-
http://www.youtube.com/v/aM2hFRuI7Wk&feature=player_embedded
เสี่ยวหู่ตุ้ยที่อมตะ : ความทรงจำสมัยปี 70
ยุ่งกับงานทั้งวันกลับไปแล้วยังต้องรอลูกนอนหลับก่อน หลายวันนี้จะเข้าไปในเน็ตเพื่อหาข่าวข้อมูลของเสี่ยวหู่ตุ้ยรวมตัวกันอีกครั้งเป็นประจำ จริงๆ แล้วก็ไม่จำต้องเจาะจงหา เพราะเป็นข่าวติดอันดับหนึ่งของปีใหม่ตรุษจีนปีนี้ ข่าวเรื่องนี้นั้นดูแล้วมีมากมาย เมื่อดูเว็ปไซน์หนึ่ง เริ่มจาก รับจื้อเผิงจากสนามบิน มาถึงห้องซ้อมการแสดง จนถึงช่วงแต่งตัวและซ้อมการแสดง ไม่รู้ว่ามีคนเท่าไหร่นั่งเฝ้าดูข่าวของพวกเขาที่เหมือนกับฉัน
การเป็นคนยุคปี 80 อย่างแท้จริงนั้น เมื่อได้เห็นข่าว ราตรีตรุษจีนของเสี่ยวหุ่ตุ้ยแล้วจะรู้สึกดีใจสุดๆ
หวนคิดถึงอดีตที่ตัวเองเป็นเด็กเรียนคนหนึ่ง ที่ไม่ฟังเพลงฟังแต่เสียงดนตรีเท่านั้น ทุกวันกลับถูกรายการร้องเพลงในทีวีของเสี่ยวหู่ดึงดูด เด็กหนุ่มสามคนนี้ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์หรือเพลงล้วนแต่เป็นแบบอย่างที่ดี ฉันเองที่เป็นคนไม่บ้าดารากลับมีความรู้สึกชอบเสี่ยวหุ่ตุ้ยขึ้นมา งานคอนเสิร์ตช่วยเหลือผู้ประสบภัยในปี 1991 นั้น หลิงเฟิงได้นำเสือน้อย 3 คนขึ้นเวที ทั้ง 3 คนได้ร้องเพลง “อ้าย” กับ “ซิงซิงเตอแยฮุ่ย” ฉันรอจนให้รายการนี้มาฉายซ้ำอีกครั้งแล้วเอาม้วนเทปมาอัดเสียงเพลงของพวกเขา ด้วยเหตุนี้ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่ามีครื่งหนึ่ง คุณพ่อได้ไปทำงานต่างจังหวัดแล้วได้ซื้อม้วนเทปของเสี่ยวหู่ตุ้ยกลับมา แต่ตอนนั้นด้วยเหตุที่ฉันยังมีความคิดมองเพลงเหล่านี้ในแง่ไม่ดีเลยเอามัวนเพลงเหล่านี้ยกให้พี่ชายไป แต่นึกได้แล้วรีบไปหาออกมาดู แท้จริงแล้วเป็นอัลบั้ม “เซียวเหยาอิ๋ว”กับ “หนันไหปู้คู” 2 อัลบั้มนี้ ต้องขอขอบคุณคุณพ่อจริงๆ เพราะตอนหลังไปหาซื้ออัลบั้ม “หนันไหปู้คู”นั้นไม่มีขายแล้ว คิดว่าคุณพ่อน่าจะซื้อในช่วงที่ “เฉา .. เพลงที่มาจากไต้หวัน” ชุดนี้ออกมาไม่นานแล้วซื้อมันมา ตอนนั้นได้ฟังในทีวี รู้สึกว่ามันเพราะมากๆ แต่ว่าไม่ได้ชอบถึงขั้นเป็นแฟนคลับของเสี่ยวหุ่เลยทันใด ตอนนี้เมื่อย้อนคิดแล้วยังรู้สึกเสียดายอยู่
ตอนนั้นเมืองหนึ่งที่ซินเจียง ฉันได้ซื้อม้วนเพลงตลับหนึ่ง ก็คือ “อ้าย” ของเสี่ยวหุ่ตุ้ย ตอนนั้นได้ไปห้างที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ได้หยิบเงินที่สะสมแรมปีขึ้นมา ได้ซื้อม้วนหนึ่งที่มีราคากว่า 7.5 หยวน แม้แพงแต่ก็ยังเป็นม้วนก๊อปปี้ ตอนนั้นไม่รู้เรื่องของม้วนเทป ใจที่เดียงสาไม่เคยรู้เลยว่ามีเทปผีเทปเถื่อน แต่เมื่อหยิบม้วนขึ้นมาดูแล้วรู้สึกว่ามันแปลกๆ ชื่อเพลงในม้วนมันดูไม่ชัดเจน แม้เสียงเพลงจะดี ตอนหลังถึงจะหาซื้อม้วนจริงได้ เพิ่งจะรู้ว่าราคาของม้วนจริงมันกว่า 8.9 หยวน
(http://i186.photobucket.com/albums/x202/alexsu_photo/0a10jpg.jpg)
ตอนหลังมารู้ว่า “อ้าย” เป็นอัลบั้มที่ 4 ของพวกเขา และแล้วก็คิดหาวิธีที่จะได้ทั้ง 5ชุดมาครอง อัลบั้ม 4 “ซิงซิงเตอแยฮุ่ย “ นั้นได้มาหลังจากชุด “อ้าย” และปกของม้วนนี้จะไม่เหมือนกับปกทั่วๆ ไป ในใจคิดว่าเป็นของปลอมอีกหรือเปล่า แต่เมื่อเปิดออกมาดูแล้ว แท้จริงเนื้อเพลงได้ซ่อนไว้ข้างใน ยังมีรูปสามหนุ่มที่ใส่ชุดขาว ตอนนี้มีอัลบั้มที่ 4 แล้ว ก็อยากจะมีอัลบั้มที่ 3 อีก “หงชิงถิง” ศูนย์การค้าก็ใหญ่เท่านี้เอง ในไปรษณีย์มีร้านขายม้วนเทปเล็กๆ ร้านหนึ่ง ฉันได้ไปดูบ่อยๆ เพื่อจะหาอัลบั้มของเสี่ยวหู่ตุ้ยเท่านั้น มีอยู่วันหนึ่ง ฉันเจออัลบั้ม “หงชิงถิง”จริงๆ ความรู้สึกที่ดีใจอย่างนั้นจนวันนี้ยังไม่ลืมเลย เพราะความคิดในตอนนั้นคิดว่ามันเป็นอัลบั้มที่ทำเมื่อปี 1990 คงจะไม่มีแล้ว
