พวกเขาอยู่

พวกเขาได้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปด้วยความยากลำบากตามเส้นทางที่ไกลแสนไกลนั้น พวกพ้องเสี่ยวสร้อยทั้งแปดคนนั้นก็ได้มาถึงจุดที่ลายแทงชี้ แต่ว่าที่นี่นั้นได้มีชนเผ่าเฮยอิงได้แอบซ่อนอยู่ พวกเขาเป็นลูกหลานของกัปตันเฮยอิง หน้าที่หลักของพวกเขาคือต้องคอยเฝ้าไม่ให้ใครมาเตะต้องบุกรุกสถานสมบัตินี้ ขณะที่ได้ต่อสู้กันนั้น พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าที่จริงชนเผ่าเฮยอิงนี้ไม่อยากจะฆ่าคนให้ตายเลย เพียงแต่ข่มให้พวกเขากลัวแล้วหนีไป ไม่มาค้นหาสมบัติอีก แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่พ่อตายกับพรรคคูเสี้ยว พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะหาต่อไป เวลานี้ทุกคนพบว่าเสี่ยวไกวหายไป แท้จริงเขาถูกชนเผ่าเฮยอิงจับไป เหตุความจริงใจสัตย์ซื่อของเสี่ยวไกวนั้นทำให้ชนเผ่าเฮยจิงได้บอกที่อยู่ของสมบัติกับความเป็นมาของกัปตันเฮยอิง หลายปีก่อนมีเศรษฐีชาวฮอลแลนคนหนึ่งเพื่อจะสนองความต้องการของลูกชายที่พิการแล้วเขาได้ซื้อเรือลำหนึ่ง ลูกเขาได้ตั้งฉายาเองว่าเป็นกัปตันเรือเฮยอิง ได้นำคนที่ติดตามเขานั้นล่องเรือไป ขณะที่เรือพึ่งออกจากท่านั้นได้มีพายุใหญ่พัดเรือไปอยู่ที่เกาะที่เขาอยู่ในขณะนี้ และโดยที่ลูกเรือที่ติดตามของกัปตันเฮยอิงได้ไปหาคนที่จะช่วยเหลือ ลายแทงนี้แท้จริงเป็นลายแทงที่จะมาช่วยพวกลูกเรือของเฮยอิง และเผ่าเฮยอิงนั้นเป็นลูกหลายของลูกเรือที่ต้องการให้คนมาช่วยนั่นเอง

เวลานี้คนของพรรคคูเสี้ยวก็มาถึงที่เรือแล้ว เมือได้ยินเรื่องราวนี้แล้วรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก จิตใจที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์อย่างพรรคคูเสี้ยวนั้นตัดสินใจเอารูปปั้นของเผ่าเฮยอิงไป และชนเครื่องยนต์ เรือโจรสลัดกับคนของพรรคคูเสี้ยวนั้นได้กลายเป็นขี้เถ้าพร้อมกัน เสี่ยวไกวได้นำพวกเอาผงกระดูกของเฮยอิงไปฝัง เมื่อผ่านประสบการณ์เหล่านี้ไปแล้ว พวกเขาก็ได้โตขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ตอนนี้ความแค้นของพ่อก็ได้สะสางไปแล้ว พวกเขาก็แยกย้ายกลับไปบ้านของตัวเอง ได้เริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง






3945
Movies / Re: 1990 Wandering Heroes
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 09:56:26 AM »
แนะนำตัวละคร




อู่ฉีหลง รับบท เสี่ยวหลง



เฉินจื้อเผิง รับบท เสี่ยวสร้อย



ซูโหย่วเผิง รับบท เสี่ยวไกว

3946
Movies / 1990 Wandering Heroes [เสี่ยวไกว ]
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 09:44:51 AM »


more
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.877900415654137.1073741858.100003025613301&type=3&uploaded=16

Movies : กุมภาพันธ์ 1990 :แสดงภาพยนตร์เรื่อง "Wandering Heroes" ก็ยังอยู่ในช่วงเวลาของการก่อตั้ง “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ร่วมงานกับเพื่อนที่ดีอย่าง อู๋ฉี่หลง เฉินจื้อเผิง (ก็คือต่อมาในเรื่อง “องค์หญิงกำมะลอ” แสดงเป็น “เอ่อไท้” ) ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์ด้วยกัน เรื่อง “หาวเสี่ยวจื่อ”ตอนที่เก้า ชื่อตอน “โหยวเสียเอ๋อ” เป็นครั้งแรก “แสดงบทนำ” โดยแสดงเป็นคนชอบทดลองกลไกทางวิทย์ อีกทั้งยังมีลักษณะของเด็กมัธยมปลายอย่าง “เสี่ยวไกว” (ไกวไกวหู่) จากนี้เป็นต้นไปทำให้คนรู้จักฉายานี้ และฉายานี้ก็ทำให้เขาปวดหัวมาก และได้ร่วมร้องเพลงประกอบหนังอีกด้วย ชื่อเพลง “ฮีโร่วัยรุ่น” (เสี่ยวหู่ตุ้ยประสบความสำเร็จ เดือนกุมภาพันธ์ 1990 สมาชิกวงเสี่ยวหู่ตุ้ย มีอู๋ฉี่หลง เฉินจื้อเผิงและซูโหย่วเผิง ก็ถูกทาบทามให้มาเล่นเรื่อง"Wandering Heroes(โหย่วเซียเอ๋อ ) บทบาทเรื่องนี้โหย่วเผิง เล่นเป็นเด็กมัธยมปลายที่ฉลาด อีกทั้งเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกวงเสือน้อย และตอนนั้นเขายังดูเป็นคนว่านอนสอนง่าย จึงได้ฉายานาม ว่า เสี่ยวไกว หรือไกว ๆ หู่ค่ะ ซึ่งแปลว่า เสือน้อย ตามวง และ เสือเชื่องค่ะ)




<a href="http://www.youtube.com/v/WM7hPHofX6Q" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/WM7hPHofX6Q</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/?v=j1Z7_XiOOFs" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/?v=j1Z7_XiOOFs</a>

3947
Magazine Interviews-China / Re: 2004 Ast Present Future
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 09:17:09 AM »

อนาคตที่อิสระ

ที่ผ่านมาโหย่วเผิงได้เจอกับผู้กำกับกวนที่ไต้หวัน ความรู้สึกที่ผู้กำกับกวนมีต่อโหย่วเผิงนั้นไม่เลวเลยทีเดียว โดยเฉพาะรู้สึกว่าโหย่วเผิงนั้นเป็นตัวของตัวเองขึ้นเยอะ อนาคตน่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกัน หากว่าจะแสดงในบทของรักร่วมเพศนั้น โหย่วเผิงจะปฏิเสธหรือเปล่า? โหย่วเผิงกล่าว “บทที่ไม่เหมือนกัน ผมเองก็รับได้ สำคัญคือผมต้องดูเนื้อบท ตัวละคร และเรื่องราวว่าคุณค่าแก่การจะรับแสดงหรือเปล่า ส่วนบทรักร่วมเพศหรือไม่นั้น ผมก็ไม่ปฏิเสธที่จะรับแสดง ผมก็ไม่ใส่ใจกับปัญหาที่ว่าจะทำให้ภาพพจน์เสียหาย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกลัวการแสดงของตัวเองจะไม่อิงกับบท ตอนนี้ยังไม่มีเนื้อบท ผมก็ยากแก่การจะตอบว่าจะเล่นบทอย่างนั้นหรือเปล่า

โหย่วเผิงเข้าใจว่าโลกของภาพยนตร์นั้น เป็นโลกแห่งขั้นตอนการเรียนรู้ ถ่ายฉากละครโทรทัศน์นั้นวันหนึ่งสามารถถ่ายได้กว่ายี่สิบฉาก ถ่ายภาพยนตร์แต่กลับไม่เหมือนกัน ผู้กำกับเรียกร้องให้ผู้แสดงต้องตีบทแตกทั้งอิงกับบทให้มากที่สุด วันหนึ่งนั้นก็จะถ่ายได้ประมาณหนึ่งฉาก ถ่ายภาพยนตร์นั้นมันให้ความพอใจกับผู้กำกับและผู้แสดงมากๆ ในโลกของภาพยนตร์นั้นนักแสดงสามารถเป็นผู้แสดงได้เลย ในภาพยนตร์นั้นนักแสดงจะดังได้ หากแต่ถ่ายละครโทรทัศน์นั้นก็จะไม่มีสิ่งนี้

