Alec Su Youpeng fanclub in Thailand

Interviews [Thai Translation] | ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากจะรู้ ซึ่งไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน => SCOOPS & SPECIALS => ข้อความที่เริ่มโดย: Chomnath ที่ ธันวาคม 14, 2010, 08:47:49 PM

หัวข้อ: 2010 ซูโหย่วเผิง จิตเดิมมีใจเมตตาเป็นนักการกุศล
เริ่มหัวข้อโดย: Chomnath ที่ ธันวาคม 14, 2010, 08:47:49 PM
  ซูโหย่วเผิง   จิตเดิมมีใจเมตตาเป็นนักการกุศล

30 - เมษายน - 2010

http://finance.ifeng.com/money/wealth/star/20100429/2125925.shtml
http://www.time-weekly.com/story/2010-04-29/106805.html

(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-24.jpg)



         เด็กผู้ชายคนนั้นได้ค่อยๆ เดิน ค่อยๆไปไกล   “เสี่ยวหู่ตุ้ย” เมื่อก่อตั้งปี 1988 เขาอายุยังน้อย   อายุ 15 ปี    ในราตรีฤดูใบไม้ผลิปีนี้(เทศกาลตรุษจีน)หวนกลับสู่เวทีขณะนั้น   พวกเรารู้สึกตื้นตันใจ “ผู้ชายอายุ 40”

       สำหรับความทรงจำของพวกเราที่มีต่อเขาภายใต้เวทีนี้   เสือเชื่อฟัง,  องค์ชายห้า ,  เตียบ่อกี้ ,  ไป๋เสี่ยวเหนียน . ได้มีชีวิตชีวา   กระโดดโลดเต้น   แสดงเหมือนจริง   สะกดผู้คน   ต่อมา  เขาต้องการให้พวกเราลืมทีละเรื่อง   เพราะท้ายสุดให้มีแต่ชื่อของเขา  “ซูโหย่วเผิง”  

         บัดนี้ เขา ได้เริ่มถอดรูปแบบพระเอกสดใสแสนดีออกแล้ว   ในสายตามีความเชื่อมั่นและแน่ใจมากกว่าหนึ่งส่วน    รอยยื้มบนใบหน้ามีจืดชืดและเวิ้งว้างมากกว่าหน่อย   เสียงมีสภาพการณ์เปลี่ยนแปลงไปและนุ่มนวลหน่อยๆ

       วัยรุ่นกล้าท้าทวนความฝันสิ่งนี้    นักสร้างกุศลจิตเดิมมีใจเมตตา   เวลานี้ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวที่เด่นสง่า    มีหลักอันครบถ้วนสมบูรณ์ของนักแสดง




(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-19.jpg)



        อ่านประวัติของเขา   พวกเราได้เข้าอกเข้าใจหรือไม่.......มีสิ่งของสิ่งหนึ่ง  เรียก  ซูโหย่วเผิง

    “ เชื่อง “   ก็คือฝึกฝนขัดเกลา

    “นานมาแล้วผมไม่มีแบบ  ต้นแบบวัยรุ่น  อยู่บนเวทีต้องหล่อเท่ “    เมื่อนักข่าวสัมภาษณ์  (จากหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ยุคทันสมัย-บอกกล่าวเพื่อสุขภาพ )   ซูโหย่วเผิง  ก็เปิดอกพูดความรู้สึกที่ได้รับในราตรีฤดูใบไม้ผลินี้(เทศกาลตรุษจีน)

“เสี่ยวหู่ตุ้ย” ขึ้นเวทีโชว์ตัวจรัสจ้าในราตรีฤดูใบไม้ผลิปีนี้(เทศกาลตรุษจีน)    พวกเขาทั้งร้องทั้งเต้น    ผู้ชมในเวทีก็คล้อยตามแบบกระโดดโลดเต้นขึ้นมา    ดึงดูดทั้งเวทีร่วมร้องเพลงอย่างเอิกเกริกโกลาหล   ยิ่งมีผู้คนปิติยินดีจนน้ำตาไหล

        ใช่แล้ว    ไม่มีใครสามารถหยิบเอาความทรงจำมาแทนที่ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ใน ช่วงเวลาวัยหนุ่มตอนนั้น    พูดแบบไม่ไว้หน้า   นั่นเกือบจะไม่มีคู่ต่อสู้ของช่วงเวลาวัยหนุ่ม     นิยายของการฝึกฝนขัดเกลาเงาคุณผมร่วมรู้กันแล้ว
       
         เกี่ยวกับการซ้อมแสดงรวมตัวกันครั้งนี้   lซูโหย่วเผิง เปิดอกบอกกับ เฉิน ว่า   พอเริ่มก็รู้สึกแปลกถิ่น   เวลา 10 กว่าปีในที่สุดทั้ง 3 คนเจอหน้ากันน้อยมาก   ปกติเพียงแต่บังเอิญ   ติดต่อข้อความสั้นๆ   แต่ว่าพอดนตรีดังขึ้น   ความรู้สึกเหล่านั้นก็หวนกลับคืนมา   เช่นเดียวกับท่านผู้ชม   เขาคลับคล้ายหล่นเข้าไปในอุโมงค์

       เริ่มแรกการซ้อมแสดง   มีเรื่องหนึ่งสอดแทรกเข้ามา  เมื่อดูจากชื่อเสียงของภาพรวมของซูโหย่วเผิง    สถานีโทรทัศน์ยางซื่อ  จึงได้ยื่นข้อเสนอให้เขายืนอยู่ตรงกลาง   แต่ถูกทางบริษัทตัวแทนปฎิเสธอย่างสิ้นเชิงทันที   เพราะ “ เอกลักษณ์ความคลาสสิคของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย”  จริงๆ เรื่องนี้ไม่ต้องปรึกษาหารือเลย   ย่อมต้องดำรงรักษารูปแบบเดิมไว้”

