ALL About Alec SU YOU PENG | รวบรวมผลงานของ ซูโหย่วเผิง > How Well do You Know Alec Su?

[ซูโหย่วเผิง]- Kodak-Su Youpeng Shanghai Concert 2002

(1/9) > >>

Alec Love Me:
[2002.03.22] Kodak-Su Youpeng Shanghai Concert 2002
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.888868027890709.1073741874.100003025613301&type=3&uploaded=18

苏有朋2002年上海演唱会
http://tieba.baidu.com/p/2326863614
https://www.facebook.com/AlecfanclubinThailand/posts/1187296264642198

https://www.youtube.com/v/?list=PL8B01188614F3D955&v=N1VzeIWR5_E
วันที่ 22 มีนาคม 2002 คอนเสิร์ตครั้งนี้ชื่อว่า Kodak-Su Youpeng Shanghai Concert 2002

แฟนเพลงล้นหลามในคอนเสริต์ครั้งแรกของ "ซูโหย่วเผิง" สำหรับคอนเสริต์ครั้งแรกของหนุ่มคนนี้จัดขึ้นที่เซี่ยงไฮ้ แฟนเพลงและแฟนละครจากที่ต่างๆ พากันบินมาให้กำลังใจและชม คอนเสิร์ตครั้งนี้ กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ไม่ว่าจาก อเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น มาเลเ...ซีย สิงคโปร์ อังกฤษ ยูไรปฯล

แถมยังมีแขกรับเชิญพิเศษที่เรียกน้ำตาจากคนไปดูคอนเสริต์ครั้งนี้ได้อีก นั่นคือ อดีตสมาชิกวงเสี่ยวหู่ตุ่ย 2 คน "อู่ฉีหลัง" และ "เฉินจือเผิง" ไปร่วมร้องเพลงที่พวกเขา 3 คนเคยร้องกันเมื่อยังเป็นวงเสี่ยวหู่ตุ้ยด้วย และคนที่ไปดูคอนเสิร์ตนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "โหย่วเผิงเซ็กซี่มากเลย" เพราะว่างานนี้เขาทุ่มเทสุดตัวเรียกว่า ร้อง เต้นกันสุดฤทธิ์ แค่ชุดแต่งตัวขึ้นเวทีก็เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆได้แล้วค่ะ ^_^

2002上海演唱会上海演唱会(TV版)
http://www.tudou.com/programs/view/po7gaPzhPRg/?resourceId=0_06_02_99?fr=2

2002上海演唱会全版
http://www.tudou.com/programs/view/t6NycmjZfnA/?fr=rec1

2002 一场真正意义上的演唱会

http://www.tudou.com/v/xWPO6J0MVVk/

http://www.tudou.com/programs/view/CHvl-SmeVI0/

Alec Love Me:


ซูโหย่วเผิง กับคอนเสิร์ตครั้งแรกที่เซี่ยงไฮ้ หลังเข้าวงการมา 14 ปี
คืนนี้ขอมันส์ให้สุด

ภาพ: เฉินเหอ ผู้ขอตายในความแซ่บของหมูกระทะหม่าล่า
เนื้อหา: เสี่ยวจิ่น ผู้หวังเปลี่ยนสไตล์ตัวเอง และ ไค่เซิน แฟนคลับฮ่องกงของ โหย่วเผิง

   “การทำฝันให้เป็นจริง การเปิดคอนเสิร์ตนอกจากจะเป็นความฝันของนักร้องทุกคน แต่สำหรับผม มันยังเป็นพิสูจน์ และ เอาชนะตัวเอง !!! ผมอยากพิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่า ซูโหย่วเผิง ทำได้มากกว่าที่คุณเห็น!!!!”เขาพูดในตอนท้ายสุดของคอนเสิร์ต หลังจากที่ได้ดูคอนเสิร์ตครั้งนี้แล้ว ผมอยากบอกกับ ซูโหย่วเผิง แล้วแฟนคลับของเขาว่า ในค่ำคืนนี้ เขาทำมันได้แล้วจริงๆ!ไม่ว่าจะเป็น 14 ปีที่แล้ว หรือในตอนนี้ ความฝันของเขา ความภาคภูมิใจของเรา เขาทำให้มันเป็นจริงหมดแล้ว   ด้วยความรักที่มีต่อแฟนคลับ เขาได้จัดงานมิตติ้งขึ้นที่ เซี่ยงไฮ้ สเตเดี่ยม ที่สามารถจุคนได้เป็นหมื่น ก่อนหน้าคอนเสิร์ตจริง 1วัน มีแฟนคลับผู้โชคดีที่ซื้ออัลบั้มของเขามากกว่าร้อยคนมีโอกาสได้เข้างานมิตติ้งครั้งนี้ ภายในงานได้จัดแฟนๆมีโอกาสถ่ายรูปกับ โหย่วเผิง แต่ว่าภายในงานค่อนข้างวุ่นวาย คนที่ไม่ได้ถ่ายรูปทนไม่ไหวและแย่งกันเข้าใกล้หน้าเวที เพื่อรอถ่ายรูป โหย่วเผิง เองก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ตะโกนขอร้องให้แฟนๆช่วยทำตามกฎ !แต่ถึงยังไงแล้ว โหย่วเผิง ก็รู้สึกมีความสุขกับการได้ใกล้ชิดกับแฟนๆ เห็นเขายิ้มไม่หุบเลยล่ะ เขาบอกว่า “นี่คือเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์  พวกคุณเสียเงินบินมาจากต่างถิ่นเพื่อมาดูผม คงลำบากกันมากเลยครับ ” 

