ผู้เขียน หัวข้อ: [31-ม.ค.10] ไกวๆหู่ ซูโหย่วเผิง เสน่ห์แห่งประสบการณ์ที่สะสมนับสิบปี  (อ่าน 6126 ครั้ง)

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด


31 มกราคม 2010: ไกวๆหู่ ซูโหย่วเผิง เสน่ห์แห่งประสบการณ์ที่สะสมนับสิบปี

เว็ปจีน : ข่าวจากปิงไห่เกา “เมื่ออ่านข่าวที่สื่อเขียนในแต่ละวันก็เหมือนกับกำลังดูหนังซีรี่ย์ แท้จริงมันก็เป็นเรื่องที่ปกติธรรมดาเอง” ไม่มีใครคิดถึงว่า จากข่าวของสื่อที่ลงอย่างโหมกระหน่ำมากมายในช่วงเทศกาลตรุษจีนของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น แต่ทั้งสามกลับมองเป็นเรื่องธรรมดาปกติ

หลังจากที่แยกทางกัน 15 ปี ก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว และเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ได้มีการรวมตัวกันบนเวทีอีกครั้ง “ทางฉีหลงได้กล่าวว่า หากว่าเวลาและโอกาสเป็นใจ ในคืนแสดงนั้นทุกคนจะเห็นท่าตีลังกาหลังของเขาอีกครั้ง”

ขณะที่เป็นตัวแทนให้สื่อสัมภาษณ์นั้นทางฉีหลงก็ได้พูดไปไม่กี่คำ “คุณก็ทราบ ตอนซ้อมการแสดงนั้นผมเองก็ยังกังวลว่าพวกเรายังจะซี้กันอยู่หรือเปล่า แต่ว่าทันใดที่เสียงดนตรีดังขึ้นมา ผมได้เข้าใจว่า ชั่วชีวิตของผมไม่เคยลืมเนื้อเพลงเหล่านี้เลย”

เรื่องที่เกี่ยวกับจะมีงานโชว์ต่อหลังจากคืนตรุษจีนนั้น ทางฉีหลงกล่าวว่า การรวมตัวครั้งนี้เป็นเพียงให้แฟนๆสัมผัสถึงความอบอุ่นของพวกเรา สำหรับเรื่องอนาคตทั้งสามจะมีการร่วมแสดงบนเวทีพร้อมกันหรือไม่นั้น เหตุที่แต่ละคนก็มีหน้าที่การงาน บวกกับเวลาว่างที่แทบจะหาไม่ได้เลย ทางผมเองก็ไม่กล้าที่จะรับรองว่าจะมี แต่มีสิ่งเดียวที่สามารถยืนยันได้เลยก็คือ รายการในคืนวันตรุษจีนนั้นจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน”

เป็นอย่างนั้นจริงๆ สำหรับความทรงจำที่มีต่อเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น งานคืนตรุษจีนเป็นเพียงการเริ่มต้นก้าวแรกเท่านั้น  ก็เหมือนกับที่ฉีหลงได้กล่าวไป “หากว่าเป็นไปได้ พวกเราก็ยังหวังว่าหลังปี 90  แล้ว จะขออยู่อีก 20 ปี ไม่รู้จะได้หรือเปล่า?”


โหย่วเผิง : วันเวลาทำให้มีเสน่ห์มากขึ้น

หากจะพูดถึงคนที่ดังต่อเนื่องที่สุดที่หลังจากที่ทั้งสามคนแยกทางกันแล้ว คนนั้นน่าจะเป็นโหย่วเผิง 20 ปีก่อน เขายังเป็นแค่เด็กที่ไร้เดียงสา ไม่มีทุกข์โศก มีชีวิตเด็กหนุ่มที่ไร้ความกังวล 20 ปีผ่านไป ความหล่อที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของเขาในวันนี้ทำให้เราลืมภาพลักษณ์ในอดีตของเขาไปหมดแล้ว ในบรรดาสามคนนั้น เขาเป็นคนหนึ่งที่หลังจากแยกทางแล้วมีหน้าที่การงานที่ราบรื่นที่สุด ไม่กล้าบอกว่าเป็นนักแสดงนัมเบอร์วัน  อาจจะพูดได้ว่าเขาเป็นนักแสดงนัมเบอร์ทรูเลยก็ยังว่าได้ โดยเฉพาะบทของไป๋เสี่ยวเหนียนในเรื่องเฟิงเซิง สามารถพูดได้ว่าเป็นฝีมือประสบการณ์ที่เขาสะสมนานนับสิบปีแล้วมารับเล่นบทนี้ได้อย่างดีมาก

