ALL About Alec SU YOU PENG | รวบรวมผลงานของ ซูโหย่วเผิง > BSYP Fan Actions

ซูโหย่วเผิง : 108 เหตุผลที่ทำให้คนหนึ่งคน ติดอยู่ในดวงตา ตรึงอยู่ในดวงใจ By Chotiga Sila

<< < (11/11)

Ploy:
หล่อจังค่ะ   :)
ขอสมัครเป็นนางสนมด้วยคนนะคะ ฮ่องเต้  ;D  ;D  ;D

Chotiga:
 :);D :P 谢谢 ขอบคุณ : ได้ยินจนเหมือนเป็นคำพูดติดปาก :P ;D:)
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)

    มีคำพูดอยู่สามคำที่หลาย ๆ คนคงเคยใช้บ่อย ๆ  เพราะในทางจิตวิทยา  คำสามคำนี้ถือว่าเป็นคำจรรโลงโลก  สามคำที่ว่านั้นก็คือคำว่า “ขอบคุณ” , “ขอโทษ”  และ “ไม่เป็นไร”  และในคำสามคำนี้มีอยู่คำพูดหนึ่งซึ่งมักจะได้ยินบ่อยครั้งมากจากปากของโหย่วเผิง  เพื่อน ๆ จะลองทายกันดูหน่อยไหมจ๊ะว่าเป็นคำไหน  ใช่แล้วจ้าเพื่อน ๆ คำพูดที่โหย่วเผิงใช้บ่อยครั้งมากก็คือคำว่า “ขอบคุณ”  ถ้าเพื่อน ๆ จะได้เห็นโหย่วเผิงปรากฏตัวในที่ต่าง ๆ หรือในรายการต่าง ๆ  คำ “ขอบคุณ” ที่โหย่วเผิงพูดออกมานั้นยิ่งทำให้เพิ่มเสน่ห์ในตัวตนของเขา  ยิ่งทำให้เขาน่ารัก  น่าเอ็นดู  น่าถนุถนอม  และเป็นที่รักของทุกคนมาจนถึงทุกวันนี้  วันนี้เลยแอบลองคิดว่าถ้าตัวเองเป็นโหย่วเผิง  คำกล่าวขอบคุณเหล่านั้นจะสามารถแทนความหมายอะไรได้บ้างนะ
"ข อ บ คุ ณ”
อาจเป็นคำพูดสั้น ๆ เพียงสองพยางค์ 
อาจฟังไม่ได้ไพเราะไปกว่าคำไหน ๆ
แต่เป็นคำที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกจากหัวใจ
แทนทุกความหมายที่ไม่อาจบรรยายเป็นถ้อยคำ



ขอบคุณ . . . สำหรับทุกความห่วงใยและความปรารถนาดี
ขอบคุณ . . . ที่ทำให้คนคนนี้ได้รู้สึกว่าตัวเองยังมีค่า
ขอบคุณ . . . ที่ทำให้รู้จักยิ้มสู้แม้ในวันที่มีน้ำตา
ขอบคุณ . . . ที่เดินเข้ามาและยังไม่เดินจากไป
ขอบคุณ . . . ที่มองเห็นคุณค่าของคนเล็กเล็กคนหนึ่ง
ขอบคุณ . . . ที่ที่ทำให้รู้ซึ้งถึงความรักที่ยิ่งใหญ่
ขอบคุณ . . . ที่สอนให้รู้ว่าโลกนี้ยังมีสิ่งสวยงามมากมาย
ขอบคุณ . . . ที่ที่หยิบยื่นน้ำใจให้กันเสมอมา
ขอบคุณ . . . ที่เอาใจใส่แม้ในเรื่องที่ใครใครไม่สน
ขอบคุณ . . . ที่บอกให้อดทนเมื่อรู้สึกเดียวดาย
ขอบคุณ . . . ที่ทำให้ฉันรู้ว่าต้องลุกขึ้นยืนและเดินต่อไป
ขอบคุณ . . . ที่ปลุกให้ตื่นจากฝันร้ายเมื่อต้องอยู่เพียงลำพัง
ขอบคุณ . . . ที่ยังยืนยันจะอยู่เคียงข้างในทุกทุกครั้ง
ขอบคุณ . . . ที่ยังใส่ใจไม่ว่าจะทำไปในฐานะใดก็ตาม
ขอบคุณ . . . ทุกการกระทำที่แสดงถึงความหวังดี
"ขอบคุณ" ขอให้เธอมั่นใจว่าคำคำนี้ . . . ทุกครั้งที่พูดออกมา  “พู ด ด้ ว ย หั ว ใ จ”

