ผู้เขียน หัวข้อ: 2010 ซูโหย่วเผิง จิตเดิมมีใจเมตตาเป็นนักการกุศล  (อ่าน 6182 ครั้ง)

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
  ซูโหย่วเผิง   จิตเดิมมีใจเมตตาเป็นนักการกุศล

30 - เมษายน - 2010

http://finance.ifeng.com/money/wealth/star/20100429/2125925.shtml
http://www.time-weekly.com/story/2010-04-29/106805.html




         เด็กผู้ชายคนนั้นได้ค่อยๆ เดิน ค่อยๆไปไกล   “เสี่ยวหู่ตุ้ย” เมื่อก่อตั้งปี 1988 เขาอายุยังน้อย   อายุ 15 ปี    ในราตรีฤดูใบไม้ผลิปีนี้(เทศกาลตรุษจีน)หวนกลับสู่เวทีขณะนั้น   พวกเรารู้สึกตื้นตันใจ “ผู้ชายอายุ 40”

       สำหรับความทรงจำของพวกเราที่มีต่อเขาภายใต้เวทีนี้   เสือเชื่อฟัง,  องค์ชายห้า ,  เตียบ่อกี้ ,  ไป๋เสี่ยวเหนียน . ได้มีชีวิตชีวา   กระโดดโลดเต้น   แสดงเหมือนจริง   สะกดผู้คน   ต่อมา  เขาต้องการให้พวกเราลืมทีละเรื่อง   เพราะท้ายสุดให้มีแต่ชื่อของเขา  “ซูโหย่วเผิง”  

         บัดนี้ เขา ได้เริ่มถอดรูปแบบพระเอกสดใสแสนดีออกแล้ว   ในสายตามีความเชื่อมั่นและแน่ใจมากกว่าหนึ่งส่วน    รอยยื้มบนใบหน้ามีจืดชืดและเวิ้งว้างมากกว่าหน่อย   เสียงมีสภาพการณ์เปลี่ยนแปลงไปและนุ่มนวลหน่อยๆ

       วัยรุ่นกล้าท้าทวนความฝันสิ่งนี้    นักสร้างกุศลจิตเดิมมีใจเมตตา   เวลานี้ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวที่เด่นสง่า    มีหลักอันครบถ้วนสมบูรณ์ของนักแสดง







        อ่านประวัติของเขา   พวกเราได้เข้าอกเข้าใจหรือไม่.......มีสิ่งของสิ่งหนึ่ง  เรียก ซูโหย่วเผิง

    “ เชื่อง “   ก็คือฝึกฝนขัดเกลา

    “นานมาแล้วผมไม่มีแบบ  ต้นแบบวัยรุ่น  อยู่บนเวทีต้องหล่อเท่ “    เมื่อนักข่าวสัมภาษณ์  (จากหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ยุคทันสมัย-บอกกล่าวเพื่อสุขภาพ )  ซูโหย่วเผิง  ก็เปิดอกพูดความรู้สึกที่ได้รับในราตรีฤดูใบไม้ผลินี้(เทศกาลตรุษจีน)

“เสี่ยวหู่ตุ้ย” ขึ้นเวทีโชว์ตัวจรัสจ้าในราตรีฤดูใบไม้ผลิปีนี้(เทศกาลตรุษจีน)    พวกเขาทั้งร้องทั้งเต้น    ผู้ชมในเวทีก็คล้อยตามแบบกระโดดโลดเต้นขึ้นมา    ดึงดูดทั้งเวทีร่วมร้องเพลงอย่างเอิกเกริกโกลาหล   ยิ่งมีผู้คนปิติยินดีจนน้ำตาไหล

        ใช่แล้ว    ไม่มีใครสามารถหยิบเอาความทรงจำมาแทนที่ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ใน ช่วงเวลาวัยหนุ่มตอนนั้น    พูดแบบไม่ไว้หน้า   นั่นเกือบจะไม่มีคู่ต่อสู้ของช่วงเวลาวัยหนุ่ม     นิยายของการฝึกฝนขัดเกลาเงาคุณผมร่วมรู้กันแล้ว
       
         เกี่ยวกับการซ้อมแสดงรวมตัวกันครั้งนี้   lซูโหย่วเผิง เปิดอกบอกกับ เฉิน ว่า   พอเริ่มก็รู้สึกแปลกถิ่น   เวลา 10 กว่าปีในที่สุดทั้ง 3 คนเจอหน้ากันน้อยมาก   ปกติเพียงแต่บังเอิญ   ติดต่อข้อความสั้นๆ   แต่ว่าพอดนตรีดังขึ้น   ความรู้สึกเหล่านั้นก็หวนกลับคืนมา   เช่นเดียวกับท่านผู้ชม   เขาคลับคล้ายหล่นเข้าไปในอุโมงค์

       เริ่มแรกการซ้อมแสดง   มีเรื่องหนึ่งสอดแทรกเข้ามา  เมื่อดูจากชื่อเสียงของภาพรวมของซูโหย่วเผิง    สถานีโทรทัศน์ยางซื่อ  จึงได้ยื่นข้อเสนอให้เขายืนอยู่ตรงกลาง   แต่ถูกทางบริษัทตัวแทนปฎิเสธอย่างสิ้นเชิงทันที   เพราะ “ เอกลักษณ์ความคลาสสิคของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” จริงๆ เรื่องนี้ไม่ต้องปรึกษาหารือเลย   ย่อมต้องดำรงรักษารูปแบบเดิมไว้”

