ผู้เขียน หัวข้อ: 07. [2543] เดชเซียวฮื้อยี้ รับบทฮวยบ่อฮ่วย  (อ่าน 48935 ครั้ง)

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2012, 12:05:09 PM »



“ข้าจะบอกให้ก็ได้นะ ชื่อข้าไม่ใช่ทิซิมนั้งหรอก ข้าชื่อทิซิมลั้งทิเจี่ยงเป็นพ่อบังเกิดเกล้าข้า เราพลัดหลงกันตั้งแต่ข้ายังเด็ก”

“ข้าไม่เคยได้ยินว่าลุงทิมีลูกสาวนะ”

“ที่จริงเราก็อยากเจอทิเจี่ยงเหมือนกัน เราเดินทางด้วยกันม๊า” ทิซิมลั้งโน้มน้าว

“แต่เดิมทิเดินทางกับทิซิมนั้งไม่มีปัญหา แต่ไปกับทิซิมลั้งมีปัญหาแน่ ข้าไม่เห็นด้วยหรอก ข้าไม่ได้เป็นญาติโยมกับเจ้า ข้าไม่อยากให้คนเขาเข้าใจผิด ว่ามีสัมพันธ์อะไรกับเจ้าแบบอย่างว่า นี่ข้อแรก ข้อสอง ข้ามีงานสำคัญต้องทำ ข้าไม่อยากมีภาระ จริงไหม”

“พูดถูกแล้ว เราไม่ใช่ญาติโยมอะไรกัน ข้าก็ไม่อยากทำเพื่อเจ้า เจ้าไปได้” ทิซิมลั้งตัดเยื่อใย

“พูดจริงง่ะ”

“ข้าดูแลตัวเองได้ เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าเอาม้าข้าไว้ขี่ก็แล้วกันนะ”

“ขอบใจมาก ข้าไม่ต้องการม้า เจ้าไปได้”

“พูดจริงน่ะ ที่จริงข้ารักม้าตัวนี้มากนะ ข้าไปก่อนนะ ขอให้โชคดีก็แล้วกัน”

“ข้าก็ไม่อยากเจอเจ้า ไม่ต้องมาประชดประชันข้าหรอก รีบไปเลย”

“ข้าก็ไม่ได้ห่วงเจ้าเหมือนกัน ข้าพูดไปเพราะตามมารยาทหรอก” เซียวฮื่อยี้กล่าวทิ้งท้ายพร้อมกระตุกม้าเดินจากไป โดยไม่ได่หันมาเห็นทิซิมลั้งที่อยู่เบื้องหลังว่านางกระอักออกมาเป็นเลือด!

เซียวฮื่อยี้ที่อยู่บนหลังม้าเดินจากมาไม่ไกล ก็พูดคุยกับม้าของตัวเองว่า

“ผักกาดขาว ข้าฉลาดไหมล่ะข้าพูแค่สองสามประโยคก็ไล่นางได้แล้ว ข้าจะสอนเจ้านะ รับมือกับผู้หญิงน่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ยากกว่าดำนาอีก...นี่ผักกาดขาวเชื่อไหม เดี๋ยวเขาต้องมาหาเรา เจ้าไม่เชื่อเหรอ งั้นเรารออยู่ที่นี่” เซียวฮื่อยี้พูดเองเออเองคนเดียวเสร็จสรรพดแดล้วหยุดม้ารอ

“เฮ้อ ป่านนี้ทำไมยังไม่มาน๊า นี่ผักกาดขาวหรือว่านางจะหลงทางหรือไม่ก็กุลธิดาเตียเจ็งตามมาทัน เอาตัวนางไป เจ้าว่าไง เรากลับไปดูกันเถอะ” เซียวฮื่อยี้ขึ้นบนหลังม้าแล้วกลับไปทางเดิม จนพบทิซิมลั้งนอนอยู่ที่เดิม

“เฮ้อ...นอนอีกแล้ว นี่ไม่ใช่ที่นอนนะหนู” แต่แล้วเซียวฮื่อยี้ก็ตกใจเมื่อเห็นคราบเลือดที่ปากของนาง พร้อมทั้งผิวกายที่ร้อนหลังจากเอามืออังหน้าผากนาง