       พลิกโฉมดูรูปถ่าย“เสี่ยวหู่ตุ้ย” ในปีนั้น   หลายคนจำได้รูปลักษณะ”เสือเชื่อฟัง”  อันบริสุทธิ์ใน “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ของ ซูโหย่วเผิง ยังคงเหมือนเดิม   ใบหน้าหล่อคมเหมือนแสงจรัสจ้า   อุปนิสัยฉลาดว่องไวสดใส   ลักษณะท่าทางอ่อนโยนสุภาพ   ไม่อายเลย เป็นนักเรียนซึ่งมาจากโรงเรียน ม. ปลายเจี้ยงจงกับมหาวิทยาลัยไต้หวัน  
     


(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-8.jpg)



(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-27.gif)


       
.......แต่ว่า   “เสือเชื่อฟัง”   ให้กระเป๋าใบใหญ่มากแก่ผม   ทุกคนต่างหวังว่าได้เห็นทั้งเล่นแสดงบนเวทีได้   ทั้งเรียนหนังสือเก่งของ ซูโหย่วเผิง………….

        ได้เขียนหนังสือเบื้องหลังและเรื่องราวของ เสี่ยวหู่ตุ้ย  3 คน โดยอดีตผู้จัดการศิลปินผู้ทรงคุณวุฒิอันล้ำลึกแห่งไต้หวัน คุณซ่งเหวินซ่าน  ระยะใกล้ๆ นี้ออกหนังสือเปิดเผยว่า.....ปีนั้นเนื่องจาก ซูโหย่วเผิงยอดกตัญญู   ทางบ้านเข้มงวด   การเรียนการบ้านหนักมาก   รายการแสดงมากมายเพียงแต่มองเห็น อู๋ฉีหลง    เฉินจื้อเผิงทั้ง 2 เสือ   ดังนั้นบริษัทคิดดูแล้วเอา ซูโหย่วเผิง เปลี่ยนตัวออกไป    จากนั้นต่อมาเอาตัวสำรองที่เลือกเรียบร้อยแล้ว   

“ผมไม่ต้องการถอนตัวออก”   ซูโหย่วเผิง   อดกลั้นน้ำตาซึมในขอบตา   ในตากระพริบน้ำตานั้นได้กลิ้งไปมา   “การเรียนของผม  ตัวผมเอง  ขอแบกรับเอง    ลำบากแค่ไหนผมคนเดียวรับผิดชอบไหว”


       เมื่อแรงกดดันธุรกิจและการเรียนหนักหน่วง   ซูโหย่วเผิง ไม่รู้สึกเจ็บปวด    เจ็บปวดจริงๆ คือมาจากความเศร้าสลดทางใจ......ต้นแบบที่เข้าสู่วงการมา 6 ปีคนหนึ่ง   ความรู้สึกสดชื่นของเขาไม่มีแล้ว   อนาคตจะทำอะไรหนอ   เพื่อปลดปล่อยตัวเอง   ค้นหาทิศทางอนาคต   ซูโหย่วเผิง ตัดสินใจตัดขาดธุรกิจการแสดงร้องเพลงซึ่งเจริญรุ่งเรืองอยู่   เพียงตัวคนเดียวไปศึกษาต่อที่อังกฤษ   เพราะไปศึกษาต่อที่เมืองนอกเป็นความใฝ่ฝันของเขา   เขาย่อมเป็นเช่นนี้กล้าไปไล่ตามความใฝ่ฝัน



(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-11.jpg)






หัวข้อ: Re: Scoop ปี 2010_3
เริ่มหัวข้อโดย: Chomnath ที่ ธันวาคม 14, 2010, 09:25:52 PM
           ปฏิเสธหุ่นจำลองร้องเพลง  (บทบาทไอดอลด้านการเป็นนักร้องลดน้อยลง)
   
           หลังจากเรียนจบกลับมา   ซูโหย่วเผิง ได้ค้นพบรอบๆ ตัวของโลกซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงไป   เคยคึกคักก็ค่อยๆ  เปลี่ยนแปลงเย็นชาไป   จากบนยอดเขาถึงก้นเหว   เขาได้ผ่านวันเวลาที่ทนทุกข์ทรมานมาก   จนถึงปี 1997    ละครเรื่องหนึ่งโด่งดังไปทั่วแม่น้ำฉางเจียงเหนือใต้ เรื่อง “องค์หญิงกำมะลอ”    จึงนำเขาเข้าสู่ธุรกิจใหม่อีกครั้ง  เพื่อมุ่งไปสู่บนยอดเขาอีก
   
          ต่อจากนั้น   ละครของเขาออกฉาย   เขาไม่สามารถแจกแจงได้นัก   เพื่อนำเอกลักษณ์โดดเด่นมากมายสู่จอเงินให้แก่ผู้ชม    ใน “เดชเสี่ยวฮื่อยี้”  เย็นนอกแต่ในร้อน ฮวยบ่อฮ่วย (อ่านจีนกลาง-ฮัวอู๋เชวีย)    และ “มนต์รักในสายฝน”   ความรักแท้ของ “ตู้เฟย”   , ใน “ดาบมังกรหยก”   ซื่อสัตย์ใจกว้างของ เตียบ่อกี้  (อ่านจีนกลาง-จางอู๋จี้)   ใน “รักข้ามขอบฟ้า”   ไม่สงบเสงี่ยมใจอันแท้จริงของ ลู่เอินฉี  เป็นต้น   นอกจากละครโทรทัศน์   ซูโหย่วเผิง ยังมีอัลบั้มเพลง   เพลงเรียบเรียงโดยเฉพาะ   ถ่ายหนังและโฆษณามากมาย   เขามอบใบผลคะแนนยาวเหยียดเป็นกองๆ   กลายเป็นนักแสดงที่มีความสามารถสูง