และวันนี้พวกเราลองมาดูบางส่วนบางตอนของคำกล่าวขอบคุณจากโหย่วเผิงกันดูสักนิดดีไหมจ๊ะ............


http://www.youtube.com/v/?v=l71s_xGe9A4&feature=youtu.be





 :) ;) :D ;D :o :P

Chotiga:
 :) :D ;D นัก......ร้อง : ทุกครั้งเมื่อร้องเพลงก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง   ;D :D :)
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)


             หลายครั้งหลายหนที่โหย่วเผิงมีโอกาสได้ให้สัมภาษณ์กับรายการต่าง ๆ  และมีหลายแห่งที่มักจะถามคำถามเกี่ยวกับการร้องเพลงของเขา  วันนี้ก็เลยขอยกบทความบางส่วน บางตอน จากบางกระทูในบ้านเผิงของเรา มายืนยันว่าโหย่วเผิงมีความสุขมากแค่ไหนเมื่อได้ร้องเพลงให้พวกเราฟัง……………

พิธีกร : จริงๆแล้วเรื่องการร้องเพลงนั้น หลายปีมานี้คุณก็ไม่ได้ทิ้งมันไปเลย คุณยังได้มีร้องพวกเพลงต่างๆนิดๆหน่อยๆอยู่ด้วย

โหย่วเผิง : คุณไม่รู้หรอกว่าผมนั้นชอบร้องเพลงขนาดไหน พูดตามตรงเลยว่า ตอนที่ผมเริ่มก้าวเข้าสู่วงการแสดงนั้น                  ผมก็หวังไว้ว่าวันหนึ่งจะกลับมาร้องเพลงอีก ผมชอบร้องเพลงมากๆ ตอนนั้นนะ แม้กระทั่งเวลาอาบน้ำก็ยังร้องเพลงไปด้วย

พิธีกร : เวลาอาบน้ำใครก็ร้องด้วยเหมือนกันแหล่ะ

โหย่วเผิง : จริงซิ อย่างไรก็ตามผมเป็นคนที่ชอบร้องเพลง แม้กระทั่งตอนที่ถ่ายละคร “องค์หญิงกำมะลอ” แม้มือจะถือบทอ่านไปก็ยังร้องเพลงไปด้วยเลย ผมก็หวังไว้ว่าจะหาโอกาสมาร้องเพลงอีก แต่ตอนแสดงก็เอาจริงเอาจริงกับการแสดงเหมือนกัน อย่างไรก็ตามตัวเองนั้นชอบร้องเพลงมากกว่า