“นี่ข้าไม่ได้ล่วงเกินเจ้านะ แต่ข้าอยากรู้ว่าทำไมเจ้าถึงเจ็บป่วย เจ้าบาดเจ็บ หนำซ้ำยังโดนยาสั่ง แต่ข้าไม่มีทางเลือกนี่นา”

“ไม่ต้องมายุ่ง ปล่อยให้ข้าตายเถอะ” ทิซิมลั้งที่ยังพอรู้สึกตัวบอกเซียวฮื่อยี้

“อพิโถ คนใจร้าย ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ”

“เจ้าเป็นคนพูดเอง เราไม่ใช่ญาติกัน”

“ก็จริงนี่นา เราไม่ใช่ญาติโยมกัน แต่ปล่อยเจ้าไว้ให้ตายที่นี่ แล้วที่ช่วยเจ้าเอาไว้ใครจะมาตอบแทนล่ะเซียวฮื่อยี้ไมใช่คนโง่นะ ถึงจะเป็นหมูเป็นหมา แต่ก็ไม่ยอมเป็นลาเสียเปรียบใคร จะพาเจ้าไปเอง” แล้วเขาก็จับนางขึ้นหลังม้าพาเดินเข้าไปในเมืองพร้อมทั้งบอกทิซิมลั้งที่หมดสติว่า

“วางใจเถอะมีเซียวฮื่อยี้ไม่ปล่อยให้เจ้าตายหรอก” เซียวฮื่อยี้ทำตามสัญญา เขาดูแลนางเป็นอย่างดี
ช่วงที่อยู่กับเซียวฮื่อยี้ทิซิมลั้งพบว่าเซียวฮื่อยี้ เป็นเด็กทีชอบแกล้งคนอื่นไปวันๆ นอกจากไม่แค้นเคืองเขาแต่ยังรู้สึกว่าเขาเป็นคนน่ารัก กระทั่งทิซิมลั้งเกิดความรู้สึกมิอาจแยกจากเซียวฮื่อยี้โดยไม่รู้ตัว ส่วนเซียวฮื่อยี้แม้จะพยายามปฏิเสธให้ไม่สนใจในตัวนาง แต่จิตใจของชายหนุ่มก็อดหวั่นไหวไม่ ทิซิมลั้งจึงถือเป็นรกแรกของเจ้าปลาน้อยจอมกะล่อนก็ว่าได้

ที่โรงเตี๊ยมในเมือง เซียวฮื่อยี้ได้พบกับฮวยบ่อข่วยเป็นครั้งแรก แม้เพียงแว่บแรกทีเห็นกันทั้งคู่ ต่างรู้สึกประหลาดใจและหวนคิดคำนึงถึงความฝันของตัวเอง แต่ทันใดนั้นเองตียเจ็งก็ปรากฏตัวขึ้นถามหาเซียวฮื่อยี้กับทิซิมลั้ง ทั้งคู่จึงแยกย้ายกันหนี เซียวฮื่อยี้ปลอมตัวเป็นคนแก่ตบตาเตียเจ็ง กว่านางจะไหวตัวทัน จอมกะล่อนเซียวฮื่อยี้ก็ลื่นหลุดไปได้ ฮวยบ่อข่วยที่บังเอิญเห็นเหตุการณ์ด้วยความสงสัยจึงสะกดรอยตามห่างๆ จนทำให้เขาพบทิซิมลั้งที่คอกม้า นางซุกตัวอยู่ในกองฟาง การจู่โจมของฮวยบ่อข่วยทำให้นางตกใจ

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2012, 12:09:44 PM »


“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ทิซิมลั้งร้องด้วยความตกใจ

“ข้ากำลังหาตัวเจ้า”

“แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าอยู่นี่”

“มันเป็นมิติที่หกนำให้ข้ามาพบเจ้าที่นี่นะ เจ้าถูกผู้หญิงชุดแดงตามล่า”

“ใช่แล้ว เขาคือกุลธิดาชุดแดงเตียเจ็ง”

... “แล้วเจ้าอยู่กับผู้เฒ่าคนนึงใช่ไหม?”