       พลิกโฉมดูรูปถ่าย“เสี่ยวหู่ตุ้ย” ในปีนั้น   หลายคนจำได้รูปลักษณะ”เสือเชื่อฟัง”  อันบริสุทธิ์ใน “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ของ ซูโหย่วเผิง ยังคงเหมือนเดิม   ใบหน้าหล่อคมเหมือนแสงจรัสจ้า   อุปนิสัยฉลาดว่องไวสดใส   ลักษณะท่าทางอ่อนโยนสุภาพ   ไม่อายเลย เป็นนักเรียนซึ่งมาจากโรงเรียน ม. ปลายเจี้ยงจงกับมหาวิทยาลัยไต้หวัน
     








       
.......แต่ว่า   “เสือเชื่อฟัง”   ให้กระเป๋าใบใหญ่มากแก่ผม   ทุกคนต่างหวังว่าได้เห็นทั้งเล่นแสดงบนเวทีได้   ทั้งเรียนหนังสือเก่งของ ซูโหย่วเผิง………….

        ได้เขียนหนังสือเบื้องหลังและเรื่องราวของ เสี่ยวหู่ตุ้ย 3 คน โดยอดีตผู้จัดการศิลปินผู้ทรงคุณวุฒิอันล้ำลึกแห่งไต้หวัน คุณซ่งเหวินซ่าน  ระยะใกล้ๆ นี้ออกหนังสือเปิดเผยว่า.....ปีนั้นเนื่องจาก ซูโหย่วเผิงยอดกตัญญู   ทางบ้านเข้มงวด   การเรียนการบ้านหนักมาก   รายการแสดงมากมายเพียงแต่มองเห็น อู๋ฉีหลง    เฉินจื้อเผิงทั้ง 2 เสือ   ดังนั้นบริษัทคิดดูแล้วเอา ซูโหย่วเผิง เปลี่ยนตัวออกไป    จากนั้นต่อมาเอาตัวสำรองที่เลือกเรียบร้อยแล้ว   

“ผมไม่ต้องการถอนตัวออก”   ซูโหย่วเผิง   อดกลั้นน้ำตาซึมในขอบตา   ในตากระพริบน้ำตานั้นได้กลิ้งไปมา   “การเรียนของผม  ตัวผมเอง  ขอแบกรับเอง    ลำบากแค่ไหนผมคนเดียวรับผิดชอบไหว”


       เมื่อแรงกดดันธุรกิจและการเรียนหนักหน่วง   ซูโหย่วเผิง ไม่รู้สึกเจ็บปวด    เจ็บปวดจริงๆ คือมาจากความเศร้าสลดทางใจ......ต้นแบบที่เข้าสู่วงการมา 6 ปีคนหนึ่ง   ความรู้สึกสดชื่นของเขาไม่มีแล้ว   อนาคตจะทำอะไรหนอ   เพื่อปลดปล่อยตัวเอง   ค้นหาทิศทางอนาคต   ซูโหย่วเผิง ตัดสินใจตัดขาดธุรกิจการแสดงร้องเพลงซึ่งเจริญรุ่งเรืองอยู่   เพียงตัวคนเดียวไปศึกษาต่อที่อังกฤษ   เพราะไปศึกษาต่อที่เมืองนอกเป็นความใฝ่ฝันของเขา   เขาย่อมเป็นเช่นนี้กล้าไปไล่ตามความใฝ่ฝัน










Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: Scoop ปี 2010_3
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2010, 09:25:52 PM »
           ปฏิเสธหุ่นจำลองร้องเพลง  (บทบาทไอดอลด้านการเป็นนักร้องลดน้อยลง)
   
           หลังจากเรียนจบกลับมา   ซูโหย่วเผิง ได้ค้นพบรอบๆ ตัวของโลกซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงไป   เคยคึกคักก็ค่อยๆ  เปลี่ยนแปลงเย็นชาไป   จากบนยอดเขาถึงก้นเหว   เขาได้ผ่านวันเวลาที่ทนทุกข์ทรมานมาก   จนถึงปี 1997    ละครเรื่องหนึ่งโด่งดังไปทั่วแม่น้ำฉางเจียงเหนือใต้ เรื่อง “องค์หญิงกำมะลอ”    จึงนำเขาเข้าสู่ธุรกิจใหม่อีกครั้ง  เพื่อมุ่งไปสู่บนยอดเขาอีก
   
          ต่อจากนั้น   ละครของเขาออกฉาย   เขาไม่สามารถแจกแจงได้นัก   เพื่อนำเอกลักษณ์โดดเด่นมากมายสู่จอเงินให้แก่ผู้ชม    ใน “เดชเสี่ยวฮื่อยี้”  เย็นนอกแต่ในร้อน ฮวยบ่อฮ่วย (อ่านจีนกลาง-ฮัวอู๋เชวีย)    และ “มนต์รักในสายฝน”   ความรักแท้ของ “ตู้เฟย”   , ใน “ดาบมังกรหยก”   ซื่อสัตย์ใจกว้างของ เตียบ่อกี้  (อ่านจีนกลาง-จางอู๋จี้)   ใน “รักข้ามขอบฟ้า”   ไม่สงบเสงี่ยมใจอันแท้จริงของ ลู่เอินฉี  เป็นต้น   นอกจากละครโทรทัศน์   ซูโหย่วเผิง ยังมีอัลบั้มเพลง   เพลงเรียบเรียงโดยเฉพาะ   ถ่ายหนังและโฆษณามากมาย   เขามอบใบผลคะแนนยาวเหยียดเป็นกองๆ   กลายเป็นนักแสดงที่มีความสามารถสูง








