Interviews [Thai Translation] | ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากจะรู้ ซึ่งไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน > Magazine Interviews-Thai

คุณรู้จัก"ซูโหย่วเผิง"ดีแล้วหรือยัง?

<< < (3/4) > >>

Alec Love Me:

2001 อาชีพเสริมของ ซูโหย่วเผิง และ หลี่ไช่ฟ่ง

อาชีพเสิมของซูโหย่วเผิงและหลี่ไช่ฟ่ง

เป็นดาราเนื่องจากตัวเองมีชื่อเสียง ปกติเวลาไปทานอาหารหรือดื่มน้ำชาจึงไม่ต้องต่อคิว ทานข้าวก็มีห้อง VIP และยังมีบริการอื่นๆ ตลอดอีกทั้งรวมไปถึงทรงผมล้วนแต่มีสปอนเซอร์ เสื้อผ้าก็มีให้ใส่แทบไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งหากดารามาทำธุรกิจเอง ก็ยังได้เปรียบตรงที่ไม่ต้องเสียเงินค่าประชาสัมพันธ์ โดยเมื่อเร็วๆ นี้มีดาราหลายคนโดดมาทำธุรกิจเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จสมปรารถนาหรือเปล่า แต่เอาอย่างนี้ดีกว่าเราลองไปฟังเคล็ดลับการทำธุรกิจของพวกเค้าดู ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะเปลี่ยนอาชีพมาทำอย่างจริงจังก็ได้ เริ่มจาก

ซูโหย่วเผิง:เปิดร้านอาหารญี่ปุ่น

ดาราฮ่องกงเปิดร้านอาหารไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แต่การที่ดาราไต้หวันข้ามน้ำข้ามทะเลมาเปิดร้านอาหารที่ฮ่องกงยังไม่เคยมี คนแรกที่ทำให้เห็นก็เป็น ซูโหย่วเผิง นี่แหละช่วงนี้นอกจากเขาจะมาโปรโมทผลงานใหม่ๆ ของเขาที่ฮ่องกงแล้วยังถือโอกาสมาดูแลกิจการร้านอาหารญี่ปุ่นที่เขาเป็นหุ้นส่วนด้วย เราลองไปฟังว่า ซูโหย่วเผิงมีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหนในการเจาะตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นที่ฮ่องกงกัน


เราถามว่าร้านอาหารมีมากมายหลายแบบทำใมเขาจึงเลือกเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น ซูโหย่วเผิง บอกว่า "เนื่องจากผมชอบทานอาหารญี่ปุ่นมากพอดีมีเพื่อนมาชวนว่าจะลงหุ้นกับเขาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นไหม?ผมเห็นว่าน่าจะลองดู ซึ่งช่วงที่ผมถ่ายละครที่เซี่ยงไฮ้ มักอดไม่ได้ที่จะทานอาหารญี่ปุ่น ปลาดิบที่นั่นอร่อยมาก เปรียบเทียบกันแล้ว อาหารญี่ปุ่นที่ไต้หวันค่อนข้างแพง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ของผมจึงไม่ค่อยได้ไปทานอาหารญี่ปุ่น ต้องรอให้ผมพาไปพวกท่านถึงจะไปด้วย ก็เพราะผมเป็นคนเลี้ยงไง ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ตอนนี้ตัวเองมีร้านอาหารญี่ปุ่นแล้วเห็นทีซูโหย่วเผิงคงต้องรีบเชิญคุณพ่อคุณแม่มาชิมฝีมือของตัวเองซะแล้ว

แม้ว่าซูโหย่วเผิง จะถือหุ้นเล็กๆ แต่เมื่อพูดถึงการเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นเขามีเคล็ดลับบางอย่างบอกว่า"ความจริงผมไม่ค่อยรู้เรื่องการทำธุรกิจล้วนฟังความเห็นของหุ้นส่วนใหญ่คนอื่น ผมรู้ว่าคนฮ่องกงชอบความแปลกใหม่ ดังนั้นผมจะลองใช้อาหารที่แปลกใหม่ไปดึงดูดลูกค้า บางครั้งผมก็ลงมือมาช่วยพ่อครัวด้วย"

