แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Alec Love Me

หน้า: 1 ... 207 208 [209] 210 211 ... 216
4167
https://www.facebook.com/AlecfanclubinThailand/posts/1479485718756583

“เสี่ยวหู่ตุ้ย” ในเทศกาลวันขนมบัวลอย”
ช่อง CCTV 1  เวลาประมาณ 19:40 นาที


http://tieba.baidu.com/f?kz=721816984




เสี่ยวหู่ตุ้ย ซิงกวางอีจิ้วชั่นลั่น แสงดาวยังคงระยิบระยับ

เมื่อคืน 2010  รายการราตรีตรุษจีนที่ฉันชื่นชอบที่สุดได้ถ่ายทอดสดที่ละรายการๆ ตามที่หวัง ว่าเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยจะต้องได้รับรางวัลที่หนึ่ง พวกเขาสามคนที่ได้รับโล่รางวัลแล้ว เห็นถึงความตื่นเต้นตื้นตันใจที่ไม่สามารถจะปกปิดได้ นักข่าวได้ฉวยเวลาอย่างรวดเร็วในการไปสัมภาษณ์ผู้จัดการส่วนตัวโหย่วเผิง แม้การเรียกร้องให้จัดคอนเสิร์ดทัวร์ของแฟนคลับจะยิ่งร้อนแรงขึ้น แต่หลังจากเทศกาลตรุษจีนแล้ว พวกเขาที่สกัดในค่ายที่ต่างกันนั้น ต่างก็ได้ล่ำลากันไปทำงานของตัวเอง

มาจัดตารางเวลาใหม่เพื่องานราตรีตรุษจีน

งานราตรีตรุษจีนปีนี้ของสถานียางซื่อ เพลงแห่งคลาสสิกของเสี่ยวหู่ตุ้ยได้สร้างสีสันเป็นอย่างมาก ทางสามหนุ่มก็ได้พูดแต่เนิ่นๆเลยว่าหากได้รับรางวัลก็จะมีโอกาสขึ้นเวทีอีก วันที่ 27 เป็นการประกาศรางวัล พิธีกรได้ประกาสรางวัลชนะเลิศประเภทร้องเพลงเป็นของ โหย่วเผิง ฉีหลง จื้อเผิงและทั้งสามคนก็ขึ้นบนเวทีรับรางวัล และได้ร้องเพลงเก่าอีกเพลงคือ (ซิงกวางอีจิ้วชั่นลั่น)

ก่อนจะมีการประกาศนั้นมีอยู่สองวงที่ได้ลุ้นรางวัลนี้คือเสี่ยวหู่ตุ้ยกับหวังเฟย เพราะทั้งสองต่างก็แสดงได้ดีมาก ผู้จัดการส่วนตัวของโหย่วเผิงได้กล่าวว่า “เวลาที่ประกาศรางวัลวินาทีนั้นถึงจะรู้ว่าเราได้รับรางวัล มันเหนือความคาดหมายจริงๆ ช่วงมีการพิจารณานั้นพวกเราไม่รู้เลยว่าจะได้รับรางวัล แต่ถ้ารู้ก่อนก็คงจะเตรียมการร้องเพลง (ซิงกวางอีจิ้วชั่นลั่น)ให้ดีกว่านี้”

สำหรับเรื่องที่ว่าทำไมต้องเลือกเพลงนี้มาร้องนั้น อัลบั้มทั้งหมด 12 ชุดของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นมันถึง 3 หมื่น ในเคทีวีนั้น เปอร์เซ็นการเลือกฟังเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นสูงมากๆ ทางแฟนเพลงต่างก็รู้สึกว่ายังไม่สะใจ จึงเรียกร้องให้ทั้งสามคนจัดคอนเสิร์ดทัวร์อย่างไม่หยุดหย่อน
 
ทราบจากนักข่าวว่า ทางค่ายของแต่ละคนล้วนมีงานของพวกเขาตามตาราง สำหรับโหย่วเผิงนั้นมีงานโปรโมทภาพยนตร์ (กูเต่ามี่มี่จั้น) (เส้าเหนียนสี่ซิงไห่) (ซื่อเก้อชิวปี่เท่อ)(สินเจ่าหลิวซันแจ่) รออยู่ ตารางงานนั้นได้จัดแน่นจนถึงท้ายปีเลย
 
“เหตุเพราะตารางเวลาของทั้งสามคนนั้นแน่นไปหมด งานคอนเสิร์ดทัวร์ก็คงเป็นไปไม่ได้ อนาคตหากมีงานแบบราตรีตรุษจีนอย่างนี้ พวกเรายินดีที่จะร่วมงาน” ผู้จัดการโหย่วเผิงกล่าว

การสละเรื่องการเงินไป ผู้จัดการบอกว่าไม่เสียดาย เธอคิดว่า ความคลาสสิกย่อมมีคุณค่าความหมายของมันอยู่ “เสี่ยวหู่ตุ้ยได้รับรางวัลและความภูมิใจมากมาย พวกเราไม่อยากจะทำร้ายน้ำใจความตั้งใจของแฟนๆที่ค่อยสนับสนุนพวกเรามาตลอด แต่หากจะจัดงานคอนเสิร์ดทัวร์นั้น แน่นอนก็คงจะมีคนพูดว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยมาหาเงินอีกแล้ว การเป็นสมาชิกของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น ไม่อยากจะทำลายภาพลักษณ์ความคลาสสิกของเสี่ยวหู่ตุ้ย”


โหย่วเผิงถนอมความสัมพันธ์ของเพื่อน

เมื่อเผชิญกับการลาจาก ทั้งสามก็ต้องเสียใจบ้าง วันที่ 27 เว็ปของจื้อเผิงได้เขียนว่า “ผมได้ร้องไห้ ร้องไห้ในใจ” ขณะเดียวกัน ในเว็ปของโหย่วเผิง ก็ได้ตอบคำถามมากมายให้กับเหล่าแฟนๆถึงเรื่องราวปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น “บางครั้งมรสุมชีวิตมันหนักหน่วงมากๆ มันท่วมเสียงของเรา เพื่อนรักที่ได้โตมาด้วยกันทั้งหลาย แม้ว่าพวกเรานั้นไม่สามารถจะย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อนได้ แต่ก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะพวกเรายังมีอนาคตที่ดีกว่า ผีเสื้อก็จะบินต่อไปเรื่อยๆ”

 
“20 ปีก่อน ตอนที่ร่วมงานกับเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นตอนนั้นโหย่วเผิงยังเป็นเด็กอยู่ ประมาณ 16  ฉันรู้สึกว่าเขาในวันนี้นั้นเป็นผู้ใหญ่มากๆ มีเสน่ห์ มีความรับผิดชอบ” ผู้จัดการส่วนตัวเขาพูด วัยหนุ่นไม่สามารถจะหวนคืน การรวมตัวอีกครั้งเป็นได้แค่ความฝัน ขออวยพรให้เสือน้อยสามคนโชคดีตลอดไป