คิดอยู่ตลอดเวลาว่า จะพยายามสะสมอัลบั้มของเสี่ยวหู่ตุ้ยให้ครบทุกชุด แต่สิ่งที่เสียดายคือหลังจากอัลบั้ม “ซิงซิงเตอแยฮุ่ย” แล้ว ไม่นานมีอัลบั้ม “ไจ้เจี่ยน”ออกมา ตอนนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน็ต ทางทีวีโฆษณาเรื่องพวกนี้น้อยมาก ได้รับข่าวจากนิตยสารว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยกำลังจะแยกทางกัน ความทุกข์ใจในตอนนั้นยากจะบรรยาย ไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่เชื่อว่าพวกเขาจะแยกทางกันหรือเปล่า แต่รู้เพียงว่าหน้าปกของอัลบั้มนี้เป็นหน้าปกที่เก่าที่สุดในบรรดาอัลบั้มทั้งหมด สำหรับอัลบั้มเทปต่างๆของพวกเขานั้น รวมทั้งอัลบั้มที่พวกเขาได้ทำหลังจากที่แยกทางกันแล้ว ฉันได้เอากระดาษห่อเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ตอนฟังยังต้องระมัดระวังในการเก็บด้วย ไม่ต้องพูดถึงว่าจะยืมให้กับใครมันไม่มีทางเลย ฉะนั้นเวลาผ่านไปสิบกว่ายี่สิบปีแล้ว พวกเขายังใหม่เหมือนเดิมเลย
ไม่นานได้เห็น “ยอดฮิตBest”กล่องหนึ่ง ในใจสงสัยว่าเป็นของปลอมเปล่า (เป็นเพราะได้อัลบั้มแรกเป็นของปลอม) แต่ก็ได้ซื้อกลับบ้าน นี่เป็นอัลบั้มเพลงยอดฮิตที่ทำใหม่ แนวเพลงนั้น หลายปีแล้วฉันยังจำได้แม่นว่าในเพลง “วันนี้มองฉัน”นั้นมีเสียงกระจกแตกด้วย เนื้อเพลงของอัลบั้มนี้เขียนไว้ข้างใน หลังเนื้อเพลงยังมีประวัติอัลบั้มของเสียวหู่ตุ้ยด้วย ฉันเพิ่งรู้ว่าพวกเขายังมีหนังสือประวัติเล่มหนึ่ง “เสี่ยวหู่ตุ้ยที่นิรันดร์กาล” แถวๆนั้นไม่มีขายเลย ฉะนั้นขณะที่คุณพ่อไปทำงานที่เซี่ยงไฮ้ถามฉันว่าจะเอาอะไร ฉันบอกว่าอยากได้เพียงหนังสือเล่นนี้ สิ่งที่เสียดายคือ ความฝันของฉันไม่เป็นจริง จนมาถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้เลย หนังสือเล่นนั้นจะหาซื้อก็ไม่มีขายแล้ว
(http://i934.photobucket.com/albums/ad188/sandy2501/19590702_27977071.gif)
ในช่วงเวลาที่ยาวนานช่วงหนึ่ง ในโรงเรียนจะมีการแสดงต่างๆ ก็คือในห้องกลุ่มหนึ่ง 3 คนจะมาเลียนแบบการร้องเพลงท่าเต้นของเสี่ยวหู่ตุ้ย ฉันในตอนนั้นนับว่าเป็นนักเรียนที่สอบได้ไม่ที่หนึ่งก็ที่สองเลยทีเดียว และภาพลักษณ์ของนักเรียนดีเด่นในสมัยนั้น จะต้องเป็นนักเรียนที่ไม่รู้เรื่องของวงการบันเทิง รู้เพียงเรียนหนังสือ การฟังเพลงเสมือนการประพฤติที่ไม่ถูกต้อง ตอนนั้นฉันรู้สึกมันขมขื่นและไม่ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง เพลงทั้งหมดของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นฉันร้องได้หมด ไม่ว่าจะเป็นเพลงไหนหรือจะร้องท่อนไหนก็ได้หมด
