แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Chotiga

หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 12
101
BSYP Fan Actions / ซูโหย่วเผิง : Su You Peng lovely toon
« เมื่อ: มกราคม 18, 2014, 05:07:05 PM »

102
 :) ;) :P เคยสัญญากับตัวเองไว้ ::) ;) :)



      :P เคยสัญญากับตัวเองไว้
อย่าได้รักใครจนใจจะขาด
แต่ชีวิตไม่เป็นเหมือนดังวาด
ฉันเหมือนใจจะขาดเพราะรักเธอ


           :P เคยสัญญากับตัวเองไว้
     อย่าสบตากับใครให้พร่ำเพรื่อ
     แต่หัวใจดื้อรั้นดันไม่เคยเชื่อ
     อยากสบตากับเธอพร่ำเพรื่อทุกเวลา


               :P เคยสัญญากับตัวเองไว้
          จะไม่ปลาบปลื้มใครจนออกนอกหน้า
          แต่ไม่เคยทำได้ตามคำสัญญา
          ก็ปลื้มเธอจนออกนอกหน้าทุกที


                    :P เคยสัญญากับตัวเองไว้
               จะไม่คิดถึงใครมากมายขนาดนี้
               แต่หัวใจไม่เคยเชื่อฟังซักที
               คิดถึงแต่เธอคนนี้จริงจริงจังจัง






 :P ::) :o  วันนี้เอาไว้เท่านี้ก่อน  ไว้วันหลังมาต่อใหม่........อิอิ   :P ::) ;D

103
 ::) :P :o ไกล.......   :o ::) :P

เวลาที่คนเราเอื้อมมือไม่ถึงกัน
ไม่ได้หมายความว่า
หัวใจไม่ถึงกันไปด้วย
ท้องฟ้าอาจทำให้เรารู้สึกห่างไกลกันได้
แต่ท้องฟ้าทำให้หัวใจคนเราไกลกันไม่ได้
เพราะในหัวใจของคนเรามี.....ความรัก



และความรักนั้น
จะเชื่อมโยงทุกระยะทางให้มาอยู่ใกล้กันได้เสมอ
และจะรั้งสายใยที่แน่นหนาให้คนทั้งสองคน
เข้ามาใกล้ชิดกันตลอดเวลา
ไม่ต้องออกแรงเดิน  ไม่ต้องมีแรงดึง
ไม่ต้องเหนื่อยในการติดตาม
ต่างคนต่างรู้สึกมั่นคงอยู่ในวิถีของมันเอง
เกลียวของความผูกพันจะแข็งแรงพอ
ที่จะไม่ให้ใครอีกคนหลุดออกไปจากวงจรของระยะทาง
หรืออารมณ์ที่อ่อนไหว
แม้ในเวลาที่ไม่อาจนั่งอยู่ตรงหน้าเพื่อสบตา
หรือมือทั้งสองข้างไม่อาจเกาะกุม
หรือต่อให้ไกลแสนไกล
แต่ในความรักนั้น.....ใกล้กันเสมอ
และไม่มีที่ไหนในโลก
ที่ความรักจะตามไปไม่ถึง...




 ::) :P :o :-[

104
 :) ;D ::) :P อยู่ที่ไหน ไม่เคยสุขใจ เหมือนอยู่บ้านเรา   :P ::) ;D :)

    หายจากบ้านไปหลายวัน  แวะเข้ามาด้อม ๆ มอง ๆ จด ๆ จ้อง ๆ ความจริงมีสิ่งต่าง ๆ ในใจมากมายที่อยากเขียนในบ้านน้อยหลังนี้  แต่การเขียนในสิ่งที่อยู่ในใจทั้งหมด  บางครั้งมันก็ยากเหมือนกัน  อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วก็มัวแต่เถลไถลแวะไปห้องโนั้นทีห้องนี้ที  ผ่านห้องไหนก็อดไม่ได้ที่จะแวะเข้าไปชื่นชมความสวยงามห้องแต่ละห้อง  จนหมดเวลาไปในแต่ละวันทุกที  วันนี้ก็เลยต้องยอมตัดใจไม่แวะเข้าไปในห้องไหนทั้งนั้น  แวะมารดน้ำต้นไม้  ให้ปุ๋ย  เติมฮอร์โมนพืชให้ต้นไม้เสียหน่อย เพราะอย่างไรก็ยังอยากให้ต้นไม้แห่งรักต้นนี้เจริญงอกงามออกดอกผลให้พวกเราชาวบ้านเผิงได้ชื่นชมความสวยงามไปอีกนานเท่านาน.



     หากจะเปรียบมิตรภาพ เป็นดั่ง ดอกไม้แสนงาม
พื้นดินก็เปรียบได้ดัง  ความมั่นคง และแหล่งอาหาร เพื่อให้ต้นไม้ยืนอยู่ได้
หยาดน้ำที่ใช้ราดรดหล่อเลี้ยง  เปรียบได้ดัง ความจริงใจ ที่ต้องมีให้แก่กัน
ปุ๋ยที่ต้องใส่  เปรียบได้ดังความใส่ใจที่ต้องหมั่นเติมเพื่อบำรุงให้ดอกไม้ผลิบาน
หัวใจทั้งดวง เปรียบเป็นกระถางห่อหุ้มดิน เพื่อ ปลูกต้นไม้
ดอกไม้แสนงาม แห่ง มิตรภาพ คงไม่สามารถ คงทน อยู่ได้
หากขาดดินแห่งความมั่นคงในการคบหา
หากขาดหยาดน้ำแห่งความจริงใจ คอยราดรดให้ชุ่มชื้น
หากขาดปุ๋ยแห่งความใส่ใจ  คอยบำรุงให้งอกงามสมดังใจ
และไม่อาจคงอยู่ได้ หากขาด หัวใจ ที่เป็นกระถาง ที่คอยโอบอุ้ม
หากคิดจะปลูกต้นไม้ แห่ง มิตรภาพ แล้ว
อย่าได้ละเลย ละทิ้ง หากต้องการให้ต้นไม้นั้น ยังคงอยู่..




         สัญญากับตัวเองเสมอ  จะดูแลรักษา "ต้นไม้แห่งรัก "  ที่เป็นต้นกำเนิดมิตรภาพอันแสนงามของพวกเราต้นนี้ให้ดีที่สุด  จะหมั่นมารดน้ำ  พรวนดิน  ใส่ปุ๋ย  ให้ฮอร์โมน  เติมความรัก  เติมความปรารถนาดี  เติมความผูกพัน  ให้กับต้นไม้มิตรภาพต้นนี้ไปตราบนานเท่านาน.


 ::) :P :-* ???

105
  ??? ::) :P :) ;) :D ;D  บ้านเผิงคือวิมานที่มีจริงบนโลกมนุษย์   ;D :D ;) :) :P ::) ???


 
     บ้านเป็นทุกอย่างแห่งความสุข
     
ความหมายของบ้าน
               บ้านเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ให้ความรัก ความอบอุ่น ความปลอดภัย เป็นศูนย์รวมของสมาชิกทุกคนในครอบครัวที่จะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน 
               ครอบครัว หมายถึง หน่วยหนึ่งของสังคม ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไปอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ให้การศึกษา อบรมเลี้ยงดู
ความหมายของคำว่า บ้าน ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตสถาน บ้าน ความหมาย ที่อยู่อาศัย สิ่งปลูกสร้างสำหรับเป็นที่อาศัย เช่น บ้านพักตากอากาศ บ้านเช่า โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างสำหรับใช้เป็นที่อาศัยซึ่งมีเจ้าบ้านครอบครอง และหมายรวมถึง แพ หรือ เรือ ซึ่งจอดเป็นประจำ
                ความสำคัญของครอบครัว ให้การศึกษา อบรมเลี้ยงดู ถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆและสร้างเสริมประสบการณ์ต่างๆ ให้กับสมาชิกที่อาศัยอยู่ร่วมกัน ตั้งแต่เกิดจนเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ให้ความรัก ความเมตตา การเอาใจใส่ ห่วงใย อาทร สร้างความเข้าใจ พยายามเข้าใจ และสร้างสมาชิกในครอบครัวให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่สังคมต้องการ

 
 

บ้าน…คือวิมาน
บางครั้งเราก็เหมือนนกที่โบยบินออกจากรัง
บินเล่น…บินไปทุกแห่งทุกหนในโลกกว้าง
แต่ไม่นานเราก็พบว่า
บ้านคือสถานที่อันอบอุ่นของเรา
วันที่เราร้องไห้ …บ้านก็เป็นที่ฟูมฟัก
บ้านเป็นที่รองรับน้ำตา
ไม่ว่าจะจากอะไรก็ตาม
บ้านคือความอบอุ่นเสมอ
บ้านที่แสนอบอุ่น
บ้านคือที่ซุกตัวลงนอนยามที่ต้องการ
ไออุ่น หรือยามที่แสนเศร้า
หรือยามที่ เงียบเหงา
บ้านคือสิ่งที่เป็นกำลังใจความท้อแท้หมดไป
อยากจะทำอะไรก็ได้
ภายใต้อิสรเสรีทั้งหลาย
บ้านคือที่สร้างทางเสรีให้เรา
เหมือนดังนกเริงไพร
เหมือนสายน้ำฉ่ำเย็น
เหมือนที่ระบายทุกข์
เหมือนที่ซุกตัวอบอุ่นเวลาสุข
บ้านสุดที่รักแห่งเดียวในโลก
ที่แสนซื่อสัตย์….โอ้ บ้านของเรา.




www.Baansuyoupeng.com  ของพวกเราทุกคนเป็นบ้านแบบนี้  เป็นบ้านในฝัน  เป็นวิมานที่มีอยู่จริงบนพื้นโลก  เป็นที่พักพิงให้ความอบอุ่น  เป็นที่คุ้มภัยยามทุกข์ท้อ  เป็นที่ผ่อนคลายยามเหนื่อยล้าอ่อนแรง  เป็นุทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกคนต้องการ  และขอให้บ้านใหญ่ของเราหลังนี้........เป็นเช่นนี้ตลอดไป.