4168
Magazine Interviews-China / Re: 2008 Alec in Fengshang Trend Magazine
« เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 03:49:55 AM »

ถาม- ปกติคุณจะพกอะไรไปด้วยระหว่างที่คุณเดินทาง

ตอบ- พวกเครื่องอาบน้ำและครีมบำรุงผิว ซึ่งในกระเป๋าเดินทางโดยทั่วไปจะมีช่องไว้ให้ใส่อยู่แล้ว ผมแทบจะไม่เคยเอามันไว้ข้างนอกช่องที่ไว้ใส่สำหรับมัน และที่ต้องมีก็คือเครื่องเล่นเสียงเพราะผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเสียงเพลง หนังสือสำหรับอ่านบนเครื่องบิน กล่องใส่ยาสามัญทั่วไป ชุดชั้นใน ถุงเท้า กล่องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ i-pod notebook พร้อมตัว adapter ผมเชื่อในศาสนาพุทธดังนั้นผมจะเอาลูกปะคำกับหยก Guan-yin ไปด้วย และผมก็จะเอา PSP (เครื่องเล่นเกมส์) ไปด้วยถ้าสถานที่ที่ไปนั้นมันอยู่นอกเมืองซึ่งโดยปกติแล้วผมเป็นคนไม่ชอบเล่นเกมส์



ถาม- เรื่องที่ไม่เคยลืมเกี่ยวกับกระเป๋าเดินทาง

ตอบ- มีอยู่ครั้งหนึ่งกระเป๋าผมแอบถูกเปิด มุมกระเป๋าด้านหนึ่งแหว่งและเป็นรูลึกลงไป ถ้าเป็นกระเป๋าทั่วไปก็ทำได้ แต่นี่มันเป็นกระเป๋าเดินทาง ผมรู้สึกเสียใจมากเลย กระเป๋าเดินทางคเปรียบเหมือนชีวิตของนักเดินทาง เพราะมันสำคัญมากสำหรับพวกเรา และผมหวังว่าคนที่ทำงานในสนามบินจะดูแลมันเป็นอย่างดี เมื่อเร็วๆนี้ที่ผมกลับมาจากอเมริกา กระเป๋าผมหายไปใบนึง รู้สึกแย่มาก เพราะข้างในมันมีพวกเครื่องสำอางอยู่ แต่โชคดีที่สายการบินทางอเมริกาส่งคืนมาให้บ้านผมที่ไต้หวัน แต่มันยังคงทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น



4169
Magazine Interviews-China / 2008 Alec in Fengshang Trend Magazine
« เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 03:49:32 AM »
Alec in Fengshang Trend Magazine (15 March 2008)


ยี่ห้อและเหตุผลที่ชอบกระเป๋าเดินทาง

เมื่อพูดถึงความชอบกระเป๋าเดินทางของซูโหย่วเผิงแล้ว กล่าวได้ว่าเค้าชอบกระเป๋าเดินทางยี่ห้อ “Rimowa” อย่างมาก เนื่องจากมันไม่ได้ผลิตจากโลหะหนัก แข็งแรง ยืดหยุ่น และน้ำหนักเบา ใส่ของที่มีน้ำหนักมากก็ไม่ทำให้เสียรูปทรงพร้อมทั้งปกป้องของที่อยู่ภายในได้เป็นอย่างดี เหตุผลสุดท้ายก็คือ อายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน ซูโหย่วเผิงมีกระเป๋าเดินทางยี่ห้อนี้ถึง 4 ใบด้วยกันแต่เป็นคนละสี กระเป๋าเดินทางในรูปหน้าปกนั้น ของเดิมมันเป็นสีทอง แต่หลังจากที่ใช้มาเป็นเวลานาน สีก็เลยซีดลงเล็กน้อย แต่ว่ามันก็ยังดูดีอยู่เลย

ซูโหย่วเผิงใช้ LV Rimowa ใบนึงสำหรับการเดินทางทั่วๆไป เค้ากล่าวว่าใบนี้เค้ามีมานานหลายปีแล้ว เหตุผลที่เค้าชอบมันเนื่องจากมันดูสวย ไว้ใจได้ในเรื่องคุณภาพ และอายุการใช้งานยาวนาน แต่ข้อเสียของมันมีอย่างเดียวคือ ซิบรูดปิดยาก และเวลาใช้ไปนานๆมันจะมีรอยถลอกข้างในอีกด้วย แต่โหย่วเผิงก็ไม่ได้เอาไปซ่อม มีอยู่ครั้งหนึ่ง หูหิ้วกระเป๋าขาดเนื่องจากบรรจุของหลายอย่างและก็หิ้วนานเกินไป ดังนั้นมันจึงทำให้ไม่สะดวกเวลาต้องเดินทางไปหลายๆที่

นอกจากนี้ซูโหย่วเผิงยังชอบกระเป๋าหนัง แม้ว่ามันจะใช้มานานแล้วแต่ก็ยังดูดี เค้าไม่ชอบกระเป๋าเดินทางเพราะว่ามันทำมาจากผ้าซึ่งจะทำให้สกปรกง่ายมาก

ถาม- คุณมีวิธีในการเลือกใช้กระเป๋าเดินทางอย่างไร คุณเป็นนักเดินทางที่จัดกระเป๋าเก่งมากเลยใช่ไหม๊

ตอบ- ใบที่แพงแล้วก็จำเป็นคือใบที่มี LV ซึ่งภายในจะบรรจุของไว้อย่างเช่น สบู่ แชมพู และก็เสื้อผ้าทั่วไป ผมเป็นคนแพ็คกระเป๋าเก่งนะ มันมาจากประสบการณ์ในการเดินทางไปหลายที่เพราะผมเดินทางตั้งแต่อายุยังน้อย ส่วนใหญ่กระเป๋าพวกนี้ข้างในจะมองเห็นได้ แบบเป็นตาข่าย ผมจะชอบใช้มันใส่พวกของจิปาถะเช่น เข็มกลัด เข็มขัด ผมจะแบ่งเนื้อที่ในกระเป๋าเวลาใส่ของไว้ 4 ส่วน- ส่วนนึงสำหรับใส่พวกของต่ำๆ เช่นพวกถุงเท้า ส่วนนึงสำหรับใส่ของจิปาถะ อีกส่วนสำหรับเสื้อผ้าและกางเกง ส่วนสุดท้ายสำหรับของชิ้นใหญ่หน่อยเช่น หมวกและรองเท้า ส่วนโน๊ตบุ๊คและพวกเครื่องเล่นเสียงผมจะไว้รวมกับเสื้อผ้าโดยจะรัดให้แน่นอีกชั้นหนึ่ง

4170
Magazine Interviews-China / Re: 2008 issue of LOHAS China mag
« เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 03:47:40 AM »
ผมเพียงแต่ให้คำแนะนำเท่านั้น

