ALL About Alec SU YOU PENG | รวบรวมผลงานของ ซูโหย่วเผิง > TV Series

21. [2551] เย้ออ้าย รับบทซูหมิงเทา

<< < (3/6) > >>

prattana:


ตอนที่ 2 – นั่นไม่ใช่ชื่นชอบ แต่เป็นความรัก

ตอนที่สองแล้วนิ เริ่มต้น ก็สามารถจะมั่นใจได้ เฉินหย่าหยู่นั้นมีปัญหามากๆ หัวหน้าติงถูกเขาฆ่าใช่หรือเปล่า ฮ่าๆๆ

ต่อไปจะพูดอะไรที่จริงๆจังๆ

การสนทนาโต้ตอบฉากนี้นั้น ผมชอบมาก

เสี่ยวเหยียน . ซูจื้อโถง คุณทำอย่างนี้ไม่ได้นะ คุณชอบเขาแล้วก็ให้เขาจูงคุณไปอย่างนั้นไม่ได้นะ

หมิงเทา. ผมไม่ได้ชอบ

เสี่ยวเหยียน. ถ้าไม่ชอบแล้วทำไมคุณถึงเชื่อเขาขนาดนั้นล่ะ

หมิงเทา. นั่นเป็นความรัก

เสี่ยวเหยียน. ความรัก?

หมิงเทา . ใช่ คือความรัก

เสี่ยวเหยียน. ความรัก .....

การแสดงของเสียวเจียหนิงในฉากนี้นั้นดีมาก ทำให้หลี่เสี่ยวเหยียนได้เข้าใจและไม่งงกับ “ความรัก”สองคำนี้ ยิ่งกว่านั้นที่เธอได้ยิ่งสองคำนี้อย่างมั่นใจจากปากของหมิงเทา ก็อาจเป็นไปได้ เธอไม่สามารถเข้าใจได้ หรือว่าเธออาจรับไม่ได้ หรือว่าเธออาจมีความสงสัยอยู่ นี่ไม่ใช่ความรักที่เขาเข้าใจ ก็จากการสนทนาฉากหนึ่งนี้ จนถึงครึ่งปีหลัง วันเวลาที่ผ่านไปนั้น มันพิเศษมาก มันทำให้คนฝังใจมากๆ ฉะนั้นการเขียนเรื่องนั้นเห็นได้ว่าทุ่มเทเหมือนกัน

ครึ่งปีผ่านไป จากสนามรบสู่สนามบริษัท เมื่อมองตัวละครในเรื่อง แต่ละคนนั้นต่างก็มีความคิดของตัวเอง ต่อสู้กับชั้นวรรณะของตัวเอง สุดท้ายก็เข้าใจว่าสมัยก่อนทำไมปู่ย่าตายายถึงได้พูดถึงเรื่องพวกนี้บ่อยๆ แต่ว่าพวกที่ปิดหูปิดตาต่อสู้กันไม่ไม่น้อยเลย เช่น หลี่เสี่ยวเหยียน ที่อกเต็มไปด้วยความร้อนรัก แต่ว่าสำหรับเขาใจเข้าอันถ่องแท้ของความรักสำหรับเขาแล้วมันยังถือว่าไกลเหมือนกัน เพราะว่าความแยกแยะของเธอนั้นน้อยมาก ฉะนั้นเขาก็ได้รับบทที่มีนิสัยบุคลิกอย่างนี้ไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตามนอกจากจุดนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าหลี่เสี่ยวเหยียนก็ยังนับว่าเป็นหญิงที่น่ารักเหมือนกัน


มาถึงฉากที่หมิงเทากับหันชิวได้เจอกัน ความรู้สึกแรกนั้น เสียงดนตรีประกอบนั้นมันเข้ากับบรรยากาศจริงๆ ได้ร่วมในอารมณ์มาก เพราะว่าภาพแรกนั้นมีบางตอนบางฉากที่ประกอบเสียงดนตรีแล้วผมเองก็รู้สึกว่ามันยังขาดอะไรไปอย่าง ก่อนหน้านี้ที่ทางสื่อมาทำข่าวนั้น กับฉากที่หมิงเทาได้ปกป้องหันชิวที่ถูกมัดอยู่นอกโรงงานนั้น ได้ยินเสียงของโหย่วเผิงเอง ก็รู้สึกถึงน้ำเสียงของเขานั้นมันได้อารมณ์จริงๆ แต่ว่าเมื่อฟังเสียงดนตรีประกอบแล้วมันรู้สึกว่าขาดอะไรไปอย่าง บางครั้งก็รู้สึกว่าเสียงอัดที่ผู้แสดงพูดออกมาในตอนนั้นน่าจะเวิกดิ์กว่า


