4041
Magazine Interviews-China / Re: 12 ม.ค. 2010 เสี่ยวหู่ตุ้ยลาก่อน ภาพลักษณ์ไกวๆหู่
« เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 11:27:39 AM »เสี่ยวหู่ตุ้ยลาก่อน
โหย่วเผิงกล่าวว่า : (จงกวางเซี่ยน) เป็นงานที่ใหญ่ในรอบปี แต่ก็ไม่เคยได้ยินเพลงที่พวกเขาร้อง แน่นอนก็ย่อมไม่รู้ว่า (จงกวางเซี่ยน) ได้ร้องเพลงไปทั่วในปี 2009 ก็เหมือนกัน เขาเองก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวหุ่ตุ้ยจะมีการทัวร์คอนเสิร์ดไหม “สิ่งที่ผมรู้คือให้เป็นไปตามธรรมชาติ ยิ่งอยู่ในวงการนานเท่าใดก็ยิ่งรู้ว่า หากวาสนามาถึง มาถึงปีเสือพอดี และก็มาเป็นเวลาของช่วงนี้พอดี เรื่องบางอย่างนั้นคุณจะฝืนมันก็ใช่ว่าจะดี ปีนี้นั้นผมเองรู้สึกว่าตัวเองเงื่อนไขพร้อม” ต่อนี้ไป จะจัดตารางเวลา เขาไม่มีเวลาให้กับเสี่ยวหู่ตุ้ย
หลังจากนี้ เรื่อง(ตามหาพี่หลิวซัน)ที่เขาเล่นก็จะฉาย “เรื่องนี้นั้นได้ถ่ายทำช่วงตรุษจีนของปีที่แล้ว(2008) เป็นเรื่องที่อยู่หน้ารายการงิ้ว(เฟิงเซิง) เรื่องนี้ไม่ใช่สร้างเพื่อธุรกิจ จะไปเปรียบราคาตั๋วคงไม่ได้ เป็นเรื่องหนึ่งที่พูดถึงนักศึกษาคนหนึ่งได้กลับมาบ้านเกิดของตัวเอง ผมรับบทเป็นนักดนตรีนอกคนหนึ่ง หลังจากที่กลับมาที่จีนแล้ว ก็หลงไหลในวัฒนธรรมที่บ้าน และหลงรักในตัวของพี่หลิวซันอีกด้วย เรื่องราวนั้นก็คล้ายๆกับเรื่องเก่า บทผมนั้นสุดท้ายก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ ตอนที่พวกเราแสดงนั้นได้ไปถ่ายทำในหมู่บ้านต่างๆมากมาย มีทิวทันศ์ที่สวยงามมากมาย”
เพื่อจะเล่นภาพยนตร์เฟิงเซิง โหย่วเผิงไปเรียนร้องละครเพลง เรื่องนี้นั้นทุกคนก็ทราบกันดี แต่ทำไมเรื่องตามหาพี่หลิวซันยังทุ่มเทอยู่ “เรื่องตามหาพี่หลิวซันก็เป็นเรื่องหนึ่งที่มีศิลปะ ผมได้ไปเรียนการร้องเพลงพื้นเมือง มันพิเศษมาก เพราะหลักการร้องนั้นมันแตกต่างจากตอนที่ผมร้องเพลงสากลราวฟ้ากับดิน คิดไม่ถึงว่าตนเองจะมีเสียงอย่างนั้น ตอนที่ร้องได้นั้นรู้สึกว่ามันอัศจรรย์จริงๆ ในเรื่องยังมีเพลงอิตาลีด้วย ไม่เลวเหมือนกัน ในเรื่องยังมีฉากที่ใช้ภาษาอังกฤษด้วย สำหรับผมแล้วมันเป็นครั้งแรก” ขณะที่พูดนั้น โหย่วเผิงภาคภูมิใจมาก