ถึงแม้ผู้ว่าการเกาะฮ่องกงจะพูดเสมอว่าเศรษฐกิจฮ่องกงฟื้นตัวแล้ว แต่ความต้องการบริโภคของผู้คนยังอยู่ในระดับต่ำถามซูโหย่วเผิงว่าธุรกิจช่วงนี้ลำบากมากไหม เขาตอบว่า"การทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย ค่าเช่าที่ก็แพงมาก ช่วงแรกก็ต้องทนไปก่อน หวังว่าจะขายคุณภาพและคาดว่าอีกหน่อยยิ่งทำก็ยิ่งดีเองนะ"

รอดไม่รอด

โบราณว่า "แรงไม่ถึง เงินไม่มา" ซูโหย่วเผิงที่เล่นละครที่ไต้หวันเป็นหลักมาทำธุรกิจที่ฮ่องกง ถึงแม้นตัวเองจะลงมือเข้าครัวเอง แต่เนื่องจากไม่สามารถดูแลร้านด้วยตัวเองตลอดเวลา อีกทั้งร้านอาหารญี่ปุ่นที่ฮ่องกงมีการแข่งขันที่รุนแรงมาก จะฝ่าวงล้อมออกมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จึงต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจไม่น้อย



Alec Love Me:
MingXing Vol. 80  November 2009

การฉีกบทบาทครั้งสำคัญของ ซูโหย่วเผิง


การฉีกบทบาทครั้งสำคัญของซูโหย่วเผิง

จากละครทีวีแนวสืบสวนสอบสวนที่เคยโด่งดังในอดีต วันนี้เรื่อง"เฟิงเซิง"(The message) ถูกนำมาสร้างใหม่ในแบบฉบับของภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ทันออกฉายก็ได้รับคำชมกันไปเป็นที่เรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการแสดงของซูโหย่วเผิงที่ผู้ชมพร้อมใจกันเทคะแนนให้แบบเต็มๆ

หากใครที่เคยชื่นชอบละครแนววสืบสวนสอบสวนเรื่อง"The message"นี้ แต่เบื่อกับการที่ต้องคอยเฝ้าอยู่หน้าจอดูกันทีละตอนสองตอนกว่าจะจบเรื่องก็แทบจะอดใจกันไว้ไม่ไหว คราวนี้ก็คงจะได้เต็มอิ่มสักทีกับความระทึกใจตลอดสองชั่วโมงเต็มในแบบฉบับของภาพยนตร์

ความเหมาะสมของตัวนักแสดงถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์ดูมีสีสันมากยิ่งขึ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นภาพยนตร์ที่รวมดาราดัง แบ่งกันรับบทบาทสำคัญไว้ถึง 7 คน เช่น โจวซวิ่น,จางหานอวี่,หลี่ปิงปิง,หวังจื้อเหวิน,หวงเสี่ยวหมิง,ซูโหย่วเผิงและอิงต๋า ซึ่งบทหนักคงหนีไม่พ้นบท"ไป๋เสี่ยวเหนียน"ของซูโหย่วเผิง ไป๋เสี่ยวเหนียนเป็นเลขาของผู้บัญชาการจาง อุปนิสัยเจ้าชู้ มีท่าทางเป็นหญิงก็ไม่ใช่เป็นชายก็ไม่เชิง ฉากสำคัญที่น่าชมอีกฉากก็คือฉากที่ไป๋เสี่ยวเหนียนต้องปะทะคารมกับจินเซิงฮั่ว(รับบทโดยอิงต๋า) อิงต๋าพูดว่า"ผียังงัยก็เป็นผีอยู่วันยังค่ำ ต่อให้หัดอีกร้อยปี ก็เป็นคนขึ้นมาไม่ได้"ทำให้ซูโหย่วเผิงโกรธจนใช้แรงบีบถ้วยชาแตก และได้ว่า"ฉันไม่เชื่อว่านายจะเก่งกาจขึ้นมาได้"ทำให้ผู้ชมพร้อมใจกันปรบมือให้

