แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Chomnath

หน้า: 1 ... 41 42 [43] 44
843
เสี่ยวหู่ตุ้ย อู่ฉีหลง, เฉินจื่อเผิง, ซูโหย่วเผิง มารวมตัวกันในวันซ้อม วันที่ 20 ม.ค.2010 ที่ปักกิ่ง ของสถานีโทรทัศน์ยางซื่อ

ตามที่ทราบ เวลารายการของเสี่ยวหู่ตุ้ยประมาณ 5 นาที ทั้งสามคนจะรื้อเอาเพลงเก่าๆยอดฮิตมาปัดฝุ่นร้องอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นเพลง(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) (อ้าย) (หูเตี๋ยเฟยยา)เป็นต้น






844
จากกัน “เมื่อคุณก้าวสู่เส้นทาง แล้วเดินไปคนเดียว ฉันนั้นได้เพียงอวยพรคุณในใจ”

หลังถึงจุดสุดยอดแล้ว ต่างคนก็ต่างเดิน
 
ปลายปี 1991 โหย่วเผิงยุ่งกับการเรียน จื้อเผิงต้องไปเกณฑ์ทหาร นั่นแสดงว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นต้องแยกกันชั่วคราว
 
จื้อเผิงหวนคิดแล้วกล่าวว่า “ผมจำได้ว่าพรุ่งนี้ก็จะต้องจากเมืองไทเปไปนั้น พวกเราได้จัดงานคอนเสิร์ต “แล้วพบกันไหม”ให้กับแฟนๆ ตอนนั้นผมบอกกับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้ เมื่อร้องเพลงจนถึงเพลง “หูเตียเฟยยา” ในนั้นมีเนื้อเพลงท่อนหนึ่ง “ตัวหนอนรอคอยพรุ่งนี้จะมีปีกสวยงามคู่หนึ่ง” เมื่อผมร้องถึงประโยคนี้ก็ใจสลายแล้ว จากนั้นโหย่วเผิงเริ่มร้องไห้ ผมรู้สึกว่าอาจารย์ที่เขียนเพลงนี้นั้นเก่งมากๆ”
 
หลังจากที่ได้ร้องไห้จนน้ำตาแห้งในงานลาแฟนๆ จื้อเผิงก็ได้ย่างเข้าสู่เส้นทางโดดเดี่ยว “ตอนนั้น โหย่วเผิงกับฉีหลงก็ได้ส่งผมเหมือนกัน จากไทเปส่งไปถึงสถานีรถไฟไทจง” จื้อเผิงกล่าวว่า “รอจนถึงวินาที่สุดท้ายจะขึ้นรถแล้ว จะมุ่งสู่สนามฝึกทหารแล้ว ถึงจะรู้สึกว่า เสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น ยิ่งนานวัน ยิ่งห่างผม แต่ผมก็รู้ว่าคิดมากไปไม่ได้  เพราะเมื่อคุณไปถึงอีกสิ่งแวดล้อมหนึ่งนั้น คุณจะต้องไปปรับตัวเข้ากับมัน ได้แต่เพียงแอบหวนคิดถึง ตอนอยู่ในค่ายนั้น 3 เดือนแรกโทรศัพท์ก็ไม่ได้”
 
วันเวลาไหลผ่าน เรื่องราวในโลกอยากจะคาดคะเน

รอถึง ธ.ค.1993 จื้อเผิงกลับจากเกณฑ์ทหาร เสี่ยวหู่ตุ้ยได้รวมกันใหม่ แต่ช่วงนั้นในวงการเพลงนั้น คนที่ร้อนแรงที่สุดเป็นหลินจื้อชิน ยุคทองนั้นยากจะหวนกลับมาอีกครั้ง ยอดขายของพวกเขาก็ไม่ค่อยดี
ปี 1995 เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ออกอัลบั้มสุดท้าย “ยงเหวินจื้อเหย่า” 
เม.ย. 1994 เสี่ยวหู่ตุ้ยจัดคอนเสิร์ตในอัลบั้ม “หลงเทิงหู่แซว” จากนั้นก็ประกาศแยกทางกัน ทำให้แฟนๆ หลายคนถึงกับร้องไห้



เป็นผู้ใหญ่แล้ว บินไปอย่างสบายใจ กล้าที่จะไปใฝ่หา ใฝ่หาความฝันที่ยังไม่เป็นจริงในชีวิต
 
ปี 2002 โหย่วเผิงได้จัดคอนเสิร์ตที่เซี่ยงไฮ้เป็นครั้งแรก  หลังจากที่ได้บินเดี่ยว เสือน้อย 3 ตัวได้อยู่รวมกันอีก ร่วมร้องเพลง “ซิงกวางอีจิ้วช่างลั่น”ด้วยกัน ตอนนั้น โหย่วเผิงได้ฝ่าฟันตัวเองเข้าไปสู่วงการละครทีวี  ฉีหลงนั้น แม้จะมีงานภาพยนตร์แต่ผลงานก็ไม่ดี  เขาที่เอาดีทางด้านธุรกิจก็เริ่มเปิดร้านอาหารของตัวเอง เป็นนายหน้าซื้อขายบ้าน ด้านนี้เขาทำได้ดีมาก
 
หลังจากที่ต่างคนต่างบินแล้ว  การงานของ จื้อเผิง ดูเหมือนจะไม่สู้ดีเท่าทั้ง 2 คน มีเพียงครั้งเดียวที่เขาเป็นที่สนใจของทุกคนคือ การที่เขาร่วมแสดงคอนเสิร์ตของ จางก่อหยง(เลสลี่จาง)  จากตรงนั้นได้เห็นมีฝีไม้ลายมือในการเลียนแบบคนอื่น แต่ที่น่าเสียดายความพยายามของเขานั้นไม่มีใครเห็น หนำซ้ำหลายคนยังคิดว่าเขายืมดาบของจางก่อหยงใช้ (อาศัยบารมี)
 
และขณะที่ได้ถามว่างานในปี 2010 ของเขานั้นจะเน้นไปทางไหน จื้อเผิงตอบว่า “ตารางงานนั้นแน่นไปหมดแล้ว มีทั้งถ่ายละครทีวีและภาพยนตร์ ปียังน่าจะทำอัลบั้มหนึ่งที่แฟนๆได้เรียกร้องมา สำหรับรายละเอียดนั้นจะไม่ขอพูดในตอนนี้”
 
เขาที่บอกว่า เป็นคนที่ฟิตร่างกายเพื่อจะถ่ายหนังสไตน์บู้อย่างฉีหลง ปี 2009 เพิ่งถ่ายเรื่อง “เปียวสิงเทียนเซี่ยเฉียนจ้วน” เสร็จ  มีฉากบู้กว่า 10 ตอน แต่ละตอนนั้นล้วนโหดๆ  บู้จนตัวเองรู้สึกมันมากๆ ฉะนั้นเลยตัดสินใจว่าปี 2010 นั้นยังคงจะเล่นบู้ต่อ”

 
สำหรับโหย่วเผิงที่สร้างผลงานในเรื่อง “เฟิงเซิง”  นั้นพวกเราทุกคนต่างรู้กัน เพื่อจะแสดงบท “ไป๋เสี่ยวเหนียน”ให้ดี เขาไม่กลัวที่จะทำลายภาพลักษณ์ในอดีต บทนี้น่าจะบอกว่าเป็นบทที่ทะลุทะลวงบุคลิกของโหย่วเผิง   อายุ 36  อย่างโหย่วเผิงนั้นได้สลัดคลาบของเด็กหน้าอ่อนทิ้งไปแล้ว  ได้กลายเป็นคนที่มีหนวดมีเครา  เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว มีคนบอกว่าบท “ไป๋เสี่ยวเหนียน” นั้นเป็นจุดเปลี่ยนที่แย่ของโหย่วเผิง   แต่โหย่วเผิงกล่าวว่าไม่ได้คิดเช่นนั้น  “จริงๆแล้วผมเป็นคนชอบพลิกเปลี่ยน โดยเฉพาะหากว่ามีคนพยายามจะสวมหมวกใบนั้นให้ผม ผมก็จะไม่ขอใส่ใบนั้น ระยะทางละครที่เดินมาถึงจุดอิ่มตัวแล้วนั้น  ผมเองก็คิดว่ากำลังเดินกลับไปทางเดิม ฉะนั้นผมอยากจะเปลี่ยนเส้นทาง  ก็เหมือนกับ ไป๋เสี่ยวเหนียน ในครั้งนี้ นักแสดงที่ดีคนหนึ่งจะพัฒนาการแสดงของเขาอย่างไม่หยุดกับที่ การเลือกบทก็เหมือนกัน ผมหวังว่าตัวเองจะมีการพัฒนา หวังว่าบทที่จะรับแสดงในอนาคตนั้นจะต้องเป็นบทที่แตกต่าง ก่อนจะอายุ 40 ผมอยากจะมีชีวิตใหม่อีกแบบหนึ่ง”
 
เสือน้อย 3 ตัวในวันนี้นั้นต่างก็มีรูปแบบและการพัฒนาที่ต่างกันออกไป การรวมตัวกันครั้งนี้นั้น ทุกคนก็ล้วนเพ่งไปที่พวกเขา 3 คน มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับตัวเองแล้วมันจะเป็นความกดดันหรือเปล่า?  สำหรับเรื่องนี้  จื้อเผิงกล่าว่า “ผมคิดว่าเรื่องนี้นั้นไม่จำต้องตอบ ขอเพียงทุกคนมองเห็นความตั้งใจของพวกเราก็พอแล้ว”

845
เสี่ยวหู่ตุ้ย คุณที่ไม่มีอะไรมาแทนความทรงจำได้



ปีเสือปีนี้ เสียวหู่ตุ้ยได้กลับมาแล้ว ความหน้าใสน่ารักของพวกเขานั้นได้ถูกกาลเวลาบดบังไป แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน คือ รอยยิ้มที่สวยงามกับเสียงเพลงที่เพราะ 20 ปีแห่งกาลเวลา การรวมตัวครั้งนี้ของพวกเขานั้นนับว่าเป็นการทำความฝันของทุกคนให้เป็นจริง ในความฝันที่มีความทรงจำเก่าๆมากมาย

การรวมอีกครั้ง “เชื่อเถิดว่า พวกเราจะกลับมาหาทุกคนอีกครั้ง ร้องถึงวัยหนุ่มที่ไม่เคยลืมของพวกเรา”

ก่อนหน้านี้ที่ จื้อเผิง ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อที่ปิกกิ่ง ขณะที่ถูกถามถึงความรู้สึกที่ได้เจอเพื่อนเก่า “ผมรู้สึกว่าตอนแรกๆ ก็ยังมีความไม่คุ้นเคยอยู่ แน่นอนปฏิเสธไม่ได้ว่านานแล้วที่พวกเราไม่ได้ร่วมเวทีร่วมการแสดงด้วยกัน แต่ว่า หลังจากที่ได้ซ้อมการแสดง 2-3 วันแล้ว รู้สึกต่างคนก็ค่อยๆ เรียกความรู้สึกในสมัยอดีตกลับคืนมาแล้ว”

อู่ฉีหลง ได้กล่าวว่า นี่เป็นโอกาส เบียดบังผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นของส่วนตัว ผ่านทางการรวมตัวครั้งนี้ พี่น้องทั้ง 3 คนได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และได้หวนคิดถึงเรื่องราวอดีตต่างๆ และสิ่งที่โหย่วเผิงอัศจรรย์ใจที่สุดคือ ทั้ง 3 คนนั้นเข้าขากันได้ดีกว่า 20 ปีก่อน มันอาจเป็นเพราะพวกเราเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ตอนซ้อมพวกเรายังแซวกันเลยว่า หากว่าเวลาแสดงท่าจังหวะของพวกเราพร้อมเพรียงกันจนหมดนั้นคงไม่ใช่เสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว ก็คิดไม่ถึงว่าผลงานที่ออกมานั้นดีกว่าอดีตจริงๆ”

เหตุด้วยมีผู้คนหนับหมื่นแสนเฝ้ารอการกลับมาของพวกเขา ทำให้ทั้ง 3 ก็ต้องเตรียมตัวการแสดงในงานนี้อย่างสุดๆ ทราบจะผู้จัดการส่วนตัวโหย่วเผิง เพื่อจะมางานนี้ โหย่วเผิงได้แคนเซิ่นงานกว่า 10 งานของเขา และเพื่อจะตอบแทนที่ทุกคนยังรักห่วงใยเสี่ยวหู่ตุ้ย แม้จะสูญเสียจากงานของเขามากมายเขาก็ยินดี เพื่องานนี้นั้น โหย่วเผิงได้โกนหนวดที่ไว้มาเป็นเวลานานทิ้งไป ขณะเดียวกัน ทางฉีหลงก็พยายามที่จะเรียกท่าตีลังกาหลังกลับคืนมา โดยการฝึกทุกวันเลย



ก้าวสู่วงการ “ตัวหนอนรอคอยพรุ่งนี้จะมีปีกสวยงามคู่หนึ่ง”

