-
บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จากรายการ
Su You Peng Singing Love Song of Kangding (Sina Interview)
26 กันยายน 2510
http://you.video.sina.com.cn/api/sinawebApi/outplayrefer.php/vid=38825592_1290055681_akm3TiA5DGPK+l1lHz2stqkP7KQNt6nki2O0u1ehIwZYQ0/XM5GaatUF5SzfAtkEqDhAR5A3d/sj3h8/s.swf
-
(http://i184.photobucket.com/albums/x178/alec_002/U3587P28T3D3098312F346DT20100926155626.jpg)
บ่ายวันที่ 26 กันยายน ข่าววงบันเทิง Sina หนัง (คังติ้งฉิงเกอ) ผู้กำกับเจียงผิง ดารานักแสดง ซูโหย่วเผิง, จวีเหวินเพ่ย และ ไอ้ซินเจวี๋ยหลัว—ฉี่ซิน เป็นดาราแขกรับเชิญวงการบันเทิงซินล่าง สนทนาคุยสนุกสบาย
ฉากเบื้องหน้าเบื้องหลังของภาพยนตร์ดนตรีไตเติ้ลหนังภาพยนตร์แห่งความรักของหนังเรื่อง (คังติ้งฉิงเกอ) โดยการลงทุนของบริษัทภาพยนตร์จงอิ่ง = ภาพยนตร์แห่งประเทศจีน ผู้กำกับเจียงผิง ได้รวบรวมเหล่าดารานักแสดงเช่นซูโหย่วเผิง,จวีเหวินเผ่ย, ผูปาเจี่ยเป็นต้น จุดสำคัญเพื่อสร้างเป็นภาพยนตร์ปี 2010 อุทิศเป็นของขวัญแก่ผู้อำนวยการการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จะนำออกฉายสู่สายตาแก่ผู้ชมในวันเฉลิมสมโภชวันชาติ ในหนังภาพยนตร์ ซูโหย่วเผิงและจวีเหวินเพ่ย ได้แสดงคุยจีบความรักอันสดสวยเรื่องย้อนยุค 60
เจ้าหนิง :ยินดีต้อนรับท่านสหายอินเตอร์เนตซินล่างทุกท่าน ฉันเป็นผู้ดำเนินรายการ เจ้าหนิง ยินดีต้อนรับมาถึงสถานีออกอากาศสดซินล่าง วันนี้เป็นแขกรับเชิญออกอากาศสดซินล่างของเหล่าดารานักแสดงนำในภาพยนตร์ (คังติ้งฉิงเกอ) พวกเราขอแสดงความยินดีต้อนรับอีกครั้ง ก่อนอื่นคือนักแสดงเอก ซูโหย่วเผิง ยินดีต้อนรับกับคุณซูโหย่วเผิง
ซูโหย่วเผิง :สบายดีเพื่อนสหายอินเตอร์เนตทุกท่าน
เจ้าหนิง :ยินดีต้อนรับคุณจวีเหวินเพ่ย
จวีเหวินเพ่ย :สบายดีเพื่อนสหายอินเตอร์เนตทุกท่าน
เจ้าหนิง:ยังมี ไอ้ซินเจวี๋ยหลัวของเรา คุณสบายดี
ไอ้ซินเจวี๋ยหลัว:สบายดีเพื่อนสหายอินเตอร์เนตทุกท่าน
เจ้าหนิง:เราขอแนะนำผู้กำกับอีกครั้ง...ผู้กำกับเจียงผิง
เจียงผิง:สบายดีเพื่อนสหายอินเตอร์เนตทุกท่าน
เจ้าหนิง:ยินดีต้อนรับท่าน 4 ท่านที่เป็นแขกรับเชิญของซินล่าง พูดถึงภาพยนตร์ (คังติ้งฉิงเกอ) ก่อนอื่นเราได้คิดถึงทำนองเพลงแล้ว การคุยสนุกเพลิดเพลินของเราก็เริ่มจากทำนองเพลงใช่ไหม เมื่อกี้นี้ฉันเห็นผู้กำกับเจียงผิงกำลังนำทุกคนขับร้องเพลงนี้อยู่
เจียงผิง:พวกเราร้องเพลงอยู่ในสถานที่สดๆนี้ ไม่ได้อยู่ในสถานที่สดๆก็ขับร้อง ออกไปโฆษณาก็ร้อง ผมรู้สึกว่าพวกเราอยู่ในเมืองคังติ้งถูกกระตุ้นเร้าอารมณ์ทุกวัน เริ่มมีชีวิตจากเมืองคังติ้งลงไป เพลงๆนี้ก็อยู่รอบๆข้างหูของพวกเรามาตลอด จริงๆแล้วก่อนจะไปในใจของพวกเราจึงมีเพียงแต่เพลงนี้เท่านั้นแล้ว สามารถกล่าวได้ว่าที่มีอยู่ของพวกเราล้วนได้ยินเพลงนี้จนกระทั่งเติบโตขึ้น
เจ้าหนิง:คุณโหย่วเผิง อยู่ฝั่งไต้หวันโน้นก็เคยได้ยินบ้างไหม
ซูโหนย่วเผิง:เคย บทเรียนดนตรีของพวกเราก็มี
เจ้าหนิง:อย่างนั้นคุณช่วยนำให้ทุกคนขับร้องเพลงนี้สักหน่อย
เจียงผิง:ซูโหย่วเผิง เริ่มเลย
-
http://www.youtube.com/v/aAHV73U7I-4
-
(http://i184.photobucket.com/albums/x178/alec_002/U3587P28T3D3098305F346DT20100926155550.jpg)
เจ้าหนิง:ว้าว ผู้กำกับเจียงผิงกลายเป็นนักบัญชาการแล้ว
เจียงผิง:ไม่มี คุณสังเกตหรือไม่ พวกเรานำเอาคำประโยคแก้ไขแล้ว คุณมองต้องตาแล้วคือพี่ชายใหญ่บ้านตระกูลหลี่เห็นต้องตาเธอพรวดๆ(การวิ่งอย่างรวดเร็ว) ซูโหย่วเผิงกล่าวโดยตรงกับจวีเหวินเพ่ย ฉี่ซินสวนคำพูดกับทันที พี่สาวใหญ่บ้านตระกูลจ้างมองเห็นต้องตาเขา
ซูโหย่วเผิง:เพราะว่าในหนังผมแซ่หลี่ แท้จริงคือพี่ชายใหญ่บ้านตระกูลหลี่
เจียงผิง:คำประโยคนี้พวกเรารู้สึกว่าเขียนผิดมากี่ปีแล้ว ไม่ใช่พี่สาวใหญ่บ้านตระกูลจางควรจะเป็นบ้านตระกูลจ้าง เพราะว่าภาษาเสฉวน “จ้าง” และ “จาง” เป็นคำพูดแยกไม่ออก ดังนั้นครั้งนี้พวกเราคือเล่มหนังสือต้นฉบับกล่าวอย่างชัดเจนว่าพี่สาวใหญ่บ้านตระกูลจ้างพรวดๆ(รวดเร็ว)มองเห็นต้องตาเขาพรวดๆ
เจียงผิง: ถ่ายหนังภาพยนตร์เพื่อรำลึกทหารโปรดปล่อยเสรีก่อสร้างซ่อมแซมถนนไฮแวร์ มณฑลเสฉวนและธิเบตครบรอบ 60 ปี
เจ้าหนิง: แก้บทเรียบเรียงครั้งนี้เป็นเรื่องนิทาน แต่ว่าภาพยนตร์มีความเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ (คังติ้งฉิงเกอ) เรื่องนี้ เวลานั้นผู้กำกับคิดอย่างไรจึงอยากถ่ายหนัง (คังติ้งฉิงเกอ)
เจียงผิง: จริงๆแล้วพวกเรามีภาระหน้าที่อย่างหนึ่ง ปีนี้คือทหารโปรดปล่อยซ่อมสร้างถนนไฮแวร์ ธิเบตเสฉวนครบรอบ 60 ปี เพราะว่า 60 ปี ก่อนได้เกิดขึ้นนิยายหลายเรื่องสามารถทำให้ขับร้องเพลงร้องไห้ได้ ในนิยายสามารถทำให้ขับร้องเพลงร้องไห้ได้จึงมีเรื่องราวเกิดขึ้นที่เขตกันจือ เกิดขึ้นที่เมืองคังติ้ง เกิดขึ้นที่เมืองหู้ติ้ง เกิดขึ้นที่เมืองคังปา คือนิยายเขตพื้นที่หลายแห่ง เวลาพวกเราเริ่มอยากทำผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงคิดอยากทำผลิตภาพยนตร์เรื่องแห่งความรัก แต่ว่าไม่อยากคิดต่อไปเวลาดำรงชีพยิ่งมายิ่งปรากฏวัฒนธรรมที่นั่นสะสมอันยาวนาน