ในวันฤดูร้อนในปี 2005 ซูโหย่วเผิงตอบรับคำเชิญสำหรับ hope project ที่ก่อตั้งโดย มูลนิธิพัฒนาเด็กจีน เขาออกจากงานพื้นที่หุบเขาแดนไกลในSichuanที่จะให้เยี่ยมเด็กที่ยากจน การเดินทางนี้เป็นจุดเปลี่ยนของการดำเนินชีวิตหลายๆ – มากกว่าเด็กๆเหล่านั้น ความรู้สึกสงสารของซูโหย่วเผิง ด้วย ที่ถูกทำให้เข้ากัน

“ก่อนการจากไปสำหรับโรงเรียนความหวัง พวกเราเตรียมพร้อมเครื่องเขียนหลายชิ้นที่จะให้เด็กๆ Amy ติดต่อเพื่อนสนิท ในตอนท้าย “pengmi(แฟนๆของซูโหย่วเผิง)” ได้เข้าร่วมในความพยายามครั้งนี้ด้วย หมวกจากของคุณเสื้อเชิ้ตจากของผม - พวกเราส่งเงินบริจาคของพวกเราให้โรงเรียนที่ห่างไกล อะไรที่เป็นมากกว่าความคิดเป็นข้อเท็จจริงซึ่งรุปจากงานนี้ได้ถูกพิพม์ลงบนแสตมป์เมตตาและขายให้กับสาธารณะเพื่อนำเงินเข้ากองทุนวันที่ 17 กันยายน วันที่เมื่อมูลนิธิความรักของซูโหย่วเผิง ได้ก่อตั้งขึ้น ซูโหย่วเผิง ได้ตั้งใจเลื่อนงานฉลองวันเกิดประจำปีของเขาในวันที่ 11 จนถึงวันนี้ ขณะแฟนๆเขากำลังได้ซื้อแสตมป์เมตตาด้วยศรัทธาอย่างแรงกล้า นอกจากนั้นยังมีแสตมป์จำนวนเล็กๆที่เพิ่มจำนวนแข่งขัน พวกเหล่านั้นได้ถูกขายไปบนอินเตอร์เนตสำหรับค่าที่ล่าสุดที่แสตมป์ที่สูงถึง 100,000 RMB

บนการเรียนรู้ซึ่งสร้างโรงเรียนความหวังนี้ต้องใช้เงิน 200,000 หยวน ซูโหย่วเผิง ได้อุทิศจำนวนมากเกินและมอบหมายโปรเจคความหวังนี้ที่จะสร้างโรงเรียนความรักที่เป็นทีต้องการของชาวบ้าน “ได้โปรดอย่าอธิบายผมให้มันมากมาย” ในรายการใหญ่ ส่วนของผมเป็นส่วนเล็กๆเท่านั้น ถ้าทีมงานทุกๆคน และผู้คนทำในสักครู่ พลังของทุกๆคนจะรวมกับไปในแม่น้ำสายใหญ่” ถ้าทุกๆคนให้เงินช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆที่จะสร้างโรงเรียนนี้ พวกเขาจะรู้สึกรู้ได้และประสบการณ์ที่ได้ทำสำเร็จ ผมแค่ได้เริ่มต้อนสำหรับการกุศล”

ในฤดูใบไม้ผลิปี 2007 โรงเรีนยนความวหวังของซูโหย่วเผิงได้สร้างได้สำเจ็นในหมู่บ้าน Zhaobao Luoyang Henan ในการพิธีการเปิด คนหลายหลากชั้นของชาวบ้านจากหมู่บ้านและหมู่บ้านข้างเครียงได้มาล้อมรอบโรงเรียน ปู่และยายจากหมู่บ้านได้จับมืออย่างแน่นกับ ชายที่เป็นคนดีมากๆ และได้ให้ตะกร้าไข่และพุทราแก่เขา อาจารย์ใหญ่โรงเรียนเก่าแก่ 50 ปีได้ถึงกับตื่นเต้นอย่างมากเพราะว่าหน้าเขาเป็นดาราที่ซึ่งเห็นบ่อยๆในทีวีและตอนนี้ด้วยกำลังของเขาได้สร้างโรงเรียนให้หมู่บ้านที่พิธีการนี้

“ธรรมชาติของคนมีทั้งดีและเลว มันไม่ได้เป็นอย่างนี้หรืออย่างนั้น แต่สิ่งเดียวคือมีซึ่งกันและกัน - ความสุขได้ถูกพบในการช่วยเหลือคนเป็นบางสิ่งที่ไม่สามารถทดแทนได้”



4171
Magazine Interviews-China / Re: 2008 issue of LOHAS China mag
« เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 03:46:55 AM »
รักการศึกษา ดาราดังคุณภาพ

ที่สำคัญการสัมภาษณ์บุคคลดังๆ นักข่าวทั้งหมด รวมถึงพวกเรา ทำการบ้านที่จะเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับคนนั้น ขณะวิเคราะห์ที่ใช้แรงงานมากผ่านข้อมูล พวกเราประหลาดใจมากๆ – กิจกรรมของหน่วยสังคมสงเคราะห์สาธารณะและงานการกุศลซูโหย่วเผิงได้มีส่วนร่วมถึง 50. ในวันแรกๆของ 1990 Little Tiger ซึ่ง ซูโหย่วเผิงได้อยู่ในนั้น ประกอบด้วยการรณรงค์หน่วยงานสังคมสงเคราะห์ 2 หน่วย คือ food hygiene และ endure the traffic congestion ในปีนั้น พวกเรา obedient tiger เพิ่งจะ 17

ไม่เพียงแค่ในพื้นที่ไต้หวัน แต่ยังอยู่ในยุคที่การแข่งขันดนตรียึดครอบครองอย่างรุนแรง การวางตลาดของ little tigers เป็นเรื่องที่เรียกได้ว่ามหัศจรรย์ ผู้คนได้เริ่มตระหนักมากกว่าการมีชื่อเสียงซ้ำ นักเรียนที่ดี อีกด้วย สามารถอาศัยอยู่ ร้องและเต้น และยังทำได้ดีอีกด้วย ซนและสร้างปัญหา

เมื่อ little tigers ได้ยุบตัวลงใน 1992 พวกเขาได้เข้าร่วการรณรงค์การกุศลหลากหลายในจิดที่สูงของการเป็นวงดาราที่มีคุณภาพ พวกเขาช่วยเหลือสัตว์เฉพาะที่ใกล้จะสูญพันธ์เช่น ปลาวาฬขาว เป็นนักพูดสำหรับกิจกรรมหน่วยสังคมสงเคราะห์ในวันระหว่างประเทศสำหรับผู้คนที่มีอุปสรรคและ ได้สู้อีกครั้งกับโรค AIDS เสื้อผ้าสีเจิดจ้าคู่กับความจริงใจและการปรากฏตัวได้รับคำต้องรับจากวัยรุ่นและดลใจแก่ครอบครัวเขา

