แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Alec Love Me

หน้า: 1 ... 15 16 [17] 18 19 ... 21
321
Alec's Albums / 1994 Brushing Past-ชาเจียนเอ๋อกั้ว
« เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 02:38:38 PM »
1994 Brushing Past




Brushing Past 擦肩而過 (Ca Jian Er Guo)

Year: 1994
Company: UFO


01. 等到那一天 Deng Dao Na Yi Tian (Waiting for That Day)
02. 擦肩而過 (月光版) Ca Jian Er Guo (Brushing Past) (duet)
03. 我只要你愛我 Wo Zhi Yao Ni Ai Wo (I Just Want You to Love Me)
04. 否認 Fou Ren (Deny)
05. 不同 Bu Tong (Different)
06. 你我之間 Ni Wo Zhi Jian (Between You and Me)
07. 勇氣 Yong Qi (Courage)
08. 你準備好了嗎 Ni Zhun Bei Hao Le Ma? (Are You Ready?)
09. 愛人的心是不是在乎我 Ai Ren De Xin Shi Bu Shi Zai Hu Wo (Does My Lover Care for Me?)
10. 回到從前 Hui Dao Cong Qian (Go Back to the Beginning)
11. 珍重吧!我的愛 Zhen Zhong Ba! Wo Di Ai (Take Care! My Love!)
12. 思念就像一首歌 Si Nian Jiu Xiang Yi Shou Ge (Missing Is Like a Song)
13. 擦肩而過 (日光版) Ca Jian Er Guo (Brushing Past)

322
1995年5月苏有朋个人粤语专辑《爱上你的一切事情》
http://www.tudou.com/playlist/p/l12557884.html

1995 In Love With Everything About You



In Love With Everything About You 愛上你的一切事情 (Ai Shang Ni De Yi Qie Shi Qing) (粵語)
(Cantonese CD)

Year: 1995
Company: UFO
Release Date: April 1995


01. 感情 Gan Xing (Emotions)
02. 惟願你知道 Wei Yuan Ni Zhi Dao (Rather That You Know)
03. 飛鳥的天地 Fei Niao De Tian Di (Place of the Flying Birds)
04. 夏日炎炎 Xia Ri Yan Yan (Summer Heat)
05. 下雨天 Xia Yu Tian (Rainy Day)
06. 寧願一個人 Ning Yuan Yi Ge Ren (Rather Be Alone)
07. 愛上你的一切事情 Ai Shang Ni De Yi Qie Shi Qing (In Love with Everything About You)
08. 道秋天的最愛 Qiu Tian De Zui Ai (Autumn's Best Love)
09. 把心給我 Ba Xin Gei Wo (Give Your Heart to Me)
10. 乖乖的放假 Guai Guai De Fang Jia (Guai Guai's Holiday)
11. 讓我無悔愛上 Rang Wo Wu Hui Ai Shang (Let Me Love Without Regrets)
12. 寧願一個人 Ning Yuan Yi Ge Ren (Rather Be On My Own - Rock Ballad Version)



323
Alec's Albums / 1995 Go-โจ๋ว
« เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 02:31:09 PM »
1995年9月苏有朋个人第六张专辑《走》
http://www.tudou.com/playlist/p/l12553629.html

1995 Go



http://mojim.com/cn100351x6.htm

Go 走 (Zou)

Year: 1995
Company: UFO
Release Date: September 1995


01. 序曲 - (Overture) 蘇有朋作曲
02. 三百六十五個夢 [365個夢] San Bai Liu Shi Wu Ge Meng (365 Dreams)
03. 不要打聽我的去向 Bu Yao Da Ting Wo De Qu Xiang (Don't Ask Where I'm Going)
04. 時差 Shi Chai (Time Difference)
05. 人在風中 Ren Zai Feng Zhong (Person in the Wind)
06. 走 Zou (Go)
07. 清場 Qing Chang (Clear the Scene)
08. 烙 Lao (Branded)
09. 輕輕放掉 Qing Qing Fang Diao (Let Go Gently)
10. 尋找 Xun Zhao (Find)

324
1995 Wind Sound Rain Sound Su Sound



Wind Sound Rain Sound Su Sound 風聲雨聲聽蘇聲
(aka Listen to Tommy's Sounds)

Year: 1995
Company: UFO
Release Date: December 1995


01. 倦了(粵語) Juan Le (Weary)
02. 天地一沙鷗 Tian Di Yi Sha Ou (One Seagull in the World)
03. 思念就像一首歌 Si Nian Jiu Xiang Yi Shou Ge (Missing Someone Is Like a Song)
04. 屬於我屬於你 Shu Yu Wo Shu Yu Ni (Belongs to Me, Belongs to You)
05. 發動我的青春 Fa Dong Wo De Qing Chun (Launch My Energy)
06. 最愛的朋友 Zui Ai De Peng You (Best Friend)
07. 覺醒 Jue Xing (Wake Up)
08. 我的心你一定看得見 Wo De Xin Ni Yi Ding Kan De Jian (Surely You Can See Through My Heart)
09. Crazy For You
10. 你的笑容是我溫暖的所有 Ni De Xiao Rong Shi Wo Wen Nuan De Suo You (Your Warm Smile Is My Everything)


325
Alec's Albums / 2000 Understanding- เหลี่ยวเจี๋ย
« เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 02:22:31 PM »
2000 Understanding




Understanding 瞭解 (Liao Jie)
Year: 2000
Company: WARNER
Release Date: 17 August 2000


01. 勇氣 Yong Qi (Courage)
02. 我只要你愛我 Wo Zhi Yao Ni Ai Wo (I Only Want You To Love Me)
03. 否認 Fou Ren (Deny)
04. 背包 Bei Bao (Backpack)
05. 擦肩而過 Ca Jian Er Guo (Brushing Past)
06. 走 Zou (Go)
07. 傷口 Shang Kou (Wound)
08. 珍重吧!我的愛 Zhen Zhong Ba! Wo Di Ai (Treasure! My Love!)
09. 珍惜 Zhen Xi (Cherish)
10. 最愛的朋友 Zui Ai De Peng You (Best Friend)
11. 等到那一天 Deng Dao Na Yi Tian (Waiting for That Day)
12. 無悔 Wu Hui (No Regrets)
13. 三百六十五個夢 [365個夢] San Bai Liu Shi Wu Ge Meng (365 Dreams)
14. 發動我的青春 Fa Dong Wo De Qing Chun (To Launch My Energy)
15. 青鳥 Qing Niao (Green Bird)
16. 思念就像一首歌 Si Nian Jiu Xiang Yi Shou Ge (Missing You Is Like a Song)


*** รวมอัลบั้มยอดนิยม ***

326
Magazine Interviews-China / 2010 World Life
« เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 12:38:59 PM »
บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จาก นิตยสาร World Life มกราคม 2010



นิตยสาร  World Life‏

สำหรับการชอบดาราคนหนึ่งแล้ว มักจะเริ่มจากการประทับใจ เป็นความประทับใน เสมือนรักแรกพบ อะไรอย่างนั้น สำหรับการที่ชื่นชอบเขานั้น ไม่เพียงแต่เป็นการชื่นชอบที่คนบนเวทีกับคนอยู่ข้างล่างเวที แต่เป็นความรู้สึกจินตนาการที่สวยงามและง่ายๆ

ซูโหย่วเผิง  ก็เป็นชื่อหนึ่งที่เป็นอย่างนี้ สำหรับเขาแล้ว  เป็นทั้งดารา และเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ก็ไม่เคยรู้สึกว่าเขาดังจนไม่มีใครไม่รู้สึก หรือไม่เคยคิดว่าอยากจะเจอเขาในร้านอาหารที่ใดที่หนึ่ง ร่วมดื่มเบียร์ด้วยกัน     โหย่วเผิงนั้นจะคล้ายกับแม่ที่เป็นเด็กนักเรียนที่ดีเด่นและฉลาด เป็นคนที่ไม่หดหู่ในชีวิต  สิ่งเหล่านี้แม้จะเตะต้องไม่ได้  แต่ก็จะรู้สึกได้ จากการเข้าสู่วงการจนถึงวันนี้  เมื่อเห็นเป็นคนที่ดี สะอาด ก็รู้สึกมีความสุข  และตั้งแต่การร้องเพลง   จนเข้าสู่การแสดงก็เห็นถึงภาพลักษณ์ที่ดีของเขา  ก็รู้สึกสุขใจด้วย  บางครังแม้จะเห็นเขาตกต่ำ เสียใจ แต่ก็สุขใจ ที่เขายังอยู่ในวงการ


ความโชคดีของ ไป๋เสียวเหนียน
 
นิ้วมือเหมือนผู้หญิงที่เห็นใน เฟิงเซิง นั้น ทำให้ทุกคนอดสงสัยไม่ได้ นี่เป็นโหย่วเผิงหรือ? รอจนดูทั้งเรื่องจบแล้ว ถึงจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน จะกลัวทำไม  ที่ในเรื่องจะเป็นแบบนี้ ความกระนุ้งกระนิ้งของไป๋เสี่ยวเหนียนนั้น  ก็เป็นที่ยอมรับของคนมากมาย พูดถึงตรงนี้แล้ว ในใจโหย่วเผิงมีคำพูด “มีหลายฉากถูกตัดทิ้งไป มีอีกฉากหนึ่งนั้นแทบจะไม่ได้ถ่ายเลย ตัวละครนี้นั้นมีความซับซ้อน มันหลากหลายมาก

327

Entertainment


สัมภาษณ์พิเศษเสี่ยวหู่ตุ้ย  “อ้าย” เพราะ 19 ปีที่รอคอยทำให้ยิ่งสวยงาม;10-02-24 

“เชื่อเถิดว่า พรุ่งนี้พวกเราจะเจอกันอีก ก็เหมือนเมฆจากท้องฟ้าไป”

หนุ่ม 3 คน ได้ร้องเพลงนี้ทั้งน้ำตา เปี่ยมไปด้วยความหวัง เปี่ยมไปด้วยรัก  พวกเขาไม่ได้ลืมคำสัญญา เพราะราตรีตรุษจีนในปีนี้ พวกเขาทั้ง 3 คน  ได้มารวมตัวกันร้องเพลง แต่เวลานี้นั้นคือปี 2010 แล้ว ดังสายน้ำไหลผ่านไปกว่า 19 ปี

เสี่ยวหู่ตุ้ย ในราตรีตรุษจีน
รายงานข่าวของ 24 ก พ. ก่อนที่จะมีชื่อเสียง ก่อนที่จะมีชื่อ 3 คำที่ดังทั่วหล้า รายการทีวีรายการหนึ่งของไต้หวัน  ได้คัดเลือกผู้ชาย 3 คนมาเป็นผู้ช่วยรายการ จนได้กำเนิดคณะวงหนึ่งขึ้นมาคือ “เสี่ยวหู่ตุ้ย”

ระยะเวลาปีกว่าๆ ที่ได้มีกิจกรรมด้วยกันแล้ว ในสมาชิก จื้อเผิง เองจะต้องไปเกณฑ์ทหาร  เสี่ยวหู่ตุ้ย ที่กำลังดังระเบิดอยู่นั้น สุดท้ายจำต้องแยกลาจากกันไป

“เชื่อเถิดว่าพรุ่งนี้พวกเราจะเจอกันอีก ก็เหมือนเมฆจากท้องฟ้าไป”
หนุ่ม 3 คน ได้ร้องเพลงนี้ทั้งน้ำตา  เปี่ยมไปด้วยความหวัง เปี่ยมไปด้วยรัก พวกเขาไม่ได้ลืมคำสัญญา เพราะราตรีตรุษจีนในปีนี้ พวกเขาทั้ง 3 คนได้มารวมตัวกันร้องเพลง แต่เวลานี้นั้นคือปี 2010 แล้ว ดังสายน้ำไหลผ่านไปกว่า 19 ปี”

ใน 19 ปีนั้น ต่างคนต่างก็เติบโตกัน ความเจ็บปวด การหย่าร้าง ความทุกข์โศก ล้วนได้ทำให้พวกเขาเติบโตในเส้นทางนี้


ในที่ เสี่ยวหวังจื่อ ได้พูดไว้ว่า .”รัก เพราะรอ ถึงจะทำให้ยิ่งสวยงาม เพลง “อ้าย” ปีนี้ที่ เสี่ยวหู่ตุ้ยร้องในราตรีตรุษจีน  เมื่อไปดูในเน็ตแล้วเห็นว่ากว่า 50 เปอร์เซ็น  เป็นรายการที่นับว่าทุกคนรอคอยสูงและเป็นอันดับหนึ่งเลย  มันสูงกว่ารายการอันดับ 2 ของหวังเฟย กว่า 30%

19 ปีแล้ว  “อ้าย” เพราะรอคอยจึงยิ่งสวยงาม


328
Magazine Interviews-China / 2009 BQ
« เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 11:54:21 AM »
http://tieba.baidu.com/f?kz=706231308
http://bjqn.ynet.com/article.jsp?oid=63134307&pageno=1

บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จากนิตรสาร BQ  ฉบับเดือน ธันวาคม 2009

2010 การกลับมาอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ย


329
Magazine Interviews-China / 2010 LIFE STYLE
« เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 11:17:08 AM »
Thanks, http://www.chinanews.com.cn/yl/news/2010/01-12/2067092.shtml

12 มกราคม 2010

บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง : เสี่ยวหู่ตุ้ยลาก่อน ภาพลักษณ์ไกวๆหู่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ


330
Alec's Albums / 2000 Are You Happy or Not?-หนี่ไค่วปู้ไคว่าเลอ
« เมื่อ: กันยายน 26, 2010, 03:50:09 AM »
Are You Happy or Not? 你快不快樂 (Ni Kuai Bu Kuai Le)



Year: 2000
Company: Skyhigh 擎天娛樂
Release Date: 10 August 2000



01. 你快不快樂 Ni Kuai Bu Kuai Le (Are You Happy or Not?)
02. 逃兵 Tao Bing (Escapist)
03. 大小姐 Da Xiao Jie (My Lady)
04. 我們怎麼會愛成這樣 Wo Men Zen Mo Hui Ai Cheng Zhe Yang (Why Is Our Love This Way)
05. 你是我的 NO.1 Ni Shi Wo De No.1 (You Are My No. 1)
06. 深愛著妳 Shen Ai Zhe Ni (Deeply in Love with You)
07. 我一直都在 Wo Yi Zhi Dou Zai (I Am Always Here)
08. 真的愛過就好 Zhen De Ai Guo Jiu Hao (As Long As We Had Feelings)
09. 把美眉 Ba Mei Mei (Chasing Girls)
10. 原諒 Yuan Liang (Forgive)