“ผู้เฒ่าคนนึงเหรอ เปล่านี่นา”

“หากว่าข้าเดาไม่ผิด ผู้เฒ่าคนนั้นก็คือคนที่มีแผลเป็นแก้มซ้ายปลอมตัวไป”

“อ๋อ ใช่แล้ว เขาปลอมตัวเป็นผู้เฒ่าหลอกล่อเตียเจ็งไปที่อื่น เขาเป็นสหายของข้านะ เจ้าเห็นเขาเหรอ”

“เขาถูกคนชุดแดงตามล่าอยู่”

“แย่แล้ว”

“เรารีบไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”

ด้านเซียวฮื่อยี้ที่เห็นฮวยบ่อข่วยอยู่กับทิซิมลั้งก็รู้สึกหมั่นไส้จึงไม่แสดงตัว ได้แต่รำพึงรำพันกับตัวเองว่า

“ผู้หญิงนี่น๊าเปลี่ยนใจเร็วเหลือเกิน แค่แยกทางกับเราไม่กี่ชั่วยามเขาก็ไปกับผู้ชายคนอื่นแล้ว ดีแล้วไม่มีคนกวนใจ เราไปไหนมาไหนได้เสรี เราหมดทุกข์แล้ว แต่ว่า หัวใจเรามันรู้สึกตุ๊บๆนะ...ไม่ ไม่ใช่ ตุ๊บๆต้องบอกว่าโล่งใจ”

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2012, 12:15:02 PM »


เดชเซียวฮื่อยี้ ตอนที่ 6

ที่โรงเตี๊ยม ฮวยบ่อข่วยและทิซิมลั้งกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ มีอาหารหลายหลากวางอยู่บนโต๊ะ จนทำให้ทิซิมลั้งอดถามไม่ได้ว่า

“คุณชายฮวย อยู่ที่วังเคลื่อนบุปผาน่ะ ทานข้าวกันแบบนี้เหรอ?”

“ไม่ใช่หรอก อาหารที่วังเคลื่อนบุปผาน่ะสมบูรณ์กว่าที่นี่มาก แต่มาอยู่ข้างนอกจะหรูหราก็ไม่ได้หรอก หรือว่าอาหารที่นี่ไม่ถูกปากเจ้า”

“ไม่หรอก ข้าเพียงรู้สึกว่าเราทานกันสองคน สั่งอาหารมามากมาย อย่างนี้รับรองว่าทานไม่หมดหรอก รู้สึกจะฟุ่มเฟือยมากไปหน่อย”

“ที่วังเคลื่อนบุปผาถ้ากินอาหารไม่หมด เราจะให้สาวกกินกัน”

“ที่วังเคลื่อนบุปผามีสาวกมากเท่าไหร่”

“มากมายเหลือเกิน”

“ในวังเคลื่อนบุปผามันเหมือนพระตำหนักจริงเหรอคะ?” ทิซิมลั้งถามด้วยความอยากรู้

“ข้าคิดว่าคงจะดีกว่าพระตำหนักนะ”

“จริงเหรอเนี่ย”

“พระตำหนักน่ะข้าไม่เคยเข้าหรอก ถึงเป็นพระตำหนัก แต่ก็ไม่มีดอกไม้มากมายเท่ากับวังเคลื่อนบุปผาของเราหรอก”

“งั้นเจ้าเป็นชายคนเดียวในวังเคลื่อนบุปผาใช่ไหม?”

“ถูกต้องแล้ว นอกจากข้าคนเดียว นอกนั้นเป็นผู้หญิงทั้งนั้น”

“วังเคลื่อนบุปผาทำให้คนรู้สึกว่าเป็นสถานที่ลึกลับ ไปไม่ถึง ฉายานี้ได้ยินก็ขวัญหายแล้ว วันนี้ข้าได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าได้ ก็เหมือนกับคนธรรมดาซินะ”

“แล้วข้าไม่ใช่คนธรรมดาเหรอ?”