การที่ซูโหย่วเผิงยอมพลิกบทบาทการแสดงมาแต่งหญิงรับบทไป๋เสี่ยวเหนียนอาจทำให้หลายๆ คนอดคิดถึงความหล่อเหลาของเขาในบทของ"องค์ชายห้า"เมื่อครั้งอดีตไม่ได้ และรู้สึกว่านี่คือความตกต่ำของเขาใช่ไหม แต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ได้รับจากการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ล้วนมาจากบทบาทการแสดงของซูโหย่วเผิงแทบทั้งสิ้น ทุกครั้งที่เขาปรากฎออกมาบนจอ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะก็จะเกิดตามออกมาทันที และถึงแม้บทบาทจะมีไม่มากนักแต่ก็เป็นผู้เสียสละคนแรกๆ ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้มากที่สุด ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ซูโหย่วเผิงสามารถปูทางการแสดงที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยปรากฎมาก่อนไว้ได้เรียบร้อย ภาพลักษณ์ใหม่ๆ เหล่านี้นอกจากจะทำให้ทุกคนเห็นถึงความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในตัวเขาแล้ว ยังช่วยให้เขาเข้าถึงชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งที่เขาต้องการจะไปให้ถึง

ผู้กำกับเกาชวินซู วิจารณ์และยกย่องซูโหย่วเผิงว่า"เขามีคุณสมบัติที่จะเป็นดาราดังระดับเดียวกับเลสลี่ จางและเหมยหลานฟางได้ ความท้าทายของเขามีมากกว่านักแสดงคนอื่นๆ ในเรื่อง แล้วเพื่อที่จะแสดงบทนี้ให้ออกมาดีที่สุด ซูโหย่วเผิงทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจแทบจะทั้งหมดก็ว่าได้ ระหว่างการถ่ายทำ คนแรกที่แทบจะเป็นบ้าก็คือเขาแต่หลังจากแสดงจบผลออกมาดีเกินคาด เชื่อเหลือเกินว่าชีวิตการเป็นนักแสดงของเขาต้องไปถึงดาวได้อย่างเลสลี่ จางและเหมยหลานฟางอย่างแน่นอน" นอกจากนี้ ยังมีผู้กำกับชื่อดังในจีนอย่างเฝิงเสี่ยวกังที่ออกปากชมซูโหย่วเผิงกับการฉีกบทบาทการแสดงในครั้งนี้ ทางด้านศาสตราจารย์จางอี๋อู่แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่งก็วิจารณ์ซูโหย่วเผิงว่า"บทบาทของโหย่วเผิงใน เฟิงเซิง ทำให้หลายคนต่างประหลาดใจ การที่ภาพยนตร์เรื่อง เหมยหลานฟาง ไม่ใช้เขาแสดงถือเป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่ง"

คำวิจารณ์ที่ดีแบบนี้ ผลตอบรับที่ดีแบบนี้ คำชมเชยที่ดีแบบนี้ ดูท่าซูโหย่วเผิงคงเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่เยี่ยมยอดที่สุดในเรื่อง "The message"อย่างแน่นอน

Alec Love Me:
2001 ซูโหย่วเผิง ถ่ายโฆษณา รับเงิน 1.6 ล้านเหรียญ


ซูโหย่วเผิง ถ่ายโฆษณา รับเงิน 1.6 ล้านเหรียญ

อย่านึกว่าเป็นดาราแล้วจะมีชีวิตที่หรูหราเพราะบางวันอาจได้กินข้าวแค่ 1 มื้อ อากาศร้อนแทบตายยังต้องใส่เสื้อขนสัตว์ แม้แต่อากาศหนาวเหน็บก็ยังต้องอาบน้ำก็มี เช่นเดียวกับซูโหย่วเผิงเจออากาศที่มีอุณหภูมิแค่ 4 องศา เขากลับต้องใส่เสื้อซีทรูที่เห็นหน้าอกทว่าซูโหย่วเผิงทนหนาวเหน็บครั้งนี้เขามีค่าตอบแทนสูงถึง 1.6 ล้านเหรียญเลยทีเดียวมิน่าล่ะหนาวออกอย่างนี้เขายังยิ้มหน้าระรื่นได้