ในเรื่องตอนนี้นั้น มีช่วงหนึ่งของหมิงเทาสับสนทางจิต ด้านหลังมีภาพหลอนที่คอยวิ่งหนีมาตลอด ฉากนี้ผมขอใช้การวิจารณ์ของซันซันมาวิจารณ์ความรู้สึกของผม เริ่มแรกนั้นหมิงเทาเองก็เป็นคนป่วยทางจิตมาเหมือนกัน ตอนที่เขาอยู่ในรัสเซียก็เป็นแล้ว ฉะนั้นเริ่มแรกเลยก็มีภาพหลอนของ “หนิงหนิง หรือ ติงติง หว่า 55+ ” ตลอด ผมคิดว่าทางผู้กำกับคงใช้แนวสไตล์เรื่อง ”ฟุ่นเก่าจ้วง” เรื่องฟุ่งเกานั้นทั้งชีวิตคิดแต่เรื่องของชีวิต รักในศิลปะ ในสายตาเขานั้นทางดวงอาทิตย์ แผ่นดิน และต้นหญ้าล้วนเป็นชีวิต ฟุ่งเกาเป็นคนที่อยู่ไม่นิ่ง (รวมทั้งก่อนจะเป็นโรค)

รวมทั้งชอบไปตากแดดที่ร้อนเกินกว่าสี่สิบองศา ฉะนั้นผมคิดว่า ภาพหลอนในเรื่องนี้นั้น เป็นการเริ่มต้นขียนที่จะให้หมิงเทาเป็นโรคจิต การที่จะผ่านเลนกล้องในการแสดงออกถึงอาการโรคจิตนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ง่าย ผมคิดว่าทางผู้กำกับก็ได้มีการทำการบ้านเกี่ยวกับเรื่องมามาก่อน จึงจะได้ฉากที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอย่างนี้ ทีแรกนึกว่าฉากนี้เป็นส่วนเกินมาหรือเปล่า แต่คิดดูดีๆแล้วก็เป็นฉากที่ขาดไม่ได้เหมือนกัน มันให้ภาพจริงๆ จึงรุ้ว่าโลกแห่งความคิดของผู้ป่วยทางจิตนั้นเป็นอย่างนี้นี่เอง เพ้อ หลอน มันจึงเป็นบ้า ถึงรู้ว่าผู้กำกับเขียนขึ้นมาอย่างนี้ใช่ว่าใครก็สามารถทำได้ พูดนอกเรื่องไปแล้วมั้ง ยังมีอีกก็คือขณะที่โรคหมิงเทากำลังกำเลิบ อารมณ์การแสดงออกของโหย่วเผิงนั้น ก่อนหน้านี้นั้นผมไม่เคยเห็นเขาแสดงออกอย่างนี้มาก่อนเลย

พูดจริงๆว่าผมประทับใจมาก เพราะว่านักแสดงท่านหนึ่งสามารถที่จะแสดงในสิ่งที่อดีตไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อนได้เป็นอย่างดีนั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลย มันเป็นอะไรที่ใหม่มากๆ เหตุที่ว่ามันประทับใจจริงๆ เลยไม่รู้ว่าจะบรรยายอย่างไรดี