คำพูดที่สำคัญ การจะแสดงบทไป๋เสี่ยวเหนียน ต้องมีประสบการณ์กว่า 10 ปี

ในเส้นทางการแสดงของโหย่วเผิงนั้นนับว่าประสบความสำเร็จ ด้านเพลงดนตรี หลังจากที่ได้บินเดี่ยวหลังปี1993 เขาได้ออกอัลบั้ม(หว่อจื่อเย้าอายหนี่) กับ (เติ่งเต้าน่าอี้เทียน) จากนั้นก็ทะยอยออกอีกหลายอัลบั้มอาทิ  (เจินสี่เตอเป้ยเปา) (ชาจิ่งเอ๋อก็) (เฟิงเซิงหยี่เซิงทิงซูเซิง) (หนี่ไคว้ปู๋ไคว้เล่อ) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากผลงานที่โดดเด่นของโหย่วเผิงและฉีหลงทำให้พวกเขาสองคนได้รับฉายา “๔ ราชาน้อย”จากทางจิงเฉิงอู่และหลินจื้อชิง เพื่อจะให้เหมือนกับ “4 ราชาน้อย หรือ 4 จตุรเทพ ฮ่องกง” ของฮ่องกง แต่ตอนนี้เมื่อดูผลงานของพวกเขาแล้ว ตอนนี้น่าจะเป็นเป็น “4 ราชาใหญ่”

อธิบายเพิ่มเติม
4 จตุรเทพน้อยไต้หวัน มี หลินจื้ออิง, ทาเคชิ, อู๋ฉีหลง, ซูโหย่วเผิง



ด้านงานการแสดง : แสดงเพลงก็ได้มีผลงานที่ไม่เลวให้กับทางแฟนเพลงเหมือนกัน เช่น
องค์ชายห้าในเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ เขาได้กลายเป็นคนที่ทุกคนต่างรู้จัก
ต่อจากนั้นในบทของ “จิงเหยาจี้” ที่แสดงจากนักร้องเป็นนักแสดง
จากนั้น ได้รับบทของเตียบ่อกี้ในเรื่อง กระบี่ฟ้าดาบมังกร
และซูเสี่ยวหมิงในเรื่องเราสองหัวใจเดียวกัน 
ตู้เฟยในเรื่อง มนต์รักในสายฝน ดูแล้วผลงานการแสดงของเขานั้นไม่น้อยเลยทีเดียวเชียว


จนถึงปี 2009  จากบทไป๋เสี่ยวเหนียนในเรื่องเฟิงเซิงนั้นฝีมือการแสดงของเขาได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก เป็นฝีมือที่ส่ำสมกว่า 10 ปี เขาได้ลบล้างภาพลักษณ์กว่าสิบปีของเขาไปอย่างหมดสิ้น วันนี้ที่ให้เราเห็นคือชายหนุ่มที่หล่อเหลาเป็นผู้ใหญ่ไปแล้ว

คำพูดสำคัญ : ข่าวฉาวเรื่องความรักไม่ค่อยมี เก็บเป็นความลับ

เมื่อเทียบกับความรักที่ร้อนแรงของฉีหลงแล้ว เรื่องราวความรักของโหย่วเผิงนั้นแทบจะไม่มีกลิ่นให้ดมเลย ดาราสาวที่เคยร่วมงานกับโหย่วเผิง เช่น จ้าวเว่ย, หลินซินหยู และไฉ่หลินก็เคยมีข่าวเหมือนกัน แต่จนวันนี้โหย่วเผิงเองก็ไม่รับว่าพวกธอเป็นแฟนกับเขา

