ALL About Alec SU YOU PENG | รวบรวมผลงานของ ซูโหย่วเผิง > How Well do You Know Alec Su?

[ซูโหย่วเผิง]- Kodak-Su Youpeng Shanghai Concert 2002

<< < (2/9) > >>

Alec Love Me:


ไกวไกวหู่ ฉีกภาพลักษณ์ใหม่ ออร่าความเป็นดาวไม่เคยจาง----โฟโต้บุ๊คคอนเสิร์ตเซี่ยงไฮ้ของ ซูโหย่วเผิง

เนื้อหา :พระจันทร์สีน้ำเงิน

รูป:หย่งยง

จนกระทั่งถึงตอนนี้ผมยังเก็บบัตรคอนเสิร์ตเซี่ยงไฮ้ปี 1991ของเสี่ยวหู่ตุ้ยไว้ มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ไว้ระลึกพวกเขาทั้งสาม แต่ยังหมายถึงความทรงจำวัยรุ่นของผม เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก ตอนนี้ก็ผ่านมา 11 ปีแล้ว โหย่วเผิง ฉีหลง จื้อหมิง ไม่ใช่สามเสือน้อยอีกแล้ว ในสมัยนั้น พวกเขาได้จัดคอนเสิร์ตขึ้นที่ สนามกีฬาเซี่ยงไฮ้ (ยิมเนเซียมเซียงไฮ้ Shanghai Gymnasiumในปัจจุบัน) แฟนคลับที่ตามกรี๊ดพวกเขาตอนนี้ก็ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นอีกแล้ว พวกเราเติบโตมาพร้อมกัน ผ่านอุปสรรคและความสวยงามของโลกใบนี้มาพร้อมกัน  11 ปีหลังจากนั้น ที่เซี่ยงไฮ้เหมือนเดิม ที่โรงยิมที่เราคุ้นเคยกันอย่างดี แต่ตอนนี้ โหย่วเผิง สามารถเปิดคอนเสิร์ตเดี่ยวของตนเองแล้ว อันที่จริงแล้ว วันนี้ไม่ได้มาเร็วเกินไป

คืนวันที่ 24 มีนาคม ผมขึ้นไปนั่งประจำที่ผู้ชมของ ยิมเนเซียมเซียงไฮ้ Shanghai Gymnasium เหมือนว่าตนเองไม่ได้แก่ขึ้นเลย ถึงแม้ว่ามองดูรอบข้างมีแต่น้องๆวัยรุ่น การได้ถือแท่งไฟโยกไปตามกับเพลงเหมือนพวกเขาเป็นความรู้สึกที่ดีมากเลย เพราะว่า เราต่างมีไอดอลคนเดียวกัน------ซูโหย่วเผิง

ไม่ใช่‘ไกวไกวหู่’อีกต่อไป

ก่อนหน้านี้หลายคนสงสัยว่า คอนเสิร์ตครั้งนี้จะออกมาในรูปแบบไหน? คอนเสิร์ตแบบชิวๆ หรือเน้นความมันส์ ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ โหย่วเผิง เปิดตัวด้วยการร้องและเต้นเพลงมันส์แบบนี้ ทำให้เรารู้เลยว่าเขาพร้อมฉีกภาพลักษณ์เก่าของ “ไกวไกวหู่”เมื่อ14 ปีที่ก่อนแล้วครับ
โหย่วเผิงปรากฏตัวขึ้นบนเวทีด้วยท่าเต้นแจ็สสุดเซ็กซี่ ผิวสีแทนกับเสื้อซีทู และกางเกงยีนส์เอวต่ำ ภายใต้แสงสีและเสียงเชียร์ของแฟนคลับ ซิกแพคภายใต้เสื้อซีทูที่เขาตั้งใจฟิตเพื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ ทำเอาแฟนคลับละลายกันเป็นแถว พอเพลงฮิตของเสี่ยวหู่ตุ้ย อย่าง “วิมานแอปเปิ้ลเขียว”“รัก”“แมงปอสีแดง”“ผีเสื้อน้อยโบยบิน”และเพลงเก่าอีกหลายเพลงดังขึ้น เสียงกรี๊ดของแฟนคลับดังสนั่นฮอ  ถึงแม้เพลงเก่าหลายเพลงจะถูกเพิ่มความร็อคลงไปบ้าง แต่ทำนองที่คุ้นเคยเหมือนวันวาน ทำเอาแฟนคลับอินและมันส์ไปด้วย

