ผู้เขียน หัวข้อ: 16-10-2009 ซูโหย่วเผิงกับการแสดงไม่ยึดติดภาพพจน์  (อ่าน 4310 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13289
    • ดูรายละเอียด
Thanks, http://tieba.baidu.com/f?kz=655982904



2009-10-16 : สัมภาษณ์โหย่วเผิง เป็นนักแสดงก็ไม่ควรจะมีภาพลักษณ์ เผยความลับ

สำนักข่าวเกาหลีรายงาน บทไป๋เสี่ยวเหนียนที่โดดเด่นมากในเรื่องเฟิงเซิง การเปลี่ยนแปลงของโหย่วเผิงนั้นได้นำความตื่นตาตื่นใจแก่บรรดาแฟนๆ วันที่ 15 ต.ค.  หลังจากที่มีงานการแถลงแล้ว โหย่วเผิงก็ยังหาเวลาว่างที่จะพบปะกับแฟนๆ และพูดคุยกับนักข่าวเกาหลี พูดถึงไป๋เสี่ยวเหนียน และเรื่องการตัดฉากของไป๋เสี่ยวเหนียนออกไปหลายฉาก

นักข่าว(นข) โหย่วเผิง (ผ)

นข :  เมื่อกี้พึ่งมีงานแถลงพบปะกับแฟนๆ มีความรู้สึกอย่างไรต่อแฟนๆเกาหลี?

ผ :  ต้องขอขอบคุณพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่านี่ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่ได้พบปะพวกเขา ก่อนหน้านี้เรื่ององค์หญิงแสนซน นั้นพวกเขาก็ได้มีจัดงานแฟนคลับครั้งหนึ่งแล้ว จากนั้นก็มีผลงานมากมายที่ได้ออกฉายที่เกาหลี แต่ว่าตลอดเวลาก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกับพวกเขา น่าจะหลายปีก่อน ที่พวกเขาได้จัดงานครอบรอบสืบปีแห่งแฟนคลับโหย่วเผิงและได้เจอพวกเขา

นข :  รอคอยตั้งสิบปี

ผ :  ตอนนั้นผมได้มาที่นี่พร้อมกับมาโปรโมทละครเรื่องหนึ่ง พวกเขายังได้อ่านจดหมายหนึ่งฉบับให้ผม บอกว่ารอคอยมาตั้งสิบปีถึงจะได้พบกับตัวละครในภาพยนตร์ ทำให้ผมตื้นตันใจมาก ยิ่งกว่านั้นพวกเขามีความตั้งใจมาก ทุกครั้งที่ได้พบปะกัน พวกเขาก็ได้เตรียมของที่ระลึกมากมายมาฝากผมไม่ว่าจะเป็นกำไรข้อมือ ของขวัญต่างๆ ทำให้รู้สึกตื้นตันมาก

นข :  นั่นเพราะผลงานการแสดงเรื่องนั้นเป็นที่ประทับใจแฟนๆชาวเกาหลีเป็นอย่างมาก?

ผ : เริ่มจากเรื่ององค์หญิงแสนซน เพราะผมได้ร่วมงานกับดาราเกาหลีก็ไม่น้อย กับไฉ่หลินก็ได้ร่วมถ่ายตั้งสองเรื่อง กับจางนาราก็หนึ่งเรื่อง ตอนหลังก็ได้ถ่ายทำร่วมกับอันฉีสิ่งเรื่องหนึ่ง

นข : แล้วตอนนี้มีโครงการที่จะร่วมงานกับศิลปินเกาหลีบ้างหรือเปล่า?

ผ :  ระยะนี้ยังไม่มี ช่วงนี้ก็กำลังตั้งใจฝึกซ้อมละครเพลง คุณก็คงทราบ

นข :  แฟนคลับไม่น้อยเลยที่กล่าวว่า เรื่องเฟิงเซิงนั้นจะขำได้ก็ต่อเมื่อมีฉากของคุณ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?

ผ :  จริงๆแล้วเรื่องนี้นั้นเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึง แท้จริงแล้วไม่เคยคิดเลยว่าไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นจะทำให้ผู้ชายหัวเราะ ตอนดูเนื้อบทนั้นก็ล้วนดูด้วยท่าทีที่คลึ๋งขลัง และตอนนี้กลับมีผลออกมาอย่างนี้เป็นที่คาดไม่ถึงสำหรับผมและผู้กำกับด้วย เพราะว่าบทในอดีตที่ผมรับแสดงนั้น ล้วนเป็นบทที่สุภาพเรียบร้อย ฉะนั้นครั้งนี้ไม่ง่ายเลยที่ได้มีโอกาสแสดงบทในลักษณะอย่างนี้ ตอนที่ผมเข้าฉากนั้นยิ่งทำท่าทำทางก็ยิ่งทำให้คนอื่นหมั่นไส้ คิดไม่ถึงว่าเวลาฉายแล้วจะเป็นที่ขำของผู้ชม

นข :  แล้วบทที่ไม่หญิงไม่ชายอย่างนี้นั้น ตอนที่ตัดสินใจรับบทรู้สึกกังวนไหม?