เกี่ยวกับการที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการกุศล มันสามารถพูดได้ว่า ซูโหย่วเผิง เป็นหนึ่งใน 3 ที่ดีเยี่ยม เขาอุทิศตัวเองที่ทำเป็นอาสาสมัครชั่วชีวิตสำหรับหน่วยเชื่อมโยงสังคมสงเคราะห์สิงคโปร์ ประกอบไปด้วยการโฆษณาบทแบบจำลองที่จะส่งเสริมการข้าวของผู้สมัคร และสปอนเซอร์เด็กๆจากบ้านที่อุปถัมในไต้หวัน (การช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นด้านการเข้ามาเป็นเวลาหลายปีจนถึงปัจจุบัน)และอื่นๆ เขาได้ขยายความเห็นใจของเขาและความอบอุ่นข้ามทวี จากจีนไปสู่ทั่วโลก ไม่ต่างกับการช่วยเหลือในจิตใจเด็กๆพิการในปักกิ่ง หรือการจัดเตรียมช่วยเหลือเด็กจีนในแคมโบเนีย หรือการช่วยผู้คนที่ได้รับการติดเชื้อจากโรค SARS เมื่อพวกเราถกเถียความยากลำบากในการเดินทางการช่วยเหลือมากกว่า 10 ปี ซูโหย่วเผิง เรียกร้องให้ ไม่มีข้อโต้แย้ง

“ผมมาที่ธุรกิจการบันเทิงเมื่อผมยังเป็นวัยรุ่น ดังนั้นงานการกุศลหลักๆและกิจกรรมนักพูดได้ถูกจัดลงโดยตัวแทนของบริษัทผม เพื่อที่เป็นการซื่อสัตย์ ไม่ตระหนักกับการที่ถูกเข้าร่วมนี้มากนัก หลังจากเวลาผ่านไปนาน ผมแสดงให้เห็นถึงความสามารถและอิทธิพลของผมอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปหลายปี ผมได้รับอิสระและความรักมากขึ้น บ่อยๆที่ผมยินดีในผลลัพธ์ของผมและเจอคำถามบ่อยๆที่ความดีและความสามารถของผมคืออะไร จนถึงวันหนึ่ง เสียงที่แตกต่างชัดเจนดังออกมาจากในจิตใจผม เหมือนกับภาพทั่วไป ผมความจะรับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบมากขึ้น เมื่อผมคิดถึงเรื่องเหล่านี้ มันเป็นเหมือนกระแสน้ำอุ่นไหลทะลักออกมาจากหัวใจผม ผมเริ่มที่จะมีความคิดริเริ่มที่จะเข้าร่วมงานการกุศล ผู้จัดการใหญ่ของผม Amy ยังเป็นผู้จัดการของAndy Lau มาเป็นเวลาหลายปี ความคิดของหล่อนในงานการกุศลและได้เข้าใจเกี่ยวกับการทำอะไรของบุคคลที่มีชื่อเสียงมันเป็นเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างมาก ผมสำนึกในบุญคุณหล่อนสำหรับข้อเสนอแนะและให้กำลังใจเมื่อผมทำงานการกุศล หล่อเป็นหนึ่งซึ่งตระหนักถึงความจริงซึ่งงานนี้ต้องการความกระตือรือร้นและหน้าที่รับผิดชอบอย่างมากๆ” ซูโหย่วเผิง ได้กล่าวไว้


4172
Magazine Interviews-China / 2008 issue of LOHAS China mag
« เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 03:46:26 AM »
2008 issue of LOHAS China mag

I Just want to be a starter for Charity


ซูโหย่วเผิง: ผมหวังที่จะรวมพลังของทุกๆคนไปในแม่น้ำ

สิ่งหนึ่งสามารถเข้าใจซึ่งบนเวที ซูโหย่วเผิง แสดงออกมาถึงนิสัยผู้ใหญ่เมื่อเขาได้ยกมือของเขา หน้ากล้อง เขาแสดงสไตล์ดารากับความมั่นใจ เบื้องหลังฉาก นอกจากนั้นเขาเข้าใจที่จะว่าจะทำอย่างไรที่จะตอบสนองความต้องการของคนอื่นและเป็นการโปรโมตหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ที่เขารักและงานการกุศลเพื่อที่จะขยายให้กว้างใหญ่ขึ้น

“ได้โปรดอย่าอธิบายผมให้มันมากมาย” ในรายการใหญ่ ส่วนของผมเป็นส่วนเล็กๆเท่านั้น ถ้าทีมงานทุกๆคน และผู้คนทำในสักครู่ พลังของทุกๆคนจะรวมกับไปในแม่น้ำสายใหญ่”







4173
Magazine Interviews-China / Re: 2008 Beijing Youth Weekly
« เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 03:45:00 AM »
ยืนหยัดกับปล่อยวาง

ผมเชื่อว่า ความเข้าใจนี้ซูโหย่วเผิงได้ผ่านประสบการณ์เอง การบอกว่า โตเป็นผู้ใหญ่นั้น ที่จริงเป็นการเรียนรู้ที่จะยืนหยัดและปล่อยวาง สิ่งที่เขาได้ยืนหยัดนั้นเขามองเป็นดังความมั่งคั่งของเขา สิ่งที่เขาปล่อยวางนั้นเขามองเป็นการให้อภัยอย่างหนึ่ง

คนเรานั้นล้วนมีหลักการ แต่มีบางคนนั้นได้ก้มหัวให้ต่อหลักการของตัวเอง หลักการของผมนั้นมีเหตุผลเหมือนกัน เหตุผลนี้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้าม ผมยืนหยัดในสิ่งที่ผมต้องการ หากว่าจะได้สิ่งที่ต้องการแล้วทิ้งหลักการไปนั้นผมก็ยอมที่จะสละสิ่งนั้นไปดีกว่า แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นใหญ่จะยึดหลักการของผมขณะที่ร่วมงานกับคนอื่น ผมก็ตั้งใจฟังความเห็นของคนอื่นด้วย และจะหาทางที่ดีที่สุดมาเป็นบทสรุป

ที่จริง ซูโหย่วเผิงก็ได้ยืนหยัดมาตลอด เขาไม่ยอมที่จะให้ตัวเองพูดหรือทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผมเกลียดการแสแสร้งกับพวกผักชีโรยหน้ามากๆ เช่นการทำบุญแบบหลอกลวง ชีวิตแบบนี้ไร้ความหมายสิ้นดี ศิลปินทำได้อย่างที่ผมทำในช่วงอย่างนี้ ไม่รีบไม่ร้อน จากมุมมองของซูโหย่วเผิง เข้าสู่วงการนี้ก็นานแล้ว สามารถมีนิสัยที่ดี ก็เป็นลักษณะของเขาในตอนนี้



สิ่งที่เขายืนหยัดนั้นยังมีเพื่อนของเขากับความรู้สึก มุมมองของเขานั้น


ชีวิตที่โชคดีที่สุดคือการได้เจอเพื่อนที่ดี เพราะว่าเพื่อนที่ดีนั้นจะสามารถให้อภัยสิ่งที่ผิดแก่เราได้ ให้ความสบายใจกับคุณ เสียสละเวลามารู้จักเข้าใจคุณ ร่วมความรู้สึกกับคุณ อ่านใจคุณออก เป็นเพื่อนเคียงข้างคุณ

