แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Alec Love Me

หน้า: 1 ... 197 198 [199] 200 201 ... 216
3961
Magazine Interviews-China / 2010 Mr. Modern Magazing
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 05:55:00 AM »
นิตยสาร Mr.modern  5 พฤษภาคม 2010


ซูโหย่วเผิง . ชีวิตไม่ใช่ส่งการบ้าน

ก่อนจะเห็นโหย่วเผิง เขาในภาพจินตนาการณ์ของผมนั้น— การเปลี่ยนแปลงทุกครั้งของเขานั้นมีความพิเศษมากๆ ทุกช่วงชีวิตของเขาก็เหมือนกับการสร้างรากฐานให้กับชีวิต เหมือนกับการสร้างบ้าน เพราะรากฐานชีวิตของเขานั้นมั่นคงมากๆ ฉะนั้นเมื่อสร้างสูงขึ้นไปเท่าไรก็ไม่กลัวลมพัดฝนสาด ในแวดวงบันเทิงก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน หลังจากที่ได้เจอเขาแล้ว ตัวจริงของเขานั้นให้ความรู้สึกอย่างนี้ –แน่นอนเขานั้นอยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะต้องทำให้มีดีมากๆจนเวอร์ไป แท้จริงแล้วการจะเห็นแก่ผลลัพท์ของงานนั้นไม่ใช่เป็นตัวตนของเขา โหย่วเผิงนั้นอย่างน้อยเขาก็มีความพึ่งพอใจกับสิ่งทีตนมีอยู่

ในสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นโหย่วเผิงก็เสมือนตัวหนอนเพลงในอัลบั้มชิงผิงก่อเล่อเหยียน แล้วได้มีประสบการณ์มากมายจากงานการร้องเพลงการแสดง จนในที่สุดตัวหนอนได้กลายเป็นผีเสื้อก็ช่วงเรื่องของเฟิงเซิง หากว่าตัวหนอนก่อนที่จะเป็นผีเสื้อนั้นไม่ชอบตัวของตัวเอง คิดว่าการมีปีกบินถึงจะครบบริบูรณ์นั้น ถ้าอย่างนั้นรอจนถึงเขามีปีกแล้วก็คงจะไม่มีความกล้าที่จะบินขึ้นไป โหย่วเผิงในวันนี้แน่นอนจะไปรับเล่นบทที่เหมือนเด็กๆแบบน่ารักๆอย่างในอดีตก็คงไม่ได้้ แต่เขาเองก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธว่าตัวเองนั้นเคยเป็นคนแบบนั้น ฉะนั้นมาจนถึงวันนี้ถึงสามารถที่จะยืนหยัดได้และสามารถที่จะเป็นไป๋เสี่ยวเหนียนได้ โหย่วเผิงได้เรียนรู้มากมายจากการเปลี่ยนแปลของแต่ละช่วงชีวิต และวิชาที่เขาได้เรียนรู้นั้นหากมารวบร่วมแล้วก็น่าจะสรุปได้เจ็ดคำ ชีวิตไม่ใช่ส่งการบ้าน



การดื้อดึง

คนคนหนึ่งที่ไปปลดปล่อยการเป็นทาส คนคนหนึ่งที่ได้ร้องเพลงเสียงดีในเรื่องตามหาพี่หลิวซัน ยังมีอีกบทบาทหนึ่งที่ยังหุบไว้ไม่พูดออกมา สิ่งเหล่านี้จะให้เราได้เห็นต่อจากบทของไป๋เสี่ยวเหนียนแล้ว นี่เป็นผลงานต่างๆในรอบปี๒๐๑๐ของเขา มันเห็นได้ชัดมากๆว่าการที่เขาได้ทุกเทกับผลงานต่างๆเหล่านี้ให้เห็นว่าภาพลักอดีตของเขานั้นมันถูกทิ้งไปแล้ว ไกวๆหู่ที่ทุกคนคุ้นเคยนั้นกลับไม่เชื่อฟังแล้ว โดยเฉพาะในเลือดนั้นยังมีความดื้อดึงไม่ยอมฟังอยู่ด้วย

ตัวเออที่เริ่มแรกนั้นมาจะอัลบั้ม(ไจ้เจี้ยน) เหตุมาจากจื้อเผิงนั้นจะต้องไปเกณฑ์ทหาร ทำให้เสี่ยวหู่ตุ้ยจำต้องเลิกลากันไป และเอ็มวีของเพลง(ไจ้เจี้ยน)นั้นทำให้ฝังใจลึกมาก ปราถนาที่จะเห็นโหย่วเผิงร้องให้บนเวที “ผมนั้นจะร้องอย่างไรก็ร้องไม่ออกมา ทุกคนก็กังวลมากๆ บ้างก็ไปหาของขวัญที่แฟนเพลงส่งมาให้ดู แล้วบ้างก็เอาโน๊ดสั้นที่แฟนๆเขียนให้ผมมาให้ผมอ่าน อยากจะช่วยอารมณ์ผม” แต่ใบหน้าโหย่วเผิงนั้นเห็นรอยยิ้มออกมาบ้าง “เพราะว่าทุกคนก็คิดว่าจะต้องลาจากกันแล้ว การจากกันนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่เศร้าใจมาก คุณน่าจะร้องไห้ออกมาง่ายๆ แต่ปัญหาคือ ผมคิดว่าการพบกันจากกันของมนุษย์เรานั้นเป็นเรื่องธรรมดา ทำไมต้องร้องไห้ด้วย”

“จริงๆแล้วผมเป็นคนที่ร้ายพอสมควร แม้ว่าจะว่าผมสุดดื้อไม่ได้ถึงขนาดนั้นก็ตาม แต่ผมเองก็ไม่ใช่เป็นเด็กที่เชื่อฟังอะไรประมาณนั้น” การพูดของโหย่วเผิงนั้นรวดเร็วมาก น้ำเสียงชัดเจน “จริงๆแล้วผมพูดกับทุกคนตลอดว่าผมเป็นคนอย่างนี้แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ฉะนั้นผมก็เลยต้องมารับเล่นบทไป๋เสี่ยวเหนียน จะมาสร้างภาพที่ตรงข้ามกับไกวๆหู่แบบหน้ามือหลังมือเลย เพราะทุกคนไม่เชื่อว่าผมเป็นคนดื้อไม่ใชหรือ ดี งั้นผมจะทำให้ทุกคนเห็น ครั้งนี้คงจะเชื่อแล้วสิ

จริงๆแล้วบทไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นหาใช่เป็นการดื้อร้ายครั้งแรกของโหย่วเผิง ในช่วงปีสามของการเรียนมหาลัยนั้น เหตุเพราะอยากจะย้ายคณะไม่สำเร็จ สุดท้ายตัวเองตัดสินใจลาออก “ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เสี่ยวหู่ตุ้ยดังระเบิด ก่อนจะลาออกนั้น ผมเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง เป็นนักเรียนต้นแบบ เป็นศิลปินสุเปอร์สตาร์เด็กของวงการบันเทิง จากการที่ลาออกของครั้งนั้นได้ทำลายภาพของนักเรียนดีเด่นสิ้นเชิงไปแล้ว หลายคนรับไม่ได้กับการดื้อดึงอย่างนี้ของโหย่วเผิง” โหย่วเผิงได้หวนคิดและกล่าวว่า “ ตอนนั้นเสมือนครูนับพันมาแนะนำเลย เพราะทุกวันหน้าหนังสือพิมพ์จะมีการเขียนข่าวต่อว่าเป็นครึ่งๆหน้า สุดท้ายตัวเองทนไม่ได้ แล้วได้แบกกระเป๋า เดินทางไปที่อังกฤษ”