พิธีกร : ฉันคิดว่าตอนนั้นคงจะเป็นเวลาที่จะรอโอกาส

โหย่วเผิง : ถูกแล้ว รอโอกาสที่จะร้องเพลงอีก

พิธีกร : แล้วตอนนี้ยังมีความคิดอย่างนี้อยู่หรือเปล่า

โหย่วเผิง : ตอนนี้นั้นอาจจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามตัวเองก็ยังรู้สึกว่ายังรักในการร้องเพลงอยู่ จริงๆแล้วการได้เรียนสิ่งเหล่านี้ในอดีตนั้นก็คิดว่าคงจะได้ใช้มันในอนาคต แน่นอน แต่ท่าทีจิตใจตอนนี้นั้นคงจะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผมรู้สึกว่า การเป็นนักแสดงคนหนึ่งนั้น ก็เหมือนกับผมเป็นนักแสดง ตอนนี้อายุก็ไม่น้อยแล้ว การที่จะยึดอาชีพนักแสดงนั้นคิดว่าจะยืนยาวกว่า โดยเฉพาะงานแสดงนั้นยิ่งทำก็ยิ่งมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญขึ้น มันก็ยิ่งจะเปิดหนทางข้างหน้าของเรามากขึ้นกว่าเดิม แต่สำหรับเวทีเพลงแล้ว จุดนี้คงจะไม่มีหรือไม่เหมือน ส่วนมากนักร้องบนเวทีก็จะเป็นเวทีของนักศึกษาเหล่าบรรดาวัยหนุ่มสาวมากกว่า ฉะนั้นผมเองก็คิดว่า งานหลักของผมนั้นก็คงจะเจาะจงในทางงานการแสดงมากกว่า

พิธีกร : จริงๆแล้วงานการแสดงนั้นถือว่าเป็นเวทีที่ใหญ่มากๆ ก็คือสะสมประสบการณ์ยิ่งเยอะก็ยิ่งจะมีโอกาสที่ดี

โหย่วเผิง : ก็เหมือนกับการร้องละครเพลงของผมอย่างนั้นเลย คุณยิ่งเอื้อนก็ยิ่งมีให้เอื้อนจนไม่มีที่สิ้นสุดเลย

          นี่เป็นเพียงแค่บางส่วนบางตอนจากอีกหลากหลายบทความที่มีอยู่ในบ้านเผิง  และเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนก็คงเห็นด้วยว่า โหย่วเผิงเป็นนักร้องที่ร้องเพลงได้เพราะมาก และร้องได้ไพเราะในทุกสไตล์เพลง  ไม่ว่าจะเป็นเพลงช้า เพลงเร็ว เพลงป็อป เพลงร็อค เพลงปลุกใจ………… ฯลฯ  จึงอยากเรียกว่า  “เพลงเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงความเป็นโหย่วเผิงได้ชัดเจนที่สุดอีกสัญลักษณ์หนึ่งเช่นกัน”…………


Chotiga:
 :) :D :o ::) :P

สะอาดสะอ้าน : สวมใส่เสื้อเชิร์ตสีขาว
(108   เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)
   
   นานมากแล้ว ที่หายไปจากหน้ากระดาษนี้  การบอกเล่าเพื่อน ๆ ถึงเหตุผลที่ทำให้หลงรักชายหนุ่มคนนี้อย่างหมดหัวใจ  มีเขาเพียงคนเดียวที่ยังติดอยู่ในดวงตา  และตรึงอยู่ในดวงใจอย่างไม่รู้ลืมเลือนและไม่เคยลดน้อยลงเลยแม้สักวินาทีเดียว  วันนี้จึงอยากมาเล่าถึงเหตุผลอีกข้อหนึ่ง  บางครั้งก็อยากรู้บ้างเหมือนกันว่าเพื่อน ๆ เคยมีความรู้สึกหรือมีเหตุผลเดียวกันบ้างรึเปล่านะ
   เพื่อน ๆ หลายคนคงเห็นด้วยอย่างแรงว่าซูโหย่วเผิงของพวกเรานั้น  เป็นนายแบบที่นำเสนอเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากโขอยู่  ไม่ว่าแบรนด์ใดก็แล้วแต่ที่ไว้เนื้อเชื่อใจให้โหย่วเผิงเป็นนายแบบเพื่อนำเสนอสินค้าของแบรนด์เหล่านั้น  ก็จะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคด้วยดีเสมอ