 ??? ::) :P :) ;) :D ;D

106
::) :P ::) :P ??? “ขอบคุณ......ที่รักกัน”   ??? :P ::) :P ::)



ขอบคุณ..ที่เราได้รู้จักกัน
ขอบคุณ..ที่ให้ฉันนั้นโทรหา
ขอบคุณ..ที่มีใจให้เวลา
ขอบคุณ..ที่ไม่ว่ายามรบกวน

ขอบคุณ..ที่ให้ฉันนั้นได้รัก
ขอบคุณ..ที่ไม่หักใจเหหวน
ขอบคุณ..ที่มีใจไม่เรรวน
ขอบคุณ..ที่ฉันป่วนให้อภัย

ขอบคุณ..ที่เธอไม่ดุด่า
ขอบคุณ..ที่ไม่เคยว่าร้ายให้
ขอบคุณ..ขอบคุณด้วยหัวใจ
ขอบคุณ..ที่เธอให้คำสัญญา




ขอบคุณ..ขอบคุณและขอบคุณ
ขอบคุณ..ที่ไม่หุนหันหนีหน้า
ขอบคุณ..ทีเธอยังให้เวลา
ขอบคุณ..ที่ให้ใจไว้ทั้งดวง

ขอบคุณ..ที่ให้ฉันยังเคียงใกล้
ขอบคุณ..ที่หัวใจยังหวงห่วง
ขอบคุณ..ที่เคยให้เกี่ยวแขนควง
ขอบคุณ..สิ่งทั้งปวงจากใจจริง

ขอบคุณ..ไม่มองฉันนั้นไร้ค่า
ขอบคุณ..ที่ผ่านมาไม่ทอดทิ้ง
ขอบคุณ..ที่ไม่หวั่นพลันประวิง
ขอบคุณ..ที่ไม่ทิ้งให้วิงวอน

ขอบคุณ..แม้ฉันงี่เง่าจนเกินรับ
ขอบคุณ..ที่ยังนับฉันไว้ไม่ถ่ายถอน
ขอบคุณ..ที่ไม่พรากลาจากจร
ขอบคุณ..คำหวานอ่อนสะท้อนทรวง




ขอบคุณ..สุภาพบุรุษสุดที่รัก
ขอบคุณ..ที่ไม่หักให้หาและลาร่วง
ขอบคุณ..ด้วยดวงใจให้ทั้งดวง
ขอบคุณ..สรวงสวรรค์สรรเธอมา

ขอบคุณ...ที่โลกนี้มีความรัก
ขอบคุณ...ยิ่งนักขอบคุณฟ้า
ขอบคุณ...ที่ให้เราได้พบพา
ขอสัญญา  จะรักษา  รักนิรันดร์.


<a href="http://www.youtube.com/v/?v=Ohi_YT7Bxd4" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/?v=Ohi_YT7Bxd4</a>

 ::) :P ::) :P ???

107
 :) ;D ::) :P “ขอบคุณโอกาสที่ให้ได้รัก” :P ::) ;D :)




ขอขอบคุณ “โอกาส” ที่ให้ได้เจอ “รัก”
เป็นที่พักพิงใจในยามเหงา
มอบโอกาสมากมายมาบรรเทา
ความโศกเศร้าเก่าก่อนที่ย้อนมา

ขอขอบคุณ “ความรัก” ที่ฝากถึง
ดุจประหนึ่งน้ำทิพย์ที่ตามหา
คอยชโลมร่างนี้ด้วยเมตตา
ยากพรรณนาหาคำใดให้มาแทน

ขอเพียงให้ได้รักสักนึดหนึ่ง
คงสุดซึ้งตรึงใจไปนานแสน
จะถนอมไว้มิให้ใครดูแคลน
จะหวงแหนรักมั่นนิรันดร์ไป



ขอ “โอกาส” ได้ “รัก” อย่างนี้เถิด
แสนเลอเลิศเจิดจ้าสว่างไสว
อบอุ่นแสนอบอุ่นอยู่ข้างใน
สุขสดใสในคราวคิดถึงกัน

ขอขอบคุณจริงจริงที่ได้รัก
คงประจักษ์รักแท้ที่สุขสันต์
มีโอกาสวาดฝันทุกคืนวัน
ร่วมแบ่งปันความสุขคู่เคียงใจ

ขอเพียงมี “โอกาส” ให้ได้ “รัก”
ได้ตระหนักคุณค่าราคาฝัน
ได้ใช้เป็นแรงบันดาลใจให้แก่กัน
ขอบคุณโอกาสให้ได้รักกันเท่านั้นพอ.


 :P ::) :P ::) :P ::)

108
 :) ;D :P มุ่งมั่นตั้งใจ : ก้าวเดินต่อไปไม่เคยย่อท้อ  :P  ;D :)
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)



        สำหรับเหตุผลในข้อนี้นั้นอยากจะขอยกเอาบทความ ในหลายบทหลายตอนที่มีอยู่แล้วในบ้านเผิงของเรามาประกอบสักเล็กน้อย  เพราะข้อเขียนเหล่านั้นสามารถแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการก้าวเดินบนเส้นทางสายที่โหย่วเผิงได้เลือกแล้วอย่างไม่เคยย่อท้อ  เพื่อน ๆ ลองอ่านดูนะจ๊ะ  แล้วจะมองเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของโหย่วเผิงของพวกเรา
       “ท่านผู้ชมที่เคยรู้จัก ในปี 1988 ซูโหย่วเผิง ได้โด่งดังเป็นพลุแตก จากวง "เสี่ยวหู่ตุ้ย"  ได้เข้าสู่วงการบันเทิง ปี 1997 ได้แสดงละครเรื่อง (องค์หญิงกำมะลอ)  ปี 2009 ได้แสดงหนังเรื่อง The message อาชีพทางด้านการแสดงของเขาสามารถแบ่งเป็น 3 ระดับขั้นอย่างชัดแจ้ง ความสมหวังราบรื่นยังห่างไกลที่จะกล่าวถึงได้ มีเพียงลมๆแล้งๆซึ่งผ่านมาหลายปีแล้ว ความขยันขันแข็งของตัวเขาเองยังโด่งดังมากว่า 20 ปี จนกระทั่งเวลาใกล้ๆนี้ได้รับตุ๊กตาทองฝ่ายชายยอดเยี่ยมในงานภาพยนตร์สากลเมืองม๋าเก๊าอย่างแน่นอน พฤติกรรมแท้จริงของเขาซึ่งผู้คนยังเคยรู้จักเขาแล้วจึงเห็นความหมายของ คำว่า "ยืนหยัด" นี้
         ซูโหย่วเผิง คือนักแสดงคนหนึ่งที่พวกเราชื่นชอบมาก เพราะว่าไม่เพียงเขาคือ “ไกวๆหู่” ใน “วงเสี่ยวหู่ตุ้ย” เพราะว่าไม่เพียงเขาทำการบ้านอย่างดีเลิศ ในปีนั้นเป็นผู้สอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับที่ 5 ของไต้หวันทั้งประเทศ เพราะว่าไม่เพียงแต่เพลงของเขา และไม่เพียงเขาได้แสดงบทบาทเข้ามานั่งถึงจิตใจคนอีกสิ่งสำคัญกว่านี้ความรักอันยิ่งใหญ่ของเขากับบทบาทการแสดงได้เข้าถึงจิตใจผู้ชมอย่างลึกซึ้ง และยิ่งสำคัญกว่านี้เขามีจิตใจที่เมตตา ชอบการกุศล ความเข้าใจการแสดงยังไม่เพียงพอ แต่ว่าผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ได้ตีพิมพ์ลงข่าวเกี่ยวกับการร่วมกิจกรรมการกุศลของเขา คงไม่ใช่เรื่องเท็จแน่นอน
         เป็นนักแสดงนั้น เขาแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมกับพลังอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง เรียกร้องผู้คนกระทำการกุศล ไม่คิดว่าตัวเองเป็นดาราที่ยิ่งใหญ่ แต่คิดว่าการกุศลสมควรที่จะได้รับการแบ่งปัน ให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันตัวเขาเองแอบไปช่วยเหลือคนอย่างมากมายแบบเงียบๆ เรื่องเหล่านี้นักข่าวไม่เคยตีพิมพ์ลงข่าว ผู้คนทั่วไปล้วนเป็น “ผู้ชื่นชอบ ซูโหย่วเผิง “ บุคคลต่างๆมากมายที่เคยรับการช่วยเหลือ ได้ปรากฏพบเห็นเขาทำจนเหงื่อโชกท่วมตัวหนทางการกุศล เขาได้นำพาบุคคลผู้ชื่นชอบ(FC) มุ่งหน้าก้าวสู่หนทางระดับชุมชน
         ซูโหย่วเผิงมักจะถูกเรียกชื่อแทนคำว่า หนุ่มรูปงาม,หนอนหนังสือ,รักเดียว,จอมยุทธ์ ในสายตาของ นักสร้างหนังและผู้กำกับหลายคน แต่ว่าอายุได้ผ่านไป 37 ปีของซูโหย่วเผิง ไม่คาดคิดเรื่องขอบเขตคับแคบ คนอื่นได้หยิบยื่นให้เขาใส่กรอบไว้ ดังนั้นเขาจำใจยกเลิกละครหลายเรื่อง มีใจเป็นหนึ่งเดียวกันตามหาอุดมคติของตนเอง เพราะฉะนั้น พระเอกหนุ่มรูปงามมาก ทุกปีเปิดเผยรายรับแบบไม่เกรงใจ แล้วสร้างสถิติใหม่โดยขณะนั้นบนป้ายบอร์ด-billboard ตัวเองได้รับความนิยม ซูโหย่วเผิง ยอมเก็บแววซ่อนเร้น สิ้นเปลืองเวลามากเพื่อเติมพลังของตัวเอง คัดเลือกบทที่ดีให้แก่ผู้ชมดู ความไม่เหมือนกันของ ซูโหย่วเผิง โดยแสดงรับผิดชอบต่อตัวเอง
         เขายอมทิ้งเงินก้อนโต ตรงกันข้ามกลับใช้แรงกายแรงใจสนับสนุนสาธารณะประโยชน์การกุศล โหย่วเผิง ลดตัวสู่รากหญ้า ไม่สร้างกระแสเหมือนคนอื่นหาเงินแบบเบิกบานใจ แต่เขากลับยอมควักกระเป๋าเงินแบบเงียบๆ คนอื่นมีใจละโมบ เขามีใจรักบุญยิ่งกว่าและยอมจ่าย
         โหย่วเผิงฉลาดจริงจัง ใจดี เขาเข้าใจเปรียบเทียบหลายๆชนบท ซึ่งมีชื่อเสียงมาจากโรงเรียนวิชาหนังละครของนักแสดงทั้งหลาย เขาไม่ใช่มาจากชั้นห้องเรียนหนังละครหรือนักร้อง จำต้องนำออกมาเปรียบเทียบกับนักแสดงคนอื่นยิ่งต้องขยันเพิ่มมากขึ้น การนิ่งเงียบของเขากำลังทำเพื่ออนาคตตัวเอง ยิ่งต้องสร้างพื้นฐานถนนกว้างใหญ่ขึ้น สุภาษิตคน ยูนนานกล่าวไว้ว่า (เทียนกงเถิงฮันเหริน) สวรรค์ชอบคนดีซื่อสัตย์ ก็คนไถหว่าน (ขยันสู้) แบบเงียบๆท้ายสุดสวรรค์จึงเมตตาท่าน”


          ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นข้อเขียนของบ้านเผิง  ต้องขอโทษจริง ๆ ที่ลืมกระทู้จะใช้อ้างอิงให้เพื่อน ๆ เข้าไปอ่านต้นฉบับได้ว่าอยู่ตรงส่วนไหนของบ้าน  จำได้แต่ว่าข้อเขียนนี้เป็นของ “พี่หมิง”  แต่จำไม่ได้จริง ๆ ว่าอยู่หน้าไหน  แต่จากข้อเขียนนี้เชื่อว่าเพื่อน ๆ คงได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการก้าวเดิน และการดำเนินชีวิตของโหย่วเผิงได้เป็นอย่างดี  และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชายคนนี้ติดอยู่ในดวงตาและตรึงอยู่ในดวงใจของพวกเรามายาวนานและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป.




 ::) :P :) ;D

109
 ::) :P ::) :P ฝากหัวใจ  หอบรักไป  ส่งให้ถึงมือเธอ    :P ::) :P ::)



แว่วสายลม พรมพัด สะบัดพลิ้ว
ส่งใจลิ่ว ปลิวไป ไกลหนักหนา
ฝากลมหวน ทวนไป ในนภา
ผ่านฟากฟ้า พาใจ ไปถึงเธอ
เป็นห่วงถึง คะนึงหา อุราหมอง
ได้แด่มอง จ้องดาว พราวเสมอ
ยามห่างไกล ใจเหงา เฝ้าละเมอ
นั่งมองเหม่อ เผลอคิด จิตวกวน
อยากฝากลม ห่มรัก ถักถ้อยคำ
ร้อยลำนำ พร่ำวอน อ้อนสายฝน
ส่งความรัก ภักดีไป ในสกล
ส่งถึงคน บนทางรัก ภักดิ์ผูกพัน
ส่งความรัก ภักดี นี้ไปให้
ไว้ห่มใจ ให้อบอุ่น ละมุนฝัน
อย่าหวั่นไหว ใจฉัน มั่นทุกวัน
รักคงมั่น ฉันรักเธอ เสมอไป.



ปล.  อย่าคิดมากสัมผัสกลอนมันพาไป...........อิอิ

 :P ::) :P ::) ??? :-\

110
 ::) :P :-[ ::) :P :-[ ก้าวแรก.....ของมิตรภาพ :-[ :P ::) :-[ :P ::)



    ก้าวแรกของมิตรภาพอันอบอุ่นคือการเป็นเพื่อน และการเป็นเพื่อนจะทำหน้าที่ของมันเอง ไม่ว่าคุณจะร่ำรวย ยากจน ใหญ่โต เป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ คุณก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ ฉันเชื่อมั่นเสมอในมิตรภาพของความเป็นเพื่อน เพียงแต่คุณเชื่อมั่นว่ามันมีจริง บางคนบอกว่าในโลกนี้หามิตรแท้และเพื่อนแท้ยาก แต่ฉันขอบอกว่าไม่จริง คุณเจอคำนี้ได้ถ้าคุณรู้จักให้โดยไม่หวังผลตอบแทน บางทีคุณอาจจะได้เจออะไรดี ๆ หลายอย่างในชีวิตโดยที่คุณเองก็คาดไม่ถึงที่เดียว อย่างฉันเองก็ได้รับและได้สัมผัสกับคำนี้ เพียงแต่ว่าบางทีเราต้องรู้จักคำว่าเชื่อใจและวางใจใครซักคน
     บางคนมองว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่จริง ๆ แล้วมันมีความหมายและสำคัญกับชีวิตคนเรา ไม่มีใครอยู่บนโลกนี้ได้ด้วยตัวคนเดียวโดยปราศจากเพื่อน และไม่มีใครอยู่ได้โดยไว้ใจแค่ตัวเอง เพราะเราไม่สามารถทำอะไรเองได้คนเดียวโดยทุกอย่าง มิตรภาพไม่ใช่การลงทุน ไม่ใช่ธุรกิจ ไม่มีคำว่าขาดทุน หรือ กำไร มีแต่คำว่าให้ เข้าใจ อภัย วางใจ เชื่อมั่น เชื่อใจ มีคนไม่กี่คนและมีที่ไม่กี่สถานที่ ที่เราอยู่ด้วยแล้วรู้สึกอุ่นใจ อบอุ่น ปลอดภัย วางใจ และมีความสุข




     มันคงเป็นการยากที่จะจะพบเจอสถานที่และคนแบบนั้นในชีวิตเรา บางคนหามาเกือบทั้งชีวิตก็ยังไม่เจอเพราะเขาไม่เชื่อมั่นว่าจะมีใครรักและห่วงใยเขาอย่างจริงใจ นอกเหนือจากครอบครัวเขาเอง หรือในบางทีอาจไม่มีเลย แต่บางคนไม่ต้องตามหาก็เจอมันอย่างง่ายดาย ไม่ต้องใช้ทั้งชีวิตในการค้นหาเพราะว่าเขาและเธอเชื่อมั่นว่ายังมีคนที่ไม่ใช่ครอบครัวหรือญาติพี่น้องที่รักและห่วงใยพวกเขาเหล่านั้นอยู่ ฉันก็เป็นอีกคนที่เชื่อมั่นว่า ความรัก ความห่วงใย ความเข้าใจ ไม่ได้มาจากครอบครัวหรือญาติพี่น้องเพียงอย่างเดียว มันสามารถมาจากคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่เราเรียกว่าเพื่อนแล้วคุณละเจอคน ๆ นั้นหรือยังคนที่คุณเรียกเขาว่า "เพื่อนแท้"ถ้าเจอแล้วรักษาให้ดีและระวังทุก ๆ นาทีเพื่อไม่ให้สูญเสียสิ่งนั้นไปเพราะบางทีคุณอาจไม่สามารถเรียกวันเก่า ๆ กลับคืนมาได้อีก.



:P :-[ ::) :P :-[

111
 ;D ::) :P :-[ คิดถึงคนบนฟ้า :P ::) :)

ถึงคนไกล...
แสงดาวหลับใหลอยู่อีกฝั่งฟ้า
ฉันกับเธอห่างออกไปไกลสุดตา
ไม่อาจไถ่ถามกันว่า...สบายดี
สุดปลายสายรุ้ง
เมฆขาวกระจายฟุ้ง...กรุ่นด้วยรักตรงนี้
สดชื่นเย็นฉ่ำ..หลับให้สบายนะ..คนดี
ฉันอยู่ที่นี่...และจะคิดถึงเธอแบบนี้ตลอดไป
ฝากไออุ่นจากแสงจันทร์
กล่อมให้เธอหลับฝันในวันอ่อนไหว
ร้อนหนาวไม่สบายอย่างไร
ขอฝากสายลมไปช่วยดูแลเธอ
อ้อมกอดของสายลมในวันนี้
ย้ำเตือนกับฉัน...ถึงเธอเสมอ
ถึงวันนี้เราไม่อาจพบเจอ
แต่ไม่เคยเผอเรอ ลืมคิดถึงเธอแม้วินาที




 :P ::) :P ::) ;D

112
 :P :P :P ;D  ยิ้มเจ้าเลห์  :  อมยิ้มน้อย ๆ  สายตามีเลศนัย  กระตุกหัวใจน่าดู ;D :P :P :P
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)