ฉะนั้นเพียงแค่มีโอกาส โหย่วเผิงก็หวังเรียนรู้ทางด้านนี้เยอะหน่อย

นักแสดงหลายคนก็ใฝ่ฝันอยากเป็นผู้กำกับ โหย่วเผิงหลังจากยี่สิบปีแล้วจะทำงานเป็นผู้กำกับได้หรือเปล่า อนาคตจะมีโอกาสในการกำกับการแสดงหรือเปล่า อย่างไรก็ตามหากเล่นละครเยอะแล้วก็จะมีความคิดวิธีการอยู่ ขณะที่ถ่ายทำนั้น ได้ดูเนื้อบทแล้วตัวเองก็มีภาพ แล้วทางผู้กำกับให้ผมแสดงอย่างนั้น แม้ว่าสุดท้ายผมจะเชื่อฟังคำพูดของผู้กำกับ การเป็นนักแสดงก็ล้วนมีขั้นตอนการจิตนาการภาพ จากตัวหนังสือในเนื้อบทสามารถเปลี่ยนเป็นภาพความคิด ขณะที่คุณแสดงนั้นก็คือได้เอาความคิดของคุณมาเป็นขั้นตอนการสร้างสรร แสดงออกถึงความคิดอารมณ์ของตัวอง ฉะนั้นความคิดของแต่ละคนก็จะต่างกันออกไป

เมื่อพูดถึงอนาคตของตัวเองแล้ว โหย่วเผิงยิ้มแล้วพูดว่า อีกยี่สิบปีหลังผมก็คงไม่แสดงแล้ว ผมไม่อยากเป็นเถ้าแก่ เพราะชีวิตผมนั้นจะออกในแนวสไตล์ชอบศิลปะ หวังว่าจะไปใช้ชีวิตที่อิสระ ไปประเทศต่างๆ เรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลาย รู้จักเพื่อนใหม่มากมาย จะชอบสังคมที่มีวัฒนธรรม ผมอยากจะไปประเทศต่างๆถ่ายรูป ถ่ายอะไรมากมายมาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ผมหวังอยากจะมีชีวิตอย่างนี้ ไม่ใช่ทำแต่งานเป็นเถ้าแก่ เมื่อก่อนผมมีความกดดันมากมายในชีวิต และได้ไปต่างประเทศถ่ายรูปจากที่นั่นมากมาย ให้เพื่อนๆดูความสง่าของผม ผมคงไม่เป็นเถ้าแก่ของบริษัทใหญ่ แม้ว่าผมจะยังไม่แต่งงานมีคู่ แต่ผมก็ยากจะมีคู่ที่เข้าใจและคล้ายๆผม ไปต่างประเทศด้วยกันกับผม บางครั้งเมื่อเห็นสามีภรรยาในโลกนี้นั้น บางคู่ก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ก็เหมือนกับฟ้าประทานมาเป็นคู่กัน สำหรับตัวเขาเองแล้ว เขาคิดว่าสวรรค์ให้ความกดดันกับเขามากมาย และเวลาที่ยังเหลืออยู่นั้น เขาก็จะพยายามที่จะทำอะไรเพื่อสังคม เขากล่าวว่า เพียงแค่ขอมีกำลังแรงกาย ผมก็จะขอช่วยเหลือคนที่ต้องการให้ช่วย รวมทั้งงานโรงเรียน งานช่วยเหลือเด็กยากไร้ และกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ต่างๆเป็นต้น


3948
Magazine Interviews-China / Re: 2004 Ast Present Future
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 09:13:39 AM »

ไม่เคยละทิ้งดนตรีเลย

แม้ว่าจะเปลี่ยนไปเล่นภาพยนตร์มานานหลายปี โหย่วเผิงไม่เคยที่จะละทิ้งจิตใจที่รักในดนตรีเลย ขณะที่กำลังถ่ายรูปนั้นก็ยังขยับปากร้องเพลงเสมอๆ เอ่ยถึงขวัญใจของเขามาดานน่า โหย่วเผิงชื่นชอบความสง่าของเธอมากๆ แม้ว่าตัวเองโตแล้วก็ไม่สามารถที่จะเทียบเท่ากับการแสดงร้องเพลงของเธอ แต่ก็เลื่อมใสในความมุ่งมานะของเธอมากๆ โหย่วเผิงก็รู้สึกว่าตัวเองก็มุ่งมานะเหมือนกัน เขาพูดติดตลกว่าชีวิตตัวเองก็เหมือนกับชีวิตควาย ฉะนั้นต้องดิ้นรนฝันฝ่าสู้ชีวิต

ช่วงก่อนคุณแม่ของเขาได้ไปเยี่ยมเขาในกองถ่ายเรื่อง(หม่อสู่ฉิงเหยียน) เมื่อเผชิญกับคำถามของสื่อทำไมโหย่วเผิงมักจะขาดไปนิดๆหน่อยๆ คุณแม่เขาได้กล่าวว่าผู้จัดการคนก่อนของเขานั้นไม่ดีต่อโหย่วเผิง แล้วโหย่วเผิงจะมองเส้นทางการแสดงของเขาอย่างไร? โหย่วเผิงก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันใด “หากจะพูดแล้ว มันมีสาเหตุมากมาย ผมก็อยากจะมีสิ่งแทนส่วนตัวของผม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพลงหรือเรื่องภาพยนตร์ ก็จะต้องดูโอกาส ปีที่แล้วผมแสดงภาพยนตร์เรื่อง(อีเทียนสู่หลงจี้/ดาบมังกรหยก) ผมรู้สึกว่าการที่จะแสดงบทของจางอู่จี้นั้นมันไม่ง่าย ส่วนเรื่องเพลงนั้น (อดีตอนาคต/Before and After) แม้ว่าจะไม่สามารถกล่าวว่ามีสิ่งแทนอะไร แต่ว่าผมเองก็ดีใจมากที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับอาจารย์ซงและอาจารย์ซือซง พวกท่านได้เขียนในสิ่งที่ผมอยากจะพูด ในนั้นร่วมทั้ง เพลง(ม่งเจี้ยนเป่ยจี่กวง/Dreams of Northern Light) (หลินซือเหยี่นเหยีน/Part-time Actor) เป็นต้น ตลอดเวลาผมอยากที่จะใช้เพลงสื่อถึงสิ่งที่ผมอยากจะพูด นั่นก็คือเพลงที่ผมต้องการ เพลงในสมัยนี้นั้นไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ ร่วมทั้งเวลาที่ผมจะมีให้กับการทำเพลงก็ไม่ใช่ว่าจะเยอะ อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็กำลังยืนหยัดต่อสู้ต่อไปอยู่

ตอนนี้นิยมในการแต่งเพลง ไม่รู้ว่าโหย่วเผิงจะเขียนเพลงของตัวเองอีกหรือเปล่า? เขากล่าว “ตอนเด็กผมเคยเรียนคีบอร์ด แต่เหตุที่ไม่ค่อยมีเวลาฝึก ฉะนั้นน้อยมากที่จะเล่นเปียโน เมื่อกี้ที่ได้เล่นเปียโนที่ห้องถ่ายรูปนั้น ก็รู้สึกมีอารมณ์ดนตรีมากๆ แต่ว่า ผมก็รู้ดีกว่าสิ่งที่ตัวเองเขียนนั้นก็ดีสู้มืออาชีพไม่ได้ ครั้งนี้เพลงที่อาจารย์ทั้งสองได้เขียนนั้นถือว่าดีมากๆ และได้เขียนถึงคำพูดในใจที่ผมอยากจะสื่อออกมาล้วนๆ ทุกครั้งที่ผมทำอัลบั้ม ก็ตั้งใจไปทำเป็นอย่างมาก

สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ยากจะคาดคิด อัลบั้มในอดีตนั้นผมไม่กล้าจะเอ่ย (อดีตอนาคต/Before and after)สำหรับอัลบั้มนี้มันเป็นอัลบั้มที่ผมภูมิใจมากๆ หวังว่าหลังจากที่ผมไปต่างประเทศแล้ว จะสามารถนำเพลงใหม่ๆกลับมาฝากบ้างเล็กน้อย หรือว่าชีวิตที่อยู่ต่างประเทศนั้น จะมีรสชาติชีวิตที่ต่างออกไป เมื่อกลับมาก็จะเขียนเพลงใหม่ๆของตัวเองบ้าง