ครั้งหนึ่งในห้องมีกิจกรรม มีนักเรียนหญิง 2 คนจะร้องเพลง “หูเตียเฟยยา” ตอนนั้นฉันน่าจะกำลังทำอะไรสักอย่าง แล้วดูพวกเขาซ้อมกัน แล้วเนื้อเพลงที่พวกเขาลืมไปนั้น ฉันเองเป็นคนบอกพวกเขา แต่พวกเขาใจยอมที่จะขาดไปหนึ่งคนแต่ไม่ยอมให้ฉันเข้าร่วมกลุ่มเป็น 3 คนให้เหมือนเสี่ยวหู่ตุ้ยเลย เพราะพวกเขาคิดว่าเด็กเรียนไม่ควรมาร้องๆ เต้นๆ อย่างนี้ จำได้ว่าตอนมัธยมปลาย ช่วงบ่ายก่อนจะเรียนนั้นคาบศิลป์จะมีการสอนร้องเพลงหนึ่งเพลง มีครั้งหนึ่งเพลงที่สอนคือ “อ้ายหว่อจิ้วเกินหว่อโจ่ว” ในอัลบั้ม”ซิงซิงเตอแยฮุ่ย” ทุกคนกำลังเขียนเนื้อเพลง เพื่อนร่วมโต๊ะนั้นฉันเป็นคนเขียนเนื้อเพลงให้เขา เพราะฉันคุ้นเคยกับเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ยมากๆ แต่ว่าทุกคนไม่กล้าเชื่อว่าฉันสามารถทำเรื่องนี้ได้ ฉันท้อใจมาก เจ็บปวดใจมากอยากบอกว่า พวกคุณไม่รู้เลยหรือว่าโหย่วเผิงนั้นทั้งเรียนเก่งและร้องเพลงเก่ง
-
http://www.youtube.com/v/MuLQmudpxWw&feature=related
การเป็นเด็กเรียนนั้น จะไปหาซื้อโปสเตอร์รูปดาราศิลปินตามท้องถนนหรือตลาดไม่ได้ ไม่รู้เพราะอะไร ทุกครั้งที่ฉันไปซื้อโปสเตอร์ของเสี่ยวหู่ตุ้ย กลัวคนอื่นเห็นจัง ซื้อกลับไปแล้วก็ไม่กล้าที่จะติดไว้ในห้องนอนอย่างเพื่อนๆ นี่น่าจะเป็นความทุกข์ของเด็กเรียนในสมัยนั้น ผนังห้องฉันติดโปสเตอร์เพียงรูปเดียว เป็นรูปหน้าปกของอัลบั้ม “เซียวเหยาอิ๋ว” โบว์ผีเสื้อกับเสื้อสีเหลืองและแจ๊กเก็ตสีขาว ฉันได้เอาคำหนึ่งของไกวไกวหู่ มาเป็นปรัชญาชีวิตของตัวเอง “มีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่กลัวความยากลำบาก มุ่งหน้าด้วยความกล้า ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้” โหย่วเผิงที่สอบเข้ามหาลัยไต้หวัน ก็เป็นหนึ่งในเสี่ยวหุ่ตุ้ยที่ฉันชื่นชอบที่สุด ตอนนั้นในใจฉันเขาเป็นแบบอย่างที่ดีคนหนึ่งแต่ไม่ใช่เป็นขวัญใจ จะต้องเป็นคนหนึ่งที่เก่งเรียนเก่งร้องเพลง โปสเตอร์รูปนั้นได้ติดอยู่ที่ห้องฉันและเป็นแรงใจให้ฉันตลอดเวลา จนฉันสอบเข้ามหาลัยที่เซี่ยงไฮ้ ไม่พูดไม่ได้เลยว่า โหย่วเผิงที่ได้อิทธิพลชีวิตฉันทำให้ฉันได้ดีจนมาถึงวันนี้
“ไจ้เจี่ยน”นำความประทับใจให้กับฉัน ในใจนั้นคิดอยู่ตลอดเวลาว่าอยากจะให้ จื้อเผิง เกณฑ์ทหารเสร็จเร็วๆ ให้เสี่ยวหู่ตุ้ยยังคงเป็นเสี่ยวหู่ตุ้ย และในที่สุดก็ได้เห็นอัลบัมแรกของ ฉีหลง อัลบั้ม“จุยเฟิงเส้าเหนียน” ฉันยอมรับว่าฉันได้ซื้อเทปก๊อปอีกครั้ง เมื่อได้ยินเพลงขออวยพรให้คุณโชคดีตลอดไป แล้วรู้สึกจิตใจหวิวๆ เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ต่างคนต่างบินจริงๆ และเพลง “ฉันขอเพียงให้เธอรักฉัน” ของโหย่วเผิงนั้นได้ยินครั้งแรกตอนดูรายการทีวี ตอนนั้นไม่กล้าเชื่อจริงๆว่า ไกวไกวหู่ก็ได้บินเดี่ยว ดูเอ็มวีเพียงรอบเดียวก็รู้สึกชอบเลย แต่เมื่อไปหาซื้อตามร้านก็ไม่มี ฉะนั้นทุกวันก็จะเอาเตรียมเครื่องเทปเพื่อจะมาอัดตอนจะออกรายการทีวี รอคอยว่าจะมีคนขอเพลงนี้ไป เพื่อฉันจะรออัด สุดท้ายก็เห็นว่าเพลงนี้กลับเปิดถี่มาก ฉันได้อัดใส่ม้วนเทปหนึ่งม้วนแต่เป็นเพลงนี้ทั้งม้วนเลย เปิดฟังซ้ำๆอย่างนั้น จนฉันซื้อม้วนอัลบั้มนั้นได้
