แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Chomnath

หน้า: 1 ... 40 41 [42] 43 44
821
26 มกราคม 2010 โหย่วเผิงได้ไปอัดรายการวันหนึ่งสองรอบที่สตูนดิโอ



โหย่วเผิงอัดรายการร้องเพลงของสถานีปักกิ่ง



โหย่วเผิงร้องเพลง (ซงตี้)



โหย่วเผิงให้สัมภาษณ์

เมื่อวาน(25 ม.ค.)  เป็นวันแรกที่เสี่ยวหู่ตุ้ยได้เข้าไปซ้อมอย่างเป็นทางการ และประเด็นร้อนที่สื่อให้ความสนใจเป็นอย่างมากอาทิ เพลงที่จะร้อง ท่าที่จะเต้น ชุดที่จะใส่ และตำแหน่งการยืน สิ่งเหล่านี้ล้วนได้รับคำตอบพอชัดเจนแล้ว การรวมตัวครั้งนี้ถือว่าเป็นการรวมตัวที่สมหวังสำหรับทุกๆคน

เมื่อวาน(25 ม.ค.) หลังจากที่เสร็จสิ้นการซ้อม โหย่วเผิงก็เร่งฝีเท้าไปที่ (สถานีปักกิ่ง)  ไปรวมอัดรายการร้องเพลงให้กับทางสถานีปักกิ่ง ทางผู้จัดการส่วนตัวโหย่วเผิงบอกว่า หลังจากเรื่อง (เฟิงเซิง) แล้ว การงานแวดวงการแสดงของโหย่วเผิงนั้นราบรื่นเป็นอย่างมาก การทาบทามให้ไปแสดงก็ยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ  “ ตอนนี้พวกเขากำลังออกจากสถานียางซื่อมุ่งไปสู่สถานีปักกิ่ง งานฉลองตรุษจีนครั้งนี้ของสถานีปักกิ่งก็มีความเกี่ยวข้องหรือร่วมมือกับค่ายหัวอี้ด้วย โหย่วเผิงจะร่วมร้องเพลงกับจางหันอี่หนึ่งเพลง เป็นรายการแรกของหัวอี้ อยู่หน้ารายการของหวงเสี่ยวหมิงกับหลู่อี้”

ทีเดียวสองงานเข้ามาด้วยกัน ทำให้โหย่วเผิงแทบจะไม่ได้อยู่นิ่งๆ หลังจากที่เสี่ยวหู่ตุ้ยแยกวงแล้ว โหย่วเผิงก็ได้มาเอาดีในด้านการแสดงละครโทรทัศน์อย่าง(องค์หญิงกำมะลอ) (ดาบมังกรหยก)  ให้เห็นว่ากระแสนิยมของเขาไม่เคยตกเลย และหลังจากเรื่องเฟิงเซิงแล้ว ฝีมือการแสดงของเขาก็ยิ่งได้รับการยอมรับ งานนั้นได้เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ทั้งยังมีบางคนได้กล่าวว่า คืนตรุษจีนเขาร้องเพลงทั้งสองสถานียังรู้สึกน้อยไป น่าจะมีการแสดงอะไรบ้างก็ดี  เพื่อจะให้ไป๋เสี่ยวเหนียนกลับมาอีก”

ตอนนี้ มีข่าวตีพิมพ์ว่า ลำดับการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นคงจะอยู่หลังเที่ยงคืน แต่ทางสถานีได้ปฏิเสธว่า ลำดับของรายการนั้นยังไม่ได้กำหนดชัดเจนเลย...




822


ตอนที่ซ้อมการแสดงนั้น นอกจากเสือน้อยสามตัวกับผู้กำกับแล้ว แม้แต่ทางผู้จัดการส่วนตัวก็ยังไม่ยอมให้เข้าไป และโทรศัพท์ของเสือน้อยสามตัวก็ถูกยึดเก็บไว้ด้วยซ้ำ การทำอย่างก็เพื่อที่จะรักษาความลับอย่างมิดชิด

ตามที่นักข่าวทราบมา ชุดแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นเป็นทางช่างตัดเสื้อของทางสถานีได้ตัดทำเป็นพิเศษ ทางด้านช่างตัดเสื้อได้เปิดเผยให้กับนักข่าวว่า เป็นชุดแห่งปีเสือที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

ในเวลาที่สั้นๆ 4 วันนี้ ชุดของพวกเขาถูกสั่งปรับปรุงไปแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน ทุกครั้งหลังจากตัดเสร็จแล้วต้องให้พวกเขาลองใส่ดูแล้ว ทางช่างก็ได้มาดูอย่างละเอียดว่าจะต้องแก้ตรงไหนเพิ่มตรงไหนอย่างประณีป ตามที่นักข่าวทราบมา สีเสื้อนั้นไม่ใช่เสื้อสีฉูดฉาดอย่างแน่นอน แต่จะทันสมัยมากๆ และเหมาะกับอายุวัยของพวกเขาอย่างมาก

ขณะเดียวกันนั้น รูปแบบของการออกมาหน้าเวทีของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นพิเศษมาก มันไม่ใช่ออกมาอย่างธรรมดาปกติ  “อาจจะเป็นการบินลงมาจากฟ้า หรือจากโผล่ขึ้นมาจากดิน” เป็นการบอกเล่าของคนใกล้ชิด

หลังจากที่ได้ซ้อมกันมาหลายครั้ง ทางทีมงานได้บอกว่าพอใจมากกับเวลาการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยที่ใช้เพียง 5 นาทีกว่านิดๆ หลังจากที่เสร็จจากการซ้อมของเมื่อวาน ทางเสี่ยวหู่ตุ้ยก็จะแยกย้ายกันไปเป็นการชั่วคราว จนถึงวันที่ 9 ก. พ.  จะมีการซ้อมรอบที่ 5

เสี่ยวหู่บอกว่าร่วมมือกัน

โหย่วเผิง : การเข้าขากันของพวกเรานั้นเกินความคาดหมายไว้

ก่อนจะมีการซ้อมนั้น โหย่วเผิงได้ไปอัดรายการฉลองเทศกาลตรุษจีนของสถานีปักกิ่งรายการหนึ่ง (ร้องเพลง ซงตี้) เมื่อได้เอ่ยถึงการรวมตัวกันอีกครั้งของเสี่ยวหู่ต้ยุ โหย่วเผิงกล่าวว่า ทั้งสามคนนั้นเข้าขากันได้ดีมากๆ

“สองสามวันนี้ได้ไปอัดเสียงร้องที่สถานียางซื่อ เมื่อสามคนมาอยู่ด้วยกัน มีความรู้สึกสนิทสนมกันมากๆ พวกเขาเข้าขากันดีกว่าเมื่อก่อน ท่าเต้นก็พร้อมเพรียงกันกว่าเมื่อก่อน” เมื่อเอ่ยถึงการอยู่ซ้อมด้วยกันของพวกเขา โหย่วเผิงกล่าวว่าการอยู่ด้วยกันของทั้งสามคนนั้นไม่มีความรู้สึกที่แปลกหน้าเลย



เมื่อวานก็เพิ่งจะเสร็จจากการซ้อมในสถานียางซื่อ โหย่วเผิงพูดจากใจว่ารู้สึกตื้นตันใจมาก “วันนี้ขณะที่จะเริ่มการซ้อมแสดง พวกเขาสามคนก็ได้เตรียม pose ขณะที่แสงไฟทั้งสามส่องไปที่ไมค์ ในใจมีความรู้สึกอย่างมาก ผมคิดว่าชาติที่แล้วพวกเราล้วนมีวาสนาด้วยกันแน่ๆ เหมือนกับว่าผมได้อยู่ในบรรยากาศเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วตอนเสี่ยวหู่ตุ้ยอย่างนั้น ยังรู้สึกเป็นไกวๆหู่อยู่”
 
เมื่อพูดถึงการซ้อมการแสดงที่หนักมากนั้น โหย่วเผิงได้บอกว่าเหมือนกับ “ฝันร้าย” ได้กลับมาอีก “นานแล้วที่ไม่ได้มีการซ้อมอย่างนี้ ความฝันร้ายสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ยมันหวนมาอีก เพราะว่าเมื่อก่อนผมเป็นหนอนหนังสือ การเคลื่อนไหวของร่างกายนั้นไม่ค่อยคล่อง จะมีชื่อเสียงตรงที่มักจะช้ากว่าคนอื่นครึ่งจังหวะ ตอนนี้เหมือนได้กลับไปสู่อดีต การที่จะไปซ้อมต่อหน้ากระจกนั้นเป็นอะไรที่ผวามาก”

 
แต่เขาได้กล่าวอย่างดีใจว่า “พวกเขาสามคนอยู่ด้วยกันนั้นไม่มีความเครียดเลย สบายๆ เข้าขากันได้ดีมาก”
 
เพื่อจะสามารถที่จะแสดงในคืนวันตรุษจีน พวกเขาทั้งสามคนก็มีการทุ่มเทเรื่องการปรับตัวเข้ากันอย่างหนักเหมือนกัน โหย่วเผิงบอกว่าวันงานถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด “ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการที่เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ขึ้นแสดงในปีหู่ (เสือ)เลย เพราะการปรากฏตัวอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นสามารถที่จะทำให้ทุกคนประทับใจ”

การจัดเวลาการซ้อมการแสดง

เริ่มตั้งแต่ 1  ก. พ การซ้อมที่เป็นระบบของงานจะเริ่มอย่างเป็นทางการ ก่อนจะมีการแสดงจริงนั้น จะมีการซ้อมในวันที่ 1,3,5,7,9,11  ของเดือน ก.พ ซึ่งทั้งหมดหกครั้ง จากนั้นวันที่ 12 จะอัดบันทึก 13 จะเป็นการแสดงถ่ายทอดสดอย่างเป็นทางการ

823
26 มกราคม 2010  เสี่ยวหู่ตุ้ยผ่านการสอบส่วนเรื่องคืนวันตรุษจีน กำหนดชุดแสดงเบื้องต้นสีขาวพิเศษมาก


หลังจากที่ได้มีการซ้อมติดต่อกัน 4 วันแล้ว เมื่อคืนทางเสี่ยวหู่ตุ้ยได้ออกมาปรากฏตัวในสถานียางซื่อเป็นทางการ โดยจะร้องเพลง (อ้าย) (หู่เตี๋ยเฟยยา) (ซิงกวงอีจิ้วชั่นลั่น)ในเทศกาลตรุษจีนปีเสือของสถานี ตามที่พวกเราทราบมา และความคลากสิกของเพลงเก่าๆเหล่านี้ได้ผ่านการตัดสินแล้ว และสามารถที่จะไปบันทึกรายการของคืนส่งท้ายปีเก่า เหตุที่จะสนองการเรียกร้องของทั้งสาม พวกเขาจะขอซ้อมการแสดงครั้งที่ 5 ทีในวันที่ 9  กุมภาพันธ์ 
 