ผมจะเป็นตัวของตัวเอง

โหย่วเผิงมีความใฝ่ฝันมากมาย นอกจากจะสร้างผลงานทางเพลงและภาพยนตร์แล้ว เขาก็ได้ตั้งใจที่จะไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศมาตลอด “การไปเรียนต่อที่ต่างประเทศนั้นเป็นความใฝ่ฝันของผมตลอดมา ไปประเทศที่แตกต่างเรียนรู้เข้าใจวัฒนธรรมที่ต่างกันออกไป รู้จักเพื่อนใหม่และสิ่งใหม่ๆ คิดไม่ถึงว่าปีนี้สามารถมีเวลาไปทำมัน ผมน่าจะไปเรียนต่อด้านการแสดงที่อเมริกา นอกจากนี้ ผมอยากจะอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกันนั้น ผมก็สามารถที่จะไปผจญกับมัน หากว่ายังมีใจก็มีเรื่องหลายอย่างที่สามารถจะไปทำมันได้ เริ่มแรกผมไปเล่นละคร หลังจากนั้นผมก็สามารถที่จะเลือกเล่นในบทละครที่ผมชอบ สามารถเป็นถึงพระเอกเบอร์หนึ่ง ต่อจากนี้ผมจะทำอะไรได้อีกล่ะ?

ผมมักจะคิดเรื่องนี้บ่อยๆ ในด้านเพลงดนตรีนั้นผมก็อยากจะทะลุทะลวงมันเรื่อยมา ผมอยากจะเดินเส้นทางของตนเองตลอดเวลา ไม่อยากจะมีชีวืตที่จมอยู่กับชื่อเสียงของอคีต ฉะนั้นภาพลักษณ์ของผมในระยะนี้นั้นมันได้สะท้อนออกมาทางเพลงและภาพยนตร์ ให้เห็นว่าโหย่วเผิงจะไม่เป็นโหย่วเผิงคนเดิมที่คุณคิดอีกต่อไปแล้ว ผมได้กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ผมไม่อยากจะสร้างภาพลักษณ์เพื่อนใครคนใดคนหนึ่งอีกต่อไป ตั้งใจและหวังว่าจะเป็นตัวของตัวเองที่ตามใจฉัน ในสายตาของโหย่วเผิงผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่นั้นจะต้องมีความรับผิดชอบ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพราะว่าเขาไม่เพียงแต่รับผิดชอบต่อครอบครัวของเขา เขายังรับผิดชอบต่ออาชีพเพลงและการแสดงของเขาอีกด้วย


3949
Magazine Interviews-China / Re: 2004 Ast Present Future
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 09:09:48 AM »

ทุกอย่างเริ่มจากศูนย์

ตอนนั้นเป็นจุดตกต่ำสุดของชีวิต งานไม่มีแล้ว เงินทองก็ไม่มี ความมั่นใจก็หายไป แม้อนคตข้างหน้าก็มองไม่เห็นทางออกเลย จะเดินผ่านช่วงชีวิตนั้นได้อย่างไร สิ่งที่สำคัญกว่าอื่นใดคือกลับสู่ศูนย์ใหม่ ก็คือปล่อยวางสิ่งของในอดคีต ลืมผลงานที่เคยสร้างไว้ในวงการเสีย ตอนเล่นละครนั้นก็เป็นคนใหม่อีกคน ถ้าเป็นเช่นนี้ก็คือต้องไปเรียนรู้ทุกอย่าง ช่วงเปิดกล้องละครเรื่อง(องค์หญิงกำมะลอ)นั้น อากาศเดือนกรกฏาคมของปักกิ่งนั้นสูงถึงสี่สิบองค์ศา เรื่องนี้นั้นต้องถ่ายทำตั้งห้าเดือนกว่าๆ หน้าหนาวนั้นติดลบแปดองค์ศา ผมในตอนนั้นไม่เคยที่จะออกจากบ้านนานอย่างนี้มาก่อน สิ่งที่ต้องปรับคือท่าทีในใจ เพราะผมเข้าสู่วงการเมื่ออายุสิบห้า ก็นับว่าเป็นผู้น้อยในวงการ เมื่อเทียบกับนักแสดงหน้าใหม่ของทางจีนแล้วผมแทบจะสู้อะไรไม่ได้เลย ทางที่ดีที่สุดก็คือวางตำแหน่งของตัวเองให้ต่ำที่สุด ถึงสามารถผ่านพ้นเวลานั้นมาได้

แม้ว่าโหย่วเผิงจะผ่านชีวิตที่ตกต่ำที่สุดมาแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายเลย เพราะเขาเชื่อในพุทธศาสนา โดยเฉพาะเขาคิดว่าการฆ่าตัวตายนั้นเป็นการกระทำที่ไม่รับผิดชอบต่อคนในครอบครัวและคนที่ห่วงใยเขาด้วย เขาคิดว่าในเมื่อมีความกล้าในการที่จะฆ่าตัวตายแล้วทำไมไม่มีความกล้าที่จะไปเผชิญกับความจริงล่ะ “เริ่มจากศูนย์” นั้นพูดมันง่าย แต่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเริ่มใหม่นั้นมันไม่ง่ายเสียเลย โหย่วเผิงก็คิดว่าแม้สภาพจืตใจในตอนนั้นจะเสียใจขนาดไหนก็ตาม เพียงแค่สามารถยอมรับว่าตัวเองนั้นเทียบกับใครก็ไม่ได้ และต้องยอมรับว่าตัวเองนั้นไม่มีอะไรดีเลย ปล่อยวางศักดิ์ศรีและเกียรติ เพียงแค่มองตัวเองเป็นศูนย์ แล้วเริ่มใหม่ ทุกคนก็ล้วนสามารถที่จะพิชิตโลกของตัวเองได้


3950
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Men's Uno
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 07:38:02 AM »

Mu . ช่วงนี้คุณเข้าร่วมงานการกุศล coach star totes เป็นครั้งแรกของคุณหรือเปล่า อะไรเป็นแรงดึงดูดให้คุณไปร่วมงานนี้

โหย่วเผิง . ทาง coach ได้หาสมาชิกห้าสิบคนจากทั้งโลก แล้วทุกคนต้องส่งข้อมูลของตัวเองไปสมัคร และผมเองก็ได้รับการตอบรับจากอเมริกา และสามารถที่จะดำเนินการกิจการเลย รายได้ทั้งหมดจะเข้ามูลนิธิ งานอย่างนี้นั้นถือว่าเป็นครั้งแรกที่จได้ทำ น่าสนใจมาก

Mu .แล้วคุณวางแผนไว้อย่างไร

โหย่วเผิง . สิ่งที่ผมได้วาดคือหัวใจแต่ละดวง ผมจะสื่อถึงความรักความห่วงใยของทุกคนแล้วเด็กที่ด้อยโอกาสนั้นจะได้รับความรักเหล่านี้แล้วจะบินสูงขึ้นเหมือนนก จะเห็นสีสันของโลกที่กว้าง กางปีกแล้วบินไปให้สูง

Mu .สำหรับแฟชั่นของผู้ชายนั้น คุณคิดว่าคุณสมบัติอะไรที่สำคัญมากๆ แล้ววันนี้คุณได้เลือกสินค้าของคุณอย่างไร

โหย่วเผิง . นี่เป็นประสบการณ์ที่จะต้องใช้เวลานานเหมือนกัน คุณจะต้องเข้าใจตัวเองก่อน แฟชั่นนั้นเป็นได้ทั้งของเล่นและเกม สำหรับผมแล้ว เป็นยาอย่างหนึ่งของชีวิต หรือจะบอกว่าเป็นท่าทีของชีวิต คุณสามารถเลือกสิ่งที่คุณสนใจ สามารถที่จะทำให้ชีวิตคุณมีสีสันขึ้น คุณก็ไปทำมัน แต่อย่าไปหลงจนเงยหน้าไม่ขึ้น จนนำความทุกข์มาสู่คุณ ต้องประมาณตัวเองด้วย ใช่ว่าขาดมันไม่ได้อย่างนั้น ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ผิดแล้ว สำหรับแฟชั่นผู้ชายนั้นต้องดูว่าเข้ากับตัวเองไหม สิ่งที่คุณเลือกนั้นมันเหมาะกับบุคลิกคุณไหม และใส่แล้วต้องสบายตัวเอง

Mu .คิดว่าผู้ชายที่ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรแล้วเกรดล่ะอย่างไร?