   “ผมหวังว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้จะเป็นคอนเสิร์ตที่มันส์ที่สุด ชุดในคอนเสิร์ตก็เซ็กซี่มากขึ้น ชุดวันนี้ชิดซ้ายไปเลย เพราะว่าคืนนี้เราจะซ้อมใหญ่กันอีกครั้ง และต้องพักผ่อนกันเร็วหน่อย ฉะนั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับทุกคน”พูดจบ ซูโหย่วเผิงก็กลับไปซ้อมต่อเลย ผมยืนอยู่หน้า ยิมเนเซียม เซี่ยงไฮ้ ได้ยินเสียงเพลงของโหย่วเผิง ยืนฟังอยู่ซักพัก เวลาล่วงเลยมาถึง 3ทุ่มแล้ว ระหว่างทางที่ผมเดินกลับโรงแรม ยังคงได้ยินเสียงเพลงอันไพเราะของ โหย่วเผิง แว่วมาจากที่ไกล และลอยวนอยู่บนท้องฟ้าเหนือนครเซี่ยงไฮ้

   ฉบับสายไฟ

   การออกแบบคอนเสิร์ตของ ซูโหย่วเผิง ครั้งนี้ ได้ใช้ทั้งอุปกรณ์และการออกแบบเต็มชุดจากคอนเสิร์ตที่เซี่ยงไฮ้ของ หลิวเต๋อฮวา แสงไฟหลากสีส่องกระทบบนเสาสีเงินบนเวที เมื่อผมนั่งลงกับที่ของตัวเอง ผมรู้สึกมาแสงวาบหน้าผม ความรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน ใจของผมเต้นแรงไปตามเสียงดนตรี ผมรู้ว่าผมกำลังจะได้สัมผัสกับการเซอร์ไพรส์ของ โหย่วเผิง ภายใต้เวทีที่อลังการไปด้วยแสงสีกับจังหวะเพลงมันส์ โหย่วเผิง มาในชุดเซ็กซี่ เสื้อซีทูกับกางเกงเอวต่ำ และแว่นดำ พร้อมระเบิดมันส์ เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นบนเวที แฟนคลับล่างเวทีส่งเสียงกรี๊ดฮือฮาขึ้นมาทันที นี่ถือประสบการณ์ครั้งแรกสำหรับผม เขาเริ่มเพลงเปิดด้วยเพลง “ลัทธิความสุข” แสดงให้เห็นเสน่ห์ในมุมผู้ใหญ่ของเขา จากนั้นก็เปิดเริ่มต้นด้วยการแดนซ์ 

Alec Love Me:


ฉบับอบอุ่น

ตอนที่ โหย่วเผิง ร้องถึงเพลง “รอให้ถึงวันนั้น”เขาบอกว่า “นี่เป็นเพลงเก่าเพลงแรกหลังจากจากผมแยกวง ในที่สุดเราก็รอคอยจนถึงวันนี้ รู้สึกเหมือน 18 อีกครั้งกันรึเปล่าครับ?” “มีเพลงอีกเพลงชื่อ ‘นกซีเกิลแห่งสวรรค์และพื้นดิน’ เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ผมชอบมาก เป็นเพลงที่ให้กำลังใจผมในวันที่ต้องเจออุปสรรค์ ไม่ว่าพวกคุณจะเคยฟังเพลงนี้มาก่อนหรือไม่ ผมก็ขอมอบเพลงนี้ให้คุณครับ”………..เมื่อเพลงจบลง โหย่วเผิง เปลี่ยนชุดเป็นชุดขาวสุดคูล ขับร้องเพลงของ เสี่ยวหู่ตุ้ย ที่เติบโตมาพร้อมเรา----“แมงปอสีแดง”“ผีเสื้อน้อยโบยบิน”“วิมานแอปเปิ้ลเขียว”“เดทของดวงดาว”ความรู้สึกตอนนี้ผมเหมือนย้อนเวลาได้ ได้กลับสู่อ้อมกอดเสียงเพลงของ เสี่ยวหู่ตุ้ย อีกครั้ง แต่พอตั้งใจฟังอีกครั้ง ตอนนี้มีแค่เสียงร้องของ ซูโหย่วเผิง คนเดียว เพลงที่ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบใหม่นี้ ไม่ใช่เพลงเก่าเพลงนั้นแล้ว ยุค เสี่ยวหู่ตุ้ย กลายเป็นความทรงจำที่งดงามไปแล้ว! พอมาถึงเพลง“ปล่อยใจไปโบยบิน”โหย่วเผิง บอกว่า “เพลงๆนี้ เป็นเพลงที่ความทรงจำดีๆมากมายเกินจะลืมเลือนได้ ตอนนั้นผมยังเด็ก จื้อหมิง จะไป เสี่ยวหู่ตุ้ย จำเป็นแยกจากกัน ในคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของเรา ผมร้องไห้เหมือนเด็กเลย จนถึงตอนซ้อมคอนเสิร์ตครั้งนี้ ผมยังรู้สึกซึ้งทุกครั้งที่ได้ยินเพลงนี้”เขาร้องเพลงนี้พร้อมกับน้ำตารินไหล แฟนคลับด้านล่างก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เหมือกนกัน เขาบอกว่า “มันคงจะดีมากเลย ถ้าตอนนี้มีพวกเขาอยู่ด้วย………….”

   เมื่อดนตรีเพลง“ดวงดาวยังคงสว่างไสว”ดังขึ้น สมาชิกวง เสี่ยวหู่ตุ้ย----อู่ฉีหลงและจื้อหมิง ปรากฏตัวขึ้นบนเวที และค่อยๆเดินเข้าหา โหย่วเผิง โปรเจคเตอร์บนเวทีเริ่มฉากรูปสมัยที่พวกเขายังเป็น เสี่ยวหู่ตุ้ย แฟนคลับนับหมื่นซาบซึ้งไปกับช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ พวกเขาจับมือด้วยกันแล้วโบกมือให้แฟนคลับ วินาทีนี้ผมร้องไห้เหมือนคนบ้า ซูโหย่วเผิงพูดต่อว่า “พวกคุณรู้ไหม มันยากขนาดไหนกว่าจะเชิญคนดังสองคนนี้มาได้ อู่ฉีหลง มีถ่ายละครที่เซี่ยงไฮ้ จื้อหมิงมีงานละครดนตรีที่อเมริกา” อู่ฉีหลง และ จื้อหมิงบอกว่า“นี้เป็นโอกาสที่หายากจริงๆ เมื่อกี้ตอนได้ยิน โหย่วเผิง ร้องเพลงของ เสี่ยวหู่ตุ้ย มันเหมือนว่าเราได้กลับสู่วันเวลานั้นอีกครั้ง คืนนี้เป็นคืนที่พิเศษมากสำหรับพวกเรา เราไม่ได้ร้องเพลงด้วยกันมา 6-7 ปีแล้ว ผมต้องขอขอบคุณ พี่เหมียวและทางบริษัทของโหย่วเผิงมากเลยนะครับ ที่ทำให้เรามีโอกาสนี้”อู่ฉีหลง เป็นแขกรับเชิญร้องเดี่ยวคนเดียวในคืนนั้น เขาได้มอบเพลง“ขอให้โชคดีตลอดทาง”กับ โหย่วเผิง น้องสุดท้องของ เสี่ยวหู่ตุ้ย ถึงแม้จะวันเวลาวัยรุ่นที่สดใสจะผ่านไปแล้ว แต่ เสี่ยวหู่ตุ้ย ในความทรงจำของพวกเราอย่างคงงดงามไม่เปลี่ยนแปลง

Alec Love Me:


ฉบับรักเผ็ดร้อน

ต่อมาเป็นช่วงของละครเวที ซึ่งเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากในงานคอนเสิร์ตทั่วไป แสดงให้เห็นถึงความสามารถทั้งทางการร้องและการแสดงของ ซูโหย่วเผิง เป็นการประสานกันระหว่างคอนเสิร์ตและละครเวทีได้อย่างลงตัว โหย่วเผิง เลือกร้องเพลงรักสดใสอย่าง “ซานลี่ตุน”“ จีบสาว”“คุณหนูใหญ่”และเพลงรักหวานซึ้งอย่าง “ยังคงรักคุณ”เขาและทีมงามร่วมแสดงละครเวทีออกมาได้เต็มที่ ฉีกภาพลักษณ์ “ไกวไกวหู่”ไปอย่างสิ้นเชิง จนบางครั้ง ผมคิดว่าเขาคือ พระเอกโรแมนติก จางกว๋อหย่ง ซักอีก ฝีมือด้านการแสดงของ โหย่วเผิง นั้นเยี่ยมมากเลยทีเดียว ตอนนี้ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก คอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ

ฉบับรักโรแมนติก

การร้องเพลงประกอบละคร แสดงถึงประสบการณ์อีกระดับหนึ่งในวงการของ โหย่วเผิง ตอนที่ โหย่วเผิง ร้องเพลง“เมื่อ….”“มนต์รักกลางสายฝน”“อยาก”“ดวงจันทร์เป็นตัวแทนหัวใจฉัน”โปรเจคเตอร์บนเวทีเริ่มฉายรูปคู่หวานๆของเขากับ เสี่ยวเหยี่ยนจื่อ และหยูผิง พอเขาหันไปมองแล้วก็ได้แต่หัวเราะเขินๆ ที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยมีโอกาสได้ร้องเพลงประกอบละครพวกนี้มากนัก เขาบอกว่า “เพลง ‘อยาก’เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ผมชอบมากเหมือนกัน ตอนนี้ผมขอมอบเพลงนี้ให้พวกคุณครับ”เพลง“อยาก”ในเวอร์ชั่นของโหย่วเผิง แตกต่างจาก จ้าวเวย โดยสิ้นเชิง ต่างกันเหมือนเหล้าไอริชกับเต้าฮวยเจียงหนาน เสียงของ ซูโหย่วเผิง ทั้งสุขุม นุ่มลึก มีเสน่ห์ดึงดูดชวนเคลิ้ม ทำให้คนที่ไม่ชอบเพลงนี้อย่างผมยังหลงรักเลยครับ “ผมเข้าวงการมา4ปี ผมมีเรื่องที่น่าอึดอัดเรื่องเดียวกับ หลิวเต๋อฮวา เพราะว่าคุณมักจะได้ยินคนชมว่าคุณหล่อ แต่เรื่องที่น่าผิดหวังที่สุดคือ ไม่เคยมีคนชมว่าคุณร้องเพลงได้ดีเลย”โหย่วเผิงพูด ตอนนี้เสียงปรบมือดังรัวจากผู้ชม เพื่อให้กำลังใจที่ยิ่งใหญ่กับเขา ภายใต้การแสดงร่วมกับของมือกีต้าร์สองคน โหย่วเผิง ได้พิสูจน์ให้เห็นถึง ความสามารถและฝีมือด้านการร้องเพลงของเขา เขาถ่ายทอดเพลง “เพื่อนโต๊ะข้างๆ”“จดหมายรัก” “เขาไม่รักฉัน” “พรมลิขิตภพหน้า”ออกมาใหม่ได้ลึกซึ้งมากกว่าเดิม ผู้ชมที่มาจากทั่วสารทิศต่างเคลิ้บเคลิ้มไปกับเสียงเพลงของเขา

โหย่วเผิง ต่อด้วยเพลง “คนที่ฉันรักยังห่วงใยฉันอยู่ไหม”“อารมณ์ดี”“ประสบการณ์รักครั้งแรก”“คุณคือนับเบอร์วันของผม”นำพาผู้ชมสู่จุดสูงสุดของช่วงท้ายคอนเสิร์ตในค่ำคืนนี้ เพลง“รัก”และคำว่า“แม่ครับ ผมรักแม่นะครับ”เป็นการปิดฉากของคอนเสิร์ตครั้งนี้อย่างสมบูรณ์ ภาพคุณแม่และน้องชายของซูโหย่วเผิงจากจากที่นั่งผู้ชม ถูกฉายไปยังโปรเจคเตอร์บนเวที ขณะนี้ ซูโหย่วเผิง บนเวทีน้ำตาไหลอาบแก้ม บอกลาแฟนๆนับหมื่น

   ถึงแม้ว่าคอนเสิร์ตเซี่ยงไฮ้จะจบลงแล้ว ซูโหย่วเผิง ไอดอลติดดินไม่ถือตัว ได้เข้าไปโพสต์ข้อความในเว็ปไซด์ของเขา “ขอบคุณกำลังใจจากทุกคน ขอบคุณที่มาร่วมสนุกกับเราในคืนนี้ คืนนี้ผมได้ปล่อยความเป็นตัวผมออกมาร้อยเปอร์เซ็นแบบไม่มีกั๊ก!!!แน่นอนว่าผมต้องขอบคุณบริษัทที่ให้โอกาสนี้กับผม ตอนนี้ไม่มีภาพลักษณ์เก่าอะไรที่ผมต้องรักษา!………ผมทำเพื่อตัวผมเอง ทำเพื่อพวกคุณ เพื่อหน้าที่และตอบแทนความรักที่พวกคุณมีให้ผม…….คอนเสิร์ตเป็นแค่การเริ่มต้นก้าวแรก หวังว่ามันจะเป็นการเริ่มต้นของ ซูโหย่วเผิง คนใหม่ คนที่สามารถเป็นตัวของตัวเองจริงๆ……..!!!”