เรื่องนิยายเร้าอารมณ์ที่นั่นอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นแล้ว การไปมาหาสู่แลกเปลี่ยนระหว่างคนกับคนที่นั่นทำให้ปลุกใจเร้าอารมณ์แก่เรามากยิ่งขึ้น ดังนั้น ก็เสมือนลูกบอลกลิ้งลงมาเช่นเดียวกัน ยิ่งกลิ้งยิ่งลูกใหญ่ ยิ่งกลิ้งยิ่งลูกใหญ่ขึ้น สุดท้ายจึงกลายเป็นหนังนิยายเรื่องนี้ซึ่งทุกคนได้กล่าวถึง กลายเป็นภาพยนตร์หนังใหญ่ปลุกเร้าอารมณ์ใจ ผมรู้สึกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ เล็กก็ไม่เล็ก เปรียบเทียบสะท้อนความเป็นจริงเป็นหนังภาพยนตร์นิยายอารมณ์เร้าใจไปมาระหว่างคนหนุ่มสาวชาวฮั่นและธิเบต
-
เจ้าหนิง:ถึงเขตพื้นที่ คังปา
เจียงผิง:คังปาก็คือเขตพื้นที่ กันจือ
เจ้าหนิง:คนสถานที่นั้นล้วนร้องเพลงเป็น ล้วนใช้เพลงมาเป็นสื่อรักใช่หรือไม่
เจียงผิง:ควรกล่าวได้ว่าล้วนเป็นทั้งนั้น กระดุกคอของซูโหย่วเผิงได้มีการศัลยกรรมผ่าตัดไม่ผิดคิวเวลาการถ่ายหนัง
เจ้าหนิง:ให้ทุกคนมองดูพิเศษสักครั้ง คออันนี้ของซูโหย่วเผิงเคลื่อนย้ายช้ามาก
ซูโหย่วเผิง:ข้างนี้ของผมรู้สึกแข็งทื่อไปหน่อย
เจ้าหนิง: เมื่อกี้นี้เขาสวมเรียกว่าชุดอุปกรณ์กระดุกคอที่กำหนดขึ้น
ซูโหย่วเผิง:ล็อคตายของสิ่งหนึ่ง
เจ้าหนิง:เพราะว่าพวกเราต้องสนทนาอย่างเป็นกันเอง ดังนั้นซูโหย่วเผิงต้องอดกลั้นความเจ็บปวดบ้าง อันนี้เพราะว่าถ่ายหนังได้รับบาดเจ็บ
ซูโหย่วเผิง:ที่จริงเป็นมาหลายปีแล้ว ผมมีโรคปวดกระดูกคอ ประมาณก่อนหน้านั้นหนึ่งเดือนเพิ่งเริ่มศัลยกรรมผ่าตัดมา ขอพูดก่อน ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง ศัลยกรรมผ่าตัดของผมทำการผ่าตัดอย่างดี สภาพร่างกายหายป่วยไม่เลว เพียงแต่หลังการผ่าตัดแล้วการดูแลสภาพร่างกายแข็งแรงพยายามอย่าเคลื่อนย้ายมากไป เพราะว่ารายการที่แล้ว การยืดขึ้นนั้นผมจึงไม่กล้าเคลื่อนมากเกินไป พูดแล้วไม่เท่าที่ควร ดังนั้นผมจึงเอาออก
-
เจ้าหนิง : ทุกคนยังคงห่วงใยคุณมาก หวังว่าคุณต้องระวังสุขภาพ
ซูโหย่วเผิง: ไม่มีปัญหา คุณมองเห็นผมร้องเพลงเสียงแจ๋วมากๆ
เจียงผิง : กระดูกคออันนี้ของเขาไม่ใช่โรคเจ็บป่วยกระดูกคอคนชรา เขามีจุดสาเหตุสำคัญอันหนึ่ง บุคคลวงการภาพยนตร์อันมากมายเป็นโรคเจ็บป่วยกระดุกคอ เช่นพวกเราถ่ายหนัง มีช่วงเวลาหนึ่งทุกคนจึงต้องดูบทภาพยนตร์ ก้มหน้ามองดูบทภาพยนตร์อย่างหงุดหงิดใจ ก้มศีรษะมองดูบทภาพยนตร์เป็นเรื่องที่ไม่ดีเป็นพิเศษเหนื่อยล้าแล้วก็หลับนอน ไม่มีสถานที่หลับนอนอันแน่นอน ได้แต่ทำเป็นเก้าอี้โซฟาหนุนเอาศีรษะหลับนอน หรือไม่นอนลงบนพื้นหญ้าใช้ก้อนอิฐ 2 ก้อนหลับนอน ดังนั้นจึงเป็นความพอเพียงต่อด้านสมอง กระดูกคอจึงง่ายต่อการเจ็บป่วยเป็นพิเศษ เขาอยู่ในสถานที่ถ่ายหนังสดๆใช้การแสดงเป็นพิเศษ เพียงแต่เวลาถ่ายหนังต้องไม่มีเขา เขาก็ไม่ไปเที่ยวเล่น ก็ไม่ไปกล่าวช่วงขณะหนึ่ง ก็ไม่มีการโทรมือถือ เนื้อหาสำคัญของเขาจึงเป็นเรื่องมองดูบทภาพยนตร์
เจ้าหนิง: จริงๆแล้วขอพูดตรงๆกับทุกคนตอนนี้ทุกคนได้เล่นอินเตอร์เนต เล่นอินเตอร์เนตเวลานานๆแล้วควรระวังสุขภาพอย่างแท้จริง จริงๆแล้วเล่นอินเตอร์เนตด้านร่างกายมีผลต่อสุขภาพทำให้เจ็บป่วยอย่างมาก
เจ้าหนิง: ไม่เช่นนั้นต้องตามแบบอย่าง โหย่วเผิงสวมยืดชุดอุปกรณ์กระดูกคอที่กำหนด ยืดคอแบบน่ากลัว
เจียงผิง: เล่นอินเตอร์เนตซินล่างต้องเป็นแบบนี้ คีย์บอร์ดวางไว้ข้างล่างกดเล่น จออินเตอร์เนตห้อยกลางอากาศ กระดุกคอดีขึ้นแล้ว เรื่องของซินล่างก็ไม่ผิดพลาดซูโหย่วเผิง จวีเหวินเพ่ย แสดงเป็นคู่รักร่วมเป็นร่วมตายซึ้งใจอารมณ์คน 60 ปี เฝ้าหวังชั่วชีวิตยากที่จะจับมือครองรักกัน
-
เจ้าหนิง:พูดถึงภาพยนตร์ (คังติ้งฉิงเกอ) ของพวกเรา ก่อนอื่นขอถามพวกเราอยู่ในตำแหน่งตัวเอกการแสดงทั้ง 3 ท่าน พวกเรารู้ว่านี่คือพี่ชายใหญ่คุณหลี่
เจียงผิง:นี่ก็คือพี่สาวใหญ่คุณจ้าง
เจ้าหนิง:สองท่านนี้ล้วนเป็นพี่สาวใหญ่คุณจ้างใช่ไหม
เจียงผิง:ท่านนี้คือ น.ส.จ้าง ซูโหย่วเผิงเป็นผู้แสดงนักศึกษา 60 ปีก่อนบุคคลหนึ่งได้ติดตามทหารเข้า ธิเบต เพราะว่าเขาสามารถหาน้ำ ปูพื้นถนนหนทาง ช่วยเหลือชาว ธิเบต คนจำนวนหนึ่งอันดับแรกได้ติดตามทหาร 18 นายเข้า ธิเบต เหวินเพ่ยได้แสดงหนึ่งในนั้น จากอายุ 5 ขวบจึงเป็นทาสขี้ข้าชาวนาใส่ตรวนโซ่ หนุ่มเลือดร้อนเพิ่งเริ่มของ ซูโหย่วเผิง ได้โปรดปล่อยอิสระให้แก่เธอแล้ว ดังนั้นเขาทั้งสองจากมิตรภาพจึงเกิดเรื่องพิศวงขึ้น เป็นความรักที่มีรักใคร่กัน ซึ่งไม่สามารถใช้คำพูดบรรยายได้ระหว่างเขาทั้งสอง ถึงสุดท้ายได้เกิดขึ้นความรักร่วมเป็นร่วมตายที่ไม่มีสิ้นสุดช่วงหนึ่ง
ซูโหย่วเผิง:เมื่อรอคอยเวลาความรักปรากฏขึ้น พวกเราก็ไม่สามารถอยู่พร้อมหน้าด้วยกันได้
เจียงผิง:จริงๆคือเขาทั้งสองเมื่อเวลามีความรักงอกขึ้นมาหน่อยๆ จึงแยกย้ายจากกันไปแล้ว หลังจากได้แยกย้ายจากกันไปแล้วจึงทราบว่าความรักเป็นสิ่งที่มีค่ามากๆ เฝ้ารอคอย คาดหวังไว้อยู่เช่นนี้มายาวนานกว่า 60 ปี 60 ปีต่อมา ซูโหย่วเผิงสบายดีแล้ว ก็คือคนแก่ชราตัว ซูโหย่วเผิงแสดงเป็นครูบาอาจารย์เฉิน ก็คือ หลี่ซูเจี๋ยในวัยชราได้มาถึงเขตพื้นที่ ธิเบต เขาได้พาหลานสาวของตัวเองตามหาเขตพื้นที่ ธิเบต จนพบ คิดอยากตามหา ต๋าหวาคนนี้ แต่ว่า 10 วันก่อน ต๋าหวาได้อำลาจากโลกใบนี้ไปแล้ว ต๋าหวามีหลานสาวคนหนึ่ง หลานสาวคนนี้ก็คือเธอนำเด็กกำพร้ามาเลี้ยง เพื่อนผู้หญิงของหลานสาวเรียกว่า ฉี่ซิน และเหมยตั่ว ก็คือเกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้
-
เจ้าหนิง:ท่านผู้กำกับ ฉันขอพูดเล็กน้อย ฉันรู้ว่าคุณช่างโหดร้ายจริงๆ คนคู่รักชื่นชอบที่ดีๆ รอเวลา 60 ปีแล้ว ต่างอยู่คนละทิศละทาง
เจียงผิง:จนในที่สุดยังไม่ได้พบกัน ช่างไม่ใช่ง่ายดายที่จะตามหาเจอ ถึงที่นั่นได้ถูกเอ่ยถามขึ้น เพื่อสื่อผ่านจากปากของ ฉี่ซิน......