โหย่วเผิง . ต้องมั่นใจตัวเองและต้องมีความรับผิดชอบ และเกรดของผู้ชายนั้นต้องดูจากหน้าที่การงาน


3951
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Men's Uno
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 07:34:41 AM »


ช่วงสัมภาษณ์


Mu .หากว่าตอนนี้ทุกคนพูดถึงเสี่ยวหู่ตุ้ยต่อหน้าคุณ อะไรเป็นสิ่งแรกทีคุณคิด คุณคิดอย่างไร?

โหย่วเผิง . หวนอดีตนะ สำหรับผมแล้ว นั่นเป็นผม เป็นอดีตของผม

Mu .ใช้เนื้อเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยสักท่อนหนึ่งมาบรรยายถึงชีวิตคุณในวันนี้

โหย่วเผิง . ร้องรับเพลง หงชิงถิง “พวกเราล้วนโตกันแล้ว มีความฝันมากมายที่จะไปทำให้จริง เสมือนแมลงปอสีแดงที่พวกเราไล่จับในวัยเด็ก พวกเราล้วนโตแล้ว มีความฝันมากมายที่จะไปทำให้จริง เสมือนแมลงปอสีแดงที่พวกเราไล่จับในวัยเด็ก” จริงๆแล้ว อีกด้านนั้นพวกเราหวนคิดถึงอดีตมาก อีกด้านนั้น อนาคตนั้นพวกเราจะบินให้ดีที่สุด

Mu .คนอายุสามสิบแล้ว ทำอย่างไรจะเป็นที่ยอมรับ

โหย่วเผิง . ผมคิดว่าจะต้องมีความจริงใจ และยังต้องมีสติปัญญาประกอบด้วย

Mu .คุณกลัวแก่ไหม

โหย่วเผิง . มีอะไรให้น่ากลัว ถ้าถึงเวลาก็จะมาเอง ทุกช่วงวัยของคนเราก็จะมีสิ่งที่พิเศษ

Mu .หากว่าคุณอำลาวงการบันเทิง คุณจะไปทำธุรกิจไหม?

โหย่วเผิง . ผมคิดว่าเรื่องที่เราไม่เป็นอย่าไปทำดีกว่า เพราะผมเคยขาดทุนมาแล้ว สวรรค์นั้นเป็นผู้ยุติธรรม คนเราต่างคนต่างมีความสามารถของตนที่ไม่เหมือนกัน คุณอย่างคิดว่าใครก็ได้เมื่อซื้อหุ้นแล้วสามารถรวยได้ ผมจะบอกว่าไม่เลย สิ่งที่คุณไม่รู้นั้นคุณไปทำก็ขาดทุนเปล่าๆ สิ่งที่ไม่ใช่ของคุณ มันก็คงไม่ได้มาหาคุณ คนเราต้องรู้จักตัวเอง ผมเองรู้ตัวดี เรื่องธุรกิจนั้นผมเองไม่มีวาสนาตรงนี้ แล้วผมเองก็ไม่สนุกกับเรื่องเลขด้วยี

Mu .การเป็นศิลปิน คุณคิดอย่างไรกับเรื่องงานการกุศล แล้วคุณใช้วิธีรูปแบบไหนในการแสดงความรัก

โหย่วเผิง . งานการกุศลนั้นเป็นหน้าที่ส่วนหนึ่งของคนในยุคนี้ที่จะต้องทำ สำหรับศิลปินแล้วก็ยิ่งเลย ตัวเองก็ได้ตั้งองค์มูลนิธิช่วยเหลือเด็กด้วย ทั้งยังได้สร้างโรงเรียนซีวั่ง ขอเพียงตัวเองมีกำลังพอ เรื่องนี้จะต้องยึดและจะทำตลอดไป แน่นอนได้ร่วมมือกับทางบริษัทต่างๆก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ดีมาก

3952
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Men's Uno
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 07:29:08 AM »


เกี่ยวกับ somebodyและnobody

ขอเพียงแสงไฟยังส่องและไฟยังกระพริบอยู่ สีหน้าของโหย่วเผิงนั้นดูออกเลยว่าไม่มีความอ่อนเพลียเลย ทั้งคนที่อยู่ในงานก็รู้ดี หลังจากคืนตรุษจีนแล้ว เขาไม่หยุดที่จะมีงานเลย วันหนึ่งเขานอนไม่กี่ชั่วโมงเอง

ฉะนั้น บางครั้งเขาก็คิดจะหนี “ ช่วงนี้ผมมักจะหวนคิดอดีต คิดถึงเมื่อก่อนที่ไร้ความทุกข์โศก คิดถึงชีวิตช่วงนั้นมากๆ และช่วงนี้ผมมักจะพูดกับทีมงานเสมอว่า อยากจะเป็นเด็กๆอย่างสมัยนั้นมากๆเลย ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย แต่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ พวกเรายิ่งนานวันก็ยิ่งแป็นผู้ใหญ่ ต้องเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ พวกเรามีเรื่องอีกมากมายที่จะต้องทำ”

“แท้จริงแล้ว ผมยุ่งจนแค่เหลือเวลาฟังเพลงเท่านั้นเองแล้ว และนานๆครั้งที่จะมีเวลาว่างเล่นเกมในไอโฟน เล่นเกมเหล่านั้นเพื่อพักผ่อน ก็สนุกเหมือนกัน และสำหรับการเล่นเน็ตนั้น นอกจากจะดูข่าวแล้ว แทบจะไม่ได้ไปทำอะไรเลย และเวลาส่วนมากก็จะใช้กับการติดต่องานในบริษัท คงจะบอกว่ารักการเล่นเน็ตก็ไม่เชิง มีหลายสิ่งหลายอย่างนั้น เหตุเพราะพวกเราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทำให้ลืมสิ่งเหล่านั้นไปหมดแล้ว บางครั้งผมก็ไปฟิตเนส เพราะการออกกำลังกายอย่างนี้ช่วยทำให้ผมผ่อนคลาย มันทำให้ผมมีความสุข บางครั้งหากคุณไปออกกำลังกายบ้าง ก็จะรู้ว่ามันไม่เลวนะ”

นอกแสงไฟแล้ว โหย่วเผิงเองก็ก็งมีหลายอย่างที่ทำให้คลายเครียดได้ เขาจะพูดเรื่องตลกให้ฟัง และยังมีการบ่นอะไรเล็กน้อย บอกว่าโลกนี้หาความยุติธรรมไม่ได้ “และตัวเองก็ไม่ใช่สุเปอร์แมน หรือประธานธิบดี ฉะนั้นก็ไม่มีอะไรที่ยุติธรรมได้ สิ่งที่ทำได้ก็จะพยายามทำให้สุดกำลังเช่นงานการกุศล ผมเป็นคนที่แล้วแต่วาสนา และผมเองก็คิดว่าจะไม่หยุดอยู่ในวงการนี้ไปตลอดชาติ พูดตรงๆผมเองก็เข้าวงการมานานแล้ว มีเรื่องราวหลายอย่างที่เกิดกับชีวิตผม บางอย่างไม่ตั้งใจแต่กลับได้มา เช่นการดังในชั่วพริบตา เริ่มแรกอาจจะสนุกกับงาน เพราะคนเราก็ชอบเกียรติจอมปลอกกันอยู่แล้ว ตอนแรกเดินไปตามถนนไม่มีใครรู้จัก แต่พริบตาเดียวไม่มีใครไม่รู้จักเราเลย แต่ว่าเวลาผ่านไปสองสามปี สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สามารถที่จะทำให้คุณมีความสุขต่อไปได้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง คือจะมีความเครียดเรื่องการไม่มีความอิสระมาทับถมคุณ เป็นอะไรที่เหนื่อยมากและเบื่อมาก จนบางครั้งก็ระเบิดออกมา สิ่งดีงานนั้นแน่นอนมันไม่คงอยู่ตลอดไป คุณอยากจะรักษามันเอาไว้ ก็ได้แต่หยุดอยู่กับที่ตรงนั้น ผมคิดว่าผมจะพยายามทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและเป็นที่สวยงามของตัวเอง ในตอนนั้นผมก็จะบอกว่า byebye กว่าคริ่งชีวิตผมนั้นกำลังทำ somebody และเวลาที่ยังเหลืออยู่นั้นผมเองก็จะทำnobody”