วันนี้ได้รื้ออดีตมาพูดนั้น โหย่วเผิงที่อายุกว่าสามสิบนั้นเห็นได้ว่าเขาไม่โกรธอีกแล้ว “การลากออกจากมหาลัยนั้นใช่ว่าจะเป็นการล้มเหลวในชีวิตผม แต่มันก็นับได้ว่าเป็นการทำสิ่งที่ในชีวิตไม่สำเร็จ ตอนนั้นอายุยังน้อยและชอบใช้อารมณ์ สิ่งที่แย่ที่สุดคือการเอาแต่ความรู้สึกของตัวเอง และคิดถึงคนอื่นนั้นมีน้อยมาก มันเป็นการกระโดดจากขอบด้านหนึ่งไปขอบอีกด้านหนึ่ง จริงๆแล้วใช่ว่ายืนอยู่ตรงจุดใจกลาง” อย่างไรก็ตาม เขาเองก็ยังยืนกลานว่าตัวเองนั้นไม่ได้ผิดอะไร เพราะว่า “ชีวิตนั้นใช่ว่าเป็นการส่งการบ้าน” การทำในสิ่งที่ตนเองชอบและไม่ทำตามในสิ่งที่ผู้อื่นอยากให้เป็น นั่นถึงจะเป็นชีวิตที่แท้จริง ถึงจะเป็นชีวิตที่โหย่วเผิงต้องการ แต่ละครั้งที่ผมเปลี่ยนแปลงนั้นก็ล้วนจะมีคนมาให้ความเห็น แต่ว่า ก็ฟังๆไปฮ่าๆ

โหย่วเผิงที่เรียนรู้ที่จะรักใครๆนั้น เขาเป้ฯคนที่ไม่ค่อยชอบทำอะไรที่ซ้ำๆซากๆ ไม่ชอบนิ่งอยู่กับที่ ไม่ชอบแสดงบทเดิมๆ ไม่ชอบกดอารมณ์ความรู้สึกจริงๆของตัวเอง บางครั้งเขาก็ใจร้อน บางครั้งก็ปล่อยตัวอิสระ บางครั้งก็ท่องไปอย่างไร้เป้าหมาย บางครั้งก็เป็นคนจริงใจจริงจัง เขาไม่เคยปกปิดจุดด้อยของตนเอง


3962
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Life Style
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 05:34:16 AM »

3963
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Life Style
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 05:33:40 AM »

3964
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Life Style
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 05:32:55 AM »

เดือนเมษายน มีสองเรื่องที่จะเข้าโรง

เดือนพฤษภาคม มีภาพยนตร์สองเรื่องที่จะเปิดกล้อง

นักข่าว . ในเรืองสี่กามเทพนั้น คุณรู้สึกอย่างไรที่ได้แสดงกับเหล่าเด็กน้อยสี่คน?

โหย่วเผิง. ทั้งสี่คนซนมากๆ หากมีคนหนึ่งอาละวาดทุกคนก็จะตาม หากว่าทั้งสี่คนอาละวาดขึ้นมามันไม่ไหวจริงๆ ผมเองก็เป็นคนที่มีความอดทนน้อย ผมชอบเด็กที่เชื่อฟังหน่อย

นักข่าว . แล้วคุณรู้สึกถึงความเป็นพ่อยัง?

โหย่วเผิง . อย่าคลอดลูกเป็นแฝดสี่คนเด็ดขาด

นักข่าว . ได้ข่าวว่าในเรื่องตามหาพี่หลิวซันคุณเล่นเป็น ABC (หนุ่มนักเรียนนอก-ประเทศอังกฤษ)

โหย่วเผิง . ใช่ ในเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมใช้ภาษาอังกฤษพูดสนทนา ในเรื่องผมแสดงเป็นชายคนหนึ่ง ได้เติบโตที่ต่างประเทศ เรียนที่นั่น เหตุที่ปู่เป็นคนกวนซี ฉะนั้นมีความสนใจประเพณีวัฒนธรรมของที่นั่นมาก แล้วก็ได้กลับไปที่บ้านเกิด เนื้อเรื่องนั้นส่วนใหญ่จะพูดถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน สำหรับตัวเองก็เห็นด้วย เพราะในกวนซีนั้นมีชนเผ่าพื้นเมืองหลายๆเผ่า และมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป หากไม่ใช่เพราะการถ่ายทำ ผมเองก็คงไม่เข้าใจถึงวัฒนธรรมเหล่านี้

นักข่าว . จริงหรือไม่มีสาวจากเผ่าเย้ามาโยนลูกปักให้คุณ?

โหย่วเผิง . การถ่ายทำทั้งเรื่องนั้นน่าตื่นเต้น และสนุก ไม่ว่าจะไปหมู่บ้านไหนก็ล้วนมีสาวงามให้เห็น ฮ่าๆๆ ในเรื่องนั้น เพื่อนของคุณปู่ได้วางแผนในการที่จะเล่นจับคู่ในราตรีบันเทิง ผมกับสาวเย้าได้ดื่มจนเมา ตอนนั้นผมเองก็เมาจริงๆนะ มันไม่ใช่การแสดงเลย ดูจากหนังแล้วจะเห็นใบหน้าที่แดงๆนั้นเมาจากเหล้าจริงๆ

นักข่าว . ในเรื่องคุณยังร้องเพลงชาวเขาด้วย?

โหย่วเผิง . ใช่ครับ ยังต้องไปคาราวะอาจายณ์ที่นั่นมาสอนด้วย เสียงร้องครั้งแรกนั้นไม่เหมือน มันสนุกจริงๆ ผมยังได้ร้องเพลงอิตาลีด้วย (ดวงอาทิตย์ของฉัน)

นักข่าว . ต่อจากนี้ยังมีโครงการอะไร?

โหย่วเผิง . เดือน พฤษภาคม มีสองเรื่องกำลังรอเปิดกล้อง จริงๆแล้วตอนนี้ก็มีความกดดันพอสมควร เพราะสองเรื่องนี้รับมาในเวลาที่ยุ่งๆอยู่ วางแผนไว้ว่าถ่ายเสร็จเรื่องหนึ่งก็รีบต่ออีกเรื่อง ตอนนี้ก็ยุ่งมากๆ ไม่ค่อยมีเวลาในการเตรียมบท มันวุ่นๆ หวังว่าสองบทนี้จะแสดงออกมาได้ดี


3965
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Life Style
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 05:29:36 AM »


บทคนไม่ปกติเป็นความใฝฝันของผม

นักข่าว . หลังจากที่กลับจากอังกฤษ แล้วคุณก็ไปรับงานแสดงเร็วมาก หากว่าไม่ไปรับงานแสดง ก็จะเหมือนกับคนอื่นๆที่ไปเป็นพิธีกรหรือพรีเซนเตอร์อย่างนั้นหรือเปล่า?

โหย่วเผิง . สำหรับผมนั้น ผมยอมที่จะถอยออกมา ท่าที่อย่างนั้นกับผมในเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นเหมือนกัน หากว่าวันหนึ่งผมสามารถที่จะก้าวไปสู่จุดสูงสุดอย่างสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ย ผมก็จะตัดสินใจกล้าที่จะถอยออกมา ทำอย่างนี้ถึงสามารถที่จะรักษาความสุดยอดเอาไว้ได้ ก็เหมือนกับตอนนี้ทุกคนก็หวนคิดถึง จางก๋อหยง(ลิสลี่จาง) หลักการเหมือนกัน เขาได้เอาสิ่งที่ดีที่สุดเก็บไว้ให้กับทุกคน กลายเป็นความคลาสสิกไปตลอดเวลา

นักข่าว . มีบทอะไรบ้างไหมที่คุณแสดงแล้ว รู้สึกเกิดขึ้นมาทันที รู้สึกว่าใช่แล้ว แท้จริงการแสดงถึงจะเป็นอาชีพของผม?

โหย่วเผิง . ไม่มีจริงๆ เพราะทุกเรื่องที่ถ่ายเสร็จแล้วก็จะรู้สึกเหนื่อยจะตาย รู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวมั้ง วันนี้หากย้อนมองไปก็มีเพียงเรื่อง (ดาบมังกรหยก:กระบี่ิือิงฟ้า ดาบฆ่ามังกร)เท่านั้นที่ดูโอเค แต่ว่าตอนที่ถ่ายเสร็จใหม่ๆก็รู้สึกไม่มั่นใจเหมือนกัน ไป๋เสี่ยวเหนียนก็ใช่ ขณะที่ถ่ายเสร็จแล้วก็ไม่กล้ารีเพลย์มาดู ล้วนให้ผู้กำกับไปเคลียเอง ผมก็จะอยู่ในโลกของผม หากผู้กำกับบอกผ่าน ผมก็โอแล้ว

นักข่าว . ณ วันนี้ บทของไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นเป็นบทที่ท้าทายคุณที่สุดหรือเปล่า?

โหย่วเผิง . ใช่ครับ ผมไม่เคยเจอบทไหนที่ต้องเตรียมการถ่ายทำที่ยาวนานขนาดนี้เลย

นักข่าว . คุณได้ตั้งใจในการเรียนงิ้ว แต่สุดท้ายกลับถูกตัดทิ้งไปหมด รู้สึกอย่างไร?