ต่อจากนั้นก็ได้ซื้ออัลบั้มต่างๆของ ฉีหลง โหย่วเผิง และ จื้อเผิง ฉันเองก็ล้วนเก็บมันไว้อย่างดี สำหรับไกวไกวหู่ที่ชื่นชอบนั้น แน่นอนทุกอัลบั้มของเขานั้นฉันซื้อแต่ของแท้เท่านั้น หากว่าซื้อมาเป็นของปลอมก็จะไปหาซื้อของแท้ให้ได้ แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ ชุดที่เขาร้องเป็นภาษากวางตุ้งนั้นฉันหาซื้อไม่ได้ พูดอย่างนี้ก็ต้องขอโทษอีก 2 คนแล้ว เพราะอัลบั้มของพวกเขา 2 คนนั้น ฉันแทบจะหาซื้อของแท้ไม่ได้ เพราะว่าค่าขนมของเด็กนักเรียนคนหนึ่งนั้นมันน้อยมากทีเดียว ไม่นานในเมืองก็มีร้านขายเทปมาเปิดใหม่ ฉันไปบ่อยจนพวกเขาเห็นหน้าก็รู้เลยว่าจะมาซื้ออะไร และอัลบั้ม 4 ของโหย่วเผิงนั้นเป็นพวกเขาเองที่เอามาให้ฉัน
พูดถึงเรื่องใช้เทปอัดเพลงของเขา ไม่ตกใจไม่ได้กับการพัฒนาของอินเตอร์เน็ต ฉันในสมัยนั้น ได้เพียงใช้เครื่องเทปมาอัดเพลงของพวกเขาผ่านทางทีวี บางครั้งทันทีที่ได้ยินเพลงของเขา ก็รีบวิ่งไปหยิบเครื่องเทปมาอัด ไม่เหมือนตอนนี้แค่เข้าเน็ตก็สามารถฟังได้แล้ว ทั้งยังมีเอ็มวีให้ดูอีกด้วย มีครั้งหนึ่งได้ไปเที่ยวที่แห่งหนึ่ง แล้วไปเจอม้วนเทปของเสี่ยวหู่ตุ้ย ฉันไม่เสียดายที่จะควักเงินที่สะสมมานานกว่า 38 หยวน เพื่อจะซื้อวีดีโอม้วนนั้น แม้ตอนนั้นในบ้านจะไม่มีเครื่องวีดีโอ จะดูอย่างไรล่ะ ยังดีตอนนั้นคุณพ่อมีเครื่องเล่นวีดีโอ แต่เพื่อเรียนภาษาอังกฤษ แต่ฉันก็แอบเอาไปเปิดบ้างนิดหน่อย แล้วมาเปิดดูของเสี่ยวหุ่ตุ้ยจนจบ ม้วนวีดีโอนั้นเป็นเอ็มวีเพลง “หงชิงถิง” กับ “ซิงซิงแต่แย่ฮุ่ย” เป็นสิ่งที่หาดูไม่ได้ในทีวี
(http://i186.photobucket.com/albums/x202/alexsu_photo/0000001jpg.jpg)
มีช่วงหนึ่งที่พ่อแม่ได้ติดตั้งดาวเทียมในบ้าน สามารถรับช่องรายการบันเทิงของฮ่องกงได้ แต่ว่าทีวีมีปัญหาไม่ชัด หากจะดูให้ชัดก็ต้องไปปรับหมุนด้านหลังตรงเสาทีวี ไม่งั้นภาพก็จะไม่นิ่ง แต่หากจะดูรายการปกติก็ต้องไปปรับให้เข้าที่เดิม ด้วยเหตุที่ในบ้านเคร่งในเรื่องการการเรียน จึงไม่สามารถที่จะเปิดดูรายการบันเทิงจากดาวเทียมได้ และในช่วงนั้นช่องดาวเทียมก็จะมีเพลงของโหย่วเผิง ฉะนั้นฉันจะหาจังหวะที่พ่อแม่ออกจากบ้านแล้ว รีบฉวยโอกาสนี้หมุนเสาแล้วเปิดดูช่องดาวเทียม แต่เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด ก็รีบวิ่งไปหมุนกลับมาที่เดิมเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนนี้หวนคิดแล้ว รู้สึกขำเหมือนกัน ตอนนั้นช่องดาวเทียมจะมีรายการเปิดเอ็มวี ฉันยังจำได้ว่าหลังจากรายการ “คุณแม่ที่ดี”แล้วก็จะเป็น “รอจนถึงวันนั้น”ของโหย่วเผิง ยังมีรายการของหลี่หมิงโหย่วที่ โหย่วเผิง ได้มาร่วมร้องเพลงอีกด้วย มันจึงทำให้ฉันชื่นชอบเธอไปด้วย และได้ซื้อการ์ดลายเซ็นของเธอด้วย และยังมีอีกรายการที่โหย่วเผิงไปร้องเพลง ฉันก็พลอยชอบพิธีกรรายการนั้นไปด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเหมือนรักของสิ่งหนึ่งแล้วก็รับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนั้นด้วย แต่มาจนถึงวันนี้ฉันเองยังไม่มีการ์ดลายเซ็นของเสี่ยวหู่ตุ้ยสักใบเลย
และได้รู้ที่อยู่ของ โหย่วเผิง ผ่านช่องดาวเทียม ฉันก็เคยเป็นเหมือนกับแฟนคลับทั่วๆไปที่เขียนจดหมายไปหาเขา ฉันเคยเขียนจดหมายไปหา ไกวไกวหู่ ที่เป็นต้นแบบให้กับฉันในสมัยวัยรุ่น ฉันเองที่คิดไม่เหมือนกับแฟนคลับคนอื่น ฉันมักจะเขียนจดหมายไปหาเขาหลังจากที่ฉันซื้ออัลบั้มใหม่ของเขา ได้บรรยายความรู้สึกหลังฟังทุกเพลงในอัลบั้มนั้นของเขา อย่างเช่น เมื่อเห็นเป็นเพลงที่ ฉีหลง หรือ โหย่วเผิงเขียนเองร้องเอง ฉันก็จะเขียนจดหมายไปให้กำลังใจพวกเขา ว่าให้ทำต่อไป