 
       จากต้นแบบนักร้องวัยรุ่น   เปลี่ยนแปลงเป็นนักแสดงที่มีเพาเวอร์อันแท้จริง   ซึ่งไม่ใช่นักแสดงแต่ละคน พอโด่งดังแล้วล้วนสามารถบรรลุความสำเร็จก็จบสิ้นเป้าหมายนี้   ต่อเมื่อมาโด่งดังอีกครั้ง   ซูโหย่วเผิงได้ถอนเขี้ยวเสือแสนเชื่องในปีนั้น  สำหรับความมุ่งมั่นวัยรุ่นโง่ๆ เซ่อๆ   เขานำเอาสิ่งของมากมายมามองดูแบบจืดชืดแล้วไม่ใส่ใจมาก


         ปี 2006    การแสดงละครเวทีของ ซูโหย่วเผิง เรื่อง (จวี๋ฮัวเซียง)  “หอมดอกเบญจมาศ”  อยู่ที่โรงละครใหญ่เหม่ยฉี นครเซี่ยงไฮ้แสดง 7 รอบ   ทุกรอบเต็มหมด    ทำลายสถิติการแสดงของโรงละครใหญ่ เหม่ยฉี   ไม่ว่าค่าตอบแทนละครเวทีน้อยนิด   แต่เพื่อความใฝ่ฝันสมบูรณ์   เขาปฏิเสธสัญญาหนังละครทิ้งนับไม่ถ้วน    เอาเวลาครึ่งค่อนปีนี้ปักหลักบนเวทีละคร   ใช่แล้ว   เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงสักนิด......ยังคงเหมือนเดิมที่ติดตามความฝันคนนั้น

       โดยเฉพาะเป็นคนกำเนิดจากต้นแบบของวงการ   ตลอดเวลาสำหรับทุกคนเอกลักษณ์ของ ซูโหย่วเผิง ล้วนเป็นเจ้าชายงามสง่าขาวสะอาด   ไม่ว่าเมื่อเป็นนักร้อง  หรือเมื่อเป็นนักแสดง  บทบาทที่ได้รับ  เขาย่อมเป็นนักแสดงตัวเอกที่สะอาดบริสุทธิ์    ดังนั้น  ซูโหย่วเผิงจึงเริ่มเบื่อหน่าย   เขาบอกกับนักข่าวว่า  (จากสำนักข่าวเจี้ยนคาง จงเก้า-บอกกล่าวเพื่อสุขภาพ)   “ไม่อยากจะออกมาแสดงชายที่ดีงามเบอร์หนึ่งอีก   ไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่ออย่างนั้นหรือ ?   ผมอยากจะลบภาพลักษณ์นี้”










        ในที่สุด   เขารอคอยบทบาทอันเหมาะสมในบท  “ไป๋เสี่ยวเหนียน” บทนี้   เพื่อนักแสดงนักร้องมีชื่ออธิบายอย่างเข้าใจ   ไม่มีพื้นฐานทำนองสักนิด   เขาซ้อมเรียนกับครูฝึกทุกถ้อยคำอักษรทุกวัน   วิ่งรอบครบถ้วน   ฝึกเสียงคอ   ต้องท่องจำทั้งเนื้อเพลงให้ได้  (อิ๋วเหยียน จิงโม่ง – ความฝันสะดุ้งเมื่อเดินเที่ยวสวน)   บทร้องส่วนหนึ่งในหนังร้องสั้นๆ ไม่กี่วินาที   เมื่อผลลัพธ์ท่องเรียนลำบากมา 2-3 เดือน   หลันฮัวจื่อ (นิ้วดอกต้นลั้ง),   หลิ่วเอี้ยเหมย (คิ้วเรียวโค้ง),  เหนียนๆเชียง (สำเนียงผู้หญิง),   อิ๋วโถวเฝิ่นเมี้ยง (บนใบหน้ามีแต่แป้งที่ต้องแต่งหน้าไว้),   

          ซูโหย่วเผิงนำเอาเสียงอันนุ่มนวลแสดงต่อเนื่องจนเหงื่อเปียกโชก   จนทำให้สะดุ้งตกใจเหลือนับคณา   จึงทำให้คนมองเห็นธาตุลึก(พรสวรรค์+ความสามารถ)ของเขา   ผู้กำกับฝงเสี่ยวกัง  หลังจากดูหนังจนจบก็วิพากษ์วิจารณ์คุณค่านี้   “จริงๆผมนึกว่าเขาเพียงแต่แสดงหนุ่มต้นแบบที่ดีงาม   ในหนัง  “ฟงเซิน – ข่าวลือ”  เขาแสดงบทแตกสมบูรณ์   เกินกว่าผมคาดคิดไว้”


       ไป๋เสี่ยวเหนียน คือ ซูโหย่วเผิง เพียรพยายามมากแต่แสดงออกน้อยของบทบาทนี้  ตีบทแตก    เขาหวังอย่างยิ่งว่า 1-2 ปีนี้ตั้งใจอยู่กับวงการภาพยนตร์