ตอนที่เขากำลังถ่ายทำเรื่องตามหาพี่หลิวซันนั้น เขาก็ได้เตรียมตัวที่จะถ่ายเรื่องเฟิงเซิงแล้ว“ตอนที่ได้รับเนื้อบทมาใหม่ๆนั้น ผมกับผู้จัดการก็ได้คุยกันว่าจะรับหรือไม่รับดี ตอนนั้นเคยบอกว่าเวลาของผมนั้นมันแน่นมาก ตอนที่ได้รับเนื้อบทของเฟิงเซิงนั้นผมกำลังจะถ่ายเรื่องตามหาพี่หลิวซัน ก็คือหลังจากที่ถ่ายตามหาพี่หลิวซันเสร็จก็ต้องรีบต่อเรื่องเฟิงเซิง ไม่มีเวลาจะมาเรียนการร้องเพลง ผมก็พูดว่า อย่าล้อเล่นหน่า จะเอาเวลาไหนมาเตรียม หากว่าแสดงได้ไม่ดีแล้ว เข้าโรงไปฉายให้แฟนๆดู มันจะไม่เสียหน้าหมดหรือ” ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้ บทที่เฉพาะทางอย่างนี้ หากใม่ให้เวลาผมไปเตรียมตัว มันไม่ไหวจริงๆ ตอนหลังก็คิดว่าเป็นผู้ชายทั้งคน ไม่มีเหตุผลที่จะไปปฏิเสธการท้าทายอย่างนี้ ขณะที่ถ่ายทำเรื่องตามหาพี่หลิวซันนั้น ผมก็ได้จ้างอาจารย์ไปที่กวางซีโดยที่ผมควักเงินเอง ในกองถ่ายนั้น ให้อาจารย์มาพูดถึงเรื่องการร้องละครเพลง การท่องบทอะไรอย่างนี้
เหตุที่เขาอยากจะแสดงการร้องละครเพลงให้ดี เขาได้ผ่านทุกข์ร้อนมากมาย หลังจากปิดกล้องตามหาพี่หลิวซันแล้ว ก็รีบที่จะฝึกซ้อมตัวเอง สุดท้ายฉากนี้ถูกทางผู้กำกับตัดทิ้งไป หลายคนได้เสียดายแทนเขา
“ตอนที่ถูกตัดในมีฉากหนึ่งที่ร้องละครเพลง เป็นฉากที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของไป๋เสี่ยวเหนียนและผู้บัญชาการ ตอนเริ่มเปิดกล้องนั้น ตอนนั้นยังเรียนไม่จบ ผมก็ได้ไปคุยกับทางทีมงานว่า ขอเลื่อนฉากของผมถ่ายท้ายๆหน่อยได้ไหม จะซ้อมไปด้วยถ่ายไปด้วย เมื่อถ่ายไปได้ชั่วโมงกว่า พวกเราก็ไปพูดกับทีมงานว่า พวกเราซ้อมได้พอประมาณแล้ว สามารถเข้าฉากได้แล้ว ฉากของพวกเขานั้นทั้งเสียเงินและเสียเวลา ทำให้นักแสดงทุกคนเกือบจะบ้าตาย มาถึงตอนท้ายพวกเราทั้งไม่มีเงินและไม่มีเวลา พวกเขาบอกว่าผมว่า ไม่ต้องถ่ายแล้ว จะปิดกล้องแล้ว ผมก็ต้อง ร้องออกมาว่า “โอ้” ทางบริษัทก็รู้สึกเสียดาย เพราะตลอดเวลาที่ผมเรียนนั้นพวกเขาได้เป็นเพื่อนผม พวกเขารู้ว่ามันไม่ง่าย สำหรับผมแล้ว คงไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจมากมาย อาจเป็นเพราะปฏิกิริยาผมช้า ตอนนั้นก็รู้อย่างเดียวคือเรียนจบแล้ว เพราะทุกกิริยาบทและทุกรายละเอียดอาจารย์ก็บอกว่าผ่านแล้ว สำหรับผมการเรียนจบก็เป็นสิ่งที่ดี จะเล่นหรือไม่เล่นก็ไม่เป็นไร”