โหย่วเผิงมีคุณสมบัติพอที่จะพูดคำนี้ เขาใช้เวลากว่าสิบปีที่เข้าสู่วงการในการทีจะสร้างความสำเร็จในการเป็นนักร้องเสี่ยวหู่ตุ้ย และต่อมา อีกสิบปีเขาก็ได้สร้างความสำเร็จในวงการละครทีวี เขาได้เดินออกจากเสี่ยวหู่ตุ้ย วันนี้ เป็นสิบที่สามของเขา เขาจะสร้างอะไรภาพบนตร์ หรือแฟชั่น เขาสามารถทำได้ทั้งสองทาง

เขามีความมั่นใจพอที่จะทำให้ดีกว่าอดีต ผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการทั้งประสบการณ์และปัญญา ถึงจะสู่ความสำเร็จ โหย่วเผิงในเวลานี้นั้น สามารถที่จะบอกว่าเป็นยุคทอง เหมาะมากๆ

3953
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Men's Uno
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 07:21:09 AM »


ความดื้นที่ซ่อนอยู่ของไกวๆหู่


ในกองถ่าย ในที่สุดโหย่วเผิงก็ได้เข้าฉากจนเรียบร้อย พนักงานก็กำลังเก็บข้าวของ เขาเองก็ได้นั่งบนโซฟาอย่างสบายๆ แล้วได้พูดคุยเรื่องอดีตกับพวกเราด้วยกัน “ผมคิดว่าในช่วงชีวิตหนึ่งของคนเราทุกคนต่างก็มีความดื้ออยู่ มันอาจมากน้อยต่างกันไป สำหรับอาชีพอย่างเราแล้ว การไปสร้างฟ้าใหม่ก็ดีกว่าการไปติดตามผู้อื่น ก็คือหลุดพ้นจากเรื่องเก่าๆ นี่เป็นความคิดของผม นักแสดงทุกคนล้วนอยากจะมีเอกลักษณ์ในบทบาทของตัวเอง ก็หมือนกับไป๋เสี่ยวเหนียนในเรื่องเฟิงเซิง สามารถที่จะเซอร์ไพรส์ทุกคนได้ ทั้งยังได้รับการยอมรับจากทุกคนด้วย ผมคิดว่านั่นเป็นความฝันที่สูงสุดของผม นี่มันก็ต้องพึ่งวาสนาบ้าง บวกกับความขยันของตัวเองด้วย”

“ไม่มีใครเกิดมาก็เป็นนักแสดงมืออาชีพเลย หลายสิ่งหลายอย่างนั้นจำต้องไปเรียนรู้ หลายๆครั้งผมเองก็รู้สึกไม่มั่นใจเหมือนกัน มันเหมือนกับนั่งอยู่ในความว่างเปล่าแล้วจับต้นชนปลายไม่ถูก หลายปีมานี้ ผมได้พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ปกติก็จะทำการบ้านบ้าง ดูนิตยาสารบ้าง ก็จะมีไอเดียใหม่ๆผุขึ้นมา ก็จะค่อยๆเรียนรู้ว่า ควรจะมีท่าทีในใจแบบไหนถึงสามารถที่จะอยู่และใช้ชีวิตรอดได้ แล้วแต่งตัวแบบไหนถึงจะโอเค การสังเกตเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การทันสมัยนั้นจำเป็นต้องค่อยๆก้าวไป ขณะที่ถ่ายรูปนั้นตัวเองก็ยังรู้สึกเหมือนมีกำแพง เหมือนกับได้กั้นโลกรอบข้างไว้ มีเพียงผมกับกล้อง เหมือนกับตอนนี้ จนงานทุกอย่างเสร็จแล้วอารมณ์ผมถึงจะเปลี่ยนมาพูดคุยกับคุณได้”

“เรื่องแฟชั่นนั้นเป็นอะไรที่สนุก มันมีเสน่ห์ของมัน หากเสื้อตัวเดียวกัน แต่คนใส่ไม่เหมือนกัน มันก็จะมีเสน่ห์ที่ออกมาไม่เหมือนกัน แม้จะเป็นคนคนเดียวใส่ หากวันนี้กับพรุ่งนี้มาเทียบกันแล้วก็จะไม่เหมือนกันด้วย ชอบกับการไม่เหมือนกับนี้มาก

จริงๆแล้ว ทุกคนที่ชอบแฟชั่น ก็คงจะเข้าใจถึงความหมายของโหย่วเผิง คนเรานั้นกลัวสิ่งเดิมๆ เลยต้องตามแฟชั่น และสำหรับโหย่วเผิงแล้ว นอกจากเสื้อผ้า ภาพบนตร์ เขาเองก็ยังมีการสร้างอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ

3954
Magazine Interviews-China / 2010 Men's Uno
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 07:17:47 AM »
บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จาก นิตยสาร Men's Uno พฤษภาคม 2010

http://tieba.baidu.com/f?kz=764803729
http://tieba.baidu.com/f?kz=766074047
http://hi.baidu.com/alecsulingling/album/Alecsu


7 พฤษภาคม 2010  โหย่วเผิงยังมีฝันอีกมากมายที่จะไปไขว่คว้า


ก่อนที่จะไปสัมภาษณ์โหย่วเผิงนั้น จิตใจไม่นิ่งเลย เพราะคิดถึงตอนที่จะเผชิญกับหน้าเขา เสมือนได้เผชิญกับวัยหนุ่มสาวของตัวเอง ความทรงจำก็จะหวนกลับไปถึงสมัยปี 80 90 (ปีของไต้หวัน ปัจจุบัน 99) สมัยนั้นยังอยู่ในวัยรุ่น ไร้ความเครียดความกังวน และหลายปีที่ผ่านมานี้ สำหรับหลายคนแล้ว เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย และสำหรับโหย่วเผิงแล้ว วันเวลาได้พริกผันชีวิตของไปไม่น้อย

เหตุเพราะซื่อใส จึงกลายเป็นความคลากสิก

เมื่อเอ่ยถึงเสี่ยวหู่ตุ้ย โหย่วเผิงที่นั่งในกองถ่ายได้ถอนหายใจ บริษัทที่ได้ปั้นพวกเขาขึ้นมานั้นเป็นบริษัทมืออาชีพมากๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนของเสี่ยวหู่ตุ้ย จะตอนเริ่มต้น หรือตอนต่างคนต่างบิน หรือแม้แต่การมารวมตัวใหม่และเพลงต่างๆที่ได้ร้องก็ล้วนได้สานสร้างความผูกพันระหว่างพวกเขากับแฟนๆอย่างลึกซึ้ง และด้วยเหตุนี้เอง คนในปี 70 80  ต่างก็ล้วนได้ร้องเพลงและจดจำเพลงของพวกเขาได้อย่างไม่ลืม แล้วเมื่อมาจนถึงวันนี้ ถึงจะเริ่มมาใคร่ครวญความหมายของเนื้อเพลงและเข้าใจว่ากำลังสื่ออะไร จึงทำให้รู้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วตอนนั้นพวกเขาร้องเพลงเหล่านี้นั้นได้สื่อไรบ้าง

ฉะนั้น ก่อนที่จะมีการวางแผนเชิญพวกเขาสามคนมารวมตัวกันในคือตรุษจีนนั้น ทางทีมงานก็ได้ไปทำการบ้านโดยการเอาเพลงของพวกเขามาเปิดฟัง ทำให้หลายคนกลั้นน้ำไม่ไม่อยู่ และมาถึงคืนวันงาน ก็ยิ่งมีบรรยากาศอย่างนั้นหลายเท่า

“ตอนนั้น พวกเราต่างก็มีหลักการของตัวเอง มีเงินมากมายสามารถไปหาได้แต่ก็ไม่ทำ ตอนนั้นอยู่ที่ไต้หวัน จริงๆแล้วแฟชั่นมากๆคือการแต่งตัวขึ้นเวที ทั้งนักร้องศิลปินต่างก็ล้วนใส่ชุดของตัวเองแวววาวจนแสบตามาก ช่วงที่ดังมากๆคือตอนอยู่ภาคกลางและใต้ แค่ศิลปินคนเดียวคือเดียวสามารถออกหลายๆรายการ ได้เงินเป็นกอบเป็นกำเลย แต่ว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นไม่ได้ไปทำในลักษณะอย่างนี้เลย ทางบริษัทนั้นอยากจะให้เรารักษาภาพลักษณ์ที่ดีไว้ เสี่ยวหู่ตุ้ยเลยกลายเป็นอย่างนี้คือ ร้องเพลงจะดังมากๆ ต่อมาก็แยกทางกันไป ไม่เคยมีประสบการณ์ที่ตกต่ำ ด้วยเหตุนี้เอง สงสัยทำให้เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นคลาสสิก


3955
Magazine Interviews-China / Re: 2010 New Roles, New Looks
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 06:32:02 AM »

Q:แล้วของอะไรที่คุณซื้อประจำ?