โหย่วเผิง . ไม่ใช่ตัดทิ้ง แต่คือไม่ถ่ายทำเลย ในเรื่องนั้นจริงๆมีฉากอยู่ เมื่อรับมาแล้วก็ตกใจรีบไปเรียนเลย กลัวจะเสียหน้า กลัวแสดงไปแล้วจะถูกขำ และในเรื่องนั้นฉากยาวมาก และในเรื่องก็มีการตัดบททิ้งเยอะเหมือนกัน ฉากที่สนุกที่สุดก็คือตอนที่อยู่ในโรง ตอนนั้นจะเป็นการเล่าถึงเบื้องหลังของไป๋เสี่ยวเหนียน น่าจะเป็นละครในละคร

นักข่าว . มีบทแบบไหนที่คุณอยากจะไปสร้างเปลี่ยนอีก?

โหย่วเผิง . เป็นคนที่เหนือคนมั้ง เพราะผมรู้สึกว่าคนปกติทุกคนก็เล่นกันแล้ว เมื่อก่อนผมเคยแสดงคนป่วยทางจิต น่าจะเป็นละครโทรทัศน์ แต่ก็ไม่ได้ลงลึก การที่ได้แสดงบทคนป่วยทางจิตผมเองก็คิดว่าไม่เลว ยังมีคนที่แปลกประหลาด

นักข่าว . ตอนนี่ถ่ายภาพยนตร์รู้สึกไหมว่า เรายังมีอะไรในตัวอีกเยอะที่ยังไม่ขุดออกมา?

โหย่วเผิง . ผมเองก็ไม่กล้ามั่นใจอย่างนี้ ผมเองก็เต็มไปด้วยความสงสัย ผมเป็นคนหนึ่งที่อาศัยความรู้สึกมากๆ เช่นการถ่ายแบบ หากไม่มีอารมณ์ก็คือไม่มีอารมณ์ บางครั้งอารมณ์มาแล้วจะหยุดยังไงก็ไม่อยู่

นักข่าว . จะพูดเรื่องความเชื่อส่วนตัวของคุณได้ไหม?

โหย่วเผิง . ผมใฝ่หาพระพุธท และก็มักจะมีความเกี่ยวข้องกับธรรมะด้วย ผมเชื่อหลักคำสอนของพุทธศาสนา พระองค์ท่านได้ตรัสไว้ว่า การปล่อยวางเป็นสิ่งที่ดีที่สุด จุดสูงสุดของมนุษย์คือการตัดกิเลส ผมก็พยายามตรงนี้อยู่

นักข่าว . วิถีชีวิตแบบไหนที่คุณใฝ่หา?

โหย่วเผิง . วิถีชีวิตในวันนี้นั้นใช่ว่าเป็นสิ่งที่ผมต้องการทั้งหมด ตอนนี้งานมันเยอะมาก ด้านการแสดงภาพยนตร์ก็เพิ่งเริ่ม โอกาสของงานทำให้มีเยอะมากขึ้น พูดตรงๆว่าผมเองก็ยังปรับไม่ค่อยลงตัวจริงๆแล้วชีวิตต้องสมดูลย์ แต่ว่าตอนนี้เวลาของงานมันหนักเกินไป กินพื้นที่เวลาชีวีตไปเยอะมากๆ วิถีชีวิตอย่างนี้นั้นไม่ปกติ ผมว่าถ้าจะให้ดีนั้นปีละเรื่องเดียวก็พอ

นักข่าว . นักแสดงมากมายเขารับปีละเรื่องเอง

โหย่วเผิง . ตอนนี้ผมไม่มีทางอื่น เพราะผมเพิ่มเริ่มเข้ามา ยังไม่ถึงขั้นนั้น หากว่าผมสามารถที่จะก้าวผ่านช่วงนี้ไปได้ จะมีชีวิตที่ว่างเยอะหน่อย ให้เพื่อน ให้ครอบครัว และมีเวลาไปท่องเที่ยว ทุกปีมีการแสดงแค่เรื่องเดียว ออกหนึ่งอัลบั้ม โอ้ ชีวิตอย่างนี้คงจะดีมากๆ


3966
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Life Style
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 05:25:57 AM »

ผมเป็นคนรักการร้องเพลงที่สุด

หลังจากที่กลับจากอังกฤษ ความใฝ่ฝันของโหย่วเผิงยังเป็นการร้องเพลงอยู่ แต่ว่าเขากลับมาเป็นนักแสดงอย่างไม่ได้ตั้งใจ เริ่มจากองค์หญิงกำมะลอมาจนถึงไป๋เสี่ยวเหนียนในเรื่องเฟิงเซิง(The Message) เข้าไปทีเดียวก็สิบกว่าปีแล้ว

แม้ว่าระหว่างนั้นจะมีการออกอัลบั้ม และมีการจัดงานคอนเสิร์ด แต่ดูเหมือนว่าตำแหน่งนักร้องนั้นยิ่งนานวันยิ่งห่างเขาไป หากไม่ใช่งานราตรีตรุษจีนที่ออกมาร้องเพลง พวกเราก็คงลืมไปแล้วว่าโหย่วเผิงนั้นเคยเป็นนักร้องมาก่อน แต่สำหรับเขาแล้วความคิดในการร้องเพลงนั้นไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เขากล่าวว่า “เมื่อก่อนนั้นผมรักในการร้องเพลงมากๆ แม้ว่าผมจะเริ่มเข้าสู่การแสดงเต็มตัว ได้แสดงเรื่ององค์หญิงกำมะลอ แต่ลึกๆในใจผมนั้นก็ยังปรารถนาที่จะร้องเพลงเหมือนกัน”

สำหรับแฟนๆนั้นนานวันก็ยิ่งยอมรับฝีมือการแสดงของเขา แล้วเขาเองก็ได้เอาอาชีพการแสดงนั้นเป็นที่หนึ่งในชีวิตเขา “สำหรับเรื่องการร้องเพลงนั้นจะบอกว่าผมทิ้งไปเลยก็ไม่ใช่ ผมยังมีความคิดที่อยากจะร้องอยู่ แต่มันคงจะไม่เหมือนกับสมัยวัยรุ่น ตอนนี้รู้แล้วว่าโลภมากลาภหาย ต้องทำไปทีละเรื่องทีละอย่าง ไม่สามารถที่จะทำหลายๆอย่างให้เสร็จในเวลาเดียวกัน

จริงๆแล้วทางค่ายเพลงก็ยังทาบทามผมได้ร้องเพลงอยู่เหมือนกัน นี่ใช่เป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็อยากจะทำออกมาให้ดีนั้นก็ยากเหมือนกัน สำหรับช่วงนี้ งานผมนั้นจะเน้นไปทางการแสดงภาพยนตร์ เพราะผมรู้สึกว่าการเริ่มต้นแสดงของผมนั้นมันก็ไปได้สวยเหมือนกัน เพราะทุกคนก็เห็นด้วยเหมือนกันว่าโหย่วเผิงสามารถที่จะแสดงภาพยนตร์ได้ดี เส้นทางอนาคตนั้นก็ยังต้องพยายามเดินให้ดีที่สุด”

ไม่มีใครคิดเลยว่าผมสามารถเปลี่ยนมาเป็นนักแสดงได้

หากพูดถึงเรื่องที่ตัวเองหันมารับงานแสดง โหย่วเผิงเองก็ยังรู้สึกว่าคิดไม่ถึง “นิสัยผมไม่ใช่ว่าเป็นคนที่ชอบแสดงออกแต่กำเนิด นี่น่าจะเป็นเพราะโชคชะตากำหนดไว้ เมื่อเดินมาถึงจุดนี้ นิสัยผมเรียกร้องหาความสมบูรณ์เพอร์เฟค หากจะทำงานอะไร ก็จะตั้งใจและทำให้สำเร็จ”