        เพราะฉะนั้น   เขาจึงเข้มงวดคัดสรรบทภาพยนตร์  เขาตัดสินใจยืนหยัดปฏิเสธ  ถูกเชื้อเชิญเล่นแสดงต้นแบบที่ดีชนิดใด   เพราะไม่อยากรับบทเหมือนฟ้าผ่าอีก   มาพูดเกี่ยวกับ ซูโหย่วเผิง    เกลียดที่สุดก็คือ “หวนกลับคืนตัวเองโดยไม่ขาดสาย หรือการอยู่กับบทเดิมๆ ไม่ไปไหนเลย”   “การท้าสู้บ่อยๆ เป็นสิ่งจำเป็น”






Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: Scoop ปี 2010_3
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2010, 09:30:26 PM »
         

การกุศล   พูดน้อยทำมาก

         ระยะเร็วๆนี้   ซูโหย่วเผิง  วิ่งไปมาตลอดเพื่อทำกิจกรรมการกุศลทุกชนิด   ไม่ว่าเรื่องบริจาคยังต้องใช้รูปเอกลักษณ์ศิลปินดาราของตัวเองมาเป็นราชทูต   เขาล้วนไม่เหนือบ่ากว่าแรง   ทำสิ่งที่ต้องการด้านการกุศล อีกทั้งการช่วยเหลือกลุ่มคนหาเช้ากินค่ำ





วันที่ 14 เมษายน  2010 ซูโหย่วเผิงได้เป็นทูตสาธารณะประโยชน์รายการ  “กระเป๋าเงินน้อย  ใจรักยิ่งใหญ่” ของ  มูลนิธิช่วยเหลือผู้ยากไร้ในประเทศจีน  ได้บริจาคเงินแสนหยวน   ช่วยเหลือเด็กนักเรียน 1000 คนในเขตภัยแล้ง 

 




   

วันที่ 29 มีนาคม   ซูโหย่วเผิง เป็นตัวแทนไปประเทศเคนย่า เข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะประโยชน์คุ้มครองสิ่งแวดล้อม  “พระจันทร์สดใส ,  ไปสู่ที่เอเชีย”   ไม่เพียงแต่ทางร่างกายขยันเดินคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสนับสนุนปลูกต้นไม้    ยังเจาะลึกเข้าไปโรงพยาบาลลูกช้าง   สอดส่องมองดูช้างแก้ว
 


   

วันที่ 22 มีนาคม   ซูโหย่วเผิง เป็นประธานกิจกรรมโฆษณา  “อุโมงค์น้ำแห่งมารดา, ชุ่มชื่น 10 ปี”   พร้อมแบกรับเป็น  “ทูตสาธารณะประโยชน์”   ตะโกนร้องเรียกทั้งสังคมเพื่อให้ดำเนินการสนับสนุนต่อไป   ได้เข้าร่วมกิจกรรม  “อุโมงค์น้ำแห่งมารดา"
 
 
          กิจกรรมการกุศลเรียงรายอยู่ข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน   สำหรับ  ซูโหย่วเผิง นั้น เส้นทางงานบุญกุศลยาวเหยียดเหมือนถูกเงาย่อลงติดตัวไม่ห่าง   ที่จริง  เริ่มแรกเขาก็เป็นศิลปินนักบุญที่มีชื่อเสียงในวงการแสดง   ไม่เพียงแต่เข้าร่วมกิจกรรมการงานกุศลสาธารณะประโยชน์นับครั้งไม่ถ้วน   แล้วยังดำรงตำแหน่งเกียรติยศอันสูงส่งได้เป็น  “ทูตในงานวันคุ้มครองเด็กของฮ่องกง” ,  “ทูตแห่งใจรักคุ้มครองสายมารดาแม่น้ำ”  ,  “ทูตใจรักเด็กเล็กที่พิการ และเด็กสมองพิการของประเทศจีน” ,  “ศิลปินที่ส่งผลในการทำกิจกรรมการกุศลมากที่สุด”   “ศิลปินดารานักบุญ”  เป็นต้น  ซึ่งล้วนขนานนามเหล่านี้ให้แก่เขา

          
         เปิดใจคุยเรื่องคลื่นลูกใหม่เป็นคนใจกว้างของ ซูโหย่วเผิง     ข้อความหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ซึ่งตื่นตาตื่นใจได้นำเสนอ  มูลนิธิผู้ใจบุญท่านหนึ่งซึ่งแนะนำวิธีบริจาคทำการกุศล   นี่คือปี 2005  เขาอยู่ประเทศจีนภายใต้มูลนิธิเด็กยากไร้ ก่อตั้ง  “มูลนิธิการกุศล ซูโหย่วเผิง”   ร่วมแรงร่วมใจบริจาคเงินการกุศลหวังเพื่อก่อสร้างโรงเรียนประถม” ที่เปิดเรียนแล้ว   ช่วยเหลือคนยากไร้เหล่านี้และพวกเด็กๆ ที่ไม่มีสถานที่เพียงพอต่อการเรียนหนังสือ   ปี 2007 มาพูดคุยกับ ซูโหย่วเผิง    เป็นสิ่งที่มีคุณค่าแห่งการรำลึกเป็นพิเศษในช่วงปีหนึ่ง  โดยได้เตรียมการก่อสร้างมาปีกว่าของ   “โรงเรียนประถมศึกษาซีว่างซูโหย่วเผิง”  ซึ่งได้เปิดเทอมแล้ว   นี่ได้ใช้ชื่อ ซูโหย่วเผิง เพื่อเริ่มต้นก่อตั้งกิจกรรมสาธารณะประโยชน์คนแรก