ไอ้ซินเจวี๋ยหลัว:10 วันก่อนคุณย่า ต๋าหวาได้ละโลกนี้ไปแล้ว
เจียงผิง:หนังเศร้าสามารถทำให้สลดสะเทือนอารมณ์
ซูโหย่วเผิง:ภาพยนตร์หลายเรื่องล้วนแต่สะท้อนวิธีคิดของผู้กำกับ ท่านผู้กำกับคุณมีอะไรจะพูดไหม........
จวีเหวินเพ่ย:คุณกล่าวอย่างมีความรู้สึกเรื่องมีพลังของหนังเศร้าโศกใช่หรือไม่
เจียงผิง:หนังเศร้าสามารถรันทด สะเทือนอารมณ์
เจ้าหนิง:เป็นไปได้ที่มีอารมณ์ความรักอย่างนี้จริงๆ
เจียงผิง:ใช่แล้ว เพราะว่าพวกเราได้ผ่านสัมภาษณ์มาแล้วกับทหารรบวัยชรา 18 นาย เวลาพวกเขาอยู่ในที่นั้นซ่อมแซมท้องถนนได้เคยหลงรักสาวท้องถิ่นที่นั่น เคยหลงรักสาวๆส่งน้ำส่งข้าวท้องถิ่นที่นั่น แต่ว่าพวกเรามีกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ไม่อนุญาตให้คุยจีบพรอกรักกับพวกเขาเหล่านั้น แต่ว่าพวกเขานำเอาความรักวางไว้ในใจทหารหน่วยรบต่างก็มีความรักของตนเอง แต่ว่ารักเดียวใจเดียวไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ไม่สามารถเปิดเผยออกมาจากใจได้ ดังนั้นได้แต่เก็บไว้ในใจตลอดกาล นี่เป็นบุคคลมีจริงกับเรื่องราวหลงเหลืออยู่ ก่อนหน้านั้นแม้แต่เด็กสาวชาว ธิเบตเหล่านั้น ครั้งแรกเคยพบเห็นบุคคลน่ารักอย่างนั้น บุคคลที่น่าเคารพนับถืออย่างนั้น พวกเขาก็กราบไหว้เคารพพวกเขาทีเดียว ศรัทธาต่อพวกเขา เพียงแต่ว่าเด็กสาวชาวเผ่า ธิเบต มากมาย จึงรู้สึกว่าพวกเขาจะถูกถอนออกจากที่นั่นแล้ว พวกเขาต้องจากไปแล้ว พวกเขาซ่อมแซมถนนหนทางเพื่อมุ่งหน้าอย่างไม่ขาดสาย พวกเราว่าเป็นไปไม่ได้ พวกเขาก็นำเอาความรักส่วนหนึ่งเก็บไว้ในใจ สาวชาวเผ่า ธิเบตอย่างนี้ไม่ใช่มีคนเดียว สองคน ดังนั้นนิยายอย่างนี้ได้เกิดขึ้นมีเบื้องหลังทางประวัติศาสตร์ของมันและสาเหตุอย่างแท้จริง
-
เจ้าหนิง:ขอถามเหวินเพ่ย คุณได้แต่งตัวแสดงสาวชาว ธิเบต เพิ่งเริ่มต้นผู้กำกับเจียงผิงได้แนะนำเป็นข้าทาสชาวนาสวมใส่โซ่ตรวน เทียบกับชีวิตของพวกเราห่างไกลแสนไกลมาก โดยเฉพาะของคุณแต่งตัวแสดงบุคคลอย่างนี้ คุณสวยมากทีเดียว รูปร่างก็คมชัดมาก คุณทำอย่างไรถึงได้จับจุดสำคัญของพวกเธอสาวชาว ธิเบต
จวีเหวินเพ่ย:จริงๆแล้วต้องขอขอบคุณผู้กำกับก่อนหน้านั้นได้เล่าเรื่องราวนิยายความเป็นจริงมากมายหลากหลายเกี่ยวกับการโปรดปล่อยข้าทาสชาวนา พวกเขาก็มาถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ เพื่อมาฝึกฝนเรียนสถาบันการดนตรีที่กรุงปักกิ่ง ก่อนหน้านั้นเป็นไปได้โดยเฉพาะฉันมีใจฝักใฝ่มากทีเดียวต่อวัฒนธรรมชาว ธิเบต บนลักษณะรูปร่างแม้แต่ความเป็นจริง ผู้กำกับและช่างแต่งกายรูปลักษณะของพวกเราช่างโหดๆทีเดียว ช่างสุดโหดทีเดียวได้นำเอาเอกลักษณ์รูปร่างของพวกเรากระทำพลิกคว่ำซ้ำๆไปมาอย่างมากๆ จริงๆแล้วขณะฉันได้เข้าทีมการแต่งตัวสวมใส่ข้าทาสชาวนาโดยตลอด เวลา หลี่ซูเจ๋ยเข้าร่วมทีมได้มองเห็นขาของฉัน สวมใส่โซ่ตรวนที่เท้า เลือดเนื้อเลือนลาง
ซูโหย่วเผิง:ยังมีที่ราบสูงสีแดงอันนั้น ช่างเหมือนของจริงทีเดียว ถ่ายหนังจนจบมาโดยตลอด ผมถึงทราบว่าของเดิมแท้ช่างสดสวยจริงๆ
เจียงผิง:ฉี่ซิน ทุกๆเช้าก็ลุกจากเตียงขึ้นมาแต่งหน้า 3 ชั่วโมง เพิ่งเริ่มต้นเธอลุกจากเตียงเช้ากว่านี้ เพราะว่าเธอแสดงเวลาของข้าทาสชาวนาไม่มีโอกาสจะเชิดหน้าเห็นตะวัน การแต่งตัวบนเท้าเปลือยเปล่าต้องใช้เวลา 3 ชั่วโมง เพราะว่าต้องแต่งตัวให้มีหนังด้านๆ มีเลือด มีหนอง อะไรก็มี ช่างไม่ง่ายเลย เลือด สนิม เหงื่อล้วนอยู่บนเท้านั้น หนังของผมนี้ได้ย้ำนักย้ำหนามาโดยตลอด พวกเราไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัว แต่ว่าพวกเรามีรูปร่างลักษณะ รูปร่างลักษณะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดอย่างยิ่ง พวกเราไม่ต้องการแต่งกายเป็นสาวงาม ในหนังนั้นผมไม่อนุมัติพวกเขาไม่ว่าใครก็ตามวาดแนวขอบตา ไม่อนุมัติพวกเขาผู้ใดก็ตามไปวาดขนคิ้ว ยิ่งไม่อนุมัติผู้ใดก็ตามไปทาลิปสติค บนริมฝีปาก เพียงแต่ว่าต้องการให้พวกเขาทำออกมาเป็นที่ราบสูงแดงๆ ทำออกมาเป็นสิวฝ้า การควบขี่ม้าชาวเผ่า ธิเบตของพวกเขา ลมพัดปริแตกต้องวาดออกมา ถ่ายหนังบนที่ราบสูงช่างเหนื่อยทีเดียว จำต้องฝึกม้าป่าให้เชื่อง
-
เจ้าหนิง:ฉันได้ยินมาว่าอยู่เขตพื้นที่ ธิเบต สถานที่ผู้คนช่างน้อยทีเดียว
จวีเหวินเพ่ย:สามถึงสี่พันเมตร
เจ้าหนิง:สามท่านเป็นครั้งแรกที่ได้ไปบนที่ราบสูงใช่หรือไม่
จวีเหวินเพ่ย:ฉันเป็นครั้งแรก
ซูโหย่วเผิง:ผมไม่ใช่ เพียงแต่ว่าไม่มีเวลายาวนานขนาดนั้น
จวีเหวินเพ่ย:อีกทั้งต้องควบขี่ม้าและวิ่งจริงๆ
เจ้าหนิง:คิดขึ้นมาช่างสวยอัศจรรย์มาก ไม่ทราบว่าการถ่ายทำภาพยนตร์เป็นอย่างไรบ้าง มีการสะท้อนบนที่ราบสูงหรือไม่