การร้องเพลง 3  เพลงติดต่อกันนั้นเป็นข่าวที่ทุกคนก็รู้กันแล้ว สิ่งที่สื่อให้ความสนใจมากกว่านั้นคือชุดแต่งกายของพวกเขา หลังจากที่ได้ปิดอย่างมิดชิดและไม่ยอมเปิดเผยนั้น ทางด้านสถานียางซื่อก็ได้เก็บความลับนี้ได้อย่างสุดยอดเหมือนกัน การเข้าไปซ้อมการแสดงของเมื่อวานนั้นได้มีการรักษาความปลอดภัยโดยที่ไม่ให้ติดกล้องถ่ายรูปเข้าไปเลย แม้แต่โทรศัพท์ของผู้จัดการส่วนตัวของแต่ละคนก็ยังต้องของให้ปิดเป็นการชั่วคราว

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ทางเสี่ยวหู่ตุ้ยได้เก็บปิดชุดแสดงของพวกเขาอย่างมิดชิด ไม่ว่าจะเข้าออกตึกสถานีทั้ง 3 คนก็ต้องระมัดระวังเป็นอย่างพิเศษที่จะไม่ให้เรื่องของชุดรั่วไหลออกไป แต่ทางสื่อตาไวได้มองเห็นแขนขากางเกงสีขาวโผล่มาให้เห็นนิดๆ การที่คาดการณ์ว่าจะใส่ชุดขาวนั้นสงสัยคงคาดการณ์ไม่ผิด โหย่วเผิงเองก็ได้คุยกับนักข่าวว่า “จะไม่ใช่ชุดฟ้าๆเขียวๆอย่างในอดีตแน่นอน เพราะแค่อายุก็ไม่เข้าแล้ว อาจจะเป็นชุดที่เข้ากับวัยของพวกเขา ใสสะอาด” ได้ทราบจากคนรักของพวกเขา ตอนนี้ทางผู้กำกับก็พอใจกับเสื้อผ้าอย่างร้อยเปอร์เซ็น แต่ก็จะมีการปรับแต่งนิดๆหน่อยๆ



ดูๆไปแล้วรายการแสดงขอวเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นเป็นความลับที่ไม่ลับอีกต่อไปแล้ว อย่างไรก็ตามมีเรื่องให้สงสัยเพิ่มขึ้นอีกเรื่อง จากคนใกล้ชิดของพวกเขาบอกว่า ตอนออกมาที่เวทีของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นเซอร์ไพรส์พิเศษมากๆ แต่จะขอสงวนที่จะไม่พูดให้มากกว่านี้

ทางบางสื่อก็ได้รีบไปสัมภาษณ์โหย่วเผิง ได้คำตอบเพียงฮ่าๆๆ “อาจจะบินลงมาจากฟ้า หรือว่าอาจจะโผล่ขึ้นมาจากดิน ล้วนเป็นไปได้”  ในขณะเดียวกันโหย่วเผิงก็ได้บอกว่า มีคนไม่น้อยเหมือนกันที่เกิดความพะวงต่อการไว้หนวดของเขา แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับคำสั่งจากทางผู้กำกับว่าให้ไปโกนหนวด  “รู้สึกว่าสภาพตอนนี้ของผมก็โอเคดีนะ ไม่ให้พวกเราลดความอ้วน  หรือว่าโกนหนวดโกนเครา”

ในเวลาเดียวกัน เมื่อวานทางสถานียางซื่อก็ได้มีการบันทึกการแสดง ตามถนนเดินทางต่างๆของสถานียางซื่อ ก็มีรูปโปสเตอร์เหล่าดาราติดอยู่มากมาย

ชุดแต่งกายของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นได้กำหนดเรียบร้อยแล้ว แต่ทางผู้กำกับนั้นไม่ยอมเปิดเผย
 
บ่ายเมื่อวานนี้(25 ม.ค.) เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ผ่านการซ้อม 4 วันติดต่อกันอย่างเรียบร้อยแล้ว การแสดงทุกขั้นตอนล้วนได้รับการควบคุมดูแลทางผู้กำกับของยางซื่อ อย่างไรก็ตามการซ้อมการแสดงครั้งนี้ถือว่าเป็นการรักษาความปลอดภัยเพื่อปิดการรั่วไหลของข่าวได้อย่างสุดยอด เรื่องการแต่งตัวของพวกเขานั้นสำหรับสื่อก็ได้เพียงคาดเดาเอาเท่านั้น และเมื่อสัมภาษณ์ทางผู้กำกับก็ได้คำตอบที่ไม่ชัดเจน

824
26 กุมภาพันธ์ 2010 การแต่งตัวเสี่ยวหู่ตุ้ยในงานตรุษจีนเป็นความลับ การซ้อมการแสดงเป็นที่ประทับใจสำหรับแฟนๆจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่


การเข้าซ้อมการแสดงนั้นของเหล่าศิลปินนั้นอย่างว่าแต่กล้องถ่ายรูปเลย แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่สามารถที่จะเอาเข้าไปได้ ศิลปินทุกคนเพียงสามารถนำผู้จัดการส่วนตัวหรือผู้ช่วยส่วนตัวเข้าไปได้เท่านั้น เมื่อวาน เสี่ยวหู่ตุ้ยเข้าไปซ้อมการแสดงโดยได้รับการคุ้มครองโดย รปภ ของยางซื่ออย่างหนาแน่น จุดประสงค์การป้องกันดูแลอย่างรอบคอบหนาแน่นนั้นก็เพื่อไม่อยากให้อะไรแพร่งพรายออกไป หลังจากที่เสร็จจากการซ้อมแล้ว มีพนักงานคนหนึ่งในนั้นได้ให้สัมภาษณ์กับทางสื่อ เกี่ยวกับประเด็นร้อนในการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ย
 
เวลาการแสดงของพวกเขา 5 นาที 15 วินาที
 
ร้องและเต้น 3 เพลงติดต่อกัน

การไปซ้อมในเมื่อวานนั้นเป็นครั้งแรกที่เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ไปร่วมซ้อมการแสดงอย่างเป็นทางการ จุดประสงค์ก็เพื่อจะให้ทางผู้กำกับรายการดูชุดแต่งกาย ท่าเต้น และแสงไฟมันโอเคดีไหม ตามที่ได้ทราบจากทีมงานข้างในว่า เพลงที่เสี่ยวหู่ตุ้ยร้องทั้งสามเพลงอย่าง(อ้าย)(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)(หู่เตี๋ยเฟยอา)ใช้เวลาประมาณ 5.15 นาที ทุกเพลงล้วนอนุรักษ์ความเป็นเอกลักษณ์ของเพลงได้อย่างดี



นอกจากนี้ ด้านการเต้นนั้น จะมีแดนเซอร์อีก 40 กว่าคนมาร่วมเต้นกับเสี่ยวหู่ตุ้ย “มองจากภาพรวมบนเวทีแล้ว ความเป็นเอกลักษณ์ของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นยังมีให้เห็นอย่างไม่ผิดหวัง รวมถึงการตีลังกาหลังของอู่ฉีหลงด้วย” มีทีมงานอีกคนได้กล่าวว่า “ระหว่างการต่อจากอีกเพลงไปอีกเพลงนั้น ทางเสี่ยวหู่ตุ้ยได้เพิ่มเทคนิกการเต้นเล็กๆน้อยๆ ก็น่าสนใจดี คุ้มแก่การรอคอย”

ชุดนั้นปรับปรุงแล้ว 4 ครั้ง

 สไตส์ทันสมัย สง่างาม


นอกจากจะมีการแสดงด้านร้องเต้นแล้ว ด้านชุดแต่งกายของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นได้รับการสนใจเป็นอย่างมากเหมือนกัน “ชุดที่ได้สวมใส่ในการออกงานครั้งนี้นั้นได้มีการปรับปรุงไปแล้ว 4 รอบ เรื่องชุดนั้นสามารถบอกได้ว่าทันสมัยและสง่ามาก เพราะเสือน้อยสามตัวนั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว ชุดแต่งกายก็ย่อมต้องเปลี่ยนไปตามวัย อย่างไรก็ตาม เรื่องชุดของวันนี้ก็ไม่ได้ถูกทางผู้กำกับฟีดแบคแต่อย่างไร” และเขายังกล่าวต่ออีกว่า  ทางผู้กำกับรายการนั้นรู้สึกพอใจมาก



ลำดับของรายการในคืนวันนั้นยังไม่แน่นนอน

การปรากฏตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยในครั้นนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นการกลับมาตามฝันของหลายคน ทางทีมงานยังบอกกับเราอีกว่า ขณะที่ซ้อมนั้น หลายๆคนที่อยู่ในงานล้วนซึ้งและประทับใจกับเสี่ยวหู่ตุ้ยอย่างมาก

“ตลอดเวลาที่พวกเขาขึ้นไปซ้อมแสดง เสียงปรบมือในห้องนั้นไม่มีหยุดเลย และยังมีหลายๆคนที่กลั้นน้ำตาไม่อยู่”

“แล้วเสี่ยวหู่ตุ้ยรู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ?”  ทางนักข่าวรีบถามต่อ “จริงๆส่วนตัวพวกเขาเองก็ตื่นตันใจเหมือนกัน แม้ว่าปกติแล้วพวกเขาทั้งสามคนก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์ด้วยการส่ง Message ให้กันและกันอยู่เสมอ แต่การที่ได้มีการร่วมแสดงบนเวทีนั้นถือว่าเป็นครั้งแรกของหลายๆปีเลย นี่ก็ยังถือเป็นที่ระลึกของสหายเก่าทั้งสามคนอีกด้วย”

 “แล้วปฏิกิริยาของทางด้านผู้กำกับล่ะ?” สื่อได้ถามต่อ “อื่ม ทางผู้กำกับรายการก็พอใจมาก รู้สึกว่ารายการไม่เลวจริงๆ”

สุดสัปดาห์ที่แล้ว มีรายการหนึ่งของรายการคืนวันตรุษจีนได้ถูกเผยแพร่ออกไปจากสื่อ ในนั้นมีรูปของรายการเสี่ยวหู่ตุ้ยกว่า 22 รูป ทางสื่อก็ได้ยืนยันกับทางทีมงานแล้ว ว่ารูปเหล่านี้เป็นรูปปลอมที่สร้างขึ้นมาเอง จนถึงวันนี้ลำดับรายการของคืนตรุษจีนนั้นยังไม่ได้กำหนดอย่างเป็นทางการเลย พวกเรายังไม่ได้รับลำดับรายการเลย ฉะนั้นจะเป็นรูปจริงคงเป็นไปไม่ได้”

825

Part 2 ความเป็นมาของเสี่ยวหู่ตุ้ย

ชื่อ >>  กรกฏาคม  ปี 1988  ค่ายไคลี่ได้มีการจัดรายการโทรทัศน์ของวัยรุ่น รายการนั้นมีพิธีกรสาวสวยสามคน ชื่อว่า เสี่ยวเมาตุ้ย และทางรายการอยากจะหาผู้ช่วยผู้ชายสามคนมาช่วยรายการ มีการคัดเลือกผู้ที่มาสมัคร สุดท้ายทางไคลี่ได้เลือก ฉีหลง จื้อเผิง โหย่วเผิงสามหนุ่มมาเป็นผู้ช่วยรายการ เลยตั้งชื่อวงว่า  เสี่ยวหู่ตุ้ย
 