หากจะพูดเรื่องบทบาทของภาพยนตร์(จอเงิน) เขาก็จะเอ่ยถึงไป๋เสี่ยวเหนียน เพราะอีกมุมหนึ่งนั้นบทของไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นยากจะจิตนาการได้ และอีกด้านหนึ่งคือบทไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นได้ให้สิ่งใหม่ๆกับการแสดงของโหย่วเผิง “หากยังมีโอกาสที่จะได้รับบทดีๆอย่างนี้อีกสองสามเรื่องที่จะให้ทุกคนได้จำได้คิดถึงผม ผมก็พอใจแล้ว ไป๋เสี่ยวเหนียนนับว่าแค่ครึ่งบทมั้ง ฮ่าๆ เพราะเป็นบทที่พิเศษ”

วันนี้ได้พูดถึงความดื้อในสมัยวัยรุ่น โหย่วเผิงก็ยังร้องประทับใจเหมือนกับสมัยก่อน เมื่อเอ่ยพูดถึงเรื่องที่กินใจก็จะมีท่าทางที่เอามือลูบตักไปมา “ตอนนี้ผมนั้นได้ผ่านวัยนั้นมาแล้ว ตอนนี้ทุกคนก็กำลังจ้องมองว่าตอนนี้โหย่วเผิงจะเปลี่ยนไปในแนวไหนอีก จะไม่เหมือนเดิม ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตาม ก็จะมีคนว่าไกวๆหู่ทำไมคุณไม่ไกวแล้ว ทำไมถึงทำอย่างนี้ได้ ยังดีที่ตอนนี้ไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว โดยเฉพาะหลังจากที่เล่นบทไป๋เสี่ยวเหนียนแล้ว ทุกคนก็กำลังรอการเปลี่ยนแปลงของก้าวต่อไป โหย่วเผิงจะมีลูกเล่นอะไรอีก การเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ทำให้ผมแฮปปี้เป็นอย่างมาก”

หากว่าวันหนึ่งผมสามารถที่จะยืนอยู่ที่สูงเหมือนกับสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ย ผมก็จะกล้าที่จะเลือกหยุดอยู่ตรงนั้นแล้วถอยกลับ มีเพียงอย่างนี้ถึงจะทำให้สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นความคลาสสิกตลอดไป


สนทนา ผมไม่มีทางที่จะทำสิ่งเดียวไปตลอด


นักข่าว. วันนี้ถ่ายแบบเหนื่อยไหม? ดูคุณเหมือนกับว่าชอบมากๆ ?

โหย่วเผิง . ก็โอเคอยู่ เพราะมันสนุก เมื่อได้เล่นแล้วไม่รู้สึกเหนื่อย

นักข่าว. ทำไมต้องการการเปลี่ยนแปลงทำในสิ่งที่แปลกใหม่อยู่ตลอดเวลาเลย?

โหย่วเผิง . ไม่ชอบอะไรที่ธรรมดาปกติ ทุกวันทุกคนก็ถ่ายแบบกัน ผมอยากจะทำผลงานอะไรที่ไม่อยากเป็นกับเมื่อวาน หากเป็นสิ่งที่เป็นระเบียนเป็นของเก่าผมก็จะเบื่อ ผู้ชมก็เหมือนกัน

นักข่าว . คุณคิดอย่างไงกับตอนถ่ายแบบแล้วถือกุหลาบแห้งช่อหนึ่ง

โหย่วเผิง . คุณไม่รู้สึกมันเข้ากันมากหรือ? แต่การที่ผมได้ไอเดียอย่างนั้นใช่ว่าปุ๊ปปั๊ปนะ ผมพูดอยู่บ่อยๆว่าหากผมเป็นนักเขียน แล้วผมก็ส่งงานเขียนผมทุกอาทิตย์ ภายใต้ความกดดันนั้นผมคงจะตายแบบหมดสภาพแน่ หากว่าไม่มีความกดดัน ให้สบายๆ ผมก็อาจจะได้ไอเดียแบบเอากุหลาบมาถ่ายอย่างนี้บ่อยๆแน่

นักข่าว . คุณนั้นได้ตั้งใจจะดื้อมาตลอดหรือเปล่า?

โหย่วเผิง . นิสัยส่วนตัวผมนั้นเป็นคนที่ชอบขัดแย้ง ผมชอบทำอะไรที่ตรงข้าม และผมเองก็ไม่มีความอดทนด้วย เช่นบางครั้ง หากถ่ายทำฉากหนึ่งหรือเรื่องหนึ่งเสร็จ ตอนนั้นอาจรู้สึกว่าไม่เลว แต่เมื่อผ่านไปสองสามวันก็จะมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง ฉะนั้นผมสังเกตุเห็นว่าผมเองนั้นจะทำอะไรที่ซ้ำๆเดินๆไปเรื่อยๆไม่ได้...

3967
Magazine Interviews-China / 2010 Life Style
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 05:18:35 AM »
http://tieba.baidu.com/f?kz=752065437

บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จาก นิตยสาร Life Style 19 เมษายน 2010 เล่มที่ 29


โหย่วเผิง : จะไม่เข้าตามตรอกออกตามซอย

อากาศยามเข้าฤดูใบไม้ผลิของปักกิ่งนั้นยังเหน็บหนาวอยู่ สภาพที่หนาวอย่างนี้นั้นทำให้หลายๆคนไม่ค่อยมีชีวิตชีวา แต่นั่นไม่รวมโหย่วเผิงที่กำลังถ่ายแบบอยู่ ทั้งวันนั้นเขาแฮปปี้มากๆ นอกจากการแต่งตัวที่ดูดีของเขาแล้ว เขายังพูดจาหยอกล้อกับบรรดาทีมงาน และยังหาอุปกรณ์เสริมการถ่ายให้กับตัวเอง ได้เก๊กท่าต่างๆนาๆ จนทำให้ช่างภาพกดปุ่มถ่ายภาพอย่างไม่ยั้งมือเลย จริงๆแล้วมือของเขาได้ถือกุหลาบแห้งดอกหนึ่ง ดอกนั้นน่าจะได้มาจากสาวสวยที่มาในงานถ่ายแบบ

โหย่วเผิงนั้น Nice มากๆ ไม่ว่าใครจะแนะนำให้เขาทำท่าแบบไหนก็ไม่เกี่ยง เขาทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี แต่ว่ามีอยู่อย่างหนึ่งที่เขาแม้ตายก็จะไม่ยอมทำ นั่นคือการเข้าตามตรอกออกตามซอย หรือเป็นระเบียบเหมือนกับของเก่า เขาได้พูดว่า “ผมไม่ชอบอะไรที่ปกติธรรมดามากๆ”ใช่ คนที่อยู่ต่อหน้าเราเป็นโหย่วเผิง แล้วไกวๆหู่เป็นใคร?

ทำไมผมจะลาออกจากการเรียนไม่ได้

หากดูตามคำพูดของโหย่วเผิงแล้ว เมื่อเขาเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงก็ได้รับเป็นเด็กเทพ เป็นเด็กที่ทั้งเรียนดีร้องดีไปหมด มีฉายาไกวๆหู่ ด้านหนึ่งนั้นเป็นเพราะโหย่วเผิงดังแต่เด็ก และอีกด้านหนึ่งนั้นกลายเป็นฉายาที่ลบไม่ออกตลอดชีวิต

ฉายานี้ได้ติดตรึมอยู่ตรงนั้น โหย่วเผิงได้แต่เลือกว่าจะเดินไปซ้ายหรือขวา ทางขาวก็จะเป็นขวัญใจดาราไปตลอดชีวิต ทางซ้ายนั้นจะเป็นทางที่ไม่รู้อนาคตว่าจะเป็นอย่างไร อาจเป็นเพราะนิสัยที่ไม่ค่อยจะเชื่อฟัง โหย่วเผิงได้เลือกที่จะเดินในทางดื้อดึงไม่สนใจภาพลักษณ์ดีๆของอดีต


เขาอยากจะเป็นตัวของตัวเอง สุดท้ายเขาตัดสินใจไปอังกฤษ “ตอนนั้นผมเองก็ยังเจ็บปวดใจอยู่ อายุยังน้อย เรื่องการลาออกจากการเรียนนั้นเป็นเรื่องที่ให้ทุกคนต่อว่าด่าผม น่าจะเป็นเพราะว่าคนในสมัยนั้นคิดว่าการทำเรื่องอย่างนี้กับภาพของไกวๆหู่มันขัดแย้งกัน หลายคนรู้สึกว่าคุณไม่ควรที่จะทำอย่างนี้ โหย่วเผิงคุณเป็นคนที่เข้าตามตรอกออกตามซอยมิใช่หรือ แล้วทำเรื่องอย่างนี้ได้อย่างไง อาจเป็นเพราะว่าทางค่ายได้สร้างภาพลักษณ์ผมให้ดีเกินไป