“เจ้าไม่ใช่คนธรรมดาแน่ เจ้าคือศิษย์เอกของประมุขเหยาเยี่ยและรองประมุขเลี่ยงแช”

“วังบุปผาน่ากลัวขนาดไหนถึงได้ทำให้คนถอยกระเจิงกัน” ฮวยบ่อข่วยสงสัย เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสถานที่ที่เขาเติบโตมาจะมีคนเกรงกลัวมากขนาดนี้

“แต่เจ้าไม่เหมือนกับคนในวังเคลื่อนบุปผาหรอก มี่น่ากลัวอะไร” ทิซิมลั้งบอกด้วยความจริงใจ

“จริงน่ะเหรอ”

“อือ”

“ในวังบุปผาน่ะไม่มีคนสวยเหมือนเจ้าสักคนหนึ่ง”

“จริงเหรอคะ”

“อือ” ฮวยบ่อข่วยพยักหน้าด้วยความจริงใจ

สนทนากันได้ไม่นาน อาการป่วยของทิซิมลั้ง ก็กำเริบอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงฮวยบ่อข่วยจึงมอบยาให้นาง

“แม่นางนี่คือยาหัวใจคิมหันต์นะ ปรุงจากสมุนไพรสี่ฤดูกาล หากว่าเจ้าทานยานี้แล้ว อาการเจ็บป่วยจะหายทันทีเลย”
แม้ทิซิมลั้งจะซาบซึ้งในบุญคุณของฮวยบ่อข่วย แต่นางก็ยังรำพึงถึงเซียวฮื่อยี้ด้วยความเป็นห่วง

ด้านเซียวฮื่อยี้ที่เดินทางตามลำพัง แต่ก็อดคิดถึงทิซิมลั้งจนเผลอตัวเอ่ยปากชื่อนางออกมา ทันใดนั้นบุรุษชุดดำก็ปรากฏกายขึ้น เขาคือ “แมงมุมดำ” เฮ็กตีตู ผู้รอบรู้ไปทุกเรื่อง ด้วยนิสัยที่ชอบกลั่นแกล้งคนจนเคยตัว ทำให้เซียวฮื่อยี้อดที่จะแกล้งแมงมุมดำด้วยความสนุกไม่ได้

“สุนัขดีไม่ขวางทาง” แมงมุมดำเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“เจ้าว่าข้าเป็นสุนัขเหรอ แล้วเจ้าเป็นใครเหรอ”

“แม้แต่ข้าเจ้ายังไม่รู้จัก แสดงว่าเจ้าไร้ความรู้ จะมาผาดโผนในยุทธภพได้ยังไง”

“เจ้าน่ะซิที่ไม่รอบรู้ แม้แต่ข้าเจ้ายังไม่รู้จัก แล้วมาผาดโผนในยุทธภพได้ยังไงฮะ” เซียวฮื่อยี้ยอกย้อน

“หากจแก่งกล้าสามารถ คงไม่ถูกนางมารร้ายไล่ล่าจนแทบจะไม่มีที่ซุกหัว ต้องทำตัวหดหัวอยู่ในกระดอง รักตัวกลัวตายไม่กล้าโผล่” แมงมุมดำว่า

“เจ้ารู้ได้ยังไง”

“ข้ามีนามว่า “แปะเฮียวแป่” เป็นผู้รอบรู้ของยุทธภพ ไม่มีเรื่องใดที่ไม่ร็”

“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นเจ้ารู้ไหมว่าในตัวข้ามีขนกี่มากน้อย โธ่ นึกว่าตัวเองเก่ง แมงมุมขาเยอะ หมองน้อย”

“เอาเถอะ ขอทราบชื่อเสียงของเจ้าหน่อย ไม่ทราบว่ามีฉายาว่าอะไร”

“ได้ ข้าจะบอกให้เอาบุญ ข้าน่ะคือพ่อแม่พี่น้อง ปู่ย่าตายายของเจ้าไง แต่ว่าเจ้าขาดคุณสมบัติที่จะเรียกชื่อข้า จะเรียกปู่ย่าตายายข้าก็ไม่ว่า เอาเป็นว่า เรียกข้าพี่ใหญ่ก็พอแล้วนะน้อง”

