บทสัมภาษณ์ในนิตยสาร ฉบับวันที่ 29 พ.ย. 2003
(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/m149-10-h9.jpg)
"โหย่วเผิงได้เขียนหนังสือเล่าถึงเรื่องราวอดีต ปีนั้นเกือนจะไปตายต่างแดน"
(http://i518.photobucket.com/albums/u341/alecmoon001/syp1-1.jpg)
โอกาสที่ได้พบโหย่วเผิงนั้นไม่บ่อยนัก
แต่ว่าครั้งนี้พิเศษหน่อย ไม่ใช่เป็นเรื่องการแสดงหรือการร้องเพลงของเขา แต่เป็นหนังสือ “ชิงชุนเตอฉางสั่ว- วันเวลาสมัยวัยหนุ่ม” ที่เขาเขียน หนังสือเล่มนี้ได้หวนถึงสุขทุกข์ในอดีตสมัยเป็นนักเรียนของโหย่วเผิง การเขียนนั้นน่าตื่นเต้นมากๆ และด้วยเหตุเพราะหนังสือเล่มนี้ การสนทนาของผมกับโหย่วเผิงนั้นได้ทะลวงกาลเวลา กลับไปถึงสมัยเรียนและสมัยเสี่ยวหุ่ตุ้ยของเขา
นักข่าว : หนังสือเล่มนี้กับเล่มก่อน (หว่อไจ้เจี้ยนจงเตอยื่อจื่อ)ที่คุณเคยเขียนนั้น เป็นเล่มเดียวกันหรือเปล่า?
โหย่วเผิง : ใช่ แต่เล่มนี้ได้เพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ เข้าไปบ้าง ปีที่แล้วสำนักพิมพ์ของไต้หวันอยากจะพิมพ์อีก ฉะนั้นคิดถึงในจีนก็อยากจะผลิตและจำหน่ายด้วย ได้ข่าวว่าในจีนมีของเลียนแบบด้วย ผมได้กลับไปหาอดีตอาจารย์ที่เจี้ยนจง พวกเราได้คุยถึงเรื่องต่างๆ มากมาย ล้วนได้เพิ่มเข้าไปในเล่มใหม่นี้ เนื้อหาบางอย่างนั้นฉบับไต้หวันจะไม่มี ตอนนั้นเวลาที่ได้เขียนหนังสือเป็นช่วงเรียนมหาลัย ได้เขียนระลึกถึงอดีตสมัยมัธยมของผม
นักข่าว : ทำไมถึงคิดอย่างจะเขียนหนังสือเล่มนี้?
โหย่วเผิง : เป็นการเรียกร้องของสำนักพิมพ์ อาจเป็นเพราะพวกเขาคิดว่าประสบการณ์ในช่วงนั้นของผมนั้น เป็นประโยชน์ที่จะแบ่งปันให้กับคนอื่น จริงๆ แล้วผมไม่ได้มีความคิดมากมายขนาดนั้น ผมไม่เคยคิดอยากจะพิมพ์ออกมาอย่างนี้ หรืออยากเป็นนักเขียน แท้จริงความจำผมไม่ดีเลย เวลาผ่านไปนานก็จะลืมเอง ยังดีตอนที่พวกเขาให้ผมเขียนนั้นผมเรียนมหาลัยปี 1 หรือปี 2 หากว่าตอนนี้ให้ย้อนคิดนั้นคงจำอะไรไม่ได้เลย
นักข่าว : ช่วงเวลาที่คุณเรียนนั้น อะไรเป็นสิ่งที่สุขที่สุด กับสิ่งที่ทุกข์ที่สุด?
โหย่วเผิง : ก่อนจะเข้าไปเป็นสมาชิกเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นเป็นเด็กหนอนหนังสือ การเรียนดีมาก มีความสุขในการท้าทายอันดับของห้องเรียน มีความสุขที่สามารถชนะคนอื่น ม.4 เมื่อได้เข้าเป็นสมาชิกเสี่ยวหุ่ตุ้ย การเรียนก็เริ่มถดถอย นั่นนับว่าเป็นวันแห่งความทุกข์ของผม
คุณพ่อเคยค้านผมเรื่องเข้าวงเสี่ยวหู่ตุ้ย
นักข่าว : การที่คุณแม่สนับสนุนคุณเข้าเสี่ยวหู่ตุ้ย เป็นเพราะนิสัยที่เงียบๆ ของคุณ?
โหย่วเผิง : เพราะว่าผมเป็นหนอนหนังสือ ไม่รู้เลยว่าสังคมข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง จริงๆแล้วสมัยอยู่มัธยมต้น ก็มีความฝันเป็นดารา ดาราในดวงใจผมคือ มาดอนน่า ยังมีวงและเหล่าดาราหนุ่มสาวของญี่ปุ่น ผมก็เลยไปสมัครเป็นผู้ช่วยรายการ ตอนหลังก็ได้เป็นสมาชิกเสี่ยวหู่ตุ้ย แต่คุณพ่อได้คัดค้าน คุณพ่อเป็นหัวอนุรักษ์นิยม อายที่ผู้ชายจะเอาหน้าตาไปหากิน ท่านคิดว่าลูกเป็นเด็กที่เรียนเก่ง น่าจะไปสอบเข้าเรียนมหาลัย คุณแม่เป็นคนความคิดกว้าง ท่านรู้ว่าผมชอบดนตรี ท่านก็ได้มีเงื่อนไขกับผม อย่าให้งานมากระทบต่อการเรียน ตอนนั้นมีรายการหนึ่งชื่อว่า “ชิงชุนต้าตุ้ยคั่น” เวลาของรายการจะอยู่ช่วงเที่ยงวันเสาร์ คุณแม่เป็นคนที่เนียน ก็ได้คิดวางแผนที่จะดูรายการนี้กับคุณพ่อ แล้วพูดว่า “รายการนี้ไม่เลวเลยนะ ภาพลักษณ์ดีมาก” คุณพ่อก็พยักหน้า จากนั้นดูไปดูไปก็เห็นว่า โอ้ ลูกเราอยู่ตรงนั้น หลังจากนั้นคุณพ่อก็เริ่มเห็นด้วย
นักข่าว : แต่ว่ามันก็กระทบต่อการเรียนคุณนะ
โหย่วเผิง : ใช่ ตอนมัธยมต้นนั้นผมได้ที่ 1 ตลอด น้อยครั้งที่ได้ที่ 2 เมื่อขึ้นมัธยมปลายแล้วน้อยมากที่หลุดพ้นจากอันดับท้ายๆ
นักข่าว : ตอนนั้นดูเหมือนว่าไม่มีเวลาทำการบ้านเลย?