ตุลาคม 1988 เสี่ยวหุ่ตุ้ยได้ดังขึ้นในรายการทีวี “ชิงชุนต้าตุ้ยคั้ง”ของไต้หวัน ตอนนั้นทางรายการต้องการให้มีผู้ช่วยซึ่งเป็นผู้ชาย 3 คน เมื่อหวนคิดถึงภาพอดีตตอนนั้น ฉีหลง ได้เล่าว่า “ครั้งแรกที่ได้เจอจื้อเผิงและโหย่วเผิงก็จำฝังใจแล้ว เพราะทุกคนที่มาสมัครก็ล้วนปกติ มีแต่พวกเขา 2 คนที่ดูแปลก ตอนที่จื้อเผิงเดินเข้ามานั้น ได้แบกกระเป๋าใบหนึ่ง สวมหมวกแก๊ปใบหนึ่ง เสื้อผ้าที่เขาใส่ก็ถือว่าทันสมัยเหมือนกัน ตอนเข้ามาเขาไม่พูดไม่จา ไปนั่งอยู่มุมหนึ่งแล้วหยิบร้องเท้ามาเปลี่ยน ผมก็ได้มองเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า  เปลี่ยนรองเท้า ตอนนั้นก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่มีไอเดียตอนหลังก็เห็นโหย่วเผิงเดินเข้ามา  เขาใส่ชุดนักเรียน โรงเรียนที่เขาเรียนถือว่าเป็นโรงเรียนที่ดีแห่งหนึ่งของไต้หวัน  ผมเลยแปลกมากๆ เด็กนักเรียนของโรงเรียนที่เป็นเด็กเรียน มาที่นี่ได้ไง?  และทรงผมของเขาก็หยิกนิดๆ” และทางจื้อเผิงและโหย่วเผิงก็ได้หวนคิดอดีตของฉีหลง  ภาพที่ติดใจตลอดคือ “มอเตอร์ไซร์คันใหญ่ของเขา”
 
ตอนแสดงคัดเลือกนั้น โหย่วเผิงที่ร้องเพลงมีหลักมีการ จื้อเผิงที่โดดเด่นการเต้น และการแสดงที่มีสีสันของฉีหลง “ตอนนั้นผมเห็นคนนั้นร้องเพลงได้ดี คนนี้ก็เต้นได้ดีมาก ตัวเองไม่รู้ว่าจะเอาอะไรโชว์ดี  สุดท้ายก็เลยตีลังกาหลังโชว์” แค่ตีลังกาหลังนี้ ทำให้เข้าตีเข้าสู่เส้นทางบันเทิงเลย
 
สำหรับช่วงนั้นของผมนั้น โหย่วเผิงกล่าว ตอนนั้นตัวเองได้คุยกับแม่ว่าเรื่องการไปสมัครเข้าคัดเลือกนั้นจะปิดไว้ไม่ให้พ่อรับรู้  “พ่อผมหน้าตาดีมาก ขนาดเดินบนถนนก็ยังมีแมวมองมาชวนให้ไปเป็นดารา แต่ทัศนะของพ่อนั้น เป็นคนหัวโบราณหน่อย ลูกผู้ชายนั้นไม่ควรพึ่งใบหน้ากิน และไม่ชอบที่ผมจะเกี่ยวข้องกับอาชีพนี้” เพราะเหตุนี้ การคัดเลือกผ่านไปทีละขั้นทีละตอนจนได้กลายเป็นสมาชิกของเสี่ยวหู่ตุ้ย โหย่วเผิงเองก็มองเสี่ยวหุ่ตุ้ยเป็นเพียงงานเสริมที่จะหาเงินเป็นค่าขนม เพื่อจะไม่ให้กระทบต่อการเรียนเขา เขาได้มีเงื่อนไขเซ็นสัญญากับทางค่ายว่า “เวลาเรียนนั้นจะไม่ลาไปทำกิจกรรมเด็ดขาด”
 
เริ่มแรกนั้นทั้ง 3 คนทำงานเป็นผู้ช่วยของรายการ  โดยได้รับเงินสัปดาห์ละ 1,350เหรียญไต้หวัน หากว่าสัปดาห์นี้รายการไม่ยาว ยังมีเวลาเหลืออยู่ไม่กี่นาที พวกเขาทั้ง 3 คนก็จะได้ร้องเพลง 2 เพลงและเต้นไปด้วย  เพิ่มจะให้เวลารายการพอดี ยิ่งกว่านั้นบางครั้ง   งานพวกเขาเป็นการโยกย้ายอุปกรณ์ต่างๆในรายการ แต่เมื่อพวกเขาได้ออกรายการแล้ว  ใบหน้าที่ใสๆ และเดียงสาของพวกเขาเป็นที่สนใจของผู้ชมเป็นอย่างมาก
ธ .ค.1988  พวกเขาได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับค่ายไคลี่
ม .ค.1989 วงเสี่ยวหู่ตุ้ยกับวงเหย่าฮวนได่ตุ้ย  ได้ร่วมกันออกอัลบั้ม “ซินเหนียนไคว่เล่อ” คิดไม่ถึง อัลบั้มที่แค่ลองทำเป็นชิ้นแรกกลับขายดีอย่างเทน้ำเทท่าในตลาด โดยเฉพาะเพลง “ชิงผิงก่อเล่อเหยียน” หลังจากที่อัลบั้ม “ซินเหนียนไค่วเล่อ”ออกได้ไม่นาน เสี่ยวหู่ตุ้ยก็เริ่มที่จะทำอัลบั้มของตัวเองซึ่งอัลบั้มแรกคือ  “แซวเหยาอิ๋ว” และได้ติดเป็นอันดับ 1 ของไต้หวันด้วย  ในไต้หวันได้มีกระแสเสี่ยวหู่ตุ้ยที่แรงขึ้นมา  และหลังจากนั้นโดยเฉพาะอัลบั้มต่อมา “หงชิงถิง”นั้น ได้ทำยอดขายอย่างถล่มทลายโดย 1 เดือนขายกว่า 400,000 ตลับ
 
พูดถึงเรื่องการถ่ายรูปโปสเตอร์แล้ว อู่ฉีหลงนั้นจะมีหน้าครึม ยิ้มแบบไม่เห็นฟัน ฉีหลง ได้กล่าวว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นคอนเซ็ปของค่าย “ตอนนั้นที่ถ่ายรูปนั้น ทางค่ายได้บอกผมว่า  พยายามอย่ายิ้ม และทางโหย่วเผิงต้องยิ้มให้บาน ต้องให้เห็นฟันทุกซี่ด้วย สำหรับจื้อเผิงนั้นแล้วแต่เขา สิ่งเหล่านี้ก็เพื่อจะทำให้งานออกมาได้สมบูรณ์ แต่แรกทางค่ายก็มีคอนเซ็ปอย่างนี้แล้ว ตามบุคลิกของเราแล้วทำใบหน้าให้เข้ากับตัวเอง

846

อัลบั้มส่วนตัวของฉีหลง (จุยเฟิงเส้าเหนียน)

ลักษณะพิเศษที่ฉีหลงมีในวงเสี่ยวหู่ตุ้ยคือเวลาถ่ายรูปห้ามยิ้ม แต่อัลบั้มนี้หวังว่าเขาจะมีหน้าตาที่เท่ อัลบั้มแรกที่หลังจากเขาแยกทางออกมานั้นคือ(จุยเฟิงเส้าเหนียน)และอีกอัลบั้มคือ(จู้หนี่อีลู่ซุ่นเฟิง)ได้กลายเป็นตัวแทนของเขาไปแล้ว มาจนถึงวันนี้ก็ยังมีคนหวนคิดถึงเพลงของเขา แต่ที่น่าเสียดายคือ ตอนนี้เขาเปลี่ยนอาชีพไปเป็นนักแสดงไปแล้ว หลังจากปี 1997 เขาก็ไม่ทำอัลบั้มของตัวเองแล้ว



อัลบั้มส่วนตัวของจื้อเผิง (เส่อปู้เต่อ)

หลังจากที่เขาแยกทางกันแล้วพูดได้ว่าจื้อเผิงนั้นแทบจะเงียบไปเลย ถ้าเปรียบเทียบอัลบั้มของทั้งสามคนแล้ว เขาเป็นคนที่ออกอัลบั้มน้อยที่สุด ทั้งยังใช้เวลานานมาก แฟนคลับที่จำเขาได้แม่นมากจากอัลบั้ม(ฉิงฉง) อัลบั้มนี้ไม่ดังในจีน แต่เพื่อจะช่วยเขาเข้าสู่จีน มีสถานีหลายสถานีได้เปิดเพลงของเขาและติดรูปของเขา แต่เสียดายยอดขายของอัลบั้มนี้ไม่ดี จื้อเผิงก็ไม่ทำอัลบั้มให้กับค่ายเป่าลี่อีกต่อไป ต่อจากนั้นก็ได้ออกอีกอัลบั้มหนึ่ง (เส่อปู้เต๋อ) ที่ร้องด้วยกันกับจางก๋อหยง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซน์จิวเฉินเชียร์ เสี่ยวหู่ตุ้ย ในงานคืนตรุษจีน จื้อเผิงได้รับการเชิญแล้ว
เสี่ยวหู่ตุ้ยไปซ้อมการแสดงปลายเดือนมกราคม โหย่วเผิงกล่าว: ซ้อมแค่สามวันก็พอ
คืนนั้นร้องเพลงเก่า การแต่งตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นปัญหาใหญ่
วันที่ 21 เสี่ยวหู่ตุ้ยเข้าซ้อมการแสดง จื้อเผิงต้องลดน้ำหนัก
เสี่ยวหู่ตุ้ยจะมาในงานอย่างแน่นอน

847

เรื่อง (องค์หญิงกำมะลอ) ข้างหนึ่งเป็นจื้อเผิง ข้างหนึ่งเป็นโหย่วเผิง

องค์หญิงกำมะลอ

การแยกทางครั้งที่สองของเสี่ยวหู่ตุ้ย ทำให้เห็นถึงการงานในอนาคตของแต่ละคนแล้ว ตอนนั้นอาชีพการแสดงของพวกเขานั้นยังไม่มีทิศทาง หลายคนคิดว่าหลังจากที่พวกเขาต่างคนต่างเดินแล้วคงจะไม่มีอะไรที่ทำให้พวกเขากลับมาดังอีกครั้งแล้ว ไม่คิดเลยว่า หลังจากที่ (ฉีหลง) เกณฑ์ทหารผ่านแล้วสองปี จื้อเผิงและโหย่วเผิงก็ได้เริ่มเข้าสู่วงการแสดงโดยเรื่อง(องค์หญิงกำมะลอ)

เรื่องนี้นั้นก่อนจะมีการถ่ายทำนั้นเป็นละครที่ไม่ค่อยน่าดูสักเท่าไหร่ แม้ว่าทางบริษัทจะมีละครหลายๆเรื่องที่สนุกให้กับผู้ชมก็ตาม แต่นักแสดงกลับไม่ดังเลย แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่ององค์หญิงกำมะลอออกอากาศแล้วเป็นที่นิยมของผู้คนมากมาย แม้ว่าตอนนั้นคนที่ดังจะเป็นจ้าวเว่ยและซินหยู แต่อู่อาเกอที่โหย่วเผิงเล่นก็ทำให้เขาเป็นที่นิยมของผู้ชมด้วยเหมือนกัน ทำให้เขาเริ่มมีแฟนคลับที่จีนและไต้หวัน แฟนคลับของเขาก็ไม่ต่างจากแฟนคลับตอนเสี่ยวหู่ตุ้ยมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จื้อเผิงที่แม้จะไม่ดังในวงการนี้แต่อย่างน้อยก็ได้มีประสบการณ์ความทรงจำในเรื่องราวอย่างนี้

คนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคือโหย่วเผิง เรื่อง(องค์หญิงกำมะลอ)ได้กำหนดอนาคตแห่งการแสดงของเขา อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนได้คิดถึงความรุ่งเรืองของเสี่ยวหู่ตุ้ยโดยผ่านทางเรื่ององค์หญิงกำมะลอ จนได้กลายเป็นแฟนคลับของพวกเขา



อัลบั้มส่วนตัวของโหย่วเผิง (Zhen Xi De Bei Bao)

1994 อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ 3 ที่โหย่วเผิงทำขึ้นคนเดียว และเป็นอัลบั้มที่ 2 ที่หลังจากจื้อเผิงกลับมาสู่เสี่ยวหู่ตุ้ย ก่อนหน้านี้มีอัลบั้ม(หว่อจื่อเย่าหนี่อ้ายหว่อ:Wo Zhi Yao Ni Ai Wo)กับ(เติ่งเต้าน่าอี้เทียน:Deng Dao Ni Yi Tian)นั้นไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไร่ สองอัลบั้มก่อนหน้านั้นไม่สามารถทำได้ แต่อัลบั้มที่ 3 นี้โหย่วเผิงทำสำเร็จแล้ว




848

อ้าย:Love

“นำใจของคุณและใจของฉันมาร้อยเข้าด้วยกัน ร้อยเป็นพวงร้อยเป็นใจเดียวกัน” นี่เป็นภาพความทรงจำที่ฝังใจของแฟนคลับในประเทศจีน เนื้อเพลงนี้ได้นำทำนองที่ไพเราะมาประกอบและบวกกับท่าเต้นที่สวยงาม ทำให้เป็นที่นิยมของคนสมัยนั้น

แน่นอน มีอัลบั้มมากมายของเสี่ยวหู่ตุ้ยที่ขายดีมาก แต่จะขอนำเอาอัลบั้ม (อ้าย..Love) มาพูด แน่นอนอัลบั้มนี้ต้องมีเอกลักษณ์อะไรที่พิเศษ อัลบั้ม (อ้าย:Love) นั้นทำต่อจากอัลบั้ม(ซิงซิงเตอแยฮุ่ย:Xing Xing De Yue Hui)หลังประมาณ 11 เดือน การที่จะทำอัลบั้มในระยะครึ่งปีต่อหนึ่งอัลบั้มนั้นเป็นอะไรที่ไม่ง่าย จริงๆแล้วตอนที่ออกอัลบั้ม(ซิงซิงเตอแยฮุ่ย:Xing Xing De Yue Hui)  โหย่วเผิงมีความกดดันที่จะสอบเข้ามหาลัย ทางบริษัทก็ได้ให้เขาลาพักเป็นพิเศษ เรื่องการโปรโมทนั้นจะเป็นหน้าที่ของฉีหลงและจื้อเผิง ช่วงเวลาการบันทึกอัลบั้ม(อ้าย) เวลาส่วนใหญ่จะใช้อัดคือหลังโหย่วเผิงสอบเสร็จแล้ว การดำเนินการอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นที่รักของคนทุกรุ่น หลังจากที่โหย่วเผิงสอบเข้ามหาลัยไต้หวันได้แล้ว เสี่ยวหู่ตุ้ยก็ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบและเป็นขวัญใจของทุกวัย ผู้ปกครองก็วางใจที่จะให้ลูกๆชื่นชอบในตัวเสี่ยวหู่ตุ้ย ฉะนั้นสามารถพูดได้ว่าอัลบั้ม(อ้าย)นั้นทำมาเพื่อให้กับทุกๆคนเลย

