ALL About Alec SU YOU PENG | รวบรวมผลงานของ ซูโหย่วเผิง > How Well do You Know Alec Su?

[ซูโหย่วเผิง] เด็กดีในวัยเด็กแต่กลับโดดเดี่ยว

(1/1)

Chomnath:
ซูโหย่วเผิง เด็กดีในวัยเด็กแต่กลับโดดเดี่ยว
ผมเกิดในวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ปี 1973 วันเกิดของคุณแม่ก็วันไหว้พระจันทร์เหมือนกัน ฉะนั้นแม่ตั้งชื่อผมว่า เผิง เป็นตัวพระจันทร์สองตัวมารวมกัน แม่บอกว่าตอนผมเป็นทารกอยู่นั้นมักชอบร้องไห้ ตัวผมเองยุ่งมาก ท่านกลัวว่าหัวผมนอนจนเอียง เลยอุ้มผมทั้งวัน ให้ผมอยู่ในอ้อมอกของท่าน

คุณพ่อของผมเป็นนักธุรกิจ คุณแม่เมื่อจบการศึกษาแล้วก็มาเป็นครู ครอบครัวของผมนั้นในไต้หวันนับว่าเป็นครอบครัวขนาดเล็ก เหตุนี้หลังจากที่ผมเกิดแล้ว คุณแม่ไม่ได้ลาออกจากงานของตนเอง มีคุณย่าเป็นคนเลี้ยงผม มีครั้งหนึ่งเมื่อคุณย่าซักเสื้อผ้า ไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของผม จนน้ำตาไหลเข้าหู จนหูผมอักเสบ คุณแม่ห่วงผมมาก ต้องตัดสินใจโดยจำใจ ลาออกจากงาน ดูแลผมที่บ้าน อย่างไรก็ตามตอนที่คุณแม่ดูแลผมอยู่นั้นก็มีเรื่องเกิดขึ้น

มีครั้งหนึ่งคุณแม่ไปที่ตลาด หลังกลับจากตลาด ตามหาผมทุกซอกทุกมุมก็หาไม่เจอ สุดท้ายร้องเดินร้องไห้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจข้างบ้าน แล้วมาเจอกำลังนั่งกินไอศครีมอย่างอเร็ดอร่อย ตอนนั้นบ้านผมอยู่ชั้นสอง ผมไม่รู้ว่ามาอยู่ชั้นหนึ่งได้อย่างไร ได้เดินตามล่องน้ำมา และแล้วก็หลงทางไม่รู้ทางไหนเป็นทางไหน เมื่อตำรวจเห็นเข้า ตอนนั้นผมอายุยังเล็ก ทั้งยังไม่สามารถจะบอกบ้านของตังเองอยู่ไหน สุดท้ายก็พาผมมาอยู่ที่สถานีตำรวจ หลังจากเรียนแล้ว ผมมีนิสัยเสียๆอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือขี้เล่น อย่างที่สองคือชอบนอน

บ่อยครั้งที่ผมเล่นเหนื่อยแล้วก็จะฟุบนอนบนโต๊ะ ตอนนั้นแม่ก็สงสัยว่าผมเป็นพวกเด็กไฮเปอร์ ครูปกครองในสมัยเรียนนั้นจนถึงตอนนี้ยังจำผมได้เลย แต่ว่าในตอนนั้นการเรียนผมนั้นดีมากๆ มักจะอยู่อันดับที่หนึ่ง คุณครูชอบผมมาก ก็เลยให้ท้ายผม รวมทั้งตอนผมอยู่ประถมก็ได้รับรางวัลหลายอย่างด้วย เช่นการชนะการแข่งทักษะ การเขียนเรียงความ การพูดที่ประชุม เป็นการประกวดที่ผมมักจะเข้าร่วมด้วย ตอนนั้นผมเกลียดเพื่อนนักเรียนที่ลอกข้อสอบมากๆ เพราะผมนั้นได้ผลการเรียนที่ดีมาด้วยความขยันพากเพียร ก็ไม่ชอบที่จะให้พวกเขาได้คะแนนดีๆโดยการเอาเปรียบผมเช่นนี้ ฉะนั้นเมื่อผมเห็นหรือรู้ว่าคนไหนลอกข้อสอบแล้ว ก็จะฟ้องคุณครู จนทำให้เพื่อนนักเรียนเหล่านั้นไม่ชอบขี้หน้าผมเลย และแม้ว่าการเรียนผมจะดีมาก แต่ก็ไม่เคยได้เป็นหัวหน้าชั้นเลย

Chomnath:
ตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่สองก็สายตาสั้น เมื่อถึงประถมห้าหก สายตาสั้นนั้นมันสั้นไปจนถึงห้าหกร้อยเลย นี่น่าจะมาจากพันธุกรรมเป็นหลัก คุณยายผมเป็นคนสายตาสั้น และลูกทั้งห้าคนของท่านก็เป็นด้วย