เจียงผิง:ผมรู้สึกว่าชาวบ้านท้องถิ่น เขาตั้งแต่เล็กจนเติบโตบนผืนแผ่นดินนี้ ดังนั้นพวกเขาสามารถไปรับมืออย่างอิสระมากๆ เพราะฉะนั้นการดำรงชีพ งานการ ควบขี่ม้าล้วนเป็นอุปนิสัยปกติของพวกเขา โดยเฉพาะพวกเราได้มากล่าวถึง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่สวยงามมากๆ ระหว่างม้าวิ่งอยู่บนภูเขา เหนือศีรษะมีกลุ่มก้อนเมฆลอย พวกเราควบบนหลังม้าตัวหนึ่งขี่วิ่งไปอย่างรวดเร็ว เพื่อตามติดติดตามคนรักดีมากครับ พอลงมือถ่ายทำหนังจึงร้องเชียร์ถึงสุดๆ ม้าถีบคุณอย่างพรวดๆ หนึ่งขาพรวดๆ (คำว่า พรวดๆ คือเร็วมาก, ไวเกินไป)
จวีเหวินเพ่ย:หายใจหอบพรวดๆเจ็บพรวดๆ ม้าเหล่านั้นเกือบจะเป็นม้าป่า
เจ้าหนิง:จึงต้องใช้เวลานานมากๆในการฝึกฝนม้าให้มีความรักต่อกัน
ซูโหย่วเผิง:ต้องฝึกม้าให้เชื่อง
เจ้าหนิง:นึกว่ากระดุกคอของคุณถูกกลิ้งล้มลงใช่ไหม
จวีเหวินเพ่ย:ตามพื้นฐานเขาขี่ม้าเสร็จ คอของม้าเช่นเดียวกับเขา
ซูโหย่วเผิง:โดนเราสองคนกดทับจนหัก
-
เจียงผิง:เพราะว่าในหนังจวีเหวินเพ่ยได้พลิกตัวออกจากข้าทาสชาวนา จนเกิดเชิดหน้าชูตา ลืมตาอ้าปากขึ้น บุกเบิกออกจากนิสัยคนป่าอย่างแท้จริง การตามจีบรักด้านเฉพาะอารมณ์ความรัก ทำให้รูปแบบปรากฏของ ต๋าอัว ก็ไม่เหมือนกัน ซูโหย่วเผิงควบขี่ม้าวิ่ง เธออยู่ข้างหลังตามติด หลี่ซูเจี๋ย หลี่ซูเจี๋ย ต๋าอัว เเป๊ปเดียวจึงเหาะข้ามมาแล้ว เวลาดูภาพยนตร์ก็รู้สึกว่าสองคนร่วมขี่ม้าตัวเดียว เก่งมากๆเลยนะ ซูโหย่วเผิงขี่บนหลังม้าหลังจากม้ากระโดดข้ามไป ก้นครึ่งหนึ่งพาดอยู่ด้านบน เหนื่อยมาก พวกเราจากม้าตัวนี้เหาะถึงม้าอีกตัวหนึ่งถ่ายตั้งหลายสิบตัวแล้ว
เจ้าหนิง:ได้แจ้งผ่านการช่วยเหลือของ เวยเอี้ย—ชื่อคน
เจียงผิง:ใช่ เวยเอี้ย เพียงแต่ว่าตัวเองได้เหาะเอง 1 2 3 เวยเอี้ย ก็ดึงข้ามไปแล้ว จากบนหัวม้าของ ซูโหย่วเผิงเหาะข้ามไปเลย 1 2 3 อีกครั้งจากก้นม้าของซูโหย่วเผิงจึงเหาะข้ามไปเลย นับ 1 2 3 อีกครั้งจากหัวไหล่ของ ซูโหย่วเผิงเหาะข้ามไปเลย ซึ่งไม่ถึงกายข้างหลังของ ซูโหย่วเผิง เพียงแต่มีอยู่ครั้งหนึ่งจึงได้นั่งกายข้างหลังของซูโหย่วเผิงนานหน่อย ดังนั้น ฉี่ซิน ในนั้นมีประโยคใหญ่หนึ่งท่อน พวกเราชอบพูดบ่อยๆว่า ”นั่งก้นม้าครึ่งก้นนั่งแล้วไม่สบาย”
เจ้าหนิง:ชื่อของ ฉี่ซิน เรียกว่าไอ้ซินเจวี๋ยหลัว, ฉี่ซิน เธอควรจะเป็นสาวชนเผ่าชาวแมนจู
ไอ้ซินเจวี๋ยหลัว-ฉี่ซิน:ถูกต้อง
เจ้าหนิง: ภาษา เสฉวนของคุณช่างพูดได้ดีอะไรอย่างนี้
ไอ้ซินเจวี๋ยหลัว-ฉี่ซิน :ฉันเรียนตอนนี้ขายตอนนี้ ฉันตามหาเพื่อนชาว เสฉวนคนหนึ่งแล้ว นำเอาคำประโยคเหล่านี้บันทึกขึ้นมา ฉันไปเรียน ได้ปกปิดคนไม่น้อย สถานที่ถ่ายสดผู้กำกับได้แก้ไขประโยค ฉันจึงตามหาอาจารย์สอนเครื่องแต่งกายจาก เสฉวน คนหนึ่งเรียนแบบไม่หยุดไม่หย่อน
เจ้าหนิง:ภาษา เสฉวน คุณเหวินเพ่ยก็ต้องเรียนใช่หรือไม่
ฉี่ซิน:เหวินเพ่ยไม่ต้องเรียน เธอคือคนเสฉวน
-
เจียงผิง:จริงๆแล้วเวลาพวกเราได้พิจารณานักแสดง พิจารณาโดยเชื้อชาติเสฉวนเป็นหลักใหญ่ พวกเราได้พิจารณาหลายคนแล้ว เจี่ยงฉินฉิน ต้าเถาหง เชอโหย่งลี่ พวกเราได้พิจารณาหนึ่งรอบแล้ว สาเหตุเพราะว่าทุกแบบทุกอย่างพวกเขามาไม่ได้ เพียงแต่นักแสดงจะเข้าฉากมีประโยคหนึ่งควรจำเป็นคือนักแสดง ต้องเป็นนักแสดงอย่างแท้จริง ดังนั้นทุกคนล้วนสามารถพูดภาษาท้องถิ่นได้ ตัวอย่างเช่น เหอเจิ้นจวีน เขาแสดงตัวหัวโจกท้องถิ่น พูดแล้วเป็นภาษาเสฉวน ตัวอย่างเช่นภรรยาหัวโจกหลิวลี่ ก็พูดภาษาเสฉวน ตั้งแต่วัยเด็กก็อยู่ใน เฉินตู มีคนหนึ่งก็คือไช่หมิง เพราะว่าบทบาทบทนั้นของไช่หมิงเดิมทีอยากหาเวี่ยหงแสดง เพราะว่าเวี่ยหงมาไม่ได้ เพียงแต่ว่าเธอได้แสดงฉากเดียว วันนั้นจึงร้อนใจขอความช่วยเหลือจากไช่หมิงให้มาที่สนามกองถ่าย ไช่หมิงพูดว่าฉันเป็นคนมุดตรอกโน้นเข้าซอยนี้จะพูดเป็นได้อย่างไร ต่อมาคิดอยากช่วยเหลือชาว ธิเบต ให้มากๆ ปล่อยให้เธอพูดภาษาจีนทั่วไปก็แล้วกัน แต่ว่าดูอย่างไรก็อย่าบิดเบือนได้อย่างไร เพราะว่าเธอพูดภาษาเสฉวน ผูปาเจี่ยพูดภาษาเสฉวน ต่อมาไม่ได้กลับมาพูดคุยกับเชอโหย่งลี่บ่อยๆ เดิมทีคุณเริ่มแรกต้องการถ่ายหนัง คิวหนังปรับไม่ได้เลย คุณจึงประกอบเสียงให้กับพวกเรา เธอให้ไช่หมิงประกอบเสียง จึงเป็นขบวนฉากใหญ่เสฉวนทั้งหมด
เจ้าหนิง:มิน่าหละกล่าวว่าเป็นโฉมหน้าขบวนฉากนักแสดงทั้งหมดคือมาจากหนัง (คังติ้งฉิงเกอ) เป็นจุดเริ่มต้น