ฉันกลายเป็นแฟนพันธ์แท้ไปโดยไม่มีข้อกังขา ส่งจดหมายจากซินเจียงไปถึงไทเปนั้นต้องติดแสตมป์ตั้ง 2.9 หยวน ตอนหลังแพงกว่าเดิมเป็น 5.4 หยวน แม้จะรู้แก่ใจดีว่าไม่มีทางที่เขาจะตอบให้ฉัน แต่ฉันก็ยินดีที่จะเขียนไปให้เขา ฉันเคยเอาเพลง “กระทบไหล่เดินผ่าน” เพลงนี้มาใส่เนื้อใหม่ เป็นเพลงจบการศึกษา และเคยส่งสร้อยข้อมือที่ทำด้วยมือของตัวเองส่งให้เขา ก็พูดคุยกับเขาเหมือนกับเพื่อนเก่าคนหนึ่ง วันนี้ได้ย้อนคิดแล้วมันคงเป็นความซื่อๆของช่วงวัยหนุ่มสาว
ประมาณปี 1993 ตอนฉันเดินผ่านร้านขายม้วนเทปร้านหนึ่งได้เปิดเพลงหนึ่ง เป็นเพลงที่ฉันไม่เคยได้ฟัง แต่ไม่กี่ประโยคฉันก็ฟังออกว่านี่เป็นเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ย ที่ร้องด้วยกัน 3 คน หัวใจแทบจะเต้นออกมาเลย แล้วรีบมุ่งวิ่งเข้าไปในร้านหาซื้อเทปนั้น “ซิงกวางอีจี้วช่างลั่น” “กลับมาที่ที่เรานัดกันจนได้ ได้ทำตามคำมั่นสัญญาของเราแล้ว” เสี่ยวหุ่ตุ้ยกลับมาแล้วจริงๆ วันนั้นรู้สึกดีใจแทบดินถล่มฟ้าทะลาย แต่หลังจากนี้พวกเราไม่มีข่าวหรือดังเหมือนกับอดีต และจากนั้นอีกอัลบั้ม “ความสุขนั้นยังคงเหมือนเดิม” แทบจะเงียบกริบเลย อัลบั้มนี้แม้จะเพราะก็ตาม อาจเป็นเพราะตอนนั้น ต่างคนต่างก็ทำอัลบั้มของตัวเอง ความรู้สึกที่เสี่ยวหุ่ตุ้ยกลับมานั้นเป็นเพียงเสี่ยวนาที แล้วก็เงียบไป ตอนหลังได้ข่าวว่า โหย่วเผิงไปที่อังกฤษแล้ว
ปี 1995 ฉันได้มาเรียนมหาลัยที่เซี่ยงไฮ้ ปีนั้นฉันได้ซื้ออัลบั้มใหม่ของโหย่วเผิง “โจ่ว” กับ “ยงเหยินจื้อเหย่า” ของเสี่ยวหุ่ตุ้ยที่ร้านขายเทปข้างๆโรงอาหาร และยังมีม้วนตอนไปจัดคอนเสิร์ตอีกด้วย ตอนปี 1999 ที่จะจบการศึกษานั้น ฉันเป็นคนดูแลจัดการเรื่องการงานจบของคณะนั้น ฉันไม่ได้เลือกเอาเพลงที่ทุกคนฮิตกันอย่าง “ไจ้เจี่ยน” “ลี่เกอ” หรือ “จู้หนี่อีลู่ซุ่นฟง” เหล่านี้มาเป็นดนตรี แต่จะเลือกเอาเพลง “หนันเต๋อจือซินเตอเผิงโหย่ว” ฉันรู้สึกว่า มีเพลงนี้เหมาะแก่การที่พวกเราได้มีโอกาสศึกษาด้วยกันมา 4 ปี นี่ก็เป็นอีกเพลงที่น่าฟังเหมือนกัน เพลงที่สามารถจะให้มีความทรงจำดีๆ ในวัยเรียน และเป็นเพลงที่ฉันชอบมากๆเหมือนกัน
-
(http://i186.photobucket.com/albums/x202/alexsu_photo/2fa7ddecb2e11bdbcf1b3e72.jpg)
หลังจากจบแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากแต่ก็มีความสุข ได้เปิดห้องเช่าเล็กๆกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง และปี 1995 ได้ซื้อวีดีโอ “หู่เซียวหลงเถิง”จากร้านขายเทปวีดีโอเล็กๆร้านหนึ่ง มีสภาพจิตใจที่เศร้าในการดูเสี่ยวหุ่ตุ้ยร้องเพลง “เจินสี”ด้วยน้ำตา ได้เห็นอาจารย์หลี่จื้อเหินได้ร่วมร้องเพลง “ชิงตัน”บนเวทีกับเสี่ยวหู่ตุ้ย ความไร้ทุกข์ไร้โศกของวัยหนุ่มสาวนั้นได้บินไปอย่างไม่มีวันกลับมา กับเสียงเพลงนี้ ได้สะสมวีดีโอเทปทั้ง 12 อัลบั้มของเสียวหู่ตุ้ย ได้เก็บช่วงวัยหนุ่มสาวเอาไว้อย่างเงียบๆ