“ในยุทธภพนี้คนเรียกข้าพี่ใหญ่มีไม่น้อย อยากเป็นใหญ่กับข้า เอาชนะข้าให้ได้แล้วกัน” แมงมุมดำบอกก่อนที่จะลงมือประลองยุทธกับเซียวฮื่อยี้ที่หลอกให้สกัดจุดตัวเองเหมือนอย่างที่หลอกทิซิมลั้ง ทำให้เซียวฮื่อยี้ผยองในตัวเอง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เฮ้อ ข้านึกไม่ถึงเลยวิชาของข้ามันไม่เคยพลาดเลย ที่จรงไม่มีจันทรา 7 ก้าวหรอก มีแต่คนโง่ๆไอ้งั่งเอ๊ย” เซียวฮื่อยี้ได้ทีเยาะเย้ยแมงมุมดำและเรียกร้องให้เขาเรียกตัวเองว่าพี่ใหญ่ แต่แมงมุมดำ มีข้อแลกเปลี่ยนด้วยการชักชวนเซียวฮื่อยี้ให้ไปเล่นที่หมู่บ้านมู่หยง คำว่าจะมีงานชุมนุมชาวยุทธทำให้เซียวฮื่อยี้สนใจ แม้แฮ็กตีตูจะบอกว่าเขาโชคร้ายที่ได้เจอกับเซียวฮื่อยี้ แต่เขาก็รักษาคำพูดด้วยการพาเซียวฮื่อยี้ไปหมู่บ้านมู่หยงกับเขาด้วย

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2012, 12:18:37 PM »


ที่หมู่บ้านมู่หยง เซียวฮื่อยี้ได้พบกับมู่หย่งเก้า ลูกสาวคนเล็กของตระกูลมู่หยง มู่หยงเก้าเป็นหญิงสาวหน้าตางดงามเป็นเลิศ แต่ได้เห็นเป็นครั้งแรก เซียวฮื่อยี้ก็ดูนิสัยนางออกว่าท่าทางเป็นคนใจคอโหดร้าย และเย็นชา เพราะเก็บตัวอยู่คนเดียวเงียบๆ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจนางมากมาย มีแต่เฮ็กตีตูที่มองนางด้วยสายตาชื่นชม เพราะหลงรักนางมานาน แต่ไม่กล้าเผยความในใจให้นางรู้

ในงานเลี้ยงครบรอบวันเกิดของเจ้าบ้านตระกูลมู่หยง ที่นั่นมีกังเปี๊ยกเฮาะและกังเง็กนึ้งลูกชายร่วมอยู่ด้วย กังเปี๊ยกเฮาะสร้างสถานการณ์ลวงขึ้นมาเพื่อให้ชาวยุทธเข้าใจว่าเขาเป็นคนดีมีคุณธรรม ซึ่งก็ได้ผล เหล่าชาวยุทธต่างชื่นชมในความเป็นจอมยุทธของเขา

ด้วยนิสัยที่ซุกซน เซียวฮื่อยี้แอบเข้าไปในห้องครัว แล้วเอายาถ่ายใส่เข้าไปในอาหารเพื่อหวังให้เหล่าจอมยุทธท้องเสีย

ฝ่ายฮวยบ่อข่วยได้รับคำสั่งจากประมุขเหยาเยี่ยให้ไปหมู่บ้านมู่หยงโดยมีภารกิจให้ทำสองประการคือฆ่าเซียวฮื่อยี้ และนำยาขวดหนึ่งไปให้เจ้าบ้านมู่หยง ทิซิมลั้งเพื่อตามหาเซียวฮื่อยี้จึงขอติดตามฮวยบ่อข่วยไปด้วยเพราะคิดว่าที่ไหนมีงานใหญ่ ผู้คนมากมาย เซียสฮื่อยี้ตองอยู่ที่นั่น
ทิซิมลั้งที่เดินทางมากับฮวยบ่อข่วย มีนิสับร่าเริงและเปิดเผย เธอได้สร้างความรู้สึกที่แตกต่างให้กับฮวยบ่อข่วยซึ่งเจอแต่ผู้หญิงที่แต่งหน้าทาปากในวัง ด้วยเหตุนี้ในใจของฮวยบ่อข่วยจึงเกิดความหวั่นไหว และสภาพเช่นนี้กลับกบายเป็นอุปสรรคที่สำคัญของฮวยบ่อข่วยในการสังหารเซียวฮื่อยี้ในวันหลัง