(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-17.jpg)

(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-31.jpg)


 
       จากต้นแบบนักร้องวัยรุ่น   เปลี่ยนแปลงเป็นนักแสดงที่มีเพาเวอร์อันแท้จริง   ซึ่งไม่ใช่นักแสดงแต่ละคน พอโด่งดังแล้วล้วนสามารถบรรลุความสำเร็จก็จบสิ้นเป้าหมายนี้   ต่อเมื่อมาโด่งดังอีกครั้ง   ซูโหย่วเผิงได้ถอนเขี้ยวเสือแสนเชื่องในปีนั้น  สำหรับความมุ่งมั่นวัยรุ่นโง่ๆ เซ่อๆ   เขานำเอาสิ่งของมากมายมามองดูแบบจืดชืดแล้วไม่ใส่ใจมาก


         ปี 2006    การแสดงละครเวทีของ ซูโหย่วเผิง เรื่อง (จวี๋ฮัวเซียง)  “หอมดอกเบญจมาศ”  อยู่ที่โรงละครใหญ่เหม่ยฉี นครเซี่ยงไฮ้แสดง 7 รอบ   ทุกรอบเต็มหมด    ทำลายสถิติการแสดงของโรงละครใหญ่ เหม่ยฉี   ไม่ว่าค่าตอบแทนละครเวทีน้อยนิด   แต่เพื่อความใฝ่ฝันสมบูรณ์   เขาปฏิเสธสัญญาหนังละครทิ้งนับไม่ถ้วน    เอาเวลาครึ่งค่อนปีนี้ปักหลักบนเวทีละคร   ใช่แล้ว   เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงสักนิด......ยังคงเหมือนเดิมที่ติดตามความฝันคนนั้น

       โดยเฉพาะเป็นคนกำเนิดจากต้นแบบของวงการ   ตลอดเวลาสำหรับทุกคนเอกลักษณ์ของ ซูโหย่วเผิง ล้วนเป็นเจ้าชายงามสง่าขาวสะอาด   ไม่ว่าเมื่อเป็นนักร้อง  หรือเมื่อเป็นนักแสดง  บทบาทที่ได้รับ  เขาย่อมเป็นนักแสดงตัวเอกที่สะอาดบริสุทธิ์    ดังนั้น   ซูโหย่วเผิงจึงเริ่มเบื่อหน่าย   เขาบอกกับนักข่าวว่า  (จากสำนักข่าวเจี้ยนคาง จงเก้า-บอกกล่าวเพื่อสุขภาพ)   “ไม่อยากจะออกมาแสดงชายที่ดีงามเบอร์หนึ่งอีก   ไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่ออย่างนั้นหรือ ?   ผมอยากจะลบภาพลักษณ์นี้”




(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-32.jpg)


(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-20.jpg)



        ในที่สุด   เขารอคอยบทบาทอันเหมาะสมในบท  “ไป๋เสี่ยวเหนียน” บทนี้   เพื่อนักแสดงนักร้องมีชื่ออธิบายอย่างเข้าใจ   ไม่มีพื้นฐานทำนองสักนิด   เขาซ้อมเรียนกับครูฝึกทุกถ้อยคำอักษรทุกวัน   วิ่งรอบครบถ้วน   ฝึกเสียงคอ   ต้องท่องจำทั้งเนื้อเพลงให้ได้  (อิ๋วเหยียน จิงโม่ง – ความฝันสะดุ้งเมื่อเดินเที่ยวสวน)   บทร้องส่วนหนึ่งในหนังร้องสั้นๆ ไม่กี่วินาที   เมื่อผลลัพธ์ท่องเรียนลำบากมา 2-3 เดือน   หลันฮัวจื่อ (นิ้วดอกต้นลั้ง),   หลิ่วเอี้ยเหมย (คิ้วเรียวโค้ง),  เหนียนๆเชียง (สำเนียงผู้หญิง),   อิ๋วโถวเฝิ่นเมี้ยง (บนใบหน้ามีแต่แป้งที่ต้องแต่งหน้าไว้),   

          ซูโหย่วเผิงนำเอาเสียงอันนุ่มนวลแสดงต่อเนื่องจนเหงื่อเปียกโชก   จนทำให้สะดุ้งตกใจเหลือนับคณา   จึงทำให้คนมองเห็นธาตุลึก(พรสวรรค์+ความสามารถ)ของเขา   ผู้กำกับฝงเสี่ยวกัง  หลังจากดูหนังจนจบก็วิพากษ์วิจารณ์คุณค่านี้   “จริงๆผมนึกว่าเขาเพียงแต่แสดงหนุ่มต้นแบบที่ดีงาม   ในหนัง  “ฟงเซิน – ข่าวลือ”  เขาแสดงบทแตกสมบูรณ์   เกินกว่าผมคาดคิดไว้”