รูปแบบ >> ตลอดเวลานั้นเสี่ยวหู่ตุ้ยล้วนมีภาพลักษณ์ที่ใสสะอาด ไร้ตำหนิ ตอนที่มีการร้องเพลงออกคอนเสิร์ดนั้น พวกเขาก็จะแต่งกายสวมเสื้อสีขาว สูท และเนทไทน์ แต่เมื่อผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง พวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนโดยแต่งตัวสไตน์ยุโรป การแต่งกายนั้นฉีหลงกับจื้อเผิงนั้นทันสมัย แต่โหย่วเผิงก็ยังคงสวมสูทที่น่ารัก




ตำแหน่งการยืน >> ตั้งแต่หน้าปกของอัลบั้มถึงการแสดงบนเวที ตำแหน่งการยืนนั้นฉีหลงจะยืนตรงกลางไม่เคยเปลี่ยน ทางซ้ายเป็นจื้อเผิง ทางขวาเป็นโหย่วเผิง แต่มีเพียงหน้าปกอัลบั้มเดียวที่แตกต่างคือ(ยงเหยินจื้อยิว:Imaginary Worries ) ที่โหย่วเผิงเปลี่ยนมายืนตรงกลาง ตอนหลังทางค่ายมาอธิบายว่า ฉีหลงเป็นหนุ่มหล่อที่มีผู้หญิงชื่นชอบทั้งน้อยใหญ่ จื้อเผิงก็หน้าตาคลายจางก่อหยงที่มีแฟนคลับของจางก่อหยงสนับสนุนอยู่ แต่ทางโหย่วเผิงหน้าตาเด็กดีและเรียนเก่ง เป็นที่รักของวัยรุ่นนักเรียนและผู้ปกครอง

ยี่ห้อ >> เสี่ยวหู่ตุ้ยดังระเบิด ได้มีการโฆษณากันหลายๆรูปแบบ ทางบริษัทนอกจากจะมีการจัดทำอัลบั้ม จัดคอนเสิร์ด และเล่นละครสั้นแล้ว ยังมีการจัดทำปฏิทิน ภาพโปสเตอร์ นามบัตร กระดาษจดหมายและซอง และอุปกรณ์เครื่องเขียนก็ล้วนมีชื่อภาพพวกเขา จนได้กลายเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งขวัญใจวัยรุ่นของจีนไป


B  ทำไมไม่ใช่พวกเขา - Sean

อีกหลายเรื่องราวของเสี่ยวหู่ตุ้ย

มีหลายวงที่ร่วมดังไปกับเสี่ยวหู่ตุ้ยในสมัยนั้น มี (วงยิวฮวนไพ่) ที่ร่วมร้องเพลง(ซินเหนียนไคว่เล่อ:Happy New Year )กับเสี่ยวหู่ตุ้ย วงเส้าหนี่ตุ้ย, วงหงฉุนจู่,   แต่วงที่สามารถที่จะเทียบกับเสี่ยวหู่ตุ้ยได้นั้น น่าจะเป็นวง เป้าเสี่ยวจื่อ ,วงหงไหเอ๋อ, เฉ่าหมงซัน,  แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่มาร่วมงานในคืนตรุษจีนล่ะ ? ขณะที่ทางSean ได้ให้สื่อสัมภาษณ์ได้บอกว่า แม้วงเหล่านี้จะมีจุดเด่นของแต่ละวง แต่หากเทีบบกับเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว ไม่ว่าด้านไหนก็ตามก็ล้วนเทียบไม่ได้ ฉะนั้นคืนตรุษจีนก็เลยเลือกเสี่ยวหู่ตุ้ย
 
(เป้าสเสี่ยวจื่อ) น่าจะเป็นวงที่ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับเสี่ยวหู่ตุ้ย สมาชิกทั้งสองคนล้วนเป็นนักเต้น ลักษณะเพลงที่เด่นของพวกเขาคือการเอาเพลงเก่ามาปัดฝุ่นร้องใหม่ ตั้งแต่เพลง (อ้ายหนี่ไจ้ซินโข่วหนันไค) (เฟิงฉงหนาลี่ไหล) จนถึง(จินเทียนปู้หุยเจีย)จนสามารถที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับพวกเขา แต่ทาง Sean ได้บอกว่า แม้จะประสบความสำเร็จมากมาย หลังจากที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาสองคนแล้ว บอกว่าทางแฟนคลับของพวกเขาแทบจะจำเพลงของพวกเขาไม่ได้เลย ผู้ชมอาจจะไม่รู้จักพวกเขาแล้ว ฉะนั้นเปอร์เซ็นที่พวกเขาจะมาแสดงด้วยกันคงเป็นศูนย์



วงหงไหเอ๋อท่าเต้นพิชิตเสียงร้อง

วงหงไหเอ๋อถือว่าเป็นศิษย์น้องของเสี่ยวหู่ตุ้ย ก็ตามเคยที่ได้คัดสรรคนเก่งทั้งหมดเจ็ดคนมาเป็นวงหงไหเอ๋อ พวกเขามีแฟนคลับในชั่วพริบตา ทางแฟนๆได้ขนานนามพวกเขาว่า “ฮีโร่ของวัยรุ่น สหายที่แสนดี” อัลบั้มทั้ง 5ชุดของพวกเขานั้น ยอดขายที่ต่ำที่สุดยังคงที่ 250000 ชุด ตอนนั้นวงหงไหเอ๋อได้มีฉายาว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเสี่ยวหู่ตุ้ย แฟนๆทางประเทศจีนจำฉีหลงและจื้อเผิงได้ดีด้วยภาพยนตร์(เสี่ยวเจียหลงเจี้ยนเฟิง) แต่ทางวงหงไหเอ๋อเป็นผู้ร้องเพลงประกอบเรื่องนี้

แม้ว่าความนิยมและผลงานจะสู้เสี่ยวหู่ตุ้ยไม่ได้ เพลงที่หงไหเอ๋อร้องนั้นอาจน้อยมาก แต่พวกเขาเด่นในด้านการเต้น Sean คิดว่านี่จะเป็นจุดที่เด่นของพวกเขา แต่สำหรับคือตรุษจีนแล้ว เขากล่าว่า “แฟนๆคงไม่อยากจะเห็นความเก่าๆของวงหงไหเอ๋อแล้ว”


วงเฉ่าหมงก็ยิ่งยากที่แฟนๆจะสนใจ

ปี 1990  ขณะที่เพลง(อ้าย:love)ของเสี่ยวหู่ตุ้ยดังระเบิดไปทั่วทุกซอกทุกซอย วงดนตรีเฉ่าหมงของฮ่องกงก็กำลังดังด้วย และวงเฉ่าหมงก็ได้รับรางวัลมากมายในฮ่องกง และได้ดังมาถึงไต้หวันด้วย มีอัลบั้มเพลงหลายชุดได้เป็นที่นิยมของแฟนๆ อัลบั้มหลายชุดมียอดขายที่ดีมาก ปี 2000 วงเฉ่าหมงได้แยกวง ทั้งสามคนต่างคนต่างเดิน แต่ก็ยังมีสมาชิกบางคนมาทำงานเพลงต่อ และปี 2005 พวกเขาได้รวมตัวร้องเพลงอีกครั้ง และผลงานก็ออกมาได้ไม่เลวด้วย

แต่หากเปรียบกับเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว แม้ท่าเต้นต่างๆของพวกเขาจะเหนือเสี่ยวหู่ตุ้ย แต่เรื่องเพลงแล้วสู้เสี่ยวหู่ตุ้ยไม่ได้เลย แต่ก็อาจจะมีสิทธิ์มาแสดงในงานคืนตรุษจีนได้เหมือนกัน แต่ทาง Sean ได้กล่าวว่างานคอนเสิร์ดของวงเฉ่าหมงนั้นมีผลงานที่ไม่เลวเลย แต่ว่าข่าวคราวของพวกเขานั้นดูเหมือนจะเงียบไปหน่อย ไม่ค่อยมีคนสนใจสักเท่าไร ความหมายก็คือ จะเลือกเอาวงเสี่ยวหู่ตุ้ยที่เป็นข่าวและเป็นที่สนใจของผู้คนมาแสดงคงจะดีกว่า

826

ทำไมถึงเลือกเสี่ยวหู่ตุ้ยมาแสดงในงานฉลองตรุษจีน?

เสี่ยวหู่ตุ้ยได้เปิดหน้าประวัติศาสตร์แห่งดาราขวัญใจ

การมาซ้อมการแสดงที่สถานียางซื่อของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นได้รับการสนใจเป็นพิเศษ และเป็นการสร้างกระแสนิยมอีกครั้งสำหรับขวัญใจวัยรุ่นของไต้หวัน แม้ว่าเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยจะเปิดบ่อยถี่ขึ้นตามสถานีต่างๆ แต่สำหรับคนรุ่นหลังแล้ว เสี่ยวหู่ตุ้ยก็ยังเป็นวงที่ไม่รู้จักไม่คุ้ยเคย และทางนักข่าวก็ได้ไปสัมภาษณ์กับคนรุ่นที่เกิดช่วงปี 80 สองคน พวกเขาล้วนได้โตมากับเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ย เมื่อได้ยินเพลง(อ้าย)(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)ก็ล้วนคิดถึงเสี่ยวหู่ตุ้ย เสมือนมีความผูกพันกันอย่างยิ่ง “เสี่ยวหู่ตุ้ยได้เปิดหน้าประวัติศาสตร์แห่งดาราขวัญใจ”

A มารู้จักกับเสี่ยวหู่ตุ้ยอีกครั้ง

เป็นบรรพบุรุษแห่งขวัญใจชาวจีน


ในคืนงานนั้นเสี่ยวหู่ตุ้ยจะร้อง 3 เพลงได้แก่ (อ้าย) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) (หูเตี๋ยเฟยอา) เป็นเพลงที่คลากสิกมากๆ พวกเขาได้เริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่ปี 1989  และแยกทางกันปี 1997  เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ออกอัลบั้มยอดนิยมกว่า 13 อัลบั้ม ในบรรดาอัลบั้มเหล่านั้น(หงชิงถิง:Red Dragonfly )ได้กลายเป็นอัลบั้มแห่งความแหวกแนว