ตอนประถมนั้นผมได้นั่งแบบชายคนหญิงคน ผมก็จำหน้าตาของเพื่อนที่นั่งคู่กับผมไม่ได้แล้วล่ะ ตอนนั้นเราสองคนไม่ค่อยจะคุยกัน ตรงกลางโต๊ะนั้นเราได้ขีดเส้นแบ่งเขต ในตอนนั้นจำได้ว่าเทอชอบว่าผมว่าโง่ เหตุนี้เลยทำให้ผมไม่ชอบเขา เพียงแต่เมื่อเขาได้ข้ามเขตมาทางผม ผมก็จะใช้กล่องดินสอตีเขาการเรียนเขาไม่ดี ฉะนั้นทุกครั้งที่ทะเลาะกัน คุณครูจะว่าเขา เขาด่าผมว่าโง่ช่วงนั้นผมน่าจะไม่ค่อยรู้เรื่อง จำได้ว่าห้องน้ำในโรงเรียนของผมในสมัยนั้นติดอยู่กับทางเลี้ยวหักสอก ทุกครั้งที่ผมเข้าไปนั้นก็จะไปชนกำแพงหักสอกนั้น จนเป็นที่หัวเราะเยาะของเพื่อนๆ ยังดีที่ผมเป็นคนใจสู้ พวกเขาหัวเราะผมผมก็หน้าแดง เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ ด้วยเหตุนี้ตอนนั้นคนอื่นว่าผมโง่นั้นก็น่าจะมีเหตุผล

คนที่รักหวงผมที่สุดคือคุณแม่ ตอนเด็กนั้นคุณพ่อมักจะยุ่งกับงานมาก ตอนนี้คิดดูแล้วการจะเลี้ยงครอบครัวหนึ่งนั้นไม่ง่ายเลย ตอนเด็กผมเป็นคนดื้อ เมื่อแม่เอาผมไม่อยู่เลยฟ้องพ่อ คุณพ่อโมโหก็จะตีผม จนกระทั่งถึงมัธยมปลายผมยังโดนตีอยู่ ตอนนี้ไม่ตีแล้ว เพราะว่าท่านไม่เจอผมแล้ว ผมมักจะออกไปแสดงหนังข้างนอกบ่อยๆ ทั้งยุ่ง ทั้งงาน เมื่อไม่อยู่บ้านท่านเองกลับคิดถึงผม ท่านโทรมาหาผมประจำ เขียนจดหมาย ครั้งของการติดต่อระหว่างผมกับท่านนั้นยังเยอะกว่าน้องชายด้วยซ้ำไป

ตอนเด็กผมแทบจะไม่มีเพื่อน ไม่ว่าผมจะอยู่ที่บ้านของคุณย่าหรือคุณยายผมก็เป็นเด็กที่โตสุด ฉะนั้นตอนเด็กนั้นทั้งคุณอาคุณน้ามักจะรักหวงผมเป็นพิเศษ คุณอาเล็กจะเป็นพิเศษ จนถึงทุกวันนี้ยังเป็นผุ้เตียมเสื้อผ้า อาหารและหนังสือให้ผม หนังสือพิมพ์ หนังสือ รูปภาพ หนังทุกอย่างที่มีรูปผมนั้นเขาจะเก็บเอาไว้ เขาจิงจังกว่าแม่ผมเยอะ เหตุที่เขารักหวงผมเป็นพิเศษ เลยไม่ชอบให้ผมไปเล่นกับเด็กๆเหล่านั้น กลัวว่าเขาดูแลผมไม่ทั่วถึงกลัวผมจะเป็นอะไรไป

น้องชายผมอายุน้อยกว่าผมหกปี ตอนเขาเด็กๆนั้นทั้งผอมทั้งเล็ก เหมือนกับเป็นลูกลิงตัวหนึ่ง ตีกันก็สุ้ผมไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาทั้งสูงทั้งใหญ่ ผมจะดูเขาต้องเงยหน้าขึ้นเลย หกปีเป็นห่างอายุที่ไม่ไกล้เลย พวกเราสองคนแต่ไหนแต่ไรก็พูดไม่เป็นภาษาเดียวกัน (คนละวัย) รวมทั้งน้องชายผมนั้นให้เกียรติผมมากๆ ผมก็ยิ่งที่จะระวังไม่อยากจะทำร้ายเขา เงินเดินครั้งแรกที่ได้รับ นอกจากซื้อแผ่นซีดีแล้ว ทั้งหมดผมยกให้กับน้องชายสุดที่รักของผม เขาดีใจมากๆ เจอใครก็จะพูดว่า “พี่ชายผมเป็นนักร้องแล้ว มีเงินใช้มากมาย” วัยเด็กของเขานั้นมักจะเล่นซ่อนหากับเด็กๆทางญาตเป็นประจำ ซ่อนหากัน เมื่อโตหน่อยก็เปลี่ยนมาเล่นฟุตบอล บาส โดยเหตุที่ผมอายุมากกว่าเยอะ ฉะนั้นสิ่งที่พวกเขาชอบเล่นนั้นมันไม่เป็นที่สนใจผมเลย