เจียงผิง:ผมรู้สึกว่าเป็นอย่างนี้ ขบวนฉากดาราทั้งหมดเป็นไปได้ในนั้นมีบุคคลที่มีชื่อเสียง ผมรู้สึกว่าขบวนฉากดาราทั้งหมดเป็นความโน้มเอียงสถานการณ์ของภาพยนตร์อย่างหนึ่ง ก็คือต้องเดินสู่ทิศทางอย่างหนึ่ง นี่ไม่ใช่พวกเราไม่กี่ปีประดิษฐ์ขึ้น หลายสิบปีก่อน ยุคต้นศตวรรษ 30 ปี ยุค 40 ปี อยู่ที่เมืองจีนเซี่ยงไฮ้สร้างทำขบวนฉากดาราทั้งหมดก็มีมากมาย ดังนั้นผมรู้สึกว่าตอนนี้ เพราะว่าพวกเรามีดารามากเกินไปมาเข้าร่วมงานกับการถ่ายทำภาพยนตร์มุ่งด้านน่ารักเอ็นดูแบบหนึ่งของผู้ชม เพื่อให้ทุกคนสามารถดูได้ จ่ายเงิน 60 หยวน 70 หยวน 50 หยวน ไปชมดูโรงภาพยนตร์แบบเดียวกัน สามารถมองเห็นหน้าคุ้นเคยเพิ่มขึ้น สามารถมองเห็นนักแสดงที่คุ้นเคยเป็นสิ่งเรื่องดี แน่ละไม่มีดารามากมายอย่างนี้ แน่ละดาราเป็นนักแสดงที่อาจจะไม่รุ่งโรจน์ มีนักร้อง แม้กระทั่งยังมีนายทุนอสังหาริมทรัพย์ มีพ่อค้า ขอเพียงแต่เป็นดารา วงการนักการเมืองหรือวงการธนาคาร ขอเพียงแต่เป็นดาราล้วนเรียกขบวนฉากดาราทั้งหมด เพียงแต่ผมรู้สึกว่าขบวนฉากนักแสดงทั้งหมด จึงเป็นเรื่องเอ่ยปากขอร้อง วาจาพูดกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นได้ผ่านการอบรมฝึกฝนวิชาชีพ แบบนี้ผมรู้สึกว่าท่านผู้ชมมองออก หลังจากดูหนังแล้วจึงรู้สึกว่าพวกคุณเอาจริงเอาจังเป็นพิเศษอย่างแท้จริง สามารถเข้าสู่ในยุคนั้นดั้งเดิมเป็นพิเศษ
-
ซูโหย่วเผิง:เก่งจริงๆนะ (ภาษาเสฉวน)
เจ้าหนิง:เมื่อกี้นี้อยู่บนจออินเตอร์เนตมีเพื่อนสหายอินเตอร์เนต ซินล่าง มากมายพูดถึง กล่าวว่าวันนี้ซูโหย่วเผิง มาที่ ซินล่างทำไมเวยเขายังไม่เปิดคอม
ซูโหย่วเผิง:ผมกลัวว่าผมมีธุระมากทีเดียว
เจ้าหนิง:ไม่ปล่อยให้โรคกระดุกคอของคุณยิ่งสาหัสสากรรจ์
เจียงผิง:เขาหยิบโทรศัพท์มือถือยังต้องก้มหัวลง
เจ้าหนิง:สามารถเอาขึ้นมาได้ไหม มีการพิจารณาแบบนี้ใช่หรือไม่
ซูโหย่วเผิง:ผมจะพิจารณาไตร่ตรองให้ดี
เจียงผิง:ซูโหย่วเผิงก็เป็นอย่างนี้ ผ่านไปสองวันคุณอยู่ที่ ซินล่าง เปิดอินเตอร์เนตคอม ทุกๆวันจึงยกเอานิ้วชี้ให้เป็นแบบนี้ ทุกๆวันดำเนินการแบบนี้
เจ้าหนิง:ไม่ได้เตรียมตัว ยังรักษาหายดีแล้ว
เจียงผิง:หลังจากวันที่ผ่านๆมาแฟนๆของเขาจึงปรากฏกระดุกคอของเขาหายดีสุดๆแล้ว ต่อมาได้ปรากฏแขนแย่แล้ว จึงส่งยาครีมทาช้ำในมาให้คุณซูโหย่วเผิงถ่ายหนังกังฟูหมัดมวยทำให้”โจวเจี๋ยหลุน” ต่อยจนเลือดออก
-
เจ้าหนิง:เมื่อกี้นี้พวกเราพูดแล้วการถ่ายหนังมีขี่ม้าฉากหนึ่งลำบากยากเข็ญ ได้ยินว่ายังมีหนังที่ภูเขาถล่มทลาย
ซูโหย่วเผิง:ยังมีหนังภาพยนตร์มากมายช่างน่าดูตระการตา
เจียงผิง:ยังมีหนังภาพยนตร์หมัดมวยชกต่อยกัน
ซูโหย่วเผิง:ผมทำเอานักแสดงคนอื่นต่อยจนปากกระอักเลือดออกมาจริงๆ
เจ้าหนิง:คุณมือหนักไปหน่อยนะ
เจียงผิง:ผมอยู่ที่นี่เปิดโปงความลับอย่างหนึ่ง เรื่องเป็นอย่างนี้ ขณะนั้นซูโหย่วเผิงถ่ายหนังอยู่ เพราะว่าขณะนั้นเขาเกิดอาการไอร้องในอักเสบสักนิดหน่อย ทั่วทั้งตัวผมรู้สึกว่าเขามีสภาพกึ่งครึ่งมึนๆ พอกล่าวเสร็จเขาจึงเริ่มมีสติกลับคืนมา เพราะว่าแสดงหนังฉากหนึ่งกับหัวหน้าค่ายทหารที่สามไปให้ ต๋าอัวและพวกผู้ใหญ่บ้านส่งเสบียงอาหาร ระหว่างทางได้พบเจอพวกโจรป่าปล้นชิงเสบียงอาหาร กล่าวได้ว่าล้วนโปรดปล่อยเสรีพวกคุณแล้วยังกล้ามาปล้นสะดมเสบียงอาหารอีกหรือ ผลที่สุดเลือดขึ้นหน้าจนโกรธแค้น ผลท้ายสุดได้ตีเอาร่องฟันของคนอื่นเปิดออกมา พวกพี่ๆนั้นถูกชกตีดีเป็นพิเศษหน่อย เพราะว่าเขามีหน้าตาคล้ายโจวเจี๋ยหลุน มากๆ ผลสุดท้ายพวกเราพูดว่าซูโหย่วเผิงทำเอา โจวเจี๋ยหลุน ถูกชกตี
ซูโหย่วเผิง:พวกเรามีเครื่องกลไกสองเครื่อง ถ้าหากคุณควงแกว่งหมัดเปล่าจึงเป็นการช่วยแบบช่องโหว่ ชกตีไม่โดน ผมจึงรู้สึกว่าเวลาชกตีถือจังหวะเลยไปอีกหน่อย ผลที่สุดเวลาถ่ายหนังได้เกิดอุบัติเหตุ ชกถูกบนคาง เพราะว่าผมไม่ต้องการมีชกตีชนะคนจริงๆ ชกตีอันนั้นมีความรู้สึกตัวมากจริงๆ หนังทั้งเรื่องล้วนถ่ายจนเสร็จหมดแล้ว
เจียงผิง:หนังเรื่องนี้ของพวกเราเป็นลานสนามถ่ายสดๆ อย่างน้อยมีเครื่องจักรยนตร์กลไก 2 เครื่องอยู่ที่นั่นมาโดยตลอด อย่างมากมีเครื่องจักร 3 เครื่องเปิดในเวลาเดียวกัน เพราะว่าเป็นแผ่นยาง นักแสดงก็ปวดร้าวใจเรื่องแผ่นยางมาก กลัวออกหมัดผิดพลาด กลัวชกแบบช่องโหว่ เพราะว่าเครื่องจักรกลไกด้านนี้หัวมุมหนึ่ง ด้านนี้อีกมุมหนึ่ง เป็นธรรมชาติจึงไม่มีที่ขอยืมอีกมุมหนึ่ง ในอดีตพวกเราได้เด็ดปากคน เช่นกล่าวว่ามีเครื่องจักรยนตร์อยู่ข้างหลังคุณแวบหนึ่งเป็นไปได้คุณยังสามารถรู้สึกว่าชกโดนถูกจริงๆ แต่ว่าตรงข้ามยังมีเครื่องยนต์อยู่เครื่องหนึ่ง ชกตีไม่โดนก็ไม่ได้เซี่ยยุ่น ตี ผูปาเจี่ย พี่สาวตีน้องชาย ตีไม่ตี ผูปาเจี่ยพูดว่าคุณตี ต่อมาครั้งแรก เซี่ยยุ่นตีไม่โดนถูกตำแหน่ง การดำรงชีพในนั้นทุกคนล้วนเป็นเพื่อนสหายที่ดี ต่อมา ผูปาเจี่ย พูดว่าคุณตี เซี่ยยุ่น ตบปากหนึ่งที ควรตบจริงๆ พวกเขาเป็นเด็กทั้งสามคนได้ควบขี่ม้าอยู่ เหยียนถิง ฉี่ซิน ผูปาเจี่ย สามคนได้ขี่ม้าจริงๆ ห้ามใช้ตัวแทน พวกเราก้าวขาขึ้นสูงแล้วลงต่ำ ก้าวขาขึ้นสูงคาไว้ เหยียนถิ่ง จึงตกหล่นลงมาจริงๆ ผมกล่าวว่าข้างหน้าพวกคุณคนหนึ่งวิ่งก็วิ่ง ข้างหลังอีกคนหนึ่งหล่นลงก็หล่นลง ส่วนข้างหลังคนหนึ่งวิ่งตามก็วิ่งตาม