      เพื่อน ๆ เคยคิดบ้างไหมว่าซูโหย่วเผิงเป็นคนที่มีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์มาก  หลายคนมักพูดว่าความประทับในคนบางคน หรือสิ่งของบางสิ่งบางอย่างมักเริ่มต้นจากภาพความทรงจำที่ได้เห็นคนคนนั้นหรือสิ่งของนั้นเป็นครั้งแรก  เชื่อเหลือเกินว่าแฟนคลับของโหย่วเผิงนั้นหลายคนตกหลุมรักโหย่วเผิงตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มของโหย่วเผิง  ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มในอิริยาบทไหนก็ตาม  และเมื่อตกหลุมรักนี้เข้าแล้วจะให้ถอนตัวนั้นคงเป็นเรื่องยากแล้ว  ใช่หรือเปล่าจ๊ะ  รอยยิ้มของโหย่วเผิงนั้นมีหลายอิริยาบถ  จำได้ว่าเคยได้พูดถึงความประทับใจแรกสุดที่มีต่อโหย่วเผิงไปแล้ว ซึ่งนั่นก็คือรอยยิ้มของโหย่วเผิงนี่เอง  แต่วันนี้อยากจะบอกเล่าถึงบทวิเคราะห์ของรอยยิ้มกันอีกสักหน่อยว่า การมีรอยยิ้มในแต่ละแบบนั้นจะบ่งบอกถึงลักษณะของเจ้าของรอยยิ้มนั้นเป็นอะไรได้บ้าง และยังเดาอารมณ์จากรอยยิ้มต่าง ๆ ได้อีกด้วย  งั้นเราลองมาเริ่มวิเคราะห์รอยยิ้มของโหย่วเผิงกันเลยนะ
ยิ้มกว้างเปิดเผย
            การยิ้มที่สามารถมองเห็นฟันของคนยิ้มได้อย่างชัดเจน นิสัยใจคอของคนที่มีกิริยาอาการยิ้มแบบนี้ บ่งบอกถึงการเป็นคนกระตือรือร้นอยู่เสมอ ทั้งยังเป็นคนที่ชอบการแสดงออกเอามาก ๆ หากได้รับมอบหมายให้ทำการใด ๆ ในกลุ่มคนจำนวนมาก ก็จะสามารถทำได้ดี โดยไม่มีอาการเก้อเขินหรือเอียงอายใด ๆ ทั้งสิ้นและยังคบหากับคนทั่วไปได้โดยง่ายนอกจากนี้ยังเป็นคนที่ชื่นชอบการแต่งตัวมาก 
ย้ิมเม้มปาก
            การยิ้มในลักษณะนี้ จะไม่เห็นฟันของคนยิ้ม มีเพียงรูปปากที่แย้มออกเท่านั้นที่บอกว่าเขากำลังยิ้มอยู่ สำหรับอุปนิสัยของคนที่มีการยิ้มแบบนี้นั้น ออกจะเป็นคนที่ระมัดระวังตัวสูงอยู่สักหน่อย แถมยังมีโลกส่วนตัวมาก ๆ อีกด้วย ชอบที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า จึงมีน้อยคนที่จะสามารถเข้าหาจนถึงขั้นสนิทสนมด้วยได้ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง รักสันโดษชอบใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติอย่างเช่นในชนบท มากกว่าในเมืองใหญ่
ยิ้มปุ๊บปั๊บ
            คนที่มีลักษณะการยิ้มแบบเร็ว ๆ แล้วก็หุบยิ้มเสีย จะว่าไปก็คือการยิ้มที่ไม่ได้ออกมาจากใจจริงซักเท่าไหร่ แต่เป็นการยิ้มตามมารยาทมากกว่า ส่วนลักษณะนิสัยของคนที่มีการยิ้มเช่นนี้ บ่งบอกถึงการเป็นคนที่มีพลังกระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลา และจะตื่นเต้นได้ง่ายกับสิ่งเร้าใจที่แปลก ๆ ใหม่ ๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะเป็นคนที่สับสนได้ง่ายกับสิ่งที่คลุมเครือ เพราะจะเป็นคนที่ค่อนข้างใจร้อนและชอบในความชัดเจนมากกว่า
ยิ้มยั่วยวน
            ยิ้มแบบยั่วยวนนั้น ส่วนใหญ่มักจะมีให้เห็นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในนิตยสารแฟชั่นต่าง ๆ แต่ว่ารอยยิ้มของเหล่านางแบบนั้น อาจแสร้งทำขึ้นมาเพื่อความเหมาะสมกับท่าทางและเสื้อผ้า แต่ทว่าสำหรับคนที่มีรอยยิ้มเช่นนี้อย่างแท้จริงนั้น นิสัยมักจะเป็นคนที่ชอบจนถึงขั้นหลงใหลในเรื่องความรักเป็นพิเศษ และยังชอบเพ้อฝันกับเรื่องสวย ๆ งาม ๆ มากกว่าที่จะสนใจความเป็นจริงของชีวิต จึงมักมีความสามารถสูงในเรื่องเกี่ยวกับความสวยงามหรือศิลปะ
ยิ้มมุมปาก
            ลักษณะการยิ้มที่เป็นเพียงแค่กระตุกมุมปากเสียหน่อย เหมือนไม่ค่อยเต็มใจจะยิ้มสักเท่าไหร่นั้น บ่งบอกถึงอุปนิสัยที่เป็นคนค่อนข้างเข้าใจยากทีเดียวเพราะมักจะมีความซับซ้อนในตัวเองสูง อารมณ์แปรเปลี่ยนรวดเร็ว แต่ว่าก็จะเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้งคมคาย เพียงแต่อาจแปลกและแตกต่างจากคนทั่วไปมาก จนบางทีคนอื่นถึงกับตามไม่ทัน นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการเป็นนักจิตวิทยา ที่พูดจาปลุกเร้าผู้คนจำนวนมากได้ไม่ยากเลย
ยิ้มตาหยี
            สำหรับคนที่เวลายิ้มแล้วตามักจะหยีหรือย่นนั้นบ่งบอกถึงนิสัยของการเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเอามาก ๆ เพราะถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างไร ก็จะยังสามารถหัวเราะได้อย่างน่าแปลกใจทีเดียวนอกจากนี้ ยังบ่งบอกถึงการเป็นบุคคลที่มีอารมณ์ขัน ชอบทำให้คนรอบข้างยิ้มแย้มอยู่เสมอ และยังเป็นคนที่สามารถนำประสบกาณณ์ของตนมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณค่าแทบทุกเรื่อง เรียกว่าไม่มีวันเสียหละ ที่จะปล่อยให้ประสบการณ์ไร้ประโยชน์
ยิ้มเยือกเย็น
            สำหรับบุคคลที่มีรอยยิ้มอันเยือกเย็นนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากหรอกนะ เพราะเพียงแค่ยิ้มออกไป คนที่มองอยู่รู้สึกได้ไม่ยากถึงความเย็นจากรอยยิ้มนั้น ส่วนอุปนิสัยของคนที่มีรอยยิ้มเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเป็นคนที่บุคลิกน่าเชื่อถือและไว้วางใจให้เห็นเป็นอันดับแรก แต่ลึก ๆ ลงไปข้างใน จะเป็นคนที่ไม่เชื่อมั่นใจตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว ทั้งยังเป็นคนที่ซื่อเอามาก ๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมซับซ้อนกับใครเขาเลย และมีความเป็นนักประนีประนอมสูงอีกด้วย


คราวนี้เราลองมาวิเคราะห์อาการยิ้มที่บ่งบอกถึงอารมณ์และความรู้สึกกันดูนะจ๊ะ
1. ยิ้มเย็น : ยิ้มแบบนี้จะเท่มากสำหรับพระเอก(555555) บางทีจะเป็นการยิ้มอย่างใจเย็น, ยิ้มแบบคิดอะไรไว้ในใจ(อาจจะเป็นเรื่องน่ากลัวและคาดไม่ถึง), ยิ้มอย่างผู้ชนะ(ไม่ใช่การยิ้มเยาะนะคะ)
2. ยิ้มพราย : คิดอะไรไว้ในใจแหงมๆ เลย
3. ยิ้มเจ้าเล่ห์, ยิ้มอย่างมีเลศนัย : ตามชื่อเลยค่ะ กำลังคิดอะไรร้ายๆ แน่ๆ
4. ยิ้มยั่ว, ยิ้มเย้า, ยิ้มยั่วเย้า : คือการยั่วอย่างเห็นๆ อาจจะยั่วให้โมโห ยั่วให้หลุดปากพูดอะไรออกมา(ที่มันเป็นความลับ)
5. ยิ้มยั่วยวน : ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงค่ะที่ยิ้มอย่างนี้(ถ้าชายก็คงไม่ใช่ชายแท้นักหรอก) ยิ้มแบบนี้ถ้าใช้ในผู้หญิงสวยๆ จะดูมีเสน่ห์มากขึ้นอีกเท่าตัวเลยค่ะ
6. ยิ้มยียวน : กวนประสาท...
7. ยิ้มเย้ย : คนยิ้มชนิดนี้จะเป็นคนที่กำลังได้เปรียบหรือเป็นต่อ(เช่น พระเอกถูกมัดมือมัดเท้า โดนอัดซะน่วมก็ยังจะยิ้มเย้ย เป็นทำนองว่า ‘แค่นี้เองเหรอ จิ๊บๆ ว่ะ’ ...55555555)
8. ยิ้มเยาะ, ยิ้มหยัน, ยิ้มเยาะหยัน : ตามชื่อเลยค่ะ คือการเยาะเย้ย ถากถางกันเห็นๆ ยิ่งถ้าบรรยายว่า‘เหยียดยิ้มเยาะหยัน’ อะไรทำนองนี้ มันจะให้ความรู้สึกว่าเยาะเย้ยมากถึงมากที่สุดจนแทบจะทนไม่ได้!
9. แสยะยิ้ม : เป็นการยิ้มแบบราชสีห์จะตะครุบเหยื่อค่ะ ยิ้มแบบนักเลง ยิ้มอย่างผู้อยู่เหนือกว่าและกำลังอยู่ในโหมดโหด
10. ยิ้มเหี้ยม, ยิ้มเหี้ยมเกรียม : อันนี้ก็โหดค่ะ แต่โหดแบบวางแผนร้ายๆ เอาไว้แล้ว ...เหี้ยมโหด ว่างั้น 55555
11. ฝืนยิ้ม : ส่วนใหญ่ผู้ที่ยิ้มแบบนี้จะอยู่ในอารมณ์ที่ไม่เต็มใจจะยิ้ม อาจจะกำลังเศร้า โศก ทุกข์ เครียด กังวล ไม่สบายใจ หรือไม่อยากจะยิ้มเลยแม้แต่น้อย ก็เลยทำให้กลายเป็นรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาแบบเสียไม่ได้
12. ยิ้มเซียวๆ : เหนื่อย หมดแรง ป่วย ใกล้ตาย(เฮ้ย?) อะไรทำนองนี้ค่ะ
13. ยิ้มบางๆ : ยิ้มอย่างนี้มีหลายอารมณ์มาก บางคนยิ้มเพราะไม่รู้จะทำอะไรดี(นอกจากยิ้ม) ยิ้มแบบปนเอ็นดูเล็กน้อย อาจจะขำขันก็ได้
14. ยิ้มนิดๆ, ยิ้มน้อยๆ : สำหรับคนยิ้มยากโดยเฉพาะ หรือคงจะสมเพชอะไรสักอย่าง(?) ไม่รู้จะพูดหรือตอบรับอะไรดีก็เลยยิ้มแทน(แต่เพราะไม่รู้จะยิ้มทำไม ผลก็คือกลายเป็นยิ้มนิดๆ เล็กน้อยต้อยตีวิด(?)) ส่วนยิ้มน้อยๆ จะคล้ายกัน(หรือเหมือนกันก็ได้) แต่ว่ายิ้มน้อยๆ จะดูน่าเอ็นดูกว่าค่ะ