   ถ้าหากว่าจะใช้คำพูดสามคำมาบรรยายถึงเด็กที่เพิ่งคลอดหลังตั้งครรภ์มา 14 ปี คงต้องใช้คำว่า “เชิดฉาย มีพลัง เก่ง”ในค่ำคืนนี้ เราเหมือนเติบโตไปอีกขั้น มีความสุขล้นหัวใจ พร้อมอ้าแขนรักซาตานน้อย โหย่วเผิง คนนี้ตลอดไป
   เบื้องหลังคอนเสิร์ต

1.   หลังงานฉลองปิดคอนเสิร์ต พอได้รับโทรศัพท์จาก จางเจิ้งเยี่ย โหย่วเผิง อู่ฉีหลงและ จื้อหมิง ก็ไปเที่ยวกันที่ เซี่ยงไฮ้ซินเทียนตี้ บาร์ที่พวกเขาอยู่ถูกล้อมรอบด้วยแฟนคลับโหย่วเผิงนับร้อย ทำเอาพวกเขาไม่กล้าออกจากบาร์เลย จื้อหมิง ดื่มจนเมา อู่ฉีหลง เลยทำหน้าที่แบกเขากลับโรงแรม ช่างเป็นพี่ชายที่น่ารักจริงๆ

2.   เพื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ โหย่วเผิง นอกจากสร้างเว็ปไซด์ของตนเอง www.suyoupeng.com. แล้ว เขายังได้ทำเสื้อยืดคอลเลคชั่นพิเศษสำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้อีกด้วย บ้านซูโหย่วเผิงเองก็ได้ถักผ้าพันคอสีเขียวสำหรับ ซูโหย่วเผิงและคุณแม่ของเขา ยังมีของพี่เหมียวด้วย เนื่องจากช่วงอากาศที่เซี่ยงไฮ้ค่อนข้างเย็น และสมาชิกก็มีเป็นของตนเองด้วย

3.   จ้าวเวย และ กู่จวี้จี ก็ได้มาให้กำลังใจคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของ โหย่วเผิง เช่นกัน นางเอกติดดินอย่าง จ้าวเว่ย มาในชุดสีขาวชิว กับแว่นดำเธอนั่งชมคอนเสิร์ตของเพื่อนสนิทอย่างตั้งใจ เมื่อ ซูโหย่วเผิง ร้องมาถึงเพลง “คุณหนูใหญ่”เธอก็จำเป็นต้องออกจากงานเพื่อไปร่วมงานประกาศรางวัลที่ เซินเจิ้น

4.   มีแฟนคลับหญิงใจกล้าคนนึง วิ่งขึ้นไปมอบดอกไม้ให้โหย่วเผิง กลางเวที โหย่วเผิง จูงมือเธอร้องต่อจนจบเพลง ปรากฏว่ามีแฟนคลับคนอื่นๆไม่พอใจและโยนแท่งไฟขึ้นมาบนเวที มีเสียงตะโกนเหมือนจะกลืนเธอลงไปให้ได้ แต่ทว่าเธอยังก็ดูมีความสุขเหลือเกิน


Alec Love Me:


ฉบับความทรงจำ

   เราได้พอกับ โหย่วเผิง ที่กำลังถ่ายโฆษณาที่ ปักกิ่ง เขาดูเหนื่อยล้าอยู่บ้าง พอพูดเรื่องคอนเสิร์ต โหย่วเผิง ดูตื่นเต้นและกระตือรือร้น โดยรวมแล้วเขาดูสดใสและมั่นใจ มีเสน่ห์แบบฉุดไม่อยู่ นี่คือ โหย่วเผิง ที่เชิดฉายอยู่กลางเวทีเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา อดไม่ได้ที่จะคุยกับเขาเรื่องความมันส์สุดเหวี่ยงของคอนเสิร์ตคืนนี้

Q:คอนเสิร์ตครั้งมีความหมายพิเศษต่อคุณอย่างไรบ้างครับ

   เป็นการเริ่มต้นของ ซูโหย่วเผิง คนใหม่ ไม่มีภาพลักษณ์เก่าอะไรให้ต้องพะวง และจะไม่หยุดพัฒนาต่อไป หวังว่าทุกคนจะลืมภาพลักษณ์เดิมไป แล้วเห็นผมในภาพลักษณ์ใหม่นี้ครับ