Part1 ผลงานของเสี่ยวหู่ตุ้ย

เพลงเดี่ยว

(อ้าย:love) “ร้องตะโกนบอกกับฟ้าว่าผมรักคุณ ร้องตะโกนบอกกับสายเมฆว่าผมคิดถึงคุณ” นี่อาจเป็นเนื้อเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ในเนื้อเพลงที่เต็มไปด้วยความหวานชื่นของความรัก ความฝันที่สดใส และได้กลายเป็นจุดเด่นของผลงานของเสี่ยวหู่ตุ้ย และสิ่งที่ไม่เอ่ยไม่ได้เลยก็คือ (อ้าย:love) ร้องประสานเสียงสามเสียง ทำให้เพลงจีนกลายเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ตอนนั้นหลังจากเพลงรักที่ดังไปทั่วแล้ว ในโรงเรียนมัธยมก็มักจะมีการจัดกิจกรรมแล้วเลือกชายหญิงคู่หนึ่งมาร้องเพลงนี้ เพลงนี้ได้จุดประกายความรักแห่งปี 80
 
(หู่เตี๋ยเฟยอา:Flying Butterflies) มิวสิคเพลงนี้เป็นการไปถ่ายมิวสิคนอกสถานที่ของทั้งสามคน ได้สื่อถึงช่วงวัยที่ไร้ทุกข์ไร้โศก ทำนองเพลงนี้อาจมีอารมณ์เศร้าบ้าง แต่เมื่อเสี่ยวหู่ตุ้ยได้ร้องแล้วมันกลายเป็นความใฝ่ฝันไป ตอนนั้นทุกครั้งเมื่อถึงเทศกาลตรุษจีนหรือเทศกาลต่างๆจะมีนักเรียนนำเอาเพลงนี้ทำเต้นประกอบท่า
 
(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน:Green Apple Paradise) เป็นเพลงเดียวของเสี่ยวหู่ตุ้ย แต่ตอนที่ดังไปที่จีนนั้น จะช้ากว่าเพลงอ้าย ฉะนั้นเลยกลายเป็นเพลงอีกด้านหนึ่งของเสี่ยวหู่ตุ้ย ในภาพแห่งความทรงจำนั้น (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)นั้นมักจะเปิดถี่มากในช่วงวันเด็กแห่งชาติ และตอนนั้นได้เข้าไปที่จีนด้วยการทำเป็นคาราโอเกะแล้ว การประกวดร้องเพลงนั้นหลายคนได้เลือกร้องเพลงนี้ เพลงจะเลียนแบบเสี่ยวหู่ตุ้ย
 
(ซินเหนียนไคว่เล่อ:Happy New Year) เป็นเพลงรักซึ้ง ได้พูดถึงคำอวยพรของปีใหม่ ไม่ใช่พูดว่า “ผมรักคุณ”แต่จะขอพูดว่า “สวัสดีปีใหม่” การที่เพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นได้รับความนิยมไม่จำกัดอายุวัย ก็เพราะเนื้อเพลงที่ดี มันไม่เหมือนกับเนื้อเพลงของเพลงรักในสมัยนี้มันยุ่งเหยิงเศร้าระทมอย่างสุดแสน และเป็นการแสดงถึงความรู้สึกที่บริบูรณ์และใสสะอาด ฉะนั้นตอนนั้นอาจารณ์มัธยมก็ไม่ต่อต้านที่เด็กๆจะร้องเพลงของพวกเขา

(หงชิงถิง:Red Dragonfly) เป็นเพลงสุดคลากสิกของเสี่ยวหู่ตุ้ย เพลงนั้นล้วนจะมีท่าเต้นที่น่าตื่นเต้น อีกด้านหนึ่งเพื่อจะกระตุ้นบรรดาแฟนเพลง อีกด้านหนึ่งก็เพื่อจะให้หวนคิดถึงความเดียงสาของวัยรุ่นในสมัยนั้น ในปี 2003 ได้มีการเอาเพลงนี้มาร้องกันอีกครั้ง นี่แสดงให้เห็นว่าเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยไม่มีเวลามาจำกัดความดังของมัน



อัลบั้ม

ดังมาก (เซียวเหยายิ๋ว:Roaming Leisurely) เป็นอัลบั้มที่มีความหมายมากที่สุดอัลบั้มหนึ่งของเสี่ยวหู่ตุ้ย ตอนนั้นค่ายไคลี่ได้มีการวางแผนจัดงานแจกลายเซ็นให้กับบรรดาแฟนคลับของเสี่ยวหู่ตุ้ย และเพลงนั้นได้เปิดไปทั่วไต้หวัน ทำให้เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นที่รู้จักกันถ้วนหน้า ค่ายไคลี่ฉวยโอกาสที่ไฟแรงรีบตีเหล็กด้วยการออกอีกสองอัลบั้ม(หนันไหปู้คู: Boys Don't )(ซิงซิงเตอแยฮุ้ย: Dating Stars) แต่ว่าช่วงนี้เพลงที่ยอดฮิตที่สุดของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นน่าจะได้แก่ (บอกกับคุณคำหนึ่งว่า มายเลิฟ:Say To Me-My Love) กับ (ซิงซิงเตอแยฮุ่ย:dating stars)

 
จุดสุดยอด ::  (หงชิงถิง) (อ้าย) (ไจ้เจี้ยน) เป็น 3 อัลบั้มที่ยอดฮิตมากๆ และด้วยเหตุที่ธุรกิจการทำเพลงนั้นไปได้ดีมาก ทำให้การทำอัลบั้มได้อย่างไม่ต้องกังวล จนค่ายได้ทำอัลบั้มสองอัลบั้มต่อหนึ่งปี และมียอดขายทะลุกว่าแสนตลับอย่างสบายๆ

แค่ค่าภาษีก็รวยแล้ว ยอดขายที่ดีนั้นทำให้เสี่ยวหุ่ตุ้ยได้สร้างอัลบั้มเพลง (หงชิงถิง)(อ้าย)(หูเตี๋ยเฟยอา)(ฟ่างซินฉี่เฟย)(ลี่เกอ)เหล่านี้ขายดีมาก และความนิยมในตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นพุ่งกระฉูดไม่อยู่ ได้ข่าวว่าตอนนั้นโรงเรียนมัธยมในไต้หวัน แค่มีใครพูดคำเดียวว่า “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ก็จะมีเสียงกรี๊ดออกมาอย่างแก้วหูจะแตก อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงอัลบั้ม(ไจ้เจี้ยน:Goodbye) ตอนนั้นโหย่วเผิงเตรียมสอบเข้ามหาลัย จื้อเผิงต้องไปเกณฑ์ทหาร เสี่ยวหู่ตุ้ยก็ต้องพบการการแยกทางเป็นครั้งแรก
 
เกิดการเปลี่ยนแปลง :  รอการกลับมาของจื้อเผิง เสี่ยวหู่ตุ้ยได้มีการทำอัลบั้มใหม่(ซิงกวางอีจิ้วชั่นลั่น:Bright Starlight) ชื่อตรงกับสถานการณ์ของเสี่ยวหู่ตุ้ยในตอนนั้นมาก แม้ว่ายอดขายจะสู้ที่ผ่านมาไม่ได้ แต่ยอดขายก็ไม่เลวเหมือนกัน ทางค่ายก็ได้ฉวยโอกาสในการจัดคอนเสิร์ดทัวร์ทั่วเอเซีย ยังรวมถึงจีนด้วย กระแสยังร้อนแรงอยู่ แต่ว่าเห็นว่าทั้งสามคนก็เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้วทางบริษัทก็อยากจะสร้างพวกเขาให้เดินในเส้นทางของผู้ใหญ่ แต่ว่าก็กลัวจะทำให้ยอดขายต้องตก อีกด้านหนึ่งก็กลัวแฟนเพลงหดหาย สุดท้ายก็ยังคงเหมือนเดิมแต่จะมีท่าเต้นที่เพิ่มให้เด่นขึ้น แต่การทำอัลบั้ม(ไคว่เล่อเตอกั่นแจ๋หยงเหยี่ยนอีย่าง: Same Happy Feeling )(ยงเหยินจื้อยิว: Imaginary Worries )ก็เงียบๆ กระแสนิยมก็เริ่มตกต่ำ นี่ก็เป็นเหตุทำให้พวกเขาจำต้องแยกทางกันอีกครั้ง

830

25 มกราคม 2010  ชุดการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นจะสไตน์วัยรุ่น ช่วงการแสดงนั้นจื้อเผิงไม่ค่อยสดใส

วันนี้ (25) เสี่ยวหู่ตุ้ยที่ซ้อมมา 4 วันแล้วจะมีการมาปรากฏตัวที่หอประชุมใหญ่ของสถานียางซื่อ เพียงแค่ให้พูดคุยสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่และผู้นำของสถานียางซื่อเท่านั้น เมื่อวาน นักข่าวได้ทราบจากคนในวงในว่า เสื้อผ้าที่จะใส่ในวันแสดงที่เป็นประเด็นร้อนนั้นได้มีการพิจารณาแล้ว และทางจื้อเผิงที่เป็นคนที่เซ็กซี่มาตลอดเวลานั้น ไม่รู้ว่าเมื่อวานตอนซ้อมเกิดได้หวนคิดถึงเสี่ยวหู่ตุ้ยในอดีตหรือเปล่า รู้สึกมีซึมๆ เต้นไปไม่นานเห็นมีน้ำตาไหลออกมาให้เห็นด้วย



การบันทึกเสียงยิ่งกว่าจรวด แค่ครึ่งชั่วโมงก็เรียบร้อย

วันก่อน เสี่ยวหู่ตุ้ยที่ได้มีการซ้อมมาแล้วหลายวัน ก็ได้เข้าไปห้องอัดร้องเพลง สำหรับการอัดเพลงนั้น ทั้งสามก็รู้สึกตื่นเต้น ในห้องอัดนั้น ทั้งสามต่างก็มีการซ้อมเสียงก่อน จากนั้นก็ได้รวบรวมสมาธิแล้วเริ่มอัดเพลง (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน:สวนแห่งความสนุก) (อ้าย:รัก ) (หูเตี๋ยเฟยยา:ผีเสื้อกำลังบิน) ทั้งหมด 3 เพลง ตามที่ทราบ เจ้าหน้าที่อัดเสียงของพวกเขานั้นเป็นอดีตแฟนคลับของพวกเขานั่นเอง

วันนั้นที่เจอเสี่ยวหู่ตุ้ยหน้าตาเขาตื่นเต้นมาก จากนั้นได้ยินเสียงเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยก็อ้าปากค้างไว้เลย พูดตรงๆ “เสี่ยวหู่ตุ้ยกลับมาแล้ว ยังมีรสชาดและกลิ่นไอของเสี่ยวหู่ตุ้ยไม่เปลี่ยนไปเลย” และเขายังชมเวลาของการอัดของเสี่ยวหู่ตุ้ยว่ารวดเร็วมาก “พวกเขาใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ก็ผ่านแล้ว