   
 

     
          ความจริง  กิจกรรมเหล่านี้ได้มีอยู่แล้วนับตั้งแต่“เสี่ยวหู่ตุ้ย”   ซูโหย่วเผิง กำลังเริ่มต้นทำงานการกุศล   ไม่เพียงแต่ถ่ายแบบโฆษณาการกุศลหลากหลาย   ยังเป็นคนโฆษณาป่าวประกาศ กิจกรรมกุศลอีกมากมาย    หลายครั้งยังเป็นแนวหน้าเริ่มต้นก่อน  และยังได้เชิญชวนทุกคนร่วมบริจาค    จนถึงเดี๋ยวนี้  ซูโหย่วเผิงไม่ว่าจะอยู่ในเมือง ในชนบท   เขตฮ่องกง  ไต้หวัน   สิงคโปร์  มาเลเซีย แม้กระทั่งทั่วโลก    ได้เข้าร่วมกลุ่มกิจกรรมการกุศลมากมาย   อีกทั้งได้รับผิดชอบเป็นทูตการกุศล   และยังเข้าร่วมการแสดงเพื่อการกุศลช่วยเหลือภัยต่างๆ ทั้งเล็กทั้งใหญ่นับครั้งไม่ถ้วน   เบื้องหลังธุรกิจการแสดงรุ่งโรจน์สดใสของเขา   ยังมีหนทางการกุศลฉายแสงกระพริบเหมือนกันสายหนึ่ง


          ตลอดการทำงานการกุศลที่ไม่เคยกล่าวปฏิเสธของ ซูโหย่วเผิง ทำตัวติดดินจนมีชื่อ   นักข่าวจากสำนักข่าวเจี้ยนคาง จงเก้า(บอกกล่าวเพื่อสุขภาพ)   นักข่าวกล่าวว่า “ เขาได้แสดงให้เห็น  ที่จริงพูดจาน้อยลง   ทำงานมากขึ้น”  จุดนี้ไม่มีสื่อผู้ใดกล้าปล่อยข่าว   ไม่มีเสื้อผ้าหรูหราแวววาว   ไม่แสดงคำพูดมากเกินไป   ซูโหย่วเผิงใช้จิตกุศลบุญออกมาจากตัวเอง   ใจรักเมตตา   ไปดูแลเอาใจใส่อย่างแท้จริง   ไปช่วยเหลือบุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือเหล่านั้น
   
           ถ้าหากติดตามซักถามให้ได้ว่าทำไม ซูโหย่วเผิง ยังยืนยันหนักแน่นเรื่องการกุศล   แล้วในอุดมการณ์ของเขาตอนหนึ่งหรือคำอธิบายที่ดีที่สุดคือ   “ ช่วยเหลือคนมีความสุขซึ่งมาจากจิตใต้สำนึกของมนุษย์    อยากได้อะไรตามใจชอบ   ห่วงใยที่สุดคนรอบข้าง   ที่จริงคุณกำลังขยันทำให้โลกสดสวยงดงามดีกว่านี้”

       





Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: Scoop ปี 2010_3
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2010, 11:58:50 AM »
ท่องเที่ยว   ปลูกตื่นบ้านอยู่ที่ไหน
       
          จากการค้นหาในความทรงจำเมื่อ   20 ปีก่อน    “ เสือเชื่อฟัง”  ยังเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ไม่มีกิเลส   แสงอาทิตย์จรัสจ้า   มีชีวิตอยู่ในภาษาเด็กเป็นเด็กผู้ชายสะอาดบริสุทธิ์      20 ปีต่อมา   เขาไว้หนวดเครา   ผิวหนังโดนแดดเผาจนเป็นสีทองแดง   ร่างกายก็มีเส้นขอดเกิดขึ้นตามทั่วร่างกาย   สายตาลึกๆ



 


   
          ......อยู่ในช่วงเวลาเดือนปีได้สะสมความนิยมมั่นคง   เขามีการเจริญเติบโตกระจายไปทั่วทั้งตัวเป็นหนุ่มที่มีเสน่ห์แรง

         ใกล้ๆ ไม่กี่ปีมานี้    พวกเราทั้งดีใจทั้งตกใจได้ค้นพบว่า   ซูโหย่วเผิงยิ่งโตยิ่งทันสมัยขึ้น   เวลาเขาปรากฏตัวกิจกรรมทันสมัยหรืองานราตรีสโมสรขนาดใหญ่   ทุกครั้งเขาเป็นผู้ออกหน้าเป็นหลัก   ล้วนยิ่งได้รับความนิยมได้รับการยอมรับมากขึ้น   รสนิยมอันทันสมัยแสดงสู่สุดยอด   เดินตามแนวสมัยนิยมล่วงหน้า   ซึ่งเขาเตรียมรับศึกษามองดูความทันสมัย  การก้าวไปข้างหน้าของวงการ
   