สิ่งที่เขาสนใจก็คือคนที่ชื่นชอบเขาฝากฝังเขา จากเริ่มแรกของมอนดอนน่า จนถึง ซื่ออาง คือในตอนนี้ เขาก็ยังคงหลงรักเสียงเพลงดนตรีของพวกเธออยู่ เนื้อเพลงทำนองพวกนี้ได้เคียงข้างเป็นกำลังใจให้เขาในเวลาอ้างว้างโดดเดี่ยวสิ้นหวังที่ต่างวาระกันไป ไม่ว่าจะเป็นเพลงเก่าเพลงใหม่นั้นก็ยังฝังอยู่ในใจเขามาตลอด เป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของชีวิตเขา ก็เหมือนกับแฟนเพลงของเขาที่รักชอบในเพลงของเขาอย่างนั้นแหล่ะ (ชิงผิงกว่อเล่อเหยียน) (ถงซินเหยียน) (เปยเปา) (อี้ตี่เล่ย) เจินฉาน) (ต้าปู้เหลี่ยว) .... เห็นถึงแฟนเพลงของซูโหย่วเผิงได้ร้องเพลงของเขาในแต่ละช่วงแต่ละชุดอย่างไม่จืดไม่จาง ขณะที่ได้ยินถึงเสียงตะโกนของพวกเขา “อดีตและปัจจุบันรักโหย่วเผิงที่สุด” นั้น ก็จะเข้าใจได้ไม่ยากถึงการที่ซูโหย่วเผิงได้ยืนหยัดหลักการของตัวเอง

จากมุมมองของซูโหย่วเผิงพูด เขาเป็นทั้งขวัญใจและแฟนเพลงของคนอื่น และสองสิ่งนี้ที่มีจุดเหมือนกันก็คือ “ความจริงใจ” ขณะที่สายตาที่จ้องมองกันนั้น ก็สามารถเข้าใจถึงความรู้สึกของฝ่ายตรงข้าม ฉะนั้นเขาที่อยู่บนเวทีก็จะไม่มีวันเย็นชาต่อเสียงของแฟนหนังแฟนเพลงที่ดูเขาอยู่ เขาที่อยู่ข้างล่างเวทีก็ยังโยกส่งเสียงให้กับดาราศิลปินที่อยู่บนเวทีที่เขาชอบ

เวลาที่ยืนหยัดนั้น ซูโหย่วเผิงก็ได้เรียนรู้ในการให้อภัย นี่เป็นการปล่อยวางที่มีเหตุผล เขาต้องการมีท่าทีที่ดีเป็นที่สนับสนุนเขา ในช่วงที่ฝึกฝนนี้ หลักคำสอนของศาสนาพุธนั้นมีอิทธิพลกับเขามาก เขาได้ศัทธาในพระพุทธมานานแล้ว ยอมรับว่าตัวเองถูกชะตากับศาสนาพุทธ หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาไม่เพียงแต่สอนเขาข้ามจากฝั่งนี้ไปฝั่งโน้น และได้ทำให้เขาหาพบทางแห่งสายกลาง “จากชีวิตที่ดีงามนั้น เป็นพื้นฐานชีวิตที่เขาเป็นคนวางแผนไว้”

ซูโหย่วเผิงในวันนี้นั้นชอบใส่เสื้อที่เรียบร้อยออกงาน ทั้งสามารถได้รับสิ่งดีๆจากการใส่เสื้อที่เรียบร้อยบวกกับจิตใจที่ดีงาม สวมเสื้อผ้าอย่างเรียบร้อยนั้นเป็นนิสัยบุคลิกของตัวเอง ลักษณะนิสัยของโหย่วเผิงเป็นอย่างไร คำตอบที่พวกเราให้ไปคือเป็นคนที่รักอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือคน ซื่อตรงจริงใจ รอยยิ้มที่อ่อนโยนนั้นเสมือนโลโก้ พูดคุยกับเขานั้นก็มีความรู้สึกเป็นเพื่อนกัน ไม่มีช่องระหว่างและไม่ต้องกังวลว่าเขาเย็นชา ความเป็นคนเข้าใจคนอื่นนั้นเห็นได้จากการที่เขาดีต่อเพื่อน ต่อนักข่าว ต่อคนรอบข้างที่ทำงานกับเขา ในเว็ปของเขานั้นมักจะเห็นถึงการมีคำขอบคุณที่จริงใจต่อคนอื่น ความจริงใจของเขานั้นได้กระจ่างในงานของเขา และได้เห็นจากท่าทีที่เขามีต่อเรื่องความรัก “ก่อนที่ความรักจะมานั้น รอคอย คือชื่อของเขา ผมเชื่อว่าในโลกมีความรักที่บริสุทธิ์ และเชื่อว่ามีคนที่ยืนหยัดรอความรักอย่างนี้อยู่ ท่าทีอย่างนี้ก็เพียงพอกับการมีใจที่ขอบพระคุณของซูโหย่วเผิง




4174
Magazine Interviews-China / Re: 2008 Beijing Youth Weekly
« เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 03:44:27 AM »
การเลือกกับการถูกเลือก


ในระยะปีสองปีมานี้ สิ่งที่พวกเราเห็นที่ค่อยข้างบ่อยก็คือการเปลี่ยนแปลงของซูโหย่วเผิงในกิจกรรมต่างๆและในนิตยสาร “ทำไมไม่มีละครหนังใหม่มามอบให้กับทุกคน?” นี่เป็นคำถามที่คนที่รักและห่วงใยเขาอยากถามมากที่สุด “ไม่มีการเล่นหนังนั้นไม่ได้หมายความว่าผมไม่พยายาม เพียงแต่ช่วงนี้ผมต้องรับผิดชอบกับการเลือกของผม จะไม่ฝืนตัวเองเด็ดขาด ไม่มีก็ขอไม่ทำดีกว่า” จากคำตอบที่ตอบมา ในมุมมองของเขานั้น ถ่ายนิตยสาร เข้าร่วมกิจกรรมก็ถือว่าเป็นการทำงานอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งหนึ่งที่ได้แสดงออกถึงการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของเขาทั้งร่างกายและจิตใจ

ในเวลาเดียวกัน ผมเองก็รู้ตัวว่าผมไม่เหมือนกับดาราหญิง ไม่สามารถนำเอาทุกกิจกรรมมาเป็นงานหลักของตัวเอง ปีนี้ผมจะปรับเปลี่ยนใหม่กันสิ่งเหล่านี้ “ประหยัด” และเป็นการแสดงถึงการขี้เหนียวของซูโหย่วเผิง ทุกครั้งช่วงเวลากิจการของเขาก้าวหน้าขึ้นนั้นล้วนมีจุดสำคัญหลายจุด ขณะที่ขัดสนเขาก็ยังประหยัด