ขณะที่เซียวฮื่อยี้กำลังมีความสุขกับงานใหญ่ เตตียเจ็งก็ปรากฏกายขึ้นความแสบของนางทำให้เขาเรียกนางว่า “พริกขี้หนู” และพยายามหลบหลีกนาง แต่เนื่องจากเป็นงานชุมนุมของเหล่าจอมยุทธ เตียเจ็งจึงมาสามารถทำอะไรเซียวฮื่อยี้ได้ถนัดนัก เพียงไม่นานนึกไม่ถึงว่าอาหารที่เหล่าจอมยุทธกินเข้าไปกลับกลายเป็นอาหารที่มีพิษ เซียวฮื่อยี้ไม่เข้าใจว่าเขาเพียงแต่ใส่ยาถ่ายไปได้เท่านั้น ทำไมถึงกลายเป็นยาพิษไปได้ เตียเจ็งปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งปรักปรำเซียวฮื่อยี้ว่า

“เจ้าวางยาพิษเขาเหล่านั้น”

“ใครบอกล่ะ ข้าไม่ได้วางยาพิษ ยาที่ข้าใส่น่ะเป็นแค่ยาถ่ายเท่านั้นเอง”

“เจ้าตัวแสบ” เตียเจ็งไม่ฟังคำแก้ตัวของเซียวฮื่อยี้ นางลงมือทำร้ายเซียวฮื่อยี้ทันที เซียวฮื่อยี้ที่มีวิทยายุทธห่างชั้นกับเตียเจ็ง เขาทำได้อย่างเดียวก็คือหนี!

ขณะเดียวกัน ในห้องจัดเลี้ยงเหล่าเชายุทธ กำลังใช้พลังวัตไล่พิษออกจากร่างกายให้กันและกันอยู่ฮวยบ่อข่วยปรากฏกายขึ้นพร้อมทิซิมลั้ง เขามอบยาแก้พิษให้กับเจ้าบ้านมู่หยงในขณะที่มู่หยงเก้าสาละวน อยู่กับการดูอาการของเจ้าบ้านมู่หยงอยู่

“เฮ็กตีตูเจ้าเอาพลังวัตของเจ้าขับพิษให้แม่ข้า” มู่หยงเก้าบอกแมงมุมดำแล้วหันมาหาเจ้าบ้านมู่หยง

“พ่อ”

“มีทางแก้ไขไหม?” เจ้าบ้านมู่หยงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

“ข้าไม่มียาค่ะ เห็นทีต้องเอายาจากคนที่วางยาพิษ”

“ข้ามียาถอนพิษ ข้าถอนพิษให้พวกเจ้าได้” ฮวยบ่อข่วยปรากฏกายพร้อมทิซิมลั้ง

“เจ้าเป็นใคร” มู่หยงเก้าร้องถามบุรุษแปลกหน้าด้วยความแปลกใจ

“ข้าเป็นศิษย์เอกของประมุขเหยาเยี่ย ประมุขวังเคลื่อนบุปผามาอวยพรวันเกิดให้กับท่าน แต่มาถึงกลับเจอเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นแบบนี้ ยาขวดนี้สามารถถอนพิษให้กับพวกเขาได้ นี่ เป็นเขี้ยวพิษแห่งวังบุปผาของข้า ขอเพียงท่านกินหนึ่งเม็ด พิษในปัฐพีนี้จะถูกขับออกจากร่างได้หมดเลย”