Q:คอนเสิร์ตครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่ไหนครับ

   ที่จริงเรายังไม่ได้ตัดสินใจครับ น่าจะเริ่มจัดเดือนกันยายน  มีประมาณ 4-6รอบครับ

Q:ช่วยพูดถึงการเตรียมตัวก่อนเปิดคอนเสิร์ตได้ไหมครับ

   ตอนแรกก็เริ่มฟิตร่างกาย เข้าฟิตเนส พักผ่อนให้เป็นเวลา ทานอาหารประเภทโปรตีน เพราะว่าต้องดูแลหุ่นด้วย ก็เลยต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน ทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ เช่น พวกไข่ต้ม ไก่ มันฝรั่ง ใส่แค่เหลือและไม่ได้ปรุงรสอย่างอื่นเลย ถึงจะไร้รสชาติแต่ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีเลยครับ ตอนที่เพิ่งฝึกเต้นก็ลำบากอยู่บ้าง เพราะว่าไม่ได้เต้นมานานมาแล้ว แรกๆหัวเข่าได้รับบาดเจ็บด้วย ก็เสียเวลารักษาไปช่วงหนึ่ง แต่ได้ยาที่เหม็นไร้ที่เปรียบเทียบชนิดหนึ่งจากฮ่องกง ใช้ไปไม่กี่ครั้งก็ดีขึ้นครับ

Q:อยากขอบคุณใครที่ทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้ประสบความสำเร็จครับ

   คนที่ต้องขอบคุณมีเยอะมากเลยครับ ผมคิดว่าผมเป็นคนโชคดีมากเลยนะ ผมเริ่มวางแผนอยากจัดคอนเสิร์ตตั้งแต่ปีก่อน แต่ก็ไม่มีโอกาสซักที พอตอนนี้เหมือนทุกอย่างจะราบรื่นไปหมด จัดงานใหญ่แบบนี้แน่นอนว่าต้องเจออุปสรรคมากเหมือนกัน ที่โชคดีคือไม่ว่าจะเจอกับอุปสรรคหรือปัญหาอะไร ก็มีคนค่อยช่วยเหลืออยู่เสมอ สุดท้ายทำได้ดีกว่าที่ผ่านมาทุกครั้งอีก อย่างเช่น ชุดที่ใส่ในครั้งนี้ ในตอนแรก เราไม่สามารถจะเชิญหนึ่งในสองดีไซเนอร์ชื่อดังของฮ่องกง คุณ เคนเน็ธ มาได้ แต่ภายหลัง คุณเคนเน็ธ ก็มาช่วยเราโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆเลย ผลงานก็ออกมาดีมากๆ คนที่ต้องขอบคุณมีมากเลย ที่ทำให้ทุกอย่างออกมาดีขนาดนี้ และยังต้องขอบคุณเขาทั้งสองคน อู่ฉีหลงและ เฉินจื้อหมิง ที่พวกเขายอมทิ้งงานมาคอนเสิร์ตของผม

Q:ทำไม หลินซินหยู กับ จ้าวเวย ไม่ได้มาละครับ

   ตอนแรก จ้าวเวย ก็ตอบตกลงว่ามาได้ คือตอนแรกเลยเรากะว่าจะจัด วันที่5 เดือนมกราคม เดือนแห่งวันตรุษจีนตามปฏิทินจีน ภายหลังก็ได้เลื่อนไปอีก 1 เดือน ทำให้เคลีย์เวลาไม่ได้ ซินหยู เองที่จริงถ่ายละครที่เซียงไฮ้พอดี ตอนแรกคิดว่าคงมาได้ ก่อนหน้าคอนเสิร์ต1วันเรายังเตรียมที่นั่งสำหรับเธออยู่เลย แต่ปรากฏว่าฝนตกทั้งวัน เธอเลยต้องถ่ายละครทั้งวัน เลื่อนไม่ได้แล้วจริงๆ

Q:คอนเสิร์ตครั้งนี้ทำไมถึงกล้าเซ็กซี่ขนาดนี้ครับ

ผมคิดว่าก็ไม่ได้เยอะมากนะ ผมเคยบอกว่า ผมชอบการเปลี่ยนแปลง ผมอาจไม่เหมือนตามที่หลายคนคิดไว้ แต่ว่าก็ไม่มีใครรู้ เพราะผมถูกมองในภาพลักษณ์ของ “ไกวไกวหู่”ตลอด ที่จริงแล้วครั้งนี้บริษัทไม่มีข้อจำกัดอะไรกับผม นี่เป็นความคิดของผมเองทั้งหมด ผมคิดว่านี่คือตัวตนแท้จริงของผม และผมสามารถทำเรื่องพวกนี้ได้ ทั้งความเซ็กซี่ ความร็อค และความเป็นแบดบอย ผมไม่กังวลเรื่องที่แฟนคลับจะรับได้หรือไม่ ถ้าคุณมาดูผมโดยหวังว่าผมจะคงภาพลักษณ์เก่าไว้ ผมก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่ผมไม่กลัวว่าคุณจะยอมรับในตัวผมหรือไม่ เพราะผมยืนหยัดที่จะทำอย่างนี้ ที่จริงแล้วผมว่าแฟนคลับสามารถรับได้มากกว่าที่เราคิดไว้อีก ผมหวังอย่างยิ่งว่าผมจะกลับไปเป็นตัวผมให้มากที่สุด และคิดว่าผมสามารถทำมันได้ ผมอยากทำปาร์ตี้มันส์ๆ ไม่ใช่แนวการมิตติ้งแฟนคลับ ฉะนั้นผมตั้งใจทำมันเต็มที่