331
Alec's Albums / 2002 Not Only Deep Love -ปู๊จื่อเซินฉิง
« เมื่อ: กันยายน 26, 2010, 03:16:52 AM »
2002 Not Only Deep Love


Not Only Deep Love 不只深情 (Bu Zhi Shen Qing)

Year: 2001
Company: NMG 天中娛樂
Release Date: 12 July 2001


01. 深情 (粵) Shen Qing (Deep Love)
02. 來生緣 Lai Sheng Yuan (Next Life Fate)
03. 102%愛情 102% Ai Qing (102% Love)
04. 忘了我 忘了你 Wang Le Wo Wang Le Ni (Forget Me, Forget You)
05. 一路順風 Yi Lu Shun Feng (Bon Voyage / Peaceful Journey)
06. 三里屯 San Li Tun (Three Mile Ton)
07. 三個人流淚 (粵) San Ge Ren Liu Lei (Three People Crying)
08. 在乎 Zai Hu (Care About)
09. 我的好心情 Wo De Hao Xin Qing (My Good Mood)
10. 幸福一萬年 Xing Fu Yi Wang Nian (Happiness for 1,000 Years)
11. 出口 Chu Kou (Exit)

332
บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จากรายการ "มีนัดกับผู้มีชื่อเสียง" 27 กุมภาพันธ์ 2003



พิธีกร : สวัสดีตอนเย็นแฟนอินเตอร์เนตทุกท่าน ยินดีต้อนรับการตรงต่อเวลาของผู้ชมเข้าร่วม "มีนัดกับผู้มีชื่อเสียง"  กับทางรายการแพร่สื่ออินเตอร์เน็ต คืนนี้แขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่งเป็นบุคคลที่มีเชื่อเสียงมาก ชื่อของเขาคือ "ซูโหย่วเผิง" ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขา ขณะนี้เขาได้นั่งอยู่ข้างๆตัวผม และได้สร้างสิ่งอัศจรรย์ค้นหาตัวคนเดียวทางอินเตอร์แล้ว การสัมภาษณ์ยังไม่ทันเริ่มต้น นำเอากลิ่นไอยอดมนุษย์ที่ทำให้เครื่องบริการเผชิญหน้ากับการทดสอบอันยิ่งใหญ่แก่พวกเรา ก่อนอื่นขอเชิญ ซูโหย่วเผิง แนะนำตัวกับการมากรุงปักกิ่งครั้งนี้เพื่ออะไร

โหย่วเผิง : ครั้งนี้คือเพื่อมาโปรโมทอัลบั้ม Best Love 1992-2002 รวบรวมคัดเลือกเพลงที่ดีที่สุดของเพลง ในอัลบั้มว่า "จุ้ยอ้าย-รักที่สุด"

พิธีกร : อัลบั้มชุดใหม่นี้มีอะไรเป็นจุดพิเศษใหม

โหย่วเผิง : นี่คืออัลบั้มรวบรวมคัดเลือกดีเลิศ อัลบั้มอยู่ที่ไต้หวันมีเพลงใหม่ 2 เพลง  When the Snow Comes (disc1) กับเพลง Prisoner of Love (disc2) เพลงนี้เรียกว่าความรักอันบริสุทธิ์เป็นแผ่นอวยพร หลังจากนั้นเว็บไซด์ส่วนตัวผมมีแฟนๆทางอินเตอร์เน็ตหลายคนรู้เรื่องนี้เข้าในเวลาต่อมา ก็วิ่งไปที่ศูนย์คังฝู (คืนสู่สุขภาพ) เพื่อไปช่วยแรงกายและบริจาคเงินด้วย ครั้งนี้พวกเราได้ร้องแผ่นเสียงอวยพรที่ทำการร้องใหม่อีกครั้ง เก็บรวมแผ่นเสียงนี้รวบรวมเป็นพิเศษ สภาพภาษีแผ่นเสียงส่วนบุคคลแผ่นนี้ทั้งหมดได้ถูกแพร่ออกไป และเป็นเป้าหมายหลักอันสำคัญในการรวบรวมพิเศษของอัลบั้มเพื่อทำการกุศลสาธารณะประโยชน์ต่อเรื่องหนึ่ง

พิธีกร : มีหลายๆคนต่างก็ไม่ทราบว่า โหย่วเผิง เคยถูกทางองค์กรอุตสาหกรรมหัตถกรรมเขตฉาวหยางกรุงปักกิ่งให้ไปทำธุรกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ รบกวนโหย่วเผิงบอกรายละเอียดต่อทางผู้ชมด้วย

โหย่วเผิง : ผมเคยพูดกับทางบริษัทมาตลอด ผมพูดว่าถ้ามีโอกาสสามารถทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ผมจะเข้าร่วมทำอย่างเต็มที่ ผมยังคงรู้สึกว่าคนส่วนใหญ่ยังเอาใจใส่ห่วงใยผมมาก หวังว่ามีโอกาสสามารถตอบแทนคืนแก่สังคมเล็กน้อยนี้ได้ เวลานั้นไม่มีใครคาดคิดมาก่อนและหวนคิดถึงอันใหญ่หลวงนี้ หลังจากนั้นก็หาเงินได้ถึงสี่หมื่นกว่าหยวน ช่วงเวลาอันสั้นๆนี้ ได้แจ้งผ่านทางเว็บไซด์ของผมแจ้งข่าวเล็กน้อยแก่ทุกคน ดูเหมือนทุกคนยังคงมีใจต่อการกุศลเป็นอย่างยิ่ง

พิธีกร : พวกเราจำเป็นต้องขอขอบคุณโหย่วเผิงที่ทำกิจกรรมการกุศลครั้งนี้ด้วย

โหย่วเผิง : นี่ไม่ใช่ตัวผมทำคนเดียวนะครับ มีอีกหลายๆคนช่วยๆกันทำครับ

แฟนอินเตอร์เนต : ทราบว่าคุณป่วยไม่สบายผมรู้สึกกระวนกระวายใจมาก ผมคิดอยากจะส่งยาให้คุณทานครับ แล้วคุณป่วยจริงใช่ไหมครับ

โหย่วเผิง : ผมเป็นตั้งหลายโรค ผมเป็นทั้งไข้หวัดตั้งแต่ตรุษจีนจนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่หายดีขึ้น หลายวันก่อนไปที่เมืองเซี่ยงไฮ้เกิดกระเพาะลำไส้อักเสบ ไม่มีเรี่ยวแรง ตั้งหลายวันแล้วก็ไม่ได้รับประทานอาหารลงท้อง แต่ว่าได้ไปหาหมอจีนแล้ว ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงมาก เปลี่ยนแง่อีกมุมหนึ่ง กล่าวลักษณะเช่นนี้เปรียบเหมือนลดความอ้วน (หัวเราะ)

FC : ผมเห็นว่าคุณเป็นบุคคลที่เท่ห์สง่าคนหนึ่ง และเป็นนักแสดงที่เด่นสง่างามคนหนึ่งด้วย ผมเคยเห็นในหนังละครของคุณในลักษณะท่าทางโกรธ ผมอยากจะทราบว่าการดำรงชีวิตปกติของคุณมีโกรธบ้างไหม แล้วเวลาโกรธจะมีลักษณะแบบไหน

โหย่วเผิง : อย่ามองผมในขณะโมโหนะครับ ผมโมโหหน้าตาน่าเกลียดมากๆ เวลาผมนอนหลับไม่พออารมณ์ก็แปรปรวนได้ง่าย

FC : อยากทราบว่าโหย่วเผิงชอบนักแสดงหญิงประเภทไหน ตอนนี้อยู่ในวงการบันเทิงมีหญิงสาวคนไหนที่คุณชื่นชมาก

โหย่วเผิง : มาตรฐานการเลือกคู่ครองของผมรู้สึกโบราณนิดๆ ขอให้พูดจานุ่มนวลเอาอกเอาใจหน่อยๆ แต่ว่าเธอต้องมีความคิดของตัวเองบ้าง คนในวงการบันเทิงมีแต่ไม่ยอมใครทั้งนั้น เมื่อได้พูดคำเหล่านี้ออกมาแล้วทุกคนต่างก็รู้สึกว่าผมเป็นคนชอบออกลายมาก อย่าให้ผมพูดต่อไปอีกเลยครับ

FC : คุณมีความประทับใจต่อเจ้าเหว่ยดีเป็นพิเศษใช่หรือไม่

โหย่วเผิง : ผมรุ้จักเจ้าเหว่ยมานานแล้ว จะพูดว่าอย่างไรพวกเราก็มีความรู้สึกชอบพอรักใคร่กันอยู่ส่วนหนึ่ง(รักชอบคล้ายพี่น้อง)  แต่ว่าผมกับเธอไม่เคยเจอหน้ากันมานานหลายปีแล้ว

FC : แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นโหย่วเผิงจริงๆ ในชีวิตของผมคุ้นเคยกับช่วงเวลาเจ็ดโมงเช้าในแต่ละวันของคุณ ไม่มีอะไรดีเลิศเท่าคุณแล้ว คุณทราบบ้างไหน ไม่ว่าอะไรก็ตามผมเชื่อว่าเส้นทางวัยหนุ่มที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามา จะสามารถเรียกลมเรียกฝนได้ มีทั้งหัวเราะและน้ำตา แต่ว่าคุณแล้วเป็นสิ่งที่ดีเลิศที่สุด

โหย่วเผิง : ดีแล้ว

FC : โหย่วเผิงฉันกับคุณอายุไล่เลี่ยกัน สมัยฉันเรียนหนังสือ วงเสี่ยวหุ่ยตุ้ยของพวกคุณกำลังโด่งดังมาก เวลานั้นฉันชอบคุณมาก เดี๋ยวนี้ฉันได้เป็นแม่คนแล้ว คุณก็ยังคงเป็นหนุ่มโสดอยู่เลย เมื่อกล่าวถึงทางนี้แล้วคุณมีการวางแผนอะไรบ้างไหม

โหย่วเผิง : ไม่มีการวางแผนอะไรเลย ผมรู้สึกว่าคนวงการนักแสดงทั่วไปต่างก็มีการแต่งงานล่าช้ากันทุกคน ผมหวังว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ขอทำธุรกิจให้มากๆก่อน

พิธีกร : คุณได้เก็บเงินเยอะแล้วจะทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร

โหย่วเผิง : สามารถทำได้หลายเรื่องเช่นเรียนหนังสือต่อ ทำการท่องเที่ยว

333

2 พฤศจิกายน 2009  โหย่วเผิงได้เข้าสู่ ภาคเหนือ ได้เปลี่ยนไปดังหน้ามือเป็นหลังมือต่อหน้าผู้ชม

เสื้อแจ๊คเก็ทสีเทา แว่นตาสีดำ ใต้คางไว้หนวดนิดๆ คืนนี้สามทุ่มโหย่วเผิงได้เสร็จสิ้นจากหน้าที่การงาน อ่อนเพลียเล็กน้อย เขาที่นั่งต่อหน้านักข่าวนั้นไม่มีภาพของไกวๆหู่หลงเหลืออยู่เลยสักนิดเดียว

โหย่วเผิงไม่อยากเป็นขวัญใจอีกต่อไป

เขาเกลียดการอนุรักษ์อย่างเดิม เขาไม่อยากจะเป็นขวัญใจอีกต่อไป เขาเลยใช้ถ้อยคำแห่งการตัดสินใจมาประกาศถึงแจตนารมณ์ในการจะทะลุทะลวงภาพลักษณ์เก่าของตัวเอง

หลังจากสองปีที่ได้เงียบไป ไกวๆหู่นั้นได้พลิกบุคลิกตัวเอง รับเล่นไป๋เสี่ยวเหนียนซึ่งเป็นนักร้องละครเพลงในเรื่องเฟิงเซิง หลังจากที่ผู้กำกับหม่าได้ดูเรื่องนี้จบแล้วบอกว่า “ผมยังคิดว่าเขานั้นแสดงเป็นแต่บทผู้ดีๆเท่านั้น ในเรื่องเฟิงเซิงนั้นเขาเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือเลย”

สำหรับโหย่วเผิงแล้ว การเล่นบทของไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นสิ่งที่ยากที่สุดคือบุคลิก วันแรกที่เปิดกล้อง โหย่วเผิงรู้ดีว่าประสบการร์การแสดงในสิบปีที่ผ่านมานั้น มันไม่ได้ช่วยในเรื่องนี้สักนิดเดียว

ตอนที่ได้รับเนื้อบทของเฟิงเซิง โหย่วเผิงรู้ว่าโอกาสมาแล้ว แต่จะแสดงได้ดีขนาดไหนนั้น ตัวเขาเองก็ไม่มั่นใจ “บทไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทาย ขอเพียงแสดงได้ดี จะกลัวทำไมมือใหม่โอกาสที่จะดังชั่วคำคืนนั้นก็มี โอกาสอย่างนี้นั้นไม่มีใครจะมีเหตุผลปล่อยมันหลุดไป ไม่สำเร็จก็ไม่อาย แต่ถ้ากลัวซิถึงจะต้องอาย”

การแสดงเฟิงเซิงแน่นอนเป็นการพนันกัน การที่ได้แสดงกับมืออาชีพอย่าง (โจวซิ่น) (จางหันอี๋) (หวังจื้อเหวิน) นั้นก็จะทำให้เห็นถึงฝีมือการแสดงว่าเป็นอย่างไรได้ชัดเจน หากแสดงได้ดีก็มีแววต่อ หากแสดงไม่ดีก็คงต้องดับ”

โหย่วเผิงกล่าว  การจะเล่นบทไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นยากตรงบุคลิก “ภาพยนตร์นั้นเป็นการเล่นศิลปะที่สูงมาก ผมเองก็ไม่ได้เป็นนักร้องละครเพลงมาก่อน การที่จะมีบุคลิกในสายเลือดสะท้อนออกมานั้นมันยากจริงๆ”

เริ่มจากการแต่งตัว โหย่วเผิงเองก็รู้สึกถึงการไม่พร้อม จริงๆแล้วตอนเริ่มถ่ายทำนั่นตัวเองเล่นได้ไม่ดีเลย “วันแรกที่ถ่ายทำคือตอนที่พวกเราถูกขังในจวน ไป๋เสี่ยวเหนียนฟังเพลงอยู่ในห้อง หวนคิดถึงอดีตที่ร้องเพลง ตอนนั้นผมนั้นมือไม้สั่นไปหมด ต้องจำเนื้อ ต้องปรับเสียงการร้อง ต้องท้องบท ยังจะต้องทำท่า ไม่ว่าจะถ่ายอย่างไร มันออกมาไม่เหมือนเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าขาดเกินตรงไหนบ้าง” ความทุกข์ทรมานในช่วงนั้น ทำให้เขาฝังใจ “ผมรู้สึกว่าตอนนั้นตัวเองน่าสงสารมาก ประสบการณ์แสดงสิบปีของผมนั้นไม่สามารถช่วยอะไรผมได้เลย อะไรก็ทำไม่ถูก”