“วังบุปผาได้แต่จะฆ่าคนนี่นาจะช่วยคนได้อย่างไร” ชาวยุทธผู้หนึ่งที่อาการกำลังแย่แย้งขึ้นมา

“ถ้าหากเป็นยาถอนพิษจริงๆล่ะก็ ข้าพร้อมจะลองยาเป็นคนแรก” กังเปี๊ยกเฮาะเสนอตัวเองแล้วกินยาถอนพิษเข้าไป สักพักหนึ่งอาการก็ดีขึ้น

“ยาถอนพิษนี้มีประสิทธิภาพดีเลิศ ข้ากินเข้าไปแล้วอาการดีขึ้น พิษถูกขับออกมาหมด” กังเปี๊ยกเฮาะบอกแก่เจ้าบ้านมู่หยง

“ตอนนี้พวกท่านก็กินยาถอนพิษได้แล้ว” ฮวยบ่อข่วยบอกกับเหล่าชาวยุทธที่ได้รับพิษ
เซียวฮื่อยี้ที่หนีเตียเจ็งไม่พ้นยังถูกนางตามทำร้าย เสียงการต่อสู้ดังไปถึงห้องงานเลี้ยง

“เจ้าตัวแสบอย่าหนีนะ” เสียงเตียเจ็งร้องบอกเซียวฮื่อยี้

“นังพริกขี้หนู หากข้าตายใครจะจูบเจ้าล่ะ” แม้จะสู้นางไม่ได้ แต่เซียวฮื่อยี้ก็ปัดป้องตัวเอง และยั่วอารมณ์นางไปด้วยความสนุก

“เซียวฮื่อยี้ ข้ากำลังตามหาเจ้าอยู่” ทิซิมลั้งร้องบอกเซียวฮื่อยี้ด้วยความดีใจ

แมงมุมดำเฮ็กตีตูเข้าใจผิดคิดว่าเซียวฮื่อยี้เป็นคนวางยาพิษไปด้วยจึงเข้าทำร้ายเขา แต่เซียวฮื่อยี้ใช้ไหวพริบพริกสถานการณ์ใช้เตียเจ็งเป็นกำบังแล้วหลบหนีไป เจ้าบ้านมู่หยงกล่าวขอบคุณฮวยบ่อข่วย แล้วรับเขาไว้เป็นแขกในบ้าน ทุกคนเข้าใจว่าการวางยาพิษในอาหารเป็นฝีมือของเซียวฮื่อยี้ โดยเฉพาะเตียเจ็ง ประกาศว่าจะฆ่าเซียวฮื่อยี้ด้วยมือของนางเอง ส่วนแมงมุมดำนั้นยอมรับว่าเป็นความสะเพร่าของตัวเองที่รู้จักเซียวฮื่อยี้เพียงไม่นานก็พาเขาเข้าบ้านตระกูลมู่หยงด้วยคิดว่าเขาจะมาเล่นสนุกสนานเท่านั้น ไม่นึกว่าเซียวฮื่อยี้จะมาทำเรื่องที่ร้ายแรงเช่นนี้
เจ้าบ้านมู่หยงสั่งตามล่าเวียวฮื่อยี้แทบพลิกหมู่บ้าน แต่ทิวิมลั้งมั่นใจว่าเซียวฮื่อยี้ไม่ใช่คนวางยาพิษแน่


prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2012, 12:32:58 PM »

เดชเซียวฮื่อยี้ ตอนที่ 7

เซียวฮื่อยี้ที่ถูกตามล่า ยังไม่ได้หนีไปไหนไกล เพราะเขายึดมั่นในคำกล่าวที่ว่า “ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด” เขาไปแอบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเฮ็กตีตู ซึ่งยังอยู่ในบริเวณบ้านมู่หยง

