381
Magazine Interviews-China / 2007 Big Star China Autopictorial
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 09:42:43 AM »Big Star China Autopictorial 7 กรกฏาคม 2007
อายุ 15 , ในวัยที่ทางด้านจิตใจปัญญาที่ยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วนก็ได้เข้าสู่จุดสุดยอดของชีวิตก่อน ได้เผชิญวันแห่งความรุ่งโรจน์ด้วยตัวเอง จากนั้นก็เริ่มแสดงแบบเป็นจริงของ(The Truman Show) ไม่ว่าจะเป็นบนเวที่หรือนอกจอ ล้วนชอบสวมหน้ากากไปแสวงหาเลนส์กล้องที่มีทุกหนทุกแห่ง
เขาได้ไว้หนวดคราว เอาผิวตากแดดจนเป็นสีน้ำตาลแก่ เมื่อยิ้มขึ้นมาข้างตาปรากฎลายย่นที่เห็นได้ง่าย ทำให้ใบหน้าอย่างเด็กๆแสดงออกถึงการไม่ประกอบของการที่ได้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน วัยรุ่นที่คลุมเคลือในอดีตถูกกาลเวลาเปลี่ยนแปลง แต่การเริ่มงอกของความรู้สึกในจิตใจวัยหนุ่มนั้นกลับเข้มแข็งมาตลอด
ปีหนึ่งที่ผ่านไป เขาได้ปฎิเสธสัญญาหนังที่นับไม่ถ้วน ไปแสดงหนังที่รายได้น้อย ให้ตัวเองพักผ่อนอีกเป็นเวลาราวครึ่งปี แล้วกลับต้าจือกงส่อไท่ต้าไปเรียนคอร์ดการออกแบบระยะสั้น ได้วางภาระที่เป็นดาราขวัญใจ เปิดเผยถึงตนเองมีความสัมพันธ์ที่หนักแน่น
ขณะที่ได้ผ่านประสบการณ์ที่ขึ้นลงลอยจมอย่างนั่งในนภากาศ 18 ปี และสภาพจิตใจที่ดีบ้างร้ายบ้าง แห่งวัย 33 ปี .... เริ่มใช้ชีวิตที่ตนเองตามใจปรารถนา
มีให้ถึงได้รับ
สามารถเป็นดาราขวัญใจตั้ง18ปี ไม่ได้พึ่งในรูปโฉม เสียงร้อง หรือบทบาทใดๆ แต่เป็นบุคลิกเสน่ห์ที่ดึงดูดที่เขามีอย่างเหลือล้นอย่างแน่นอน
ดูจากภายนอก เขาเป็นคหบดีที่ไรที่ติ มารยาทดีงาม วาจานอบน้อม แต่ก็ไม่สามารถปิดคลุมความเป็นผู้สู้ศักดิ์ เวลาสัมพาษณ์นั้น ตาจะเพ่งจ้องมาที่คุณ ให้คุณรู้สึกว่าคุณเป็นผู้สำคัญ สิ่งที่ให้คนอื่นฝังใจที่สุดคือ เขายังเป็นผู้ที่คล่องสุดๆ คำพูดที่คล่อง ท่าทางที่คล่อง เหมือนว่าทุกอย่างในตัวนั้นถูกย่อให้กะทะรัด
ซูโหย่วเผิงในตอนนี้ ก็เหมือนเขาได้ขับขี่ความเร็วที่สูงมาก ด้านหนึ่งสืบช่วงความสูงศักดิ์ที่รวดเร็วของภายนอก อีกด้านก็เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะที่ว่องไว สามารถข้ามป่าดง ข้ามสายน้ำ ข้ามชุมชน รับการท้าทายแทบทุกลักษณะของภูมิประเทศ ทางภาพลักษณ์แต่กลับไม่มีการเหมือนอย่างการแข่งรถเร็วที่ต้องใช้แรงมาก แสดงออกถึงท่วงทำนองอย่างชายผู้จิตแข็งแรงจนองอาจกล้าหาญแบบตรงๆ แต่ภาพที่แสดงออกเป็นความแข็งเกร่งที่มีความอ่อนนุ่มประทับใจ
เขาใช้รถมาเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาในการเปลี่ยนแปลงของตังเอง วัยสิบแปดปีที่มีรถคันแรกที่น่ารัก ยี่ห้อ "โตโยต้า" ก็เหมือนสมัยนั้นนับจาก “ไกวๆไผ”ของซูโหย่วเผิง ใช้ทนมั่นคง ราคาดี แต่เมื่อมองขึ้นไปก็ไม่ค่อยงาม ขาดท่วงทำนอง