A:ผมคิดว่าผมผ่านวัยที่หลับหูหลับตาซื้อของแล้ว ผมจำได้ว่าช่วงหนึ่งผมบ้าในการซื้อสะสมแว่นกันแดด คิดว่ามันจะให้ความมั่งคงกับผม คิดว่าเมื่อสวมแว่นเหล่านี้แล้วคนอื่นคงจำเราไม่ได้แน่ แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ใช่อย่างนั้น ตอนนี้ผมเองก็ไม่ได้เอาเงินมากมายอย่างนั้นไปซื้อมันแล้ว ผมคิดว่าเริ่มแรกนั้นทุกคนก็คงจะต้องเสียค่าเรียนรู้บ้าง มักจะซื้อผิดบ่อยๆ หรือว่าเจอสิ่งที่ไม่เหมาะกับเรา นานวันเข้า ก็จะเริ่มรู้แล้วว่าแฟชั่นคืออะไร ก็เริ่มเรียนรู้ในการแต่งตัว ตอนนี้ ผมก็แค่ดูนิตยาสารผ่านตา ดูแคตรอค ก็สามารถรู้ว่าสังคมนิยมอะไร

Q:ตามที่ทราบมา ระยะนี้คุณได้ร่วมงานการกุศลCOACH Star Totes เป็นครั้งแรกที่คุณร่วมกิจกรรมนี้เปล่า อะไรเป็นแรงผลัดดันให้คุณสนใจในกิจกรรมนี้ ?

A: ทั่วโลกทางCOACHสรรหาคนห้าสิบคน ทุกคนจะให้กระเป๋าแล้วให้มีการวางแผน และแผนงานของผมนั้นโชคดีมากที่COACHจากอเมริกาได้เลือกผม ก็สามารถที่จะไปดำเนินเต็มที่ แม้ว่ารายได้ทั้งหมดจะมอบให้กับทางมูลนิธิการกุศล การร่วมงานนี้นั้นก็เป็นครั้งแรกของผมด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นมันดึงดูดเหล่าศิลปินอย่างมาก

Q:การเป็นศิลปินนั้น คุณรู้สึกอย่างไรกับงานการกุศล?ปกตินั้น คุณจะแสดงความรักความห่วงใยออกมาในรูปแบบไหน?

A:การทำงานด้านการกุศลนั้นเป็นหน้าที่ของทุกคนในสมัยนี้ สำหรับศิลปินแล้วมันยิ่งกว่าหน้าที่ ตัวผมเองก็ดได้ตั้งกองทุนการศึกษาให้กับเด็กที่ด้อยโอกาศ และได้สร้างโรงเรียนซีวั่งโหย่วเผิง ขอเพียงแค่ตัวเองยังมีแรงที่จะทำต่อ ก็จะไม่ขอหยุดในการที่จะเดินหน้าทำงานการกุศล แน่นอนหากได้ร่วมเมือกับบริษัทหรือองค์กรอื่นก็จะเป็นสิ่งที่ดีกว่า เหมือนกับผมได้ร่วมงานกับCOACH




3956
Magazine Interviews-China / Re: 2010 New Roles, New Looks
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 06:29:55 AM »

Q:แล้วตอนนี้ฐานะของคุณนั้นเป็นนักร้องหรือนักแสดง?

A:นักแสดง มีใครกล้าบอกว่าตอนนี้จะหาค่ายร้องเพลงเป็นสิ่งที่ไม่ยากเลย จริงๆแล้วตลอดเวลานั้นก็มีคนมาทาบทามผมไปออกอัลบั้ม แต่ว่าผมนั้นไม่โลภ ในช่วงเวลาเดียวนี้อยากทำทีละเรื่องก่อน ตอนนี้ผมค่อยๆสัมผัสว่าการแสดงนั้นเป็นสิ่งที่นสุก รู้สึกชอบกับงานนี้มาก และด้านภาพยนตร์นั้นเป็นอะไรที่มันลึกซึ้ง จะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และสัมผัส ผมไม่อยากจะเยียบเรือสองแคลน

Q:บทละครแนวไหนที่ดึงดูดใจคุณ?

A:เป็นบทที่ไม่ใช่สุภาพบุรุษสุดๆ ผมชอบบทที่ท้าทาย เหมือนกับบทไป๋เสี่ยวเหนียนในเรื่องเฟิงเซิง เป็นบทที่มีบุคลิกที่พิเศษมากๆ ขณะที่ผมได้มีโอกาสสัมผัสบทอย่างนี้นั้น ก็รู้สึกว่ามันสนุกมากๆ ยิ่งกว่านั้นตัวผมเองก็เป็นคนที่ไม่ค่อยปกติอยู่แล้ว (ฮ่าๆ) ผมเข้าสู่วงการบันเทิงนานแล้ว ฉะนั้นเวลานี้ก็อยากจะเล่นบทที่ไม่เหมือนกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นงานการแสดง งานถ่ายแบบ อยากจะมีภาพลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป มีทางนี้ทางเดียว ที่จะทำให้ผมสนุกกับงาน ไม่เช่นนั้นแล้ว ผมก็จะจมอยู่กับบทเดิมๆ ซ้ำๆซากๆ ผมทนไม่ได้ ผมต้องเป็นบ้าแน่ๆ ผมเป็นคนที่ไม่คอ่ยมีความอดทน

Q:ระยะนี้มีผลงานอะไรที่จะออกมาบ้าง ?

A:ต้นเดือนได้มีละครเรื่อง(สี่กามเทพ)ซึ่งเป็นแนวความรักสมัยใหม่ที่ผมรับเล่นเป็นพระเอก ผมรับเล่นในบทขอผู้จัดการฝ่ายการโฆษณา และมีสี่แฝดนั้นมาวุ่นวายผมจะผมจะหัวเราะร้องไห้ก็ไม่ใช่ นี่เป็นผลงานชิ้นหนึ่งที่ผมได้ร่วมงานกับเด็กๆซึ่งใช้เวลาอยู่กับเด็กนานพอสมควร รับมือเด็กสี่คนในเวลาเดียว สามารถรู้สึกถึงความเป็นพ่อคนเลย และ(ตามหาพี่หลิวซัน)ที่ผมเล่นกับหวงเซิ่งอี้นั้นจะออกฉายในเดือนหน้า ต่อเนื่องจากที่ผมไปหาอาจารย์ในการเรียนการร้องเพลงงิ้วในเฟิงเซิงแล้ว เรื่องนี้ผมเองก็ต้องไปหาอาจารย์มาสอนการรับเพลงพื้นเมืองด้วย การขับร้องทั้งสองอย่างนั้นมีความแตกต่างกันมาก ฉะนั้นสำหรับผมแล้วมันเป็นประสบการณ์ใหม่เลย และตรงนี้ก็มีบทที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษพูดทั้งฉากเลย มันก็เป็นประสบการณ์ใหม่ๆของผมด้วย เป็นครั้งแรกในชีวิตด้วย มันสนุกมากๆ ใช้เวลาท่องบทนานมากๆ

Q:การแต่งการระหว่างตอนแสดงกับชีวิตปกติมันต่างกันอย่างไร?