และอีกฉากหนึ่งที่ควรจะคุยคือหันชิว ก่อนหน้านี้นั้น ไม่ได้เอ่ยถึงเขาเลย นอกจากจะรู้ว่าเขาเป็นคนสวยและมากด้วยประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครแล้ว ในเรื่อง หากเปรียบกับตัวละครอื่นแล้ว บุคลิกนิสัยของเขาอาจไม่ชัดเจน (นี่กำลังพูดถึงนิสัยในเรื่อง ไม่ใช่นิสัยจริงๆของเขา ผมขอย้ำอีกครั้งเพื่อความเข้าใจผิด) แต่ในเรื่องนี้นั้น เขากล่าวว่าพวกเขาได้จากกันเป็นเวลา๑๘๘วัน ทำให้คนอื่นสนใจเขา ยังมี่ช่วงที่เขาหันกลับไปเก็บตั๋วภาพยนตร์นั้น คนคนหนึ่งที่พร้อมจะต่อสู้เพื่อความรักนั้นได้แสดงให้เห็นแล้ว ขอพูดนอกเรื่องหน่อย ทรงผมที่ยุ่งเหยิงของหันเอ็มๆนั้นมีเสน่ห์กว่าตอนที่หวีอย่างเรียบร้อย นี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว

เมื่อพูดแบบรวมๆแล้ว เนื้องเรื่องคร่าวๆของตอนที่๑นั้นแม้จะดูแล้วจะไม่เลวแต่ก็ทำให้ผมผิดหวังนิดๆ แต่ว่าตอนที่๒นี้ก็ได้ทำให้ความชื่นชอบของผมกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง นี่อาจเป็นเพราะส่วนตัวไม่ค่อยชอบเรื่องราวสไตล์แบบนี้หรือเปล่า

prattana:


ตอนที่ 3 แม้ว่าเธอจะเป็นงานเฉพาะกิจ แต่ผมก็รักเธอ

ตอนที่ 3 จะไม่แสดงความเห็นส่วนตัวแล้วเพราะไม่มีอะไรพูดอีก พูดเพียงตัวละครในเรื่องดีกว่า

ก่อนอื่นนั้นฐานะของหันชิวเป็นจุดสนใจของผู้คน เช่น เขาอยากที่จะเปิดปากเอ่ยถึงฐานะของตัวเอง เขาได้ถือดาบสั้นแล้วบังคับถามผู้ว่าเมือง ผมคิดว่าหากว่าผุ้เขียนได้เพิ่มความดุดันของบุคลิกของผู้แสดงหน่อยก็น่าจะดี เพราะจากตัวของเขาเองนั้น ความรักที่ร้อนนั้นมันแสดงออกมาได้ไม่ค่อยเด่น แต่สำหรับคนคนนี้นั้น ผมเต็มไปด้วยใจแห่งการศึกษาพิจารณา ยังมีเฉินหย่าหยู่ ในตอนนี้นั้น ก็สามารถที่จะมองออกว่าเขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ใส่ชุดขาวรองเท้าขาวแล้วเป็นคนรับส่งโทรสาร จริงๆแล้วตอนหลังยังมีดนตรีที่ประกอบฉากนี้อีกมากมาย บวกกับอารมณ์แล้ว สามารถที่จะทำให้ผู้ชมหายใจลำบากเหมือนกัน

สำหรับหมิงเทาแล้ว จนถึงตอนที่ 3 ไม่สิ น่าจะเริ่มจากตอนแรกเลย ก็สามารถยืนยันได้เลยว่าเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับ T55 เลย เช่น หลี่เสี่ยวเหยียน มีเพื่อนบางคนบอกว่าบทของเขานั้นอาจมีก็ได้ไม่มีก็ได้ น่าจะประเมินมาจากมุมมองของซิ่นหนี แต่ว่าประเด็นของเรื่องนี้นั้น เป็นการบ่งบอกถึงช่วงสมัยที่พิเศษ ผู้ป่วยทางจิตที่ แข็งแรง สง่าคนหนึ่งอย่างหมิงเทา เป็นเรื่องราวที่มีความรักกับหันชิวที่ถูกบังคับเป็นหญิงขายตัว ผู้กำกับเคยกล่าวไว้ว่า “ผมจะใช้ภาพยนตร์เรื่องนี้มาสื่อถึงความรัก วัยรุ่นของสังคมปัจจุบัน ระลึกถึงวันเวลาที่ตกต่ำ เดือนปีที่โหมกระแทกของสังคม และหมิงเทาจะเป็นคนที่จะรักทั้งชีวิตอะไรอย่างนั้น อย่างน้อยวันนี้ในเรื่องนั้น สามารถแสดงออกถึงคนในสมัยนั้นที่โหมกระแทก ก็คือหมิงเทาเอง