       ไป๋เสี่ยวเหนียน คือ ซูโหย่วเผิง เพียรพยายามมากแต่แสดงออกน้อยของบทบาทนี้  ตีบทแตก    เขาหวังอย่างยิ่งว่า 1-2 ปีนี้ตั้งใจอยู่กับวงการภาพยนตร์

        เพราะฉะนั้น   เขาจึงเข้มงวดคัดสรรบทภาพยนตร์  เขาตัดสินใจยืนหยัดปฏิเสธ  ถูกเชื้อเชิญเล่นแสดงต้นแบบที่ดีชนิดใด   เพราะไม่อยากรับบทเหมือนฟ้าผ่าอีก   มาพูดเกี่ยวกับ ซูโหย่วเผิง    เกลียดที่สุดก็คือ “หวนกลับคืนตัวเองโดยไม่ขาดสาย หรือการอยู่กับบทเดิมๆ ไม่ไปไหนเลย”   “การท้าสู้บ่อยๆ เป็นสิ่งจำเป็น”




(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-9.jpg)

หัวข้อ: Re: Scoop ปี 2010_3
เริ่มหัวข้อโดย: Chomnath ที่ ธันวาคม 14, 2010, 09:30:26 PM
         
(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-15.jpg)

การกุศล   พูดน้อยทำมาก

         ระยะเร็วๆนี้   ซูโหย่วเผิง  วิ่งไปมาตลอดเพื่อทำกิจกรรมการกุศลทุกชนิด   ไม่ว่าเรื่องบริจาคยังต้องใช้รูปเอกลักษณ์ศิลปินดาราของตัวเองมาเป็นราชทูต   เขาล้วนไม่เหนือบ่ากว่าแรง   ทำสิ่งที่ต้องการด้านการกุศล อีกทั้งการช่วยเหลือกลุ่มคนหาเช้ากินค่ำ



(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-33.jpg)(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-38.jpg)


วันที่ 14 เมษายน  2010 ซูโหย่วเผิงได้เป็นทูตสาธารณะประโยชน์รายการ  “กระเป๋าเงินน้อย  ใจรักยิ่งใหญ่” ของ  มูลนิธิช่วยเหลือผู้ยากไร้ในประเทศจีน  ได้บริจาคเงินแสนหยวน   ช่วยเหลือเด็กนักเรียน 1000 คนในเขตภัยแล้ง 

 
(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-35.jpg)

(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-37.jpg)

(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-36.jpg)
   

วันที่ 29 มีนาคม   ซูโหย่วเผิง เป็นตัวแทนไปประเทศเคนย่า เข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะประโยชน์คุ้มครองสิ่งแวดล้อม  “พระจันทร์สดใส ,  ไปสู่ที่เอเชีย”   ไม่เพียงแต่ทางร่างกายขยันเดินคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสนับสนุนปลูกต้นไม้    ยังเจาะลึกเข้าไปโรงพยาบาลลูกช้าง   สอดส่องมองดูช้างแก้ว
 


(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-34.jpg)
   

วันที่ 22 มีนาคม   ซูโหย่วเผิง เป็นประธานกิจกรรมโฆษณา  “อุโมงค์น้ำแห่งมารดา, ชุ่มชื่น 10 ปี”   พร้อมแบกรับเป็น  “ทูตสาธารณะประโยชน์”   ตะโกนร้องเรียกทั้งสังคมเพื่อให้ดำเนินการสนับสนุนต่อไป   ได้เข้าร่วมกิจกรรม  “อุโมงค์น้ำแห่งมารดา"
 
 
          กิจกรรมการกุศลเรียงรายอยู่ข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน   สำหรับ  ซูโหย่วเผิง นั้น เส้นทางงานบุญกุศลยาวเหยียดเหมือนถูกเงาย่อลงติดตัวไม่ห่าง   ที่จริง  เริ่มแรกเขาก็เป็นศิลปินนักบุญที่มีชื่อเสียงในวงการแสดง   ไม่เพียงแต่เข้าร่วมกิจกรรมการงานกุศลสาธารณะประโยชน์นับครั้งไม่ถ้วน   แล้วยังดำรงตำแหน่งเกียรติยศอันสูงส่งได้เป็น  “ทูตในงานวันคุ้มครองเด็กของฮ่องกง” ,  “ทูตแห่งใจรักคุ้มครองสายมารดาแม่น้ำ”  ,  “ทูตใจรักเด็กเล็กที่พิการ และเด็กสมองพิการของประเทศจีน” ,  “ศิลปินที่ส่งผลในการทำกิจกรรมการกุศลมากที่สุด”   “ศิลปินดารานักบุญ”  เป็นต้น  ซึ่งล้วนขนานนามเหล่านี้ให้แก่เขา

          
         เปิดใจคุยเรื่องคลื่นลูกใหม่เป็นคนใจกว้างของ ซูโหย่วเผิง     ข้อความหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ซึ่งตื่นตาตื่นใจได้นำเสนอ  มูลนิธิผู้ใจบุญท่านหนึ่งซึ่งแนะนำวิธีบริจาคทำการกุศล   นี่คือปี 2005  เขาอยู่ประเทศจีนภายใต้มูลนิธิเด็กยากไร้ ก่อตั้ง  “มูลนิธิการกุศล ซูโหย่วเผิง”   ร่วมแรงร่วมใจบริจาคเงินการกุศลหวังเพื่อก่อสร้างโรงเรียนประถม” ที่เปิดเรียนแล้ว   ช่วยเหลือคนยากไร้เหล่านี้และพวกเด็กๆ ที่ไม่มีสถานที่เพียงพอต่อการเรียนหนังสือ   ปี 2007 มาพูดคุยกับ ซูโหย่วเผิง    เป็นสิ่งที่มีคุณค่าแห่งการรำลึกเป็นพิเศษในช่วงปีหนึ่ง  โดยได้เตรียมการก่อสร้างมาปีกว่าของ   “โรงเรียนประถมศึกษาซีว่างซูโหย่วเผิง”  ซึ่งได้เปิดเทอมแล้ว   นี่ได้ใช้ชื่อ ซูโหย่วเผิง เพื่อเริ่มต้นก่อตั้งกิจกรรมสาธารณะประโยชน์คนแรก