อัลบั้มนี้ไม่เพียงแค่ทำให้คนไต้หวันชื่อชอบสนใจพวกเขา ทั้งยังดังระเบิดไปถึงประเทศจีนอีกด้วย ภาพลักษณ์ที่ดี นิสัยที่งาม หลังจากที่อัลบั้มนั้นออกได้ไม่นานพวกเขาก็ได้มีโอกาสไปแสดงที่ประเทศจีน หลังจากเดือนกันยายนปี 1991 แล้ว เสี่ยวหู่ตุ้ยได้มีการจัดคอนเสิร์ทเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติที่ปักกิ่งแล้ว จากนั้นยังได้มีการทัวร์คอนเสิร์ทอีก 12 ครั้งเหมือนกัน มีการจัดที่ศูนย์วัฒนธรรมของซีอันด้วย จากงานคอนเสิร์ดเหล่านี้ทำให้พวกเขาดังระเบิดจนไม่มีใครไม่รู้จัก ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนเลียนแบบท่าเต้น ฉันรักเธอ จนไม่มีใครทำไม่ได้  และทางโรงเรียนก็มีการจัดรายการด้วยหนุ่มสามคนเพื่อเลียนแบบเสี่ยวหู่ตุ้ย

 
เกณฑ์ทหาร

ธันวาคม 1991 จื้อเผิงต้องไปเกณฑ์ทหารและทางเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ได้มีการจัดทำอัลบั้มที่ 6 ของพวกเขาคือ (ไจ้เจี้ยน:Zai Jian: ลาก่อน) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเลวร้ายกว่าที่ทุกคนคิดไว้ โหย่วเผิงที่สอบเสร็จกำลังจะทำอัลบั้ม(อ้าย)แต่เสียดายที่จื้อเผิงต้องไปเกณฑ์ทหารเป็นการด่วน และเวลาการร่วมงานของพวกเขาก็กลายเป็นอุปสรรค์และต้องแยกทางกัน

ตามกฏหมายของไต้หวันแล้ว ผู้ชายทุกคนที่อายุครบ 18 จะต้องไปเกณฑ์ทหาร นอกเหนือจากกรณีพิเศษเช่นร่างกายไม่สมบูรณ์หรือติดเรียนเท่านั้น ปี 91 (จื้อเผิง) ต้องเข้าเกณฑ์ จะมีการสมัครในปลายปี และอัลบั้มใหม่ “ลาก่อนแฟนๆ” ก็ได้มีการจัดขึ้น และเรื่องราวครั้งนั้นก็เป็นที่จำฝังใจของบรรดาแฟนๆ เพราะทุกคนก็รู้ดีว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงจากจุดสูงสุดของเสี่ยวหุ่ตุ้ยมาเป็นอย่างนี้ แม้เวลาเกณฑ์ทหารแค่ปีเดียว แต่ในวงการบันเทิงที่เปลี่ยนแปลงร้อยแปดพันเก้านั้น แค่ปีเดียวก็สามารถที่จะเกินหลายๆอย่างได้ ปี 1992 (หลินจื้ออิง) เข้าสู่วงการ ได้กลายเป็นขวัญใจของผู้คนไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อปี 1993 (จื้อเผิง) เข้าสู่วงการบันเทิงอีก ความนิยมของผู้คนก็ล้วนเปลี่ยนไปแล้ว

สิ่งที่น่าทึ่งคือ ไม่นาน (หลินจื้ออิง) ก็ได้ไปเกณฑ์ทหารต่อ เมื่อกลับมาอีกครั้งก็ไม่มีใครจำได้แล้ว ด้วยสาเหตุนี้ทำให้เหล่าดาราต้องประสบกับปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จนทำให้ดาราผู้ชายหลายคนต้องหนีการไปเกณฑ์ทหาร

มาถึงปี 1995  (อู่ฉีหลง) ได้ต้องเผชิญกับการไปเกณฑ์ทหาร จากเวลาที่ไม่เคยคอยใครนั้น ทำให้ทางบริษัทก็ต้องจำใจ หลังจากที่ (จื้อเผิง) กลับเข้ามาสู่วงอีกครั้งนั้น อัลบั้มของพวกเขาก็ลดน้อยลง ออกแค่ปีละหนึ่งอัลบั้ม และยอดขายก็ไม่ดีเท่าเมื่อก่อน การจากไปของ (อู่ฉีหลง) ทำให้การแยกทางของเสี่ยวหู่ตุ้ยที่ไม่หวนกลับ
....

849

ซินเหนียนไคว่เล่อ: Happy New Year:Xin Nian Kuai Le

เมื่อเอ่ยถึงเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว คำว่า ซินเหนียนไคว่เล่อ นั้นเป็นประโยคที่แยกจากกันกับพวกเขาไม่ได้ จากรายการซินเหนียนไคว่เล่ออัลบั้มนี้นั้น ทำให้เสี่ยวหู่ตุ้ยจากเดิมเป็นแค่พิธีการได้เหยียบก้าวแรกก้าวสู่นักร้องตัวจริง แม้อัลบั้มชุดนี้จะออกแนวสนุกๆ แต่ทางเสี่ยวหู่ตุ้ยก็เป็นแค่นักร้องประกอบเท่านั้น แต่ว่าการอัดบันทึกของอัลบั้มเช่น

ชิงผิงก่อเล่อเหยียน:Qing Ping Guo Le Yuan
ไฉ่เซ่อเทียนคงไฉ่เซ่อม่ง:Cai Se Tian Kong Cai Se Meng
และเพลงที่ร้องประสานเสียงอย่าง ซินเหนียนไคว่เล่อ:Xin Nian Kuai Le

นั้นก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และยอดขายนั้นพุ่งสูงถึง 250,000 อัลบั้ม เสี่ยวหู่ตุ้ยยังได้มีการร่วมร้องเพลงกับ (วงยิวฮวนไพ่) แม้จะไม่ประสบผลเท่าไร นี่ก็เป็นสิ่งที่น่าหวนคิดถึงเป็นอย่างยิ่ง

(วงยิวฮวนไพ่) ก่อตั้งก่อนเสี่ยวหู่ตุ้ย ในปี 1989 พวกเธอก็มีแฟนคลับมากมาย แต่ความร้อนแรงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นยากจะหยุด และความนิยมของเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ได้กลบความนิยมของ (วงยิวฮวนไพ่) ไปอย่างปริยาย แม้จะมีเพลงสามเพลงที่เสี่ยวหู่ตุ้ยร้องในอัลบั้มของ (ยิวฮวนไพ่) แต่เพลงเหล่านั้นกลับเป็นที่นิยมมากกว่าเพลงของ(ยิวฮวนไพ่) แม้ว่าทางไคลี่จะมีแผนที่จะเปิดทางแห่งการร้องเพลงให้เสี่ยวหู่ตุ้ย แต่ว่าพวกเขาคิดไม่ถึงว่าความสำเร็จมาเยือนพวกเขาเร็วมาก และง่ายมาก ด้วยเหตุนี้พวกเขาก็ได้รีบเตรียมงานอัลบั้มของเสี่ยวหู่ตุ้ย ตั้งเป้าอยากจะประสบความสำเร็จให้มากกว่านี้ มาถึงช่วง เมษายน อัลบั้ม (เซี่ยวเหยายิ๋ว:Xiao Yao You)ได้ออกจำหน่าย และก็ติดอันดับเพลงยอดฮิตอีกด้วย ทำให้เสียวหู่ตุ้ยกลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นอันดับหนึ่งของไต้หวันไปแล้ว


มาราธอนคนนับล้าน

อัลบั้ม(ซินเหนียนไคว่เล่อ:Xin Nian Kuai Le)ประสบความสำเร็จอย่างมากจนทำให้ทางบริษัทนั้นอยากจะตอบแทนแฟนคลับ พวกเขาตัดสินใจจัดงานเซ็นสัญญาของบริษัทที่หออนุสรณ์ของ ดร.ซุ่นยะเซน ผู้ช่วย(ฉีหลง,จื่อเผิง,โหย่วเผิง) ทั้งสามคนรู้สึกเขินอายบ้าง พวกเขาไม่รู้ว่าตอนนั้นพวกเขาดังขนาดไหน พวกเขายังหยอกล้อกันว่าหากวันนี้ไม่มีคนมาดูพวกเขาจะหลบกลับไปอย่างเงียบๆ

ในความเป็นจริงทุกคนก็รู้ข่าวนี้แล้ว ขณะที่พวกเขาเข้าไปที่หออนุสรณ์นั้นก็ได้เห็นคนนับหมื่นแสนแล้ว ผู้คนมากมายได้เบียดเสียดกันเข้าไปในหอ จนทำให้จราจรโดยรอบนั้นติดจนสัญจรไม่ได้ การเซ็นสัญญาครั้งนี้นั้นมีคนมาร่วมงานกว่าสองหมื่นคน เหตุที่ผู้คนเยอะมากจนอยากจะควบคุมได้ สุดท้ายทางบริษัทไม่สามารถจะดำเนินการต่อไปได้โดยต้องขอหยุดการเซ็นสัญญากลางคัน



เมษายนที่มีการเซ็นสัญญาที่สุดจะคึกคัก จากนั้นพฤษภาคมก็มีอัลบั้มแรกของพวกเขาก็ได้ออกมาวางขาย(เซียวเหยายิ๋ว:Xiao Yao You) ทางบริษัทได้ตัดสินใจจัดงานกิจกรรมโปรโมทที่ไม่เคยทำมาก่อนให้กับพวกเขา และงานกิจกรรมครั้งนี้ให้ตั้งชื่องานว่า “เซียวเหยา ฮ่อควง เสี่ยวหู่ตุ้ย” เป็นคอนเสิร์ททัวร์

งานคอนเสิร์ทครั้งแรกนั้นเริ่มที่ไถจงในวันที่ 6 พ.ค. และจะกลับมาถึงไทเปในเดือน มิ.ย. และเป็นงานคอนเสิร์ทที่สถานที่ใหญ่ที่สุด จราจรติดขัดที่สุดและคนเยอะที่สุด ในงานจะมีสโลแกนว่า “รักเกียรติ มีระเบียบ” เพื่อจะสามารถช่วยให้ผู้คนที่เข้ามาจะมีความเป็นระเบียบและสงบ การระบบการจราจรนั้น ทำให้มีอะไรที่แปลกใหม่ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ


โหย่วเซี่ยเอ๋อ "Wandering Heroes"

ช่วงที่ดังระเบิดในปี 1990 แน่นอนก็ต้องมีการพัฒนาก้าวหน้าต่อไป และมีผู้กำกับที่มีชื่อของไต้หวันได้เชิญพวกเขาแสดงภาพยนต์ (โหย่วเซี่ยเอ๋อ) เป็นงานใหญ่ที่หลังจากออกอัลบั้ม(หงชิงถิง:Hong Qing Ting)ไปแล้ว

สไตน์ของหนังเรื่องนี้เป็นการกำกับของจูเหยียนผิง เป็นเรื่องออกแนวตลก ในเรื่องมีโจรสลัดในทะเล มีหลายๆอย่าง ทั้งสามคนได้มาร่วมแสดงในเรื่องนี้ก็ทำให้ค่าโฆษณาหนังต้องเพิ่มอีก 20 ล้านเหรียญไต้หวัน

ในเรื่องก็ไม่มีอะไรที่เป็นพิเศษ เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องแรกของเสี่ยวหู่ตุ้ย แล้วชื่อของทั้งสามนั้นก็ไม่วายที่จะใช้ชื่อจริง และเทคนิการแสดงก็ไม่ได้เรียกร้องมากมาย ทางแฟนๆก็ขอแค่ได้เห็นหน้าพวกเขาสามคนก็พอใจแล้ว ตามที่คาดการณ์ไว้ ตั๋วหนังนั้นขายทะลุนับหมื่นใบ นับว่าผ่านได้เลยทีเดียว แม้ว่าการแสดงครั้งแรกจะไม่เด่นดัง แต่ทำให้พวกเขาสามคนกลับได้ไปลองชิมบรรยากาศในเป็นนักแสดงอย่างไม่ได้นัดหมายไว้ ได้กลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของพวกเขา

850
19 มกราคม 2010 ชิงผิงก่อเล่อเหยียน (Qing Ping Guo Le Yuan:สวนแห่งความสนุก)

11 เรื่องราวสำคัญๆหวนรำลึกถึงเสี่ยวหู่ตุ้ย


เริ่มตั้งแต่ปี 1997 ข่าวเกี่ยวกับการจะรวมตัวกันของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นเราได้ยินมาแล้ว 12 ปี ในรอบ 12 ปีที่ผ่านมานั้น ทั้งสามคนก็มักจะมีคนหนึ่งที่ขาดหายไป ทั้งสามคนต่างล้วนมีหน้าที่การงานของตัวเองแล้ว แต่ละคนก็จะพยายามที่จะทำให้สิ่งที่ตั้งใจไว้เป็นจริง ในปีเสือนี้ ในที่สุดพวกเราก็ได้เห็นการรวมตัวของพวกเขาจนได้ สำหรับการหวนรำลึกอดีตของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นมันมากมายหลายเรื่องเหลือเกิน งั้นเราของเจาะเอาประเด็นเรื่องสุดยอดแค่ 11 เรื่องมาหวนระลึกอดีตของเสี่ยวหู่ตุ้ยด้วยกัน