Q:เพลงไหนที่คิดว่าทำให้เราซาบซึ้งที่สุด

   ตอนท้ายสุดที่ผมกล่าวขอบคุณแม่ผม ตอนนั้นผมรู้สึกซาบซึ้งที่สุด ส่วนตอนร้องเพลง น่าจะเป็นเพลง“ปล่อยใจไปโบยบิน”“ดวงดาวยังคงสว่างไสว”และตอนร้อง“เพื่อนโต๊ะข้างๆ”“เขาไม่รักฉัน”ก็รู้สึกซาบซึ้งเหมือนกัน

Q:จุดไหนในคอนเสิร์ตครั้งนี้ที่คิดว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดครับ

   ตอนที่ผู้ชมอินไปกับเราครับ เป็นผลลัพธ์ที่ผมคาดหวังไว้แต่แรกเลย เพราะทุกคนมันส์และสนุกไปกับเรา

Q:ผมเห็นมีแฟนคลับพิเศษมาให้กำลังใจด้วย

   ครับ ผมซาบซึ้งมากเลยครับ ผมเรียกพวกเขาว่ากลุ่มญาติและเพื่อนสนิท ผมตะโกนบนเวที “ญาติและเพื่อนสนิทอเมริกาและแคนนาดา ญาติและเพื่อนสนิทไต้หวัน ญาติและเพื่อนสนิทฮ่องกง ”

Q:มีแฟนคลับบนเวทีทำให้แฟนๆไม่พอใจใช่ไหมครับ

   ตอนที่ผมร้องเพลงกับแฟนคลับผู้หญิงคนนั้น มีคนปาแท่งไฟขึ้นมาบนเวทีหลายแท่งเหมือนกัน ก็ไม่น่าจะมีอะไรมากครับ เพราะต่างฝ่ายต่างทำโดยไม่ตั้งใจ เพราะฉะนั้นผมก็ได้ทำเว็บไซด์ของผม ผมอาจจะสามารถทำให้พวกเขาสามัคคีมากขึ้นได้ ให้แฟนคลับต่างพื้นที่ได้รู้จักกันมากขึ้น

Q:ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อย้อนนึกถึงคอนเสิร์ต

   ตอนนี้ผมผ่านอารมณ์ความมันส์นั้นมาแล้ว และเริ่มย้อนคิดว่ามีส่วนไหนที่ยังทำไม่เต็มที่บ้าง ถึงแม้ว่าผมจะทำได้ดีกว่าที่ผมคิดไว้มาก แต่ผมคิดว่ามันยังไม่พอ และผมจะพัฒนาต่อไป เนื้อเพลงบางเพลงที่ไม่คิดว่าจะจำได้หมด แต่คืนนั้นผมกลับจำได้ราบรื่นเลย โดยเฉพาะเพลงของคนอื่นที่ผมเอามาร้อง อย่างเนื้อเพลงของเพลง“มนต์รักกลางสายฝน”ทั้งจำยากและมีการซ้ำหลายรอบ สำหรับผมแล้ว คอนเสิร์ตครั้งนี้ถือว่ามีความยากระดับหนึ่งเหมือนกัน ยังมีละครเวทีอีก ตอนซ้อมผมคิดว่าถ้าขึ้นเวทีจริง ผมอาจจะหลุดหรือลืมแน่ ฮ่าๆ  ผมคิดว่าผมเป็นพวก“เหมาะกับการแข่งขัน”ต้องอยู่ในสนามจริงเท่านั้นถึงจะทำออกมาได้ดีที่สุด ไม่เหมือนแบบบางคนที่อาจจะกลัวเวที ในวันที่ 21  มีนาคมผมซ้อมไปสองรอบ พอถึงวันคอนเสิร์ตจริง ผมเริ่มไม่มีเสียง วันนั้นทั้งวันผมไม่กล้าพูดเลย ตอนนั้นผมเองก็ไม่มั่นใจว่าจะทำออกมาดีไหม สตาฟมากประสบการณ์บอกกับผมว่า ที่จริงคอของผมไม่ได้บาดเจ็บ แค่เหนื่อยเท่านั้นเอง พอได้ขึ้นเวทีจริง ทุกอย่างจะออกมาดีเอง เอาแต่คิดมากมันน่าเบื่อนะ เหมือนที่เขาพูดไว้เลย ทันทีที่ก้าวขึ้นเวที ผมก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาทันที และพอทุกอย่างจบลง ผมรู้สึกว่า “ว้าว ในที่สุดก็จบแล้ว!จะไม่จัดรอบสองอีกแล้ว!”ความรู้สึกเหมือนเพิ่งสอบเสร็จหลังจากเตรียมสอบมานาน สิ่งที่ผมต้องอยู่ในสมองผมทุกวัน ตอนนี้มันจบลงแล้ว ดีใจมากครับ!