หากว่าเพื่อนๆที่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มด้วยที่ซิ่นหยีแล้ว เชื่อว่าเมื่อดูจนจบแล้ว ก็จะรู้สึกผิดหวัง เพราะนี่ไม่เพียงแค่เป็นความรักที่เดียงสาเท่านั้น และไม่ใช่เป็นว่าเรื่องราวที่เบื่อหน่ายอย่างซิ่นหยีแน่นอน แต่มันเป็นเรื่องราวความรักในสมัยโบราญกาล ก็เหมือนกับในตอนที่ 3 ที่หมิงเทาพูดว่า “ แม้ว่าเธอจะเป็นคนไม่ปกติทั่วไป แต่ผมเองก็ยังจะรักเธอ” เขาได้เข้าใจว่าจริงๆแล้วจิตใจของเขาต้องการอะไร ใครที่เขารัก เขายืนหยัดในความมั่นใจของเขา ทำในสิ่งทีอยากทำ ไม่เคยกลัวจะมีคนมาว่าเขาบ้าไปแล้ว เขาได้ไปเคาะประตูกลางดึกเพื่อจะซื้อผลไม้ให้กับคนที่เขารัก แล้วได้ไปตามหาตัวของเธอทั่วท้องถนน อาจใช่ที่สมองของเขาอาจมีปัญหา แต่ว่ามีใครกล้าปฏิเสธว่าจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ร้อนแรง ต่อคน ต่อชีวิตของเขา ต่อสังคมภายนอกเขานั้นล้วนมองในแง่บวกเสมอ มีเป้าหมายชัดเจน ฝ่าฝันขนาดไหน เมื่อคนมองเห็นเขา ก็เสมือนมองเห็นความหวัง

จริงๆตอนแรกไม่ได้ดูช่วงหลัง มองเห็นแต่เพียงตอนนี้ หวังที่จะให้นางเองหันชิวนั้นรักเขา เพราะก่อนหน้านี้สามตอนไม่มีเลย จริงๆแล้วทั้งสองฝ่ายต้องรักพร้อมกันถึงจะมีไฟขึ้นมา นี่อาจเป็นเพราะผู้เขียนตั้งใจจะเขียนอย่างนี้ งั้นเราก็จงรอดูต่อไป สำหรับตอนหลังจะมีไฟหรือไม่มีนั้น นั่นเป็นเรื่องของหลังจากตอนที่สามแล้ว ก็จะไม่ขอพูดต่อไปก็แล้วกัน

ตอนนี้มีฉากหนึ่งที่มันเด่น เป็นช่วงที่หลิวซื่อชางสนทนากับหันชิว ก็มีความรู้สึกแต่แรกที่ดูตัวอย่างของภาพยนตร์แล้ว จังหวะที่ตื่นเต้น การสนทนาที่ตื่นเต้น ภาพที่จับอย่างน่าเร้าใจนั้น ทำให้ผู้ชมก็คอยตื่นเต้นไปด้วย

prattana:
จากน้องเอม...บ้านหันเสวี่ย


เซื่นหานชิวเป็นผู้หญิงที่ดูลึกลับ เเต่ฉลาด ตั้งเเต่ที่ครอบครัวยกเว้นพ่อถูกT55ฆ่าก้ออยู่อย่างลำบากมาคนเดียว มีพ่อก้อเหมือนไม่มีจะดีกว่าอะนะเพราะพ่อปฏิบัติกับหานชิวเเบบว่านะ เเละเพื่อที่จะตามหาตัวตนที่เเท้จริงของคนที่ฆ่าครอบครัวเลยไปขอให้เพื่อนพ่อช่วยเเต่ก้อกลับโดนเพื่อนพ่อหลอกเเถมดันต้องจ่ายค่าตอบเเทนเป็นความสาวของตัวเองซะอีกเเหนะ เท่านั้นไม่พออีตาเพื่อนคนนี้บอกช่วย ช่วยพาไปรู้จักคนใหญ่คนโตเพื่อให้คนพวกนี้ช่วยตามหาอีกเเรง เเต่วัวเเก่เขี้ยวหญ้าอ่อนอะ ไม่เพียงไม่ช่วยดันเเบบว่าอะนะ หานชิวโดนถูกบังคับให้เดินเข้าเส้นทางของพวกโสเภณี มีใบประกอบอาชีพนี้อีก ที่ทำไปเพียงเพราะต้องการหาความจริงเท่านั้นเอง โอ๊ยเเม่ใจจะวาย