   
 
(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-5.jpg)

     
          ความจริง  กิจกรรมเหล่านี้ได้มีอยู่แล้วนับตั้งแต่“เสี่ยวหู่ตุ้ย”   ซูโหย่วเผิง กำลังเริ่มต้นทำงานการกุศล   ไม่เพียงแต่ถ่ายแบบโฆษณาการกุศลหลากหลาย   ยังเป็นคนโฆษณาป่าวประกาศ กิจกรรมกุศลอีกมากมาย    หลายครั้งยังเป็นแนวหน้าเริ่มต้นก่อน  และยังได้เชิญชวนทุกคนร่วมบริจาค    จนถึงเดี๋ยวนี้  ซูโหย่วเผิงไม่ว่าจะอยู่ในเมือง ในชนบท   เขตฮ่องกง  ไต้หวัน   สิงคโปร์  มาเลเซีย แม้กระทั่งทั่วโลก    ได้เข้าร่วมกลุ่มกิจกรรมการกุศลมากมาย   อีกทั้งได้รับผิดชอบเป็นทูตการกุศล   และยังเข้าร่วมการแสดงเพื่อการกุศลช่วยเหลือภัยต่างๆ ทั้งเล็กทั้งใหญ่นับครั้งไม่ถ้วน   เบื้องหลังธุรกิจการแสดงรุ่งโรจน์สดใสของเขา   ยังมีหนทางการกุศลฉายแสงกระพริบเหมือนกันสายหนึ่ง


          ตลอดการทำงานการกุศลที่ไม่เคยกล่าวปฏิเสธของ ซูโหย่วเผิง ทำตัวติดดินจนมีชื่อ   นักข่าวจากสำนักข่าวเจี้ยนคาง จงเก้า(บอกกล่าวเพื่อสุขภาพ)   นักข่าวกล่าวว่า “ เขาได้แสดงให้เห็น  ที่จริงพูดจาน้อยลง   ทำงานมากขึ้น”  จุดนี้ไม่มีสื่อผู้ใดกล้าปล่อยข่าว   ไม่มีเสื้อผ้าหรูหราแวววาว   ไม่แสดงคำพูดมากเกินไป   ซูโหย่วเผิงใช้จิตกุศลบุญออกมาจากตัวเอง   ใจรักเมตตา   ไปดูแลเอาใจใส่อย่างแท้จริง   ไปช่วยเหลือบุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือเหล่านั้น
   
           ถ้าหากติดตามซักถามให้ได้ว่าทำไม  ซูโหย่วเผิง ยังยืนยันหนักแน่นเรื่องการกุศล   แล้วในอุดมการณ์ของเขาตอนหนึ่งหรือคำอธิบายที่ดีที่สุดคือ   “ ช่วยเหลือคนมีความสุขซึ่งมาจากจิตใต้สำนึกของมนุษย์    อยากได้อะไรตามใจชอบ   ห่วงใยที่สุดคนรอบข้าง   ที่จริงคุณกำลังขยันทำให้โลกสดสวยงดงามดีกว่านี้”

       
(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-1.jpg)

(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-7.jpg)



หัวข้อ: Re: Scoop ปี 2010_3
เริ่มหัวข้อโดย: Chomnath ที่ ธันวาคม 15, 2010, 11:58:50 AM
ท่องเที่ยว   ปลูกตื่นบ้านอยู่ที่ไหน
       
          จากการค้นหาในความทรงจำเมื่อ   20 ปีก่อน    “ เสือเชื่อฟัง”  ยังเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ไม่มีกิเลส   แสงอาทิตย์จรัสจ้า   มีชีวิตอยู่ในภาษาเด็กเป็นเด็กผู้ชายสะอาดบริสุทธิ์      20 ปีต่อมา   เขาไว้หนวดเครา   ผิวหนังโดนแดดเผาจนเป็นสีทองแดง   ร่างกายก็มีเส้นขอดเกิดขึ้นตามทั่วร่างกาย   สายตาลึกๆ



(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-10.jpg) 


   
          ......อยู่ในช่วงเวลาเดือนปีได้สะสมความนิยมมั่นคง   เขามีการเจริญเติบโตกระจายไปทั่วทั้งตัวเป็นหนุ่มที่มีเสน่ห์แรง

         ใกล้ๆ ไม่กี่ปีมานี้    พวกเราทั้งดีใจทั้งตกใจได้ค้นพบว่า   ซูโหย่วเผิงยิ่งโตยิ่งทันสมัยขึ้น   เวลาเขาปรากฏตัวกิจกรรมทันสมัยหรืองานราตรีสโมสรขนาดใหญ่   ทุกครั้งเขาเป็นผู้ออกหน้าเป็นหลัก   ล้วนยิ่งได้รับความนิยมได้รับการยอมรับมากขึ้น   รสนิยมอันทันสมัยแสดงสู่สุดยอด   เดินตามแนวสมัยนิยมล่วงหน้า   ซึ่งเขาเตรียมรับศึกษามองดูความทันสมัย  การก้าวไปข้างหน้าของวงการ
   