15. ยิ้มมุมปาก : (สำหรับพระเอกจะเท่มาก ยิ่งหัวเราะหึๆ ด้วยแล้ว จะเท่สุดๆ) ยิ้มแบบนี้กำลังคิดอะไรได้แน่ๆ หรือกำลังคิดอะไรอยู่ก็เป็นได้ (คิดอะไรอยู่กับคิดอะไรได้ มันต่างกันนะคะ อย่า”งง”ล่ะ =O=)
16. ยิ้มแยกเขี้ยว : ยิ้มแบบพยายามระงับอารมณ์สุดๆ
17. ยิ้มหวาน : โลกกำลังสุนทรีย์ค่ะ สวยงาม อ่อนหวานและนุ่มนวล แต่...บางทีการยิ้มหวานก็เป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวที่สุดเลยนะคะ เคยได้ยินกันไหม...”น้ำผึ้งอาบยาพิษ” น่ะ ดังนั้น รอยยิ้มแบบนี้นอกจากจะแปลไปในทางบวกคืออ่อนหวานและนุ่มนวลแล้ว มันก็ยังเป็นยิ้มอันตรายที่ซ่อนอะไรๆ ไว้อย่างมิดชิดเลยล่ะค่ะ
18. อมยิ้ม : เป็นยิ้มแบบปากปิดสนิท รอยยิ้มนั้นจะบางๆ แต่ระบายเต็มริมฝีปาก บางทีแก้มทั้งสองข้างอาจจะป่องออกมาเล็กน้อย(ย้ำว่า เล็กน้อย)
19. ยิ้มๆ : ยิ้มไม่จริงจังนัก เรื่อยๆ ยิ้มแบบขำๆ หรือยิ้มอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวก็หุบ(?)
20. ยิ้มสดใส : กำลังสดใส ร่าเริง และมีความสุขสุดๆ (บางทีเวลายิ้มก็อาจจะมีออร่าสีเหลืองสดใสพวยพุ่งออกมา << เว่อร์ล่ะ 555)
21. ยิ้มอ่อนโยน : ตามตัวค่ะ อ่อนโยนและนุ่มนวล
22. ยิ้มระรื่น : กำลังสุขใจ สนุกและบันเทิงใจมากๆ
23. ยิ้มแห้งๆ : ยิ้มแบบไร้อารมณ์และรสชาติมาก ยิ้มแบบคนกำลังเสียเปรียบ ยิ้มแบบถูกจับได้ว่าทำอะไร(ผิด)
24. ยิ้มแหย, ยิ้มเหย, ยิ้มเหยเก : ยิ้มพร้อมทำหน้าเมื่อยและเพลีย คล้ายกับยิ้มแห้งๆ แต่ยิ้มแหยจะฉีกปาก(?)กว้างกว่าเล็กน้อย
25. ยิ้มฝืดๆ, ยิ้มฝืดเฝื่อน : นี่ก็ไร้อารมณ์มากกว่ายิ้มแห้งอีก ไม่มีอารมณ์จะยิ้มอย่างที่สุด ยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้(มากๆ) เป็นการฝืนยิ้มมากมาย
26. ยิ้มแปลกๆ : เดาอารมณ์ยากมาก อาจจะคิดอะไรอยู่ในใจ แล้วตัวเองก็สมเพช(?) ขำ หรือความรู้สึกอื่นๆ ต่อความคิดนั้น

         เพือน ๆ คิดว่าเคยเห็นโหย่วเผิงยิ้มในแบบไหนไปแล้วบ้าง  ก็ลองเดากันดูเองนะจ๊ะ  แต่ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มในอิริยาบทไหน  ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มในชีวิตจริง  หรือรอยยิ้มในบทบาทการแสดง  โหย่วเผิงก็ยังเป็นชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ที่สุดอยู่ดี  โดยเฉพาะ อมยิ้มน้อย ๆ  สายตามีเลศนัย  ออกแนวเจ้าเล่ห์หน่อย ๆ เห็นแล้วกระตุกหัวใจสาว ๆ น่าดู  เวลาโหย่วเผิงยิ้มแบบนี้ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่หัวใจละลายจะขาดใจตายกันเป็นแถบเป็นแถว  จริงมั้ยจ๊ะ.......



 :P :P :P :P :P

113
 :P :P :P มาช่วยกันเพาะรัก.....ของเรา(กันเถอะ)  :P :P :P

พอลมเย็นเริ่มพัดพาความหนาวมา  ก็ให้เริ่มนึกถึงบทกลอนหวาน ๆ  อยากเติมน้ำตาลให้กับความรู้สึก  แล้วปล่อยให้ตกผลึก  บรรลุกล่องปิดผนึกส่งถึงเธอ  นะจ๊ะ........

ด้วยเพราะรัก...
จึงตระหนักคุณค่าของคืนหนาว
จึงระลึกถึงราตรีที่มีดาว
จึงเห็นแสงแพรวพราวชวนน่าชม

ด้วยแรงรัก.........
จึงประจักษ์ความงามในความขม
จึงสัมผัสกลิ่นหายใจของสายลม
จึงสุขสมยิ้มพรายอยู่ดายเดียว

ด้วยพลังแห่งรัก......
จึงอุ่นในใจนักแม้กายเปลี่ยว
จึงหวามไหวในกมลคนดายเดียว
จึงเก็บเกี่ยวร้อยใจไว้ข้างกาย

ด้วยอุ่นไอรัก
จึงถนอมฟูมฟักไม่ห่างหาย
จึงประคองป้องปกทั้งใจกาย
จึงรักษาเอาไว้ให้เนาว์นาน

ด้วยความรัก...
จึงใช้ผลักพลังกายให้ถึงฝัน
จึงใช้สร้างแรงใจให้แก่กัน
จึงเป็นเธอเป็นฉันและเป็นเรา

ด้วยเพาะรัก
จึงบ่มพักรักไว้ไม่อับเฉา
จึงสลักสองใจไว้เบาเบา
จึงให้รักสองเรานิรันดร......


ฮ่า..ฮ่า...ฮ่า....กลอนมันพาไป......


 :P :P :P :P :P

114
 ::) :P :) ;D ต้นไม้แห่งมิตรภาพ  ;D :) :P ::)




“ต้นไม้แห่งมิตรภาพ”

วันเวลาที่ผ่านมา...ในชั่วระยะเวลาหนึ่งของชีวิต
ผู้คนมากมายได้ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา
บางคนผ่านมาเพียงเพื่อจะผ่านไป
แต่บางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น
จากคนแปลกหน้า...กลายเป็นคนรู้จัก
คนคุ้นเคย...ล่วงเลยไปถึงกลายเป็นความผูกพัน

เวลาเปลี่ยนแปลง...สถานการณ์ย่อมเปลี่ยนไป
สถานภาพทางความรู้สึกของคนเรา
ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
บางคนยังคงความเป็นคนแปลกหน้า
ยังรักษาระยะห่างของการเป็นคนรู้จัก...คนคุ้นเคย
หรือคนรักกันไว้ได้อย่างคงที่


บางคนเปลี่ยนจากคนแปลกหน้ากลายเป็นคนคุ้นเคย
จากคนคุ้นเคย...กลายมาเป็น...คนรักกัน
ทำลายระยะห่างของความรู้สึกให้สั้นลงจนสัมผัสได้
และเมื่อนั้น เรื่องราวดี ๆ ที่สวยงามทางความรู้สึกจึงเกิดขึ้น


แต่ในทางกลับกัน
ระยะห่างของบางคน อาจห่างไกลออกไปจนสุดหูสุดตา
จากคนเคยรัก คนเคยคุ้น กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก
กลายเป็นคนแปลกหน้าทางความรู้สึกไป




แน่นอนว่า ระยะห่างของคนรู้จัก กับ คนรัก ย่อมไม่เท่ากันเป็นแน่
แต่นั่นแหละ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ
ฉันเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของเวลา
พอๆ กับเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึก


ไม่มีมาตราวัดใด ๆ ที่จะใช้วัดระยะห่างของความรู้สึกได้
และระยะห่างในแต่ละสถานการณ์ทางความรู้สึก
ในแต่ละคนก็คงจะไม่เท่ากัน
เราระบุชัดไม่ได้ว่า 1 เท่ากับ 1 ในความรู้สึกของอีกคน

1 ในความรู้สึกของคนหนึ่ง อาจจะเป็น 100
ในความรู้สึกของอีกคนก็เป็นได้
และในเมื่อการคบหากันเป็นปฏิสัมพันธ์ของคนสองคน
เราจึงมองเห็นความไม่ลงตัว
เห็นระยะห่างที่ไม่เท่ากันของคนสองคนได้เสมอ


กับคนบางคน...เราอยากเป็นมากกว่าคนรู้จัก
เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรามันสั้นลง
กับคนบางคน...เราอยากเป็นน้อยกว่าที่เป็นอยู่
เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรายาวไกลออกไป
แต่กลับบางคนเรากลับอยากจะรักษา ระยะห่าง ตรงกลาง ไว้ให้คงที่
ไม่ให้ห่างหาย จางหนี หรือ เข้ามาใกล้จนเรารู้สึกอึดอัด