การที่นักร้องอัดเสียงแค่รอบเดียวก็ผ่านนั้นไม่ค่อยมีเลย แต่พวกเขานั้นยอดเยี่ยมมาก” ในเวลาที่อัดเสียงนั้นใครที่สภาพจิตใจดีที่สุด บอกตามตรง “จื้อเผิง” ขณะที่อัดนั้นเขาธรรมชาติมากๆ ร้องไปด้วยแล้วทำท่าเต้นของสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ยไปด้วย แต่ขณะที่อัดนั้นทั้งสามคนก็ล้วนกระโดดโลดเต้น แล้วยังพูดว่า “การที่พวกเรามารวมตัวกันนั้นไม่ง่ายเลย ควรจะร้องด้วยความดีใจ” ตอนที่โหย่วเผิงขณะที่ให้นักข่าวสัมภาษณ์ก็ได้อุทานออกมาว่า “การซ้อมเพลงและอัดเพลงของวันนี้นั้นทำให้ผมคิดถึง “การฝันร้าย” ของการซ้อมเพลงอัดเพลงของ 20 ปีก่อน



หวนคิดถึงอดีต จื้อเผิงน้ำตาคลอเบ้า

เมื่อวาน(24 ม.ค.)  เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ปรากฏที่สถานียางซื่ออีกครั้ง ได้ร่วมกันซ้อมรายการแสดงกับบรรดานักแสดงกว่า  40  คน ในเวลาที่ซ้อมนั้น จื้อเผิงนั้นน้ำตาเริ่มคลอเบ้า ทางด้านโหย่วเผิงฉีหลงและทีมงานอีกหลายคนได้ไปปลอบใจถามเขา จื้อเผิงใช้มือเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วบอกว่า “ไม่มีไร พอดีเม็ดทรายกระเด็นเข้าตา”

แท้จริงแล้ว ตอนที่ซ้อมเต้นอยู่นั้น จื้อเผิงได้คิดถึงภาพที่สมัยก่อนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยเต้นอยู่บนเวที เขาคิดแล้วคิดอีก ทำให้รู้สึกสะเทือนใจ ตอนที่จื้อเผิงได้รับโทรศัพท์จากนักข่าวแล้วบอกว่า “เป็นความทรงจำที่มิอาจลืมได้”


เมื่อวานตอนที่มีการซ้อมรายการนั้น ทางนักข่าวสังเกตุเห็นถึงการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้มีการดัดแปลงอะไรใหม่ๆ นอกจากท่าเต้นที่เปลี่ยนเล็กน้อย ยังมีท่าใหม่ๆเข้ามาเสริมอีกด้วย และทราบจากคนในว่า หลังจากที่ได้ผ่านการดัดแปลงหลายรอบ ชุดที่จะใส่แสดงนั้นก็ได้มีการตัดสินใจว่าจะมีลักษณะแบบไหนอย่างเรียบร้อยแล้ว

ด้วยเหตุที่จะให้เข้ากับบรรยกาศ เข้ากับบุคลิกของแต่ละคนและให้ทันสมัย ทั้งสามต่างก็ได้เลือกรูปแบบเรียบร้อยแล้ว ตามที่ทราบ จื้อเผิงที่ให้ความสำคัญกับการรวมตัวครั้งนั้นเป็นอย่างมากนั้น เขาได้สั่งทำรองเท้าเต้นที่ทำมาจากไทเปเป็นพิเศษคู่หนึ่ง

831

25 ม.ค. 2010 การแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยเกือบร้อยเปอร์เซ็นแล้ว หวังว่าคืนนั้นจะได้รับรางวัล

ทั้งสามให้คำมั่นกับทุกคนว่าจะคว้ารางวัลที่ 1 มาครอง

(บ่าย 2)  24  มกราคม เสี่ยวหู่ตุ้ยทั้งสามก็เร่งรีบเข้าไปที่สถานที่ตั้งของหน่วยการซ้อมเพื่อจะซ้อมกับคนอื่นเป็นรอบสุดท้าย เจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยว่า ท่าเต้นของทั้งสามคนนั้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นแล้ว พรุ่งนี้ก็จะเข้าไปที่สถานียางซื่อเพื่อให้ปากคำ สำหรับงานซ้อมสองสามวันที่ผ่านมานั้น พวกเขาทำได้ยอดเยี่ยมมาก พวกเขายังเรียกร้องให้ซ้อมอีกหลายรอบ หวังว่าจะสามารถคว้าที่ 1  มาครองให้ได้(รางวัลการร้องเพลง)



ตอนที่นักข่าวสัมภาษณ์นั้นสังเกตุเห็นว่า นอกจากช่วงจบเพลงแล้วต่ออีกเพลงตรงนั้น ทำนองเพลงทั้งสามเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยที่จะร้องในคืนวันนั้นนั้นส่วนใหญ่ยังเหมือนเดิม ก็ประมาณว่าของแท้ไม่เคยเปลี่ยน มันแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่าจะมีสไตน์ Rap นอกจากนี้ ท่าเต้นของทั้งสามคนก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป เพลง(อ้าย)นั้นก็ยังมีจุดที่ดึงความสนใจคือท่าเต้นภาษามือ และอีกสองเพลงก็ยังคงอนุรักษ์ความเป็น original(ต้นฉบับ) มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้กล่าวว่า เมื่อเห็นทั้งสามคนทั้งร้องทั้งเต้นบนเวที มันจะให้ความรู้สึกถึงการย้อนกลับของเวลา


ทั้งสามคนถือขวดน้ำแทนไมค์โคโฟน

จริงๆแล้วทั้งสามคนได้สละเวลาที่แน่นเอียดของตัวเองมารวมตัวกันซึ่งมันไม่ง่ายเลย ฉะนั้นทำให้ทุกคนต้องใช้เวลาการซ้อมอย่างกระทัดรัด สำหรับเสี่ยวหู่ตุ้ยที่เข้าสู่วัยกลางคนแล้วเรื่องเวลาต้องกระทัดรัดนั้นคงเป็นอะไรที่ทำให้พวกเขาต้องเครียด ช่วงพักเบรคนั้น โหย่วเผิงได้หยิบเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วไปนั่นพักผ่อน ฉีหลงก็ยังคงเดินไปหาทีมงานแล้วพูดคุยเล่าเรื่องขำๆฟังกัน แต่ทางจื้อเผิงเป็นคนที่เอาจริงเอาจังที่สุดในบรรดาพวกเขา เขาจะซ้อมด้วยตัวเอง และได้ไปปรึกษาพูดคุยกับอาจารย์สอนเต้น สำหรับงานที่จะมาถึงในวันข้างหน้านี้นั้น จะเห็นถึงความตื่นเต้นของเสี่ยวหู่ตุ้ย โดยเฉพาะฉีหลงนั้นที่ไม่กลัวเสียเวลาส่วนตัวของเขา เขาบอกว่า เพื่อจะทำให้ผลงานของคืนวันนั้นออกมาให้ดีที่สุด ถ้าจะให้ดีต้องอยู่ที่ปักกิ่งแล้วซ้อมหลายๆครั้ง

832

24 มกราคม 2010  เมื่อรวมตัวอีกครั้งตอน 13 ปีให้หลัง เสี่ยวหู่(เสือน้อย)กลายเป็นเหลาหู่(สือเฒ่า)?

เมื่อวาน เสี่ยวหู่ตุ้ยได้บันทึกเพลงซีดีตัวอย่าง (24 ม.ค.)

ตั้งแต่ก่อรากสร้างฐานเสี่ยวหู่ตุ้ยมาจนถึงวันนี้ก็ 22  ปีแล้ว 13  ปีแห่งเวลาที่แยกจากกัน และจะมีการรวมตัวกันร้อง(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)(อ้าย) (หูเตี๋ยเฟย) 3 เพลงในสถานียางซื่อ อายุฉีหลงที่ 39,  จื้อเผิงที่ 38, โหย่วเผิงที่ 36 ต่างก็ได้ตบเท้าเข้ามาบันทึกรายการในห้องอัด เป็นซีดีตัวอย่างของงานครั้งนี้ เพลงติดต่อกัน 3 เพลงใน 5 นาที ยังเป็นที่ประทับใจเป็นอย่างมาก ยังอนุรักษ์ความเป็นเอกลักษณ์และกลิ่นของเสี่ยวหู่ตุ้ยอยู่

“ตอนที่ยืนอยู่บนเวที ผมจะพยายามอนุรักษ์สไตน์คลาคสิกของเสี่ยวหู่ตุ้ย แต่ว่าพวกเราจะทำได้ดีขนาดอย่างที่พวกคุณเคยเห็นในสิบกว่าปีก่อนอย่างนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้?”   นี่เป็นคำถามที่โหย่วเผิงได้ถามเหล่าทีมงานและแฟนๆ   “สิ่งที่คุณเห็นอาจเป็นความผิดหวัง อาจรู้สึกว่าวัยหนุ่มนั้นหายไปแล้ว อาจรู้สึกว่าเป็นเพียงสหายเก่ามาร่วมอวยพร หรืออาจรู้สึกว่าเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่ไม่ได้เจอกันกว่า 20 ปีแล้วมาเจอกัน ความรุ้สึกเหล่านี้อาจเกิดขึ้นกับคุณก็ได้ แต่ผมรู้สึกว่าวันวานที่ทุกคนต่างทรงจำได้ดีคือวันวานแห่งความไร้ทุกข์ไร้โศก”
 
22  ปีก่อน รายการช่องหนึ่งของสถานีไต้หวันได้ทำให้เสี่ยวหู่ตุ้ยมารวมตัวกัน แต่ว่าไม่มีใครคาดคิด จากวงที่เป็นเพียงผู้ช่วยของพิธีกรรายการหนึ่งกลายเป็นวงพิธีกรและวงนักร้องแห่งขวัญใจของวัยหนุ่มสาวไป แค่ปีเดียวในช่วง 1989  พวกเขาก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีใครเคยสร้างไว้ก่อน

อัลบั้มแรกของพวกเขา(ซินเหนียนไคว่เล่อ:Happy New Year )นั้นแค่ไม่กี่สัปดาห์ยอดขายทะลุกว่า 250,000 แผ่น และได้มีการจัดงานแจกลายเซ็นที่ หอ ดร.ซุนยะเซน นั้นมีแฟนคลับมาร่วมงานกว่า  200,000 คน

และอัลบั้ม(เซียวเหยายิ๋ว:Roaming Leisurely)นั้นก็ติดอันดับชาร์ท Chart เพลงนัมเบอร์วันเลย คาราวานคอนเสิร์ดทั้ง 25 ครั้งนั้นล้วนเต็มแน่นไปด้วยผู้คน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนมาร่วมคอนเสิร์ด จราจรติดขัด ยอดผู้ชมที่สูงที่สุด เวลาที่ใช้นั้นนานที่สุด และเสียงกรี๊ดที่ดังที่สุดเหล่านี้ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์แห่งสถิติไปแล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือท่าทีของผู้ปกครอง