ปี 1993 หลังจากที่ถ่ายเรื่ององค์หญิงกำมะลอเสร็จ โหย่วเผิงเคยรับต่อหน้าสื่อว่าจ้าวเว่ยเป็นแฟนสาว ทั้งยังบอกอีกว่า หากจ้าวเว่ยไม่มีแฟนหนุ่ม ตัวเขาจะออกตัวจีบแน่นอน ทำให้คนอื่นหยุดคิดไม่ได้ว่า เป็นจ้าวเว่ยที่ปฏิเสธการจีบของโหย่วเผิงหรือเปล่า หลังจากนั้น โหย่วเผิงก็มาดีกับซินหยู ทั้งยังมีคนเคยเห็นพวกเขาจับมือถือแขนในที่ลับตา แต่ทั้งสองก็ยังปากแข็งบอกว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่ง ในปากของโหย่วเผิง กับจ้าวเว่ยเหมือนเพื่อนเล่นโดยไม่คิดอะไร แต่กับทางซินหยูนั้น เธอไม่ใช่เป็นหญิงที่ทุกคนมองที่สุภาพอ่อนโยน เธอเป็นคนที่มีความคิด อ่อนนอกแข็งใน สามารถเรียกได้ว่าเป็นพี่ได้เลย”

ตอนที่ให้สัมภาษณ์นั้นโหย่วเผิงเคยรับว่ามีแฟนนอกวงการ แต่สุดท้ายเลิกกันเพราะไม่ค่อยมีเวลาให้แก่กัน “ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้กับความรัก  ฝ่ายหญิงอยากจะได้รับการใส่ใจดูแลเป็นอย่างมาก ต้องการผมดูเล แต่ผมทำไม่ได้ ผู้หญิงที่ผมเคยชอบ ล้วนเป็นผู้หญิงที่แตกต่างกัน ก็เคยชอบพนักงานสาวของร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่เหตุที่ผมต้องถ่ายละคร กลับไปไม่ได้ เลยทำให้ต้องเลิกกันไป เธอก็นับว่าเป็นคนที่ไม่เลวเลยทีเดียว รอจนผมกลับไปแล้วค่อยบอกเลิกกัน หลังเลิกแล้วค่อยมีรักใหม่” นี่เป็นคำของโหย่วเผิง มีรักหลายครั้ง แต่ที่นานที่สุดก็แค่สองสามปี รักกระท่อนกระแท่น แต่ไม่เคยมีใครมาร่วมอยู่ด้วย


มิถุนายน 2006 โหย่วเผิงได้ไปซื้อของกับสาวนิรนามคนหนึ่งที่ฮ่องกง เมื่อตรวจสอบเบื้องลึกแล้วทราบมาว่า สาวรายนี้ชื่อ เอมมี่ซึ่งเป็นทนายส่วนตัวที่เคยร่วมงานกันมากว่า 5 ปี ตามที่ทราบว่าความรักของพวกเขาได้เริ่มต้นที่โหย่วเผิงถ่ายเรื่อง ฉิงติ้งอ้ายฉิงไห่(รักข้ามขอบฟ้า)  แต่รักครั้งนี้ก็หาจะลงเอ่ยกันได้


คำพูดสำคัญ : การกุศล
ภาพลักษณ์งานการกุศลดีมาก


สิ่งที่โหย่วเผิงแตกต่างจากฉีหลงและจื้อเผิงก็คือหลังจากที่เขาแยกทางกันแล้วก็ได้ร่วมงานกับทางมูลนิธิการกุศล เคยรับตำแหน่งเป็นทูตแห่งการปกป้องเด็กและเยาวชนของฮ่องกงและ ทูตของมูลนิธิเด็กปัญญาอ่อนปักกิ่ง หลายปีมานี้ยังออกงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติต่างๆ งานการกุศล ได้สร้างภาพลักษณ์ตัวอย่างที่ดีให้แก่สังคม