เคยรู้สึกใช่ไหมว่า...
ขณะที่เราเดินเข้าหา...บางคนกลับกำลังเดินหนี
กับบางคนเรากำลังเดินหนี...แต่เขากลับเดินตาม
กับบางคนเราก็ต้องการระยะห่างประมาณหนึ่ง
ไม่ต้องใกล้มาก...แต่ไม่ต้องการห่างหายไปไหน


ขณะที่บางคนวิ่งตาม
ล้มลุกคลุกคลานและเจ็บปวดกับระยะห่างของอีกคนที่ทิ้งไว้ตรงหน้า
และขณะเดียวกันกับที่อีกคนก็วิ่งหนี
โดยไม่คิดจะหันกลับมามองความเจ็บปวดของอีกคน


อะไรก็เกิดขึ้นได้...กับความรู้สึกคน
เหนื่อยแสนเหนื่อย ล้าแสนล้า แต่สุดท้ายก็ยังพยายาม
พยายามที่จะยื้อยุดฉุดดึงอยู่เช่นนั้น
บางคนปล่อยความรู้สึกของอีกคนไว้ บนความห่าง ห่างจนลับตา
ไม่เคยหันกลับมามองหรือรับรู้ความเป็นไปของอีกคน

ไม่เคยรับรู้ว่า
ระยะห่างที่เขาทิ้งไว้อีกคนมันสร้างความเจ็บปวดได้ประมาณไหน
แต่ก็มีบางคนที่เหนื่อยล้ากับระยะห่างที่พยายามรักษาไว้เพียงแค่นั้น
ไม่ต้องห่างไป แต่ เข้าใกล้กว่านี้ไม่ได้
ต้องการเพียงเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบ


การทำลายระยะห่างของคนสองคนอาจไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายนักสำหรับอีกหลาย ๆ คน
บางคนพยายามมาเกือบทั้งชีวิต
ระยะห่างที่ว่าก็ยังคงห่างอยู่เช่นเดิม
ขณะที่บางคนอยู่นิ่ง ๆ ไม่วิ่งหนี ไม่วิ่งตาม
ปล่อยทุกอย่าง...ให้เป็นหน้าที่ของเวลา
ไม่เรียกร้องให้เกิดความคาดหวัง
ไม่ปล่อยละเลยจนเหมือนชาเฉย
ระยะห่างนั้นกลับขยับเข้ามาใกล้ราวปาฏิหาริย์


เอาใจช่วยสำหรับคนที่กำลังพยายามเดินเข้าหา
ให้อีกคนหันกลับมามองบ้าง ระยะห่างจะได้สั้นลง พยายามต่อไป
เพราะวันหนึ่งคุณอาจรู้สึกว่าความพยายามของคุณมิได้ไร้ค่า
ร้องขอสำหรับคนที่กำลังเดินหนี

ให้หันกลับมามองความรู้สึกของอีกคนบ้าง
เพราะบางทีคุณอาจจะสูญเสียอะไรดีๆ
ไปเพราะระยะห่างที่คุณทิ้งไว้ให้อีกคน
เห็นใจกับการรักษาระยะห่างให้คงที่สำหรับบางคน
เพราะบางทีมันก็ทรมานมากกว่า
การพยายามเดินเข้าใกล้หรือห่างหนี..เสียอีก




แล้วคุณ ๆ เล่า เคยนึกย้อนกลับมามอง ระยะห่าง
ของคุณกับผู้คนรอบตัวกันบ้างไหม
เคยรู้สึกไหมว่า บางที ความห่างไกล กับ ระยะห่างของความรู้สึก
กลับเป็นตัวแปรผกผันกัน
เคยรู้สึกได้ถึงระยะห่างทั้งที่ตัวอยู่ใกล้ ๆ
หรือรู้สึกใกล้กันแล้วทางความรู้สึกทั้งที่ตัวอยู่แสนไกล

เคยคิดกันบ้างไหมว่า...
ระหว่างคนพยายามเดินหนี  กับคนที่พยายามเดินตาม
และคนที่แม้จะพยายามยังไงระยะห่างก็ยังเท่าเดิม
คนไหนเจ็บปวดไปกว่ากัน
อาจเป็นเพราะ .. โลกกว้างเกินไป
หรือไม่ .. หัวใจเราแคบเกิน


วันนี้...ชีวิตของฉันได้พบกับคน คนนั้นแล้ว
คนที่ฉันรู้สึก...อยากเปลี่ยนสถานะระหว่างเรา
จากคนแปลกหน้า...กลายเป็นคนรู้จัก
คนที่ฉันอยากลดระยะห่างจากคนรู้จัก...ให้กลายเป็นคนคุ้นเคย
จากคนคุ้นเคย...กลายมาเป็น... “เพื่อนร่วมคิด  ร่วมอุดมการณ์”

“ต้นไม้แห่งมิตรภาพ” ของเราได้เริ่มงอกงามขึ้นแล้ว
ในชีวิตคนเราเคยมีเพื่อนมากมาย แต่จะมีสักกี่คน
ที่เป็นมากกว่าเพื่อนเหล่านั้น ...
“เพื่อนร่วมทาง” ที่ร่วมทั้งทุกข์และสุขด้วยกัน
ร่วมสร้างความฝันอันสวยงามและยิ่งใหญ่
ใน www.Baansuyoupeng.com บ้านหลังนี้ตลอดไป.




 :-[ :P ::) ;D

115
 :P ::) :o ;D  สองมือล้วงกระเป๋า : สองมือสอดไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างเหลือเกิน  ;D  :o :P ::)
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)



   วันนี้อยากพูดถึงบุคลิกอย่างหนึ่งของชายหนุ่มคนนี้ที่อาจถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งได้เหมือนกัน  นั่นก์คือกริยาสองมือสอดไว้ในกระเป๋ากางเกงที่พวกเรามักเรียกกันว่า “สองมือล้วงกระเป๋า” นั่นเอง  เวลาที่ได้เห็นโหย่วเผิงใช้สองมือล้วงกระเป๋าแล้วมักทำให้รู้สึกว่า จิ๊กโก๋นิด ๆ กวนหน่อย ๆ  น่ารักน้อย ๆ  น่าหลงใหล  ทั้งยังน่าค้นหา  และมักจะเห็นว่าโหย่วเผิงจะใช้สองมือล้วงกระเป๋าอยู่อย่างนี้ได้บ่อยครั้ง  จนเหมือนกับเป็นเอกลักษณ์ปรจำตัวเขาไปแล้ว  เพื่อน ๆ เชื่อหรือเปล่าว่าลักษณะการวางมือนั้นสามารถบอกลักษณะนิสัยได้เหมือนกันนะจ๊ะ  งั้นพวกเราลองมาดูคำทำนายจากการล้วงกระเป๋ากันดูบ้างนะจ๊ะ
   คนที่ชอบเอามือล้วงกระเป๋า  ทำนายไว้ว่า  เป็นคนมีลับลมคมใจ ผู้คนทั้งหลายมักให้ความเชื่อถือ มีจิตใจกว้างขวางชอบการเข้าสังคมมักปกปิดเรื่องของตนไม่ให้ผู้อื่นรู้มากนัก



   หากเรามาพิจารณาจากภาษากายที่ต้องการสื่อสาร  อาจพบได้ว่า  ถ้าคนคนนั้นเอามือล้วงกระเป๋า แสดงว่าเขากำลังผ่อนคลายและมีที่ท่าที่จะหลงใหลคุณมากขึ้น
   แต่ถ้าหากแค่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการบอกเล่าความเป็นโหย่วเผิงในมุมมองจากการชอบล้วงกระเป๋า  กลับรู้สึกว่าเป็นการแสดงออกให้เห็นว่าเป็นคนเรียบง่าย  สบายสบาย  ดูผ่อนคลายอยู่ตลอดเวลา  หลายครั้งที่เห็นว่าแม้แต่ตอนร้องเพลงบนเวที บางทียังยืนล้วงกระเป๋าร้องเพลง  ทำให้บรรยากาศดูไม่เป็นทางการเกินไป  ดูเป็นกันเอง และเหมือนกับว่าสามารถสัมผัสกับโหย่วเผิงได้ง่ายกว่าที่คิด จากท่าทางสบายสบาย สไตล์ล้วงกระเป๋า แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะร  คุณก็ยังน่ารักในสายตาพวกเราอยู่ดี  ฮิฮิ.





แม้ในอริยาบทพักผ่อนสบายสบาย  แต่ก็ยังไม่วายใช้สองมือล้วงกระเป๋า





 ::) :P ;D :D

116
 ::) :P :o ;D  ต้นไม้ มิตรภาพ และความรัก  ;D  :o :P ::)

ต้นไม้ มิตรภาพและความรัก ...........หลายคนเคยบอกว่ามิตรภาพและความรักก็เปรียบเหมือนกับต้นไม้......
หากเราดูแลรักษามันดีมันก็จะอยู่ กับเราได้นาน..... ออกดอกออกผลและงอกงามยั่งยืน



...........ต้นไม้ที่เราให้น้ำมากเกินไป...... ดูแลรักษามันมากเกินไป...... มันรับสิ่งที่เราให้ไปจนเกินความต้องการ
รากมันก็จะเน่าและรอวันตายในที่สุด...... คนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งๆ ที่เรารักและทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้......
แต่ทำไมต้นไม้นั้นกลับตาย...... เหมือนกับมิตรภาพและความรัก...... ที่เราทุ่มเทมากจนความพอดี..... ทำให้ผู้รับนั้นอึดอัด.....
ไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับได้บอกกล่าวถึงสิ่งที่มากเกินไป ....... มิตรภาพและความรักนั้นก็รอวันแตกร้าว......
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมจุดจบของความสัมพันธ์บางความสัมพันธ์จึงมีข้ออ้างว่า "ดีเกินไป"