   สำหรับฉัน แฟชั่นที่เมื่อไหร่ก็ตามที่โหย่วเผิงได้สวมใส่ คือ เสื้อเชิร์ตสีขาว  ยอมรับอย่างไม่อายเลยแหละว่าหลงไหลชายหนุ่มคนนี้เวลาที่เขาสวมใส่เชิร์ตสีขาว  ดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก  ซึ่งโดยปกติโหย่วเผิงก็เป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์แบบหาตัวจับยากอยู่แล้ว  สำหรับเหตุผลในข้อนี้จึงไม่มีอะไรมาอ้างอิงทั้งสิ้น  เป็นเรื่องของความรู้สึกล้วน ๆ จ้า  ถ้าเพื่อน ๆ ไม่เชื่อว่าโหย่วเผิงมีเสน่ห์เหลือล้นแค่ไหนเวลาสวมใส่เสื้อเชิร์ตสีขาว  เพื่อน ๆ ก็ลองดูภาพประกอบเซ็ตนี้ก็ได้  แล้วจะหลงไหล่ในเสน่ห์ที่เหลือเฟือของชายหนุ่มเชิร์ตขาวคนนี้แบบไม่มีข้อแม้ใดใดเช่นกัน............คริ คริ.

















:) :D ;D ::) :P :o

Chotiga:
 :) :-\ ::) :P :o ;D

ไหว้สวย : งามจับใจด้วยการไหว้อย่างชาวพุทธ
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)


             ซูโหย่วเผิง ฉันอยากบอกคุณเหลือเกินว่า  คุณเป็นผู้ชายที่ไม่ใช่คนไทย (ชาวต่างชาติ)  ที่ไหว้ได้สวยงามที่สุด  ทุกครั้งที่มีโอกาสเห็นโหย่วเผิงไหว้  ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ มันทำให้รู้สึกว่าช่างเป็นชายหนุ่มที่มีความอ่อนน้อม  น่าซาบซึ้ง  การไหว้เป็นวัฒนธรรมประจำชาติของไทยที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เนื่องจากประเทศไทยมีพลเมืองเป็นชาวพุทธเป็นส่วนใหญ่ ความจริงก็มีหลายชนชาติในโลกที่ใช้การไหว้เป็น วจนภาษาอย่างหนึ่งที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างกัน เช่น อินเดีย พม่า ลาว จีน รวมไปถึงญี่ปุ่น ซึ่งล้วนแต่เป็นชนชาติที่นับถือพุทธศาสนาทั้งสิ้น  แต่สำหรับฉัน ชาติไทยเป็นชนชาติที่แสดงออกด้วยการไหว้ได้สวยงามที่สุดในโลก

             มารยาทไทยที่เป็นวัฒนธรรมการทักทาย เวลาพบปะกันหรือลาจากกัน “การไหว้” เป็นการแสดงถึงความมีสัมมาคารวะ และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน นอกเหนือจากการกล่าวคำว่า “สวัสดี” คนไทยเป็นคนที่มีอุปนิสัยอ่อนน้อม มีสัมมาคารวะ การไหว้เป็นการแสดงความมีสัมมาคารวะอย่างหนึ่ง และเป็นธรรมเนียมการทักทายและแสดงความเคารพ เมื่อจะไปโรงเรียนและเมื่อกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านลูกจะไหว้พ่อแม่ถ้ามีผู้ปกครองก็ไหว้ผู้ปกครอง เมื่อไปถึงโรงเรียนและเมื่อกลับจากโรงเรียนเด็กจะไหว้ครู การไหว้ทำให้ผู้ใหญ่รักและเอ็นดู คนที่พบเห็นก็ชื่นชม ในภาษาไทยมีคำกล่าวถึงผู้ที่มีสัมมาคารวะและได้รับการอบรมมรรยาทให้รู้จักไหว้ว่า รู้จัก “ไปลามาไหว้” หมายความว่า เมื่อมาถึงก็ ไหว้ เมื่อจะไปก็ลา  การไหว้นั้นเกิดจากธรรมชาติของมนุษย์ที่จะแสดงความรัก ความเคารพต่อกัน  โดยธรรมชาติแล้วการสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวกัน เป็นภาษาท่าทางที่แสดงออกถึงความรักที่มีต่อกัน   สัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขหรือแมวมักจะแสดงความรักกับเจ้าของด้วยการเข้ามาสัมผัสคลอเคลียด้วย มนุษย์ก็เช่นกันที่มีการแสดงความรักต่อกันด้วยการโอบกอด หลายประเทศทางยุโรปใช้การสัมผัสมือเมื่อพบกัน บางประเทศใช้แก้มสัมผัสกัน ใช้หน้าผากสัมผัสกัน หรือใช้จมูกสัมผัสกันก็มี แต่ทางแถบเอเชียนั้นการสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวผู้อื่นนั้นถือว่าไม่สุภาพนัก คนทางแถบเอเชียจึงใช้การสัมผัสตัวเองเป็นการแสดงการทักทายหรือทำความเคารพ เช่นชาวจีนใช้มือทั้งสองข้างสัมผัสกันเพื่อแสดงการคารวะ  อินเดียใช้ฝ่ามือทั้งสองประนมประกบกันเหมือนดอกบัวตูม เพื่อแสดงความเคารพและบูชา ของไทยเราน่าจะรับวัฒนธรรมนี้มาจากอินเดีย นำมาปรับปรนให้เหมาะกับวิถีชีวิตของคนไทยจึงเกิดเป็นวัฒนธรรมการไหว้ ขึ้นมา