ปกติแล้วผู้ปกครองจะไม่สนับสนุกให้ลูกหลานไปหลงชื่นชมดาราศิลปิน หนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า (ปีเหล่านั้นของไต้หวัน) “ตอนนั้นในห้องเรียน ไม่ว่าคุณจะร้องออกมาจากมุมไหนของห้องว่า “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ก็จะมีเสียวกรี๊ดกราดมากมายจากแฟนๆของพวกเขา กรี๊ดเสร็จแล้วต่างคนก็ต่างมองหน้ากันแล้วหัวเราะ” แน่นอน ในโลกไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกลา  ธันวาคม ปี 1992   หนุ่มหล่อจื้อเผิงจำต้องไปเกณฑ์ทหารจึงทำให้วงเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นไม่แยกไม่ได้ ปี  1993  จื้อเผิงได้กลับมาสู่วงอีกครั้ง และเสี่ยวหู่ตุ้ยได้มีการรวมตัวอีกครั้ง ปี 1997 ฉีหลงก็ได้ไปสมัครเป็นทหารจึงทำให้เสี่ยวหู่ตุ้ยต้องแยกทางกันอีกครั้ง
 
การที่จะมารวมตัวอีกครั้งในคืนงานตรุษจีน เสือน้อยทั้งสามล้วนปกติ “อนาคตจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ดวง” คำพูดจากฉีหลง “ในชีวิตของพวกเขานั้น คำว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นมันมีคุณค่าที่หาจะเปรียบไม่ได้ ไม่อยากให้มันเป็นสิ่งที่ไร้ค่า “โหย่วเผิงได้อธิบายอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง....(Ming)
 
ข่าวต่างๆ

รายการร้องเพลงของคืนตรุษจีนนั้นรั่วไหล? สถานียางซื่อบอกว่า : กำลังอยู่ในขั้นตอนสืบสวน

ก่อนหน้านี้ มีรูปสองรูปที่คล้ายเป็นรูปตอนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยกำลังซ้อมแสดงรายการได้ถูกเผยแพร่ที่อินเตอร์เน็ตจนมีข่าวโกลาหลไปหมด ทั้งยังมีรูปกว่า 25 ใบที่ยังไม่มีเขียนว่าเป็นรายการแสดงอะไรถูกเผยแพร่ด้วย ในนั้นยังไม่นับตอนที่สื่อได้ถ่ายรูปการแสดงของหวังเฟย และรายการร้องเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ย และของอีกหลายๆท่าน และทางเจ้าหน้าที่ของสถานียางซื่อได้บอกว่า “รายการแสดงร้องเพลงนั้นล้วนได้คัดออกมาแล้ว แต่ ณ วันนี้นั้น รายการเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาอยู่ ยังไม่ได้ลงมติเลือกรายการแสดงใดๆเลย

833

(แปลเฉพาะส่วนที่พูดถึงในเสี่ยวหู่ตุ้ย)

25 มกราคม 2010 เหอตงประเมิน . งานแสดงของโหย่วเผิงดีกว่าการร้องเพลง

พิธีกร : จริงๆแล้วสมาชิกทั้งสามคนของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น เช่น จื้อเผิง โหย่วเผิง หรือฉีหลง หลังจากที่ต่างคนต่างแยกทางกันเดินแล้ว แต่ละคนนั้นล้วนให้เห็นถึงความสามารถพิเศษของพวกเขาอย่างชัดเจน และสิ่งที่พวกเขาปรารถนาอย่างยิ่งคือการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของพวกเขา อาจารย์เหอตง ตอนนั้นครั้งแรกที่ท่านได้เห็นการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น ท่านเห็นภาพลักษณ์ของเขาเป็นอย่างไร?

เหอตง: หากว่าพวกเขาไม่ต่างคนต่างไป และอยู่รวมกัน ภาพลักษณ์อย่างนี้ยังคงอยู่ แต่ว่า หากจะขอความคิดเห็นในตอนนี้ของผมเองนั้น โหย่วเผิงจะเป็นคนที่เอาดีในด้านการแสดง ผมเคยดูผลงานการแสดงของเขา โจซินฉือเคยพูดไว้ว่า ออกไปขายจะต้องคืน ผมขอยกตัวอย่างหนึ่ง ผมไปดูเรื่อง(สือแย่หวุยเฉิง) ทันทีที่หลี่อี่ชุนออกมา ทำให้หัวเราะกันทั่วโรง ทุกฉากก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน แล้วตอนที่เธอแสดงมาถึงช่วงท้าย แสดงจนชำนาญแล้ว ทำให้ทุกคนไม่หัวเราะแล้ว หลี่อี่ชุนได้พูดกับผมว่า บอกว่าเธอและพ่อแม่ของเขาก็ได้แต่หัวเราะ ก็คือคุณซื้ออันนี้แล้ว ทันใดนั้นคุณไปที่อีกที่หนึ่งไปซื้ออีกอัน ทุกคนก็ยังอยู่ ภาพลักษณ์ของโหย่วเผิงที่มีในชีวิตฉันใดฉันนั้นมันลึกมากๆ เพราะว่าผมพึ่งดูเฟิงเซิงจบไป และองค์หญิงกำมะลอด้วย เอามารวมกันซิ

พิธีกร : ไป๋ฝู่กวน (เป็นศัพท์เฉพาะของพวกเขา ไม่รู้แปลว่าไร :@@: )

เหอตง : สามารถพูดได้ว่ามีอันตรายเหมือนกัน ผมไม่กลัวกระทบแฟนคลับ แฟนคลับนั้นเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่น่าทึ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันก็เหมือนทำอะไรเวอร์และเขลาไป แต่หากคุณมารวมตัวกันอีกครั้ง หลังจากที่ต่างคนต่างแยกทางกันไป มันจะมีบรรยากาศเหมือนสมัยตอนนั้นหรือไม่ ผมว่ามันเป็นอะไรที่น่าคิด

พิธีกร: โดยเฉพาะหลังจากที่ทั้งสามต่างคนต่างแยกกันไปแล้ว ก็จะเห็นถึงบุคลิกและจุดเด่นที่ต่างนั้นชัดเจนขึ้น ใช่ไหม?

เหอตง : ใช่

พิธีกร : ขณะที่ได้มารวมกันอีกครั้งนั้น

เหอตง : ตอนแรกที่ผมยอมรับพวกเขานั้น ไม่ได้ยอมรับเหมือนอย่างวันนี้ คือพวกเขาสามคนมาอยู่ด้วยกัน แล้วทันใดนั้นคุณไปเล่นหนัง แล้วคนนั้นไปทำอะไรของเขาอีก แล้วมารวมตัวกันอีก ผมฟังคุณร้องเพลงไปด้วย แล้วผมก็คิดภาพยนตร์เฟิงเซิงที่ผมจะแสดงไปด้วย แล้วไปคิดเรื่ององค์หญิงกำมะลอ จากนั้นสมองคงจะปั่น มันคงรวมแล้วไม่อยู่ด้วยกันอย่างแฮปปี้

พิธีกร: แต่ว่ามีแฟนคลับหลายคนอยากเห็นภาพที่พวกเขามารวมตัวอยู่ด้วยกัน แม้เห็นว่าต่างคนต่างแยกกันไปแล้ว ก็หวังที่จะเห็นพวกเขามารวมตัวกันอีก

เหอตง : แม้แสงอาทิตย์ยามเย็นจะสวยงามปานใด แต่มันก็ใกล้จะตกแล้วล่ะ(หมายถึงจะสวยดีแค่ไหน แต่ก็แค่ชั่วครู่)

พิธีกร : เป็นคำที่เปรียบได้คมมาก

พิธีกร: แล้วภาพลักษณ์ในอดีตที่คุณมองเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นมองอย่างไร?

เจ้าเสี่ยวตง : การแสดงออกของพวกเขาในตอนนั้นโดดเด่นมาก แค่เห็นพวกเขาบนจอ คุณก็ไม่ต้องร้องไม่ต้องเต้นอะไรแล้ว ขอแค่คุณเปิดรายการเทปบันทึกของของเสี่ยวหู่ตุ้ย ขอแค่เห็นพวกเขาสามคน คนในรายการหรือคนดูก็จะดิ้นเต้นแทบจะขาดใจเลย การที่พวกเขาจะมาออกรายการแสดงครั้งนี้นั้น เป็นอะไรที่น่าสนใจของรายการสถานีจงยาง

พีธีกร : หากเอาจุดนี้มาเป็นจุดขายของงาน เพื่อจะกระตุ้นกระแสดนตรีของงานครั้งนี้

เจ้าเสี่ยวตง : ฉะนั้นผมจึงรู้สึกว่า หากว่าพวกเราอยู่ในสมันนั้น ฉะนั้นอาจารย์เหอตงคุณก็ไม่ต้องกังวลหรอก หากว่าพวกเราเป็นแฟนคลับสมัยนั้นของเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว ผมคิดว่าแฟนคลับทั้งหมดของพวกเขาคงไม่อยากจะให้พวกเขามาอยู่ด้วยกันอีก

เหอตง : โดยเฉพาะที่ผมได้ยินคำนี้ของเขา ภาพจิตนาการณ์ของผมนั้น ผมคิดว่าโหย่วเผิงเป็นนักแสดงมืออาชีพ การแสดงของเขานั้นโดดเด่นดีกว่าการร้องเพลงของเขาด้วยซ้ำ เขาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แบบมืออาชีพเลยแหล่ะ จะหานักศึกษานักแสดงมหาลัยที่สอนการแสดงต่างๆมาเปรียบกับเขาแล้ว มันทิ้งกันแบบไม่เห็นฝุ่นเลย และบทต่างๆที่เขาแสดงนั้น ล้วนเป็นบทที่สะอาดและดี และฝีมือการแสดงของเขานั้นธรรมชาติมาก .....(Ming)


837


17 ปีให้หลังเสี่ยวหู่ตุ้ยมารวมตัวอีกครั้ง

เมื่อวาน (21) เสี่ยวหู่ตุ้ยที่ได้แยกย้ายกันไปนานได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่สถานียางซื่อ ได้มาซ้อมรายการแสดงคืนตรุษจีนเป็นครั้งแรก ทราบมาว่า เสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีการซ้อม 4 วันติดต่อกัน หลังจากที่ซ้อมเสร็จก็จะเข้าห้องอัดเสียง และวันที่ 25 จะเข้าไปที่สถานที่จัดงานของสถานียางซื่อซ้อมจริง

ข่าวจากเสฉวน:  ข่าววันที่ 22 มกราคม เมื่อวาน(21) สี่ยวหู่ตุ้ยที่ได้แยกย้ายกันไปนานได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่สถานียางซื่อ ได้มาซ้อมรายการแสดงคืนตรุษจีนเป็นครั้งแรก สำหรับการรวมตัวกันอีกครั้งนั้น ทั้งสามมีความสุขเป็นอย่างมาก ฉีหลงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ จื้อเผิงถูกทุกคนเรียกว่าเป็นอาจารย์ ไกวๆหู่(เสือเชื่อง)กลับกลายเป็นเสือดุ ได้ข่าวว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีการซ้อม 4 วันติดต่อกัน หลังจากที่ซ้อมเสร็จก็จะเข้าห้องอัดเสียง และวันที่ 25 จะเข้าไปที่สถานที่จัดงานของสถานียางซื่อซ้อมจริง