17  กันยายน 2005  โหย่วเผิงได้ร่วมงานกับทางมูลนิธิเยาวชนจีน ได้ก่อตั้งมูลนิธิโหย่วเผิง ในขณเดียวกันทั้งยังได้ร่วมงานกับทางไปรษณีย์โดยการทำสแตมป์ขายกว่าสามพันชุด รายได้ทั้งหมดสมทบทุนมูลนิธิโหย่วเผิง ทั้งยังได้ก่อตั้งโรงเรียนซีว่างโหย่วเผิง


(คำพูดจากใจ) ใครว่าผมปฏิเสธการรวมตัวอีกครั้ง

ขั้นตอนการรวมตัวครั้งนี้ของเสี่ยวหู่ตุ้ย จะมีข่าวเล็กข่าวน้อยตลอดเวลา ข่าวหนึ่งในนั้นคือไม่ค่อยเต็มใจในการรวมตัวกันเท่าไหร่ บอกว่าโหย่วเผิงเป็นคนที่ไม่ค่อยเห็นด้วย สำหรับเรื่องนี้ โหย่วเผิงก็ได้อธิบายผ่านทางผู้จัดการส่วนตัว “ข่าวลือนั้นมีมากจริงๆ เหตุเพราะตอนนั้นสถานียางซื่อได้เสนอมาแค่ความคิดคร่าวๆ ไม่ได้มีรายละเอียดมาด้วย บวกกับทั้งสามคนก็กำลังยุ่งอยู่ ยากที่จะหาเวลามารวมกัน และเหตุผลที่ไม่แน่นอนในตอนแรกก็มีเยอะเหมือนกัน สำหรับโหย่วเผิงนั้น เขานั้นไม่มีความลังเลหรือไม่ยอมใดๆเลย เพราะว่าทุกคนก็รู้ดีว่าคืนตรุษจีนนั้นเป็นคืนแห่งการอวยพร ไม่มีเหตุผลใดๆบอกว่าไม่อยากเข้าร่วม และหากว่าไม่ไปทางแฟนๆก็คงจะผิดหวัง”

ทั้งข่าวที่มีการเสนอบอกว่าตอนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยแสดงนั้น ให้ทางโหย่วเผิงที่มีหน้าที่การงานที่โดดเด่นกว่าคนอื่นยืนตรงกลาง ทางผู้จัดการบอกว่าการจัดตำแหน่งนั้นไม่มีความหมาย “ เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นการหวนระลึก เป็นความคลากสิค พวกเขาจะปรากฏในภาพของความทรงจำในอดีต การที่มีข่าวเรื่องตำแหน่งนั้นไร้สาระมากๆ ฉันมองว่าการงานของเขาทั้งสามคนก็ดีด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่มีการพัฒนาที่ต่างกันออกไป ฉีหลงก็เปิดร้านอาหารและธุรกิจเขาก็ดีมาก ทางด้านจื้อเผิงงานละครเวทีของเขาก็แสดงได้ดีมาก ฉันเองก็เคยไปดูมาแล้วสองครั้ง

สำหรับปี 2010  จะมีการทัวร์คอนเสิร์ดในนามของเสี่ยวหู่ตุ้ยหรือเปล่านั้น ทางผู้จัดการบอกว่า “พวกเรายินดีที่จะทำความสุขให้กับทุกคน แต่การจัดคอนเสิร์ดนั้นการสร้างคลากสิกอีกครั้ง ต้องมีเวลาเตรียมการประมาณ 1 ปี และทางพวกเขาสามคนต่างก็เซ็นสัญญากับบริษัทที่ต่างกัน มีตารางเวลาที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นคอนเสิร์ดทัวร์นั้นดูแล้วอาจเป็นไปได้ยาก หากว่าเป็นงานการกุศล ฉันคิดว่าก็น่าจะเป็นไปได้”