สภาพอารมณ์อย่างนี้มีไปถึงเที่ยงวันที่สอง หลังกินข้าวเที่ยงแล้ว ภายใต้ความกดดัน โหย่วเผิงได้เอาสิ่งที่ควรจำทั้งหมดจำไว้ สิ่งที่ควรลืมทั้งหมดให้ลืมมันไป หลังจากที่เสร็จสิ้นการถ่ายฉากกระเทยรอบแรกผ่านไป ในที่สุดโหย่วเผิงก็สัมผัสถึงอารมณ์ของไป๋เสี่ยวเหนียน

ละทิ้งภาพลักษณ์ การแสดงบทของไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นทำให้โหย่วเผิงยิ่งแสดงยิ่งมั่นใจ ไม่ว่าจะยกไม้ยกมือบุคลิกนั้นเหมือนนักร้องละครเพลงมากๆ ฉากที่ถูกขังที่จวน ตอนที่ขึ้นบันไดนั้น โหย่วเผิงที่เดินขึ้นคนแรกนั้นก็โดนทีมงานแซว “พวกเขาบอกว่า ไป๋เสี่ยวเหนียนนี่เวลาเดินเหมือนกระเทยจริงๆ” ตอนนั้นโหย่วเผิงก็รีบที่จะตอบกลับไปเลย “เป็นอย่างนั้นเพราะเสื้อเอี้ยมที่สวมนั้นทำให้เห็นเอว อย่าคิดว่าผมเป็นคนอย่างนั้นสิ”
 
เมื่ออยู่ด้วยกันนานๆ ทุกคนก็จะใช้ชื่อในเรื่องเรียกกัน และฉายาของไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นจะเป็นคำที่ว่า “ไม่เชื่อว่าคุณจะแมนได้” คำนี้แทนการเรียกเขา ตอนหลังมีคนก็ล้อเขาเล่นว่าเขานั้นเป็นกระเทยไปแล้ว เขาก็รีบตอบกลับเลยว่า “ทุกคนก็ล้วนเป็นนักแสดง ก็รู้ดีว่าการจะแสดงให้ดีนั้นต้องอิงกับบท ฉะนั้นพวกเรามักจะใช้ไป๋เสี่ยวเหนียนมาล้อเล่นกัน”



ในจอถ่ายแค่นาที ตอนซ้อมนั้นเกือบสิบปี โหย่วเผิงกล่าว ช่วงเวลาที่เรียนร้องละครเพลงนั้น ขวัญผวามาก

ไป๋เสี่ยวเหนียนเป็นนักร้องละครเพลง สำหรับโหย่วเผิงที่ไม่เคยร้องละครเพลงเลยนั้น หลายอย่างก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ “ตอนนั้นอีกสามเดือนก็จะเปิดกล้อง ผมยังถ่ายทำเรื่อง(ตามหาพี่หลิวซัน) ก็รีบเชิญอาจารย์สอนร้องละครเพลงจากโรงเรียนปักกิ่งมา ก็จะซ้อมขณะที่ว่างจากการเข้าฉาก นอกจากนี้ โหย่วเผิงก็ยังเสริมเทคนิคโดยการดูภาพยนตร์เรื่องที่มีความเกี่ยวข้อง ก็ค่อยๆที่จะเข้าใจบุคลิกของคนร้องละครเพลงในสมัยนั้น” เวลาผ่านไป โหย่วเผิงรู้สึกถึงความงามของละครเพลง “สิ่งที่บรรพบุรุษสืบทอดมานั้นเป็นศิลปะที่ดีงามจริงๆ หากที่ไหนมีการแสดงพวกนี้ ผมก็จะไปชม ไม่แต่ การที่ผมไปเรียนมันก็เป็นคนละเรื่องกัน”

“การเรียนละครเพลงนั้น การร้องยากกว่าหรือว่าท่าทางสายตายากกว่า”


“อย่างน้อยก็มีพื้นฐานการร้องเพลงมา ฉะนั้นการร้องนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ง่ายกว่า” โหย่วเผิงกล่าวต่อว่า “สำหรับท่าทาง สายตา มันทำให้เราแทบจะตายเลย ช่วงที่เรียนนั้นสามารถมาคำว่า ขวัญผวา คำนี้มาเปรียบเทียบเลย ปกติแล้ว หากช่วงไหนที่ผมไม่ได้เข้าฉาก ผมก็จะไปเรียนกับอาจารย์ที่ปักกิ่งเลย ทุกวันไปถึงห้องเรียนก็เริ่มซ้อมพื้นฐาน ร่ำ ร้องนั้นทำให้เอวแข็งทื่อ ทุกครั้งที่ซ้อมเสร็จ เอวแทบจะงอไม่ได้เลย”
 
โหย่วเผิงกล่าวว่า การอิงไปกับสถานการณ์นั้นเป็นเคล็บลับที่สำคัญ “อาจารย์ทำท่าไปด้วย แล้วยังเล่าให้ผมจิตนาการณ์ไปด้วย “คุณดูซิ มันสวยงามมากๆ ธรรมชาติงามหิมะตก” หากวันไหนอารมณ์ผมไม่ดี ก็ไม่สามารถที่จะอิงกับบทได้ มันมีข้อบังคับอะไรมากมาย มือต้องอยู่ตรงนี้ จะอยู่ที่นั่นไม่ได้”

“เพราะว่าทุกวันไม่สามารถมีอารมณ์แบบอ่อนโยนอย่างนั้นได้ ฉะนั้นทุกครั้งที่เข้าห้อง หรือว่าทุกครั้งที่จะเข้าฉาก ผมก็ต้องใช้เวลาทำใจให้อิงในอารมณ์ ปกติเวลาถ่ายทำนั้น ก็เหมือนกับเป็นวิญญาณอย่างนั้นลอยไปลอยมา เหมือนกับไป๋เสี่ยวเหนียน มีท่าทางอย่างนี้จนติดนิสัย”

สำหรับเรื่องฝีมือการแสดงจากมือใหม่ที่ไม่เคยมีความมั่นใจ แต่ได้รับรางวัลนั้นเป็นสิ่งที่ให้กำลังใจมาก แต่ที่เสียดายคือ โหย่วเผิงกลายเป็นเพรชที่ถูกลืมใน (รางวัลจิงหม่า/Golden Horse Awards)
 
หลังจากที่เรื่ององค์หญิงกำมะลอแล้ว โหย่วเผิงเล่นเป็นพระเอกในหลายๆเรื่อง จาก ฮัวบ่อข่วยในเรื่อง (เดชเซียวฮื่อยี้)  เตียบ่อกี้ในเรื่อง(ดาบมังกรหยก) จนถึง ลู่เอินฉี่ในเรื่อง(รักข้ามขอบฟ้า) โหย่วเผิงไม่เคยที่จะหลุดพ้นจากบทที่เป็นผู้ดีเลย  “ผมไม่มีความอดทนในการรอคอยที่จะอยู่ในที่เดิม ก่อนหน้านี้เพราะเหมือนเป็นคนดีมาก ทำให้ทุกคนเข้าใจผมผิด จนถึงวันนี้ไป๋เสี่ยวเหนียนประสบความสำเร็จแล้ว ถึงทำให้ทุกคนรู้จริงๆว่า แท้จริงโหย่วเผิงนั้นดื้อเหมือนกัน”



ปีที่แล้วโหย่วเผิงได้เล่นเรื่องหนึ่งคือ (เย้ออ้าย)  ในเรื่องนั้นเขารับบทเป็นผู้ป่วยทางจิตคนหนึ่ง “ผมอยากจะลองเล่นบทที่ตรงข้ามกันบ้าง”

ไม่ว่าจะเป็นคนป่วยทางจิต หรือจะเป็นนักร้องละครเพลงที่เปรี้ยวๆ สำหรับโหย่วเผิงนั้นการเลือกบทนั้นก็ใส่ใจเหมือนกัน “หากว่าไม่ประสบความสำเร็จ ผู้ชมไม่ยอมรับ ผมก็ต้องตัดสินใจโบกมือลา”


“จะไม่หันกลับไปเล่นบทผู้ดีอีกหรือ?”

“ไม่แล้ว หากไม่อย่างนั้นผมคงไม่หยุดรอโอกาสหรอก” โหย่วเผิงตอบได้เร็วมาก และหนักแน่นด้วย
 
สองสามวันก่อน จิงหม่า (Golden Horse Awards) ได้ประกาศรายชื่อผู้จะรับรางวัล โหย่วเผิงที่อยู่อันดับห้ากลายเป็นผู้ถูกลืม เมื่อเอ่ยเรื่องนี้ เหมือนโหย่วเผิงจะตกหล่น “เดิมทีผมไม่กล้าคิดที่จะรับรางวัล แต่ว่าในรายชื่อที่จะประกาศนั้น จริงๆแล้วตอนนั้นผมไม่มีไรทำ ก็เข้าไปเล่นเน็ต ไปดูว่าเขาวิจารณ์บทไป๋เสี่ยวเหนียนอย่างไรบ้าง ตอนหลังผมมาคิด พรุ่งนี้ประกาศรายชื่อคงมีอะไรที่น่าตื่นเต้น ฉะนั้นตอนที่ประกาศรายชื่อนั้น ก็เหมือนกับว่าผมตกหล่น”

หลังจากเฟิงเซิงแล้ว เดิมทีเหมือนกับว่าโหย่วเผิงได้เบิกเส้นทางใหม่ แต่ตอนหลังกลับได้รับบทที่จะให้เล่นนั้นก็ยังเป็นบทผู้ดีอยู่ดี “มีผู้เขียนบทหลายคนบอกว่าผมเป็นคนที่ออกร่าเริง” สำหรับเรื่องต่อไปจะเล่นบทอะไรนั้น โหย่วเผิงกล่าวว่า “ตอนนี้ยังไม่ได้คิดอะไร เฟิงเซิงได้ให้โอกาสกับผม นี่เป็นจุดเริ่มต้นด้านภาพยนตร์ของผม เรื่องต่อไปที่จะเล่นนั้นมีความสำคัญกับผมมาก เมื่อเล่นเรื่องเฟิงเซิงแล้วผมไม่อยากจะกลับไปรับบทผู้ดีอีกจริงๆ”


ฉายาที่ว่า เร่ร่อนที่ปักกิ่งนั้น โหย่วเผิงได้ซื้อบ้านที่นั่น หากว่างๆเขาก็จะไปเดินโต๋แต๋ที่ปักกิ่ง
 
หลังจากที่เซ็นสัญญากับค่ายหัวอี้ โหย่วเผิงได้ซื้อบ้านที่ปักกิ่ง ให้ฉายาตัวเองว่าเร่ร่อนที่ปักกิ่ง ไม่มีไรทำก็ไปเดินเที่ยวที่นั่น ส่วนมากแล้วเขาจะใช้เวลาในการเข้าฟิตเนส หากว่าเวลาว่างเยอะกว่านี้แล้ว โหย่วเผิงก็จะกลับไต้หวัน หาญาติพบมิตร หรือไปชิมอาหารที่อร่อย หรือว่าไปเฝ้าหน้าจอดูกีฬาเทนนิส “ผมคิดว่าโรเจอร์นั้นเป็นนักกีฬาที่เจ๋งมากๆ เขาเล่นได้อย่างสม่ำเสมอที่เดียว”

โหย่วเผิงได้คลุกคลีกับวงการบันเทิงมานับ 21 ปีแล้ว “ผมบ่นตลอดว่าจะไม่เป็นคนบ้างาน แต่ว่าเผลอทีไร ความคิดที่เพรอเฟรกก็เข้ามาทันที ขอเพียงมีงานก็จะทำเต็มที่ อย่างอื่นนั้นจะไม่สน”

ก่อนหน้านี้ (หลินจื้ออิง) ที่อายุไล่เลี่ยกับโหย่วเผิงได้โชว์รูปถ่ายของลูกชายตนเอง อายุ 36 อย่างโหย่วเผิงไม่คิดจะแต่งงานมีลูกเลยหรือ “ผมคิดว่าวาสนาการแต่งงานผมนั้นยังมาไม่ถึง ยังไม่เจอคนที่เหมาะสม การจะพูดเรื่องแต่งงานมีลูกก็ยิ่งแล้วใหญ่แล้ว หากว่าวันนั้นมาถึงจริงๆ ผมคงต้องลางานแสดงหลายปี ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”



334

5 พฤศจิกายน 2009  (จางอี๋เถีย) ชายชาตรีแต่มีจิตอ่อนโยน (โหย่วเผิง) เป็นกระเทยแต่แข็งกระด้าง

(โหย่วเผิง) โด่งดังแต่อายุ 15  แต่ (จางหันอี๋) นั้นต้องรอจนถึง 20 ปีถึงค่อยดัง ไม่ว่าจะดังช้าหรือเร็ว ทำอย่างไรถึงสามารถปรับตัวอยู่ในแวดวงสีเสียงที่ล่อใจได้ นั่นถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญของเหล่าศิลปิน

ขณะที่ได้อ่านข่าวภาพยนตร์เฟิงเซิงที่สร้างรายได้กว่าเก้าพันล้านนั้น ดาราไต้หวันคงจะไม่ค่อยรู้จัก  (จางหันอี๋) ที่ได้รับรางวัล (หยิ่งตี้:SUPERSTAR) ในปีที่แล้วนั้น บทบาทนั้นเป็นชายชาตรีที่ถูกทรมานแบบชายธรรมดาสามคนก็ยังทนไม่ไหว (ไกวๆหู่) ที่เราคุ้นเคยนั้น เล่นในบทที่อยู่ในบ้าน

แต่ว่าชีวิตจริงเราไม่เหมือนละคร  จะแสดงก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้ (จางหันอี๋) ที่ดูแล้วเหมือนกับเข้มแข็งชาตรี แต่ในชีวิตจริงนั้นเป็นคนที่ตลกขำขัน ไม่เพียงแต่กลัวคนอื่นร้องไห้ยังหูเบาอีกด้วย (โหย่วเผิง) ในจอภาพยยนตร์นั้น เมื่อเจอกล้องแล้วจะแข็งกระทื่อ ร้อยต่อร้อยจะมีความคิดของตัวเอง ไม่ยอมทำตามสิ่งที่ช่างภาพบอก คนหนึ่งเป็นชายชาตรีคนหนึ่งเป็นชายอ่อนสุภาพ โหย่วเผิงดูเหมือนอ่อนโยนแต่ข้างในแข็ง