พอได้งานทำที่โรงงานที่หมิงเทาทำงานก้อโดนตบตี รังแกสารพัดเเถมโดนกล่าวหาว่าตนเป็นสปาย เป็นT55เกือบโดนยิงเป้าเเหนะ หมิงเทาเป็นคนเดียวที่ปกป้องเเละเชื่อในความบริสุทธิ์ของหานชิวมาโดยตลอด ตอนเเรกหมิงเทาเจอหานชิวก้อหลงรักเลยเพราะหานชิวเหมือนกับ หนิงหนิงคนรักเก่าของตัวเอง เเต่ตอนหลังก้อรักในความเป็นตัวของหานชิว เเละก้อนะหมิงเทาหนุ่มไฟเเรง มีความมุ่งมั่นในการทำงาน รักสังคมใหม่ของจีนมีเหรอจะยอมรับได้เรื่องโสเภณีหน่ะ หานชิวปิดบังเรื่องนี้มาโดยตลอดเเถม โดนอีตาเจ้าของโรงงานใส่ร้ายสารพัด กระทั่งถึงต้องเเกล้งทำเป็นไม่ต้องการหมิงเทาเเล้วเพื่อความปลอดภัยของหมิงเทาเองทั้งๆที่รักสุดๆ หมิงเทาเองเมื่อก่อนไปรบก้อมีปัญหาด้านประสาทมาก่อนเเล้วพอเจอเรื่องเเบบนี้เข้าก้อรับไม่ได้ มีการลืมเรื่องทั้งหมดของทั้งสองด้วยเเต่เรื่องอื่นจำได้หมด บวกกับโดนอีตาเจ้าของโรงงานวางเเผนใส่ร้ายเกือบโดนยิงเป้า ดีที่ไม่ตายเเต่ทว่าเรื่องราวต่างกลับดันให้หมิงเทากลายเป็นบ้าไปซะอีก

หมิงเทาเป็นบ้าคนที่คอยดูเเลเเน่นอนหล่ะเป็นหานชิว วันๆทำงานเสร็จก้อกลับมาดูเเล ไม่ค่อยกินไม่ค่อยนอน อ้อมีช่วงนึงที่หมิงเทาเป็นบ้าเเรกๆ หานชิวมาหาที่โรงพยาบาลหานชิวกระอักเลือดเกือบตายเพราะโดนตบตีจนช้ำในบวกกับเจอพระเอกสภาพนี้อีก หานชิวเอาตัวเองเป็นหนูทดลองยาเพื่อที่จะรักษาหมิงเทา สุดท้ายพอหมิงเทาหายเเล้ว เเละกำลังจะรับปากการเเต่งงานของทั้งสอง อีกตาหัวโรงงานมาเปิดเผยเรื่องที่หานชิวมีอาชีพเป็นโสเภณีจนหมิงเทารับไม่ได้ไปขอหลี่เสี่ยวหยวนเเต่งงาน หานชิวเองก้ออายเเละเข้าใจเลยเดินทางจากซูเหลียนหรือซูโจวเพื่อไปหาพ่อที่เรือนจำไปใช้เเรงงานเเทน อันนี้เป็นรายละเอียดคร่าวๆมันมีอะไรอีกเยอะ ตอนหลังเป็นยังงัยต่อต้องดูเองเเล้ว สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกก





prattana:
Thanks, http://ent.sina.com.cn/v/m/2009-04-20/06542481827.shtml
(เย้ออ้าย) เริ่มฉายทั่วประเทศ “สมองเสื่อมไปแล้ว” (คงประมาณว่าได้รับการตอบรับอย่างดูจากผู้ชอบ จนทำให้ใครต่อใคร สมองเสื่อมไปตามๆกัน...อาจจะรันทดไปตามๆกัน)