A:ในชีวิตประจำวันนั้นผมเป็นคนที่เรียบง่าย เสื้อผ้านั้นจะเป็นแบบเสื้อผ้าพักผ่อนมากกว่า ไม่อยากจะดึงดูดความสนใจของคนอื่น ผมรู้สึกว่าผมไม่มีข้อให้เลือกเยอะ ผู้ชายนิ ไม่ใส่สูทได้ไง ?เมื่อร่วมงานก็ต้องใส่ให้เหมาะสมกับงานบ้าง แต่ผมก็ชอบแบบสบายๆมากกว่า คงไม่ชอบที่จะแต่งตัวเองให้เหมือนแบบลิเกเลยอย่างนั้นคงไม่เอา แตตอนที่ถ่ายรูปนิตยาสารนั้น ผมก็พร้อมที่จะฟังผู้กำกับนะ ไม่ว่าทางทีมงานจะเตรียมชุดอย่างไรก็จะใส่เหมือนกัน

3957
Magazine Interviews-China / 2010 New Roles, New Looks
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 06:21:23 AM »
Thanks, http://lady.163.com/10/0420/14/64NIOHU8002626K5.html

20 เมษายน 2010   New Roles, New Looks


โหย่วเผิงที่มีความหลากหลาย

โหย่วเผิงบอกว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่ไม่ค่อยมาความอดทน ชอบเปลี่ยนแปลง เบื่อหน่ายกับเรื่องเดิมๆ มีเพียงบทละครรูปแบบใหม่ๆหรือภาพลักษณ์ใหม่ๆถึงจะเป็นทีสนใจสำหรับเขา และภาพลักษณ์เก่าๆในอดีตนั้นได้สิ้นสุดลงไปแล้ว 

เขียนโดย/หวังวุ้ยม่อ

โหย่วเผิงที่อยู่ต่อหน้าสีผิวที่ดูคล้ำๆหน่อย มีการไว้หนวดไว้คราว และทรงผมที่หนาๆได้หวีไปข้างหลัง เป็นภาพที่แตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเทิง หนุ่มหล่อคนนี้ได้สิ้นสุดของการเป็นภาพลักาณ์ที่ดีๆในสมัยอดีตไปแล้ว เหลือไว้แต่เพียงร้อยยิ้มที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ในอดีต ทำให้คุณรู้สึกว่าใบหน้าที่เปรียนไปด้วยรอยยิ้มของเขานั้นได้สร้างความหลงไหลให้กับบรรดาสาวๆอย่างไม่เสื่อมคลาย ตอนแรกๆที่เริ่มถ่ายแบบนั้น เขาก็เหมือนจะแข็งๆไม่เป็นธรรมชาติ ช่างถ่ายได้บอกว่า เหมือนกับว่าเขากำลังซ่อนเล้นอะไรบางอย่างไว้ “จริงๆแล้วผมสามารถที่จะปล่อยสบายๆได้อีกเยอะ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือว่าถ้าบ่อยอย่างนั้นแล้วมันจะออกมาดูดีหรือเปล่า?” โหย่วเผิงกล่าว ตัวเขาในอดีตนั้นไม่เคยใส่กาบงเกงขาสั้นในการถ่ายแบบเลย กับการที่จะถ่ายแบบแบบเห็นขาอ่อนนั้นเขาก็รู้สึกเขินบ้าง แต่ครั้งนี้หลังจากถ่ายเสร็จแล้วมาดูผลงาน ก็รู้สึกตกใจเหมือนกันว่ามันออกมาได้ดีมากๆเลย และยังได้กำชับให้ช่างภาพว่าต้องล้างรูปเหล่านี้ให้ด้วยเพื่อจะเก็บไว้เป็นทีระลึก แต่อยากไปคิดเลยนะว่าโหย่วเผิงจะเอารูปเหล่านี้มาโชว์บนเว็ปไซล์ของเขา “นั้นไม่ใช่นิสัยของผม”

โหย่วเผิงบอกว่าตัวเองนั้นไม่ค่อยมีความอดทน ชอบการเปลี่ยนแปล ไม่ชอบการซ้ำๆ มีเพียงบทละครรูปแบบใหม่ๆหรือภาพลักษณ์ใหม่ๆถึงจะเป็นทีสนใจสำหรับเขา “เข้าสู่วงการหลายปีแล้ว ตอนนี้ก็จะไปลองรับบทที่ไม่เหมือนกันบ้าง ไม่จะเป็นเรื่องการแสดง หรือการถ่ายแบบก็ตาม ก็อยากจะเห็นตัวเองมีหลายๆสไตน์” ฉะนั้นเขาในตอนนี้นั้นก็ยังมีความสุขกับการลองเล่นบทไม่เหมือนกัน “เป็นบทที่สุดยอดมากๆ” แต่ก็ไม่ใช่เป็นการวัดฝีมือการแสดงของเขา แต่เพราะรักชอบสไตล์เหล่านั้นต่างหาก “ขณะที่ไปเล่นบทใหม่ๆนั้นก็กังวลใจว่าผู้ชมจะรู้สึกอย่างไร ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรับได้ไหม ตอนนี้ผมเองก็รู้สึกว่าก็ไม่เป็นไร จะไปเอาใจทุกคนก็ไม่ถูก เพียงแค่คิดไว้อย่างไร ก็ให้ไปทำอย่างนั้น แย่สุดๆก็แค่คนอื่นไม่ดูคุณเท่านั้นเอง” โหย่วเผิงไม่ต้อมมาพูดถ่อมตัวเอง พวกเราได้ชื่นชอบโหย่วเผิงที่ไม่เหมือนเดิมกันแล้ว




3958
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Mr. Modern Magazing
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 06:06:48 AM »

นักข่าว . แล้วอะไรเป็นสิ่งที่โหย่วเผิงกล่าวที่สุด?

โหย่วเผิง . สูญเสียคนในครอบครัวไป

นักข่าว . ในระยะเวลากว่ายี่สิบปีที่เข้าสู่เส้นทางบันเทิง มีคำพูดหรือบุคคลไหนที่สามารถที่จะทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไป ?

โหย่วเผิง . จริงๆแล้วผมมีผู้มีพระคุณหลายๆคน หากจะต้องเลือกมาคนหนึ่งผมก็คิดถึงอาจารย์ที่ปรึกษาสมัยเรียนที่เจี้ยนจง จริงๆแล้วท่านไม่ได้พูดอะไรที่สำคัญพิเศษ แต่ท่านจะอยู่เคียงข้างผมอย่างเงียบๆ แล้วฟังผมระบาย แล้วค่อยๆสอนผมให้เข้าใจหลายๆอย่าง จนถึงวันนี้เรายังติดต่อรักษาความผูกพันนั้นอยู่

นักข่าว . แล้วคุณเคยคิดไหมว่าวันหนึ่งคุณจะจากโลกนี้ไป แล้วคุณได้วางแผนจะเขียนคำหน้าหลุมศพคุณอย่างไร?

โหย่วเผิง . ตายก็แล้วเรื่องแล้ว แต่ว่า อยากจะให้ทุกคนยังจำโหย่วเผิงคนนี้ไว้

นักข่าว . อีกสิบปีคุณมีความคาดหวังอะไรบ้าง?

โหย่วเผิง . หากเป็นไปได้ผมจะจากวงการบันเทิง แล้วไปท่องเที่ยวทั่วโลก

นักข่าว . แล้วในเว๊ปของคุณนั้นมีข้อความที่ดีหลายๆข้อความ คุณเป็นคนเขียนเองหมดใช่ไหม?

โหย่วเผิง . ผมอยากจะประกาศตรงนี้ว่า ข้อความในเว๊ปของผมนั้น ทุกคำทุกประโยคนั้นล้วนเป็นมือของผมเขียนขึ้นมาเอง ไม่ว่าจะเป็นการโพสรูป จัดรูป ผมล้วนทำกับมือผมเอง



3959
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Mr. Modern Magazing
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 06:04:16 AM »

ชิงเหนี่ยว


ไปรณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่แคนย่า การถ่ายแบบ และงานการกุศลที่ไม่ขาดมือของตัวเอง การแสดงภาพยนตร์ และการร่วมมือกับมูลนิธิต่างๆของเขา สิ่งเหล่านี้ก็เหมือนกับเพลงที่เขาเคยร้อง ชิงเหนี่ยว

ในตำนานเล่าขานกันว่าชิงเหนี่ยว(นกชนิดหนึ่ง) มันบินไปแล้วไม่เคยที่จะหยุดพัก ชิงเหนี่ยวในโหย่วเผิงนั้น ได้บินร่องไปบนเมฆ ความฝันอนาคตของเขานั้นเสมือสีกุหลาบ แต่ความเป็นอยู่ในวันนี้ ที่มีทั้งทุกข์สุขและความเจ็บปวด ถึงจะเป็นชีวิตที่แท้จริงของมนุษย์

ก็เหมือนกับเนื้อหาที่เขาได้เขียนในเว็ป ความเจ็บปวดในการบินนั้นบางครั้งก็มากระทบหน้าต่างคุณ “คืนนี้ผมกับเพื่อนผม เพราะเหตุที่เราจะบันทึกเพลงใหม่ พูดถึงเนื้อเพลงทีผมเคยแต่ง จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรต้องไปเอ่ยถึง แต่ทันใดก็ได้ไปคิดถึงเพลงที่ผมเคยแต่เมื่อสิบเก้าปีก่อนที่ผมกลับจากอังกฤษ “ตามหา” แล้วผมก็รีบไปหาที่เว็ปแล้วเปิดฟัง

นักข่าว. ช่วงที่ผ่านมาคุณได้ไปทำงานการรณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกับโจซิ่น มีประสบการณ์อะไรบ้างที่สามารถจะบอกเล่าให้เราฟัง?