อดีตเคยได้รับฉายาไกวๆหู่ แต่โหย่วเผิงบอกว่าตัวเองเป็นเด็กดื้อมาตลดอดเวลา เวลานี้ทางเสี่ยวหู่ตุ้ยจะรวมตัวอีกครั้ง กลัวแต่แป็นเพียงข่าวลอยเท่านั้น 

เห็นบุคลิกที่เป็นเหมือนกระเทย สามารถบอกได้ว่าในวงการภาพยนตร์นั้นเป็นสิ่งที่ยากสำหรับ (โหย่วเผิง)  เมื่อเจอนอกจอไปถามว่าเขามีจิตใจที่เป็นอย่างนี้หรือเปล่า (โหย่วเผิง) เลี่ยงตอบอย่างชัดเจน แม้กระทั่งมีจิตใจเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าแค่ประโยคนี้ก็ไม่ยอมพูดแล้ว จะบอกว่า (โหย่วเผิง) นั้นป่วยทางจิตไม่ได้ บอกได้เพียงว่าเขานั้นทำได้อย่างเนียน ไม่ว่าจะเป็นการอิงกับในบทหรือว่าได้อารมณ์ มีเพียงผู้ชมเท่านั้นถึงสามารถตอบได้


โหย่วเผิง ::  บทที่ผมเล่นนั้นไม่มีตัวอย่างของใครที่จะให้เป็นไกด์ลายแสดง แน่นอนเรื่อง (ป้าหวังเปี๋ยจี้) หรือ (เหมยหลันฟาง)เรื่องเหล่านี้ก็เคยดู แต่เรื่องเหมยหลันฟางภาคไต้หวันนั้นใช้คนละคนแสดง แน่นอนคงไม่เหมือนกับที่ (ก๋อหยงเหยียน) แสดง แต่บทที่ผมเล่นนั้นจะสง่าและมีคุณธรรมสูง คนรักและหยิ่ง ไม่ว่าจะในเวทีหรือนอกเวที จะมีบุคลิกที่เป็นหญิงหน่อย 

ไม่ได้ตั้งใจเลียนแบบใคร แต่ว่าผมรู้สึกว่ารอบข้างก็จะมีแบบว่า (หัวอกเดียวกัน) จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้ความหมายนั้น ผมอยากจะเน้นว่าผมไม่ใช่คนอย่างนั้น หากว่าด้วยบทที่แสดงมันเหมือนกับว่าผมเป็นคนหัวอกเดียวกันแล้ว แสดงว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จแล้ว นี่ก็นับตามความคาดหมายไว้เหมือนกัน ดีกว่าจะบอกว่าแสดงได้ไม่เหมือนเลย

นักแสดงต้องแสดงอารมณ์สมจริงให้ได้ อะไรที่ต้องเก็บไว้ อะไรที่ต้องปล่อยไป ก็คือพึ่งตัวเองเตรียมบทวางแผนบทไว้ให้ดีๆ ผมเคยถาม (โจวซิ่น)  “จากประสบการณ์ของเธอแล้ว ใช่หรือไม่ฉากที่เมาเหล้าต้องดื่มให้เมาก่อน?” เธอตอบว่า “ใช่แล้ว เพราะสายตานั้นสามารถดูออกว่าเมาหรือไม่เมา”
 

จาง ::  จะต้องวางแผนให้รัดกุมไม่มีจุดให้จับถึงจะดี อู่จื้อก๋อที่ผมแสดงนั้น หากว่าเข้ามาก็ถูกผู้ชมดูออกว่าผมเป็นสายลับ ก็ถือว่าผมแสดงได้ล้มเหลวมากๆ เพราะผู้ชมยังดูออก แล้วศัตรูเป็นปัญญาอ่อนหรือถึงดูไม่ออก ฉะนั้นต้องแข็งใน เปิดเผยแต่ไม่ให้รู้

หลังจากเรื่อง (จี้เจียห้าว)แล้ว ปีครึ่งที่ผมยังมีความรู้สึกกับเรื่องนี้อยู่ การประพฤตินั้นก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ สายตาก็ยังค้างอยู่กับเรื่องที่แสดง แม้กระทั่งฝันก็ยังรู้สึกอย่างนั้น จริงๆแล้วผมถูกบททำให้เป็นอย่างนี้ ตอนนี้มีหลายคนเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ผมคนเดียว ผมเองก็เริ่มชินแล้ว


ในเรื่องเฟิงเซิงนั้น (โหย่วเผิง) แสดงได้สมจริงเหมือนคนหัวอกเดียวกันเลย แต่ที่น่าเสียดายการร้องละครเพลงนั้นถูกตัดทิ้งหมด


ชายที่เข้มแข็งก็กลัวแมลงสาป

ก่อนนี้เห็นผู้กำกับหม่า ตอนมาร่วมงาน “ราตรีหัวอี้” ได้นำดารามาด้วยสิบแปดคน และดาราไต้หวันพูดสำเนียงเสียงหวานมาก ทำให้ดาราจีนก็คอยเลียนแบบไปด้วย จางหันอี๋ ที่เป็นเพื่อนผู้กำกับหม่านั้นได้ยินแล้วปากค้างเลย เมื่อถึงเวลาถ่ายรูปนิตยาสารรายสัปดาห์ ได้หยิบเครื่องแต่งหน้ามาแต่งเอง ผมยังต้องเชิญเขาด้วย “พี่จาง ช่างทำผมผมก็เชิญมากแล้ว เงินก็ชะระแล้ว คุณใช่เขาหน่อยเถิด” จางหันอี๋กล่าวว่าชีวิตเขานั้นสุดประหยัด

จาง ::  คนอย่างผมสมองนั้นใช้ยาก ทำไม่จะต้องมีคนมากมายมาช่วยผมคิดด้วย ขอเพียงมีผุ้ช่วยดูแลผมเพียงคนเดียวก็พอแล้ว ชีวิตผมนั้นจะแย่หน่อย เช่นการจัดกระเป๋า เรื่องนี้สำหรับผมเองนั้นใช้ไม่ได้เลย ผมจะยัดมันเข้าไปเป็นกอง สุดท้ายจะหาอะไรก็ไม่เจอ จริงๆแล้วผมไม่อยากเป็นอย่างนั้น


โหย่วเผิง ::  เสน่ห์กับการซื้อตั๋วนั้นมันเปรียบกันไม่ได้ จำเป็นหรือไม่ที่จะใช้คนมากมายมา จริงๆแล้วการใช้เงินนั้นควรเป็นประโยชน์

จาง ::  ผู้กำกับหม่าว่า ตอนนี้ดาราสมัยใหม่ของจีนนั้นเลียบเสียงหวานแบบดาราไต้หวัน เรื่องนี้มันดูเหมือนขำขันนะ

โหย่วเผิง :: ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปกติ (นักข่าว) ทำไมเห็นดารารุ่นใหม่นั้นไม่เห็นแมนๆเลย?  ผมรู้สึกว่ามีสไตล์แบบ F4 อย่างนั้นมากกว่า

ชีวิตจริงผมกับในจอนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง เรื่องเหล้าคอผมอ่อนมาก ดื่มเยอะหน่อยก็จะหน้าแดงหน้าดำเลย ทรมาน ผมเป็นชายรักบ้าน ไม่มีอะไรผมก็จะกลับบ้านไปเล่นที่บ้านมี ของโบราณให้ดู
 
แมลงสาปกับหนูนั้นผมไม่ค่อยชอบ เห็นพวกมันเดินออกมาผมก็รีบวิ่งเลย ผมกลัวคนร้องไห้ ร้องไห้แล้วผมก็ไม่รู้จะไง ผมกลัวคำหวานๆ คนอื่นขอร้องให้ผมทำอะไรแล้ว แค่พูดคำซึ้งๆผมก็ใจอ่อนแล้ว ผมกลัวสิ่งเหล่านี้ ตอนหนุ่มๆนั้นเรื่องไม่ให้ยืมเงินนั้นไม่เคยมีเลย
 
เมียนั้นผมไม่กลัว กลัวทำไม? ทองแท้ไม่กลัวไฟ เราสองคนเป็นนักศึกษาด้วยกัน โตมาด้วยกัน หากไม่เข้าใจกันก็คงไม่ไปด้วยกัน

ปีที่แล้วได้รับรางวัล (จิงหม่าหยิ่งตี้) ที่ไต้หวัน จางหันอี๋กล่าวว่าคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ในบทที่แสดงเป็นคอมมิวนิสนั้นแต่กลับได้รับรางวัลในกัวหมิงตั่น (สองพรรคนี้ไม่ถูกกัน)

จาง ::  เรื่องการแสดงนั้นใครก็อย่าไปบ่นว่าแก่แล้วดังยาก ไม่มีใครสามารถเป็นผู้ชี้ทางได้ หากไม่ได้ก็คือฝีมือยังต้องฝึกฝน หากมีโอกาสผ่านมาก็ให้รีบๆฉวยไว้


ผมอายุ 20 กว่าแล้วค่อยมาฝึกตัวเองเป็นคุณผู้ดี ไม่เคยหยุด ฝึกฝนตลอด ตอนหลังมันไม่น่าดู มันแข็งมาก ถ่ายออกมาแล้วดูทึ่มๆ ดูอย่างไรก็เหมือนขยับไม่เป็น ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนมืออาชีพ ผมก็เริ่มวิ่งเป็นเวลาเจ็ดเดือน สุดท้ายหายหมด หากผมตั้งใจจะทำไรแล้ว จะทำให้ถึงที่สุด เหมือนกับการวิ่ง วิ่งจนมืด

 ตอนถ่ายเรื่อง(จี้เจียห้าว) เฉินก๋อฟู่เป็นผู้คุมดูแล ครั้งหนึ่งตอนประชุมเขาพูดว่า “นี่เป็นเรื่องจริงๆ เป็นไปได้ไหมที่จะไม่ใช้ดารา” สุดท้ายสามารถเลือกผู้ที่จะเป็นพระเอกสิบสองคน ผมก็ลองมาทดสอบว่าผ่านรับการคัดเลือกไหม ผมพูดกับผู้กำกับว่า คุณลองให้ผมเล่นดูสักตอนได้ไหม เขาหัวเราะแล้วไม่พูด สุดท้ายทางนักข่างถาม “ตอนนั้นทำไมคุณไม่ให้เขาแสดง” ผู้กำกับบอกว่า “ผมกลัวว่าเขาลองแสดงเสร็จแล้วก็ไม่ให้เขาแสดง เขาจะเสียใจ”
 

จากนั้นผ่านไปสองสามเดือนมีการมาบอกข่าวกับผม แน่นอนผมตกใจมาก ไม่ใช่สามารถแสดงเป็นพระเอก แต่บทของกู่จื่อตี้นั้นเป็นที่สนใจผมมาก ตอนนั้นได้ใช้ชีวิตของกับเขาครึ่งปี กินอยู่ด้วยกัน สามารถเป็นตัวของเขาได้ บทกู๋จื่อตี้นี้ในเรื่อง(จี้เจียห้าว)นั้นเป็นจุดพลิกผันชีวิตของจางหันอี๋ จากค่ายแสดงเล็กๆ สามารถอยู่ในแนวหน้าของวงการนักแสดง

ภาพลักษณ์ในจอภาพยนตร์ของ (จางหันอี๋) กับ(โหย่วเผิง)  เป็นการเปรียบระหว่างชายชาตรีกับกระเทย แต่ชีวิตส่วนตัวของเขาทั้งสองนั้นกลับตรงกันข้าม (จางหันอี๋) เป็นชายที่สุขภาพและรักบ้าน (โหย่วเผิง) เป็นคนที่มีหลักการและทำตามสิ่งที่ตนเองคิดวางไว้เท่านั้น

(เฟิงเซิง) พูดเรื่องความลึกลับและเรื่องนิสัยคน (โหย่วเผิง) ก็เคยเจอเมื่อชีวิตเจอกับผลประโยชน์กับอำนาจแล้วจะเปลี่ยนไป “ตอนที่ไปถ่ายทำที่จีน เคยเจอคนอื่นมาแย่งบทอย่างซึ่งๆหน้า ไม่ว่าจะเป็นการยัดเงินให้หรืออะไรหลายอย่าง”  (จางหันอี๋) ที่อยู่ในวงการ 20 ปีถึงได้ดังประทับใจประโยคหนึ่ง “เรื่องราวต่างๆจะร่วงไปตามเวลา ต้องดูและตามให้ทัน”  จางหันอี๋ พูดว่า “ตั้งแต่โบราณกาลมา มีหลายเรื่องที่เด่นแต่ก็ต้องศูนย์สิ้นไป แล้วทำไมจะต้องไปถือสามันด้วย”  ทุกอย่างควรดูให้ไกลหน่อย”
 
อย่าบอกว่าชายหนุ่มสองคนนี้มีอารมณ์พูด นักข่าวหลายคนก็เจอดาราหลายคนเมื่อเจอคำถามแทงใจแล้วทำเป็นไม่ยอมตอบ กลับโมโหใส่ด้วย เสียดายดาราเหล่านี้นั้นไม่ใส่ใจในหน้าที่การงานเท่าที่ควร ไม่อย่างนั้นรางวัลต่างๆคงไม่น้อยกว่า 4 หรือ 5 รางวัลที่จะได้รับ


ไฉ่หลินเป็นเรื่องล้อเล่น

ตั้งแต่เข้าสู่วงการบันเทิงโหย่วเผิงมีข่าวฉาวแค่สองเรื่อง นอกจากเรื่องหลินซินหยูแล้ว อีกคนคือหญิงที่ร่วมถ่ายภาพยนตร์ด้วยกันคือดาราสาวเกาหลี สามปีก่อนไฉ่หลินประกาศหย่า มีข่าวว่าโหย่วเผิงเป็นมือที่สาม พูดไปแล้วเป็นเพราะปัญหาก็มาจากภายนอก จริงๆแล้วนิสัยที่ดื้อๆ แม้จะแต่งงานก็ยังคิดถึงเรื่องของหลิวเต๋อหัวเลย โหย่วเผิงที่หวงหน้าหวงหลังนั้น กลับได้ฉายาว่าไกวๆหู่มันไม่เหมาะกับเขาเลย

โหย่วเผิง ::  ปีครึ่งแล้วที่ผมไม่มีแฟน ตอนนั้นมีข่าวว่าผมเป็นมือที่สามของไฉ่หลิน เกิดจากการที่ผมพูดเล่น ผมคิดว่าผมกับเธอนั้นสนิทกัน นักข่าวถามผมว่าเขาจะหย่าแล้ว ผมก็ล้อเล่นว่าเป็นผมเอง สุดท้ายถูกไฉ่หลินปฏิเสธ เธอบอกว่าสังคมเกาหลีนั้นจะอนุรักษ์นิยม การพูดเล่นอย่างนี้ไม่ควรเลย..