20 เมษายน  2009

ข่าวบันเทิงซินลั้ง(Sina)  ละครทีวี เย้ออ้าย ได้ดำเนินพิธีเปิดในการจะฉายทั่วประเทศที่สถานนีซูโจวอย่างคึกคัก ในขณะเดียวกันก็ยังมีกิจกรรมเปิดฉากหอสมุดความรักในสถานีซูโจว ผู้กำกับฝ่านเสี่ยวเทียน พระ-นางโหย่วเผิงและหันเสวี่ย ก็มาด้วย

(เย้ออ้าย)เป็นละครทีวีเป็นที่สนใจของคน ไม่นานมานี้มีคนเอาละครเรื่องนี้ไปแอบฉายและแอบไปก๊อปปี้จนทำให้ผู้ถือลิขสิทธิ์รีบที่จะพูดคุยกับสถานีต่างๆเพื่อดำเนินการออกอากาศให้เร็วที่สุด และสิ้นสุดวันนี้ (เย้ออ้าย) นั้นได้เผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตสูงถึง 5800 ครั้ง(หุหุ เร็ตติ้งกระฉูด)  ในพิธีเปิดฉายนั้น นอกจากการสนทนากันระหว่างทีมงานละครกับพิธีกรแล้วยังมีกิจกรรมตัวอย่างของละครอีกด้วย ทางผู้กำกับกับนักแสดงก็ได้เปิดเผยข้อมูลขณะทำกิจกรรมมากมาย เพื่อจะให้ผู้ชมได้เข้าใจถึงบรรยากาศทั้งในจอและนอกจอที่น่าประทับใจ

ผู้กำกับฝ่านเสี่ยวเทียน ตัวละครในเรื่องนั้นยากจะหาคนมาแทน

ก่อนอื่นทางผู้กำกับได้แสดงความเห็นว่า ในละครเย้ออ้ายนั้น มีนักแสดงที่โด่งดังซึ่งไม่น้อยกว่าสิบคน สำหรับพระเอกและนางเอกของละครนั้นแสดงโดย ซูหมิงเทากับ เซิ่นหันชิว

และผู้กำกับยังได้ประเมินการแสดงอีกว่า เขาใช้เวลาเป็นอย่างมากและครั้งแล้วครั้งเล่าในการคิดที่จะหานักแสดงเอกมาแทน ซูหมิงเทากับเซิ่นหันชิว แต่ว่า เมื่อดูบทอารมณ์ของซูหมิงเทา(โหย่วเผิงรับบท) ไม่ว่าจะเป็นด้านความสง่าผ่าเผย ความนิ่งเงียบอารมณ์เศร้า หรือแม้แต่ความบ้าระห่ำ...

และบทของเซิ่นหันชิว (หันเสวี่ยรับบท)ที่มีอารมณ์ความรักความทุกข์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งยังไม่สามารถกระทบกระเทือนได้นั้น บวกกับความเวทนาที่อยากจะแก้แค้นแต่ไม่รู้ว่าศัตรูนั้นอยู่ที่ไหนนั้น ความมุ่งมั่นที่แม่ตายก็ไม่ยอมลามืออย่างนั้น

ฟ่านเสี่ยวเทียน พูดอย่างไม่ลังเลว่า “ผมรู้ว่าผมไม่สามารถที่จะไปหาคนอื่นมาแทนพวกเขาได้ ไม่ใช่ว่าฝีมือการแสดงของศิลปินท่านอื่นไม่ดี ไม่โดดเด่น แต่เป็นเพราะในใจผมนั้นคิดว่าบทอารมณ์ของซูหมิงเทากับเซิ่นหันชิว นั้นใช่เลยที่โหย่วเผิงกับหันเสวี่ยได้สะท้อนออกมาอย่างดีมาก ก็เหมือนละคร(อังสงเปิ่นเซ่อ)กับซินหลงเหมินเค่อเสี่ยน)นั้นที่เสี่ยวหม่าเกอกับจิงไน้อี้ได้แสดงออกมาโดยหาใครมาแทนก็คงไม่ได้อารมณ์อย่างนั้น (อ่านแล้วภูมิใจแทนโหย่วเผิงและหันเสวี่ยมากๆค๊ะ ผู้กำกับชอบเอ๊าชอบเอา)