แม้จะปากกัดตีนถีบในการทำมาหากินเพื่ออนาคต แต่ในใจก็ยังคงสนับสนุนเสี่ยวหุ่ตุ้ยที่ได้แยกทางกันแล้วอย่างไม่ลืม ยังเฝ้ารอว่าสักวันพวกเขาจะกลับมาเซอร์ไพรส์พวกเราอีก เมื่อฉันเห็น จื้อเผิง ในเรื่อง “หมิงยางฮัวกู่” และ ฉีหลง ในเรื่อง “แซวสืออีหลัง” และมีข่าวที่มากที่สุดที่ออกมาเป็นของโหย่วเผิง ฉันได้ซื้อ “วันเวลาของผมที่เจี้ยนจง” ที่เป็นสำนักพิมพ์ของจีน ฉันว่าเขาก็กำลังมุ่งมั่นอยู่ ทั้งละครทีวี ภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกกว่าเรื่องเก่า และประทับใจมากที่เขาได้มีส่วนในงานการกุศล อย่างไรก็ตาม จะรวมตัวกันหรือแยกทางกัน ภาพลักษณ์ของทั้ง 3 คนนั้นล้วนมีภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้ฉันรู้สึกว่าตอนนั้นที่ฉันเลือกเขาเป็นขวัญใจของฉันนั้นไม่ผิดเลย และการรวมตัวอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ได้กลายเป็นความใฝ่ฝันของฉันไปแล้ว และตอนที่ได้ดูเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ นั้นคิดอยู่ในใจว่า ทำไมไม่ให้ฉีหลงเข้ามาเล่นเป็น เอ่อคัง
(http://i186.photobucket.com/albums/x202/alexsu_photo/0033.jpg)
มีนาคม 2002 คืนสิ้นปีนั้น ฉันได้นั่งรถไฟใต้ดินแล้วเห็นโปสเตอร์แผ่นหนึ่ง ซึ่งติดอยู่ตรงประตูกระจก งานคอนเสิร์ตที่เซี่ยงไฮ้ของโหย่วเผิง แล้วก็รีบไปซื้อซีดีโปรโมทเรื่องนี้มาอ่าน ข้างในยังมีรูปอดีตต่างๆ และฉันได้ซื้อตั๋วคอนเสิร์ตหน้างานและเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เข้าร่วมงานคอนเสิร์ต ขณะที่เสียงดนตรี”ซิงกวางอีหยางช่างลั่น”เริ่มดังขึ้น และขณะที่ ฉีหลง และจื้อเผิง เป็นแขกสำคัญที่ได้ร่วมเดินออกมาจากเวทีกับโหย่วเผิงนั้น ทั้งฉันและแฟนคลับนับหมื่นต่างก็ตื้นตันใจจนพูดไม่ถูก ไม่รู้นานเท่าใดที่จากกันแล้วได้มารวมตัวกัน และความรู้สึกที่เคยมี ที่ไม่รู้มันผ่านไปนานเท่าใดวันนี้กลับหวนคืนมาอีก
จนวันนี้ มันผ่านไปแล้วกี่วันกี่ปี จิตใจที่กระหายอยากจะเห็นภาพนี้มานานเท่าใดนั้นได้สมหวังแล้ว ไม่กลัวแม้จะเป็นแค่ชั่วครู่ก็ตาม มันก็สามารถที่จะทำให้แฟนๆอย่างพวกเราสุขจนล้นหัวใจเหมือนกัน ขอบคุณการพัฒนาของยุคสมัย ที่อำนวยความสะดวกให้กับเราในการดูข่าวสารของเขาผ่านทางอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นข่าวรูปหรือคลิป กับสายตาที่อบอุ่น รอยยิ้มที่เบิกบาน มันทำให้จิตใจของพวกเรานั้นชุ่มฉ่ำเหลือเกิน พวกสื่อมันบ้า เรื่องตำแหน่งการยืนของเสี่ยวหุ่ตุ้ยนั้น พวกเขาเขียนโน้นเขียนนี่กัน แต่สำหรับฉันที่เป็นแฟนคนหนึ่งนั้น เรื่องนี้มันไร้สาระจริงๆ ฉันเชื่อว่าภาพที่ฉันจะเห็นนั้น จะเป็นภาพที่หล่อเหล่าของพวกเขาทั้ง 3 คน พวกเขาจะนำพาความรู้สึกของพวกเขาเข้าสู่ความทรงจำในอดีต
ในเน็ต ยังเห็นแฟนคลับรุ่นหลังปี 90 ฉันพูดได้เลยว่าอิทธิพลของเสี่ยวหู่ตุ้ยไม่อยู่เพียงช่วงวัยเดียวเท่านั้น พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกับว่าแฟนคลับหลังปี 90 ของพวกเขานั้นจะคิดรู้สึกอย่างไร คนหนุ่มสาววัยอย่างพวกเขานั้นจะรู้เรื่องราวของเสี่ยวหู่ตุ้ยมากน้อยเท่าไหร่กัน สำหรับพวกเราที่เกิดปี 70 นั้น ถือได้ว่าเป็นแฟนพันธ์แท้ที่มีอายุไล่เลี่ยใกล้เคียงกับเสี่ยวหู่ตุ้ย และได้ร่วมเดินผ่านร้อนหนาวมาด้วยกันซึ่งถือว่าเป็นแฟนพันธ์แท้เลยทีเดียว
เสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นไม่ได้เป็นขวัญใจมานานแล้ว แต่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ เป็นสหายเก่าแก่ พวกเขานั้นไม่เคยที่จะจากไปเลย ทั้งยังอยู่เคียงข้างพวกเราตลอดเวลา ไม่ว่าอายุจะ 40 50 หรือ 80 ขอเพียงพวกเขาอยู่ ฉันก็จะขอเคียงข้างตลอด เพราะเห็นพวกเขาก็เหมือนเห็นชีวิตของตัวเอง