คุณแม่พูดกับผมว่า ความรักนั้นรักง่ายๆได้ แต่การจะแต่งงานนั้นต้องระวัง เพราะเป็นเรื่องตลอดชีวิต เพียงแค่ยังไม่เจอคนที่โอเคเอง เรื่องนี้ช้าเร็วก็ต้องจัดการให้เรียบร้อย เหมือนกับ (หัวจื่อ) ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง ผมยังไม่เคยคิดให้รอบคอบว่าเรื่องอย่างนี้ควรจะทำอย่างไร


นักข่าว ::  มีข่าวว่าตอนนั้นเสี่ยวหู่ตุ้ยวงแตกกับตอนนี้จะมีการมารวมกันใหม่นั้น  ปัญหาหลักนั้นอยู่ที่คุณ?

โหย่วเผิง ::  การที่แยกทางนั้นเพราะ (จื้อเผิง) ต้องไปเกณฑ์ทหาร พวกเราสามคนเคยคุยกัน ผมจะไม่ไปทำเรื่องอย่างนี้ง่ายๆ หากว่าเป็นการที่ทุกคนมาแสวงหาประโยชน์นั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควร ..ผมรู้สึกว่าสำหรับเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นผมผูกพันมากๆ เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรนั่นเป็นสิ่งที่สำคัญ

ผมได้ร่วมทำประโยชน์กับทุกคน เรื่องอย่างนั้นมันง่ายกว่าเยอะ การที่ต่างคนออกอัลบั้มนั้น ผมก็คิดว่ามีความเป็นไปได้


335
2009-10-31 : http://gzdaily.dayoo.com/html/2009-10/31/content_749254.htm



ซูโหย่วเผิง : จะไม่เล่นบท  “กระเทย” อีก

ภาพยนตร์เฟิงเซิงที่กำลังเข้าโรงนั้น ไป๋เสี่ยวเหนียนที่โหย่วเผิงเล่นนั้นก็เป็นบทหนึ่งที่ทำให้ผู้ชมฝังใจ ความสำเร็จของบทนี้นั้นทำให้รู้เห็นว่าโหย่วเผิงมีสปิริตทางการแสดงภาพยนตร์ด้วย และทำให้คนอื่นคิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านผลงานการแสดงของเขา ดารานักร้องขวัญใจนักแสดงขวัญใจในอดีต พี่สุดหล่อในภาพยนตร์ ได้เปลี่ยนแปลงบทบาทในเรื่องนี้ โหย่วเผิงไม่แฮปปี้ที่จะไปพูดถึงภาพลักษณ์ในอดีต พูดเรื่องเสี่ยวหู่ตุ้ย พูดองค์ชายห้า  เขาปรารถนาที่จะเดินไปข้างหน้า เพื่อบอกกับทุกคนว่า “ผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”  อนาคตนั้นจะรอดูว่าบทที่โหย่วเผิงจะรับนั้นเป็นบทแบบไหนกัน จะเป็นไป๋เสี่ยวเหนียนเหมือนเดิมไหม? หรือว่าจะเปลี่ยนไปเล่นบทอย่างอื่น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โหย่วเผิงพอใจกับผลงานตอนนี้ของเขามาก สามารถที่จะเข้าสู่ภาพยนตร์สากลได้ ได้มีชีวิตใหม่
 
นักข่าว เฉิงเหยียนอัน

(หยิ่งตี้) นั้นผมยังห่างไกลมันเยอะ (หยิ่งตี้ : ไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร เป็นศัพท์เฉพาะ อาจเป็นซูปเปอร์สตาร์ภาพยนตร์:SUPERSTAR )

โหย่วเผิงตั้งแต่อายุ 15 จนถึงปัจจุบันนั้นได้รับรางวัลมากมายจนนับไม่ถ้วน ตอนเป็นนักร้องนั้น เขาได้สร้างยุคทองที่ไม่มีใครสามารถจะเลียบแบบได้ แม้ว่าตอนหลังจะเข้าสู่การแสดง โหย่วเผิงก็ได้สร้างชื่อเสียงมากมายให้กับวงการ เขาได้รับรางวัลดารานักแสดงยอดเยี่ยม ตอนเป็นนักแสดง เขาก็เพิ่งได้รับรางวัลภาพยนตร์ไป มีเว็ปหนึ่งที่ไม่ทราบชื่อบอกว่าเป็นรางวัลนักแสดง แม้ว่ารางวัลนี้จะไม่เทียบเท่ารางวัลอย่าง (จิงจี)  แต่โหย่วเผิงเองก็รู้สึกภูมิใจมาก สำหรับเขาแล้ว เขาได้ปล่อยชื่อเสียงในอดีตมากมาย แล้วมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ในวงการการแสดง

นักข่าว :  ครั้งแรกที่ได้รับรางวัลการแสดง มีความรู้สึกอย่างไร เมื่อเทียบกับรางวัลที่ได้รับจากการเป็นนักร้องกับรางวัลที่ได้รับจากการเป็นนักแสดงโทรทัศน์นั้นมันต่างกันไหม อันไหนมีค่ากว่ากัน?


โหย่วเผิง :  รู้สึกรประทับใจมาก สำหรับทุกคนที่เข้าใจถึงบทของไป๋เสี่ยวเหนียนและยอมรับได้ มันเกินความคาดหมายจริงๆ ทำให้ผมมีกำลังใจมาก ผมคิดว่าอนาคตผมเองก็จะกล้าที่จะตัดสินใจไปรับบทที่ผมรู้สึกว่าท้าทายดี เรื่องความสำคัญกว่านั้น หนึ่งปีเต็มๆนี้ ผมได้ทุ่มเทเวลากำลังให้กับการแสดงของเรื่องเฟิงเซิง แน่นอนรางวัลที่ได้รับจากเรื่องนี้นั้นมันทำให้ผมมีกำลังใจมากๆ และก็สำคัญมีค่ามากๆ

นักข่าว : รางวัลเรื่องเฟิงเซิงที่ได้รับนั้น เป็นเพราะบทไป๋เสี่ยวเหนียนหรือเปล่า?

โหย่วเผิง :  ผมว่าน่าจะเป็นเพราะบทไป๋เสี่ยวเหนียนนะ บทนี้สำหรับชีวิตผมแล้ว มันเป็นอะไรที่ทะลุทะลวง ไปจุดสูงสุดอีกจุดหนึ่ง เพราะนับแต่ตอนเริ่มรับบท ก็ไม่เคยคิดว่าสุดท้ายจะมาถึงจุดนี้ได้ รู้เพียงว่าทำให้ดีที่สุด วันนี้เมื่อย้อนมองแล้ว นอกจากจะเห็นถึงประสบการณ์การแสดงของผมในครั้งนี้ที่มีมากขึ้นแล้ว ผมคิดว่ายังมีคนอีกมากมายทั้งคนอาชีพอื่นและผู้ชมทั้งหลาย พวกเขาจะรู้สึกถึงในจิตใจของพวกเขานั้น ยังมีโหย่วเผิงที่มีอีกมุมหนึ่งของเขาอยู่

นักข่าว :  เคยคิดที่จะมุ่งวิ่งสู่ หยิ่งตี้ (SUPERSTAR) ไหม?

โหย่วเผิง :  เส้นทางอันนี้นั้นสำหรับผมแล้วมันยังไกลเกินไปอยู่ แต่ว่าเอาหยิ่งตี้ (SUPERSTAR)มาเป็นเป้าหมายในการที่จะกระตุ้นผมนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่เลวเหมือนกัน


“ขอเพียงไม่ใช่เป็นบทที่เป็นเด็กๆ ทุกบทก็สามารถที่จะรับได้”

โหย่วเผิงเป็นคนหนึ่งในวงเสี่ยวหู่ตุ้ยในอดีตที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในด้านการร้องเพลงนั้นเป็นช่วงที่เรียกว่ายุคทองของเขา สมาชิกเสี่ยวหู่ตุ้ยทั้งสามคนก็ล้วนเข้าสู่วงการแสดง ตอนนั้น แค่ภาพยนตร์องค์หญิงกำมะลอเรื่องเดียวสามารถทำให้โหย่วเผิงได้รับการยอมรับจากผู้ชมอย่างล้นหลาม ในเวลาเดียวกัน (จ้าวเว่ย) และ (ฝางปิงปิง) นั้นก็ได้มีชื่อเสียงในด้านการแสดงมาก่อนแล้ว เรื่องเฟิงเซิง ของโหย่วเผิงนั้นมาช้าไปหน่อยหรือเปล่า แต่เขาเองก็พูดว่า จริงๆแล้วเขาเบื่อกับการเล่นบทผู้ดีมานานแล้ว และตอนนี้เขาเองก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว บวกกับตัวเขาเองตอนนี้ก็ต้องท้าทายตัวเองต่อไป ไม่เพียงแค่ภายนอก แต่ยังหมายถึงภายในด้วย

นักข่าว :  ช่วงนี้เห็นคุณในงานสาธารณะหลายที่นั้น ก็เห็นถึงใบหน้าที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว มันสื่อถึงอนาคตอยากรับแต่บทที่เป็นผู้ใหญ่อย่างเดียวหรือเปล่า?

โหย่วเผิง :  การแต่งกายเป็นผู้ใหญ่นั้น เป็นเพราะผมเป็นคนที่ชอบอย่างนี้ บวกกับตัวเองก็ถึงเวลาที่เป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว และบทที่จะรับในภายหลังนั้น ขอเพียงไม่ใช่เล่นเป็นบทเด็กๆ ผมเองก็น่าจะโอเค

นักข่าว :  เริ่มเปลี่ยนความคิดที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองเมื่อไหร่กัน?

โหย่วเผิง :  ต้องดูว่าความหมายของคุณนั้นหมายถึงด้านไหนกัน หากหมายถึงภาพลักษณ์ของขวัญใจนักแสดงแล้วก็ ผมเองก็สามารถตอบคุณได้ ตั้งแต่ก่อนที่ผมเล่นเรื่อง (องค์หญิงแสนซน) ก็เริ่มเบื่อกับบทผู้ดีอย่างนี้แล้ว จริงๆแล้วบทใน เรื่ององค์หญิงแสนซน นั้นผมเองก็ไม่ค่อยอยากจะรับเหมือนกัน

นักข่าว : หลังจากที่ได้ไปสังกัดค่ายหัวอี้(HY) แล้วทางบริษัทคุณได้วางตำแหน่งอะไรแก่คุณ?

โหย่วเผิง :  แท้จริงแล้วทางบริษัทเองก็ให้ความเคารพกับความคิดการตัดสินใจของนักแสดง กับเรื่องของตำแหน่งนั้น ไม่ได้บังคับอะไรเลย มันอยู่ที่ตัวเองเรียกร้องออกมา มันจะต่างกันออกไปตามอายุ ตามประสบการณ์ทำงาน ไม่งั้นคงไม่มีใครยอมฟังใคร

นักข่าว : สำหรับเงื่อนไขของคุณแล้ว ได้รับการทาบทามเล่นภาพยนตร์จากค่ายหัวอี้เยอะไหม?

โหย่วเผิง :  มีเยอะมาก แต่ใช่ว่าทุกบทที่ทาบทามมานั้นคุณจะสนใจด้วย หรือว่าจะให้คุณรู้สึกอยากร่วมอยากทุ่มเท ฮ่าๆ (หัวเราะ)  หากมีบทและเรื่องอย่างนี้นั้น มันต้องพึ่งโชคพึ่งชะตาด้วย แต่ว่าผมเองก็อยากจะรับเพียงบทอย่างนี้เท่านั้น จะโลภมากนิดหน่อย

นักข่าว :  คุณเคยบอกว่าต่อไปจะไม่รับบทผู้ดีแล้ว นั่นหมายความว่าต่อไปก็คงจะรับบทเฉพาะแบบไป๋เสี่ยวเหนียนอย่างนั้นหรือเปล่า?

โหย่วเผิง :  ต้องดูว่าคุณมองไป๋เสี่ยวเหนียนอย่างไร หากว่าไป๋เสี่ยวเหนียนในใจของพวกคุณนั้น เป็นเพียงกระเทยคนหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นผมสามารถบอกกับคุณได้เลยว่า ผมจะไม่ขอแสดงบทที่เป็นแบบกระเทยอีกต่อไปแล้ว หากว่าจะถามว่าไป๋เสี่ยวเหนียนในใจผมเป็นอย่างไร ผมจะบอกว่ามันเป็นตัวละครหนึ่งที่หาได้ยาก เป็นตัวละครหนึ่งที่ไม่ใช่พระเอก หากว่าวันนั้นผมมี  เฉียงหนี & middot มีพลังที่ดี สามารถประสบความสำเร็จในด้านบทที่หายาก สำหรับผมแล้ว มันเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่มากๆ




“หากจะดังเหมือน ( จางจื่ออี๋ )  สำหรับผมแล้วมันก็เป็นเพียงภาระหนักอย่างหนึ่ง”

เริ่มจากปี 2005  ภาพยนตร์อาณาจักร์แดนคนปลา (Empires of the Deep) ของฮอลลีวูดนั้นข่าวได้แพร่มาถึงเอเซีย เคยมีข่าวว่าโหย่วเผิงเข้าเล่นในเรืองนี้ด้วย เป็นนักรบในเรื่องนี้ แต่เวลาที่โหย่วเผิงให้สัมภาษณ์นั้นกลับปฏิเสธข่าวนี้

นักข่าว :  ได้ข่าวว่าเฟิงเซิงจะมีภาคต่อไป ตอนนี้เริ่มมีการวางตัวละครยัง เพลงละครที่ไม่ได้ถ่ายในภาพแรกภาคต่อไปจะได้ถ่ายไหม?

โหย่วเผิง  :  สำหรับภาพต่อไปของเฟิงเซิงนั้น ตอนนี้ยังไม่มีการตัดสินใจที่เป็นทางการ หากว่าจะถ่ายทำกันจริงๆแล้ว ผมนั้นทั้งดีใจและเสียใจผสมกัน อาจเพราะก่อนหน้านี้ได้ลงทุนไปเรียนอะไรบางอย่าง คือการไปเรียนเพื่อจะเล่นในบทของไป๋เสี่ยวเหนียนที่มันต้องสมจริงขึ้น สำหรับนักแสดงแล้ว จะบอกว่ามันไม่เห็นได้ง่ายนัก สิ่งที่กังวลใจคือ จะต้องไปเรียนละครเพลงที่ปักกิ่งอีก ทุกวันต้องทำตามอาจารย์ ต้องบอกกับตัวเองเสมอว่า “ต้องสวยต้องงาม” ต้องกลับไปบทที่เป็นกระเทยอย่างนั้นอีก โอ้ มันมีความรู้สึกที่อยากจะบ้าตาย

นักข่าว : ในเรื่องมีตัวละครใดที่คุณอย่างจะเล่นเป็นพิเศษ

โหย่วเผิง :  ตอนนี้ยัง หากมีก็ยังต้องคิดจิตนาการอีกที บางครั้งอาจอยากเล่นในบทของ เหลียงเฉาเว่ย  ในบทนั้นมันมีอะไรที่น่าสนใจ หากผมได้เล่นคงจะสนุกน่าดูเลย

นักข่าว : การจะรับบทนั้นมีมาตรฐานไรไหม จะถือในเรื่องของการเบี่ยงเบนทางเพศไหม?