ที่จริงสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นลักษณะภายนอก ตลอดเวลาผมยากจะทรยศ สำหรับตัดเอาเรื่อง "ไกวๆหู่" นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการเรียน เพราะในตอนนั้นที่ผมเรียนเป็นโรงเรียนมัธยมที่ยอดเยี่ยมของไต้หวัน และแล้วให้ตั้งเป็นแบบอย่าง เป็นภาพลักษณะที่เพียบพร้อมไร้ที่ติ ในตอนที่ผมก่อให้เกิดค่านิยนนั้น ก็เหมือนดั่งไม้ที่แตกหน่อ ที่ยังไม่ได้ยืดกิ่งใบของตัวเองออกไปอย่างเต็มที่ ก็ต้องถูกการกดดันจากภายนอก กดขี่ให้ผมเติบโตอย่างปกติ โตเป็นคนที่ดีในหัวใจของชาวจีนทุก
ที่เขาชอบคือ "เหยากวุ่นเล่อ" แต่จำต้องร้อง (หูเตี๋ยเฟย) และ (หงชิงถิน) เพราะวัยและภาพลักษณะของคุณ ทางบริษัทก็ไม่ยอมให้คุณไปทำอย่างอื่น ระยะเวลานั้น ความขัดกันและความขัดแย้งนั้นมันเกิดขึ้นในใจผมอย่างรับไม่ไหว
ม.4ก็เริ่มเข้าสู่ "วงเสี่ยวหู่ตุ้ย" เพราะการฝึกซ้อมและการแสดงของวงนั้นทำให้การเรียนต้องล่าช้าสองปี แต่เขาได้ผลการสอบที่ห้าทั่วไต้หวัน สอบเข้าโรงเรียนที่มีชื่อในไต้หวัน ใครจะคิดถึง เขาในวันที่ไม่สามารถรับภาระนั้นได้แบกภาระหน้าที่ที่หนักหน่วงมาก สิ่งที่เขาได้ทุ่มเทแรงกายใจทั้งหมดไม่เพียงแต่เพื่ออนาคตเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นทำเพื่อเป็นแบบอย่างกับคนอื่น จะไม่ให้ความคิดผิดหวังของพวกเขาจนเขามาสร้างสิ่งที่เป็นปฎิหาริย์
ประมาณวัยยี่สิบ ซูโหย่วเผิงได้เปลี่ยนรถที่ในสมัยนั้นเป็นของคู่ไฮโซอย่าง "บีเอ็มดับบิว" ในสมัยนั้นที่ประสบผลสำเร็จอย่างเขา ชอบฟุ่งเฟื้อ รักกระพือข่าว ชอบซิ่งรถ สนุกกับการท้าท้าย ชอบส่งเสียงดัง และก็ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนกับความโดดเดี่ยว
ทุกวันเลิกเรียน ขับรถผ่านหน้านักเรียน ดูพวกเขากอดคอเดินไปด้วยกัน ก็อิจฉาอย่างยิ่ง สมัยมหาลัยผมไม่ได้เข้าชุมนุมอะไร มีเพื่อนน้อยมาก ในวัยยี่สิบสิ่งที่ผมต้องการคือชีวิตที่ธรรมดา อยากจะเป็นบ๋อยในร้านอาหารหรือขายของข้างถนน สำหรับทุกคนแล้วธรรมดาคือการได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับผมแล้วมันเป็นสิ่งที่ล้ำค่า
ยี่สิบเอ็ดปีในมหาลัยปีสามนั้น เป็นเด็กดีซูโหย่วเผิงเป็นเวลาหกปี กลับเลือกทำในสิ่งที่ให้ผู้อื่นต้องสลดใจ ได้ปล่อยปริญญาที่ได้อย่างง่ายๆ ทุ่มทั้งกายใจสู่วงการบันเทิง
มันเป็นการตัดสินใจที่ยากจริงๆ ขัดแย้งในใจมาก ยิ่งดังก็ทำให้ผมยิ่งเรียนไม่รู้เรื่อง การเรียนผมไม่ได้เรื่องก็อาจทำให้หลายคนไม่ชอบผม สองอย่างนี้มันอยู่ด้วยกันและมันขัดแย้งกัน แต่ผมก็รู้จักว่าชีวิตคนจำต้องมีการให้ก่อนถึงจะได้รับ เรื่องในโลกไม่มีเรื่องที่สมบูรณ์แบบทั้งสองเรื่องในเวลาเดียวกัน หลักการพื้นฐานทั่วไปคือ คิดให้ตกว่าสิ่งที่คุณต้องการนั้นแท้จริงคืออะไร