...........ต้นไม้ที่เราให้น้ำน้อยเกินไป..... ดูแลรักษามันน้อยเกินไป ...... ขาดการเอาใจใส่เท่าที่ควรจะเป็น.....
มันก็จะเหลือง แห้งและเหี่ยวแห้งรอวันตายในที่สุด ...... เหมือนกับมิตรภาพและความรักที่ขาดการเอาใจใส่ ......
ไม่มีเวลาให้กันและกันมากพอ......มิตรภาพและความรักนั้นก็พร้อมจะพังทลายลงในพริบตา
เมื่อถึงที่สุดของความอดทนของแต่ละฝ่าย....... จุดจบของความสัมพันธ์แบบนี้จึงมีข้ออ้างว่า
"เราไม่มีเวลาให้กันและกันเลย"



...........การดูแลต้นไม้ที่จะทำให้ต้นไม้อยู่กับเราได้นานๆ จำเป็นต้องศึกษานิสัยของมันว่า...... มันชอบอากาศแบบไหน......
ต้องการน้ำมากน้อยเท่าไหร่ เหมาะกับดินประเภทไหน ฯลฯ ......
เหมือนกับมิตรภาพและความรัก...... เราจะเป็นต้องศึกษาว่าคนที่อยู่กับเรา เขารัก เขาชอบ เขาสนใจ ในเรื่องไหน .....
เขาไม่ชอบ เขาหงุดหงิดกับเรื่องอะไร เขาเป็นคนใจร้อน หรือเป็นคนง่ายๆ ฯลฯ ......
คนบางคนที่คำนึงถึงแต่ความต้องการของตัวเองจึงมักจะประสบความล้มเหลวกับการดูแลความสัมพันธ์

....... หากเราเรียนรู้คนที่อยู่กับเราได้มากแค่ไหน...... ก็จะทำให้เรารู้
เคล็ดลับที่จะรักษาสัมพันธภาพของเราไว้ได้ นานแค่นั้น.......

เราจะรู้ว่า เราควรที่จะให้เวลากับมิตรภาพและความสัมพันธ์นั้นแค่ไหน
เราควรที่จะใส่ใจกับรายละเอียดใดบ้าง...... และควรที่จะเว้นช่องว่างมากน้อยแค่ไหน
เพื่อให้เขาไม่รู้สึกอึดอัดกับการทุ่มเทความรักของเรา...... เราจะรักษามันไว้ให้ยาวนานที่สุดได้ยังไง......

...........แม้เคล็ดลับของการดูแลมิตรภาพและความรักนั้นไม่มีบ่งชัดเหมือนกับการดูแลต้นไม้
ที่มีหนังสือ ที่มีการวิจัยประจักษ์แน่ชัดว่าต้องดูแลอย่างไร..... แต่คำแนะนำจากหนังสือต่างๆ
ที่ผ่านมาพร้อมกับประสบการณ์เหล่านั้น ก็พอที่จะเป็นคำแนะนำให้กับคุณได้บ้าง..... ในการศึกษากันและกัน
ให้เวลากันและกันอย่างพอดี..... ก็จะช่วยรักษาสัมพันธภาพของคุณเอาไว้ได้

...........ดูเหมือนว่าการดูแลต้นไม้ มิตรภาพและความรักเป็นเรื่องง่ายที่ใครๆ ก็รู้วิธี........
แต่มีเพียงไม่กี่คนที่จับจุดและรู้เคล็ดลับที่จะทำให้มันอยู่กับเราได้นานๆ ได้




***....วันนี้คุณดูแลและเอาใจใส่ ต้นไม้ มิตรภาพและความรักของคุณดีพอหรือยัง….? ***

   สำหรับบ้านเผิงแล้ว  ความรักและมิตรภาพของพวกเราทั้งหมดถูกเชื่อมโยงไว้อย่างแน่นหนาโดยชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งผูกใจเราไว้และเหนี่ยวนำให้เราทุกคนในบ้านต่างตั้งใจดูแลมิตรภาพและความรักของพวกเราเพื่อให้งอกงามและมั่นคงดุจเดียวกับการดูแลต้นไม้เพื่อให้เติบใหญ่แตกกิ่งก้านออกดอกผลิใบให้ร่มเงาและแผ่ขยายให้เป็นที่พักพิงอิงอาศัยกับทุกคนที่มีความรักและมิตรภาพในตัว “ซูโหย่วเผิง” เช่นเดียวกันตลอดไป  และพวกเราต่างก็หวังว่าต้นไม้แห่งมิตรภาพและความรักของพวกเราจะยิ่งใหญ่มั่นคงตลอดไป.



 :P ::) ;D :D

117
 ;D :) :P ::) รักแม่ : ผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต  ::) :P :) ;D
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)
 


      ไม่รู้ว่าเพื่อนหลายหลายคนจะรู้รึเปล่าว่าโหย่วเผิงนับถือศาสนาพุทธ  และปฏิบัติตนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีและเป็นแบบอย่างที่ดีในหลาย ๆ ด้านให้กับพุทธศาสนิกชนอื่น ๆ อีกด้วย  มงคลชีวิตสำหรับผู้ที่เป็นชาวพุทธที่ดีอย่างหนึ่งก็คือความกตัญญูกตเวที  ตอนนี้ก็เลยอยากยกข้อความตอนหนึ่งจากหนังสือมงคลชีวิตมากล่าวในที่นี้สักหน่อย  ข้อความจากหนังสือดังกล่าว กล่าวไว้ว่า

ต้นไม้ที่ได้รับการดูแลให้น้ำให้ปุ๋ย ไปบำรุงลำต้นจนสมบูรณ์
เมื่อถึงเวลาแล้ว ย่อมออกดอกออกผลให้แก่เจ้าของฉันใด
คนที่ได้รับการเลี้ยงดูจนเติบใหญ่
เมื่อมีโอกาสย่อมตอบแทนคุณพ่อแม่และผู้มีอุปการคุณฉันนั้น
ทองคำแท้หรือไม่ โดนไฟก็รู้
คนดีแท้หรือไม่ ให้ดูตรงที่เลี้ยงพ่อแม่
ถ้าดีจริงต้องเลี้ยงพ่อแม่  ถ้าไม่เลี้ยงแสดงว่าไม่ดีจริง
เป็นพวกทองชุบ ทองเก๊ ทองปลอม

         พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอุปมาว่า ถ้าบุตรจะพึงวางบิดามารดาไว้บนบ่าทั้งสองของตน ประคับประคองท่านอยู่บนบ่านั้น ป้อนข้าวป้อนน้ำและให้ท่านถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่านั้นเสร็จ  แม้บุตรจะมีอายุถึง ๑๐๐ ปี และปรนนิบัติท่านไปจนตลอดชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนพระคุณท่านไม่หมด
            ยังมีผู้อุปมาไว้ว่า หากเราใช้ท้องฟ้าแทนกระดาษ ยอดเขาพระสุเมรุ แทนปากกา น้ำในมหาสมุทรแทนหมึก เขียนบรรยายคุณของพ่อแม่ จนท้องฟ้าเต็มไปด้วยอักษร ภูเขาสึกกร่อนจนหมด น้ำในมหาสมุทรเหือดแห้ง ก็ยังบรรยายคุณของพ่อแม่ไม่หมด




            บิดามารดาเป็นผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของบุตร คือ
            ๑.  เป็นต้นแบบทางกาย แบบเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำให้ของทั้งหลาย ในโลกมีค่าสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น ก้อนดินเหนียวธรรมดา ถ้าหากนำมาใส่แบบพิมพ์แล้วพิมพ์เป็นตุ๊กตา ก็ทำให้ดินก้อนนั้นมีค่าขึ้นมา เป็นเครื่องประดับบ้านเรือนได้ ดินเหนียวก้อนเดียวกันนี้ หากได้แบบที่ดีกว่าขึ้นมาอีก เช่นแบบเป็นพระพุทธรูป ดินเหนียวก้อนนี้ก็จะทรงคุณค่ามากยิ่งขึ้น     ผู้คนได้กราบไหว้บูชา จะเห็นได้ว่า คุณค่าของดินเหนียวก้อนนี้ขึ้นอยู่กับแบบที่พิมพ์นั่นเอง
            ๒.  เป็นต้นแบบทางใจ ให้ความอุปการะเลี้ยงดู ฟูมฟัก ทะนุถนอม อบรมสั่งสอน  ปลูกฝังกิริยามารยาท  ให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ลูก
พระคุณพ่อแม่ในการเป็นต้นแบบทางกายให้เรา ก็นับว่ามีมากเหลือหลายแล้ว ยิ่งท่านอบรมเลี้ยงดูเรามา เป็นต้นแบบทางใจให้ด้วย ก็ยิ่งมีพระคุณมากเป็นอเนกอนันต์

 
อานิสงส์การบำรุงบิดามารดา
            ๑.  ทำให้เป็นคนมีความอดทน
            ๒.  ทำให้เป็นคนมีสติรอบคอบ
            ๓.  ทำให้เป็นคนมีเหตุผล
            ๔.  ทำให้พ้นทุกข์พ้นภัย
            ๕.  ทำให้ได้ลาภโดยง่าย
            ๖.  ทำให้แคล้วคลาดภัยในยามคับขัน
            ๗.  ทำให้เทวดาลงรักษา
            ๘.  ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ
            ๙.  ทำให้มีความเจริญก้าวหน้า
            ๑๐. ถ้ามีลูกก็จะได้ลูกที่ดี
            ๑๑. ทำให้มีความสุข
            ๑๒. ทำให้เป็นแบบอย่างอันดีแก่อนุชนรุ่นหลัง
      และอื่น ๆ อีกมากมาย
                                                            ฯลฯ

            “เพราะการปรนนิบัติในมารดาบิดานั้นแล บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญเขาในโลกนี้นี่เอง เขาละไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์”
   และหากเพื่อน ๆ ได้รู้จักกับซูโหย่วเผิงมาบ้างแล้วคงจะทราบดีว่าโหย่วเผิงนั้นเป็นคนที่รักคุณแม่มากและสนิทกับคุณแม่มากมายแค่ไหน  สายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกของคู่นี้ไม่เพียงแค่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเท่านั้นหากแต่สัมผัสได้ด้วยใจเช่นกัน  หรือหากเพื่อน ๆ ยังนึกไม่ออกว่าซูโหย่วเผิงมีความรัก และความกตัญญูต่อคุณแม่มากแค่ไหน  ลองแวะเข้าไปอ่านบทความจากบ้านเผิงที่  http://www.baansuyoupeng.com/home_radio.html  รวมทั้ง http://www.baansuyoupeng.com/home_radio.html   และ  http://www.baansuyoupeng.com/home_radio.html 

       จนถึงตอนนี้เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเข้าใจแล้วว่า  เหตุใดโหย่วเผิงจึงยังยิ่งใหญ่อยู่ในวงการนี้ได้อย่างมั่นคง  และยังเป็นหนึ่งในใจของพวกเราชาว FC อย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง.