ผ :  ที่กังวนคือกลัวจะทำไม่ได้ น่าจะเป็นช่วงปลายปีที่แล้วที่ได้รับตัวบท ความรู้สึกแรกเลยคือเนื้อบทนั้นสนุกมาก จริงๆแล้วตอนนั้นภาพยนตร์เรื่อง(เหม่ยหลันฟาง)ก็จบไปได้ไม่นาน แล้วผมก็ต้องรับบทแสดงเป็นนักร้องละครเพลงคนหนึ่ง บวกกับธรรมเนียมของชาวจีนแล้วตั้งมาตรฐานในการร้องละครเพลงไว้สูงมาก ผมกังวนก็คือเวลาเหลือน้อยมากแล้วผมจะทำได้เปล่า

เพราะยีนอยู่ในตำแหน่งของนักแสดงคนหนึ่ง แท้จริงแล้วตัวเองก็ไม่มีภาพลักษณ์แต่แรกแล้ว การจะเป็นนักแสดงไม่ควรจะมีภาพลักษณ์ที่สุขภาพตลอด ปีที่แล้วผมก็รับเล่นเป็นคนบ้าคนหนึ่ง สำหรับผมแล้วไม่มีภาพลักษณ์อีกต่อไป มีเพียงแสดงได้ดีหรือไม่ดีแต่ไม่มีว่าภาพลักษณ์ดีหรือไม่ดี

นข :  บทที่ไม่หญิงไม่ชายอย่างนั้น ไปเรียนมาจากไหนหรือ?

ผ :  จริงๆแล้วตอนเรียนร้องละครเพลงช่วงนั้นแหล่ะที่ได้มา ได้เรียนร้องละครเพลงมาหลายเดือน ขณะที่เลียนเป็นกระเทยนั้น คุณก็จะบังคับตัวเองบีบตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น ปล่อยตัวไม่ได้ แล้วจะค่อยๆเข้าใจว่าเขาพูดอะไร และสายตาท่าทางจะต้องเป็นอย่างไร

นข : เมื่อกี้ก็ได้เอ่ยถึงไป๋เสี่ยวเหนียนเป็นเลขาที่ผู้บัญชาการรัก แต่ฉากที่เราดูนั้นเห็นแต่ช่วงที่เขาถูกผู้บัญชาการลงโทษเท่านั้น หรือว่าฉากถูกตัดทิ้ง?

ผ :  ตัวผมเองก็รู้สึกว่าสั้นเหมือนกัน แม้ในเรื่องนั้นผมพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าผมมีผู้หนุนหลัง แต่ผมไม่เคยเห็นผู้บัญชาการเลย วันแรกที่ผมเห็นท่านก็ตอนที่ถูกตีที่สระ วันนั้นที่ถ่ายนั้นถ่ายจนจวนจะสว่างเลย ทั้งเหนื่อย ทั้งหนาว ครั้งแรกที่เจอท่านผมเองก็คิดว่าอยากจะทักทายท่านหน่อย แต่ว่าแส้ของท่านนั้นก็ได้ตีลงมาแล้ว ท่านมาก็มาตีจริงๆ ทำให้ผมตกใจหมด แส้ตีถูกหูของผม ทำให้หูผมเอื้อไปเลย แต่ทางผู้กำกับก็ไม่ได้หยุด ผมเองก็ไม่กล้าเอ่ยปาก ก็เลยถูกตีอยู่ที่นั่นแหล่ะ ตีเสร็จท่านก็ไป...

นข :  แต่ในเรื่องนั้นมองไม่ออกว่าเขาเป็นคนที่ผู้บัญชารัก ?

ผ :  ผมคิดว่ามันอาจเป็นความรู้สึกที่ซ่อน อาจจะไม่โจ่งแจ้ง เดิมทีในเรื่องนั้นมีอยู่ฉากหนึ่ง เป็นฉากที่หวนถึงสิบปีที่แล้วของไป๋เสี่ยวเหนียน เป็นช่วงวัยที่แรกหนุ่มของเขา มีตอนหนึ่งที่เป็น(ยิ๋วเหนียจิงม่ง) ทั้งฉากนั้นเกือบหกนาที เป็นเวลาที่ประชุม เป็นช่วงวัยรุ่น คือบทที่อาจารย์อิงต๋าแสดง ตอนนั้นพุงเขายังไม่ใหญ่ขนาดนี้ ตอนหลังในเรืองนั้นท่านได้ใส่พุงปลอมแสดง เพื่อให้เห็นถึงอายุของท่าน ท่านพาผู้บัญชาการมาชมละครเพลง ในฉากนี้ทั้งบนเวทีและข้างล้างนั้นเต็มไปด้วยพลุไฟ ได้เห็นถึงภูมิหลังของไป๋เสี่ยวเหนียน หากว่าฉากนี้ไม่ตัดทิ้ง ผมจะคิดว่าแท้จริงท่านเป็นผีหรือเปล่า ทำไมลึกลับมาก