         สิ่งที่เป็นรายละเอียดของของ ซูโหย่วเผิง    นอกจากใบหน้าที่มีริมฝีปากแดงฟันขาว    บนตัวเขายังมีบุคลิกกับท่าทางเศร้าใจกลัดกลุ้มปรับตัวลดต่ำแบบอังกฤษ   และรสนิยมสูงส่งสละสลวยทางฝรั่งเศส   หรือไม่ก็   นี่แหละเขา  มักต้องมีความเกี่ยวพันธ์กับความชอบการเดินทางท่องเที่ยว

        นิตยสารสากลโลก  ลงข่าวนักท่องเที่ยวดารารุ่นใหญ่ 10 คนรับพิธีมอบรางวัล   ซูโหย่วเผิง ได้รับสมญานามอันทรงเกียรติเป็น  “นักท่องเที่ยวที่ฉลาดและมีสติปัญญา”  นี่คือ นักแสดงชาวจีนชักนำเขตแดนแบบการท่องเที่ยวที่ทันสมัย  คัดเลือกจนได้รับการยอมรับสูงสุด         การท่องเที่ยวทำให้พวกเรามองเห็น ซูโหย่วเผิง ได้อีกหนึ่งมุม.....นักท่องเที่ยวผู้สุภาพดีเด่น






   
          หวนระลึกเมื่อตอนอายุ 21 ปี  ซูโหย่วเผิง กำลังอยู่ในช่วงธุรกิจตกต่ำสู่ก้นเหว   เขาก็เลือกกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง   แบกกระเป๋าง่ายๆไปท่องเที่ยว   ออกเดินทาง   ไม่ใช่เหตุเพราะหลบหนี   เพียงแต่เป็นการรู้จักตัวเองมากขึ้น   หรือเพราะสาเหตุนี้   ในชีวิตต่อมา   ขณะเหนื่อยหน่ายหลงทาง  เขาอยากจะไปทุกแห่งหน  ปล่อยวางชีวิตตัวเองให้อยู่อีกจังหวะหนึ่ง   ทุกสิ่งจึงไม่ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต

         สวมร้องเท้าสบายๆ คู่หนึ่ง   หยิบแผนที่และกล้องถ่ายรูป   ฟังดนตรี   ไปท่องเที่ยวญี่ปุ่น   อินเดีย   อเมริกา   ปารีส   ดอนลอน   เนปาล   ในท่ามกลางการท่องเที่ยวของ ซูโหย่วเผิง ด้านหนึ่งเดินด้านหนึ่งพิจารณาไตร่ตรอง   เขาได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว(จากหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ยุคทันสมัย -บอกกล่าวเพื่อสุขภาพ)   เขากล่าวว่า...สักวันหนึ่งถ้าไม่เป็นนักแสดงแล้ว   เขาก็เป็นนักพเนจรท่องเที่ยวผู้หล่อสง่าคนหนึ่ง   เที่ยวพเนจรทุกหนทุกแห่ง   ท่องเที่ยวเดินทางทุกแห่งหน…

        ท่องเที่ยว ...มากล่าวอีกด้านของ ซูโหย่วเผิง   เป็นบุคคลคนหนี่งที่(สามารถ)กระโดดออกจากวงการได้   นำพาเขาแยกออกจากสภาพแข็งกระด้างของชีวิต   แต่ว่าเมื่อได้ถูกถามถึง  สถานที่ซึ่งให้เขาผ่อนคลายมากที่สุด   เขากลับหวนมาสู่ทางเริ่มต้นใหม่ทางจุดออกเดินทาง......บ้าน.....  “ที่จริงการท่องเที่ยวก็เป็นเช่นนี้   เป้าหมายของบนท้องถนนใช่ที่จะปลุกตื่นให้กับตัวเอง   บ้านอยู่ที่ไหน? “   คำพูดคำเดียวที่บอกออกมา   ซึ่งเป็นปรัชญาท่องเที่ยวของเขา   บทความดีๆลึกๆ ง่ายๆ   แฝงรสชาติลึกซึ้ง

         จริงๆ  การท่องเที่ยวและการดำรงชีวิตเหมือนประโยคที่มีความหมายใกล้เคียงกันคู่หนึ่ง   จิตที่คล้อยตามกัน การท่องเที่ยวในชีวิตของ ซูโหย่วเผิง  เป็นคนเรียบง่ายจริงๆ คนหนึ่ง   เขาชอบคลาสสิคของสีดำและสีขาว   ไม่ว่านาฬิกา  เสื้อผ้า  ล้วนเป็นแบบเรียบง่ายที่สุด   พบเจออุปสรรคหรืออารมณ์ไม่ดี   เขาก็ไปห้องกีฬาเพื่อออกกำลังกาย   ปลดปล่อยอารมณ์และแรงกดดัน   หาเวลาว่างยาก   เขาก็อยู่ในบ้านเพื่อประกอบทำงานที่เขาชอบ    เขาไม่เคยใช้ชีวิตสุรุ่ยสุร่าย   แล้วไม่ใส่ใจกับชื่อเสียงวงการแสดง   ไม่เคยเทียบเคียงกับข่าวลือเสียดสี   “ ปล่อยให้ชีวิตมีสีสัน”   จึงจะคือจุดเป้าหมายของเขาอย่างดีเยี่ยมเสมอ







Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: Scoop ปี 2010_3
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2010, 12:32:48 PM »


“ ผมกำลังเบื่อหน่ายบทบาทที่สมบูรณ์แล้ว"…….คำสนทนาของ ซูโหย่วเผิง  ( นิตยสารรายสัปดาห์ยุคทันสมัย   บอกกล่าวเพื่อสุขภาพ )


นิตยสาร: ราตรีสโมสรร่วมจัดฉลองตรุษจีนช่องสถานีโทรทัศน์ยางซื่อในปี 2010   ตั้งแต่แยกย้าย“เสี่ยวหู่ตุ้ย” มา 10 กว่า ปีแล้วมาพบเจอกันใหม่อีกครั้ง   มีความรู้สึกอย่างไรและแตกต่างกันอย่างไร ?