สมัยที่ยังเป็น เสี่ยวหู่ตุ้ย โหย่วเผิงเคยบอกว่า มาดอนน่า คือ ไอดอลในดวงใจของเขา เขาตั้งใจพัฒนาตนเองและลองสิ่งใหม่ๆ เพื่อจะฉีกภาพลักษณ์ “ไกวไกวหู่”คนเดิมอยู่เสมอ ในค่ำคืนนั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านดนตรี ท่าเต้น สไตล์ เสื้อผ้า เน้นให้อยู่ในธีมของหนุ่มใหญ่เซ็กซี่หมด เหมือนที่เขาได้พูดไว้บนเวทีว่า “ผมอยากสร้างภาพลักษณ์ในความทรงจำของพวกคุณ ”คอนเสิร์ตครั้งนี้เอาประสบการณ์ในวงการของแต่ละช่วงของ ซูโหย่วเผิง มาผสมผสานเข้าไปด้วย  และเน้นที่การสร้างภาพลักษณ์ใหม่เป็นหลัก  ค่ำคืนนี้ เราต่างได้เห็นถึงการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของ ซูโหย่วเผิง อย่างแท้จริง  ความรู้สึกแบบนี้ มันทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน เพลงมันส์ยังคงดังต่อเนื่อง โหย่วเผิงปลดปล่อยออร่านักร็อคอยู่กลางเวที ความเป็นแบดบอยที่นอกเหนือจากโรแมนติก ฉีกภาพลักษณ์ของเสือน้อย “ไกวไกวหู่” ไปเลยครับ

Alec Love Me:


สุดโรแมนติก

หลายปีมานี้ งานละครของ ซูโหย่วเผิง ไปได้ดีกว่าดนตรีมาก พูดได้เลยว่าต้องยกความดีความชอบให้เรื่อง “องค์หญิงกำมะลอ”“มนต์รักกลางสายฝน”ที่ทำให้ ซูโหย่วเผิง กลายเป็นดาวค้างฟ้ามาจนถึงทุกวันนี้ ฉะนั้น แน่นอนว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็ต้องมีส่วนของละครเข้ามาเกี่ยวด้วย พอถึงช่วง ซูโหย่วเผิง ร้องเพลงประกอบละครของ “มนต์รักกลางสายฝน”ฉากจูบสุดสวีทของ ตู้เฟย กับ หยูผิง จากเรื่อง “มนต์รักกลางสายฝน”ถูกฉายขึ้นบนโปรเจคเตอร์บนเวที เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆกันทั้งฮอลล์ และตอนที่เขาร้องเพลงที่ตัวเองชอบที่สุดอย่างเพลง“อยาก”บนโปรเจคเตอร์เปลี่ยนภาพเป็นจูบเร้าร้อนของเขาและ จ้าวเวย จากเรื่อง “รักสองหัวใจเดียวกัน”ชั่วขณะนั้น แฟนคลับหญิงแทบจะลุกขึ้นมาถล่ม ยิมเนเซียมเซียงไฮ้ ให้ได้ พอร้องจนจบเพลง ซูโหย่วเผิง ถึงหันหลังไปดู เห็นแล้วเป็นต้องสะดุ้ง“อุ้ย”เลย เพราะว่าภาพที่เขาเห็นเป็นฉากที่ ตู้เฟย ดึง หยูผิง หลบจากกระสุน ทำให้ตัวเขาทับอยู่บนตัว หยูผิง โหย่วเผิง บอกว่าเขาชอบบทของ ตู้เฟย เพราะสำหรับเขาแล้ว ตู้เฟย ถือเป็นบทที่แสดงถึงความมั่นใจของเขา เป็นการยืนยันให้รู้เขาสามารถทำได้ดีกว่า ฉะนั้นเขาจึงชอบเพลง “อยาก”