Chomnath:
การเรียนเนอสรี่อนุบาลที่ใต้หวันนั้นไม่ใช่ว่าทุกคนต้องเรียน เรียนก็ได้ไม่เรียนก็ได้ อนุบาลนั้นผมเรียนแค่สองปีเอง อนุบาลแบ่งเป็นสามห้อง ชั้นเล็ก ชั้นกลาง ชั้นโต ผมเรียนชั้นเล็กหนึ่งปี ชั้นกลางเรียนได้สองวัน แล้วชั้นโตหนึ่งปี ยังไม่ทันได้รู้จักกับเพื่อนๆสักเท่าไรก็ต้องแยกไปเรียนอีกที่แล้ว

ประถมของทางไต้หวันนั้นเรียนหกปี โรงเรียนประถมห่างจากบ้านไกลมาก ทุกวันต้องนั่งรถประจำทางไปเรียน บางครั้งทางบ้านจะมารับผม แต่ไม่ซื้อขนมมาให้ผม แต่ว่าผมสามารถจะเลือกเอาเครื่องเขียนอะไรก็ได้ ตอนประถม โรงเรียนยังมีการจัดเดินทางไกลปีละครั้ง ที่ที่ไปบ่อยคือทะเล ตอนนั้นเหตุที่ไม่มีเพื่อน ฉะนั้นผมเลยเรียนรู้ในการสังเกตอย่างเงียบๆ ผมสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่ไปทะเลนั้นคุณครูมักจะกังวลมาก กลัวนักเรียนจะโดนคลื่นซัดไป ไม่หย่อนในการจัดระเบียบ ผมรู้สึกว่าพวกเขาเหนื่อยมากๆ จนทุกครั้งผมจะไปช่วยคุณครู ญาตผมรู้ข่าวนี้ ก็จะว่าผมชอบออกหน้าออกตา จนถึงทุกวันนี้ทั้งคุษอาคุณน้าก็ใช้เรื่องนี้มาล้อผมอยู่

เหตุที่ผมไม่มีเพื่อนก็น่าจะมาจากการที่ผมย้านโรงเรียนบ่อยๆ ตอนเด็กจนถึงมัธยมต้นก็ได้ย้านโรงเรียนอย่างไม่หยุด เมื่อย้ายบ้านหนึ่งครั้ง ก็ต้องย้ายโรงเรียนด้วย ทุกครั้งก็จะต้องพยายามในการที่จะปรับตัวกับสภาพแวดล้อม เหตุที่ผมเข้าสู่วงการบันเทิงนั้นก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่คุณแม่ผมเห็นว่าผมเป็นคนที่โดดเดี่ยว อยากจะให้ผมได้ไปขัดเกลานิสัยที่นั่น ตอนเด็กนั้นผมเองก็ไม่มีห้องส่วนตัว ได้นอนกับสองชายในเตียงเดียวกัน เสียงโกนของเขานั้นดังมาก รบกวนจนผมนอนไม่ได้ จนผมจำต้องมาอ่านหนังสือ เอาหลอดไฟเล็กๆหลอดหนึ่ง หาอะไรมาบังแสงของมัน ที่จริงไม่ต้องขนาดนั้นน้องก็คงไม่ตื่น เขานั้นนอนตายเลยแหล่ะ และผมเองก็ไม่รู้ตัวที่ทำอย่างนี้ ที่ของน้องชายนั้นกว้างมากๆ ก็มักจะมีเพื่อนๆได้เข้ามาในห้องนอนของผม คิดว่าเขากลัวจะมารบกวนเวลาของผม ตอนหลังผมรู้ว่า เพราะผมได้เป็นคนประกาสเยอะ เวลาของการกลับบ้านไม่เป็นเวลา ทั้งยังโลภในการเรียน ระเบียบของครอบครัวนั้นอาจเป็นเพราะผมทำให้วุ่นวายไป

ตอนวัยรุ่นแรกนั้นแน่นอนโดดเดี่ยว แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรที่ไม่ดี จริงๆแล้วชีวิตของแต่ละคนนั้นก็ล้วนก็มีเป้าหมายที่จะมุ่งไป ผมรู้สึกว่าชั่วชีวิตเพียงแต่มีญาตพี่น้องได้อยู่เคียงข้างก็เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่แล้วหล่ะ


นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

Go to full version