Q:หลังจบคอนเสิร์ตคุณจัดมือใหญ่ กินของที่ไม่ได้กินมานานรึเปล่าครับ   

   ในงานเลี้ยงจบก็ต้องขอบคุณคนนั้นคนนี้ ไม่ค่อยได้กินอะไรมากเท่าไหร่ ก็ยังชินกับการกิน พวกผักเขียว ถั่ว และอาหารที่ไม่มีน้ำมันเหมือนเดิม ยังไม่ชินกับการกินเนื้อเอยปลาเอย ตลกเหมือนกันครับ (Q:ได้ข่าวจื้อหมิงเมาด้วย? ) เขาไม่ได้มางานเลี้ยงนะครับ แต่ผมก็เมานิดนึงเหมือนกัน เพราะผมดื่มไม่เก่งอยู่แล้ว ตอนนั้นท้องก็ว่างด้วย ดื่มเบียร์ไปสองสามแก้วก็เมาแล้ว

Q:การรวมตัวกับเสี่ยวหู่ตุ้ยครั้งนี้ ต่างจากเมื่อก่อนอย่างไรบ้างครับ

   วิเศษมากเลยนะ เรายังคงเข้ากันได้ง่ายเหมือนเดิม รู้ตำแหน่งและคิวโดยไม่บอกส่งสายตาเลยด้วยซ้ำ ผมเดินมาทางนี้เขาก็รู้ว่าต้องเดินไปทางนั้น มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเลยครับ!

Q:การตั้งวงสมัยนี้ต่างกับสมัยของพวกคุณมากเลยนะครับ อย่าง F4

   ยุคต่างกัน แน่นอนว่าต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา พวกเขาเริ่มต้นได้ดีมาก แต่ละคนก็มีความสามารถ หวังว่าพวกเขาจะสามารถเป็นเหมือนพวกเรา เป็นเหมือนไอดอลของผม หลิวเต๋อฮวา จางเสวโหยว สามารถเดินบนเส้นทางนี้ด้วยความมั่นคงและไม่หยุดพัฒนาครับ

Q:รู้สึกอย่างไรกับการได้พูดคุยกับแฟนคลับทางอินเตอร์เน็ต

   ผมเล่นอินเตอร์เน็ตทุกวันเลย มีเพื่อนๆบางคนค่อยให้คำแนะนำผมทางเว็บไซด์ ผมเองก็ชอบกับการที่พวกเขาทำอย่างนี้ด้วย

Q:คุณได้ถ่ายโฆษณารองเท้าด้วยใช่ไหมครับ

   ผมหมดสัญญากับ คอนเวิร์ส แล้ว และได้เซ็นส์สัญญากับบริษัทรองเท้าในประเทศ “หมิงจู๋”(Ming zu) เพิ่งไปถ่ายทำกันที่ทะเลทราย ถ่ายออกมาได้เท่ และมีความเป็นเอกลักษณ์มาก ทางบริษัทเขามีไอเดียที่ดีมากจริงๆ

Q:ช่วยพูดถึงเรื่อง “ดาบมังกรหยก”ที่คุณกำลังถ่ายทำตอนนี้หน่อยครับ

   ผมว่ามีหลายอย่างที่ผมคล้ายกับ จางอู่จี้ นะครับ บางทีคุณอยากทำให้ทุกคนมีความสุข แต่อาจจะเป็นการคิดไปเองคนเดียว ความจริงแล้วจะทำให้ทุกคนมีความสุขกันหมดมันยากมาก แต่ว่าผมก็เด็ดขาดกว่าเขาครับ

Q:ตอนนี้ตั้งใจจะเน้นทำงานที่แผนดินใหญ่ใช่ไหมครับ

   เพราะละครอีกสองเรื่องที่เพิ่งรับมาต้องถ่ายที่นี่หมดเลย ใช้เวลาประมาณ 10 เดือนเลย ช่วงนี้ก็น่าจะอยู่ที่แผนดินใหญ่ตลอดเลยครับ

Q:ปีนี้คุณจะให้ความสำคัญเรื่องร้องเพลงหรือเรื่องการแสดงมากกว่ากันครับ

   ปีนี้ผมน่าจะเน้นที่ร้องเพลงมากกว่าครับ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version