เมื่อเจอกัน “เสี่ยวไกว” เป็นผู้ใหญ่ขึ้น

เสือน้อยสามตัวไม่ได้มาพร้อมกัน คนที่มาเป็นคนแรกคือฉีหลงและโหย่วเผิง เมื่อเจอกันก็มีการโอบกอด การโอบกอดอย่างนี้นั้นจื้อเผิงบอกว่าเป็นการโอบกอดได้ความรู้สึก ขณะที่ซ้อมนั้น ฉีหลงที่เพิ่งหย่ากับภรรยานั้นก็ให้เห็นถึงรอยยิ้มบนใบหน้าที่บานเลย เมื่อถามถึงสาเหตุ เขากล่าวว่า “การจะรวมตัวกันอีกครั้งมันไม่ง่าย ผมดีใจมากๆ สนุกกับการร่วมซ้อมรายการแสดงเป็นอย่างมาก” ไกวๆกู่ไม่หยุดที่จะหยอกล้อพวกเขา จนทำให้ฉีหลงและจื้อเผิงให้ฉายาเขาว่า ไกวๆหู่เปลี่ยนไปเป็นเสือดุ ขณะที่ถามว่าบรรดาทั้งสามคนใครเปลี่ยนไปมากที่สุด ทั้งสองคนก็ได้ชี้ไปที่โหย่วเผิง “ไว้หนวดคราวแล้ว เป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว”
 
ซ้อมการเต้น อาจารย์เฉินเก่งที่สุด

ในห้องซ้อมนั้น เพลง(ซิงซิงเตอแย่ฮุ่ย) (หงชิงถิง) (อ้าย) เปิดตลอดเวลา ทั้งสามคนเต้นโดยที่ไม่ได้นัดกันมาก่อน พยายามที่จะเรียกความทรงจำเก่าๆกลับมา จื้อเผิงที่มีความทรงจำที่ดีนั้นก็ได้ค่อยๆรื้อฟื้นท่าเต้นของเพลงอ้ายออกมา และได้นำสองคนเต้นด้วยกัน

เมื่อเห็นการเต้นที่คล่องของจื้อเผิงแล้ว ฉีหลงได้พูดว่า “บรรดาพวกเราจื้อเผิงเป็นคนที่จำท่าเต้นได้มากที่สุด ผมนั้นดูเขาเต้นแล้วค่อยๆฟื้นความทรงจำของตัวเอง เมื่อกี้พวกเรายังล้อเล่นว่า จะจำท่าเต้น ต้องหาจื้อเผิง”




เพลงผ่านไปหลายรอบแล้ว อาจารย์ก็ได้มาประเมินการเต้นของพวกเขา สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่พวกเขาจะต้องทำใน 4 วันนี้เวลาที่ประเมินนั้น ฉีหลงเสนอว่าท่าเต้นขอให้เข้ากับสไตน์จีนหน่อย พูดไปด้วยเต้นไปด้วย ตำแหน่งการยืนนั้น ยังคงจะคงเดิมไว้ เมื่อวานตอนบ่าย ผู้กำกับของงานนี้ได้มาปรากฏตัวตอนซ้อมอย่างเหนือความคาดหมาย มาดูการซ้อมของพวกเขาทั้งสามคน ผู้กำกับเองก็ยังบอกว่ารู้สึกพอใจกับพวกเขาทั้งสามคนที่แม้จะแยกกันไปนานหลายปี

ในเวลาที่สำคัญของการซ้อมแสดงนั้น เสียงเพลงที่ซ้อมร้องนั้นกลับไปโผล่ที่เว็ปไซน์ มีข่าวว่า หลุดมาจากมือถือของอาจารย์อัดเทปท่านหนึ่ง เป็นเพลง(อ้าย)ที่ร้องหลายๆรอบ แต่จะมีของใหม่คือเสียงคีบอร์ดเพิ่มเข้ามา แต่ทางทีมงานได้บอกว่า เพลงที่หลุดออกมานั้นไม่ใช่เพลงที่พวกเข้าห้องอัดอัดกัน


ชุดที่จะใช้ให้กับสไตน์วัยรุ่น

สำหรับเรื่องชุดนั้น ตามที่ทราบมา ทางทีมงานได้เสนอแบบมาสามแบบ ตอนนี้ทั้งสามคนสนใจแบบทันสมัยวัยรุ่น และทางทีมงานเองก็มีความคิดเดียวกันคือจะให้ออกแบบสไตน์วัยรุ่น จะมีสามชุด ชุดของแต่ละคนก็จะเข้ากับบุคคลิกของแต่ละคน




โหย่วเผิงปฏิเสธเรื่องมีปัญหาการเช่าบ้านที่เฉาหยาง

คดีเช่าบ้านที่เฉาหยางของโหย่วเผิงกำลังเบิกความครั้งแรกที่ศาล และเขาได้มาแก้ข่าวนี้ ในข่าวว่าโหย่วเผิงได้หลอกลวงไม่ให้ข้อมูลจริงกับทางศาล ทางทนายความและผู้จัดการส่วนตัวของโหย่วเผิงไม่พอใจกับข่าวนี้ “จริงๆคดีนี้เป็นคดีความที่ปกติธรรมดา ก่อนที่ทางศาลจะมีการตัดสินคดีนั้น ไม่อยากจะให้สื่อมาวิจารณ์ก่อนว่าจะเป็นอย่างไรหรือเขียนข่าวมั่วๆ ควรที่จะเคารพต่อผู้อื่นด้วย” เป็นการพูดต่อสื่อของผู้จัดการโหย่วเผิง

แล้วทนายส่วนตัวของโหย่วเผิงกล่าว  1. ในใบสัญญาของโหย่วเผิงนั้น ไม่ได้มีการกระทำความผิดใดๆ และในช่วงที่เช่านั้น โหย่วเผิงก็ได้ทำหน้าที่เป็นนายหน้า สำหรับรายละเอียดการการเช่านั้นทางเราไม่รู้ 2.คุณหวังที่เป็นผู้ฟ้องก็ทำเพื่อธุรกิจ เขาเป็นคนสัญชาติจีน ก็น่าจะเข้าใจกฏหมายจีนดี

ท้ายสุด ทนายความกล่าวว่า ในคดีนี้นั้น โหย่วเผิงได้ทำตามใบสัญญาอย่างเคร่งครัด แต่ทางผู้ฟ้องร้องกลับทำผิดสัญญา โหย่วเผิงได้มีข้อคิดเห็นต่อการผิดสัญญาของคุณหวัง จะขอทางสื่อทำข่าวให้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องใน ณ ที่นี้อีกครั้ง ขอบคุณที่ทุกคนเป็นห่วง

838

พวกเราจะอธิบายให้พวกคุณฟัง

มีนักข่าวได้เขียนการร่วมตัวอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ยว่า “หากว่าคุณเกิดในช่วงปี 70 หรือ 80 หากไม่รู้จักเสี่ยวหู่ตุ้ย ไม่คุ้นเพลง(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) (หูเตี๋ยเฟยยา)(อ้าย) นั่นเป็นสิ่งที่น่าอายมาก

ต้องขออภัยที่ผู้เขียนได้พูดอย่างนี้ เพราะเสี่ยวหู่ตุ้ยในสายตาของทุกคนในสมัยนั้นไม่เพียงเป็นแค่วงธรรมดาวงหนึ่ง แต่เป็นวงที่เป็นที่ระลึกจดจำของทุกคนไปแล้ว”  แน่นอนมีคนบางคนที่อายุยังไม่ถึง 18 อาจไม่เข้าใจถึงอะไรคือการรวมตัวกันอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ย ทำไมถึงต้องตื่นเต้นอย่างนี้ ทำไมถึงต้องกระหายอย่างนี้ เดี๋ยวผมจะมาอธิบายให้ทุกคนฟัง เพราะว่า พวกเขาเป็นความทรงจำที่ดีของคนรุ่นสองรุ่นด้วยกัน วันนี้จะหาเทปของพวกเขานั้นยากจะมีแล้ว มีรูปพวกเขามากมายที่ติดไว้ในหนังสือไดอารี่ ยังมีเพลงยอดฮิตมากมายอีกด้วย ยังมีแฟนๆบางคนอายุตั้งแต่ 20,30,40 ก็ล้วนโตมากับพวกเขา



เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นวงนักร้องชายวงแรกของวงชาย เติ้นลี่จิน หลอต้าอิ่ว เสี่ยวหู่ตุ้ยล้วนอยู่ในปี 80 90  นี่เป็นสิ่งที่ทางประเทศจีนเข้าใจต่อวงศิลปินของไต้หวัน กรกฏาคมของปี 1988 ทางค่ายไคลี่ได้ตั้งรายการหนึ่งขึ้นมา และจะหาผู้ดำเนินรายการชายสามคน สุดท้ายก็คือสมาชิกทั้งสามของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั่นเอง จากนั้น (ซิงซิงเตอแย่ฮุ่ย) (หงชิงถิง) (อ้าย) อัลบั้มเหล่านี้ก็ได้ตามมา และการแสดงคอนเสิร์ดต่างๆนั้น ได้กลายเป็นตำนานไปแล้วเมื่อปี  1995

พิษแห่งมีชื่อหนึ่งที่เป็น “ยุคอดีต”

“พวกเขาล้วนโตแล้ว พวกเราก็เหมือนกัน” คำของแฟนคลับทางเว็ปไซน์ และมีผู้คนอีกมากมายได้เขียนและนำเอาเพลงต่างๆของพวกเขามาลงที่เว็ปไซน์ของตัวเองเพื่อหวนคิดถึง “โสวหยี่ปัน” เป็นการสร้างความนิยมอีกครั้ง ในการจัดลำดับเพลงของ KTV นั้น เพลงเก่าๆของพวกเขา ได้นำมาเปิดอีกรอบหนึ่ง ยังมีอีกหลายๆเพลงที่นำมาเปิด  “หลินจื้อฉี”  สมัยนั้นแม้แต่ก่อฟู่เฉินก็ยังต้องชิดซ้ายเลย

839
22 มกราคม 2010  เสี่ยวหู่ตุ้ย รวมตัวกันครั้งแรกรอบใน 20ปี


ทุกคนต่างสนใจข่าวของเสี่ยวหู่ตุ้ย วันนี้บ่าย 2 โมงได้ปรากฏที่สถานียางซื่อเพื่อซ้อมการแสดงคืนวันตรุษจีนแห่งปีเสือ โหย่วเผิง, จื้อเผิง, ฉีหลงได้มาปรากฏตัวพร้อมกัน การรวมตัวครั้งแรกนั้นเป็นที่สนใจของสื่อเป็นอย่างมาก และทางทีมงานก็ได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือโดยจัดหน่วยคุ้มครองไว้เยอะเป็นพิเศษ ในงานซ้อมการแสดงก็มีหน่วยรักษาความปลอดภัยไม่น้อยเลยทีเดียว จากข่าวที่ได้รับมานั้น ขณะนี้พวกเขากำลังซ้อมเดินบนเวทีอยู่ แล้วเพลงที่จะร้องก็คือเพลงที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว มีอยู่ 3 เพลง (อ้าย) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) (หูเตี๋ยเฟยยา) ส่วนตำแหน่งการยืนนั้น ก็ยังคงรักษาตำแหน่งเดิมอยู่ อู่ฉีหลงยืนตรงกลาง ซ้ายขวาเป็นโหย่วเผิงและจื้อเผิง และคืนนั้นจะมีการร้อง 3 เพลงตำแหน่งการยืนก็ยังเหมือนเดิม