โหย่วเผิง : ไม่ถือเลยสักนิด ขอเพียงเนื้อเรื่องดีบทดี ผู้กำกับดี แค่นี้ก็เล่นได้แล้ว

นักข่าว : จากร้องเพลงมาถึงแสดงละครโทรทัศน์ แล้วมาถึงแสดงภาพยนตร์ สิ่งที่ได้รับมากที่สุดคืออะไร

โหย่วเผิง :  พูดไปแล้วอาจจะดูเหมือนของเก่าหน่อย แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ได้รับมากที่สุด ก็คือทุกอย่างก็ต้องทำอย่างสุดๆ นอกจากนั้นก็ให้เป็นไปตามชะตากรรม

นักข่าว :  เรื่อง อาณาจักรแดนคนปลา (Empires of the Deep) นั้นเลิกเล่นแล้วหรือ ยังอยากจะไปเป็นนักรบของฮอลลีวูดอยู่เปล่า?

โหย่วเผิง : เรื่องนี้นั้นการสร้างเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก การสร้างของก่อนหน้านี้ยังไม่จบ และการจะเปิดกล้องของครั้งต่อไปนี้ก็ยังไม่แน่นอน ฉะนั้นอนาคตจะไปร่วมงานด้วยหรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจเลย แต่ว่าสำหรับการเป็นนักรบของฮอลลีวูดนั้น ผมสามารถบอกกับคุณอย่างมั่นใจว่า ผมเพียงอยากจะเป็นนักแสดงที่ดีคนหนึ่งทำในสิ่งที่ตัวเองสบายใจ ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย จะดังให้เหมือน " จางจื่ออี๋ " สำหรับผมแล้วมันเป็นสิ่งที่เป็นภาระ ไม่ขอไปคิดให้หนักใจ

นักข่าว : ตั้งแต่ที่เข้าสู่วงการ คุณมีข่าวฉาวน้อยมาก เคยคิดเรื่องของความรักหรือเปล่า?

โหย่วเผิง :  แน่นอน ผมไม่ใช่ (พระถังซัมจั๋ง ) นะ ฮ่าๆ (หังเราะ) แต่ว่าเรื่องความรักส่วนตัวของผมนั้นอาจจะเงียบๆ แต่เมื่อเป็นบุคคลสาธารณะนั้นมันก็ถือว่าโอเคแล้วนะ หากแต่จะมาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวมากเกินไปผมเองก็ถือนะ นอกจากนี้ ความรักกับการงาน แน่นอนจะต้องได้อย่างเสียอย่าง หากว่าทุ่มเทแรงกำลังให้กับการงาน ด้านความรักก็ต้องมีเวลาให้น้อยหน่อย แต่หากวันไหนคุณสังเกตว่าเวลาในการงานของผมมันน้อยไปหรือไม่ค่อยเห็นแล้ว ก็รู้ได้ว่าผมกำลังจะทุ่มเทให้กับความรัก ฮ่าๆ(หัวเราะ)




336
Magazine Interviews-China / 2009 Fashion Weekly
« เมื่อ: กันยายน 26, 2010, 12:46:59 AM »
ซูโหย่วเผิง VS จางหันอี้, Fashion Weekly 2009
https://www.facebook.com/AlecfanclubinThailand/posts/716053871766442


337
Thanks,  http://ent.sina.com.cn/m/c/2009-10-16/00152731696.shtml



2009-10-16 โหย่วเผิง .ผู้กำกับสองท่านเริ่มไม่มั่นใจผม ไป๋เสี่ยวเหนียนยังอ่อนหวานไม่พอ


สำนักข่าวซินลั่น ภาพยนตร์จีนเฟิงเซิงซึ่งทำรายได้ทล่มทลายเกือบสองร้อยล้ายหยวนได้เป็นภาพยนตร์ปิดพิธีงานภาพยนตร์ครั้งที่สิบสี่ในวันที่ 15  ตุลาคม คืนวันที่๑๖จะออกฉายให้กับบรรดาแฟนๆในเกาหลีกว่าหกพันคนในสนามใหญ่ บ่ายวันที่สิบห้า ผู้กำกับเฉิง กับเหล่านักแสดงอาทิ หลี่ปิงปิง หวงเสี่ยวหมิง โหย่วเผิงได้มาร่วมงานแถลงครั้งนั้น และนักข่าวสำนักข่าวซินลั่นได้สัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับโหย่วเผิง

กับบทรู้สึกว่ายังอ่อนหวานไม่พอ


นข. ในเกาหลีนั้นดูเหมือนว่าคุณมีแฟนคลับมากมาย บ้างก็ติดตามมาจากเรื่ององค์หญิงกำมะลอ?

ผ. ใช่ครับ น่าจะสิบปีแล้ว พวกเขาล้วนเป็นคนที่ดี ทั้งยังมีความรรักที่ยาวนาน เรื่ององค์หญิงกำมะลอนั้นจำได้ว่าพวกเราไม่ได้มาโปรโหมดที่เกาหลี ตอนนั้นที่ได้มีการจัดงานฉลองครอบรอบสิบปีของชาวแฟนคลับถึงได้พบปะกับพวกเขา ครั้งนั้นก็ได้เจอพวกเขาอีก ดีใจมากๆ

นข. ครั้งนี้มากับภาพยนตร์เฟิงเซิง คุณบอกว่าชื่นชอบตัวละครไป๋เสี่ยวเหนียนมาก แต่ก็มีคนรู้สึกเสียดายที่คุณได้ทำลายภาพลักษณ์ของไกวๆหู่?

ผ. ผมยังต้องทำลายอีก นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

นข. ตอนถ่ายทำนั้นได้เจอความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดไหม?

ผ. ผมรู้สึกว่าไม่ใช่ครั้งเดียวที่ที่เจอกับบันได ในภาพยนตร์ที่เคร่งอย่างนี้ กับนักแสดงทุกคนที่เปรี่ยมไปด้วยฝีมือในการแสดงนั้น ผมนั้นเดินผ่านภายใต้ความกดดัน ทำไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนที่ถูกอัพตัวเองทั้งตัว ภายใต้ความเคร่ง ของผู้กำกับ นักแสดงทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย

นข. ขณะที่ฉายนั้นทุกคนล้วนรู้สึกเสียวกับเรื่อง คุณรู้สึกอย่างไร?

ผ. มีนิดๆ ก็ยิ่งอยู่ยิ่งดีไปกับภาพยนตร์ในจีน จริงๆแล้วตัวเองก็มีความคิดว่าน่าจะมีการแบ่งเกรดของภาพยนรต์

นข. ได้ยินว่าตอนถ่ายทำนั้น มีหลายสาเหตุทำให้ทุกคนเครียดไปหมด คุณเป็นอย่างนั้นด้วยหรือเปล่า?

ผ. น่าจะว่าตัวเองก็พอคุ้นกันสิ่งเหล่านี้ก็เลยไม่เป็นอย่างนั้น เดิมที่แค่บทก็หนักแล้ว จริงๆแล้วผมรู้สึกว่าทุกคนล้วนมีบรรยากาสของความเป็นทีม ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ

นข. ไป๋เสี่ยวเหนียนเป็นผู้ต้องสงสัยหนึ่งในห้าที่ต้องเสียชีวิตก่อน คุณรู้สึกไหมว่ายังไม่ทันได้สนุกเลย?

ผ. ไม่นะ ศพผมยังอยู่ตลอด ศพผมอยู่กับทุกคน เริ่มแรกในเรื่องนั้นยังมีสองฉากที่ยาว เป็นฉากที่สำคัญของไป๋เสี่ยวเหนียน เขาคนนี้ขี้ลังเลเหมือนกัน มีเสียงร้องเพลง ยังมีอะไรที่แปลกๆเยอะแยะ ตอนที่ไปที่ซานจวนนั้นยังหยิบเข็มฉีดยาไปด้วย เขาไม่เพียงเป็นคนที่ไม่หญิงไม่ชาย ยังเป็นคนลึกลับอีกด้วย แต่ตอนหลังฉากที่ร้องละครเพลงก็ตัดทิ้งไปแล้ว เสียดายนิดๆ

นข. พวกเราคิดว่าแค่เพียงหลักฐานปลายปากกาก็ต้องถูกประหารมันง่ายไปหน่อย?


ผ. อื่ม หากคนคนคนนี้ไม่รีบจัดการ เรื่องราวของเฟิงเซิงก็จะเปลี่ยนไป

นข. เพื่อนๆรู้สึกอย่างไรกับการที่คุณแสดงบทไป๋เสี่ยวเหนียน?

ผ. พวกเขาจำผมไม่ได้ จริงๆแล้วคุณจูหงเจียที่แสดงเป็นแฟนของปิงปิงที่เคยเล่นองค์หญิงกำมะลอภาค๒ที่เป็นพี่ชายของเสี่ยวเยี่ยนจื่อนั้น ตอนที่เขามาเข้าฉากถ่ายทำนั้นฉากของผมก็เกือบจะเสร็จแล้ว เขามาก่อนเวลาเพื่อมาเยี่ยมที่กองถ่าย ตอนที่พวกเราเปลี่ยนฉากนั้นเขามาทักทายผม เขาดูผมตั้งนานแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ใช่โหย่วเผิงเปล่า? ผมมองคุณตั้งนานแต่ก็ไม่กล้าทักกลัวทักผิดคน ผมเลยถามผู้กำกับว่านั่นคือโหย่วเผิงเปล่า?”  ผมฟังแล้วรู้สึกว่ามันมีความสำเร็จจริงๆ สิ่งที่ผมต้องการก็คือย่างนี้แหล่ะ นักแสดงคนหนึ่งสามารถทำให้คนที่สนิทจำแทบไม่ได้ นี่เป็นเรื่องที่สุดยอดมาก

นข. ตอนแรกพวกเราก็ตกใจมากเหมือนกันว่าทำไมผู้กำกับถึงเลือกคุณมาเล่นบทของไป๋เสี่ยวเหนียน แล้วส่วนตัวคุณคิดว่าพวกคุณมีอะไรที่เหมือนกันบ้าง?

ผ. ผมชมอาจรู้สึกว่ามีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด แต่สำหรับผมแล้ว ผมเป็นนักแสดงคนหนึ่ง ขณะที่ผมเลือกสรรตัวบทและตัวละคร ผมจะไม่ใช้ทัศนะอย่างนี้ไปมอง ผมมองเพียงว่ามันน่าตื่นเต้นไหม มีอะไรใหม่ๆที่จะได้เรียนรู้ไหม สามารถทำให้ทุกคนตะลึงไหม สิ่งเหล่านี้สำคัญกว่าว่ามีอะไรที่เหมือนกัน สำหรับคำถามที่ว่าทำไมผู้กำกับถึงเลือกผม ตอนแรกที่ผมได้ยินข่าวมาจากผู้กำกับทั้งสองว่าไม่ค่อยมีความมั่นใจต่อผม คุณสามารถไปถามเขาทั้งสองคนเองได้

นข. แล้วตอนนี้ล่ะ ทางผู้กำกับรู้สึกพอใจมากกับบทของคุณใช่หรือเปล่า?

ผ. ไม่เพียงแค่ผู้กำกับ แม้แต่ตัวเองก็ยังตกใจเลย เริ่มแรกที่พวกเราได้เริ่มงานนั้น ผมไม่เคยคิดเลยว่าไป๋เสี่ยวเหนียนจะเดินมาถึงจุดนี้ได้ เดินมาไกลขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าผมชมจะตอบสนองดี ผมเชื่อว่าผู้ชมก็คิดอย่างนั้น

นข. จากเรื่องเฟิงเซิงจะทำให้คุณมีดีกรีที่จะรับบทสูงขึ้นหรือเปล่า?

ผ. ผมหวังว่าผมมีบทที่คลากสิคอย่างนี้ให้เลือก บทอย่างนี้นั้นสำหรับนักแสดงทุกคนก็ใช่ว่าจะมีโอกาส บางครแสดงมาทั้งชาติก็ไม่เคยเจอความสนุกแบบนี้ บทที่มีความท้าทายอย่างนี้ ผมยังหวังว่าจะมีโอกาสอย่างนี้อีก



338
Thanks, http://tieba.baidu.com/f?kz=655982904



2009-10-16 : สัมภาษณ์โหย่วเผิง เป็นนักแสดงก็ไม่ควรจะมีภาพลักษณ์ เผยความลับ

สำนักข่าวเกาหลีรายงาน บทไป๋เสี่ยวเหนียนที่โดดเด่นมากในเรื่องเฟิงเซิง การเปลี่ยนแปลงของโหย่วเผิงนั้นได้นำความตื่นตาตื่นใจแก่บรรดาแฟนๆ วันที่ 15 ต.ค.  หลังจากที่มีงานการแถลงแล้ว โหย่วเผิงก็ยังหาเวลาว่างที่จะพบปะกับแฟนๆ และพูดคุยกับนักข่าวเกาหลี พูดถึงไป๋เสี่ยวเหนียน และเรื่องการตัดฉากของไป๋เสี่ยวเหนียนออกไปหลายฉาก

นักข่าว(นข) โหย่วเผิง (ผ)

นข :  เมื่อกี้พึ่งมีงานแถลงพบปะกับแฟนๆ มีความรู้สึกอย่างไรต่อแฟนๆเกาหลี?

ผ :  ต้องขอขอบคุณพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่านี่ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่ได้พบปะพวกเขา ก่อนหน้านี้เรื่ององค์หญิงแสนซน นั้นพวกเขาก็ได้มีจัดงานแฟนคลับครั้งหนึ่งแล้ว จากนั้นก็มีผลงานมากมายที่ได้ออกฉายที่เกาหลี แต่ว่าตลอดเวลาก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกับพวกเขา น่าจะหลายปีก่อน ที่พวกเขาได้จัดงานครอบรอบสืบปีแห่งแฟนคลับโหย่วเผิงและได้เจอพวกเขา

นข :  รอคอยตั้งสิบปี

ผ :  ตอนนั้นผมได้มาที่นี่พร้อมกับมาโปรโมทละครเรื่องหนึ่ง พวกเขายังได้อ่านจดหมายหนึ่งฉบับให้ผม บอกว่ารอคอยมาตั้งสิบปีถึงจะได้พบกับตัวละครในภาพยนตร์ ทำให้ผมตื้นตันใจมาก ยิ่งกว่านั้นพวกเขามีความตั้งใจมาก ทุกครั้งที่ได้พบปะกัน พวกเขาก็ได้เตรียมของที่ระลึกมากมายมาฝากผมไม่ว่าจะเป็นกำไรข้อมือ ของขวัญต่างๆ ทำให้รู้สึกตื้นตันมาก

นข :  นั่นเพราะผลงานการแสดงเรื่องนั้นเป็นที่ประทับใจแฟนๆชาวเกาหลีเป็นอย่างมาก?