แม้ว่า ซูโหย่วเผิงจะเป็นศิลปินที่ทุกคนคุ้นหูรู้จัก ก็ยังมีแฟนๆที่ต่างวัยและต่างชนชั้น กระนั้นก็ตามเขาก็ยังชัดเจนว่าเขาก็จะเผชิญกับการที่ “ถูกเลือก” อย่างไรก็ตามนั้นการ “ถูกเลือก” ของเขาในตอนนี้กับอดีตนั้นมีความต่างกัน เพราะว่าในขณะเดียวกันที่ “ถูกเลือก” นั้น กับการที่เขาเลือกเองนั้นมีโอกาสมากกว่า ฉะนั้นเขาจะต้องปฏิบัติตามความรู้สึกที่แท้จริงจากใจ

ครั้งแรกที่ “ถูกเลือก” คือช่วงเสี่ยวหู่ตุ้ย ตอนนั้นได้มีตารางชีวิตมา ผมก็ได้เดินไปตามคำสั่งของเบื้องบน อายุ15 เข้าสู่วงการ อายุ 21 ผมได้ตัวสิ้นใจเลือกที่จะออกไป เอาตัวเองไปทิ้งไว้ที่ที่ไม่รู้จักใครเลยในอังกฤษ เหตุที่ได้จากไปนั้น ผมเห็นถึงความคาดหวังที่คนอื่นคาดหวังในตัวผมเองกับตัวตนแท้จริงของผมนั้นมันห่างกันมาก

ช่วงที่สอง เป็นช่วงผลิกผันของตัวเอง ในตอนนั้นมันมืดมนไปหมด ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะดำเนินกิจการอย่างไรและจะเดินต่อไปอย่างไรดี ตอนนั้นทางบริษัทให้ผมได้เป็นพิธีกรรายการ ผมถามตัวเองตลอดว่านี่เป็นสิ่งที่ตัวเองต้องการหรือ หากว่าตอนนั้นตัดสินใจไปทำรายการ มันอาจจะไม่มีวันนี้ที่เป็นอยู่ แม้ว่าในตอนนั้นผมยังมีความเครียดกับชีวิตความเป็นอยู่ ต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัว แต่สุดท้ายผมได้ตัดสินใจไม่เป็นพิธีกร แต่กลับเลือกยืนหยัดตัวเอง อาจเป็นเพราะความยืนหยัดในหลักการของผมนั้นทำให้สวรรค์หวั่นไหว หลังจากนั้นผมได้เจอหนัง (องค์หญิงกำมะลอ) หนังเรื่องนี้ถ่ายทำห้าเดือน มีความยากลำบากมากมายพวกเราล้วนช่วยกันให้มันผ่านพ้นไป ขณะถ่ายนั้น พวกเราไม่มีใครเคยคิดว่าหนังเรื่องนี้จะดังขนาดนี้

เป็นเพราะหนังเรื่องนี้แท้ๆ ทำให้ซูโหย่วเผิงมีแฟนหนังที่จีนมากมาย และทำให้การงานของเขาได้ฟื้นใหม่อีกครั้ง เวลาผ่านไปสิบปี สิบปีให้หลังเขาก็ได้เดินเข้าสู่ทางสี่แยก เขาหวังว่าสิบปีนี้ยากจะรับบทแสดงที่ตัวเองชื่นชอบ หนังที่ตัวเองขุดค้นขึ้นมา ยังนึกว่าเขากำลังรออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ที่จริงเขาได้พยายามหาโอกาสอย่างนี้อยู่ เพียงแต่ลำบากตรงที่ไม่ใช่ว่าจะแสดงเพื่อการแสดง ฉะนั้นก็เลยไม่เห็นมี วี่แวว

ก็เหมือนดังที่เขาชอบดูหนังพวกความรักที่ให้ความรู้สึกร่วมด้วยอย่างนั้น ซูโหย่วเผิงหวังว่าบทที่เขาจะแสดงนั้นจะสอดคล้องกับอารมณ์ร่วมของเขาด้วย “ผมมักจะถูกความลำบากความซวยทำให้หวั่นไหว ความรู้สึกเจ็บแค้นใจนั้นทำให้ผมรู้สึกปลง แม้ว่าจะถ่ายหนังมามากมาย ตามหลักความจริงแล้วผมน่าจะมีหลักการเหตุผลมากว่าความรู้สึก แต่ขณะที่ดูหนังนั้นก็น่าจะเป็นคนที่เอียงไปทางความรู้สึกมากว่า

ซูโหย่วเผิงกล่าวว่าดูคนอื่นแสดงนั้นเขามีมุมมองสองด้านทั้งมุมของผู้ชมกับมุมของนักแสดง ดูภาพยนต์ (เซ่อ เจี้ย)แล้ว เขาได้ชื่นชมถึงการแสดงที่เป็นธรรมชาติ เมื่อดูหนังที่ หวังเจียจือ ยอมรับคุณอี้ ผมก็กลับมาคิดว่า หากเป็นตัวเราแสดงแล้ว เราจะแสดงอย่างไร ซูโหย่วเผิงกล่าวจากมุมมองของนักแสดงมาวิเคราะห์แล้วสามารถมีอะไรอีก เขาพูดไปด้วยและแสดงให้ตัวเองดูไปด้วย คล้ายคลึงมาก มันเป็นสิ่งที่พวกเราพบในเนื้อบทหนังเป็นประจำ โดยเหตุนี้ เขายิ่งยกย่องการแสดงที่ธรรมชาติไร้ที่ติ นักแสดงมีท่าทีในใจที่ดีงามสามารถที่จะขุดค้นรสชาติของบทออกมาได้

เขาได้แนะนำหนังบาเบลเป็นพิเศษ เขาดูแล้วสองรอบ ความรู้สึกหนักหน่วงนั้นทำให้เขาปลง คนส่วนใหญ่นั้นล้วนแสวงหาความสมดูลย์ของจิตใจในสภาพความเป็นจริง เผชิญกับการทดลองกิเลสหลายอย่าง พวกเราจำเป็นต้องตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง และหลายครั้งไม่ใช่ว่าพวกเราทำเรื่องผิดพลาดไป แต่เป็นการทำในสิ่งที่โง่


4175
Magazine Interviews-China / 2008 Beijing Youth Weekly
« เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 03:43:57 AM »
[Magazine] Beijing Youth Weekly 2008.01.24