   กาลเวลาไม่คอยใคร เช่นเดียวกับที่เราต้องบอกลาวัยรุ่นที่สดใส เผชิญกับชีวิตข้างหน้าต่อไป  เหมือนกับ ซูโหย่วเผิง เองที่ต้องได้รับบททดสอบของการเป็นศิลปินเดี่ยว เพลง“ปล่อยใจไปโบยบิน”“รอให้ถึงวันนั้น”เปรียบเหมือนอนาคตที่เขาคาดหวัง และเป็นสัญญาระหว่างเพื่อนในตอนนั้น การพบกันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอหน้ากัน 7 8ปี  พอร้องมาถึงเพลงเก่า ซูโหย่วเผิง สะอื้นเล็กน้อยอย่างกลั้นไม่อยู่ ซูโหย่วเผิง บอกว่า เคยมีแฟนคลับที่เป็นโรคลูคีเมียคนหนึ่งบอกว่าเขาชอบเพลง “นกซีเกิลแห่งสวรรค์และพื้นดิน”ที่ โหย่วเผิง ร้อง ตอนที่แฟนคลับคนนี้นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาล เป็นช่วงที่ ซูโหย่วเผิง เองก็พบกับอุปสรรคมากมาย พวกเขาใช้เพลงนี้ค่อยปลอบให้กำลังใจต่อกัน สู้เพื่อชีวิตและความเชื่อของตน ช่วงท้ายสุด ซูโหย่วเผิง ก้มคำนับคุณแม่ที่นั่งอยู่แถวแรกของผู้ชมพร้อมบอกแม่ว่า “แม่ครับ ผมรักแม่ครับ” พูดจบเขาน้ำตารินไหลข้างแก้ม

เต้นก็เก่ง ร้องก็ดี

   สำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้ ซูโหย่ว แสดงเป็นบทตัวละครคนอื่นๆ  ร้องเพลงถือเป็นการกลับสู่ตัวตนที่แท้จริงของเขา ซูโหย่ว บอกว่า “ผมเข้าวงการมา 14 ปี ผมมีเรื่องอึดอัดใจเรื่องหนึ่งเหมือนกับ หลิวเต๋อฮวา คือ คุณมักจะได้ยินคนอื่นชมว่าคุณหล่อ คุณหน้าตาดี แต่ไม่ค่อยมีคนชมคุณเรื่องร้องเพลงได้ดีเลย”จากการร้องเพลงเก่าที่เอามาปรับเปลี่ยนใหม่เป็นหลากหลายแนวครั้งนี้ เป็นหลักฐานยืนยันความสามารถด้านการร้องเพลงหลายแนวของ โหย่วเผิงได้เป็นอย่างดี ช่วงที่เขาร้องเพลง “เพื่อนโต๊ะข้างๆ”เหมือนมีกลิ่นไอของความรักมากกว่าเดิม ซูโหย่ว ที่การเรียนดีมาตั้งแต่เด็ก จนเพื่อนทุกคนคิดว่าโตไปเขาต้องเป็นด๊อกเตอร์แน่นอน แต่ที่น่าเสียดายคือเขาไม่สามารถมีชีวิตวัยเรียนที่สมบูรณ์เหมือนคนทั่วไป เพลง “เขาไม่รักฉัน”ของ คาเรน ม็อก เพลง“เธอรู้ไหมว่าฉันรอ”ของ จางหงเลี่ยง เพลง“ประสบการณ์รักครั้งแรก”ของ จางเจิ้นเยว่ เพลง“ดวงจันทร์เป็นตัวแทนใจฉัน”ของ เติ้น ลี่จวิน และ เพลง“เมื่อ”ของ พาวเวอร์ สเตชั่น มีอรรถรสใหม่จากการดัดแปลงและถ่ายทอดจากเขา เพลง“พรมลิขิตภพหน้า”ของไอดอลอย่าง หลิวเต๋อฮวา โหย่วเผิงก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้มีพลังในแบบของลูกผู้ชาย หลายปีก่อน สื่อฮ่องกงเคยขนานนาม ซูโหย่วเผิง ว่าเป็น จางเสวโหย่วน้อย หลังจากที่เขาได้ร้องเพลง “จดหมายรัก”เนื่องจากคล้ายกับต้นฉบับของ จางเสวโหย่ว อย่างน่าเหลือเชื่อ

   เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ซูโหย่วเผิง ตั้งใจเลือกเพลงที่เต็มไปด้วยความเป็นเซี่ยงไฮ้อย่างเพลง “ดอกราตรี”ท่าเต้นประกอบแสนย้อนยุคนั้น เขากลับทำได้ดีและสวยงามมาก ทำให้ผู้ชมเปลี่ยนมุมมองใหม่เลย การเต้นไม่ได้เรื่องที่ ซูโหย่วเผิง คนเก่าถนัดที่สุด แต่การพัฒนาแบบก้าวกระโดดครั้งนี้ เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความเก่งของเขา สิ่งที่ต้องชื่นชนในคอนเสิร์ตครั้งนี้ของ ซูโหย่วเผิง คือ คอนเสิร์ตประมาณสองชั่วโมงที่ร้องเดี่ยวเกือบหมดเลย เขาสามารถร้องได้ดีตลอดงาน ทั้งยังยิ่งร้องยิ่งมันส์ ถึงจะร้องและเต้นไปด้วย แต่ก็ไม่แสดงให้เห็นถึงอาการล้าหรือเสียงเพี้ยนเลย ถือเป็นคอนเสิร์ตที่มีคุณภาพจริงๆ

   คอนเสิร์ตครั้งนี้ได้รวมตัวแฟนคลับโหย่วเผิง “เผิงหมี”จากฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย อเมริกา แคนนาดา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมทั้งคนในแต่ละมณฑลในประเทศ พวกเขายอมมาไกลขนาดนี้ เพื่อมาร่วมแสดงความยินดีและให้กำลังกับโหย่วเผิง ในงานคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรก พวกเขาล้วนเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ โหย่วเผิง ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา ในวันคอนเสิร์ต มีแฟนคลับฮ่องกงรุ่นคุณแม่คนหนึ่ง ได้ขึ้นไปมอบดอกไม้ให้ โหย่วเผิง กลางเวที ด้วยความโชคดีได้ร้องเพลง “ฉันต้องการแค่รักของคุณ” คู่กับ โหย่วเผิง จนจบเพลง เห็นพวกเขาจูงมือกันบนเวที ดูแล้วเหมือนเป็นแม่ลูกกันเลย ยังมีคุณแม่จากอเมริกาท่านหนึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งผู้ชม เธอได้ “ลางาน”กับครอบครัวและลูกๆสามวัน เพียงเพื่อมางานคอนเสิร์ตของ ซูโหย่วเผิง ก่อนปิดคอนเสิร์ต ซูโหย่วเผิง ได้ร้องเพลง “เธอคือนับเบอร์วันของฉัน”เพื่อแทนคำขอบคุณที่มีต่อแฟนคลับ ต่อด้วยเพลง “อารมณ์ดี”ทำเอาแฟนคลับใจหายเพราะเป็นช่วงท้ายสุดของคอนเสิร์ตแล้ว ทั้ง ซูโหย่วเผิง และแฟนคลับ ทั้งเสียงกรี๊ดและน้ำตา เป็นภาพปิดคอนเสิร์ตครั้งนี้อย่างบริบูรณ์

   อาจจะมีซักวันหนึ่งที่ โหย่วเผิง ร้องไม่ไหวและเต้นไม่ไหว แต่เหมือนกับที่เขาเคยพูดไว้ เขาได้อยู่ในส่วนหนึ่งของความทรงจำเราแล้ว

Alec Love Me:

กลับไปเป็น เสี่ยวหู่ตุ้ย อีกครั้ง

   เมื่อ “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ได้กลับมาร้องเพลงด้วยกันอีกครั้ง เสียงเพลงที่คุ้นหูทำให้ผู้ชมก็ร้องตามไปด้วย เมื่อสเปอร์ไลท์ส่องไปที่ อู่ฉีหลง และ เฉินจื้อหมิง ที่ปรากฏขึ้นบนเวที และเดินเข้ามาหา ซูโหย่วเผิง เสียงฮือฮาจากแฟนคลับดังไปทั้งฮอลล์ แฟนคลับนับหมื่นร่วมผ่าน 11 ปีนี้มากับพวกเขา พวกเขาส่งเสียงกรี๊ดและตะโกนชื่อสามเสือ บางก็ซาบซึ้งกับภาพที่เห็นเบื้องหน้าจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ พอร้องมาถึงเพลง“ปล่อยใจไปโบยบิน”ที่เจ้าตัวบอกว่าน้ำตาไหลทุกครั้งที่ได้ยิน จนจบเพลง ซูโหย่วเผิง ก็เริ่มซ่อนอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่ เขาบอกว่า“จื้อหมิงต้องเกณฑ์ทหาร เสี่ยวหู่ตุ้ย จำเป็นต้องแยกวง ผมร้องไห้ฟูมฟายกลางคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของเราที่ไทเป ตอนนั้นผมคิดเสมอว่า ถ้าพวกเขาสามารถอยู่เคียงข้างผมตลอดไป คงจะดีมาก……..”ยังไม่ทันพูดจบ น้ำตาก็ไหลอาบแก้มไปแล้ว ทั้งสามยังได้ร่วมกันร้องเพลง “ดวงดาวยังคงสว่างไสว”ภาพสามเสือในวันวานถูกฉายขึ้นบนโปรเจคเตอร์ แต่สามเสือบนเวทีกลับโตเป็นหนุ่มแล้ว และฉายออร่าความเป็นหนุ่มหล่อเหมือนเดิม แฟนคลับมากมายร้องไห้กับภาพที่เห็นตรงหน้านี้ ผมหันกลับไปดูรอบๆตอนนี้ ทุกคนชูมือโบกแท่งไฟกันอย่างพร้อมเพรียง ตอนนี้เบื้องล่างกลายเป็นภาพทะเลแสงไฟไปแล้ว จากนั้นคนที่ถูก โหย่วเผิง เรียกว่าพี่ใหญ่มาตลอด---อู่ฉีหลง ก็ได้ร้องเพลงที่นับได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของเขาอย่างเพลง “ขอให้โชคดีตลอดทาง”มอบให้กับ โหย่วเผิง ถึงพี่รอง--เฉินจื้อหมิง จะไม่ได้ร้องเพลงเดี่ยวในครั้งนี้ แต่เขาได้ถือโอกาสนี้พูดความในใจของเขา“คืนนี้เป็นคืนที่พิเศษและสำคัญมากสำหรับพวกเรา มันทำให้เราเหมือนได้กลับไปเป็นเสี่ยวหู่ตุ้ยอีกครั้ง พวกเราไม่ได้ร้องเพลงด้วยกันมา 6 7 ปีแล้ว ต้องขอบคุณคอนเสิร์ตเซียงไฮ้ที่ทำให้เราได้มีโอกาสนี้ครับ”

Alec Love Me:
http://tieba.baidu.com/photo/p?kw=%E8%8B%8F%E6%9C%89%E6%9C%8B&from=6&tid=2084264712#!/pid53013af33a87e950a111206e10385343fbf2b4b4/pn1


Alec Love Me:

蘇有朋2002上海演唱會”即將開演
http://tieba.baidu.com/f?kz=755131135

【大紀元3月16日訊】本月22日晚,“分享此刻、分享生活柯達-蘇有朋2002上海演唱會”將在上海大舞台舉辦,蘇有朋的全國巡演也將拉開帷幕。前小虎隊成員吳奇隆、陳志朋也將作為嘉賓出席。

  北京娛樂信報03月15日消息﹐對于個唱,蘇有朋實在是渴望已久了,為什么選在上海呢?原來11年前,“小虎隊”曾在上海大舞台的前身上海體育館舉行演唱會,當時演出爆滿。這次蘇有朋特別將首場演唱會選定在這個有紀念意義的地方,也是做好了接受挑戰的准備。他坦言:“我覺得上海是個演唱會風气比較成熟的地方,如果在這樣一個比較挑剔、要求比較高的地方做得好的話,我相信其他地方相形之下,風險會小得多,所以,我選擇上海作為第一個挑戰的地方。”