ผ : เริ่มจากเรื่ององค์หญิงแสนซน เพราะผมได้ร่วมงานกับดาราเกาหลีก็ไม่น้อย กับไฉ่หลินก็ได้ร่วมถ่ายตั้งสองเรื่อง กับจางนาราก็หนึ่งเรื่อง ตอนหลังก็ได้ถ่ายทำร่วมกับอันฉีสิ่งเรื่องหนึ่ง

นข : แล้วตอนนี้มีโครงการที่จะร่วมงานกับศิลปินเกาหลีบ้างหรือเปล่า?

ผ :  ระยะนี้ยังไม่มี ช่วงนี้ก็กำลังตั้งใจฝึกซ้อมละครเพลง คุณก็คงทราบ

นข :  แฟนคลับไม่น้อยเลยที่กล่าวว่า เรื่องเฟิงเซิงนั้นจะขำได้ก็ต่อเมื่อมีฉากของคุณ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?

ผ :  จริงๆแล้วเรื่องนี้นั้นเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึง แท้จริงแล้วไม่เคยคิดเลยว่าไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นจะทำให้ผู้ชายหัวเราะ ตอนดูเนื้อบทนั้นก็ล้วนดูด้วยท่าทีที่คลึ๋งขลัง และตอนนี้กลับมีผลออกมาอย่างนี้เป็นที่คาดไม่ถึงสำหรับผมและผู้กำกับด้วย เพราะว่าบทในอดีตที่ผมรับแสดงนั้น ล้วนเป็นบทที่สุภาพเรียบร้อย ฉะนั้นครั้งนี้ไม่ง่ายเลยที่ได้มีโอกาสแสดงบทในลักษณะอย่างนี้ ตอนที่ผมเข้าฉากนั้นยิ่งทำท่าทำทางก็ยิ่งทำให้คนอื่นหมั่นไส้ คิดไม่ถึงว่าเวลาฉายแล้วจะเป็นที่ขำของผู้ชม

นข :  แล้วบทที่ไม่หญิงไม่ชายอย่างนี้นั้น ตอนที่ตัดสินใจรับบทรู้สึกกังวนไหม?

ผ :  ที่กังวนคือกลัวจะทำไม่ได้ น่าจะเป็นช่วงปลายปีที่แล้วที่ได้รับตัวบท ความรู้สึกแรกเลยคือเนื้อบทนั้นสนุกมาก จริงๆแล้วตอนนั้นภาพยนตร์เรื่อง(เหม่ยหลันฟาง)ก็จบไปได้ไม่นาน แล้วผมก็ต้องรับบทแสดงเป็นนักร้องละครเพลงคนหนึ่ง บวกกับธรรมเนียมของชาวจีนแล้วตั้งมาตรฐานในการร้องละครเพลงไว้สูงมาก ผมกังวนก็คือเวลาเหลือน้อยมากแล้วผมจะทำได้เปล่า

เพราะยีนอยู่ในตำแหน่งของนักแสดงคนหนึ่ง แท้จริงแล้วตัวเองก็ไม่มีภาพลักษณ์แต่แรกแล้ว การจะเป็นนักแสดงไม่ควรจะมีภาพลักษณ์ที่สุขภาพตลอด ปีที่แล้วผมก็รับเล่นเป็นคนบ้าคนหนึ่ง สำหรับผมแล้วไม่มีภาพลักษณ์อีกต่อไป มีเพียงแสดงได้ดีหรือไม่ดีแต่ไม่มีว่าภาพลักษณ์ดีหรือไม่ดี

นข :  บทที่ไม่หญิงไม่ชายอย่างนั้น ไปเรียนมาจากไหนหรือ?

ผ :  จริงๆแล้วตอนเรียนร้องละครเพลงช่วงนั้นแหล่ะที่ได้มา ได้เรียนร้องละครเพลงมาหลายเดือน ขณะที่เลียนเป็นกระเทยนั้น คุณก็จะบังคับตัวเองบีบตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น ปล่อยตัวไม่ได้ แล้วจะค่อยๆเข้าใจว่าเขาพูดอะไร และสายตาท่าทางจะต้องเป็นอย่างไร

นข : เมื่อกี้ก็ได้เอ่ยถึงไป๋เสี่ยวเหนียนเป็นเลขาที่ผู้บัญชาการรัก แต่ฉากที่เราดูนั้นเห็นแต่ช่วงที่เขาถูกผู้บัญชาการลงโทษเท่านั้น หรือว่าฉากถูกตัดทิ้ง?

ผ :  ตัวผมเองก็รู้สึกว่าสั้นเหมือนกัน แม้ในเรื่องนั้นผมพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าผมมีผู้หนุนหลัง แต่ผมไม่เคยเห็นผู้บัญชาการเลย วันแรกที่ผมเห็นท่านก็ตอนที่ถูกตีที่สระ วันนั้นที่ถ่ายนั้นถ่ายจนจวนจะสว่างเลย ทั้งเหนื่อย ทั้งหนาว ครั้งแรกที่เจอท่านผมเองก็คิดว่าอยากจะทักทายท่านหน่อย แต่ว่าแส้ของท่านนั้นก็ได้ตีลงมาแล้ว ท่านมาก็มาตีจริงๆ ทำให้ผมตกใจหมด แส้ตีถูกหูของผม ทำให้หูผมเอื้อไปเลย แต่ทางผู้กำกับก็ไม่ได้หยุด ผมเองก็ไม่กล้าเอ่ยปาก ก็เลยถูกตีอยู่ที่นั่นแหล่ะ ตีเสร็จท่านก็ไป...

นข :  แต่ในเรื่องนั้นมองไม่ออกว่าเขาเป็นคนที่ผู้บัญชารัก ?

ผ :  ผมคิดว่ามันอาจเป็นความรู้สึกที่ซ่อน อาจจะไม่โจ่งแจ้ง เดิมทีในเรื่องนั้นมีอยู่ฉากหนึ่ง เป็นฉากที่หวนถึงสิบปีที่แล้วของไป๋เสี่ยวเหนียน เป็นช่วงวัยที่แรกหนุ่มของเขา มีตอนหนึ่งที่เป็น(ยิ๋วเหนียจิงม่ง) ทั้งฉากนั้นเกือบหกนาที เป็นเวลาที่ประชุม เป็นช่วงวัยรุ่น คือบทที่อาจารย์อิงต๋าแสดง ตอนนั้นพุงเขายังไม่ใหญ่ขนาดนี้ ตอนหลังในเรืองนั้นท่านได้ใส่พุงปลอมแสดง เพื่อให้เห็นถึงอายุของท่าน ท่านพาผู้บัญชาการมาชมละครเพลง ในฉากนี้ทั้งบนเวทีและข้างล้างนั้นเต็มไปด้วยพลุไฟ ได้เห็นถึงภูมิหลังของไป๋เสี่ยวเหนียน หากว่าฉากนี้ไม่ตัดทิ้ง ผมจะคิดว่าแท้จริงท่านเป็นผีหรือเปล่า ทำไมลึกลับมาก

และตอนนี้ก็ยังมีฉากหนึ่งที่ถูกตัด ก็คือฉากวันแรกที่พวกเราไปที่ซานจวน ที่นั่นพวกเขากำลังร้องเพลงสมัยราชวงค์ถัง วันแรกที่ไปถึงที่นั่นก็ได้วิเคราะห์สถานการณ์ดู ดูว่าใครที่สามารถช่วยเขาได้มากที่สุด ก็คิดถึงไป๋เสี่ยวเหนียน แล้วเขาก็ได้วิ่งไปห้องของไป๋เสี่ยวเหนียน จริงๆแล้วฉากนี้ก็มีเรื่องราวเยอะ ท้ายสุดถูกตัดทิ้งก็เหลือแต่ฉากที่รุนแรงๆ

นข :  แล้วได้ฝึกซ้อมร้องละครเพลงมาหลายเดือน แต่กลับเข้าฉากไม่กี่ฉาก

ผ :  เหตุการณ์หวนคิดอดีตของไป๋เสี่ยวเหนียนได้ตัดทิ้ง ก็เหลือเพียงเขาที่ดึงผมหงอก น่าจะนาทีครึ่ง

นข :  เรียนร้องละครเพลงยากไหม

ผ :  ยากมากๆ ยากกว่าที่คิดไว้อีก

นข :  แต่ว่าเมื่อกี้ได้ยินว่าร้องได้ดีมาก

ผ :  ผมได้ทุ่นเทเป็นอย่างมาก บวกลบคุณหารแล้วก็เกือบสี่เดือน

นข :  ตอนนี้หลายคนล้วนเลียบแบบท่าทางคุณในหนัง ไม่เชื่อว่าคุณจะแมน แล้วตัวเองรู้สึกไหมว่านั่นเป็นความสำเร็จของการแสดงเท่านั้น?

ผ :  ผมคิดว่าน่าจะเป็นความสำเร็จของผู้เขียน เพราะบทเดิมนั้นไม่มีสีสันมากขนาดนี้ แต่ทางอาจารย์เฉิงนั้นได้เติมรสชาติให้กับบทของไป๋เสี่ยวเหนียน รวมถึงคำพูดที่จะพูดด้วย เมื่อดูตัวบทแล้วก็ยังรู้สึกขนลุก ผมเชื่อว่าท่านเองคงทำการบ้านมาเยอะ รวมทั้งอาจารย์ที่สอนร้องละครเพลงของผมยังชมว่าเป็นบทที่สมจริง ทำเหมือนกับกระเทยที่ท่านได้รู้จัก ไปไหนก็พกผ้าเช็ดหน้า ก่อนจะนั่งก็ต้องเช็ดสองที หากว่าบทของไป๋เสี่ยวเหนียนเป็นที่ประทับใจแล้ว ผมคิดว่าเป็นความสำเร็จของอาจารย์เฉิงมากกว่า

นข :  ถ่ายทำเฟิงเซิงจบแล้ว สิ่งที่ได้รับที่มีคุณค่าที่สุดคืออะไร?

ผ: ตลอดเวลาที่ถ่ายทำนั้น ได้เติบโตเรียนรู้ในท่ามกลางความกดดัน พูดตรงๆว่าบทไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นยากแก่การแสดง ทั้งน้ำเสียงลีลาการพูด หลายอย่างนั้นมันไม่ได้เป็นเหมือนสมัยนี้อย่างเราแล้ว ฉะนั้นตอนนั้นก็พยายามไปหาอาจารย์ทำความเข้าใจกับมัน ว่าคำพูดเหล่านั้นควรพูดอย่างไร เสียงต้องเน้นจุดไหน ตอนหลังก็ต้องปากกัดตีถีบที่จะฟัดกับมัน แล้วมาถึงวันนี้ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างนี้นั้น มันคิดไม่ถึงจริงๆ และตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับผมแล้ว เป็นการพัฒนาเทคนิกการแสดงผมมากกว่า เพราะไม่เคยได้รับบทอย่างนี้มาก่อนเลย ก็ยังหวังว่าอนาคตจะมีบทที่ท้าทายอย่างนี้ในงานภาพยตร์

นข:  แสดงบทขวัญใจกับแสดงบทที่ต้องใช้ฝีมือเทคนิกนั้น อย่างไหนมันสนุกกว่ากัน?

ผ:  แน่นอนก็อย่างนี้ ภาพยนตร์ในอนาคตก็น่าจะเดินเส้นทางนี้ เพราะตัวละครของภาพยนตร์นั้นพลิกผลันมากมาย ในละครทีวีนั้นยากมากที่จะหาบทอย่างไป๋เสี่ยวเหนียน ที่ออกมาแล้วสามารถจะเป็นที่ประทับใจแก่ผู้ชม

นข:  ต่อจากนี้มีผลงานอะไรที่จะต้องถ่ายทำต่อ?

ผ:  ต่อจากนี้ก็คงพักผ่อนก่อน เพราะเรื่องเฟิงเซิงได้ถ่ายทำตลอดเวลา เมื่อถ่ายฉากสุดท้ายที่ไต้หวันก็ถือโอกาสพักผ่อน ก็จะใช้เวลาคิดว่าอนาคตจะทำอย่างไรต่อไป


339
News http://news.xinmin.cn/rollnews/2009/10/12/2709854.html
Thanks, http://tieba.baidu.com/f?kz=654348611



2009-10-12 สัมภาษณ์โหย่วเผิง แพ้ ใช่ว่าเสียศักดิ์ศรี  ขลาด ถึงจะเสียศักดิ์ศรี


ยังจำได้ว่าปลายปีที่แล้วมีการโฆษณาเรื่องเฟิงเซิง ผู้ที่จะมารับบทเป็นไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นไม่เปิดเผยว่าเป็นใครมาตลอด จนกระทั่งก่อนเวลาจะเปิดกล้องไม่กีนาทีถึงจะรู้ว่าเป็นโหย่วเผิงเองที่รับบทนี้ และด้วยตัวเขาที่รับบทนี้นำมาซึ่งความสนใจจากบรรดาคอหนังต่างประเทศ  โหย่วเผิงยิ้มแล้วกล่าวอย่างคลึ๋มว่า “ อย่าล้ออีกเลย บุคลิกความเป็นแมนของผมนั้นคงไม่ต้องสงสัยกัน ผมเข้าสู่วงการก็เกือบยี่สิบปีแล้ว..”