นี่เป็นโฆษณาของเมืองจีนชิ้นที่ 2 ที่ซูโหย่วเผิงรับเล่นในช่วงเวลาสองเดือน เรื่องมีอยู่ว่าในโฆษณาผลิตภัณฑ์สบู่ที่เขาเล่นเมื่อคราวที่แล้ว มีฉากอาบน้ำที่เรียกเสียงกรี๊ดจากอาหมวย อาตี๋อย่างเกรียวกราวแม้แต่ยอดขายของผลิตภัณฑ์ก็พุ่งสูงขึ้น หลังจากปล่อยเสน่ห์จากคราวที่แล้วบริษัทโฆษณาจึงขอให้เขาเพิ่มความเซ็กซี่ให้มากขึ้นด้วยการให้ ซูโหย่วเผิง ใส่ชุดซีทรูและเผยหัวนม อะไรเป็นสาเหตุให้เขาตกปากรับคำ นอกจากความจริงใจของบริษัทโฆษณาแล้วงานนี้ ซูโหย่วเผิง ยังจะได้เงินเข้ากระเป๋าเหนาะๆ 1.6 ล้านเหรียญ เพราะงั้นเขาจึงยินดีที่จะเผยหัวนมในโฆษณาเป็นครั้งแรก

โฆษณาทั้งเรื่องเกิดขึ้นในจินตนาการว่าอยู่ในยานอวกาศ ซูโหย่วเผิง ในฐานะที่เป็นนักบินอวกาศมีอิมเมจหลายอย่าง ซึ่งรวมทั้งลุคแบบตำรวจเฉพาะกิจ ลุดไซเบอร์ปีสหัสวรรษ รวมทั้งที่ขาดไม่ได้ซึ่งเป็นจุดขายของโฆษณาชุดนี้ ก็คือชุดซีทรูวาบหวิว ขณะเดียวกันก็ใส่ช็อตเต้นรำจำนวนไม่น้อยเข้าไป ทำให้ซูโหย่วเผิง ดูคึกคัก มีชีวิตชีวา สมัยก่อนตอนที่เขายังอยู่คณะ"เสี่ยวหูตุ้ย"(พยัคฆ์น้อย) เขามักจะเต้นช้าไปครึ่งจังหวะ แต่หลังจากคราวนี้ได้รับการชี้แนะจากผู้เชี่ยวชาญฯ โดยเฉพาะ ซูโหย่วเผิงไม่เพียงจะเต้นได้อย่างไหลลื่นแค่ 2 เทค ผู้กำกับก็สั้งคัตผ่านไปอย่างเรียบร้อย

และความที่เป็นการร่วมงานครั้งที่ 2 ของซูโหย่วเผิง บริษัทโฆษณาแห่งนี้จึงสปอร์ตกับเขามาก นอกจากจะดูแลเขาในฐานะอาคันตุกะอย่างดี ยังเป็นห่วงว่าเขาจะไม่ชินกับอาหารการกินของที่นี่ ดังนั้นจึงซื้ออาหารจากข้างนอกมาให้เขาทานโดยเฉพาะ เท่านั้นยังไม่พอผู้บริหารสาวสวยยังลงมือเข้าครัวด้วยตัวเองและต้มน้ำแกงไก่ตุ๋นทังเฉ่าให้ ซูโหย่วเผิง ดื่มอีกด้วย นับว่าเขาโชคดีจริงๆ เพราะมีทั้งเงินให้ใช้ มีน้ำแกงให้ทานแถมยังมีงานโฆษณาออกมาอวดแฟนๆ อีกด้วย นับว่าอย่างนี้หาไม่ได้อีกแล้ว