   
ซูโหย่วเผิง  :  ความคุ้นเคยแล้วก็แปลกหน้า   ความเงียบแบบนั้นเพิ่งหาเจอ   ก็จะจบสิ้นลง   นานมาแล้วผมไม่มีแบบ “ต้นแบบวัยรุ่น” อยู่บนเวทีหล่องาม   รวมทั้งตอนนี้ฟังดนตรีแล้ว  ล้วนไม่เหมือนเมื่อก่อนแบบนั้น   ดังนั้นผมเพียงแต่พยายามหวนคืนสู่สภาพเดิมในความทรงจำของผู้ชม  รูปแบบ ซูโหย่วเผิง เมื่อ 20 ปีก่อนโน้น


นิตยสาร : ร่วมแยกดีใจเสียใจเมื่อ 20 ปีก่อน “เสี่ยวหู่ตุ้ย”    กับ อู๋ฉีหลง   เฉินจื้อเผิง ความรักใคร่อารมณ์จะเป็นอย่างไร ?


ซูโหย่วเผิง   :  มีพี่น้องที่แสนดีมากๆ    ผมหวังว่า“เสี่ยวหู่ตุ้ย” นอกเหนือจากเป็นตัวแทนความประทับใจในวัยหนุ่มทุกคนแล้ว   ก็ยังเป็นตัวแทนมิตรภาพคนหนึ่งซึ่งเป็นเทพนิยายที่ไม่ดับสูญ   เพียงแต่ผมโชคดี กลายเป็นความคลาสสิคได้เป็นนักแสดง 1 ใน 3 คนของ“เสี่ยวหู่ตุ้ย”  ดำรงป้องกันมิตรภาพส่วนนี้ก็เป็นมาตรฐานสูงสุดของผม


นิตยสาร : เสือเชื่อฟังในปีนั้น   ผลงานเพลงล้ำเลิศ  ธุรกิจกำลังเจริญเติบโต  ทำไมจึงเลือกทางไปศึกษาต่อที่เมืองนอก


ซูโหย่วเผิง   : ปลดปล่อยตัวเอง   ค้นหาทิศทาง   ระยะหนทางเดินในปีนั้น   “เสือเชื่อฟัง”  ให้กระเป๋าใบใหญ่แก่ผม(ให้บทเรียนที่มีค่า)    ทุกคนล้วนหวังว่าจะได้เห็น คนที่เป็นทั้งนักร้องนักแสดงและเป็นทั้งนักเรียนใฝ่เรียนหนังสือของ ซูโหย่วเผิง .....การที่ผมหยุดเรียนนั้นกระทบสะเทือนใหญ่มาก   ผมไม่มีกำลังสามารถเผชิญกับสายตาของทุกคน   แรงกดดันการวิพากษ์วิจารณ์   ทั้งยังพูดความจริง   เวลานั้นผมไม่ทราบจะทำอย่างไรกับอนาคต   การเข้าสู่วงการนักร้องต้นแบบมา 6  ปี   ความรู้สึกสดชื่นของผมกำลังหมดลง   เวลานั้นผมลังเลใจอยู่   ดังนั้นจึงตัดสินใจไปต่างประเทศ


นิตยสาร :  ต่อมา“เสี่ยวหู่ตุ้ย” แสดงเดี่ยว   แต่ละคนล้วนมีประสบการณ์ในเวลายากเข็ญช่วงเวลาหนึ่ง   คุณจะเดินอย่างไรเพื่อผ่านหุบเขาก้นเหวนี้?    หุบเขาจะกระทบได้อย่างไร ?


ซูโหย่วเผิง  : มีผู้คนมากมายช่วยเหลือผม   ต่อมาจึงได้ไปถ่ายละครโทรทัศน์เรื่อง “องค์หญิงกำมะลอ” ก็เป็นสมดุลทางจิตใจของตัวเอง   ขยันขันแข็งเพื่อศึกษาเรียนกับผู้อื่น


นิตยสาร   : ในภาพยนตร์ เฟิงเซิง(The Messege)   คุณย้อนอดีตลักษณะแสงอาทิตย์กลับไปมา   นำนิ้วดอกต้นหลัน (ดอกกล้วยไม้) -ทำท่าทางของงิ้ว ,   เหนียนๆ เชียง - สำเนียงผู้หญิง ,   บนใบหน้าของ ไป๋เสี่ยวเหนียน เต็มไปด้วยการตกแต่งด้วยแป้ง   แสดงต่อเนื่องจนเหงื่อโชกทั้งตัว   เกี่ยวกับบทบาทแสดงนี้    คุณลังเลใจบ้างไหม ?   ทำไมกล้าย้อนรูปลักษณะกลับไปกลับมาหรือ ?