พูดแล้วผมในทำนองที่ดีไร้ทีติ ว่าโหย่วเผิงนั้นเป็นเด็กที่อัฉริยะ เก่งทั้งเรียนทั้งร้อง คนแบบนี้จะลาออกจากการเรียนได้อย่างไร จริงๆแล้วตอนนั้นผมกดดันมากๆ การที่ผมตัดสินใจไปที่อังกฤษนั้นเหตุผลหนึ่งคือเบื่อกับการที่ทุกคนมาจ้องเพ่งเล็งในชีวิตผม อีกด้านหนึ่งคือการเรียนของผมนั้นเหมือนกับว่าเป็นการแสดงให้สังคมดู มันแปลกมากๆ เพราะในตอนนั้นขนาดผมจะเปลี่ยนคณะ ได้ข่าวว่าอาจารย์ยังต้องให้นักศึกษายกมือโหวดกันเลย ว่าโหย่วเผิงสามารถเปลี่ยนคณะได้ไหม”

การดื้ออย่างนี้นั้นยิ่งนำความสงสัยต่ออนาคตมาสู่โหย่วเผิง “ตอนนั้นผมมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าอนาคตสามารถทำอะไรได้บ้าง หาหนทางไม่เจอจริงๆ ดีที่สุดก็คงจะหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จัก เพราะหลายปีแล้วที่ถูกผู้คนจ้องมองตลอด จนทำให้ตัวเองลืมไปว่าแท้จริงแล้วตัวเองต้องการอะไร ในมุมที่ไม่มีใครมาจ้องมองนั้นผมจะมีความคิดอะไรใหม่ๆหรือเปล่า ฉะนั้นเลยอยากจะออกนอกประเทศ หาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักผม”

3968
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Fashion Weekly
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 05:05:57 AM »





3969
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Fashion Weekly
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 05:04:31 AM »

3970
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Fashion Weekly
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 05:03:04 AM »



3971
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Fashion Weekly
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 05:02:18 AM »



3972
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Fashion Weekly
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 04:58:32 AM »

โหย่วเผิงกับความเป็นอยู่

F: ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ไทเป ลอนดอน คุณจะเลือกอยู่เมืองไหน?

S: ไทเป เพราะความคุ้นเคยมั้ง อยู่ไทเปผมสามารถขับรถไปเที่ยวด้วยตัวคนเดียวได้ ผมรู้ที่ต่างๆของไทเป แต่อยู่ปักกิ่ง ผมไม่รู้จักทางเลย(ฮ่าๆ)

F: ปกติขับรถเองไหม?

S: ผมไม่ชอบขับรถ แต่ผมชอบความอิสระของการขับรถอย่างนั้น ขับรถเอง อยากจะทำอะไรก็ทำได้ อยากจะไปไหนก็ไป กินของทีตนเองชอบ

F: แล้วคุณชอบการรถแข่ง หรือรถวิบาก หรืออะไร?

S: ห้าปีก่อนความฝันของผมคือรถ suv ผมรู้สึกว่ามันหรูจริงๆ ผู้ชายควรจะเป็นอย่างนั้น ตอนนี้นั้น มี choice คันที่สองแล้ว ผมคิดว่ารถแข่งก็ไม่เลว

F: แล้วยี่ฮ่อล่ะ มียี่ฮ่อรถที่ตัวเองชื่นชอบเปล่า?

S: จริงๆแล้วผมเป็นคนที่เรียบๆ นอกจากงานแล้วสิ่งที่ผมต้องการคืออากาศ ผมไม่ใช่คนที่ชอบโอ้อวด ใช่ชุดดำที่แสบตาแล้วแว่นดำเที่ยวโชว์ไปทั่วอะไรอย่างนั้น นั้นไม่ใช่ชีวิตผม ผมชอบ BMW ที่มีแค่สองประตูอย่างนั้น จะให้ผมเลือกแน่นอนผมก็เลือกสีดำ จะเรียบๆ ง่ายๆ

F: ปกติเป็นคนที่ชอบสะสมไหม เคยสะสมพวกเครื่องประดับ หรือพวกนาฬิกาไหม?

S: ตอนนี้ไม่มีแล้ว ตอนเด็กจะชอบซีดี จะสะสมซีดีที่ผมชอบ ตอนกลับจากอังกฤษผมหิ้วซีดีเป็นกระเป๋าเลย

3973
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Fashion Weekly
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 04:55:38 AM »


โหย่วเผิงกับตัวเอง

F: หากว่าชีวิตคนเราสามารถย้อนเวลาได้ คุณอยากจะไปเปลียนแปลงช่วงไหนของชีวิต?

S: จริงๆแล้วมองจากวันนี้ ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่ไม่ดีนะ แต่หากสามารถไปเปลี่ยนแปลงได้จริงๆแล้ว ยินดีที่จะไม่เข้าสู่วงการบันเทิง จากนั้นผมก็คงจะมีชีวิตที่ไม่เป็นอย่างนี้แน่นอน

F: แล้วจะมีชีวิตแบบไหนกัน?

S: หากว่าผมไม่เข้ามาสู่วงการนี้ เรียนหนังสือตลอด คิดว่าตอนนี้คงจะเป็นอาจารย์ อดีตผมเองเป็นคนที่รักการเรียนมาก มันมีความสุขมากที่ที่สอบได้ที่หนึ่ง จริงๆแล้วก็คืออยากจะให้ตัวเองยอดเยี่ยม เพราะเมื่อก่อนก็ไม่เคยเห็นโลกภายนอกเหมือนกัน สำหรับผมในตอนนั้นสิ่งที่สำคัญทีสุดคือการเรียน

F: มีอะไรไหมที่คุณปราถนาอยากจะได้มันตลอดมา แต่มาถึงวันนี้ยังไม่ได้เลย?

S: อิสระเสรี(ฮ่าๆๆ)

F: หากว่าให้คุณพักสักครึ่งปี คุณจะวางแผนอย่างไร?

S: ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ

F: คุณคิดว่าสำหรับผู้ชายแล้ว อะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด?

S: ภาระที่จะรับผิดชอบ

F: แล้วนิยามภาระที่จะรับผิดชอบคืออะไร?

S: จะต้องแบกรับอะไรบางอย่าง เมื่อผมยิ่งนานวันยิ่งเป็นผู้ใหญ่ โลกแห่งความจริงกับโลกแห่งความฝันของสมัยเด็กๆนั้นมันต่างราวฟ้ากับดิน เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอเรื่องเข้าใจผิดเรื่องไม่ยุติธรรม หากเจอเรื่องราวที่ไม่ชอบก็คงจะเหมือนเด็กๆงอแง้ไม่ได้แล้ว หรือว่าไม่สบายใจก็ร้องไห้ ใจของตัวเองก็จะต้องกว้างหน่อย จะต้องมีความอดทนกว่าเมื่อก่อน จะต้องแบกความกดดันเหล่านั้น เอาแต่ใจต่อไปไม่ได้แล้ว

F: หลายปีมานี้ อะไรเป็นสิ่งที่คุณไม่เคยยอมแพ้หรือไปเปลี่ยนแปลงและยึดมันมาจนถึงวันนี้?

S: ผมคิดว่าผมสูงส่งตลอด เพราะมีเรื่องบางอย่างที่ไม่สามารถสลายได้ หลายปีมาแล้ว ผมก็ยังเป็นคนที่จริงจัง ผมไม่เคย ผมไม่เคยที่จะเปลี่ยนแปลงไป แม้จะต้องเจอสภาพการณ์หลายๆอย่าง คุณอาจที่จะรังเกผมได้ แต่เรื่องที่ผมไม่อยากจะทำ ผมก็ไม่ทำ


3974
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Fashion Weekly
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 04:51:34 AM »

โหย่วเผิงกับไป๋เสี่ยวเหนียน

F: บทนี้คุณได้มาได้อย่างไร?