         สิ่งที่เป็นรายละเอียดของของ ซูโหย่วเผิง    นอกจากใบหน้าที่มีริมฝีปากแดงฟันขาว    บนตัวเขายังมีบุคลิกกับท่าทางเศร้าใจกลัดกลุ้มปรับตัวลดต่ำแบบอังกฤษ   และรสนิยมสูงส่งสละสลวยทางฝรั่งเศส   หรือไม่ก็   นี่แหละเขา  มักต้องมีความเกี่ยวพันธ์กับความชอบการเดินทางท่องเที่ยว

        นิตยสารสากลโลก  ลงข่าวนักท่องเที่ยวดารารุ่นใหญ่ 10 คนรับพิธีมอบรางวัล   ซูโหย่วเผิง ได้รับสมญานามอันทรงเกียรติเป็น  “นักท่องเที่ยวที่ฉลาดและมีสติปัญญา”  นี่คือ นักแสดงชาวจีนชักนำเขตแดนแบบการท่องเที่ยวที่ทันสมัย  คัดเลือกจนได้รับการยอมรับสูงสุด         การท่องเที่ยวทำให้พวกเรามองเห็น ซูโหย่วเผิง ได้อีกหนึ่งมุม.....นักท่องเที่ยวผู้สุภาพดีเด่น




(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-21.jpg)


   
          หวนระลึกเมื่อตอนอายุ 21 ปี   ซูโหย่วเผิง กำลังอยู่ในช่วงธุรกิจตกต่ำสู่ก้นเหว   เขาก็เลือกกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง   แบกกระเป๋าง่ายๆไปท่องเที่ยว   ออกเดินทาง   ไม่ใช่เหตุเพราะหลบหนี   เพียงแต่เป็นการรู้จักตัวเองมากขึ้น   หรือเพราะสาเหตุนี้   ในชีวิตต่อมา   ขณะเหนื่อยหน่ายหลงทาง  เขาอยากจะไปทุกแห่งหน  ปล่อยวางชีวิตตัวเองให้อยู่อีกจังหวะหนึ่ง   ทุกสิ่งจึงไม่ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต

         สวมร้องเท้าสบายๆ คู่หนึ่ง   หยิบแผนที่และกล้องถ่ายรูป   ฟังดนตรี   ไปท่องเที่ยวญี่ปุ่น   อินเดีย   อเมริกา   ปารีส   ดอนลอน   เนปาล   ในท่ามกลางการท่องเที่ยวของ ซูโหย่วเผิง  ด้านหนึ่งเดินด้านหนึ่งพิจารณาไตร่ตรอง   เขาได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว(จากหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ยุคทันสมัย -บอกกล่าวเพื่อสุขภาพ)   เขากล่าวว่า...สักวันหนึ่งถ้าไม่เป็นนักแสดงแล้ว   เขาก็เป็นนักพเนจรท่องเที่ยวผู้หล่อสง่าคนหนึ่ง   เที่ยวพเนจรทุกหนทุกแห่ง   ท่องเที่ยวเดินทางทุกแห่งหน…

        ท่องเที่ยว ...มากล่าวอีกด้านของ ซูโหย่วเผิง   เป็นบุคคลคนหนี่งที่(สามารถ)กระโดดออกจากวงการได้   นำพาเขาแยกออกจากสภาพแข็งกระด้างของชีวิต   แต่ว่าเมื่อได้ถูกถามถึง  สถานที่ซึ่งให้เขาผ่อนคลายมากที่สุด   เขากลับหวนมาสู่ทางเริ่มต้นใหม่ทางจุดออกเดินทาง......บ้าน.....  “ที่จริงการท่องเที่ยวก็เป็นเช่นนี้   เป้าหมายของบนท้องถนนใช่ที่จะปลุกตื่นให้กับตัวเอง   บ้านอยู่ที่ไหน? “   คำพูดคำเดียวที่บอกออกมา   ซึ่งเป็นปรัชญาท่องเที่ยวของเขา   บทความดีๆลึกๆ ง่ายๆ   แฝงรสชาติลึกซึ้ง

         จริงๆ  การท่องเที่ยวและการดำรงชีวิตเหมือนประโยคที่มีความหมายใกล้เคียงกันคู่หนึ่ง   จิตที่คล้อยตามกัน การท่องเที่ยวในชีวิตของ ซูโหย่วเผิง  เป็นคนเรียบง่ายจริงๆ คนหนึ่ง   เขาชอบคลาสสิคของสีดำและสีขาว   ไม่ว่านาฬิกา  เสื้อผ้า  ล้วนเป็นแบบเรียบง่ายที่สุด   พบเจออุปสรรคหรืออารมณ์ไม่ดี   เขาก็ไปห้องกีฬาเพื่อออกกำลังกาย   ปลดปล่อยอารมณ์และแรงกดดัน   หาเวลาว่างยาก   เขาก็อยู่ในบ้านเพื่อประกอบทำงานที่เขาชอบ    เขาไม่เคยใช้ชีวิตสุรุ่ยสุร่าย   แล้วไม่ใส่ใจกับชื่อเสียงวงการแสดง   ไม่เคยเทียบเคียงกับข่าวลือเสียดสี   “ ปล่อยให้ชีวิตมีสีสัน”   จึงจะคือจุดเป้าหมายของเขาอย่างดีเยี่ยมเสมอ



(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-14.jpg)



หัวข้อ: Re: Scoop ปี 2010_3
เริ่มหัวข้อโดย: Chomnath ที่ ธันวาคม 15, 2010, 12:32:48 PM
(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-12.jpg)


“ ผมกำลังเบื่อหน่ายบทบาทที่สมบูรณ์แล้ว"…….คำสนทนาของ ซูโหย่วเผิง   ( นิตยสารรายสัปดาห์ยุคทันสมัย   บอกกล่าวเพื่อสุขภาพ )


นิตยสาร: ราตรีสโมสรร่วมจัดฉลองตรุษจีนช่องสถานีโทรทัศน์ยางซื่อในปี 2010   ตั้งแต่แยกย้าย“เสี่ยวหู่ตุ้ย” มา 10 กว่า ปีแล้วมาพบเจอกันใหม่อีกครั้ง   มีความรู้สึกอย่างไรและแตกต่างกันอย่างไร ?