  据介紹,本次演唱會將由香港頂尖演唱會導演Ida擔綱執導,香港服裝大師Kennith設計服裝,他們分別与王菲、蕭亞軒、張學友、梅艷芳等歌手合作過演唱會。蘇有朋也親自參与了演唱會中大部分的創意和設計。本報將進行獨家跟蹤報道。

คอนเสิร์ตปี 2545 ของ ซูโหย่วเผิง ณ นครเซียงไฮ้ ใกล้เข้ามาแล้ว

   [ข่าวจาก อีพอค ทามส์ (Epoch Times)ประจำวันที่ 16 มีนาคม] ในคืนวันที่ 22 มีนาคมนี้ “แบ่งปันช่วงเวลาดีๆ แบ่งปันชีวิตโกดัก-----คอนเสิร์ต ปี 2545 ของซูโหย่วเผิง ณ นครเซี่ยงไฮ้” กำลังจะจัดขึ้นใน ยิมเนเซียมเซียงไฮ้ (Shanghai Gymnasium) ทัวร์คอนเสิร์ตของ ซูโหย่วเผิง ก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว สมาชิกเก่า วงเสี่ยวหู่ตุ้ยอย่าง อู่ฉีหลง และ เฉินจื้อหมิง ต่างเข้าร่วมคอนเสิร์ตครั้งนี้ในฐานะแขกรับเชิญอีกด้วย

ตามรายงานในวันที่ 15 มีนาคม ของ ปักกิ่ง ไดอารี่ เมสเซนเจอร์ (Beijing Daily Messenger)  การเปิดคอนเสิร์ตเดี่ยวถือเป็นสิ่งที่ ซูโหย่วเผิง ฝันอยากทำมานานแล้ว แต่ทำไมต้องเลือกเซี่ยงไฮ้ล่ะ? เหตุผลเพราะว่า เมื่อ 11ปีก่อน “เสี่ยวหู่ตุ้ย” เคยเปิดคอนเสิร์ตที่ สนามกีฬาเซี่ยงไฮ้ ซึ่งก็คือ ยิมเนเซียมเซียงไฮ้ (Shanghai Gymnasium) ในปัจจุบันนี้ การแสดงครั้งนั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซูโหย่วเผิง เลือกที่จะเปิดม่านทัวร์คอนเสิร์ตเดี่ยวของเขาที่นี่ เพราะมันเป็นที่ที่มีความทรงจำและความหมายต่อเขา และเขาก็ได้เตรียมความพร้อมกับการท้าทายครั้งนี้แล้ว ซูโหย่วเผิง บอกว่า “ผมคิดว่า เซี่ยงไฮ้ เป็นเมืองที่แก่ประสบการณ์ในเรื่องคอนเสิร์ต ถ้าหากว่าผมทำสามารถทำได้ดีในเมืองที่ช่างเลือก และมาตรฐานค่อนข้างสูงอย่างเซี่ยงไฮ้แล้ว ผมเชื่อว่าเมืองอื่นๆก็ต้องทำได้ดีเช่นกัน เพราะฉะนั้น ผมจึ่งขอเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองแรกครับ”

ตามรายงานเบื้องต้น คอนเสิร์ตครั้งนี้กำกับโดย Ida ผู้กำกับคอนเสิร์ตมืออาชีพของฮ่องกง ออกแบบเสื้อผ้าโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง คุณ kennith  ทั้งคู่ต่างเคยร่วมงานจัดคอนเสิร์ตกับคนดังอย่าง หวังเฟย เซียวย่าซวน (Elva Hsiao) จางเสวโย่ว เหมยยั่นฟางมาแล้ว ซึ่งคอนเสิร์ตครั้งนี้ ซูโหย่วเผิง เองก็ได้ร่วมวางแผนและออกแบบคอนเสิร์ตของเขาด้วยตัวเองเช่นกัน

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version