อัลบั้มเพลงไคลี่

การเริ่มต้นรวมตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นมีความเกี่ยวข้องกับไคลี่ หากมิใช่สถานีรายการไคลี่เปิดโอกาสให้ หากมิใช่รายการไคลี่ที่มีสาวน้อยแสนสวยสามคนมาดำเนินรายการ ก็คงจะไม่มีวันที่เสี่ยวหู่ตุ้ยมารวมตัวกัน เริ่มแรกจากการประกาศคัดตัวผู้ที่จะมาเป็นผู้ช่วยของรายการไคลี่ ทั่วเกาะไต้หวันก็ควนหาผู้ชายที่เหมาะสมเพื่อมาเป็นผู้ช่วยในรายการไคลี่ของเสี่ยวเมาตุ้ย

อู่ฉีหลง, โหย่วเผิง, จื้อเผิง ชายหนุ่มทั้งสามคนก็ได้เดินเข้ามาสู่สายตาของทุกคน ตอนนั้นหนุ่มน้อยทั้งสามคนแทบจะไม่รู้เลยว่าวงการบันเทิงคืออะไร การที่พวกเขาไปสมัครคัดตัวนั้นต่างก็มีโชคของตัวเอง เช่นอู่ฉีหลง เขาเป็นคนปกติ แต่เหตุที่เขามีความสามารถตีลังกาหลังได้จึงเป็นที่เตะตาของกรรมการ ทางด้านคุณแม่ของโหย่วเผิงก็กังวลใจว่าการที่เขาเข้าสู่วงการบันเทิงแล้วจะทำให้ผลการเรียนที่ดีมาตลอดของเขาตกต่ำไปมั้ย

แต่ละด่านที่ผ่านมานั้น ทำให้พวกเขาทั้งสามคนกลายเป็นเสี่ยวหู่ตุ้ยผู้ช่วยรายการวัยหนุ่มไป ที่น่าอัศจรรย์คือพวกเขาที่เป็นแค่ผู้ช่วยรายการกลับทำรายการได้โดดเด่นและเป็นที่นิยมของผู้ชมมากกว่าเสี่ยวเมาตุ้ย จนทำให้พวกเขาได้รับความสนใจจากผู้ชนเป็นอย่างมาก


851
24 มกราคม 2010 จางเสี่ยวเยี่ยนหวนคิดเสี่ยวหู่ตุ้ย


เริ่มจากการคัดเลือกเสี่ยวหู่ตุ้ยจนถึงการทำอัลบั้มและออกคอนเสิร์ด ศิลปินแนวหน้าอย่าง (จางเสี่ยวเยี่ยน) นั้นถือว่าเป็น “ครูพี่เลี้ยง”ของเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้ เมื่อถามถึงศิษย์รักสามคน พี่เสี่ยวเยี่ยนก็มีคำพูดที่สนุกๆมากมายมาเล่าสู่กัน และเพื่อให้ความสำคัญการการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ทางพี่เสี่ยวเยี่ยนยังอุตส่าไปหารูปภาพครั้งแรกที่เสี่ยวหู่ตุ้ยออกคอนเสิร์ดมาโชว์ด้วย ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นกับภาพเก่าๆที่หน้าตาใสๆและเดียงสาของพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง
 
ถาม : คุณยังจำภาพของเสี่ยวหู่ตุ้ยในตอนนั้นได้ไหม?

ตอบ : ภาพของเขานั้นจำได้ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาทั้งสามคนมาในรายการของฉัน พวกเขาสามคนเป็นวัยรุ่นที่ต่างกัน เพราะว่าบุคลิกของพวกเขาต่างกัน ฉะนั้นเลยรวมพวกเขาเป็นเสี่ยวหู่ตุ้ย เมื่อมาถึงปีเสือพวกเขาก็น่าจะคำรามแล้ว

ถาม :  ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนต่างก็มีการงานที่ต่างกัน มุมมองของคุณเป็นอย่างไร?

ตอบ :  จริงๆแล้วพวกเขาเข้าสู่วงการก็ดังระเบิดในทันใด และสิ่งที่ฉันจำขึ้นใจมากคือหลังจากที่พวกเขาสามคนบ้างก็กลับมาจากการไปเกณฑ์ทหาร บ้างก็โตแล้ว จบแล้ว จริงๆแล้วตอนนั้นพวกเขาสามคนยังไม่รู้ว่าหลังจากที่แยกกันแล้ว ไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะไปทำอะไรหรือจะเข้าวงการอีกครั้ง ฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งได้เชิญพวกเขาสามคนไปทานข้าวด้วยกัน พวกเขาตัดสินใจว่าจะไปทำงานที่จีน ฉันรู้สึกถึงการกังวลที่ไม่มั่นใจของพวกเขา และหวังว่าอยากจะมีอะไรที่จะให้ทำบ้าง เพราะพวกเขาต่างก็เป็นขวัญใจมาก่อน ตอนนี้คุณจะกลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว สำหรับศิลปินแล้ว เป็นบทเรียนที่ยากมาก โดยเฉพาะวันนี้ แต่ละคนก็ไม่เลวเลย ฉันรู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลยทีเดียว ทั้งสามคนก็สู้มาแต่เล็กจนมีวันนี้ สู้ๆต่อไป

ถาม  : คุณคิดว่าความนิยมในสมัยนั้นของเสี่ยวหู่ตุ้ยกับความนิยมชมชื่อในศิลปินในสมัยนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร?

ตอบ :  ฉันคิดว่าศิลปินวงหนึ่งที่ได้รับการนิยมนั้นมันมีความเกี่ยวข้องกับเวลา สถานที่ และแฟชั่นในสมัยนั้นนั้นเป็นอย่างมาก พวกเขาสามคนสามารถพูดได้ว่าพวกเขาเป็นวงสามหนุ่มที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งเต้นทั้งร้อง และทั้งสามคนก็ไม่เหมือนกันด้วย คนหนึ่งเก่งด้านเรียน คนหนึ่งเก่งด้านเต้น อีกคนหนึ่งร้ายกาจมากๆ ฉะนั้นฉันคิดว่าในสมันนั้น ฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยจัดงานร้องเพลง คิดไม่ถึงเลยว่างานนั้นจะมีคนมากันล้นหลาม ทุกคนก็ล้วนคิดไม่ถึง ฉันคิดว่าดาราแต่ละคนนั้นต่างก็มีดวงใจของตัวเอง คุณไปเกิดในช่วงนั้นพอดี แล้วก็ทำให้คุณดังระเบิดในทันใดเลย

ถาม :  เสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีการรวมตัวกันในคือฉลองเทศกาลตรุษจีนที่ประเทศจีนอย่างแน่นอนแล้ว คุณมองอย่างไร?

ตอบ :  ฉันดีใจมากๆ พวกเขาก็เคยคิดที่จะรวมตัวกันเหมือนกัน เพราะฉันคิดว่าหลายคนได้ฟังเพลงของพวกเขาแล้วโตมากับเพลงเหล่านั้น แต่เวลาของทั้งสามคนกลับไม่ลงตรงกัน ฉะนั้นครั้งนี้สามารถรวมตัวกันได้ ฉันเชื่อว่าแฟนคลับมากมายคงจะดีใจเป็นอย่างมาก

ถาม : คุณคาดหวังที่พวกเขาจะมีคอนทัวร์เสิร์ทไหม?

ตอบ :  ฉันคิดว่าฉันปรารถนาที่จะเห็นพวกเขาร้องเพลงอีก จริงๆแล้วครั้งแรกที่ฉันพาพวกเขาไปที่เซี่ยงไฮ้ เห็นว่าคอนเสิร์ทของพวกเขามีคนมาฟังมากมาย เป็นเรื่องที่ดีใจมาก พวกเขาสามคนโตกันแล้ว ก็เหมือนกับที่  “เฉาหมง” ได้กลับมาเปิดคอนเสิร์ทที่ไต้หวัน สนุกมากๆ และทำให้แฟนๆดีใจกันถ้วนหน้า ฉันคิดว่า ให้แฟนเพลงสุขใจอีกครั้ง เป็นหน้าที่ของพวกเขา เหมือนกับรูปนี้เป็นรูปที่พวกเขาออกคอนเสิร์ทครั้งแรก ในปี 1989  คุณดูซิ คนที่เปลี่ยนเยอะที่สุดน่าจะเป็นหวงจื่อเจียว เวลาผ่านไปเร็วมาก

852

สัมภาษณ์หวงจื่อเจียว พูดถึงเสี่ยวหู่ตุ้ย

21 มกราคม 2010 (หวงจื่อเจียว เคยอิจฉาที่เสี่ยวหู่ตุ้ยดัง )

หวงจือเจียวที่ได้เข้าสู่วงการร่วมกันกับเสี่ยวหู่ตุ้ย สำหรับหวงจื่อเจียวแล้วเสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นที่คุ้ยเคยกันอย่างดี หลายปีมานี้หวงจื่อเจียวกับเสี่ยวหุ่ตุ้ยนั้นประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น แต่ยังมีภาพตอนเข้าสู่วงการใหม่ๆนั้นติดตามมาตลอด

หวงจื่อเจียวกล่าวว่า >>  การเป็นเพื่อนร่วมทางด้วยกันนั้น เขาเคยอิจฉาที่เสี่ยวหู่ตุ้ยดัง และภาพลักษณ์ที่เขาติดตาในตัวเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นเป็นภาพที่เด่นชัด เช่น (ฉีหลง) เป็นคนที่มีความรักก่อนใครเลย

ถาม :  คุณยังจำช่วงที่ทำงานกับเสี่ยวหู่ตุ้ยได้ไหม?

จื่อเจียว :  ตอนนั้นพวกเราเข้าสู่วงการด้วยกัน ห่างกันแค่ประมาณสองสามเดือนเองมั้ง ตอนนั้นพวกเราได้แข่งขันกันในรายการหนึ่ง จากนั้นผมเป็นคนตลก แต่เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นวงที่หล่อและเป็นขวัญใจ ไม่เคยคิดเลยว่า หลังจากที่พวกเขาได้มีโอกาสร้องเพลงกับ (เสี่ยวเมาตุ้ย) แล้วกลับดังระเบิดเลย

ผมจำได้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงที่เรากำลังอัดรายการ ทุกวันอาทิตย์ที่อัดรายการของ(สถานีหัวซื่อ) นั้นจะแน่นไปด้วยผู้คน จากนั้นพวกเขาก็มีการจัดงานแจกลายเซ็น มีแฟนๆมานับหมื่นซึ่งที่ไต้หวันไม่เคยมีเรื่องอย่างนี้มาก่อนเลย  ช่วงปี 88...89  สำหรับพวกเราที่เป็นรุ่นพี่นั้นก็รู้สึกประทับใจ และอิจฉาไปด้วย รู้สึกว่าพวกเขาเป็นที่นิยมมาก

คุณดูซิ (ไกวๆหู่) นั้นต้องเรียนตลอดวัน แล้ว (ฉีหลง) ก็ต้องฝึกตีลังกาตลอด ผมรู้สึกว่าตอนนั้นสิ่งที่ผมรู้สึกพวกเขาสามคนความสัมพันธ์ของพวกเราดีมากๆ และภาพลักษณ์ก็ดีมากๆ และพวกเขาก็เป็นขวัญใจของคนไต้หวันที่รักในการแสดงเป็นอย่างมาก



ถาม : สิ่งที่ลืมยากที่สุดคือ

จื่อเจียว :  จริงๆแล้วตอนนั้นเพราะว่าพวกเขาจะต้องมีการแสดงบนเวที โดยเฉพาะเสี่ยวหู่ตุ้ย เป็นสิ่งที่ทุกคนยากจะลืมเลย เช่นการแต่งตัวของพวกเขา คุณลองจิตนาการณ์ดู ชุดสูทที่หล่อเท่มากๆ ทุกอย่างล้วนสั่งตัด เหตุที่ท่าเต้นบนเวทีของพวกเขานั้นหนักมาก ฉะนั้นพวกเขามีเหงื่อเยอะ ฉะนั้นทุกครั้งที่ไปเปลี่ยนเสื้อหลังเวทีก็จะมีเรื่องขำเกิดขึ้น เพราะคุณจะเห็นว่าหลังจากที่ถอดสูทออกแล้ว คุณจะเป็นเสื้อเชิ๊ดนั้นไม่มีคอ หรือว่าด้านหลังแหว่ง เหตุเพราะต้องการจะให้มีลมเข้า กันร้อน

ฉะนั้นดูภายนอกแล้วพวกเขาดูเหมือนเต็มสูท หล่อไร้ที่ติ แต่ถ้าถอดชุดสูทแล้ว จะมีความทุเรศออกมาให้เห็น(หัวเราะ)  แต่ว่าผู้ชมจะไม่เห็น อีกอย่างผมรู้สึกว่าพวกเขาเป็นวงหนึ่งที่ทนทุกข์มากในตอนนั้น เพราะพวกเขาดังเกินไป ฉะนั้นจะไปเดินเที่ยวก็เป็นการยาก หรือว่าอาหารการกิน ก็ถูกคุมอย่างหนัก บางครั้งยังต้องเจอความเครียดของการเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น

เช่นตอนนั้นบริษัทของพวกเรานั้นโหดมาก ศิลปินแต่ละคนจะมีตู้จดหมายของตัวเอง รวมถึงตัวผมเองด้วย แล้วของพวกเขาสามคนั้นคุณจะเห็นว่าตู้พวกเขาแทบจะระเบิดจดหมายนั้นหล่นบนพื้นดัง ป้า ป้า ป้า ผมรู้สึกว่าการเป็นขวัญใจนั้นลำบากจริงๆ คุณลองคิดดูจะอ่านจดหมายเหล่านั้นให้หมด มันไม่ง่ายเลย แน่นอนทั้งสามก็มีการจดหมายที่ต่างกัน

ผมจำได้ว่าตอนแรกจดหมายของ (ฉีหลง) เยอะที่สุด ต่อจากนั้น (จื้อเผิง) ก็ตามมาติดๆ สุดท้ายของ(โหย่วเผิง) เยอะสุด  จริงๆแล้วพวกเขาทั้งสามคนก็น่ารักดี สำหรับ (ฉีหลง) นั้นเรื่องความรักจะเยอะหน่อย เขาน่าจะเป็นคนแรกที่มีความรัก

(โหย่วเผิง) นั้น พูดตรงๆว่าเขานั้นลำบากมาก เขามักจะใส่ชุดนักเรียนแล้วมาเปลี่ยนที่บริษัทบ่อยๆ เขาจะช้านิดหนึ่ง ตอนขึ้นเวทีเขาจะเป็นคนคิดมาก 

(จื้อเผิง) เป็นตัวของตัวเองมาก แต่เขาเองก็เป็นคนที่ขี้สงสารตัวเอง นับได้ว่าเขาเป็นบรรพบุรุษของคนที่ขี้สงสารตัวเอง ตอนนั้นเขาก็รู้ที่จะดักผม มักจะใส่ใจในตัวเอง ตอนนั้นหลายคนบอกว่าเขาเหมือน (จางก๋อหยง/ลิสลี่จาง)  ฉะนั้นเขาจะเป็นคนที่เพล้อ คิดว่าตัวเองนั้นหล่อที่สุด


ถาม :  บรรดาเพลงต่างๆนั้นเพลงไหนที่คุ้นที่สุด แล้วตอนนั้นเป็นที่นิยมที่สุดนั้น สาเหตุสำคัญคืออะไร?