S: หลังจากเรี่อง(เย่ออ้าย)ปิดกล้องแล้วไปนาน ผู้จัดการได้พาผมไปหาคุณเกา ตอนนั้นเขากำลังเตรียมเรื่อง(ซื่อต้าหมิงปู่) เดิมที่อยากจะเจอผู้กำกับหน่อย ไปดูว่ามีบทอะไรที่พอจะเล่นได้ แต่ในตอนนั้นสภาพจิตใจผมยังอยู่ในบรรยากาศของโรคจิตในบทของ(ซูหมิงเทา)อยู่ ผู้กำกับบอกว่า คนนี้ทำไมไม่เหมือนกับโหย่วเผิงในความคิดของเราเลย ทำไมดูแปลกๆ จากนั้นเรื่อง(ซ่อต้าหมิงปู่)นั้นดูแล้วไม่มีบทที่เหมาะ แต่กลับให้ภาพลักษณ์ที่ฝังใจกับผม ฉะนั้นตอนหลังเรื่อง เฟิงเซิง พวกเขาคิดว่าสามารถที่จะหาโหย่วเผิงมาเล่นได้ พวกเขาคิดว่าในตัวผมนั้นน่าจะมีความแปลกๆที่จะเล่นได้ เป็นไป๋เสี่ยวเหนียนที่มันเหมาะจริงๆ

F: แล้วส่วนตัวคุณเองนั้นคิดอย่างไรกับบทไป๋เสี่ยวเหนียน?

S: เมื่อผมได้อ่านบทแล้วผมคิดว่าไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นคงจะไม่มีตัวละครที่ชัดเจนไปกว่านี้อีกแล้ว อ่านคำพูดคำจาของเขาแล้วรู้สึกว่ามันไม่เหมือนผู้ชายพูดเลย ทำให้ผมฝังใจสนใจขึ้น

F: แล้วทรงผมของไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นคุณมีส่วนที่ออกแบบด้วยหรือเปล่า?

S: ไม่มีเลย พวกเรามีอาจารย์แย่ เรื่องอย่างนี้ไม่ถึงมือพวกเขา วันแรกที่ไปแต่งตัว อาจารย์แย่นั้นดูเหมือนว่ากำกับผู้ช่วยช่างที่แต่งตัวผมไปด้วยแล้วคุยกับหลี่ปิงปิงไปด้วย ตัดไปให้หมด ข้างๆตัดทิ้งไปหมดเลย เพราะว่าผมเชื่อมั่นในตัวอาจารย์มากๆ ก็ไม่ได้พูดอะไร ตอนหลังตัดเสร็จแล้วมาดูกระจก โอ้พระเจ้า มันหมดเลย ตอนนั้นผมโกรธนิดๆ ว่าคุณได้ใส่ใจในตัวของไป๋เสี่ยวเหนียนบ้างไหม แต่ตอนนั้นแล้วรู้ว่ามันกลับตรงข้ามกัน ไป๋เสี่ยวเหนียนเป็นคนที่พิเศษมาก ใครไม่แสดงบทนี้ให้ดีๆแล้ว ทุกคนก็จะมองกัน ว่าขนาดตัวละครนี้คุณยังไม่สามารถที่จะจัดการได้ แล้วคุณจะไปวางแผนอะไร ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ ฝ่ายผลิต ฝ่ายถ่าย ต่างก็จริงจังมากๆ ทุกคนทำงานอย่างระมัดระวัง

F: แล้วคุณพอใจกับรูปแบบอย่างนี้หรือเปล่า?

S: จริงๆแล้วมันไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ เพราะในเนื้อบทนั้นได้เขียนไว้เยอะมากว่า ไป๋เสี่ยวเหนียน แล้วมีเครื่องหมายพูด  เครื่องหมายวงเล็บ ไม่หญิงไม่ชาย (ฮ่า) ผมก็คิดว่า การที่บอกว่าไม่หญิงไม่ชาย แท้จริงแล้วมันก็คือ ทั้งหญิงทั้งชาย ฉะนั้นตอนแรกผมเองก็คิดว่าไป๋เสี่ยวเหนียนน่าจะผมยาวๆ แล้วมีหนวดนิดๆ จริงๆแล้วเขาเป็น balance ทั้งหญิงทั้งชาย มันก็ต้องเท่าๆกัน ดูเหมือนว่าจะสบายๆ

F: แล้วในเรื่องเฟิงเซิงนี้ คุณจะให้คะแนนการแสดงของคุณเท่าไร?

S: จริงๆแล้วในด้านการแสดงนั้น ผมเป็นคนที่จู้จี้จุกจิก ไม่ว่าผมจะดูผลงานของคนอื่นหรือแม้แต่ของตัวเอง จะให้ผมให้คะแนนว่าดีนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่จริงๆแล้วผมเป็นคนที่ใจกว้าง ก็คืออย่างนี้ก็ถือว่าโอเคแล้ว แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่มองอย่างระเอียดนะ ไป๋เสี่ยวเหนียนนั้น ผมเองก็คิดว่า ออกมาได้ไม่เลวเหมือนกัน อาจารย์ก่อฝู่ก็เป็นคนมีความรับผิดชอบสูง ตอนหลังการตัดต่อนั้น มีการไปหามุมกล้องด้วย ก็ยังให้คะแนนผมด้วย ฉะนั้น รวมๆแล้วคิดว่าไม่เลว


3975
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Fashion Weekly
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 04:43:19 AM »

โหย่วเผิงกับการแสดง

F: ภาพยนตร์ ละคร ละครเวที ในมุมนักแสดงของคุณนั้น คุณคิดว่าแต่ละอย่างมีความพิเศษอย่างไร?

S: ภาพยนตร์สนุกกว่า มันเป็นอะไรที่จะต้องใช้ความสามารถในการถ่ายและเวลาถ่ายก็มีอะไรให้เรียนรู้เยอะ งานละครเสมือนงานน้ำไหล ทุกวันก็ต้องเน้นปริมาณ มันออกแนวธุรกิจ ละครเวทีนั้นมีเอกลักษณ์การแสดงเฉพาะของมัน มีเงื่อนไขคือต้องให้คนที่นั่งอยู่แถวหลังสุดต้องได้ยินเสียงของคุณ เห็นท่าทางการแสดงของคุณ ฉะนั้นการแสดงนั้นก็ต้องแสดงแบบออกเว่อร์ๆหน่อย

F: แล้วนักแสดงที่คุณชื่นชอบล่ะ?

S: นักแสดงหลายคนนั้นเก่งมากๆ ผมเป็นคนที่ใช่ว่าจะไปชอบเลียนแบบใครเป็นพิเศษอะไรอย่างนั้น แต่ว่าอย่างไรก็ตามผมเองก็รักชอบ JULIA ROBETS จริงๆ ผมรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่มีเสน่ห์สีสันมากๆ

F: แล้วนักแสดงชายล่ะ?

S: ผมเป็นคนที่ไม่ชอบแบบหล่อๆ แต่ชอบแบบตรงข้ามที่แปลกๆ มันรู้สึกว่ามันเท่มากๆ

ขวัญใจของผมในตอนนี้คือ(คุณจางหันอี๋) ผมฝันว่าสักวันหนึ่งคงจะเหมือนเขา แต่ไม่ขอพึ่งวาสนา แต่จะขอพึ่งการตั้งใจในการทำงาน ทำงานของผมให้ดีที่สุด อีกอย่างมุมมองชีวิตของเขากับผมนั้นคล้ายๆกัน เขาได้ผ่านร้อนหนาวมามากมาย เรื่องชื่อเสียงเงินทองสำหรับเขานั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ผมเองก็เป็นอย่างนี้ ไม่ชอบทำอะไรที่เอิกเริก ผมเองจะเป็นคนที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ก็จะมีวินัยกับตัวเอง งานนั้นต้องทำให้ดีที่สุด แต่ว่าผมเองก็จะไม่เน้นว่าผลงานจะต้องออกมาดี จะไม่มีความรู้สึกที่เหมือนกับอยากได้ชื่อเสียง ถ้าอย่างนั้นแล้วมันก็คงจะไม่สบายใจ

F: มีนักแสดงที่เข้าขาหรือสนิทกันมากๆในจีนไหม?

S: ผมอยากจะแสดงร่วมกับ(หันอี๋)ในแนวเจ้าพ่อโดยที่เขาเป็นพี่ใหญ่ผมเป็นพี่รอง เป็นแนวเจ้าพ่ออย่างนั้นนะ

F: คุณปรารถนาที่อยากจะเล่นบทที่ออกแนวร้ายๆหน่อยอย่างนั้นหรือเปล่า?