พระเอกโหย่วเผิง คนบ้าคนนี้สุดระห่ำ

ในเรื่องนั้น โหย่วเผิงแสดงเป็นซูหมิงเทาซึ่งเป็นคนที่ป่วยทางจิตที่สง่าคนหนึ่ง เป็นคนที่สมองไม่ดี เขาเล่าว่าขณะที่ถ่ายทำนั้น ก็มักจะไปคิดจิตนาการณ์ดูว่าสภาพอารมณ์ของหมิงเทาในตอนนี้น่าจะเป็นอย่างไร เจ็ดส่วนบ้าสามส่วนปกติหรือเจ็ดส่วนปกติสามส่วนบ้า บางครั้ง แม้กระทั่งตัวเองก็ยังไม่ชัดเจนเลยว่าตัวเองกำลังเป็นโหย่วเผิงหรือว่าหมิงเทา (555+) รู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะไม่ปกติแล้ว อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าสมองของผู้กำกับฝ่านนั้นบางทีก็จะเปรอ ๆๆ ในตัวผู้กำกับเองบางอย่างก็เหมือนกับหมิงเทาอีกด้วย ผู้แสดงที่เข้าฉากกับเขามากที่สุดอย่างหันเสวี่ยกับคนอื่นนั้นก็ได้ให้ความช่วยเหลือกับเขาเป็นอย่างมาก เมื่อเขาย้อนมองดูผลงานแล้ว มันมีความรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเขาใช้เวลาอันสั้นๆสองเดือนนี้สามารถแสดงอารมณ์ความรุ้สึกของหมิงเทาออกมาได้ “ผมรู้สึกว่ามันสนุกมาก โหดด้วย นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน และน่าจะเป็นสิ่งที่ผมจะแสวงหาในอนาคต” โหย่วเผิงกล่าว (อ๊ากกกกกกก เพิ่มความอยากดูมากๆ)

นางเอกหันเสวี่ย หนึ่งเรื่องเหมือนสิบเรื่อง (สาวกหันเสวี่ยเห็นด้วยมั้ย)

ในเรื่องนั้น หันเสวี่ย รับบทเป็นหญิงสาวที่มีบุคลิกแข็งและสับสนในชีวิต เธอกล่าวว่า ที่ผ่านมาละครที่เธอแสดงนั้นล้วนเป็นประเภทหญิงสาวเพื่อนบ้าน มีรอยยิ้มที่จืดๆ บุคลิกที่เรียบๆ แต่เย้ออ้ายในครั้งนี้นั้น ในใจของเธอนั้นมีทั้งไฟและน้ำแข็งมารวมกัน ต่อหน้าคนที่รัก เดี๋ยวหัวเราะก็เปลี่ยนเป็นร้องไห้  “อารมณ์ของละครเรื่องนี้นั้น ฉันจำเป็นต้องปรับอารมณ์ทั้งหมดของอวัยวะในร่างกาย มิฉะนั้น ฉันก็จะไม่สามารถแสดงอารมณ์ของเซิ่นหันชิวออกมาได้ พูดจริงๆ การทุมเทอารมณ์ความรู้สึกต่อละครเรื่องนี้นั้น มันเยอะแยะมากกว่าละครที่ฉันเคยแสดงมาทั้งสิบเรื่องมาร่วมกัน เนื้อเรื่องกับตัวบทละครนี้เป็นบทที่ฉันชื่นชอบที่สุดนับตั้งแต่ที่เคยได้รับบทมา ก็เหมือนกันกับโหย่วเผิง ฉันเองก็ไม่กล้าเชื่อเหมือนกัน ฉันแสดงผ่านมาได้ไงก็ไม่รู้”  แล้วเธอยังกล่าวต่ออีกว่า “มันอาจจะเป็นอย่างที่ผู้กำกับฝ่านได้เคยพูดไว้ว่าสมองเขาไม่ดีแล้ว มิเช่นนั้นแล้วเนี่ย เขาจะมาสร้างละครที่พิเรนอย่างนี้ได้อย่างไร

ละคร ตั้งแต่ 4 เมษายนนั้น  27 ตอนนั้นได้ทยอยออกอากาศตามสถานี ยูนาน, จี่หลิน, ซูโจว เสียซี,เป็นต้น