เมื่อเห็นเด็กอนุบาลได้เต้นเพลง “อ้าย” ด้วยภาษามือ และกระโดดโลดเต้นเพลง “หูเตียเฟยยา” มันทำให้มีความรู้สึกว่าเห็นพวกเด็กๆ แล้วมองเห็นตัวเองในสมัยเด็กๆ มีใครกล้าบอกว่า “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ไม่ใช่ “ความคลาสสิค” บ้าง?
เฝ้ารอ ราตรีตรุษจีน มากๆ อยากเห็น 3 หนุ่มบนเวที การแสดงในคืนนั้นสนุกแน่นอน หวังว่าสื่อต่างๆ อย่าเขียนข่าวไร้สาระอีก แม้การแสดงของพวกเขาจะไม่ดีเหมือนความหวังที่เราหวังไว้ก็ตาม มันก็ไม่เป็นไร เพราะเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นได้อยู่ในชีวิตของพวกเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีพวกเราล้วนรับได้ นี่ถึงจะเป็นชีวิตคน การที่ให้พวกเราได้หวนอดีตมากมาย นี่ก็คือความหมายของเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว
-
(http://i914.photobucket.com/albums/ac341/ghost20583/cd34792561a442324c088d1c.gif)
หลังจากจบแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากแต่ก็มีความสุข ได้เปิดห้องเช่าเล็กๆกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง และปี 1995 ได้ซื้อวีดีโอ “หู่เซียวหลงเถิง”จากร้านขายเทปวีดีโอเล็กๆร้านหนึ่ง มีสภาพจิตใจที่เศร้าในการดูเสี่ยวหุ่ตุ้ยร้องเพลง “เจินสี”ด้วยน้ำตา ได้เห็นอาจารย์หลี่จื้อเหินได้ร่วมร้องเพลง “ชิงตัน”บนเวทีกับเสี่ยวหู่ตุ้ย ความไร้ทุกข์ไร้โศกของวัยหนุ่มสาวนั้นได้บินไปอย่างไม่มีวันกลับมา กับเสียงเพลงนี้ ได้สะสมวีดีโอเทปทั้ง 12 อัลบั้มของเสียวหู่ตุ้ย ได้เก็บช่วงวัยหนุ่มสาวเอาไว้อย่างเงียบๆ
แม้จะปากกัดตีนถีบในการทำมาหากินเพื่ออนาคต แต่ในใจก็ยังคงสนับสนุนเสี่ยวหุ่ตุ้ยที่ได้แยกทางกันแล้วอย่างไม่ลืม ยังเฝ้ารอว่าสักวันพวกเขาจะกลับมาเซอร์ไพรส์พวกเราอีก เมื่อฉันเห็น จื้อเผิง ในเรื่อง “หมิงยางฮัวกู่” และ ฉีหลง ในเรื่อง “แซวสืออีหลัง” และมีข่าวที่มากที่สุดที่ออกมาเป็นของโหย่วเผิง ฉันได้ซื้อ “วันเวลาของผมที่เจี้ยนจง” ที่เป็นสำนักพิมพ์ของจีน ฉันว่าเขาก็กำลังมุ่งมั่นอยู่ ทั้งละครทีวี ภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกกว่าเรื่องเก่า และประทับใจมากที่เขาได้มีส่วนในงานการกุศล อย่างไรก็ตาม จะรวมตัวกันหรือแยกทางกัน ภาพลักษณ์ของทั้ง 3 คนนั้นล้วนมีภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้ฉันรู้สึกว่าตอนนั้นที่ฉันเลือกเขาเป็นขวัญใจของฉันนั้นไม่ผิดเลย และการรวมตัวอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ได้กลายเป็นความใฝ่ฝันของฉันไปแล้ว และตอนที่ได้ดูเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ นั้นคิดอยู่ในใจว่า ทำไมไม่ให้ฉีหลงเข้ามาเล่นเป็น เอ่อคัง
(http://i934.photobucket.com/albums/ad188/sandy2501/e6bc462e89ecdcde8a1399b3.jpg)