   
ซูโหย่วเผิง  :  ความคุ้นเคยแล้วก็แปลกหน้า   ความเงียบแบบนั้นเพิ่งหาเจอ   ก็จะจบสิ้นลง   นานมาแล้วผมไม่มีแบบ “ต้นแบบวัยรุ่น” อยู่บนเวทีหล่องาม   รวมทั้งตอนนี้ฟังดนตรีแล้ว  ล้วนไม่เหมือนเมื่อก่อนแบบนั้น   ดังนั้นผมเพียงแต่พยายามหวนคืนสู่สภาพเดิมในความทรงจำของผู้ชม  รูปแบบ ซูโหย่วเผิง เมื่อ 20 ปีก่อนโน้น


นิตยสาร : ร่วมแยกดีใจเสียใจเมื่อ 20 ปีก่อน “เสี่ยวหู่ตุ้ย”    กับ อู๋ฉีหลง   เฉินจื้อเผิง ความรักใคร่อารมณ์จะเป็นอย่างไร ?


ซูโหย่วเผิง   :  มีพี่น้องที่แสนดีมากๆ    ผมหวังว่า“เสี่ยวหู่ตุ้ย” นอกเหนือจากเป็นตัวแทนความประทับใจในวัยหนุ่มทุกคนแล้ว   ก็ยังเป็นตัวแทนมิตรภาพคนหนึ่งซึ่งเป็นเทพนิยายที่ไม่ดับสูญ   เพียงแต่ผมโชคดี กลายเป็นความคลาสสิคได้เป็นนักแสดง 1 ใน 3 คนของ“เสี่ยวหู่ตุ้ย”  ดำรงป้องกันมิตรภาพส่วนนี้ก็เป็นมาตรฐานสูงสุดของผม


นิตยสาร : เสือเชื่อฟังในปีนั้น   ผลงานเพลงล้ำเลิศ  ธุรกิจกำลังเจริญเติบโต  ทำไมจึงเลือกทางไปศึกษาต่อที่เมืองนอก


ซูโหย่วเผิง   : ปลดปล่อยตัวเอง   ค้นหาทิศทาง   ระยะหนทางเดินในปีนั้น   “เสือเชื่อฟัง”  ให้กระเป๋าใบใหญ่แก่ผม(ให้บทเรียนที่มีค่า)    ทุกคนล้วนหวังว่าจะได้เห็น คนที่เป็นทั้งนักร้องนักแสดงและเป็นทั้งนักเรียนใฝ่เรียนหนังสือของ ซูโหย่วเผิง .....การที่ผมหยุดเรียนนั้นกระทบสะเทือนใหญ่มาก   ผมไม่มีกำลังสามารถเผชิญกับสายตาของทุกคน   แรงกดดันการวิพากษ์วิจารณ์   ทั้งยังพูดความจริง   เวลานั้นผมไม่ทราบจะทำอย่างไรกับอนาคต   การเข้าสู่วงการนักร้องต้นแบบมา 6  ปี   ความรู้สึกสดชื่นของผมกำลังหมดลง   เวลานั้นผมลังเลใจอยู่   ดังนั้นจึงตัดสินใจไปต่างประเทศ


นิตยสาร :  ต่อมา“เสี่ยวหู่ตุ้ย” แสดงเดี่ยว   แต่ละคนล้วนมีประสบการณ์ในเวลายากเข็ญช่วงเวลาหนึ่ง   คุณจะเดินอย่างไรเพื่อผ่านหุบเขาก้นเหวนี้?    หุบเขาจะกระทบได้อย่างไร ?


ซูโหย่วเผิง  : มีผู้คนมากมายช่วยเหลือผม   ต่อมาจึงได้ไปถ่ายละครโทรทัศน์เรื่อง “องค์หญิงกำมะลอ” ก็เป็นสมดุลทางจิตใจของตัวเอง   ขยันขันแข็งเพื่อศึกษาเรียนกับผู้อื่น


นิตยสาร   : ในภาพยนตร์ เฟิงเซิง(The Messege)   คุณย้อนอดีตลักษณะแสงอาทิตย์กลับไปมา   นำนิ้วดอกต้นหลัน (ดอกกล้วยไม้) -ทำท่าทางของงิ้ว ,   เหนียนๆ เชียง - สำเนียงผู้หญิง ,   บนใบหน้าของ ไป๋เสี่ยวเหนียน เต็มไปด้วยการตกแต่งด้วยแป้ง   แสดงต่อเนื่องจนเหงื่อโชกทั้งตัว   เกี่ยวกับบทบาทแสดงนี้    คุณลังเลใจบ้างไหม ?   ทำไมกล้าย้อนรูปลักษณะกลับไปกลับมาหรือ ?