บทความจาก Beijing Youth Weekly 2008.01.24 4th Edition, Total 604th Edition


Alec Su: การระลึกถึงการเติบโตไปขึ้น

ไม่ว่าหน้าตาของซูโหย่วเผิงยังหนุ่มแน่นขนาดไหน จากการที่พวกเราได้รู้จักกับการเข้าสู่วงการของเขาเป็นเวลากว่า 20 ปี และได้อ่านชีวประวัติของเขานั้น ได้รู้ถึงเขาในวันนี้แน่นอนได้ไม่เป็น “ไกวๆหู่” ในสมัยวัยแตกหนุ่ม แม้ว่า รอยยิ้มของเขานั้นจะสดใส แต่เบื้องหลังนั้นแน่นอนมีเรื่องราวอีกมากมาย ฉะนั้น ขณะที่พวกเราได้เห็นรูปของเขาได้ปรากฏในนิตยสารต่าง ๆ ที่เห็นถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งเต็มไปด้วยเสน่ห์ของความเป็นชายนั้น ไม่มีความรู้สึกที่ไม่กลมกลืนเลย เพราะว่านี่เป็นใบหน้าแท้จริงตอนนี้ของซูโย่วเผิงที่ได้ให้กับพวกเรา ในระดับหนึ่ง ๆ นั้น ซูโหย่วเผิงนั้นประสบความสำเร็จทั้งยังเป็นคนที่มีความผาสุก เพราะว่า “คุณภาพขวัญใจ” ที่ยอดเยี่ยมของเขานั้นได้มีอิทธิพลต่อคนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ได้เป็นคนวัยเดียวกับ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ได้กลายเป็นภาพในสมัยนักเรียนที่พวกเรากระหายหา ขณะที่ได้เห็นเขาอยู่ต่อหน้าอย่างมีชีวิตชีวา พวกเรานั้นได้อยู่อีกขั้นหนึ่งของสังคมแล้ว ความรู้สึกที่โตมาด้วยกันนั้นก็เสมือนกระจกสองด้าน กระตุ้นซึ่งกันและกันเพื่อเป็นพลังเคลื่อนไหวกัน เขาพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อความคาดหวังของคนที่รักเขา พวกเราได้ต่อสู้เพื่อแบบอย่างขวัญใจอย่างเขา การพูดคุยหน้าต่อหน้านี้นั้น ก็ยิ่งเหมือนกับเป็นการระลึกถึงการเติบโต

คนเรานั้นย่อมมีหลักการ แต่มีบางคนนั้นกลับยอมก้มหัวต่อหลักการ แต่หลักการของผมนั้นก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน ศักดิ์ศรีที่ว่านี้นั้นไม่สามารถมองข้าม ผมยืนหยัดสิ่งที่ผมอยากได้ หากว่ามีเพียงทางเดียวที่จะได้สิ้งนั้นมาคือต้องทิ้งหลักการของตัวเองไปหรือผิดหลักการตัวเอง ผมยอมที่จะไม่เอาสิ่งนั้นเลย แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าการพูดคุยของผมกับทุกคนนั้นจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ ยึดมั่นในความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ผมก็มีการรับฟังความคิดเห็นของทุกคนอย่างจริงจัง และจะหาจุดสรุปที่ดีที่สุด


4176


                          ปี 2010  รายการราตรีตรุษจีน  ที่ได้ระเบิดความมันส์ในสถานีจงหยาง และ“การกลับมาอีกครั้ง” ของพวกเขาได้ทำให้ผู้คนมากมายอบอุ่นใจ พวกเขาได้นำทุกคนหวนย้อนเวลากลับไปสู่อดีต   พวกเขาทั้ง 3 คนที่เป็นสมาชิก เสี่ยวหู่ตุ้ย   เพลงที่พวกเขาร้องกันบนเวทีนั้นไม่เพียงเป็นเสียงเพลงเท่านั้น แต่ยังเป็นการย้อนกลับไปวัยรุ่นในสมัยนั้นด้วย    21 ปีของ เสี่ยวหู่ตุ้ย แล้วในปี 2010  พวกเขาได้นำความสนุกและวัยหนุ่มสาวกลับมาให้ทุกคนได้สัมผัสอีกครั้ง   ช่วงนี้ ซูโหย่วเผิงที่ได้รับตำแหน่งทูตแห่งความรักของมูลนิธิช่วยเหลือคนจนของจีนได้มาเปิดตัวที่รายการซิงฟังเค่อ


ซูโหย่วเผิง - ปฏิเสธการรวมตัวอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ย  เหตุผลคือไม่อยากทำให้ภาพลักษณ์ เสี่ยวหู่ตุ้ย เสีย


                         หลังจากงานราตรีตรุษจีนแล้ว เสียงเรียกร้องให้ เสี่ยวหู่ตุ้ย มารวมตัวอีกครั้งนั้นยิ่งอยู่ยิ่งดังขึ้น  การจัดคอนเสิร์ตทัวร์ การรวมตัวกันอีก   ซึ่งข่าวที่ออกมานั้นไม่เหมือนกับความต้องการของแฟนๆ  เรื่องนี้ได้มีข่าวมาพอสมควรแล้ว โดยเฉพาะข่าวที่ว่า  ซูโหย่วเผิงได้ปฏิเสธเรื่องคอนเสิร์ตทัวร์  ทำให้เป็นที่จับตาของเหล่าแฟนๆ ด้วยเหตุนี้  ทางซูโหย่วเผิงก็เซ็งเหมือนกัน เพราะว่าตัวเองยังไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย   การที่ได้นำความสนุกสนานที่มากมายให้กับแฟนๆนั้น เดิมทีคือ เนื่องในโอกาสปีเสือ   เลยอยากให้แฟนๆ ชมรายการที่สนุก   แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่า ผลการตอบรับนั้นจะมากมายขนาดนี้  ในช่วงเวลาที่ซ้อมเตรียมการแสดงนั้น  ตัวเอง ฉีหลงและจื้อเผิง ต่างก็ได้ทุ่มเทเอาจริงเอาจังมาก   เป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นมากๆ  ขณะที่ตัวเองยืนอยู่บนเวที เมื่อแสงได้โฟกัสที่เขา  เสียงดนตรีดังขึ้นมา และเสียงปรบมือของแฟนๆ ดังขึ้น ตัวเองก็เหมือนทุกคน  ในใจล้วนมีความรู้สึก  ภาพวันวานนั้นล้วนสวยงาม  แต่เรื่องราวที่ดีงามนั้น มันไม่อาจหวนกลับมาอีกรอบได้   20 ปีมันผ่านไปแล้ว  การที่เป็นสมาชิก   พวกเขาก็ล้วนรักและทนุถนอมวันเวลาของ เสี่ยวหู่ตุ้ย เป็นอย่างมาก  แต่ไม่อยากจะทำให้ชื่อ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” -  3 คำนี้ต้องหม่นหมองไปด้วยการแสวงหาชื่อเสียงของตัวเอง  พวกเขาจะรักษ์และถนอมความทรงจำดีๆ ในวันวานของ เสี่ยวหู่ตุ้ย  จะรักษาไว้ตลอดไป


ซูโหย่วเผิง - ได้รับความรักจากคืนราตรีตรุษจีนเป็นอย่างมาก ทำให้มีความกล้าและความมั่นใจมากขึ้น