คืนงานเสี่ยวหู่ตุ้ยร้อง 3 เพลง ตำแหน่งการยืนไม่เปลี่ยนแปลง

หลายคนก็เข้าใจว่า ตอนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยรวมตัวกันนั้น น่าจะมีการโอบกอดที่ประทับใจและกินใจ แต่มีข่าวลือกันข้างนอกว่า เมื่อเจอกันต่างคนต่างวางมาด เหมือนกับน้ำแข็ง โหย่วเผิงที่มาหลังสุดนั้น ได้ย่องไปนั่งข้างจื่อเผิงเบาๆ ทั้งสามต่างยิ้มให้กัน ต่างสนิทสนมกันและก็ใช่ว่าจะห่างกัน ก็เหมือนกับเมื่อก่อนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยยังไม่แยกทางกัน เสี่ยวหู่ตุ้ยเมื่อก่อนเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนั้น
 
เพลงก็ยังเป็นเพลงที่คุ้นเคยกันเช่น (อ้าย ) (หูเตี๋ยเฟย) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) ใบหน้าทั้งสามที่เคยใสซื่อ วันนี้กลับเห็นความเข้มของการงานบนใบหน้า ท่าทางลีลาการเต้นและคราวบนใบหน้า มันทำให้เรารู้สึกถึงวัยหนุ่มที่จากเราไปแล้ว ครั้งนี้สิ่งที่เราเห็นอาจเป็นการรวมตัวในปลายวัยหนุ่มของพวกเขา มันตื่นเต้นขนาดไหน และมันปวดใจขนาดไหน


เมื่อวานตอนมาซ้อมการแสดงในสถานียางซื่อ ทางทีมงานได้มีโอกาสพูดคุยกับพวกเขา
 
“นี่เป็นการโอบกอดที่ไม่จริงใจ”

จื้อเผิงที่ดูเหมือนแดดเผาจนตัวดำ หากจะเปรียบการเจอกันครั้งแรกระหว่างเขากับฉีหลงนั้น พวกเขาต่างโอบกอดกับฝ่ายตรงข้ามเบาๆหนึ่งครั้ง ดูไปก็เหมือนกับการกอดที่ธรรมดา เหตุอาจเป็นเพราะหน้าที่การงานของแต่ละคนที่ต่างกัน เกือบจะเป็นภาพแห่งตำนานไปแล้ว ขณะนั้น สถานียางซื่อก็ได้จัด รปภ ไว้อย่างหนาแน่น ได้กลายเป็นกันชนกับสื่อ กับไฟ กับโจรผู้ร้าย แต่ไม่วายที่จะมีสื่อบางคนไปรอที่ห้องโถงใหญ่ จึงสามารถที่จะเก็บภาพการโอบกอดอย่างนี้มาได้ โหย่วเผิงได้รับการสัมภาษณ์เสี่ยววินาทีบอกว่า “พวกเราต่างก็ได้ติดต่อกันส่วนตัวอยู่บ่อยๆ เราก็ได้ไปกินข้าวในบ้านของต่างฝ่ายด้วยกัน”

20 ปี มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปทุกอย่าง แต่ว่าบางกิริยาบทมันอาจกลายเป็นความเคยชิน ในกระดูกนั้นได้สลักตราไว้แล้ว อู่ฉีหลงก็ยังเป็นคนที่พูดน้อยที่สุดอยู่ดี โหย่วเผิงก็ยังมีใบหน้าที่ไกวๆอยู่ดี เฉินจื้อเผิงก็ยังเป็นคนที่ถูกรังแกเหมือนเดิม การแต่งตัวนั้นล้วนเหมือนกัน ที่ได้สวมหมวกกันมาโดยไม่ได้นัดหมายกัน กางเกงของฉีหลงกับโหย่วเผิงนั้นคล้ายๆกัน ขณะที่ซ้อมยืนนั้น ก็ได้มีกิริยาบทสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ยออกมาให้เห็นอย่างเป็นธรรมชาติ ฉีหลงยืนอยู่ตรงกลาย แล้วสองคนก็ยืนคนละข้าง

“คุณดูซิ โหย่วเผิงไว้หนวดคราวแล้ว”

ฉีหลงกั้นระหว่างจื้อเผิงกับดูโหย่วเผิง เขายื่นมือไปเตะคางของโหย่วเผิง สิ่งที่รู้สึกถึงเสี่ยวหู่ตุ้ยในสมัยก่อนคือ รอยยิ้มที่ใสสะอาด ที่ร่าเริงที่สุดคนนั้น เวลาได้ทำให้เขาจากเด็กชายกลายเป็นนายไปแล้ว
จริงๆแล้วการให้สัมภาษณ์แค่สิบนาทีนั้น ทั้งสามคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกตื่นเต้น และไม่ได้ยินถึงคำพูดที่ทำร้ายจิตใจในอดีต และด้วยรายละเอียดต่างๆนี้ทำให้เรามองเห็นถึงอารมณ์นิสัยของพวกเขา

คืนวันตรุษจีน ปัญหาที่พวกเขาเจอก็ไม่น้อย และร่างกายที่ไม่ได้เต้นมานานแล้วกลับลงพุง จำต้องลดน้ำหนัก ผมที่ตัดสั้นเพราะการแสดงนั้น จำเป็นที่จะต้องไว้ให้ยาวหน่อย และหนวดคราวที่ไว้อย่างคลากสิกนั้น จำต้องโกนมันทิ้งไป โหย่วเผิงใช้เพียงประโยคเดียวมาบรรยาย จริงๆแล้วมีคำพูดนับหมื่นแสน สิ่งที่ทำได้ก็คือเงียบไว้ “พวกเราทุกคนโอเคมาก คืนวันนั้นจะแสดงได้ยอดเยี่ยมแน่ ผมเชื่ออย่างนั้น”


“ระบำแห่งรัก ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยลืม”

การซ้อมการแสดงวันนั้นจะเน้นการเต้น ตำแหน่งการยืน ทุกอย่างก็จะทำตามให้เหมือนกับตอนเสี่ยวหู่ตุ้ย  ลำดับนั้น เริ่มจาก (อ้าย) (หูเตี๋ยเฟยยา) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) ท่าเต้นเพลงอ้ายนั้นหลักๆจะใช้ภาษามือเต้น น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยที่สุด อย่างไรก็ตามมันก็เป็นอดีตไปนานแล้ว ฉีหลงกับโหย่วเผิงก็ลืมจนเกือบหมด ปกติแล้วจื้อเผิงจะนำสองเสือน้อยเต้น ไม่นานก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง จื้อเผิงบอกกับสื่อว่า ใช่ว่าความจำเขาดี แต่มันลืมไม่ลงจริงๆ “นี่เป็นเพลงเต้นของพวกเรา เป็นท่าที่ลืมไม่ได้เลย” โหย่วเผิงพยักหน้าแล้วแซวว่า “ สกิดใจมาก คิดถึงท่าต่างๆในอดีตแล้วทำให้มีความสุขมาก อนาคตจื้อเผิงสามารถเปิดโรงเรียนสอนเต้นได้เลย”

เพลงร้องติดต่อกัน ปัญหาที่ใหญ่มากคือจะต่อให้เข้ากันอย่างไร ฉีหลงได้มีข้อเสนอ ขอเปลี่ยนท่าเต้นแบบเก่าเป็นสไตล์แบบจีน แล้วตั้งชื่อเป็น ต้าจี๋จงก๋อเฟิง แต่มีข่าวลือมาว่า โหย่วเผิงกลับตอบว่า “พวกเราไม่ใช่ฝันอยู่นะ”


“การอยู่ร่วมกันนั้น เป็นความหวังทั้งหมดของพวกเรา”

เสือน้อยทั้งสามได้มาร่วมอวยพรกับแฟนคลับ ขณะที่ถูกถามว่ามีอะไรจะพูดกับแฟนๆ พวกเขาได้นิ่งเงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายกลับพูดคำว่า “ขอบคุณ”  พร้อมกันโดยที่ทั้งสามไม่ได้นัดกันฉีหลงที่ดูเงียบๆนั้น ครั้งนี้เขากลับพูดด้วย “เห็นแฟนมากมายมาห่วงใยพวกเรา รวมทั้งมีข่าวลือข่าวจริงมากมายแพร่ออกไป หลังจากที่จบงานนี้แล้ว ยังไม่มีแผนอะไรที่แน่นอนชัดเจน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องขอบคุณแฟนๆ 21 ปีแล้ว” จากนั้นก็ยังมีเสียงเบาๆออกมาว่า เป็นเพลงที่ทุกคนรู้จักดี (ซินเหนียนไคว่เล่อ...ปี 1989) พวกเขาได้ร่วมกันออกอัลบั้มนี้กับ “ยิวฮวน” นี่ก็ถือว่าเป็นอัลบั้มแรกของพวกเขา เพลงหนึ่งในอัลบั้มนั้นคือ (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) ทำให้พวกเราดังระเบิดไปทั่วสังคมชาวจีนเลย


“การรวมตัวกัน เป็นสิ่งที่พวกเราคาดหวัง” นี่เป็นเนื้อเพลงของเพลง(ซิงกวางอีจิ้วชั่นลั่น) ตอนนั้น เหตุที่จื้อเผิงในเสี่ยวหู่ตุ้ยต้องไปเกณฑ์ทหาร ครั้งแรกที่จะต้องแยกย้ายกัน และครั้งแรกที่รวมตัวกัน ครั้งที่สองที่ต้องแยกทางกันคือปี 96  การรวมตัวกันครั้งที่สองน่าจะเป็น 14 ปีให้หลัง ในท่ามกลางพวกเขานั้น ฉีหลงได้แต่งงานและหย่าไปแล้ว โหย่วเผิงโตเป็นผู้ใหญ่และดังไปแล้ว จื้อเผิงยังดิ้นรนเพื่อการงาน หลังจากคืนตรุษจีนแล้วต่างก็ยังคนต้องต่างไป แต่ที่ยังดีคือยังมีหวังว่า “หากมีงานการกุศลใดๆที่จะให้พวกเราทั้งสามคนรับใช้ พวกเราพร้อมที่จะมาร่วมงานด้วย”


(สื่อสูกู) ก็เข้าใจดีว่า ทางเสี่ยวหู่ตุ้ยต่อจากนี้จะมีงานซ้อมหนักอยู่ 3 วัน ยังจะต้องไปเลือกชุดแสดงและอัดเพลงด้วย จนกว่าจะถึงวันที่ 25 ที่จะเปิดตัวบนเวทีอย่างเป็นทางการ

หน้า: 1 ... 40 41 [42] 43 44