จื่อเจียว :  จริงๆแล้วเพลงที่ผมคุ้นเคยและรู้จักนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับทุกคน ก็น่าจะเป็นเพลง(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)ในสมัยนั้น เพราะเพลงนี้จะเปิดในรายการของ (พี่เสี่ยวเยี่ยน)  ผมจำได้ว่าตอนนั้นทุกคนก็ชื่นชอบ จากนั้นก็ออกอัลบั้มประสานเสียง ซึ่งร้องด้วยกันกับ (เสี่ยวเมาตุ้ย)  และตอนนั้นสิ่งที่ร้ายกว่านั้นคือ ตอนนั้นไม่ค่อยมีใครสนใจ (เสี่ยวเมาตุ้ย) เลย แต่ทุกคนกลับรอคอยรายการ(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) ที่หลังจากรายการของเสี่ยวเมาตุ้ย

ผมรู้สึกว่าสภาพการณ์อย่างนั้นมันลืมยากมาก เพราะมันไม่มีอีกแล้ว รวมทั้งขวัญใจรุ่นหลังก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น F4  ยังมีอีกหลายวง ใช่พวกเขาก็ดังเหมือนกัน แต่ว่าไม่เหมือนกับพวกเสี่ยวหู่ตุ้ย สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่จำฝังใจไม่เคยลืมเลย และเพลงหลังๆของพวกเขาผมเองก็ชื่นชอบเหมือนกัน เช่น(หงชิงเถียน) ได้แปลเป็นภาษาญี่ปุ่น พวกเขาได้ใส่ชุดยีนส์ ถือกีตาร์ และพวกเขาไปฝึกซ้อมเพื่อจะเข้ากับดนตรี ผมรู้สึกว่ามันประทับใจมาก

เช่นเพลงหนึ่งที่ชื่อว่า (อ้าย) พวกเขาไปคิดภาษามือ แล้วใช้ภาษามือเป็นท่าเต้น ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยากจะลืม


ถาม :  มุมมองของคุณนั้น วงขวัญใจในวันนี้กับเสี่ยวหู่ตุ้ยในอดีตมีความต่างกันอย่างไร? แล้วสิ่งที่ต่างกันที่สุดคืออะไร?

จื่อเจียว :  สมัยนั้น ทุกคนล้วนใสซื่อไร้เดียงสา ไม่มีตัวเลือกให้เลือกเยอะ แต่วันนี้พวกเรามีหลายๆวงที่จะให้เราเลือกดู ฉะนั้นผมคิดว่าสมัยนี้ทำให้จุดสนใจของผู้ชมนั้นแตกกระจ่ายกันไป และตอนนั้นพวกเขาก็ได้เป็นที่รู้จักของทุกคนผ่านทางรายการหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นรายการเกมส์หรืออะไรก็ตาม ล้วนมีพวกเขา ทำให้เป็นที่รู้จักของทุกคน ยิ่งกว่านั้นตอนนั้นสถานีก็แค่ 3 ช่องเอง หากไม่ดูเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้วจะไปดูใครล่ะ?

ถาม :  เสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีการรวมตัวอีกครั้งในคืนฉลองตรุษจีนที่ประเทศจีน เรื่องนี้คุณมองอย่างไร? 

จื่อเจียว :  ที่ผ่านมาจริงๆแล้วพวกเราก็เคยเห็นการจัดงานอย่างนี้ที่ไต้หวัน แต่ส่วนมากแล้วผมเองก็จะเอาเวลาไปพักผ่อน

853
http://www.chinanews.com.cn/yl/yl-ypkb/news/2010/01-11/2064181.shtml

11 มกราคม 2010 ข่าวคืนฉลองเทศกาลตุรุษจีน เนื้อหาเกี่ยวกับคำพูดของโหย่วเผิง

การเตรียมรายการแสดงของคืนฉลองเทศกาลตรุษจีนของสถานียางซื่อกำลังเคร่งเครียด และสิ่งที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมากว่าจะมีรายการอะไรบ้างที่จะนำมาแสดงบนเวที เมื่อวานโหย่วเผิงได้มาที่เผิงซิ่นซิงกวาง และรายการแสดงของคืนวันนั้นก็เป็นประเด็นร้อนที่นักข่าวอยากจะถามเขา

(โหย่วเผิง) บอกกับนักข่าวว่า เขาจะมุ่งมั่นตั้งใจที่จะไปเตรียมการแสดงของเขา ทั้งยังตั้งใจที่จะไปซ้อมการแสดงด้วย อย่างไรก็ตามทาง (อู่ฉีหลง) นั้นยังติดงานถ่ายภาพยนตร์อยู่ แต่ก็คาดการณ์ว่าทั้งสามคนจะรวมตัวกันเป็นครั้งแรกที่จะซ้อมการแสดงนั้นก็คงจะหลังวันที่ 20

แล้วการที่ทั้งสามคนจะซ้อมการแสดงนั้น ตำแหน่งการยืนของทั้งสามคนจะเป็นไปตามที่ทางผู้จัดวางไว้อย่างนั้นหรือเปล่า ให้น้องเล็กในอดีตอย่าง (โหย่วเผิง) นั้นยืนอยู่ตรงกลางซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญ? ตอนนี้แต่ละคนก็ล้วนไม่เหมือนเดิมแล้ว (โหย่วเผิง) ยังอยู่ในแวดวงบันเทิงอยู่ แต่ทาง (อู่ฉีหลง) นั้นไม่ค่อยเห็นผลงานด้านการแสดงเท่าไหร่ ส่วน (จื้อเผิง) นั้นไม่เห็นแม้แต่เงาเลย (โหย่วเผิง) กล่าวว่า มันคงจะเป็นตำแหน่งเดิม ถ้ามิเช่นนั้นก็คงจะไม่คลากสิค



ข่าวคราวเรื่องการรวมตัวกันของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นได้มีกระแสตลอดระยะเวลา 20 ปีแล้ว (โหย่วเผิง) กล่าวว่า หน้าที่ที่สำคัญในตอนนี้คืองานคืนเทศกาลตุรุษจีน แล้วเรื่องอื่นนั้นเอาไว้คุยกันหลังเสร็จงานนี้ก็แล้วกัน

รายการคืนนั้นของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นร้องเพลง 3 เพลงในเวลา 5 นาที เครื่องแต่งกายให้เข้ากับหัวข้อของปีเสือ

เสี่ยวหู่ตุ้ยร่วมแสดงคืนเทศกาลตุรุษจีน ตอนนี้นั้นเตรียมพร้อมแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง เหลือเพียงรอการซ้อมแสดงของวันที่ 20 (ม.ค) เมื่อวาน ผู้จัดการส่วนตัวของโหย่วเผิงได้พูดกับนักข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า เธอจะให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเป็นพิเศษเกี่ยวกับชุดแต่งกายของพวกเขา

ผู้จัดการส่วนตัวกล่าว เสื้อผ้าที่ทั้งสามคนจะใส่ในการแสดงนั้นผู้จัดงานได้ประสานให้ช่างมาช่วยวัดตัวและจะตัดให้ ตอนนี้ผู้จัดการส่วนตัวของทั้งสามคนก็ได้รับแบบเสื้อต้นคราวๆจากทางช่างตัดแล้ว “เสื้อผ้านั้นเข้ากับเวทีมาก ทั้งยังเป็นเสื้อที่ทันสมัยสมกับปี 2010 มันเหมาะและเข้ากับหัวข้อในคืนวันนั้นมาก” แล้วทางนักข่าวถามอีกว่าเสื้อนั้นจะมีรูปเสือด้วยหรือเปล่า ทางผู้จัดการกล่าว เรื่องนี้ไว้ท้ายสุดค่อยตัดสินใจ

ตามที่ทราบมา เวลาการแสดงนั้นประมาณ 5 นาที และพวกเขาจะร้อง 3 เพลงอมตะอย่าง (หูเตี๋ยเฟยยา/Butterflies Fly )( อ้าย/Love ) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน/Green Apple Paradise ) แล้วเสือน้อยทั้งสามตัวที่ได้แยกวงไปนานแล้วตอนนี้กลับมารวมตัวร้องเพลงตอนอยู่วงเดียวกันนั้นจะมีบรรยกาศและสปิริตเก่าๆให้เห็นอยู่หรือไม่? ทางผู้จัดการกล่าว “3 เพลงเป็นทาง (สถานียางซื่อ) เป็นผู้จัด จะเห็นก็ต่อเมื่อตอนที่พวกเขาได้มาซ้อมด้วยกัน พวกเราจะพยายามทำอย่างสุดกำลัง จะสร้างความรู้สึกที่ยังใกล้ชิดกันตลอดมากับบรรดาแฟนๆ

ทางผู้จัดการยังกล่าวอีกว่า ช่วงนี้ (โหย่วเผิง) มีแต่เรื่องดีๆ ไม่เพียงได้เชิญมาร่วมงานนี้ ทั้งยังได้รับรางวัลนักแสดงทะลุทะลวง(คือเปลี่ยนจากภาพลักษณ์ดีไปเล่นบทร้าย) จากฝ่ายภาพยนตร์ของจีนในเรื่องเฟิงเซิง และได้รับรางวัลนักแสดงดาวรุ่งจากซิงกวง(QQ)ด้วย หลังจากงานคืนตุรุษจีนแล้ว 24 กุมภาพันธ์จะไปไต้หวันโปรโมทเรื่อง(ตามหาพี่หลิวซัน)ที่โหย่วเผิงแสดงเป็นพระเอก


854
8 มกราคม 2010 คืนฉลองตุรุษจีนเสี่ยวหู่ตุ้ย 5 นาที 3 เพลง



เสี่ยวหุ่ตุ้ย 5 นาที 3 เพลง

“พวกเราทราบดีว่าทุกคนก็ล้วนสนใจกับการรวมตัวกันของเสี่ยวหู่ตุ้ย แต่ว่าจริงๆแล้วไม่อยากให้ใจจดใจจ่อจนเกินไป เกินจนเม้กระทั่งตำแหน่งการยืนก็ต้องรู้..” เมื่อวานนักข่าวได้โทรศัพท์มาถามผู้จัดการส่วนตัวโหย่วเผิง ได้ถามถึงเพลงที่จะร้องในคืนนั้นและตำแหน่งยืนของพวกเขาสารพัดเรื่อง ทำให้น้ำเสียงเธอเหมือนเบื่อหน่าย

ก็เหมือนว่าคนเรายิ่งอยู่ยิ่งอยากหวนคิดเรื่องอดีต ความเป็นจริงนั้น สิ่งที่น่าจะสนใจรอคอยในคืนนั้น น่าจะเป็นแฟนคลับที่ร่วมเดินทางอันยาวนานมากับพวกเรา เสี่ยวหู่ตุ้ยจะรวมตัวกันในคืนตุรุษจีนของปีเสือนั้นคงไม่ต้องสงสัย ตอนนี้สิ่งที่แน่นอนอยู่แล้วนั้นก็คือ เสี่ยวหู่ตุ้ยจะขึ้นบนเวที่ร้องเพลง๓เพลง (หูเตี๋ยเฟย )(อ้าย ) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) ในเวลา 5 นาที สหายสามคนที่ไม่ได้รวมกันแรมปีก็จะมารวมกันที่ปักกิ่ง จะมีการซ้อมการแสดงอย่างเป็นทางการ