ซูโหย่วเผิง  : บทบาทแสดงนี้คุณต้องเก่งมาก    จึงจะสามารถแสดงออกมาได้ดี   เป็นไปได้ว่าสามารถมีโอกาสมีชื่อเสียงในช่วงข้ามคืน โอกาสแบบนี้ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียว  ล้วนไม่มีเหตุผลปล่อยให้ผ่านไป    แพ้ไม่ละอายผู้คน   กลัวแพ้จึงละอายผู้คน


นิตยสาร : ถ่ายละครหนังหนึ่งเรื่องก็มีค่าตอบแทน 1 ล้าน   แต่รายได้ละครเวทีเพียงมีเลข ศูนย์   ทำไมคุณเลือก เล่น  ( จวี๋ฮัวเซียง ) “หอมดอกเบญจมาศ”  ทันที

   
ซูโหย่วเผิง  : ที่จริง   ตั้งแต่เล็กเกี่ยวกับละครพูดแบบนี้  ผมมุ่งสู่ด้านนี้มาก   สามารถอยู่บนเวทีแสดงละครพูด   เป็นความใฝ่ฝันของผมมาตลอด




   
นิตยสาร  : เวลารับงานภาพยนตร์ละครอยู่   คุณสนใจรับงานแสดงบทบาทอะไร?

   
ซูโหย่วเผิง :  อย่างน้อยบทการแสดงเหมือนฟ้าผ่ามากเกินไปผมก็จะไม่รับแสดง   เกี่ยวกับบทแสดงเป็นคนสมบูรณ์แบบอย่างนั้นผมกำลังเบื่อแล้ว   ผมชอบรับหนังแบบที่มีอารมณ์ทางใจมีท้าทายหรือการต่อสู้บ้าง

 
นิตยสาร : ทำบุญกุศล   คุณปรับตัวลดต่ำมาตลอดใช่ไหม ?

   
ซูโหย่วเผิง  :  ที่จริงแต่ละคนล้วนมีใจทำงานบุญเพื่อสาธารณะประโยชน์   มีเงินออกเงินมีแรงออกแรง

   
นิตยสาร  : ในฐานะพิเศษของการเป็น “ศิลปินนักแสดง”  เกี่ยวกับงานการกุศลยิ่งต้องช่วยเหลือหรือไม่ ?

   
ซูโหย่วเผิง :  แน่นอน   บุคคลที่มีกลุ่มฝูงชนมาสนใจ  และยังได้รับการดูแลเอาใจใส่จากกลุ่มฝูงชนจำนวนมาก   ยิ่งจำเป็นต้องเอาตัวเองไปใช้เป็นแบบอย่าง    ผมหวังว่าตัวเองสามารถนำคนส่วนหนึ่งมาร่วมกันทำบุญกุศล   ทำความดีที่จริงเพียงแต่ยื่นมือออกแรงช่วยเหลือ





นิตยสาร  : พอใจลักษณะการดำรงชีวิตเวลานี้หรือไม่ ?

ซูโหย่วเผิง  : ยังดีอยู่ครับ   เออๆ


นิตยสาร  : งานยุ่งมาก   มีเวลาออกกำลังกายบ้างไหม ?   จัดแบ่งเวลาชองตัวเองอย่างไร?

ซูโหย่วเผิง   : เมื่อก่อนจะถ่ายหนังเรื่องหนึ่งก็ไปออกกำลังกายบ่อยๆ   ต่อมาถ่ายหนังเรื่อง เฟิงเซิง  ต้องลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว   ระยะใกล้นี้มีเวลาล้วนอยู่กับงานทั้งหมด   เกือบจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย


นิตยสาร  : เวลาเจออุปสรรคหรืออารมณ์ไม่ดี   โดยทั่วไปเลือกวิธีแก้ไขแบบไหน ?

ซูโหย่วเผิง   ช่วงเวลาบ่ายผมจะไปห้องออกกำลังกาย   ให้ออกเหงื่อ   ก็รู้สึกตัวเองเบาสบาย   อะไรๆ ก็ไม่อยากคิดแล้ว   อารมณ์ปลดปล่อยออกมา   ก็จะเย็นใจของมันเองเพื่อไปแก้ไขปัญหา


นิตยสาร  : ตั้งแต่อายุ 15 ปีเข้าสู่วงการถึงเดี๋ยวนี้   คุณจะเอาตัวเองมาเป็นอาชีพนักแสดงทั้งชีวิตหรือไม่ ?   


ซูโหย่วเผิง  : ไม่เป็น   ถึงเวลา   แน่นอนผมจะไปทำการกุศลบ้าง   เพื่อใช้ชีวิตแบบเบาๆ บ้างก็แล้วกัน


นิตยสาร  : สมัย 30 ปีก่อนกับสมัย 30 ปีหลัง   เกี่ยวกับชีวิตมีอะไรแตกต่างกันบ้าง
   
ซูโหย่วเผิง :  มีเรื่องให้คิดมากมาย


นิตยสาร :  ถ้าหากกล่าวถึงชีวิตเป็นบทละคร   คุณจะเขียนบทละครแก้ไขใหม่หรือไม่   แล้วจะกำกับชีวิตของคุณเองได้อย่างไร ?

ซูโหย่วเผิง  : ปล่อยให้ชีวิตมีสีสัน  คือ  จุดเป้าหมายเลิศที่สุดของผม








The End