โหย่วเผิง . จริงๆแล้วสวนนกแคนย่านั้นเป็นสถานที่ที่ผมอยากไปที่สุด แต่เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วถึงสัมผัสได้ว่า น้ำกล่าครึ่งในหนองน้ำหือดแห้งไป และภาพนกที่จะหากินในหนองนั้นคงจะหายไปด้วย เป็นความรู้สึกที่มันบอกไม่ถูกจริงๆ

นักข่าว . แล้วคุณคิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่มนุษย์ทำลายธรรมชาติที่สุด?

โหย่วเผิง . ก็เป็นควันดำที่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเหล่านั้น

นักข่าว . แล้วคุณเข้าใจคำว่า “หม่อเติง กับ คุ่นซื่ออย่างไร?

โหย่วเผิง . สำหรับหม่อเติงนั้น ก็คือเดินในทางของตัวเอง ไม่แคร์สายตาคนอื่น “คุนซื่อ” หมายถึงความดีเลิศ และในเมืองที่อยู่ในป่าดงนั้นควรจะรักษาธรรมชาติไว้อย่างดีเลิศ และมันก็ใช่ว่าจะเป็นงานที่ง่าย

นักข่าว. แล้วคุณคิดว่าคนในอดีตคนไหนที่เหมาะกับ”หม่อเติงคุนซื่อ” แล้วคนปัจจุบันน่าจะเป็นใคร?

โหย่วเผิง . ถ้าคนในอดีตก็น่าจะเป็นเถาเยียนหมิง แล้วสมัยนี้ก็จะเป็นหลี่เหลียนเจี๋ย

นักข่าว. แล้วสิ่งที่คุณชอบปราถนาที่สุดแต่คุณยังไม่มีในตอนนี้คืออะไร?

โหย่วเผิง ผมอยากจะร้องเสียงที่สามารถสูงที่สุดถึงสามโน๊ตเลย เหมือนกับคนผิวดำร้องอย่างนั้น


3960
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Mr. Modern Magazing
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 06:01:11 AM »

ด้านธรรมะ

เหตุเพราะได้ผ่านโลกมามากมาย ได้ผ่านเชื่อเสียงเกียรติยศ ได้กลายเป็นศิลปินที่ใกล้ชิดธรรมะที่สุดคนหนึ่ง “ชีวิตผมมีธรรมะตลอดเวลา ตอนอยู่ที่ชิงไห่นั้นก็ได้คาราวะอาจารย์ท่านหนึ่ง” ตอนที่เขาได้บำเพ็ญตนนั้นก็ได้ฉายาจากอาจารย์ว่า “ฉวนเผิง”

พระอาจารย์ได้เปิดเผยว่า “ฉวนเผิง”ได้ให้สติปัญญากับ “โหย่วเผิง” ในโลกก็มีทั้งบุญ กรรม เมื่อบุญมาทุกอย่างก็ดีเอง ชีวิตคนเราจริงๆแล้วก็มีขึ้นๆลงๆ หากเป็นเวลาขาขึ้นก็ให้คุณไปทำ แต่หากถึงเวลาขาลงก็ให้เราเงียบๆไม่ต้องไปยึดติดกับมัน สำหรับความสำเร็จความล้มเหลว การจะยึดไว้หรือการไม่แลเหลียวเลยนั้นไม่ใช่การเลือกของโหย่วเผิง กิเลสเสมือนทะเลขม เมื่อเวียนไว้ตายเกิด พวกเราก็ได้มาเป็นคน แน่นอนเราเกิดมาเป็นคนก็ย่อมมีกิเลสของคน และประสาทสัมผัสทั้งห้าของเราที่มีความจำกัดนั้นก็รับรู้ได้แค่นี้ จากนั้นก็คิดว่าต้องมีเงินถึงจะมีตำแหน่ง ต้องมีอำนาจถึงจะมีตำแหน่ง คุณก็จะถูกกิเลสเหล่านี้ครอบงำ แต่หลักธรรมะจะสอนคุณว่า ธาตุแท้ของชีวิตนั้นไม่ได้เป็นอย่างนี้ ในการหลับหูหลับตาในการแสวงหาสิ่งเหล่านี้นั้น คุณอาจทำสิ่งผิดๆลงไป อาจทำร้ายใครบางคน และได้สร้างกรรมไว้ แล้วคุณก็จะกลับไปรับกรรมเหล่านั้น หลักคำสอนของพระพุทธจะสอนคุณหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร และจะได้เห็นถึงธาตุแท้ของชีวิต พูดง่ายๆคือสอนคุณเดินจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง” โหย่วเผิงได้กล่าว “จริงๆแล้วผมเองก็มีใฝ่ในธรรม ก็ยังจะบำเพ็ญอยู่”

พระอาจารย์ได้จุดประกายความสุขที่แท้จริงให้กับโหย่วเผิง “หากว่าผมสามารถที่จะทำให้คนอื่นมีความสุข ผมก็จะมีความสุข” นี่สามารถที่จะให้เห็นได้ว่าหลายปีมานี้เขาได้ทุ่มเทให้กับงานการกุศลนั้นมากน้อยเท่าใด ปีนี้ขณะที่เขาได้จัดพิธีเปิดป้ายโรงเรียนซีวั่ง ประชาชนในเหอหนันได้ต้อนรับเขาเป็นอย่างดี และทางครูใหญ่ก็ได้กล่าวทั้งน้ำตาว่า “ขอบคุณมาก พวกเราจะจดจำคุณไว้ตลอดไป” โหย่วเผิงรู้สึกได้เลยว่าการบำเพ็ญตนนั้นมันส่งผลอะไรต่อชีวิตของตัวเอง “ความสุขนั้นบางครั้งจะเป็นเวลาที่คุณลุงคนหนึ่งได้เอาไข่ไก่มาฝากผม”

พระอาจารย์ได้กล่าวว่าการที่จะหลุดพ้นนั้น จะต้องวางการเห็นแก่ตัว วางชื่อเสียงเงินทองลง วางความโลภมากลง พยายามไปคิดไปไตร่ตรองประโยคเหล่านี้แล้ววางมันลง นั่นก็จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นกรรมเอง “ในโลกที่เต็มไปด้วยการแกร่งแย่งนั้น ผมไม่ใช่เทวดา แต่อย่างน้อยผมเองเรียนรู้ที่จะอภัยให้ตัวเอง อภัยให้คนอื่น”

หลี่เหลียนเจี๋ยเป็นคนที่เลื่อมใสในตัวฉวนเผิงที่สุด “เขารู้ชัดเจนว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ และเมื่อเขาได้เรียนรู้แล้วนำไปปฏิบัติ ไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และสิ่งที่เขาได้ทำไปนั้นไม่มีสิ่งเดียวที่จะเสียเปล่า ผมก็จะเลียนแบบอย่างเขาไปทำอย่างนั้น” โหย่วเผิงเคยได้เขียนคอลัมเกี่ยวกับชีวิตธรรมะ ในเนื้อหาเขาได้เขียนว่า ความอิสระสำหรับผมนั้นมันสำคัญที่สุด ผมนั้นได้พยายามที่จะปฏิบัติตนแบบพูดอย่างไรทำอย่างนั้น หวังว่าตัวเองนั้นจะเป็นคนที่สัตย์ซื่อ ผมคิดว่า มีเพียงความสัตย์ซื่อถึงจะมีอิสระได้”

“การพูดอย่างไรทำอย่างนั้นเป็นสิ่งที่ดีเลิศที่สุดสำหรับโหย่วเผิง

หน้า: 1 ... 196 197 [198] 199 200 ... 216