-
เจ้าหนิง:คุณว่าแสดงช่างน่ากลัวตกใจมาก ตอนนี้พูดขึ้นมายังมีความหมายเลยทีเดียว
เจียงผิง:ประสบการณ์ผ่านเรื่องอันตรายอย่างใหญ่หลวง นั่งลงมาจับคุยอย่างมีความสุขทีเดียว และสบายใจมาก เรื่องทั้งหมดถือว่าเป็นการท่องเที่ยวผจญภัยในครั้งหนึ่งเจียงผิงสร้างผลิตนิยายความรักเร้าใจแบบลมโยกหวนคืนสู่ลำไส้หมายถึง(รักแท้ทำให้เศร้าใจสะเทือนขวัญ) บัณฑิตหญิง จวีเหวินเพ่ยเรียบเรียงทำนองเพลงเพื่อหนังภาพยนตร์
เจ้าหนิง:เพื่อนสหายเล่นอินเตอร์เนตกล่าวว่า ได้ยินมาว่า (คังติ้งฉิงเกอ) เป็นภาพยนตร์เพลงลูกทุ่งเรื่องหนึ่งตามธรรมชาติในนั้นจะไม่น้อยไปกว่าการร้องเพลงลูกทุ่งร้องสืบทอดต่อกันบ้างของผู้ชมชมกันติดปากทั้งหลาย เป็นอย่างนี้ไหม ท่านผู้กำกับ
เจียงผิง:ควรจะเป็นอย่างนี้ หนังเรื่องนี้ของพวกเราตั้งแต่ต้นจนจบจึงถูกห้อมล้อมหนัง (คังติ้งฉิงเกอ) มาเป็นพัฒนา หนังเรื่องนี้กับละครจอทีวี (คังติ้งฉิงเกอ) เป็นเรื่องนิยายสองเรื่องทีเดียว มันถูกเขียนขึ้นมา 60 ปีที่แล้วมีคู่หนุ่มสาว 2 ยุคได้ร่วมเป็นร่วมตายไม่แยกห่างไม่ทอดทิ้งแบบอารมณ์รักใคร่ลมโยกหวนสู่สำไส้ (ความหมายเหมือนท่อนบน ) อีกทั้งเป็นแบบใจดีเมตตาอย่างหนึ่ง อ่อนน้อมถ่อมตน เพื่อให้คนรู้สึกว่าไม่สามารถมีคำพูดกล่าวเปรียบเทียบได้ว่าคืออจินไตยนั่นเอง เพียงแต่นึกหวนคิดขึ้นมามีอารมณ์รักใคร่ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะว่าอารมณ์รักใคร่แบบนี้มีหลงเหลืออยู่ ทำให้พวกเราจำต้องใช้ดนตรีเอาตัวช่วยประกอบ ต้องใช้ หนัง (คังติ้งฉิงเกอ) มาแผ่ขยายปรากฏขึ้น เพราะว่าหนัง (คังติ้งฉิงเกอ) แหล่งต้นสายกำเนิดจึงเกิดที่เมืองกันจือ แม้แต่พื้นที่บ้านช่องรอบๆเมืองกันจือ ก็คือ เขตคังตี๋ ทุกๆวันพวกเราจึงได้อาศัยอยู่เมืองคังติ้งพรวดๆ ออกจากบ้านไปถ่ายหนังจึงนำม้าวิ่งขึ้นเขาพรวดๆ เงยหัวขึ้นจึงมองเห็นกลุ่มก้อนเมฆพรวดๆ กล่าวขึ้นมามันช่างสวยงามเหลือเกิน ถ่ายหนังขึ้นมาเหนื่อยมากอย่างแท้จริง การแสดงอาจารย์เฉินของพวกเราคือคุณโหย่วเผิงแสดงยุควัยชราภาพ 75 ปีผู้สูงวัยต้องแสดงวัยแก่ 80 กว่าปี เพิ่งเริ่มพวกเรารู้สึกว่าร่างกายอาจารย์เฉินแข็งแรงเป็นพิเศษ กลัวว่ารู้สึกหลังงอ เอวคด ก้าววิ่ง อาการเหนื่อยหอบแบบนั้น เขาแสดงไม่ออกในวัยชราสูงวัย 80 กว่าปี อาจารย์เฉินถึงที่ไหนก็ค้นหาความรู้สึกอย่างนั้น ผลที่สุดถึงที่ไหนไม่ต้องหาความรู้สึกอีกแล้ว ไม่มีวิธีอื่นใด เพราะว่าพวกเราตั้งแต่เล็กเป็นบุคคลอยู่ที่ราบเรียบเติบโตขึ้นไม่เหมาะสมอย่างนั้น
เจ้าหนิง:แม้แต่ได้ยินมาว่าในหนัง (คังติ้งฉิงเกอ) คุณเหวินเพ่ยเรียบเรียงทำนองเพลงใหม่อีกครั้ง
-
เจียงผิง:หนึ่งในนั้นคุณเหวินเพ่ยได้เรียบเรียงทำนองเพลง พวกเรายังเชิญ เสี่ยวซื่อ ผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นให้เรียบเรียงทำนองเพลงให้แก่พวกเรา ยังมีอีกท่านหนึ่ง หวังซีชง เด็กโตเพิ่งจะอยู่ที่ฮ่องกงเรียนด้านวิจัย นักดนตรีทั้ง 3 ท่านกระทำเรียบเรียงทำนองดนตรี นำเอาหนัง (คังติ้งฉิงเกอ) เพลงลูกทุ่งดั้งเดิมร้องเพลงสืบต่อกันไปของ (คังติ้งฉิงเกอ) ได้ผ่านการแสดง ขยายใหญ่ขึ้น เปลี่ยนแปลงการบรรเลงเพลง ได้เกิดขึ้นต้นฉบับที่แตกต่างกันแต่ละชนิด แตกต่างกันจังหวะเพลง พวกเราได้ผ่านนักแต่งเพลง หลี่เกอ เอาทั้งเนื้อทำนองเพลงมารวบรวมใหม่ ความสำเร็จมีชื่อเสียงแต่งเพลงของ หลี่เกอก็คือเพลง (หวงเหอเจวี๋ยเลี่ยน)---ฮวงโหหรือแม่น้ำเหลือง สิ้นเยื่อใยรัก ต่อมาถึงเพลงเรื่อง (จื่อเร่อ)---วันของลูก ถึงเพลง (ชิงฉางเซี่ยน)---เชือกซ่อนเงื่อนสีเขียว หลี่เกอ สนใจเป็นพิเศษเรื่องความสนุก ยังมีอารมณ์ดนตรีสากลเป็นพิเศษ เขาใช้อุปกรณ์ดนตรีเช่น ไวโอลินขนาดใหญ่ กลาง เล็ก และทรงกลม ฝีมือประณีตมากทีเดียว พร้อมทั้งมีเครื่องอุปกรณ์ร่วมอยู่ด้วย ดังนั้นครั้งนี้ การบรรเลงเพลงดนตรีเดี่ยวๆในปีนั้นยังใช้ไวโอลินบรรเลงเพลงเดี่ยวของ (หวงเหอเจวี๋ยเลี่ยน)---แม่น้ำเหลืองสิ้นเยื่อใยรัก ควรจะกล่าวว่าฝีมือดนตรีอยู่หลังจอไม่แพ้อยู่หน้าจอ อีกทั้งร้องเพลงของ ส้งจู่อิง หนินจิ้ง ซูโหย่วเผิง แน่ละ ผูปาเจี่ยและฉี่ซิน พอดีอยู่ภาพยนตร์ตอนท้ายล้วนมีใช้รูปปากร้องเพลง พวกเขาต่างก็ร้องกัน ต่างก็มีสีสันเป็นพิเศษ
เจ้าหนิน:ทำไมคุณเหวินเพ่ยไม่ร้องเพลง ทราบมาว่าคุณเป็นอาจารย์สอนสถาบันดนตรี
เจียงผิง:คุณเหวินเพ่ยก็มีร้องเพลง ในนั้นร้องเพลงใสแจ๋ว มีการปลอบใจถามเพลงของทหารโปรดปล่อยเสรี