“ตำแหน่งการยืน” จริงๆแล้วเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง

เมื่อวาน ขณะที่นักข่าวโทรศัพท์สัมภาษณ์จื้อเผิง เขากำลังจัดเตรียมสัมภาระที่จะออกเดินทางไปไต้หวันในพรุ่งนี้เช้า เมื่อเอ่ยถึงเรื่องการซ้อมการแสดงในคืนวันงาน ดูเขาสบายๆ กล่าวว่าวันที่ 20 จะบินไปปักกิ่งสมทบกับเพื่อนอีกสองคน จื้อเผิงเป็นคนที่เงียบที่สุดในบรรดาสามคน และเป็นคนที่อยู่กับอดีต ได้ถามเขาว่าได้ร่วมร้องเพลงกับเพื่อนๆที่ต่างแยกย้ายกันไปตั้ง 20 ปีรู้สึกอย่างไรบ้าง เขาได้หยุดนิ่งพักหนึ่ง “ครั้งล่าสุดที่พวกเราทั้งสามได้ขึ้นเวทีร้องเพลงนั้น เป็นงานคอนเสิร์ดของโหย่วเผิงที่ไปเปิดที่เซี่ยงไฮ้(2002) เขาบอกว่าเราสองคนจะต้องไปให้ได้ เมื่อยกนิ้วมานับดู มันก็ผ่านไปเกือบ 8 ปีแล้ว ..” ตอนนั้น ทั้งสามคนร่วมร้องเพลง (ซิงกวงอีหยานชางลั่น) จนถึงวันนี้ทางแฟนคลับก็ยังเป็นห่วงพี่น้องของเราอยู่เสมอ

คนที่เข้าใจแฟนคลับของเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ทราบกันดีว่า จื้อเผิงเป็นผู้มากความสามารถในวง ท่าเต้นในสมัยนั้นล้วนเป็นการคิดค้นโดยจื้อเผิง หลายปีมานี้ เขาเองก็ยังเข้าแข่งขันการประกวดเต้นของวงการศิลปินอยู่เรื่อยมา และก็มักจะได้รับรางวัลอยู่เสมอ และงานครั้งนี้นั้น ไม่รู้ว่าเขาจะมารับหน้าที่เดิมอยู่หรือเปล่า มานำสอนท่าเต้นของทั้งสองคน? เขากล่าวว่า ครั้งนี้น่าจะมีอาจารย์สอนเต้นจากสถานียางซื่อมาฝึกสอน แต่ว่าตัวเองก็จะพยายามเสนอไอเดียดีๆให้

ได้พูดถึงบางข่าวเขียนข่าวว่า “แม้ว่างานการรุ่งสู้โหย่วเผิงไม่ได้ แต่ว่าอู่ฉีหลงก็ยังจะขอยืนตรงกลาง” จื้อเผิงบอกว่าข่าวอย่างนี้ไร้สาระ เขาหัวเราะ “เรื่องอย่างนี้ยังนำมาเขียนด้วย ทางผู้จัดการของอู่ฉีหลงเข้าใจว่า รูปแบบการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นได้กำหนดไว้แต่เนิ่นๆแล้ว ไม่จำเป็นที่จะนำมาเขียนข่าว ทางผู้กำกับของโหย่วเผิงก็พูดได้ยิ่งตรง “ถ้าเปลี่ยนตำแหน่งแล้ว ก็จะไม่ใช่เสี่ยวหู่ตุ้ยซิ”


ดังกว่าใคร

ไม่สามารถจะปฏิเสธได้ว่า วงเด็กหนุ่มเสี่ยวหู่ตุ้ยที่ดังทั่วแผ่นดินเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผ่านมาแล้วนับสิบปีแฟนๆยังคงมีความทรงจำที่ดีและไม่เคยลืมนับว่าเป็นปฏิหาร์ณ์อย่างยิ่ง แต่ว่า หลังจากที่เสือน้อยสามตัวต่างคนต่างบินแล้ว เส้นทางชีวิตของแต่ละคนกลับต่างกัน อู่ฉีหลงเข้าสู่เส้นทางเล่นละครโทรทัศน์ จื้อเผิงเล่นละครเวที ภาพยนตร์ พิธีกร ล้วนทำมาแล้ว โหย่วเผิงแข็งใจสู้เข้าสู่เส้นทางภาพยนตร์ โดยเฉพาะเฟิงเซิงที่แสดงไปเมื่อปีที่แล้ว ฝีมือการแสดงนั้นเป็นที่ยอมรับของผู้คนมากขึ้น แล้วเรื่องที่ว่าทั้งสามคนนั้นใครเด่นดังสุด ความสนใจในเรื่องนี้นั้นทางแฟนคลับและสื่ออาจจะใส่ใจมากกว่าตัวพวกเขาเอง โดยเฉพาะการรวมตัวในครั้งนี้ ข่าวจิปาถะมากมายได้เขียนว่าไม่ลงรอยกันอย่างโน้นอย่างนี้

สำหรับทางผู้จัดการส่วนตัวของอู่ฉีหลงได้กล่าวว่า “หลายปีมานี้ พวกเขาสามคนต่างก็เข้าไปสังกัดค่ายที่ต่างกัน ต่างคนก็ต่างพัฒนาก้าวหน้าในงานอาชีพของตน การที่สามารถที่จะมารวมตัวกันในงานตุรุษจีนนั้นก็ยากแสนยากแล้ว หวังอยากจะให้ทุกคนสนใจเรื่องการแสดงของพวกเขามากกว่า อย่าไปใส่ใจเรื่องไร้สาระเหล่านั้นเลย มันทำร้ายจิตใจของเขาทั้งสามคน อู่ฉีหลงนั้นให้ความสำคัญกับการรวมตัวกันในคืนตุรุษจีนเป็นอย่างมาก ปรารถนาที่จะแสดงรายการที่ดีเยี่ยมออกไป” ทางผู้จัดการส่วนตัวของโหย่วเผิงก็พูดตรงๆว่า ไม่อยากจะให้ทุกคนหมกมุ่นกับเรื่องไร้สาระอย่างนี้ เพราะมันอาจสร้างความกดดันให้กับเขาทั้งสามคนได้

จื้อเผิงนั้นอาจจะรู้จักปล่อยวางมากกว่าทางผู้จัดการของทั้งสอง เขาเหมือนปล่อยไปตามธรรมชาติแล้วได้พูดอย่างสบายๆว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ดี ใครจะพูดอะไรก็พูดไป ผมขอเพียงทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พยายามแสดงให้ดีที่สุด ให้ผู้ชมดูแล้วสนุก ไม่ให้พวกเขาผิดหวังในตัวเสี่ยวหู่ตุ้ยเมื่อ 20 ปี ให้รู้สึกว่าพวกเราเก่งขึ้นก็ดีแล้ว”



คุ้มค่าแก่การรอคอย ตั้งใจดูเสี่ยวหู่ตุ้ยในคืนเทศกาลตุรุษจีน

เหตุเพราะอู่ฉีหลงจะปิดกล้องเรื่องที่เขากำลังถ่ายทำที่เหินเตี้ยนในวันที่ 20 นี้ การซ้อมครั้งแรกของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นก็ต้องรอจนถึงวันที่ 20 สองสามวันนี้ ผู้จัดการส่วนตัวของพวกเขาก็ได้ประสานงานเกี่ยวกับเสื้อผ้าที่จะใส่ในงานแสดง ทางผู้จัดงานกล่าวว่า ทางผุ้จัดงานจะทำเสื้อให้เข้ากับงานและสไตล์ของพวกเขาแต่ละคนอย่างเหมาะสม สำคัญคือทำให้งานมีสีสันขึ้น

ตามที่ทราบมา หนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะซ้อมนั้น เสี่ยวหู่ตุ้ยต่างก็จะยุ่งกับงานของตัวเอง และต้นเดือนกุมภาพันธ์ก่อนจะแสดงนั้น ก็จะไปซ้อมใหญ่อีกครั้งที่สถานียางซื่อ เพราะเพลงที่เสี่ยวหู่ตุ้ยร้องนั้นเป็นเพลงที่คุ้นเคยกันดี ไม่เน้นความยากของเทคนิก ส่วนปัญหาอย่างอื่นนั้น พวกเขาก็ไม่มี และทางทีมงานผู้เตรียมงานได้ให้สื่อสัมภาษณ์ว่า พวกเขาบอกว่าการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นน่าดูมาก “เสี่ยวหู่ตุ้ยกับจ้าวเปิ่นซันเหมือนกัน เป็นวงบุคคลที่ทุกคนรอคอย แม้ว่าจะไม่สามารถพูดว่าสามารถได้เหรียญทองแล้ว แต่ว่าการแสดงของพวกเขาก็พร้อม 78 เปอร์เซ็นแล้ว สุดท้ายก็ต้องดูเรื่องลีลาในเวทีของพวกเขาอีกที”

แม้ว่ายังจะไม่ขึ้นเวที แต่ว่าทางบริษัทจัดคอนเสิร์ดหลายๆค่ายก็ได้ยืนข้อเสนอในการไปทัวร์คอนเสิร์ทของพวกเขาแล้ว สำหรับเรื่องนี้ทางโหย่วเผิงนั้นเขามีจุดยืนที่ชัดเจน ทางผู้จัดการส่วนตัวบอกว่าการจะไปจัดทัวร์คอนเสิร์ทนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะพวกเขาทั้งสามไม่ได้เป็นนักร้องมืออาชีพแล้ว” อย่างไรก็ดีเธอก็ไม่ปฏิเสธอนาคตที่จะร่วมงานกุศลกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ต่างๆ แน่นอน ในใจของแฟนคลับนั้นเสี่ยวหู่ตุ้ยยังเป็นหนึ่งอยู่ การที่จะมีงานร่วมกัน ก็เป็นสิ่งที่ดีมากแล้ว



855
7 มกราคม 2010: ข่าวคืนฉลองเทศการตุรุษจีน เนื้อหาที่ถูกต้องเท่านั้น


เสี่ยวหู่ตุ้ยจะซ้อมรายการในคืนวันที่ 20

เมื่อวานนักข่าวทราบข่าวมาว่า ทางผู้จัดรายการกับผู้จัดการส่วนตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยได้มีโอกาสคุยกัน ได้กำหนดอย่างแน่ชัดแล้วว่าทางเสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีการซ้อมรายการแสดงอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 เพื่อเตรียมต้อนรับปีเสือ ทั้งสามคนจะร้อง (หูเตี๋ยเฟยยา) (อ้าย ) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)สามเพลงอมตะ สำหรับเรื่องของจัดสรรตำแหน่งการยืนนั้น ก็มีคำตอบที่ชัดเจนแล้ว

เมื่อวานทางนักข่าวได้พูดกับผู้จัดการส่วนตัวของ (โหย่วเผิง) ถามว่า (โหย่วเผิง) ซีเรียสเกี่ยวกับตำแหน่งการยืนในงานแสดงคืนนั้นใช่ไหม ทางผู้จัดการส่วนตัวตอบว่า “ข่าวนี้มันไร้สาระมาก โหย่วเผิงนั้นมีความตั้งใจรอการรวมตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นอย่างมาก

คืนงานกำหนดช่างทำเสื้อตัดเสื้อ

ตอนนั้นที่เสี่ยวหู่ตุ้ยก่อตั้งขึ้นแล้วนั้น ก็จะมีช่างตัดเสื้อประจำตัวคอยตัดเสื้อให้พวกเขาทั้งสามคนหลังจากที่แยกย้ายกันไปแล้ว ต่างก็ได้โตกลายเป็นผู้ใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้ต่างคนก็ต่างมีเอกลักษณ์ในการแต่งตัวของตนเองไปแล้ว

การแต่งตัวตอนอยู่ในงานเลี้ยงก็เป็นที่สนใจของทุกคนด้วยเหมือนกัน ผู้ที่สนิทกับพวกเขาบอกกับนักข่าวว่าตอนนี้ก็ได้กำหนดเรื่องนี้ไว้แล้ว จะมีช่างตัดเสื้อจะมาช่วยตัดเสื้อผ้าให้พวกเขาทั้งสามคนในคืนวันงานและชุดการแสดงด้วย สำหรับเรื่องเอกลักษณ์สไตล์นั้น ก็จะมีการออกแบบให้เข้ากับงานและเข้ากับเอกลักษณ์ส่วนตัวของทั้งสามคนเหมือนกัน ตอนนี้ทางผู้จัดการส่วนตัวของแต่ละคนก็ล้วนได้รับรูปชุดจะแสดงต้นฉบับไปดูพิจารณาแล้ว หลังจากที่ทั้งสามได้แนะนำและเสนอมาแล้ว ตอนนี้ก็ยังอยู่ในอีกขั้นตอนหนึ่งคือการแก้ปรับปรุง

เสี่ยวหู่ตุ้ย ปี 80 นั้นไม่มีการแกร่งแย่งใครเป็นเอก

ในปี 1988 นั้นสถานีหัวซื่อของไต้หวันได้จัดรายาการหนึ่งและมีพิธีกรสาวน้อยสามคนเป็นพิธีกร เรียกว่า เสี่ยวเมาตุ้ย หลังจากดำเนินรายการไปแล้ว ทางผู้ชมก็ตอบสนองมาว่าน่าจะมีพิธีกรหนุ่มน้อยอีกสามคน ถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ

และแล้วเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ได้เกิดขึ้น พวกเขาก็คือ

ผี่ลี่หู่ : อู่ฉีหลง

เสี่ยวสร้อยหู่ : เฉินจื้อเผิง

ไกวๆหู่ : ซูโหย่วเผิง

ปี 80 ช่วงปลายก่อนศตวรรษนั้น เสี่ยวหู่ตุ้ยได้กลายเป็นขวัญใจไปโดยไม่มีข้อกังขา และพวกเขาก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ในการออกคอนเสิร์ดร้องเพลงกว่ายี่สิบคอนเสิร์ด สะท้านทั่วเวทีคอนเสิร์ด สุดท้ายก็ต้องแยกทางกันเพราะต่างคนต่างก็ต้องไปเรียน หรือเหตุบางคนต้องไปเกณฑ์ทหาร




856
คืนฉลองเทศกาลตุรุษจีนจะจัดในวันที่ 8 เสี่ยวหู่ตุ้ยกำหนดซ้อมวันที่ 20 ม.ค.2010