                     ความสูงต่ำในตลอด  21 ปีในวงการบันเทิง   ซูโหย่วเผิง ในอดีตที่ดังระเบิดทั่วเอเซีย  จนถึง อู่อาเกอ ในเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ ในจอ   และปี 2009 ที่เห็นถึงการแสดงที่ยอดเยี่ยมในเรื่อง เฟิงเซิง  ตลอดเส้นทางศิลปินของเขานั้น  ล้วนราบรื่นเป็นอย่างดี  และเทศกาลตรุษจีนปีนี้   ทางสถานีจงยางก็ได้เชิญเขามาออกงาน  ทำให้เขาได้รับความรักความอบอุ่นมากมายจากแฟนๆ  เขาเองก็ได้พูดถึงเหมือนกันว่า  เขาก็ได้อยู่ในวงการนี้มานานพอสมควร บางเวลาก็อดที่จะถามตัวเองไม่ได้ว่า  แรงผลักดันต่อไปในอนาคตคืออะไร?   ทำไมตัวเองยังคงจะยืนหยัดอย่างลำบาก?   ปีเสือ  ขณะที่เขาได้เดินออกมาสู่สายตาชาวจีนนับร้อยล้านนั้น เขารู้สึกว่าได้รับการตอบแทนแล้ว   การได้รับสิ่งตอบแทนนั้นไม่ใช่เงินทอง   แต่เป็นการยอมรับ รู้สึกว่า  ตลอดเวลานั้นตัวเองก็กำลังขาดสิ่งนี้อยู่   ความรู้สึกอย่างนี้นั้นยากจะบรรยาย   ไม่เพียงแต่ตัวเอง  ก็ยังมีคนรอบกายมากมายที่สนใจตัวเอง  ชื่นชอบผม  แม้สิ่งนี้จะเป็นความกดดันที่หนัก  แต่ว่ามีแฟนๆ มีเสียงปรบมือ ซึ่งเหล่านี้ก็จะเป็นแรงผลักดันให้ผมเดินมุ่งหน้าต่อไป


ซูโหย่วเผิง - คอนเสิร์ดทัวร์ไร้ความหวัง แต่ว่า เสี่ยวหู่ตุ้ย จะอยู่นิรันดร์กาล

                     ขณะที่ซูโหย่วเผิงซ้อมการแสดงนั้นได้เปิดเผยว่า  ตารางเวลาของตัวเองนั้นแน่นมาก  งานหลักของเขานั้นจะเป็นงานภาพยนตร์  ร่วมทั้งงานกิจกรรมต่างๆ ด้วย  และงานโปรโมทภาพยนตร์  แค่ปีนี้ก็จะมี “ตามหาพี่หลิวซัน”  “4 กามเทพ” ที่จะฉายในปีนี้  แต่ทางแฟนๆก็สนใจเรื่อง ทัวร์คอนเสิร์ด เป็นอย่างมาก  มันคงจะเป็นไปได้ยาก  แต่ว่าทาง เสี่ยวหู่ตุ้ย ก็จะลองหาเวลาที่เหมาะสมในการพบปะแฟนๆ  เช่น งานการกุศล หรืองานสาธารณะประโยชน์  หากต้องการ เสี่ยวหู่ตุ้ย แล้ว  ก็จะขอทุ่มเทอย่างสุดกำลัง  ฉะนั้น เสี่ยวหู่ตุ้ย ยังจะอยู่กับทุกคนตลอดไป  และเวลาที่จะมาถึงนั้น  ทั้ง 3 คนก็ยังจะมีเวลาเจอกัน  จะเป็นเพื่อนที่ดีตลอดไป จะทุ่มเททำงานที่ทุกคนต้องการให้ทำกับทุกคน

                       ผมที่เป็นผู้กำกับในรายการ “ซิงฟังเค่อ”นั้น  จะไม่ยอมรับไม่ได้ว่า ผมเองก็เคยเป็นแฟนคลับของซูโหย่วเผิง  ได้ฟังเพลงมากมายของเขา ได้ดูงานการแสดงของเขามากมายด้วย  แต่หลังจากผ่านไปแล้ว 20 ปี  คนคนหนึ่งที่เป็นผู้ใหญ่  เป็นสุภาพบุรุษสุดๆอย่างซูโหย่วเผิงที่ได้มายืนต่อหน้าผม  จะหาเงาแห่งอดีตแทบจะไม่มีให้เห็นเลย  สิ่งเดียวที่ยังหลงเหลือคือขณะที่เขายิ้มนั้น  ยังเห็นรอยยิ้มที่ร่าเริงเบิกบาน  ยังสามารถที่จะสานภาพใบหน้าที่ใสๆในอดีตได้  การแสดงในราตรีตรุษจีนนั้น  การที่ซูโหย่วเผิง  อู่ฉีหลง  เฉินจื้อเผิงได้มารวมตัวกันแสดงบนเวทีนั้น  ทำให้พวกเขาได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยวัยรุ่นอีกครั้ง.....Ming

The End

4177
อ้างถึง
โหย่วเผิงมาเป็นแขกรับเชิญรายการ “ซิงฟางเค่อ” หนุ่มอายุ 40 ไม่ทำตัวเป็นคนน่ารักแล้ว

โหย่วเผิงที่มาเป็นแขกรับเชิญในรายการนั้นเข้มขรึมมาก ก่อนจะเริ่มรายการเขานั้นวุ่นกับการท่องบทให้คล่อง เขามาในชุดสูทเทา เขาที่มีความคิดเพอร์เฟค นั้นจะละเอียดอ่อนกับการแต่งตัวเป็นอย่างมาก มักจะถามผู้จัดการว่าทำอย่างไรตัวเองจะดูดีขึ้นกว่านี้(แค่นี้แฟนคลับการละลายแล้วจ๊ะเผิง) หลังจากที่ถามแล้วเขาก็ได้พับแขนเสื้อขึ้น จนทางผู้กำกับเองก็เอ่ยปากชมว่าดูดีขึ้น เขาที่อารมณ์ขำก็ได้ตอบว่า “ใช่ครับ อย่างนี้จะดูหนุ่มกว่าเยอะ” อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทีมงานได้ช่วยเขาพับแขนเสื้อแล้ว ทางผู้กำกับก็มองเขาเหมือนกับเป็นกรรมกรกำลังจะไปไร่ไถนา และโหย่วเผิงก็ได้โต้ตอบกลับว่า “จริงๆผมเองมาก็เพื่อมาทำงานนี่นา” คำตอบทำให้ทุกคนขำกลิ้งเลย

วันนี้อายุ 37 อย่างโหย่วเผิงนั้นไม่เห็นภาพที่เขาเคยเต้นๆร้องๆในสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ย(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)แล้ว แต่ว่าความหล่อนั้นไม่ได้หายไปกลับกาลเวลาเลย เขาได้ทุ่มเทกับฝีมือการแสดงของเขามาตลอด ความนิยมต่อเขาก็ยิ่งมีมากขึ้นด้วย แม้ตัวเขาเองก็ยังพูดติดตลกว่า “อายุปูนนี้แล้วยังไปทำเป็นน่ารักน่าชังแล้ว มันคงไม่ปลอดภัยแน่นอนเลย”



หน้า: 1 ... 207 208 [209] 210 211 ... 216