 :P ::) :o :) ;D

118
 ::) :P :) ;D Nothing Gonna Change My Love For You  ;D :) :P ::)

<a href="http://www.youtube.com/v/?v=I8s33nGgCDc" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/?v=I8s33nGgCDc</a>

If I had to live my life without you near me
หากว่าฉันต้องมีชีวิตโดยปราศจากเธออยู่ใกล้
The days would all be empty
กลางวันก็คงว่างเปล่า
The nights would seem so long
และกลางคืนคงแสนยาวนาน
With you I see forever
Oh, so clearly I might have been in love before
But it never felt this strong
กับเธอ ฉันมองเห็นคำว่า "ตลอดไป" ฉันอาจเคยมีความรักมาก่อน แต่มันไม่เคยรุนแรงเท่าครั้งนี้
Our dreams are young and we both know
They'll take us where we want to go
ความฝันของเรายังเยาว์และเราต่างรู้ ว่ามันจะพาเราไปยังทุกแห่งที่เราต้องการ
Hold me now
กอดฉัน
Touch me now
สัมผัสฉัน
I don't want to live without you
ฉันไม่อยากอยู่โดยปราศจากเธอ

(CHORUS) Nothing's gonna change my love for you
ไม่มีสิ่งใดจะเปลี่ยนความรักของฉันต่อเธอ
You ought to know by now how much I love you
เธอควรจะรู้แต่นี้ว่าฉันรักเธอมากเพียงใด
One thing you can be sure of
I'll never ask for more than your love

สิ่งหนึ่งที่เธอมั่นใจได้ คือฉันจะไม่ขอสิ่งใดมากไปกว่ารักของเธอ
Nothing's gonna change my love for you
ไม่มีสิ่งใดจะเปลี่ยนความรักของฉันต่อเธอ
You ought to know by now how much I love you
เธอควรจะรู้แต่นี้ว่าฉันรักเธอมากเพียงใด


If the road ahead is not so easy
หากหนทางข้างหน้าจะยากลำบาก
Our love will lead the way for us
Like a guiding star
ความรักของเราจะนำทางเราไปดั่งดวงดาวนำทาง
I'll be there for you if you should need me
ฉันจะไปอยู่เคียงข้างเมื่อเธอต้องการ
You don't have to change a thing
I love you just the way you are
และเธอไม่ต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งใด ฉันรักเธออย่างที่เธอเป็น
So come with me and share the view
ดังนั้น มากับฉัน มาดูอนาคตของเราด้วยกัน
I'll help you see forever too
ฉันจะช่วยให้เธอเห็นคำว่า "ตลอดไป" เช่นกัน
Hold me now
กอดฉัน
Touch me now
สัมผัสฉัน
I don't want to live without you
ฉันไม่ต้องการอยู่โดยไม่มีเธอ




PS : Since first met until today Did not have a single second that I do not love you. And I'm always happy when I follow you forever.

 ::) :P :o ;D

119
 :) :D ;D ::) จิตสาธารณะ : ตั้งอกตั้งใจทำการกุศลโดยไม่สนใจใคร  ::) ;D :D :)
(108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ)



อยากบอกเหลือเกินว่าแอดมินบ้านเผิงกับพี่โชนี่ช่างมีวาสนาต่อกันจริง ๆ มีความคิดและทำอะไรในจังหวะเดียวกันอยู่หลายครั้ง  เคยสังเกตหลายคราวแล้วโดยเฉพาะกับเรื่องของการทำอะไรที่เกี่ยวกับบ้านเผิง  หลายครั้งมากที่พี่โชเขียนอะไรทิ้งไว้หลายอย่างแล้วจึงค่อยเอามาวางไว้ที่บ้านในช่วงเวลาที่คิดและตั้งใจไว้ซึ่งไม่เคยบอกหรือเล่าให้ใครฟัง  แม้แต่กับแอดมินซึ่งปกติก็โทรคุยกันเกือบทุกวันจนเหมือนเป็นความคุ้นชินไปแล้วในชีวิตประจำวัน  แต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเกี่ยวกับเรื่องการวางแผนงานต่างๆ ในบ้าน  ต่างคนต่างมีภารกิจที่ต่างก็รับผิดชอบของตัวเองกันไป  แต่อยากจะบอกว่ามีหลายครั้งเหลือเกินที่เรามักจะวางเรื่องเดียวกันไว้ในเวลาเดียวกันแต่เป็นคนละตำแหน่ง  เช่นเดียวกันกับวันนี้พี่โชตั้งใจเขียนเรื่องการตั้งอกตั้งใจในการทำการกุศลของโหย่วเผิงใน คอลัมน์ 108 เหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่ง  ติดอยู่ในดวงตา  ตรึงอยู่ในดวงใจ นี้ก็ช่างพอเหมาะพอเจาะกับที่แอดมินก็บอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ของโหย่วเผิงเช่นกัน  งั้นเพื่อน ๆ ลองมาติดตามการสร้างกุศลของหนุ่มหน้ามลคนนี้ไปพร้อม ๆ กับดูภาพประกอบจากแอดมินได้จาก https://www.facebook.com/partana.su.5/media_set?set=a.174109662797122.1073741845.100005942678997&type=1  กันเลยดีมั้ยจ๊ะ


      เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคน น่าจะได้ติดตามผลงานของซูโหย่วเผิงมาบ้างพอสมควร  โดยเฉพาะถ้าเพื่อน ๆ ได้เข้ามาอ่านเรื่องราวต่าง ๆ ของโหย่วเผิงใน บ้านเผิงของเรา  และจากข้อมูลต่าง ๆ น่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักตัวตนของโหย่วเผิงมากขึ้น  และอาจทำให้มอบความรักและความศรัทธาให้กับหนุ่มหน้ามลคนนี้มากยิ่งขึ้นตามไปด้วย  และก็ยังเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงมีความรู้สึกและรับรู้ได้เหมือนกันว่าเลือกที่จะรักคนไม่ผิด  รู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้รักและติดตามผลงานของชายหนุ่มคนนี้  สำหรับตัวเองแล้วบางครั้งก็ยังสับสนว่าชื่นชอบในผลงานหรือซาบซึ้งในคุณความดีของชายผู้นี้มากกว่ากันแน่  แต่ที่ศรัทธาลึกซึ้งคือความเป็นคนจิตใจดีของโหย่วเผิง  ความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำการกุศลโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด  ขอเพียงมีโอกาสโหย่วเผิงก็ไม่เคยจะปล่อยให้โอกาสในการสร้างกุศลของเขาผ่านพ้นไป  สำหรับรายละเอียดในการสร้างกุศลของโหย่วเผิงนั้น เพื่อน ๆ ลองเข้าไปติดตามได้ที่  http://www.baansuyoupeng.com/webboard/index.php?board=34.0 เพื่อน ๆ ก็จะได้ค้นพบว่า  คำว่า  เทวดาบนดิน  ไม่ได้เกินความเป็นจริงเลยสำหรับซูโหย่วเผิง

และนี่เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยนิดในกิจกรรมที่โหย่วเผิงทำเพื่อสังคม  http://www.baansuyoupeng.com/webboard/index.php?topic=225.0


แถลงข่าว-ร่วมกิจกรรมเปิดโรงเรียนชีว่างซูโหย่วเผิง



เป็นทูตแห่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม



ทำหน้าที่ทูตช่วยเหลือผู้ยากไร้



เป็นทูตในงานกุศล “ของเล็กแต่หัวใจมาก”



ร่วมเดินทางสู่เคนยา-แอฟริกา  ร่วมกิจกรรม “อนุรักษ์ธรรมชาติแห่งองค์กรหมิงแย่”

 :P ::) ;D ::)

120
 :) ;D :P ::) คงทำได้เพียงรักเธอ  ::) :P ;D :)



ฉันคงไม่อาจบอกถึงเหตุผลของใจ
เพราะอะไรเกิดขึ้นยังไง...ไม่อาจล่วงรู้
สุขในทุกครั้ง...เต็มใจเคียงข้างทุกยามที่เป็นอยู่
คอยเฝ้ามองดูเธออยู่...อยู่ห่างห่างอย่างห่วงใย

คงทำได้เพียงรักเธอ
และจะเป็นไปเสมอฉันทำได้เพียงแค่นั้น
อย่าถามว่าจะเนิ่นนานสักเพียงใด...แค่ไหนไม่สำคัญ
ขอแค่ได้มอบความรู้สึกดีดีให้เธอก็เท่านั้น...ฉันก็สุขใจ



อย่าถามถึงจุดเริ่มต้นหรือวาระสุดท้ายได้ไหม...คนดี
อย่าได้สงสัยในความจริงใจของฉันครั้งนี้ได้ไหม
อาจไม่มีเหตุผล...แต่สรุปฉันก็รักเธอหมดหัวใจ
และจะเป็นอย่างนี้เรื่อยไป  และไม่ว่าจะนานเพียงใด
ความรู้สึกในใจก็ยังคงเหมือนเดิม.





 ::) :P :o ;) ???

หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 12