ภาพงานโปรโมทซีรีย์-เย้ออ้าย ที่ซูโจวค๊ะ ผู้กำกับ-ฟานเสี่ยวเทียน, ซูโหย่วเผิ ง และ หันเสวี่ย








prattana:
2009-4-21 8:52:00 


(เย้ออ้าย) จะออกอากาสทางสถานีหยูนานในวันที่ 24  วันนี้โหย่วเผิงไปโปรโมทที่เมืองคุนหมิง

เวลาที่แถลง 20 เม.ย. 2009

หนังเรื่อง(เย้ออ้าย)ที่นักแสดงพระเอกโหย่วเผิงกับนางเอกหันเสวี่ย ได้แสดงนั้นจะเริ่มออกอากาสในวันที่ 24 ของสถานีหยูนานทุกวันและวันละสามตอน ละครเรื่องนี้นั้นได้แตกต่างจากละครเรื่องเดิม จะออกแนวไปทางของนักจิตวิทยาคนหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นสงครามจิตวิทยา และสามารถจะเห็นได้ถึงการเปิดเผยออกมาของคนในท้องถิ่น สามารถที่จะกล่าวได้ว่าละครเรื่องนี้จะเป็นละครจิตวิทยาเรื่องแรกของจีน วันนี้โหย่วเผิงพระเอกในละครจะไปโปรโมทเริ่มออกอากาศ  ละครเรื่องนี้ที่เมืองคุนหมิง ครั้งนี้นั้นโหย่วเผิงได้แสดงในแนวที่ต่างจากอดีตที่รับแต่บทที่ภาพลักษณ์ดีมากลายเป็นคนหนึ่งที่เป็นโรคจิต ได้รักกับเสิ่นหันชิวที่รับบทโดยหันเสวี่ยอย่างลืมตาไม่ขึ้น ได้รับความสับสนจากความบ้าคลั่ง ความรัก ความระแวงหลายอย่างนั้น โหย่วเผิงแสดงบทความรักที่สับสนจับต้นชนปลายไม่ถูกอย่างนี้ได้เป็นอย่างดี และทีมงานต่างก็ทึ่งและชมเชยการแสดงของเขา แม้กระทั่งผู้กำกับฝ่านยังหยุดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม “จากผลงานของเขามันกล่าวแก่ผมว่า เขาเป็นคนที่มีสปีริตจริงๆ”

20  เม.ย.  2009 รายงานข่าวจากสถานียูนาน . 24เม ย สถานียูนานจะออกอากาสละครเย้ออ้ายที่โหย่วเผิงและหันเสวี่ยได้แสดงเพื่อผู้ชมทุกท่าน

จากเจ้าชายในวังเป็นเป็นผู้ป่วยทางจิต จากภาพลักษณ์เจ้าหญิงสลัดมาเป็นหญิงสาวบ้าคลั่ง โหย่วเผิงกับหันเสวี่ย ได้ลสัดภาพลักษณ์เก่าในละครเรื่องเย้ออ้าย ได้ร่วมแสดงเรื่องที่ผิดปกติบวกกับความรัก ละครเรื่องนี้นั้นได้เอ่ยถึงสมัยเริ่มแรกของการสร้างราชอณาจักร หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งที่รักในสังคมนิยมได้ทำลายอำนาจ ได้มีการประลองกำลังทั้งในที่มืดและที่แจ้ง นางเอกหันเสวี่ยที่ลสัดคราบของความเป็นผู้มียศศักดิ์รับบทเป็นหญิงโสเภณี เซิ่นหันชิวที่สูงศักดิ์ หนักแน่น อารีย์ ไม่เพียงแต่จะได้รับหน้าที่ในการต้องไปทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ยังต้องมีฉากที่ไปมีความรักที่ทั้งสูขทั้งน้ำตากับหมิงเทาที่โหย่วเผิงรับบทอย่าง ในเรื่อง ทั้งสองคนล้วนมีผลงานที่ดี จนได้กลายเป็นจุดสนใจของทั้งเรื่อง มันคุ้มค่าแก่การรอคอยจริงๆ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version