จวีเหวินเพ่ย:ลักษณะดั้งเดิมมาก
ซูโหย่วเผิง:เธอตามจีบพี่ชายหลี่อย่างนี้
จวีเหวินเพ่ย:ใครตามจีบใคร
ซูโหย่วเผิง:ตามจีบซึ่งกันและกัน
เจ้าหนิน:คุณเหวินเพ่ยอยู่ที่โรงเรียนก็สอนเพลงชนเผ่าลูกทุ่งให้หรือ
จวีเหวินเพ่ย:ฉันเคยสอนดนตรีลูกทุ่ง พวกเขาเทียบหนังเพลง (คังติ้งฉิงเกอ) เพลงแบบนี้ล้วนคุ้นเคยกัน
เจ้าหนิน:ครั้งนี้รับผิดชอบงานหลักแสดงไม่สดใส ก็รับผิดชอบเรียบเรียงทำนองเพลง ปล่อยให้คุณเทียบ
กับหนังภาพยนตร์เรื่องนี้ยิ่งเพิ่มเต็มไปด้วยอารมณ์รักใคร่ใช่หรือไม่
-
จวีเหวินเพ่ย:อารมณ์รักใคร่ของภาพยนตร์เรื่องนี้ผมรู้สึกว่าตั้งแต่เริ่มแรกพวกเราได้ยินเสียงดนตรี เวลามองดูนิยายเรื่องนี้ จริงๆแล้วกำลังถูกกระตุ้นเร้าใจทีเดียว แน่ละมีประสบการณ์ที่ยากลืมทีเดียวท่อนหนึ่งอย่างนี้ คุณกล่าวว่าผู้กำกับทารุณก็ดี เหี้ยมโหดก็ดี จริงๆให้พวกเราเหลือความทรงจำอย่างลึกซึ้งเป็นพิเศษ เมืองคังติ้งให้ความทรงจำแก่พวกเราดีมากทีเดียว
เจ้าหนิน:ความทรงจำแสนสวยอย่างนี้ใช่อยู่บนร่างซูโหย่วเผิงแบบอย่างเดียวกันเหลือไว้อยู่ใช่หรือไม่
ซูโหย่วเผิง:ควรจะเป็นอย่างนั้น ทุกคนล้วนตั้งแต่เล็กได้ยินถึงหนัง (คังติ้งฉิงเกอ) เพียงแต่ว่าไม่ได้คิดถึงไปขี่ม้าที่ไหน ได้พูดคุยถึงเรื่องพรอดรักอันยิ่งใหญ่มโหฬาร
จวีเหวินเพ่ย:ก็เป็นความรักอันสิ้นหวังยอดเยี่ยมที่สุดแห่งยุค อาทิ ส้งจู่อิง หนินจิ้งเป็นต้น เป็นบุคคลแสดงเสียงภาพยนตร์ ทำนองเพลงหลักใหญ่จึงมีต้นฉบับ 6 ฉบับ
เจียงผิง:มองดูจวีเหวินเพ่ยและซูโหย่วเผิงเวลาตามติดติดตามขี่ม้าบนทุ่งหญ้า หรือว่ามองเห็นผูปาเจี่ยพวกเขากี่คนเวลาแสดงความรัก บนจอก็เสียงดังขึ้น หวังซีชงพวกเขากี่คนประกอบดนตรี เสียงเพลงของส้งจู่อิงและหนินจิ้งเสียงลอยโชยขึ้นมา ความเป็นจริงเพื่อพวกเขากระตุ้นเร้าใจอารมณ์ความรัก เพื่อพวกเขากระตุ้นเร้าใจอันบริสุทธิ์ใจ
เจ้าหนิน:มิตรสหายอยู่บนอินเตอร์เนตพูดห่วงใยเป็นพิเศษว่ากระดุกคอของคุณโหย่วเผิง ไม่ค่อยดีมาก มีการกระทบกระเทือนงานประกอบการร้องเพลงหนังภาพยนตร์หรือไม่
ซูโหย่วเผิง:ค่อยยังชั่ว พอดีก่อนเวลาโฆษณามีงานว่างอยู่ท่อนหนึ่ง ขอพักผ่อนหน่อย
เจ้าหนิน:ครั้งนี้อยู่ในภาพยนตร์มีร้องมันสุดๆหรือไม่
ซูโหย่วเผิง:ยังพอได้ ดีมากๆ พวกเราได้ยินว่าเขตพื้นที่ ธิเบตพวกเขา วิธีร้องเพลงลักษณะดั้งเดิมจริงๆ หวังว่าเวลาเข้าห้องอัดเสียงนำเอาความรู้สึกท่อนนี้ออกมา
-
เจียงผิง:ท่ามกลางพวกเรากล่าวว่าเป็นนักแสดงเหล่านี้ของกลุ่มนักแสดง พวกเขาต่างก็เป็นนักแสดงคณะละคร ธิเบต ท้องถิ่นวิชาสายอาชีพ ไม่ใช่พูดว่าเงิน 50 หยวนหาคนหนึ่งแล้วจึงมา ต้องคัดเลือกอย่างแน่นอนเช่นสาวสวย 8 คนของตังปา ล้วนเป็นนักแสดงของคณะศิลปะนักแสดงท้องถิ่นอย่างดีมาก เวลาเต้นรำพร้อมกับ ฉี่ซิน จึงเป็นคณะศิลปะนักแสดง ล้วนเป็นนักแสดงวิชาชีพ ดังนั้นความรู้สึกของพวกเราแม่นยำชัดเจนอย่างมาก ที่พิเศษคือความหยาบ ความป่าเถื่อน และความบริสุทธิ์ชองพวกเขา คือไล่จับยากมาก ดังนั้นผมรู้สึกว่า ท่ามกลางขั้นตอนซึ่งฟังเพลง (คังติ้งฉิงเกอ) เทียบกับพวกเรานักแสดงที่มีอยู่คือชำระล้างจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง
เจ้าหนิน: มีเพื่อนได้ถามแล้ว แท้ที่จริงพวกเราอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีต้นฉบับของ (คังติ้งฉิงเกอ) กี่ฉบับ
เจียงผิง: ผมรู้สึกว่าได้เพิ่ม จั๋วหม่า เป็นตัวเอกภูมิปัญญาในการร้องเพลงยุคแรกของชนเผ่า ธิเบตที่นับถือของพวกเราในหนัง (คังติ้งฉิงเกอ) ผมรู้สึกว่าควรจะมีต้นฉบับการพิมพ์ 6 ฉบับ พวกเรายืมใช้โอกาส การออกอากาศสดของ ซินล่างอันนี้ ต้องมุ่งแสดงนอบน้อมไปที่นักอาชีพภาพยนตร์และนักดนตรียุคก่อนโน้น มุ่งไปที่อาจารย์จั๋วหม่าตัวเอกภูมิปัญญาแสดงความเคารพ เหมือนปีนั้นเพลง (สี่อีเกอ)---เพลงซักเสื้อ (เป่ยจิงเตอจินซันส้าง)---บนภูเขาทองกรุงปักกิ่ง รวมทั้งในหนังของพวกเราใช้ทำนองที่นิยมแพร่หลายหรือนักประพันธ์บทเพลงร้องนักประพันธ์ทำนองเพลงที่นิยมของชนเผ่า ธิเบต ในปีนั้นมีส่วนหนึ่งบ้างแสดงความเคารพ
ตอนนี้พวกเราไม่แน่ตามหาเจอพวกเขา พวกเขามีบางคนได้อำลาโลกนี้ไปแล้ว เพียงแต่ว่าพวกเราจะมุ่งไปฝึกเรียนกับพวกเขา มุ่งไปแสดงความเคารพต่อพวกเขา เหมือนขอขอบคุณทดแทนบุญคุณ เพราะว่าพวกเขาได้ให้สมบัติซึ่งมีทรงคุณค่า อันอุดมสมบูรณ์เหลือไว้แก่พวกเรา ซูโหย่วเผิง พูดคุยถึงความรักรู้สึกมีจิตสำนึก และจวีเหวินเพ่ย อารมณ์รักใคร่ มีความยุ่งยากซับซ้อน
เจ้าหนิน:ก็มีเพื่อนอินเตอร์เนตกล่าวว่า อยากจะถามนักแสดงเอกทั้งสองท่านของพวกเรา ซูโหย่วเผิงกับจวีเหวินเพ่ย เพราะว่าอยู่ในหนังมีนิยายความรักซึ้งใจคนขนาดนี้ 60 ปีต่างรอคอยซึ่งกันและกัน ทำอย่างไรพวกคุณมองดูดูแลความรักแบบนี้ ทรรศนะความรักของระหว่างเขากับเราจะเป็นอย่างไรอีก