ยังจำได้ว่าปลายปีที่แล้วมีการโฆษณาเรื่องเฟิงเซิง ผู้ที่จะมารับบทเป็นไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นไม่เปิดเผยว่าเป็นใครมาตลอด จนกระทั่งก่อนเวลาจะเปิดกล้องไม่กีนาทีถึงจะรู้ว่าเป็นโหย่วเผิงเองที่รับบทนี้ และด้วยตัวเขาที่รับบทนี้นำมาซึ่งความสนใจจากบรรดาคอหนังต่างประเทศ จากวันนั้นถึงวันนี้ดูเหมือนพริบตาเดียวภาพยนตร์เรื่องเฟิงเซิงก็ออกฉายไปแล้วสองอาทิตย์ และไป๋เสี่ยวเหนียนที่โหย่วเผิงเล่นนั้นได้รับความสนใจจากคอหนังเป็นพิเศษ แม้กระทั่งผู้กำกับระดับโลกยังเอ่ยชมว่า “บทไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นเป็นบทที่เกิดความคาดหมายของเรา ทุกครั้งที่ผู้ชมได้เห็นฉากของตัวละครนี้ก็จะมีเสียงปรบมือดังขึ้น”

การไปโปรโหมดครั้งสุดท้ายของทีมงานที่กวางโจว นักข่าวได้มีโอกาสสัมภาษณ์พูดคุยกับโหย่วเผิง ได้ถามว่าทำไมตอนนั้นถึงได้ตัดสินใจเลือกที่จะเล่นบทอย่างนี้ โหย่วเผิงตอบโดยใช้คำพูดจากภาพยนตร์เรื่อง(เหม่ยหลันฟาง) ว่า “แพ้ ใช่ว่าเสียศักดิ์ศรี ขลาดถึงจะเสียศักดิ์ศรี


(ลาก่อนอู่อาเกอ)

“ขอให้ชื่อเสียงเกียรติยศต่างๆทิ้งไหลไปกับสายน้ำ”

เมื่อเผชิญหน้ากับโหย่วเผิงที่ไว้หนวดคราวเล็กๆน้อยๆ และเรื่องราวที่จะพูดนั้นไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากไหนดี เมื่อตอนเป็นวันรุ่นแรก โหย่วเผิงก็เป็นขวัญใจของผมคนหนึ่ง หลังจากเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว เขาก็ได้เป็นราชาขวัญใจหนึ่งในสี่ของไต้หวัน ชอบฟังเพลงของเขาตลอดมา ดูภาพยนตร์องค์หญิงกำมะลอที่เขาแสดง และเขาได้คิดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ที่จะมาปรับถ่ายอีก ก็เคยเลียบแบบที่จะเป็นอู่อาเกอ และเรื่องการที่จะมาปรับถ่ายอีกรอบในสถานีหูหนันนั้นมีความรู้สึกอย่างไร

“ภาพยนตร์ที่ดังนั้นจะนำมาปรับถ่ายทำอีกรอบนั้นมันคงทำได้ไม่ง่าย เพราะหลายๆอย่างนั้นมีซึมเขาไปในชีวิตของคนแล้ว ..อย่างไรก็ตามจำเป็นจะต้องระมัดระวังในการที่จะทำ” (ได้ข่าวว่าจะให้ยี่ผิงหมิงมารับบทเป็นอูอาเกอ คุณคงเคยได้ฟังเรื่องการถกเถียงกันกับเรื่องเก่าที่เขาเคยแสดง รู้สึกเสียใจบ้างไหม?)  “ผู้ที่จะเสียใจน่าจะเป็นน้าจิงเหยามั้ง” แม้จะพูดอย่างนี้ แต่โหย่วเผิงก็สนับสนุนการทำหนังองค์หญิงกำมะลอภาคใหม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่สำคัญคือจะต้องทำให้ดีกว่าเดิม “ผมก็อยากจะเห็นความสำเร็จนี้เหมือนกัน เมื่อทำเสร็จแล้ว ก็ยังสามารถให้เหล่าหนุ่มสาวสมัยนี้ได้ชมอีกครั้ง”

หากว่าวัยรุ่นในสมัยนี้อู่อาเกอในใจพวกเขาเป็นอี๋ผิงหมิง แล้วโหย่วเผิงที่อยู่ในใจของทุกคนล่ะ หรือว่าจะให้คนอื่นคิดถึงไป๋เสี่ยวเหนียน? โหย่วเผิงตอบ “ภาพลักษณ์ของผมที่อยู่ในใจของพวกคุณนั้นเป็นอู่อาเกอตลอดมา แท้จริงผมเติบโตตั้งนานแล้ว ผมเป็นผุ้ใหญ่แล้ว ก็ขอให้ชื่อเสียงต่างๆนั้นให้มันไหลไปกับน้ำก็แล้วกัน”


(มาต้อนรับไป๋เสี่ยวเหนียน)

“บทบาทนี้ผมไม่เอา แต่คนส่วนใหญ่พวกเขาเอา”

น่าจะพูดว่าไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นมาได้เหมาะกับจังหวะพอดี แม้จะรอนานพอสมควร แต่ท้ายสุดก็มาแล้ว “หลังจากอู่อาเกอแล้ว” โหย่วเผิงไม่ได้ฉวยนาทีทองในการสร้างความคืบหน้า รับเป็นบทของขวัญใจวัยรุ่น เพื่อก้าวสู่ขวัญใจวัยรุ่นระกับชาติ แต่เขากลับเลือกที่จะรอคอย เขาหยุดไม่รับถ่ายหนังไปนานพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือละครทีวี

“มีบทมากมายเข้ามาให้พิจารณา แต่เมื่ออ่านดูแล้วรู้สึกไม่ค่อยชอบ ผมต้องการความท้าทาย” เมื่อบทไป๋เสี่ยวเหนียนมายื่นให้เขา เริ่มแรกที่โหย่วเผิงและผู้กำกับก็รู้สึกลังเล และกังวลใจ แต่ว่าโหย่วเผงลังเลใจไม่กี่วันก็ได้ตัดสินใจตอบรับ เพราะว่า บทนี้ผมอาจไม่เอา แต่หลายคนอยากเอา” น้ำเสียงอารมณ์ของเขานั้นก็ไม่ต่างจากน้ำเสียงอารมณ์ของไป๋เสี่ยวเหนียนในเรื่อง

มีประโยคหนึ่งในเรื่อง (เหม่ยหลันฟาง)ว่า “แพ้ ใช่เสียศักดิ์ศรี ขลาด ถึงเสียศักดิ์ศรี” สุดท้ายเมื่อออกฉายแล้วมันเกินความคาดหมายของทุกคน ทุกประโยคที่ผมได้พูดในเรื่องเฟิงเซิง ผู้ชมก็สนุกไปด้วย ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนหลังมาคิดดู หรือว่ามันเป็นเพราะมันแตกต่างจากนิสัยบทในอดีตของผมเกินไป”

เนื่องจากตอนท้ายภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ตัดฉากออกไปเยอะ ฉากที่โหย่วเผิงร้องละครเพลงก็แทบจะไม่มีในเรื่อง และแล้วก็ให้โหย่วเผิงมาแสดงสดตรงนี้ให้กับพวกเราดู ดูแล้วก็รู้ว่าแท้จริงแล้วมันไม่ได้เป็นการร้องรำที่เราเคยดูมาอย่างนั้นเลย แต่เป็นการร้องรำที่พิเศษมาก โหย่วเผิงแสดงไปด้วยพูดไปด้วย “ดูซิ ทำมืออย่างนี้ก็จะเหมือนกับดอกกล้วยไม้ดอกหนึ่ง ฉะนั้นเลยเรียกว่ามือดอกกล้วยไม้” เพื่องานนี้เขาได้ซ้อมทั้งมือ ทั้งตัว ทั้งเสียงมานานพอสมควร แม้แต่อาจารย์สอนยังชมว่า “โหย่วเผิง ฝีมือระดับนี้ของคุณนั้นสามารถนำไปทำมาหากินได้เลย”

ตัวเขาเองก็ได้ใจมาก “ผู้ชายนั้นมีหลายแบบ แต่ที่จะมีความสำเร็จนั้นไม่มาก นอกจากในเหม่ยหลันฟางกับจางก่อหยงแล้ว ผมกล้าพูดว่าไป๋เสี่ยวเหนียนเป็นคนที่สาม ใช่ว่าทุกคนจะกล้าทำอย่างนี้ บางคนทำอย่างนี้แล้วจะไม่สบายใจเลยก็มี”

ผมจะขอยกตัวอย่างคำถามจากผู้ชมบางคนที่ได้ถามโหย่วเผิงอย่างนี้ “คุณแสดงได้ดีมากๆ คุณไม่กลัวคนอื่นจะว่าคุณเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันหรือ?” โหย่วเผิงยิ้มแล้วตอบ “อย่าล้อเล่นอีกเลย บุคลิกของผมนั้นใครๆก็รู้ๆกันอยู่ ผมเองก็เข้าสู่วงการมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว...”


(รอคอยหูหลันเฉิง)

“เมื่อมีคนเขียนบทขึ้นมา ผมก็แสดงไป น่าจะไม่ผิดนะ”

แม้กระทั่งบทไป๋เสี่ยวเหนียนบทที่น้อยอย่างนี้เขาเองรอจนได้เล่นจนได้ เขากล่าวว่าแม้ตอนนี้จะออกจากวงการแสดงก็ถือว่าไม่เสียดายแล้ว แล้วต่อจากนี้ไป เป้าหมายของโหย่วเผิงจะว่างเปล่า หรือจะอยากกว่าเดิม คำตอบต้องติดตามต่อไป “ ก่อนจะสี่สิบนั้น ผมอยากจะมีชีวิตที่สองของตัวเอง การพูดว่าจะลาจากวงการก็ไม่เสียดายนั้น เป็นการพูดที่ไม่ยึดติดกับวงการแสดง เพราะน่าจะไม่มีบทที่สนุกไปกว่าบทไป๋เสียวเหนียนอีกแล้วมั้ง หากไม่มีก็ไม่เป็นไร ผมรอได้ ระยะนี้มีหลังจากที่ผู้ชมดูเฟิงเซิงแล้ว บอกว่าผมสามารถไปเล่นเรื่องหูหลันเฉิงได้ และพูดว่าผมมีบุคลิกเหมือนคนในสมัยนั้น หากว่ามีความจะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ผมก็ยินดีแสดง ก็ไม่เลวนะ” ดูจากตรงนี้ให้เห็นว่าอนาคตโหย่วเผิงคงกลับไปเล่นหนังแนวโบราณ ด้วยเหตุนี้ เขากล่าวว่าจำต้องฝึกสายตา สามารถที่จะไม่ให้เห็นถึงว่ากำกังคิดอะไรอยู่ ขอทุกคนเชื่อมั่นในฝีมือการแสดงของเขา
 
(รอคอยคู่ชีวิต)

“ผู้หญิงที่ผมชอบนั้น ถ้าไม่จูลี่ชิง ก็จะเป็นหลิวเจียหลิน”

ช่วงเวลาที่ต้องรอคอยนั้น โหย่วเผิงก็ไม่ได้เหงาหลอย “ผมจะของอยู่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัว หากมีเวลาก็จะไปเยี่ยมเพื่อนสมัยเรียน พวกเขาล้วนบ่นว่าผมมาปักหลักอยู่จีนจนไม่ได้ข่าวคราวเลย หากว่าผมจะโทรไปคุยกับทุกคนนั้น คงจะรับแบกค่าโทรไม่ไหว” มักจะชอบใช้ชีวิตที่เงียบๆมาตลอด  สำหรับเรื่องราวความรักของเขาก็เช่นกัน “ผู้หญิงที่ผมชอบนั้นจะอย่างจูลี่ชิงที่มีความเสียสละ หรือเหมือนกับหลิวเจียหลินที่เข้าใจคนอื่น”

เคยกล่าวว่าช่วยวัยเด็กของเขานั้นได้หายไปเกือบครึ่ง และตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ไม่ง่ายที่ได้รับบทที่สนุก ก็กำลังอยู่ในช่วงวัยที่สองของเขา ตอนนี้นั้นยังไม่มีการวางแผนที่จะกลับสู่ครอบครัว หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยอมทำลายภาพลักษณ์ของเขาไป ไปรับบทที่ไม่เหมาะกับใบหน้าที่เป็นเด็กอย่างเขาเลย ผมคิดว่าสำหรับโหย่วเผิงแล้ว เข้าสู่วงการเร็วเกินไป แล้วถึงจุดสูงสุดในชีวิตเร็วไปด้วย ทำให้ไม่ค่อยสนุกกับหลายเรื่อง ในเมื่อเขากล้าที่จะไปเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเขา ทำไมเราถึงไม่ใช้มองมองใหม่ไปมองเขาล่ะ

ก่อนนี้ ผู้จักการเราได้ไปดูภาพยนตร์เฟิงเซิงที่ปักกิ่ง แล้วกลับมาเล่าให้เราฟังว่า  ค่ายหัวอี้ได้จัดหวงเสี่ยวหมิงกับโหย่วเผิงคู่กัน บรรดาพี่ป้าหน้าอาที่ได้เห็นโหย่วเผิงก็รีบปรบมือเรียกร้องว่า “ไป๋เสี่ยวเหนียน ไป๋เสี่ยวเหนียน” เห็นเพียงโหย่วเผิงที่รีบทำท่าทางร้องรำละครเพลง ท่าทางนั้นไม่ต่างจากกระเทย แล้วน้ำเสียงที่อ่อนหวาน ทำให้คนในงานนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะหลายคนได้พูดว่า โหย่วเผิงคงถูกไป๋เสี่ยวเหนียนสิงร่างแล้ว

หากคนคนหนึ่งอิงกับบทมากไปนั้น ก็จะเมื่อเวลาพูดถึงบทของตัวเองนั้นก็จะกินเวลาไปเยอะมาก โหย่วเผิงก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาไม่หยุดที่จะคุยถึงเรื่องเขากับไป๋เสี่ยวเหนียน และคำพูดหลายคำ หลายๆประโยคนั้นโหย่วเผิงก็พูดกับสื่อซ้ำๆวกไปวนมา แต่ทุกครั้งที่พูดนั้น ก็ได้เห็นถึงสีหน้าที่ดีใจของเขา และอีกด้านหนึ่งนั้น เขาเองก็ย้ำว่าเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว หรืออาจเป็นเพราะเขาเข้าสู่วงการนานแล้ว หน้าตาน้ำเสียงของเขานั้นได้แสดงออกมาให้เห็นถึงภาพของไป๋เสี่ยวเหนียนในเรื่อง

อย่างไรก็ตามฉันเองจำได้เพียงโหย่วเผิงที่เป็นขวัญใจ มีรอยยิ้มที่เบิกบาน ภาพลักษณ์ที่เดียงสา กับผู้ชายตรงหน้าที่ไว้หนวดคราวเล็กน้อยนั้นฉันไม่ค่อยคุ้นเลย เหมือนเป็นคนละคน อย่างไรก็ตามโหย่วเผิงเขาพูดได้ถูกต้องว่าพวกเราล้วนโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว



340
Magazine Interviews-China / 2009 iLady
« เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 10:07:13 PM »
Thanks, http://tieba.baidu.com/f?kz=672719539

บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จากนิตรสาร  iLady  ฉบับเดือน ตุลาคม  2009   (15 ตุลาคม 2009)


หน้า: 1 ... 15 16 [17] 18 19 ... 21