Alec Love Me:
2009 ซูโหย่วเผิง ขอมุ่งมั่นงานภาพยนตร์


ซูโหย่วเผิงขอมุ่งมั่นงานภาพยนตร์

แม้ในภาพยนตร์เรื่อง"เฟิงเซิง"(Message) ซูโหย่วเผิงจะไม่ได้เล่นบทพระเอก แต่ทุกคนก็เอ่ยปากชมว่าเขาแสดงบทแนวตุ้งติ้งแบบไป๋เสี่ยวเหนียนได้ดีมาก ทำให้ซูโหย่วเผิงที่ตอนนี้กลายเป็นดาราระดับประเทศมีทั้งงานแสดง งานโฆษณาวิ่งเข้าใส่ แถมยังมีผู้กำกับหลายต่อหลายคนติดต่อเข้าเพื่อขอร่วมงานกับเขา

"ที่ผ่านมาผมใช้เวลากับการแสดงละครอยู่หลายปี แม้จะแสดงเป็นพระเอกหลายต่อหลายเรื่อง ก็ไม่เหมือนกับแสดงเรื่อง"เฟิงเซิง" ที่ทำให้ผู้ชมยอมรับความสามารถทางการแสดงของผมได้อย่างรวดเร็ว เดือนธันวาคมนี้ผมมีงานโปรโมทภาพยนตร์สองเรื่อง ทุกคนจะได้มีโอกาสเห็นผมผ่านทางจอเงินบ้างครับ" ซูโหย่วเผิงยังบอกอีกว่าตอนแสดงละครทีวีไม่เคยทราบถึงข้อดีของการแสดงภาพยนตร์"เวลาแสดงละครวันหนึ่งๆ ต้องถ่ายทำหลายๆ ฉาก เข้าๆ ออกๆ วนเวียนอยู่อย่างนี้ แตกต่างจากการแสดงภาพยนตร์ ภาพยนตร์มีความพิถีพิถันและสวยงามมากกว่า มีขั้นมีตอนในการทำงานทำให้คุณสามารถเข้าถึงตัวละครได้มากกว่า ส่วนในอนาคตจะมีโอกาสได้รับบทดีๆ อย่างไป๋เสี่ยวเหนียนอีกหรือไม่นั้น คงต้องขึ้นกับดวงแล้วล่ะครับ"

ดูเหมือนตอนนี้ซูโหย่วเผิงไม่คิดที่จะกลับมาเป็นนักร้อง ทั้งงานละครก็น้อยลงด้วย "ใน"เฟิงเซิง"ผมแสดงเป็นตัวละครที่ไม่ใช่ชายแท้ ทำให้ค่อนข้างกดดัน แต่นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากพวกเขา อย่างเช่นฉากที่ไป๋เสี่ยวเหนียนต้องเล่นงิ้ว ผมใช้เวลาศึกษาอยู่สี่เดือนเต็ม ผมจึงมีความคิดที่จะอยู่ในวงการภาพยนตร์เพื่อศึกษางานด้านนี้เพิ่ม ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาอยู่มาก" จากความหมายที่พูด ซูโหย่วเผิงคงไม่มีเวลามาทำงานเพลงอีกแล้ว"ตอนนี้ตลาดเพลงไม่บูมเหมือนแต่ก่อน หากผมจะออกอัลบั้ม บริษัทคงต้องให้ผมวิ่งโปรโมทไปทั่วประเทศ ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่มีเวลาแสดงภาพยนตร์แล้วหากอยากฟังผมร้องเพลง คงต้องรอนนานหน่อยนะครับ"

Alec Love Me:
2008 ซูโหย่วเผิง ท้าทายคอมเมดี้ใน "อ้ายฉิงจั่วเติงโย่วสิง"


ซูโหย่วเผิง ท้าทายคอมเมดี้ใน"อ้ายฉิงจั่วเติงโย่วสิง"

ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง"อ้ายฉิงจั่วเติงโย่วสิง"ของผู้กำกับจางเจี้ยนหย่า โดยมีดาราสาวหลินเจียซินแสดงนำได้ทำการเปิดกล้องไปเรียบร้อยแล้วที่ปักกิ่งเมื่อวันก่อนและมีดาราชายชั้นนำที่รู้จักกันดีในประเทศจีนหลายคน อาทิ เติ้งเชา,ฟ่านเหว่ย,หวงเสี่ยวหมิง,หวงเล่ย,หวงปอ,ลู่อี้และเหว่ยต้าร่วมแสดง ส่วนดาราชายจากฝั่งฮ่องกงและไต้หวันจะเป็นใครบ้างยังเป็นประเด็นที่หลายคนสนใจ ตามที่นักข่าวทราบมา ในขณะนี้นักแสดงจากฝั่งไต้หวันที่ถูกวางตัวไว้เรียบร้อยแล้วได้แก่ ซูโหย่วเผิง ซึ่งจะมารับบทที่ท้าทายความสามารถผิดจากผลงานหลายเรื่องที่ผ่านมา

ภาพยนตร์เรื่อง"อ้ายฉิงจั่วเติงโย่วสิง" กล่าวถึงเรื่องราวความรักของหลินเจียซินที่แสดงเป็นสาวสวยวัยสามสิบที่กำลังจะขึ้นคานกับชายหนุ่มสิบสองคนที่มีบุคลิกลักษณะแตกต่างกันเพื่อตามหารักแท้ ละครเรื่องนี้มีกองทัพนักแสดงชายที่เข้มแข็งเป็นสีสันที่น่าติดตามและมีสไตล์ที่ค่อนข้างแตกต่าง เรียกได้ว่าเป็นจุดขายของภาพยนตร์เลยทีเดียว หลายปีที่ผ่านมาอาชีพนักแสดงเป็นที่นิยม เวทีประกวดดาราเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว มีหนุ่มสาวมากมายที่มีความฝันอยากเป็นนักแสดงไม่ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกิจกรรมการประกวด และกระแสนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ บทคนบ้าการประกวดนี้จึงถูกกำหนดให้ซูโหย่วเผิงได้เล่น ภาพลักษณ์ที่อบอุ่น สุภาพ มีการศึกษาของเขาแทบจะไม่เหลือในตัวละครตัวนี้เลย เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้านางเอกเขาจะต้องพยายามทำทุกอย่างที่ไม่ใช่ตัวตนของตัวละครตัวนี้ เช่น เก๊กหล่อ ทำเท่ห์ รวมถึงทำทุกวิถีทางที่จะโกงให้ได้ ซูโหย่วเผิงพอได้เห็นบทละครก็ตกลงรับเล่นทันที เขาบอกว่าชอบตัวละครตัวนี้มากเพราะเป็นตัวละครที่ยอดเยี่ยมมีคาแร็กเตอร์ที่แตกต่างรู้สึกท้าทายจึงรับเล่น

เพิ่งจะเสร็จจากการถ่ายภาพยนตร์ที่เมืองต้าเหลียน ซูโหย่วเผิงก็รับเล่น"อ้ายฉิงจั่วโย่วสิง"ต่อทันที เรื่องหนึ่งจบก็ต่ออีกเรื่อง เรียกได้ว่าแทบจะไม่เหลือเวลาพักผ่อนให้กับตัวเองเลย ข่าวที่ว่าซูโหย่วเผิงกำลังจะเดินเข้าสู่เส้นทางภาพยนตร์ค่อยๆ กลายเป็นความจริง หายเงียบไปสองปีกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นด้านงานละคร งานเพลงและงานภาพยนตร์ของเขาก็ล้วนก้าวขึ้นสูงไปอีกระดับ ตามข่าวภายในสิ้นปีนี้นอกจากจะมีงานกับฮอลลีวู้ดแล้ว ซูโหย่วเผิงยังรับเล่นภาพยนตร์อีกสองเรื่อง แต่ผู้ชมจะได้ชมภาพยนตร์เรื่อง"อ้ายฉิงจั่วเติงโย่วสิง"ก่อนผลงานชิ้นอื่นๆ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version