              “การไหว้”  เป็นภาษาท่าทางที่ใช้แสดงความเคารพ ทักทาย โดยการยกมือสองข้างประนม พร้อมกับยกขึ้นไหว้ในระดับต่างๆ นอกจากนี้ยังแสดงออกถึงความหมายของ การขอบคุณ การขอโทษ การยกย่อง การระลึกถึง และอีกหลายความหมายสุดแท้แต่โอกาส  การไหว้เป็นการแสดงมิตรภาพ มิตรไมตรี ที่เป็นขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นวัฒนธรรมที่งดงาม รวมทั้งเป็นสิ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์ และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทย ที่ปัจจุบันกำลังเลือนหายและถูกละเลยอย่างน่าเสียดาย ประเทศไทยซึ่งเคยได้ชื่อว่ามีวัฒนธรรมที่งดงามเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม (Land of Smile) ที่ผู้คนรู้จักไปทั่วโลก กำลังสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไป ทั้งที่การไหว้เป็นมารยาทแบบไทยๆ ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก

             มารยาทในการไหว้ เป็นวัฒนธรรมไทยที่คนรุ่นใหม่อาจจะมองข้ามไป ด้วยเหตุผลหลายประการ แต่โดยสำนึกของความเป็นคนไทยแล้ว เชื่อว่าในส่วนลึกของจิตใจทุกคน ยังเห็นสิ่งนี้เป็นสิ่งดีงามอยู่ เพียงแต่ กระแสวัฒนธรรมตะวันตกที่เข้ามาทางสื่อต่างๆ ถาโถมมาอย่างมากมาย จนทำให้เยาวชนของเราหลงใหลไปบ้าง ทำให้หลงลืมสิ่งดีงามที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมไป ปัจจุบันจะเห็นว่าหลายหน่วยงาน หันกลับมาให้ความสนใจความเป็นไทยมากขึ้น เห็นได้ชัดตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อที่มีอยู่มากมาย ที่พนักงานไหว้แสดงการต้อนรับและขอบคุณลูกค้า ถึงแม้จะไหว้ได้ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง ไหว้ได้สวยบ้างไม่สวยบ้าง แต่ก็ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเองเสมือนญาติพี่น้องกันมากขึ้น

             โหย่วเผิงของพวกเราก็เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี  ดังนั้นจึงมีจริยปฏิบัติที่งดงาม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่ทุกครั้งที่เห็นโหย่วเผิงแสดงความเคารพด้วยการไหว้ เขาจึงเป็นผู้ชายที่ไม่ใช่คนไทยที่ไหว้ได้สวยงามที่สุดคนหนึ่ง  ขอยืนยันการันตีด้วยภาพประกอบเซ็ตนี้เลยนะจ๊ะ...............แล้วเพื่อน ๆ ลองบอกซิว่า เห็นด้วยรึเปล่า



















 :-[ ::) :o :D ;D :-*

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version