-
ซูโหย่วเผิง:ผมรู้สึกว่าอยู่ในยุคนั้นเป็นไปได้มีแบบนี้ ความรักของคนปัจจุบันนี้เป็นไปได้ตรงกับในยุคนั้นมาเปรียบเทียบแล้วแบบหุนหันพลันแล่น ดังนั้นผมรู้สึกว่าความรักอย่างนี้ยังมีในหนังแบบนี้ ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าชดเชยสิ่งที่มีค่าให้เติมเต็ม ยิ่งเพิ่มความเร้าใจแก่คนทีเดียว
เจ้าหนิน:จึงเป็น 60 ปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน เพียงแต่ว่าต่างไม่ได้แต่งงานอีก เป็นอย่างนี้กันนะ
ซูโหย่วเผิง:ใช่
จวีเหวินเพ่ย:ใช่ เฝ้ารอคอยมาแล้ว 60 ปี
ซูโหย่วเผิง:นิยายของพวกเราแน่ละไม่ใช่คำพูดสองคำสามคำสามารถพูดให้ชัดเจนได้
เจียงผิง:ท่ามกลางนิยายมีวกวนไปมามากมาย ขอเก็บไว้เป็นความลับ
ซูโหย่วเผิง:ยังมีคนชอบเธอ ในท่ามกลางแอบขัดขวาง ท่ามกลางพวกเรายังมีนิยายซับซ้อนกว่านี้
เจียงผิง:เพราะว่าจึงเป็นสาเหตุบนทรรศนะของตัวเองและทรรศนะจากคนภายนอก ทำให้พวกเขาต่างอยู่คนละฟากฟ้า 60 ปีพวกเขาได้เฝ้ารอคอยอย่างเงียบๆ เป็นไปได้ระหว่างเธอและเขาต่างนึกว่าฝ่ายตรงข้ามล้วนมีครอบครัวแล้ว เพราะว่าตนเองเคยให้คำมั่นสัญญาไว้ ต้องเฝ้าคำมั่นสัญญาตนเองไว้ เขาได้แต่งงานเขาโชคดีมีความสุขก็ดี ผมไม่ได้แต่งงานเพราะว่าผมเคยมีคำมั่นสัญญาไว้ อย่างไรก็ตามถ้าเขาไม่ได้แต่งงาน ล้วนมีอาการลักษณะทางใจแบบนี้ พอเฝ้าคอยทีเดียว 60 ปี ผลที่สุดต่างก็ไม่ได้แต่งงานกัน
เจ้าหนิน:ดังนั้นอารมณ์ความรักลักษณะอย่างนี้เป็นไปได้ท่านผู้ชมหลังจากชมดูภาพยนตร์แล้ว ก็จะมาเทียบเคียงกันหรือไม่ก็ตรวจเช็คดูท่าทีความรักของตัวเอง ก็มีเพื่อนอินเตอร์เนตกล่าวว่า คุณโหย่วเผิงมาแล้ว อยากจะถามๆหน่อยใกล้ๆนี้มีงานใหม่อะไรบ้างไหม
-
ซูโหย่วเผิง:ใกล้ๆนี้กำลังยุ่งอยู่กับการโฆษณาภาพยนตร์
เจ้าหนิน:มีแผนการงานใหม่หรือไม่
ซูโหย่วเผิง:จริงๆแล้วนอกเหนือจากในมือตอนนี้มีเรื่อง (คังติ้งฉิงเกอ) แล้ว ยังมีหนังภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่ง
ล้วนต้องอยู่ในเวลาปลายเดือนตุลาคมเข้าโรงออกฉาย ดังนั้นงานโฆษณาค่อนข้างเยอะ ให้ทำหมดก่อน
เจ้าหนิน:อยู่บนจอภาพยนตร์จะมีความรู้สึกตีต่อตัวเองหรือไม่
ซูโหย่วเผิง:ไม่ทราบ หวังว่าทุกคนได้สนับสนุนนะครับ เพราะว่าเป็นภาพยนตร์ที่ไม่เหมือนกัน อีกทั้งล้วนขยันขันแข็งทีเดียว
เจียงผิง:หนังภาพยนตร์อยู่ในวันที่ 21 กันยายนเข้าโรงออกฉาย จะนำไปออกฉายนอกประเทศ
เจ้าหนิน;หนังภาพยนตร์ (คังติ้งฉิงเกอ) ของพวกเราออกฉายวันที่ 21 ตุลาคม
เจียงผิง:วันที่ 16 ตุลาคม พวกเราจะไปเข้าร่วมงานแสดงรางวัลไก่ทองคำ งานแสดงช่อดอกไม้ อยู่ท่ามกลางในงานภาพยนตร์ช่อดอกไม้และไก่ทองคำ โหย่วเผิงมีรายชื่อประกวดรางวัลช่อดอกไม้รายชื่อรางวัลยอดเยี่ยมครั้งนี้ พวกเราจะมีสมาคมประกาศข่าวในนั้น วันที่ 21 พวกเราจะเข้าโรงฉายอย่างเป็นทางการแล้ว วันที่ 22 พวกเราก็จะออกไปเยี่ยมเยือนอเมริกาและญี่ปุ่น นี่ก่อนครึ่งปีก็จองไว้แล้ว ขณะนั้นหนังภาพยนตร์เรื่องนี้ของพวกเรายังไม่เป็นรูปธรรม เพียงแต่พวกเราได้กำหนดเวลาแน่นอน สาเหตูไปถึงที่นั่นเยี่ยมเยือนเหตุเพราะ พวกเราอยู่ที่นั่นได้จัดงานแสดงภาพยนตร์ของประเทศจีน เป็นชาวจีนพ้นทะเลผู้รักชาติที่ รัฐลอสเเอนเจลิสและญี่ปุ่นแยกย้ายกันดำเนินจัดงานแสดงภาพยนตร์จีน เชื้อเชิญคณะผู้แทนของพวกเราไปโชว์แสดงภาพยนตร์แห่งประเทศจีนดีเด่น 10 เรื่อง มุ่งไปยังท่านผู้ชมชาวจีนพ้นทะเลและประเทศอื่นๆแนะนำประเทศจีนได้วิวัฒนาการก้าวหน้า แนะนำภาพยนตร์จีนของพวกเรา
เจ้าหนิน:เชื่อว่าเวลานั้น หนัง (คังติ้งฉิงเกอ) ทำนองเพลงแบบนี้ เสียงเพลงแบบนี้จึงได้ก้าวไปสู่ต่างประเทศในยามราตรี หรือข้างหูทุกคนอีก เมื่อกี้นี้พวกเราขึ้นมาบนสถานีก็มีดนตรีแบบนี้ เพียงแต่หวังว่าสุจริตใจอย่างแท้จริงเพื่อนอินเตอร์เนตซินล่างทุกท่านในวันที่ 21 ตุลาคมได้เข้าโรงภาพยนตร์ เสียงเพลงแบบนั้นอยู่ในนั้น ประวัติศาสตร์ท่อนนั้นอันมีรสชาติชวนชมท่ามกลางนิยายความรักแบบนี้ แสดงความหวังอนาคตของพวกเรา วันนี้ต้องขอขอบคุณผู้กำกับเจียงผิงมากๆ ขอบคุณซูโหย่วเผิง ขอบคุณจวีเหวินเพ่ย ขอบคุณไอ้ซินเจวี๋ยหลัวฉี่ซินเป็นแขกรับเชิญของซินล่าง การพูดคุยสนทนาสนุกรอบนี้ของพวกเราเพราะว่าเวลารายการมีจำกัด ขอขอบคุณทุกท่าน ขอบคุณเพื่อนอินเตอร์เนตติดตามรายการซินล่างของพวกเรา
เจียงผิง:ขอบคุณเพื่อนสหายอินเติอร์เนต
จวีเหวินเพ่ย:ขอบคุณพวกเพื่อนสหายอินเตอร์เนต
เจ้าหนิน:ขอบคุณ เวลาเดียวกันก็ขอขอบคุณรูปโฉม อี้หมิง ลาก่อน
...The End...