ซูโหย่วเผิง  : บทบาทแสดงนี้คุณต้องเก่งมาก    จึงจะสามารถแสดงออกมาได้ดี   เป็นไปได้ว่าสามารถมีโอกาสมีชื่อเสียงในช่วงข้ามคืน โอกาสแบบนี้ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียว  ล้วนไม่มีเหตุผลปล่อยให้ผ่านไป    แพ้ไม่ละอายผู้คน   กลัวแพ้จึงละอายผู้คน


นิตยสาร : ถ่ายละครหนังหนึ่งเรื่องก็มีค่าตอบแทน 1 ล้าน   แต่รายได้ละครเวทีเพียงมีเลข ศูนย์   ทำไมคุณเลือก เล่น  ( จวี๋ฮัวเซียง ) “หอมดอกเบญจมาศ”  ทันที

   
ซูโหย่วเผิง  : ที่จริง   ตั้งแต่เล็กเกี่ยวกับละครพูดแบบนี้  ผมมุ่งสู่ด้านนี้มาก   สามารถอยู่บนเวทีแสดงละครพูด   เป็นความใฝ่ฝันของผมมาตลอด


(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-18.jpg)

   
นิตยสาร  : เวลารับงานภาพยนตร์ละครอยู่   คุณสนใจรับงานแสดงบทบาทอะไร?

   
ซูโหย่วเผิง :  อย่างน้อยบทการแสดงเหมือนฟ้าผ่ามากเกินไปผมก็จะไม่รับแสดง   เกี่ยวกับบทแสดงเป็นคนสมบูรณ์แบบอย่างนั้นผมกำลังเบื่อแล้ว   ผมชอบรับหนังแบบที่มีอารมณ์ทางใจมีท้าทายหรือการต่อสู้บ้าง

 
นิตยสาร : ทำบุญกุศล   คุณปรับตัวลดต่ำมาตลอดใช่ไหม ?

   
ซูโหย่วเผิง  :  ที่จริงแต่ละคนล้วนมีใจทำงานบุญเพื่อสาธารณะประโยชน์   มีเงินออกเงินมีแรงออกแรง

   
นิตยสาร  : ในฐานะพิเศษของการเป็น “ศิลปินนักแสดง”  เกี่ยวกับงานการกุศลยิ่งต้องช่วยเหลือหรือไม่ ?

   
ซูโหย่วเผิง :  แน่นอน   บุคคลที่มีกลุ่มฝูงชนมาสนใจ  และยังได้รับการดูแลเอาใจใส่จากกลุ่มฝูงชนจำนวนมาก   ยิ่งจำเป็นต้องเอาตัวเองไปใช้เป็นแบบอย่าง    ผมหวังว่าตัวเองสามารถนำคนส่วนหนึ่งมาร่วมกันทำบุญกุศล   ทำความดีที่จริงเพียงแต่ยื่นมือออกแรงช่วยเหลือ



(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-30.jpg)


นิตยสาร  : พอใจลักษณะการดำรงชีวิตเวลานี้หรือไม่ ?

ซูโหย่วเผิง  : ยังดีอยู่ครับ   เออๆ


นิตยสาร  : งานยุ่งมาก   มีเวลาออกกำลังกายบ้างไหม ?   จัดแบ่งเวลาชองตัวเองอย่างไร?

ซูโหย่วเผิง   : เมื่อก่อนจะถ่ายหนังเรื่องหนึ่งก็ไปออกกำลังกายบ่อยๆ   ต่อมาถ่ายหนังเรื่อง เฟิงเซิง  ต้องลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว   ระยะใกล้นี้มีเวลาล้วนอยู่กับงานทั้งหมด   เกือบจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย


นิตยสาร  : เวลาเจออุปสรรคหรืออารมณ์ไม่ดี   โดยทั่วไปเลือกวิธีแก้ไขแบบไหน ?

ซูโหย่วเผิง   ช่วงเวลาบ่ายผมจะไปห้องออกกำลังกาย   ให้ออกเหงื่อ   ก็รู้สึกตัวเองเบาสบาย   อะไรๆ ก็ไม่อยากคิดแล้ว   อารมณ์ปลดปล่อยออกมา   ก็จะเย็นใจของมันเองเพื่อไปแก้ไขปัญหา


นิตยสาร  : ตั้งแต่อายุ 15 ปีเข้าสู่วงการถึงเดี๋ยวนี้   คุณจะเอาตัวเองมาเป็นอาชีพนักแสดงทั้งชีวิตหรือไม่ ?   

ซูโหย่วเผิง  : ไม่เป็น   ถึงเวลา   แน่นอนผมจะไปทำการกุศลบ้าง   เพื่อใช้ชีวิตแบบเบาๆ บ้างก็แล้วกัน


นิตยสาร  : สมัย 30 ปีก่อนกับสมัย 30 ปีหลัง   เกี่ยวกับชีวิตมีอะไรแตกต่างกันบ้าง
   
ซูโหย่วเผิง :  มีเรื่องให้คิดมากมาย


นิตยสาร :  ถ้าหากกล่าวถึงชีวิตเป็นบทละคร   คุณจะเขียนบทละครแก้ไขใหม่หรือไม่   แล้วจะกำกับชีวิตของคุณเองได้อย่างไร ?

ซูโหย่วเผิง  : ปล่อยให้ชีวิตมีสีสัน  คือ  จุดเป้าหมายเลิศที่สุดของผม



(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-13.jpg)

(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/lmh_04/b4k-26.jpg)



The End

(http://i954.photobucket.com/albums/ae25/lmh_03/de6b1c4d.gif)