รายงานข่าว งานสี่ภาษาที่จะจัดขึ้นใน 1 มกราคม นั้นจะถูกเลื่อนออกไป เหตุเพราะเวลาของดาราตลกหลายคน มาถึงวันนี้ถึงจะได้จัด เมื่อวานนักข่าวได้รับข่าวจากสถานียางซ่อที่จัดฉลองเทศกาลตุรุษจีน เลื่อนเวลาจัดงานของคืนฉลองตุรุษจีนเปลี่ยนเป็นวันที่ 8 นอกจากจ้าวเปิ่นซันแล้ว หวงหง ฮั่นหลิน ไฉ่หมิง เก๋อต่าก็ล้วนจะมาร่วมงานด้วย นอกจากนี้ทางนักข่าวยังมีข่าวอีกว่า เสี่ยวหู่ตุ้ยที่ถูกจับตานั้นก็จะมีการมาร่วมซ้อมรายการในสิ้นเดือนนี้ด้วย

ตามที่ทราบ หวงหงกับฮั่นหลินจะร่วมออกรายการหนึ่งในคืนนั้น(เหลี่ยงเหมาเฉียนอี้เจี่ยว) ในรายการการแสดงนั้น หวงหงรับบทเล่นเป็นชาวนาคนหนึ่ง นั่งอยู่ใต้ต้นจ้อดูลูกจ้อ ฮั่นหลินเป็นคนเยียบต้นจ้อ ก่อนที่ทั้งสองจะทำการค้าด้วยกันนั้นต่างก็จะพูดถึงเรื่องจ้อ

เนื้อหาใจความหลักคืนจะบอกกับทุกคนว่าอย่าโลภในสิ่งใดๆก็ จะต้องลงทำด้วยแรงตัวเอง และเทศกาลตุรุษจีนจะเริ่มในอาทิตย์ที่สอง ทางฝ่ายจัดรายการการแสดงของคืนวันนั้นก็ได้มีการคัดสรรรายการต้อนรับปีเสือ จะมีการซ้อมรายการแสดงติดต่อกันหกครั้งเริ่มจากวันที่ 31 มกราคม

นอกจากนี้เมื่อวานนักข่าวยังบอกว่า เสี่ยวหู่ตุ้ยที่แยกย้ายกันนานและจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง จะมีการซ้อมรายการแสดงของพวกเขานั้นปลายเดือนนี้ ตามที่ทราบ เวลารายการของเสี่ยวหู่ตุ้ยนประมาณ 5 นาที ทั้งสามคนจะรื้อเอาเพลงเก่าๆยอดฮิตมาปัดฝุ่นร้องอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นเพลง(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) (อ้าย) (หูเตี๋ยเฟยยา)เป็นต้น

ตามที่เข้าใจ ตอนนี้ทางจื้อเผิงกับโหย่วเผิงก็ได้ลางานของตัวเองแล้ว งานวันนั้นก็เหลือเพียงรอดูเวลาของอู่ฉีหลงว่าลงตัวอย่างไร นอกจากนี้ เมื่อวานทางผู้จัดการส่วนตัวของจื้อเผิงมาบอกกับนักข่าวว่า “แผนการแรกคือการไปซ้อมรายการที่ปักกิ่งช่วงวันที่ 20” สำหรับเรื่องตำแหน่งการยืนของทั้งสามคนนั้น ทางผู้จัดการบอกว่า “เมื่อก่อนเสี่ยวหู่ตุ้ยยืนอย่างไร ตอนนี้ก็ยังเหมือนกัน นี่เป็นเรื่องของหลักการ”







857
20 ปีก่อน เสี่ยวหู่ตุ้ยกลายเป็นขวัญใจของวัยรุ่นหนุ่มสาวอย่างนับไม่ถ้วน


ระยะนี้มีข่าวออกมาว่า การออกคอนเสิร์ดครบรอบ 20 ปีของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น เหตุเพราะหนึ่งในสามอย่างไกวๆหู่โหย่วเผิงที่ไม่ยอมร่วมมือกับทางเพื่อนๆ สำหรับเรื่องนี้ โหย่วเผิงได้ปิดปากไม่พูดมาตลอด ไม่ยอมโต้ตอบ เมื่อวาน สุดท้ายเขาได้

โต้ตอบโดยให้ผู้จัดการหัวอี้กล่าว เหตุที่ทำให้งานคอนเสิร์ดที่จะมีขึ้นล้มนั้นใช่ว่าตัวเองต้องการสร้างเครดิต ทั้งยังบอกว่าจะให้วิธีที่เหมาะสมในการที่จะร่วมกับแฟนๆระลึกครบรอบ 20 ปีของเสี่ยวหู่ตุ้ยด้วย

สำหรับเรื่องที่โหย่วเผิงเล่นตัวไม่อยากจะร่วมงานกับเพื่อนทั้งสองคนนั้น พูดตรงๆว่าโหย่วเผิงไม่ได้แคร์เรื่องของความมีน้ำใจสัจจะ เพราะว่าความนิยมดังของเขานั้นตอนนี้ก็ดังยิ่งกว่าทั้งสองคน เลยไม่ยอมที่จะเจียดเวลามาร่วมสร้างงานกับทั้งสองคน

สำหรับผู้จัดการส่วนตัวของโหย่วเผิงได้กล่าวว่า นี่เป็นข่าวที่ไม่มีมูลทั้งสิ้น ความเป็นจริง ช่วงตุลาคมที่ฉันกับโหย่วเผิงอยุ่ที่ฝรั่งเศสนั้น ก็ได้อ่านข่าวนี้แล้ว บางข่าวเขียนด่าโหย่วเผิงอย่างรุนแรง เช่นเขียนว่าโหย่วเผิงเป็นคนที่ไม่มีน้ำใจ ฉันคิดว่านี่เป็นการใส่ร้ายถึงนิสัยของเขา

ฉะนั้นอยากจะอธิบายหน่อย ฉันว่าความเป็นจริงนั้น สำหรับโหย่วเผิงนั้น ความทรงจำของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นเป็นสิ่งที่ตลอดชีวิตเขาไม่เคยลืมเลย ความทรงจำนี้ดีมาก ทั้งยังเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตของเขาอย่างใหญ่หลวง ฉะนั้น ขณะที่เขาย้อนคิดถึงเรื่องราวประสบการณ์เหล่านี้นั้น ก็จะรู้สึกถึงสิ่งดีต่างๆ สำหรับความเห็นส่วนตัวของฉันนั้น เสี่ยวหู่ตุ้ยก็ยังเป็นความทรงจำที่ดีๆของพวกเราอยู่ เสียงเพลงของพวกเขาก็ได้ร่วมเติบโตกับพวกเรา พวกเราก็พร้อมที่จะมีวิธีการที่เหมาะสม มาระลึกสานต่อความทรงจำนี้

การที่มีบริษัทได้ส่งเทีบบเชิญให้กับโหย่วเผิง แล้วโหย่วเผิงปฏิเสธ จริงหรือไม่? ผู้จัดการบอกว่า “หนึ่งปีที่ผ่านมานั้น พวกเราก็เคยได้รับเทียบเชิญประเภทที่จะให้พวกเขาทั้งสามคนไปออกคอนเสิร์ดด้วยกันหลายครั้ง ท่าทีของเราแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเปลี่ยน เพราะว่าการวางแผนนั้นไม่ละเอียดเลย เมื่อเตรียมตัวแล้ว ก็ไม่สามารถรับท่าทีของพวกเขาได้ สำหรับในข่าวที่พูดถึงผู้จัดรายการคอนเสิร์ดนั้น ฉันแทบไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องอะไร เขาจัดเวลาออกคอนเสิร์ดไว้เรียบร้อย โดยไม่ดูทางเรา ทำให้เราตกใจเหมือนกัน

ผู้จัดการกล่าวต่อ “ เรื่องราวหลายอย่างของชีวิตนั้น หลายอย่างเราสามารถกำหนดได้ แต่หลายเรื่องเรากำหนดไม่ได้ กับเรื่องระลึกการครบรอบ 20 ปีของเสี่ยวหู่ตุ้ย พวกเราจะพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ว่าจะใช้วิธีการรูปแบบอย่างไรนั้น ยังไม่ยืนยัน ก็ยังไม่สามารถประกาศเป็นทางการได้ แต่ว่า ก็เหมือนกับที่โหย่วเผิงเคยพูดสัมภาษณ์ไป เสี่ยวหู่ตุ้ยจะใช้รูปแบบวิธีการระลึกการครบรอบ 20 ปีอย่างเหมาะสม พวกเราจะใช้สิ่งที่มีอยู่ทำให้ดีทีสุดเท่าที่จะทำได้ ฉันเชื่อว่า นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่แฟนๆเสี่ยวหู่ตุ้ยอยากจะให้เกิดขึ้น ความเป็นจริงนั้น ทุกครั้งที่มีเรื่องไม่เข้าพวกของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น นิ้วที่ชี้ไปนั่นก็ล้วนชี้ที่โหย่วเผิง มันไม่ยุติธรรมต่อเขาเลย แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบออกมาอธิบาย ก็เป็นพวกความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย


งานคอนเสิร์ดครบรอบ 20 ปีของเสี่ยวหู่ตุ้ยล่ม

20 ปีก่อน เสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นเป็นขวัญใจของหนุ่มสาวไต้หวันนับหมื่นแสน ปี 1991 น้ำตาแห่งการแยกวงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นยังคงอยู่ในใจ แม้ว่าตอนนี้ต่างคนก็ยังอยู่ในเวทีที่ต่างกัน แต่ก็ไม่มีการรวมตัวกันต่อหน้าแฟนอีกเลย ปีนี้ครบรอบ 20 ปีแห่งเสี่ยวหู่ตุ้ย มีเหล่าบริษัทต่างๆมากมายอยากจะรวบรวมทั้งสามมาออกคอนเสิร์ด แต่ทางบริษัทได้บอกว่า ทางโหย่วเผิงนั้นไม่ยอมให้ความร่วมมือ ทำให้งานครั้งนี้ต้องล่มไป

เพราะว่าก่อนหน้านี้ทั้งสามเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าอยากจะรวมตัวกันเพื่อเจอแฟนๆอีกครั้ง และจากการที่พวกเขาได้ประกาศเจตนารมณ์ออกไปและความต้องการของแฟนๆแล้ว สองเดือนผ่านไป มีบริษัทวัฒนธรรมได้เสนอตัวจัดงาน “คอนเสิร์ดครบรอบ 20 ปีของเสี่ยวหู่ตุ้ย”

ทางบริษัทได้วางแผนจะจัดทัวร์คอนเสิร์ดนี้ ห้าที่ด้วยกัน

ครั้งแรกนั้นจะไปที่ปักกิ่งในช่วงปลาย 2008 ต่อจากนั้นก็ไปที่เซี่ยงไฮ้ฉลองปีใหม่ จากนั้นทางบริษัทผู้จะจัดทำได้ไปถามทั้งสามคน ทางจื้อเผิงกับฉีหลงก็ตอบตกลง แต่ทางผู้จัดการส่วนตัวของโหย่วเผิงกลับตอบว่าไม่ได้มีแผนการอย่างนี้ เหตุที่อยากจะน้าวโน้มโหย่วเผิง ทางผู้จัดการใหญ่ของบริษัทก็ได้ออกตัวมาพบโหย่วเผิงด้วยตัวเอง แต่ทางโหย่วเผิงก็ตอบกลับไปอย่างเดิมคือไม่เข้าร่วม ทำให้งานครั้งนั้นที่จะจัดก็ล่มลง

858
เสี่ยวหู่ตุ้ย”เป็นวงที่ยอดฮิตยอดนิยมวงหนึ่งในไต้หวัน เคยสร้างสถิติงานคอร์นเสิร์ตยี่สิบกว่าครั้งแต่ละครั้งเต็มไปด้วยความมันส์ความตื่นเต้น กระหึ่มทั่วคอนเสิร์ต ได้กลายเป็นวงนักร้องที่คึกคักวงหนึ่งในไต้หวัน การเกิดของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย”นั้นโดยบังเอิญแท้ กรกฏาคนปี1988 ค่ายเพลงไคลี่ของไต้หวันได้มีรายการ “เตี้ยนซื่อซิงชุนเจิงป้าจ้าง” (รายการเกี่ยวกับวัยใสวัยรุ่น) กลุ่มเป้าหมายคือพวกเด็กนักเรียนนักศึกษา เนื้อหารายการสบายๆสดใส มีพิธีการสามสามคนเป็นผู้จัดรายการชื่อว่า “เสี่ยวเมาตุ้ย” รายการเป็นที่นิยมมาก และแล้วมีคนเสนอว่าน่าจะเพิ่มผู้ชายเข้าไปอีกสามคนเพื่อให้มันสมดุลย์กันระหว่างชายหญิง เหตุนี้เอง ทางบริษัทได้ออกประกาศรับสมัครชายหนุ่มสามคน ได้ผ่านการคัดสรรอย่างหนักและเทคนิกการเต้น การร้องที่ดี “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ได้รับการคัดเลือก สมาชิกคือ อู๋ฉีหลง เฉิงจื้อเผิง ซูโหย่วเผิง