S: มันก็ต้องมีอย่างนั้นหน่อย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นผมเล่นละครก็เล่นแต่บทดีๆ แต่สำหรับภาพยนตร์นั้นก็ต้องการออกแนวโหดๆหน่อย อยากจะให้เหมือนคล้ายกับชีวิตจริงบ้าง ละครนั้นเล่นแต่ภาพลักษณ์ที่ดีๆ เรื่องความรักก็เช่นกันมันหวานมากๆ ดีจนหาที่ติไม่ได้เลย ผมอยากจะให้มันสมกับชีวิตจริงบ้าง

F: ตัวคุณเองนั้นคิดอยากจะถอดหมวก หนุ่มขวัญใจ ออกจากชีวิตใช่หรือเปล่า?

S: แน่นอน หากว่าคุณจะเป็นนักแสดงที่ดีแล้ว สิ่งนั้นจำเป็นต้องถอดออก ตัวผมเองด้านหนึ่งก็จะต้องเรียนรู้ ผมเองก็ไม่อยากให้คนที่มองผมตีกรอบให้ผมว่าผมต้องเป็นอย่างนั้นไปตลอด

F: ตอนนี้ได้ถอดออกหมดแล้วหรือยัง?

S: ถอดไปแล้วครึ่งหนึ่ง หลังจากราตรีตรุษจีนแล้วทุกคนก็สังเกตเห็น โหย่วเผิงเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ (ฮ่าๆ) เป็นสิ่งดีที่ได้รับโดยไม่คาดคิดเลยนะ



3976
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Fashion Weekly
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 04:34:25 AM »

โหย่วเผิงกับไกวๆหู่

F: ขณะที่ซ้อมการแสดงในห้องนั้น เมื่อคุณเห็นฉีหลงกับจื้อเผิงแล้ว คุณรู้สึกอย่างไร?

S: แรกๆนั้นจะมีความรู้สึกแปลกหน้าหน่อยๆ เพราะนานมากๆแล้วที่ไม่ได้กินนอนอยู่ด้วยกัน แต่ก็มีการทักทายกันสองสามคำ จับๆมือ แต่เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น ความรู้สึกเก่าๆก็เกิดขึ้นมา

F: ขณะที่ซ้อมการแสดงของรายการจงยางนั้น คุณมีความรู้สึกพิเศษอะไรหรือเปล่า?

S: จริงๆแล้วขณะที่ศิลปินยื่นอยู่บนเวทีก็คงจะไม่มีเวลาไปคิดอะไรมากมาย แต่สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือตอนที่พวกเราทั้งสามคนได้ลอยขึ้นมาจากใต้เวที แล้วมีแสงโพกัสมา เพราะที่ผ่านมานั้นมีเพียงแสงไฟดวงเดียวเท่านั่นที่ส่องมา ก็จะรู้นิดๆว่าขณะที่ไม่มีเพื่อนนั้นมันเป็นอย่างไร ฉะนั้นช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่ผมประทับใจมากๆ

จะขอพูดความจริงว่า ขณะที่พวกเราเผชิญกับชีวิตจริงนั้น พวกเราไม่เคยที่จะหยิบรูปเก่าๆออกมาดูเลย ว่าตอนเด็กนั้นเป็นอย่างไร แต่ช่วงนี้ข่าวของเสี่ยวหู้ตุ้ยกำลังฮอตมาก ผมเองก็ได้หวนความทรงจำอยู่บ้าง พวกเราเคยถ่ายนิตยาสารประวัตส่วนตัวจีนเล่มแรกด้วย ตอนนั้นจำได้ว่าเราอยู่ห้องซ้อมการถ่ายในชั้นใต้ดินของบริษัทดูกระจก แกล้งทำเป็นถ่ายเสร็จแล้วก็เหนื่อยมาก ตอนถ่ายก็จะมีรูปที่ถ่ายแบบกระโดดบ้าง

F: ไม่ว่าจะตอนเสี่ยวหู่ตุ้ยหรือการแสดงในงานราตรีตรุษจีน ตำแหน่งของคุณนั้นยืนอยู่ข้างซ้ายตลอดไม่เปลี่ยนเลย?

S: จริงซิ? เพราะตลอดเวลาก็เป็นอย่างนี้ เมื่อก่อนไม่เคยคิด ฉีหลงก็ยืนตรงกลางตลอด เหตุเพราะเขาเป็นพี่ใหญ่ ผมในตอนนั้นยังเป็นเด็กอยู่เลย(ฮ่าๆ)

F: หากว่าเวลานี้จะเลือกเพลงหนึ่งในเสี่ยวหู่ตุ้ยมาสื่อใจของคุณ คุณจะเลือกเพลงไหน?

S: จริงๆแล้ว(ฟ้างซินชี่เฟย) กับ (ลี่เกอ)ก็ไม่เลวนะ แต่ผมคิดว่าลี่เกอมาเปรียบแล้วคงจะไม่เศร้าอย่างนั้น น่าจะเป็นความรู้สึกที่สนุกสนาน ไม่ต้องไปเศร้าอะไรมากมาย เพราะว่าต้องมีสักวันที่พวกเราจะต้องได้มาเจอกันอีกนิ



3977
Magazine Interviews-China / 2010 Fashion Weekly
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 04:25:01 AM »
บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จากนิตยสาร Fashion Weekly
ประจำเดือน 25 มี.ค. - 7 เม.ย. 2010 เล่มที่ 5



3978
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Men's Health
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 04:18:15 AM »



3979
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Men's Health
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 04:15:58 AM »


รูปโหย่วเผิงที่เป็นขวัญใจกว่ายี่สิบปี มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก

ในรูปนั้นเป็นรูปเมื่อยี่สิบปีก่อนของโหย่วเผิง เป็นไปไม่ได้ที่ผมเองจะไปน่ารักเหมือนเดิม ฉะนั้นจะพยายามเต็มที่

MH . เมื่อมาเปรียบเทียบคุณในตอนนั้นกับคุณในอดีต สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดคืออะไร?

โหย่วเผิง . คือไม่ได้มีที่ให้พึ่ง ตอนนั้นไม่มีจิตใจแห่งการทำงานเป็นอาชีพ เริ่มแรกนั้นก็เหมือนกับการไปรับจ้างทำงาน คิดว่างานหลักผมนั้นควรจะเป็นการเรียนมากกว่า อย่างน้อยหากไม่ร้องเพลงก็หันกลับไปเรียนต่อ ยังมีปริญญาเอกรอผมอยู่

MH . ตอนหลังไม่มีทางจะถอยแล้วต้องรับเล่นเรื่ององค์หญิงกำมะลอ?

โหย่วเผิง . ใช่ เพราะชีวิตในตอนนั้นคือมองแต่งานตรงหน้า ผมยังจะต้องเลี้ยงดูครอบครัว ผมเป็นลูกคนโตในบ้าน แม้ว่าในเสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีพี่ใหญ่ดูแลผม แต่ความเป็นจริงแล้ว เมื่อผมได้กลับไปในชีวิตจริงผม ผมเป็นพี่ใหญ่ ตอนนั้นได้ตกจากฟ้าลงมาสู่ดิน จำจะต้องใช้แรงกำลังของตัวเองไปต่อสู้กับเส้นทางชีวิต

MH . คุณในวันนี้มีด้านไหนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงที่สุด?

โหย่วเผิง . ต้องการแรงรักอย่างยิ่ง

MH . คุณคิดว่าคุ้มไหมกับการไปทุ่มเทอิสระของตนเองให้กับงาน?

โหย่วเผิง . บางอย่างนั้นไม่สามารถที่จะใช้สติปัญญาในการไปตัดสินว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม แม้จะบอกได้ว่า ผมก็ได้รับอะไรมากมายเหมือนกัน แต่ว่าความเป็นจริงแล้ว ผมก็ได้เสียอะไรไปที่มันจะไม่หวนกลับมาได้อีก หากว่าวันหนึ่งนั้น ผมแบกมันไม่ไหวจริงๆ บ้าไป มันก็หมดกันเลยจริงๆ ไม่สามารถที่จะใช้วาสนาไปวัดความมากน้อยได้ หากน้อยก็ให้มันน้อยไป

MH . แล้วสิ่งที่คุณให้ความสำคัญกับชีวิตนั้นคืออะไร?

โหย่วเผิง . ความสมดุลย์ คนคนหนึ่งไม่เพียงจะมีเงินในธนาคารเท่านั้น ยังต้องมีเพื่อนมิตรสหายและคนในครอบครัวด้วย

MH . คิดว่ามีบทอะไรที่กำลังรอคอยคุณอยู่ไหม?