มีนาคม 2002 คืนสิ้นปีนั้น ฉันได้นั่งรถไฟใต้ดินแล้วเห็นโปสเตอร์แผ่นหนึ่ง ซึ่งติดอยู่ตรงประตูกระจก งานคอนเสิร์ตที่เซี่ยงไฮ้ของโหย่วเผิง แล้วก็รีบไปซื้อซีดีโปรโมทเรื่องนี้มาอ่าน ข้างในยังมีรูปอดีตต่างๆ และฉันได้ซื้อตั๋วคอนเสิร์ตหน้างานและเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เข้าร่วมงานคอนเสิร์ต ขณะที่เสียงดนตรี”ซิงกวางอีหยางช่างลั่น”เริ่มดังขึ้น และขณะที่ ฉีหลง และจื้อเผิง เป็นแขกสำคัญที่ได้ร่วมเดินออกมาจากเวทีกับโหย่วเผิงนั้น ทั้งฉันและแฟนคลับนับหมื่นต่างก็ตื้นตันใจจนพูดไม่ถูก ไม่รู้นานเท่าใดที่จากกันแล้วได้มารวมตัวกัน และความรู้สึกที่เคยมี ที่ไม่รู้มันผ่านไปนานเท่าใดวันนี้กลับหวนคืนมาอีก
จนวันนี้ มันผ่านไปแล้วกี่วันกี่ปี จิตใจที่กระหายอยากจะเห็นภาพนี้มานานเท่าใดนั้นได้สมหวังแล้ว ไม่กลัวแม้จะเป็นแค่ชั่วครู่ก็ตาม มันก็สามารถที่จะทำให้แฟนๆอย่างพวกเราสุขจนล้นหัวใจเหมือนกัน ขอบคุณการพัฒนาของยุคสมัย ที่อำนวยความสะดวกให้กับเราในการดูข่าวสารของเขาผ่านทางอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นข่าวรูปหรือคลิป กับสายตาที่อบอุ่น รอยยิ้มที่เบิกบาน มันทำให้จิตใจของพวกเรานั้นชุ่มฉ่ำเหลือเกิน พวกสื่อมันบ้า เรื่องตำแหน่งการยืนของเสี่ยวหุ่ตุ้ยนั้น พวกเขาเขียนโน้นเขียนนี่กัน แต่สำหรับฉันที่เป็นแฟนคนหนึ่งนั้น เรื่องนี้มันไร้สาระจริงๆ ฉันเชื่อว่าภาพที่ฉันจะเห็นนั้น จะเป็นภาพที่หล่อเหล่าของพวกเขาทั้ง 3 คน พวกเขาจะนำพาความรู้สึกของพวกเขาเข้าสู่ความทรงจำในอดีต
ในเน็ต ยังเห็นแฟนคลับรุ่นหลังปี 90 ฉันพูดได้เลยว่าอิทธิพลของเสี่ยวหู่ตุ้ยไม่อยู่เพียงช่วงวัยเดียวเท่านั้น พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกับว่าแฟนคลับหลังปี 90 ของพวกเขานั้นจะคิดรู้สึกอย่างไร คนหนุ่มสาววัยอย่างพวกเขานั้นจะรู้เรื่องราวของเสี่ยวหู่ตุ้ยมากน้อยเท่าไหร่กัน สำหรับพวกเราที่เกิดปี 70 นั้น ถือได้ว่าเป็นแฟนพันธ์แท้ที่มีอายุไล่เลี่ยใกล้เคียงกับเสี่ยวหู่ตุ้ย และได้ร่วมเดินผ่านร้อนหนาวมาด้วยกันซึ่งถือว่าเป็นแฟนพันธ์แท้เลยทีเดียว
เสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นไม่ได้เป็นขวัญใจมานานแล้ว แต่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ เป็นสหายเก่าแก่ พวกเขานั้นไม่เคยที่จะจากไปเลย ทั้งยังอยู่เคียงข้างพวกเราตลอดเวลา ไม่ว่าอายุจะ 40 50 หรือ 80 ขอเพียงพวกเขาอยู่ ฉันก็จะขอเคียงข้างตลอด เพราะเห็นพวกเขาก็เหมือนเห็นชีวิตของตัวเอง
เมื่อเห็นเด็กอนุบาลได้เต้นเพลง “อ้าย” ด้วยภาษามือ และกระโดดโลดเต้นเพลง “หูเตียเฟยยา” มันทำให้มีความรู้สึกว่าเห็นพวกเด็กๆ แล้วมองเห็นตัวเองในสมัยเด็กๆ มีใครกล้าบอกว่า “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ไม่ใช่ “ความคลาสสิค” บ้าง?
เฝ้ารอ ราตรีตรุษจีน มากๆ อยากเห็น 3 หนุ่มบนเวที การแสดงในคืนนั้นสนุกแน่นอน หวังว่าสื่อต่างๆ อย่าเขียนข่าวไร้สาระอีก แม้การแสดงของพวกเขาจะไม่ดีเหมือนความหวังที่เราหวังไว้ก็ตาม มันก็ไม่เป็นไร เพราะเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นได้อยู่ในชีวิตของพวกเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีพวกเราล้วนรับได้ นี่ถึงจะเป็นชีวิตคน การที่ให้พวกเราได้หวนอดีตมากมาย นี่ก็คือความหมายของเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว
(http://i185.photobucket.com/albums/x253/alec_001/img270497289.jpg)