ใครจะรู้ชายหน่มที่ยังมีกลิ่นไอของนักเรียนทั้งสามคนได้ออกรายการ เด่นกว่าพิธีการเก่าทั้งสามคนอีก ได้รับการตอบรับจากวัยรุ่น เด็กเล็กเด็กแดงรวมทั้งผู้ใหญ่ด้วย เพลงที่พวกเขาได้ขับร้องก็ดังอย่างรวดเร็ว กระทั่ง พวกเขาก็ได่กลายเป็นวงนักร้องที่ตั้งขึ้นโดยกลุ่มนักเรียน แค่เวลาอันสั้นก็ได้กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่น เพลงของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ไม่เพียงแต่ดังในฮ่องกงไต้หวันเท่านั้น ที่จีนยังมีแฟนเพลงมากมายที่ชื่นชอบในตัวพวกเขา ไม่เพียงเท่านี้ รูปของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ที่ได้แผร่ไปทั่ว ยังเป็นสิ่งที่คนทั้งหลายเก็บสะสม ปี1990ไต้หวันได้จัดนักร้องเพลงยอดเยี่ยมไม่วาย “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ก็ไม่รับไปโดยไม่ยอมให้ใครเอาไป ขณะเดียวกัน อัลบั้ม “หงชิงถิง”(แมลงปอแดง) ได้ขึ้นเป็น (90 สิบเพลงยอดฮิต) บุคลิกภาพของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย เชื่อว่ายังคงอยู่ต่อไป แต่ว่าสมาชิกเสี่ยวหู่ตุ้ยจะต้องจากกันไปศึกษาต่อ เกณฑ์ทหารเป็นต้นเหตุนี้เองจึงทำให้แยกวง ขณะที่เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ออกอัลบั้มที่ 6 (พบกันไหม่) แล้วแยกจากกันชั่วคราว ในเพลงนั้นพวกเขาได้สัญญากับแฟนเพลงว่า “เชื่อเถิดว่าพรุ่งนี้เราจะพบกันใหม่ เหมือนดังสายเมฆที่จากท้องฟ้าไป”

859
6dd5f21bgx6BmosUhBy5c690.jpg" border="0

20 ปีแห่งการตั้งเสี่ยวหู่ตุ้ย สมาชิกต่างคนต่างเดินทางของตนยากจะรวมตัว

แหล่งข่าวไป๋ตู้ กรกฏาคนปี 1988 หนุ่มหล่อสามคนที่ได้รวมตัวเป็นวงบันเทิงภาษาจีนที่ได้เป็นขวัญใจประชาชนเป็นวงแรก “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ปีนี้ เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ครบรอบการก่อตั้งวงเป็นปีที่ 20 แต่ว่าวันนี้ทำให้แฟนๆคิดถึงสุดใจอย่าง อู๋ฉีหลง ซูโหย่วเผิง เฉิงจื้อเผิง สามคนก็ยากจะรวมตัวร้องเพลงอีก เพราะต่างคนก็ล้วนมีการงานของตนที่จะทำ

“เสี่ยวหู่” พวกเขาต่างคนต่างยุ่งกับงาน ยากจะมารวมตัวฉลองงานครบรอบยี่สิบปี

วันครบรอบยี่สิบปีของเสี่ยวหู่ตุ้ยมาถึง สมาชิกอย่าง อู๋ฉีหลง ซูโหย่วเผิง เฉิงจื้อเผิง เพียงแต่ยุ่งกับงานธุรกิจของตัวเอง แต่ไม่ได้จัดวางแผนการจัดงานครบรอบอย่างไร ปัจจุบัน เฉิงจื้อเผิงได้ออกงานวางแผนสร้างสรรที่เซี่ยงไฮ้ เฉิงจื้อเผิงได้เปิดเผยว่า ทุกครั้งที่ตัวเองได้ร้องเพลงที่พวกเขาสามคนเคยร้องนั้นก็มักจะมีน้ำตาคลอเบ้า เพียงแต่วันนี้ทั้งสามคน “ต่างคนก็ต่างมีการงานของตัวเองแล้ว” ยากมากที่จะมีโอกาสได้อยู่ร่วมกัน ทางอู๋ฉีหลงที่ได้เข้าร่วมงานนักธุรกิจ รอคอยการรวมตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นอย่างยิ่ง แต่วันเวลาของทั้งสามเรามันยากจะเหมาะ ฉะนั้นพวกเราก็ยังอยู่ในช่วยที่พยายามจัดสรรเวลาอยู่ หวังว่าปีนี้จะทำให้ความฝันของทุกๆคนให้เป็นจริงให้ได้

20 ปีเวลาที่ค่อยๆผ่านอย่างช้าๆ เสี่ยวหู่ตุ้ยสร้างการบันเทิงที่มหัศจรรย์

กรกฏาคมฤดูใบไม้ร่วงแห่งยี่สิบปีที่แล้ว ชายหนุ่นสามคนอายุเฉลี่ยแล้วประมาณ16ได้เข้าร่วมด้วย อู๋ฉีหลง ซูโหย่วเผิง เฉิงจื้อเผิง ชายหนุ่มสามคนที่ยังไม่สิ้นความเป็นเด็ก ได้รวมเป็นกลุ่มวงเสี่ยวหู่ตุ้ยที่เป็นวงภาษาจีนกลายเป็นขวัญใจของปวงชน เปรียบกับวงบันเทิงในปัจจุบัน ก็นับว่าเสี่ยวหู่ตุ้นนั้นมหัศจรรย์มาก และยังดังกว่าขวัญใจวัยรุ่นในปัจจุบันนี้ ปีที่สามของการก่อตั้ง ได้ออกอัลบั้มเป็นของตัวเอง (หงชิงถิง) (หูเตี๋ยเฟยยา) (ลีเกอ) เพลงที่ออกใหม่ ไม่นานก็เป็นเพลงยอดฮิตของวัยรุ่นที่ร้องกันตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย ในนั้น เพลง “รัก”อัลบั้มที่5ในปี1991 ได้สร้างสถิติที่มียอดขายถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นแผ่น ณ.จนบัดนี้ นี่ก็ยังเป็นตำนานที่ไม่มีในอดีต

แต่ว่า วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ทั้งซูโหย่วเผิงที่ต้องเรียนต่อ เฉิงจื้อเผิงที่ต้องไปเกณฑ์ทหาร วงเสี่ยวหูตุ้ยต้องเผชิญกับการที่จะต้องแยกย้ายกัน อัลบั้มชุด “พบกันใหม่”เป็นอัลบั้มที่พวกเขาบอกว่าจะแยกย้ายกันชั่วขณะ แม้ว่าในท้ายปี 1995 เฉิงจื้อเผิงได้กลับจากการเกณฑ์ทหาร สมาชิก “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ทั้งสามคนจับมือกันอีกครั้ง เพียงแต่คนเขารู้จักเพลงไม่รู้จักคน ศิลปินหน้าใหม่ก็เกิดขึ้นทุกวัน จนทำให้ทั้งสามคนจำต้องแยกจากกันต่างคนต่างไป

แฟนเพลง เสี่ยวหู่ตุ้ยอยู่ในความทรงจำ

“เสี่ยวหู่ตุ้ยก่อตั้งครบรอบยี่สิบปี” ไม่เพียงแต่จะมีความหมายกับการครบรอบของเสี่ยวหู่ตุ้ยเท่านั้น งานเพลงของพวกเขายังเป็นที่จดจำหลัง เจ็ดสิบ แปดสิบ เหมือนกับแฟนๆหลายคนได้เอ่ยว่า “ฤดูใบไม้ร่วงของทุกปีก็ยากที่จะอดคิดถึงเสี่ยวหู่ตุ้ยในวันวาน ก็เหมือนกับเป็นการหวนคิดถึงวันวานของเราอีกด้วย”

เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ก่อตั้งครบรอบยี่สิบปีแล้ว พวกเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในช่วยวัยรุ่นของเรา นั่นเป็นวันเวลาที่ยากจะลืม นั่นเป็นวันวานแห่งวัยมันส์ ภาพลักษณ์ของพวกเขานั้นทำให้เรามีความทรงจำที่ลืมไม่ลง เมื่อคิดถึงตอนนั้นที่ตัวเองได้เอาเงินเก็บของตัวเอง(8.5หยวน มัวนเทปม้วนหนึ่งสำหรับผมแล้วมันไม่ใช่น้อยๆ)ไปร้ายขายเทปหาซื้อเทปของพวกเขาอย่างสนุกตื่นเต้น สมัยมัธยมตอนเรียนไฟดับ ทั้งโรงเรียนได้ร้องเพลงของพวกเขา มักจะมีความอุ่นใจอยู่ด้วย คนหนึ่งคนโตไปกับวันเวลา สามารถให้ตัวเองมีเรื่องที่สนุกอย่างเดียงสา มันไม่ค่อยมีจริงๆ ขณะวัยเด็กถ้าคุณชอบอะไรแล้ว ให้คุณถนอมมันไว้ให้ดีๆ มันอาจเป็นความทรงจำที่ดีๆในอนาคตของคุณก็ได้

860
เสี่ยวหู่ตุ้ยครบรอบยี่สิบปี ความเยาว์วัยวันเวลาเหล่านั้น


เดือนกรกฎาคนปีนี้ เป็นวันครบรอบยี่สิบปีของการรวมตัวนักร้องวงเสี่ยวหู่ตุ้ย ฤดูใบไม้ร่วงเดือนกรกฏาคนของปี 1988 เสี่ยวหู่ตุ้ยแจ้งเกิดทั่วทิศ ให้ภาพแห่งวงขวัญใจก่อนใคร แม้ว่าวันนี้วงเสี่ยวหู่ตุ้ยจะแยกย้ายแล้ว แต่ฤดูใบไม้ร่วงของทุกปีก็ยากที่จะอดคิดถึงเสี่ยวหู่ตุ้ยในวันวาน ก็เหมือนกับเป็นการหวนคิดถึงวันวานของเราอีกด้วย

แม้ว่าตลอดมาแฟนๆจะเรียกร้องให้เสี่ยวหู่ตุ้ยร่วมกันร้องเพลงอีก รื้อฟื้นอีกครั้ง หรือว่าจะจัดงานครบรอบยี่สิบปีของเสี่ยวหู่ตุ้ย เปิดคอนเสิร์ต แต่ว่า ในวงการบันเทิงไม่มีวี่แววท่าทีว่าจะมีการรวมตัวกันของเสี่ยวหูตุ้ย และเมื่อวาน นักข่าวได้สัมภาษณ์หนึ่งในสามของเสี่ยวหู่ตุ้ยเฉิงจื้อเผิง คำตอบของเขาคือ “การจะรวมตัวอีกครั้งของปีนี้มันเป็นไปได้ยาก” อาจเป็นเพราะเหตุผลหลายอย่างที่เป็นอุปสรรค์ของการดำเนินการนี้ แต่ภาพความเดียงสา สปิริต ความน่ารักของอดีตนั้น ยังอยู่ในความทรงจำของแฟนเพลงตลอดเรื่อยมา

เสี่ยวหู่ตุ้ย เป็นตำนานในใจที่ไม่จางหายจากพวกเรา


“เสี่ยวหู่ตุ้ย”เป็นวงที่ยอดฮิตยอดนิยมวงหนึ่งในไต้หวัน เคยสร้างสถิติงานคอร์นเสิร์ตยี่สิบกว่าครั้งแต่ละครั้งเต็มไปด้วยความมันส์ความตื่นเต้น กระหึ่มทั่วคอนเสิร์ต ได้กลายเป็นวงนักร้องที่คึกคักวงหนึ่งในไต้หวัน การเกิดของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” นั้นโดยบังเอิญแท้ กรกฏาคนปี 1988 ค่ายเพลงไคลี่ ของไต้หวันได้มีรายการ “เตี้ยนซื่อซิงชุนเจิงป้าจ้าง” (รายการเกี่ยวกับวัยใสวัยรุ่น) กลุ่มเป้าหมายคือพวกเด็กนักเรียนนักศึกษา เนื้อหารายการสบายๆสดใส มีพิธีกรสาวสามคนเป็นผู้จัดรายการชื่อว่า “เสี่ยวเมาตุ้ย” รายการเป็นที่นิยมมาก และแล้วมีคนเสนอว่าน่าจะเพิ่มผู้ชายเข้าไปอีกสามคนเพื่อให้มันสมดุลย์กันระหว่างชายหญิง เหตุนี้เอง ทางบริษัทได้ออกประกาศรับสมัครชายหนุ่มสามคน ได้ผ่านการคัดสรรอย่างหนักและเทคนิกการเต้น การร้องที่ดี “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ได้รับการคัดเลือก สมาชิกคือ อู๋ฉีหลง เฉิงจื้อเผิง ซูโหย่วเผิง ใครจะรู้ชายหน่มที่ยังมีกลิ่นไอของนักเรียนทั้งสามคนได้ออกรายการ เด่นกว่าพิธีการเก่าทั้งสามคนอีก ได้รับการตอบรับจากวัยรุ่น เด็กเล็กเด็กแดงรวมทั้งผู้ใหญ่ด้วย เพลงที่พวกเขาได้ขับร้องก็โด่งดังอย่างรวดเร็ว กระทั่ง พวกเขาก็ได้กลายเป็นวงนักร้องที่ตั้งขึ้นโดยกลุ่มนักเรียน แค่เวลาอันสั้นก็ได้กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่น เพลงของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ไม่เพียงแต่ดังในฮ่องกงไต้หวันเท่านั้น ที่จีนยังมีแฟนเพลงมากมายที่ชื่นชอบในตัวพวกเขา ไม่เพียงเท่านี้ รูปของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ที่ได้แผร่ไปทั่ว ยังเป็นสิ่งที่คนทั้งหลายเก็บสะสม ปี1990 ไต้หวันได้จัดนักร้องเพลงยอดเยี่ยมไม่วาย “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ก็ได้รับไปโดยไม่ยอมให้ใครเอาไป ขณะเดียวกัน อัลบั้ม “หงชิงถิง”(แมลงปอแดง) ได้ขึ้นเป็น (90 สิบเพลงยอดฮิต) บุคลิกภาพของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย เชื่อว่ายังคงอยู่ต่อไป



หน้า: 1 ... 41 42 [43] 44