โหย่วเผิง . ไม่รู้นะ ขอเพียงให้มีสีสันหน่อย หรือไม่ธรรมดาหน่อย หรือแปลกๆหน่อย ก็เป็นสิ่งที่น่าจะคล้ายกับผม

MH . ปัจจุบันมีดาราหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย แล้วสิ่งที่แตกต่างหรือดีกว่าพวกเขามากที่สุดคืออะไร?

โหย่วเผิง . ประสบการณ์ผมมากกว่าพวกเขา และท่าที่ในใจผมดีกว่า

MH . คุณสามารถที่จะวิจารณ์คุณอย่างตรงไปตรงมาได้ไหม?ว่าจะให้คะแนนในการถ่ายรูปของวันนี้เท่าไหร่กัน?

โหย่วเผิง . พูดตรงๆ คุณก็ทราบว่าเมื่อก่อนนั้นผมเองก็ไม่ได้เดินในเส้นทางนี้ จริงๆแล้วการฟิตร่างกายผมนั้นก็ใช้เวลาช่วงหนึ่งเหมือนกัน แต่ว่าก็ใช่ว่าจะมีเวลามาฟิตอย่างนี้ตลอด ก่อนหน้านี้ก็ไม่ง่ายที่มีบทละครหนึ่งที่ผมจะต้องฟิตร่างกายตัวเอง ต่อจากนั้นก็เป็นบทของไป๋เสี่ยวเหนียนในเรื่องเฟิงเซิง เป็นกระเทยคนหนึ่ง ฉะนั้นเลยผอมลง


MH . คุณหวังว่าอีกสิบปีนั้นคุณจะวิจารณ์ตัวเองอย่างไร?


โหย่วเผิง . ไม่มีอะไรต้องมาวิจารณ์ตัวเอง ทุกอย่างล้วนไปตามขั้นตอน คุณอยู่วันนี้ก็ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ชีวิตและสิ่งแวดล้อมนั้นย่อมเปลี่ยนไปตามวันเวลา ไม่มีใครจะยืนอยู่กับที่


3980
Magazine Interviews-China / Re: 2010 Men's Health
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 04:12:14 AM »

เขาบอกว่าอะไรก็ถามได้ เขาได้ให้เห็นถึงธาตุแท้ของตัวเอง และวันนี้ก็เป็นวันที่มีความสุขมากๆ เพราะในสตูนนั้นมีแต่เสียงหัวเราะของโหย่วเผิง ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าสบายๆ เมื่อมองไป ก็ยังเห็นถึงใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนของเขา นอกจากตัวเขาที่มีกล้ามออกมาให้เห็นและสีผิวที่ดำไปบ้าง การยิ้มของเขานั้นยังเข้ม มีหนวดนิดๆ

โหย่วเผิงพยายามที่จะให้ทุกคนรู้ว่าเป็นหนุ่มหล่อนั้นวันหนึ่งก็ต้องมีแก่เหมือนกัน ทุกคนก็ล้วนอยากจะอยู่ในวัยหนุ่มสาว เขาได้ให้เห็นถึงความแตกต่างของยี่สิบปี

เข้าวงการอายุ 15  โหย่วเผิงแยกแยะเรื่องความจริงกับความฝันไม่ออก ขณะที่เสี่ยวหู่ตุ้ยได้แยกวง เขายังไม่รู้ว่าอะไรคือการลาจาก มาจนถึงคอนเสิร์ด ลาก่อน กับแฟนคลับ เขาถึงได้รู้ว่า เพลงเหล่านี้ต่อไปคงจะไม่มีโอกาสร้องอีก ถึงจะรู้ว่าการลาจากนั้นเป็นอย่างไร


เรียนมหาลัยอยู่ 3 ปี  จะเปลี่ยนคณะก็เปลี่ยนไม่สำเร็จ จนกระทั่งต้องลาออก “นั่นเป็นมรสุมที่ใหญ่ของชีวิต เพราะว่าภาพไกวๆหู่นั้นมันรู้สึกจอมปลอมจริงๆ ผมเริ่มมีรอยด่าง หลายๆคนรับไม่ได้” แน่นอนตัวเขาเองก็รับคำวิจารณ์คำด่ามากมายไม่ได้ กระทั่งแบกเป้ไปอังกฤษ ได้อยู่ที่นั่นหลายเดือน ก็ยังต้องกับมาเผชิญกับชีวิตจริง แต่ว่า เขาก็หาบ้านไม่เจอ

“พูดตรงๆว่า ผมไม่ค่อยมีความรู้สึกที่มีบ้าน เพราะบ้านผมนั้นไม่ค่อยสามัคคีกัน จริงๆแล้วตอนเรียนมหาลัยผมเองก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว ตอนหลังบ้านเรามีสี่คนต่างคนก็ต่างอยู่” หลังจากนั้น โหย่วเผิงก็ได้มาถ่ายทำละครที่จีน เริ่มจากเรื่ององค์หญิงกำมะลอ ช่วงเวลาของละครโทรทัศน์นั้นก็เกือบสิบปี คนอื่นนั้นก็ใช้ชีวิตของตนเอง แต่เขากลับสามารถเลี้ยงดูคุณแม่ได้ และให้น้องชายใช้ชีวิตที่ดีกว่า เป็นสิ่งที่ประทับใจมากๆ

ในใจของทุกคนก็ล้วนมีช่วงแห่งการต่อสู้ จริงๆโหย่วเผิงนั้นอยากจะแบ่งตัวเองออกเป็นสองตัวตน เป็นศิลปิน และเป็นคนธรรมดาของตนเอง แต่ว่าเขาได้ทุ่มเทให้กับงานจนสุดตัว เขาเองก็บอกไม่ถูกว่าชีวิตแห่งการทำงานของเขาและชีวิตจริงของเขานั้น ด้านไหนจะมั่นคงกว่ากัน “ไม่ใช่ว่าเป็นคนที่เก่ง แต่ไม่เคยกลัว” เขากล่าว

ฉะนั้น พวกเราก็เริ่มรู้ว่าโหย่วเผิงก็ดื้อเหมือนกัน “ผมคิดว่าผมป่วย เพราะผมไม่สามารถที่จะมีชีวิตที่อยู่ที่เดิม ผมนั้นไม่สามารถที่จะอยู่ในที่เดินนานๆได้ ผมชอบในการเปลี่ยนแปลงและปฏิวัติ และไม่ค่อยมีความอดทน” เวลาที่เขาพูดนั้นจริงจังมากเลย แต่จากเสียงหัวเราะของเขาทำให้บรรยากาศดีขึ้น “ตัวผมเองนั้นเปลี่ยนแปลงตลอด แม้ว่าหลายอย่างจะไม่ประสบความสำเร็จ พวกคุณก็ไม่รู้ด้วย...ฮ่าๆ”

เขานั้นได้นิ่งอยู่ในจุดหนึ่งอย่างมีความสุข เขานิ่ง เปลี่ยนแปลง แล้วเกิดใหม่ เขาได้มีเป้าหมายหรืองานใหม่ “แม้ว่างานภาพยนตร์จะไม่ง่ายในการเริ่มต้น แต่ก็ชื่นชอบมากๆ”


MH . พอใจกับผลงานการแสดงในคืนตรุษจีนไหม?

โหย่วเผิง . ก็ไม่เลวนะ พยายามเต็มที่แล้ว ผมคิดว่าผมเต็มที่กับมันแล้ว

MH . เต็มที่ ความหมายคืออะไร?

โหย่วเผิง . เรื่องนี้นั้นก็เหมือนกับการที่ผมได้เจอกับพวกเขาสองคน นานแล้วที่ไม่เจอกัน ทั้งคุ้นทั้งไม่คุ้น การเข้าขากันอย่างนั้นก็เพิ่งจะเจอ ก็ต้องจบไปแล้ว นานแล้วที่ผมไม่ได้แสดงปรากฏเป็นขวัญใจเหมือนสมัยอดีต รวมทั้งตอนนี้เมื่อได้ยินเสียงดนตรีก็จะไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉะนั้นผมเองก็ได้แต่พยายามที่จะทำให้ทุกคนหวนอดีตให้มากที่สุด

หน้า: 1 ... 197 198 [199] 200 201 ... 216