และตอนนี้ก็ยังมีฉากหนึ่งที่ถูกตัด ก็คือฉากวันแรกที่พวกเราไปที่ซานจวน ที่นั่นพวกเขากำลังร้องเพลงสมัยราชวงค์ถัง วันแรกที่ไปถึงที่นั่นก็ได้วิเคราะห์สถานการณ์ดู ดูว่าใครที่สามารถช่วยเขาได้มากที่สุด ก็คิดถึงไป๋เสี่ยวเหนียน แล้วเขาก็ได้วิ่งไปห้องของไป๋เสี่ยวเหนียน จริงๆแล้วฉากนี้ก็มีเรื่องราวเยอะ ท้ายสุดถูกตัดทิ้งก็เหลือแต่ฉากที่รุนแรงๆ

นข :  แล้วได้ฝึกซ้อมร้องละครเพลงมาหลายเดือน แต่กลับเข้าฉากไม่กี่ฉาก

ผ :  เหตุการณ์หวนคิดอดีตของไป๋เสี่ยวเหนียนได้ตัดทิ้ง ก็เหลือเพียงเขาที่ดึงผมหงอก น่าจะนาทีครึ่ง

นข :  เรียนร้องละครเพลงยากไหม

ผ :  ยากมากๆ ยากกว่าที่คิดไว้อีก

นข :  แต่ว่าเมื่อกี้ได้ยินว่าร้องได้ดีมาก

ผ :  ผมได้ทุ่นเทเป็นอย่างมาก บวกลบคุณหารแล้วก็เกือบสี่เดือน

นข :  ตอนนี้หลายคนล้วนเลียบแบบท่าทางคุณในหนัง ไม่เชื่อว่าคุณจะแมน แล้วตัวเองรู้สึกไหมว่านั่นเป็นความสำเร็จของการแสดงเท่านั้น?

ผ :  ผมคิดว่าน่าจะเป็นความสำเร็จของผู้เขียน เพราะบทเดิมนั้นไม่มีสีสันมากขนาดนี้ แต่ทางอาจารย์เฉิงนั้นได้เติมรสชาติให้กับบทของไป๋เสี่ยวเหนียน รวมถึงคำพูดที่จะพูดด้วย เมื่อดูตัวบทแล้วก็ยังรู้สึกขนลุก ผมเชื่อว่าท่านเองคงทำการบ้านมาเยอะ รวมทั้งอาจารย์ที่สอนร้องละครเพลงของผมยังชมว่าเป็นบทที่สมจริง ทำเหมือนกับกระเทยที่ท่านได้รู้จัก ไปไหนก็พกผ้าเช็ดหน้า ก่อนจะนั่งก็ต้องเช็ดสองที หากว่าบทของไป๋เสี่ยวเหนียนเป็นที่ประทับใจแล้ว ผมคิดว่าเป็นความสำเร็จของอาจารย์เฉิงมากกว่า

นข :  ถ่ายทำเฟิงเซิงจบแล้ว สิ่งที่ได้รับที่มีคุณค่าที่สุดคืออะไร?

ผ: ตลอดเวลาที่ถ่ายทำนั้น ได้เติบโตเรียนรู้ในท่ามกลางความกดดัน พูดตรงๆว่าบทไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นยากแก่การแสดง ทั้งน้ำเสียงลีลาการพูด หลายอย่างนั้นมันไม่ได้เป็นเหมือนสมัยนี้อย่างเราแล้ว ฉะนั้นตอนนั้นก็พยายามไปหาอาจารย์ทำความเข้าใจกับมัน ว่าคำพูดเหล่านั้นควรพูดอย่างไร เสียงต้องเน้นจุดไหน ตอนหลังก็ต้องปากกัดตีถีบที่จะฟัดกับมัน แล้วมาถึงวันนี้ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างนี้นั้น มันคิดไม่ถึงจริงๆ และตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับผมแล้ว เป็นการพัฒนาเทคนิกการแสดงผมมากกว่า เพราะไม่เคยได้รับบทอย่างนี้มาก่อนเลย ก็ยังหวังว่าอนาคตจะมีบทที่ท้าทายอย่างนี้ในงานภาพยตร์

นข:  แสดงบทขวัญใจกับแสดงบทที่ต้องใช้ฝีมือเทคนิกนั้น อย่างไหนมันสนุกกว่ากัน?

ผ:  แน่นอนก็อย่างนี้ ภาพยนตร์ในอนาคตก็น่าจะเดินเส้นทางนี้ เพราะตัวละครของภาพยนตร์นั้นพลิกผลันมากมาย ในละครทีวีนั้นยากมากที่จะหาบทอย่างไป๋เสี่ยวเหนียน ที่ออกมาแล้วสามารถจะเป็นที่ประทับใจแก่ผู้ชม

นข:  ต่อจากนี้มีผลงานอะไรที่จะต้องถ่ายทำต่อ?

ผ:  ต่อจากนี้ก็คงพักผ่อนก่อน เพราะเรื่องเฟิงเซิงได้ถ่ายทำตลอดเวลา เมื่อถ่ายฉากสุดท้ายที่ไต้หวันก็ถือโอกาสพักผ่อน ก็จะใช้เวลาคิดว่าอนาคตจะทำอย่างไรต่อไป