แมงมุมดำมาเจอเซียวฮื่อยี้ที่นอนหลับสบาย ไม่พูดพล่ามทำเพลง เขาลงมือทำร้ายเซียวฮื่อยี้ทันที ไม่เพียงแมงมุมดำคนเดียว เตียเจ็งยังตามมาสมทบด้วย ทั้งสองไล่ล่าเซียวอื่อยี้ที่หนีเตลิดไปในเขตหวงห้ามของม...ู่หยงเก้า ธิดาคนเล็กของเจ้าบ้านมู่หยง แมงมุมดำดูเหมือนจะรู้ข้อห้ามนี้ดีจึงรั้งรอไม่เข้าไป แต่เตียเจ็งไม่ยอมปล่อยให้เซียวฮื่อยี้หลุดมือแน่ นางวิ่งตามเข้าไปไม่ลดละ เมื่อทันก็ลงมือทำร้ายเขา ระหว่างการต่อสู่มู่หยงเก้าเข้ามาขวาง

“เจ้าเข้ามาสถานที่ของข้ายังจะฆ่าคนอีกเหรอ” มู่หยงเก้าร้องบอกเตียเจ็ง

“ใช่แล้วๆ นางน่ะเป็นคนบ้านะเนี่ย” เวียวฮื่อยื้ เห็นว่าไหนๆก็หนีไม่รอดแน่แล้ว มิสู้ยุแหย่สองสาวให้ผิดใจกันดีกว่าหรือ เตียเจ๊งคิดจะฆ่าเซียวฮื่อยี้แต่ถูกมู่หยงเก้าขัดขวางพี่น้องสองสาวจึงเกิดการต้อสู้กัน ในขณะที่เซียวฮื่อยี้มองด้วยความสนุกสนาน

“ไม่ได้นะข้าไม่ให้เจ้าฆ่าเขา” มู่หยงเก้าร้องบอกเตียเจ็ง

“ก็ได้ข้าไม่ฆ่าเขา เจ้าฆ่าเขาเอง”

“ข้าอยากจะฆ่าก็ฆ่า ไม่อยากฆ่าก็ไม่ฆ่า ไม่มีใครมาสั่งข้าได้หรอกนะ”


“ใช่แล้ว ที่นี่เป็นสวนของแม่นางเก้า มันเป็นเรื่องของแม่นางเก้านะ เจ้าไม่ต้องเข้ามาสอด ไป๊ ไป ไป” ฌวียวฮื่อยี้เห็นทางรอดจึงรีบพูดเอาใจมู่หยงเก้าด้วยความกะล่อน

“จะตายแล้วยังมาทำปากดีนะ” เตียเจ็งขุ่แล้วจะเข้าทำร้ายเซียวฮื่อยี้ แต่ถูกมู่หยงเก้าขัดขวางอีกครั้ง

“เจ้าเข้าข้างเขาเหรอ?”

“ข้าไม่ได้เข้าข้างเขา แต่หากเขาจะตาย เขาจะมาตายในสถานที่ของข้าไม่ได้ หากเจ้าอยากจะฆ่าเขา ให้เขาออกไปจากเขตของข้าก่อน” มู่หยงเก้าบอกเตียเจ็ง ด้วยท่าทีหยิ่งทะนง

“ได้ งั้นข้าจะไปตามคนมาล้อมไว้ให้หมด คอยวันเจ้าออกไป” เตียเจ็งบอกเซียวฮื่อยี้อย่างมาดหมาย


prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2012, 12:36:46 PM »

“ดีๆๆ ไปเรียกมาเยอะๆ เรียกคนที่ตายไปแล้วด้วยก็ได้นะ ถ้าเขามาข้าจะเล่าให้เขาฟัง ปากเจ้าคมเฉียบอย่าได้จูบเชียว”

เซียวฮื่อยี้ยังคงยั่วเตียเจ็งไม่เลิก ในที่สุดฝ่ายเตียเจ็งก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้มู่หยงเก้าจนต้องยอมปล่อยเซียวฮื่อยี้ไป ด้วยความโกรธ

“ขอบคุณแม่นางเก้าที่ช่วยข้าครับ”

“ใครบอกว่าข้าช่วยเจ้าล่ะ”

“ข้ารู้ว้าเจ้าอยากจะฆ่าข้า แต่ไม่อยากให้เลือดในตัวของข้าเปื้อนมือเจ้าใช่ไหมล่ะ”

... “เรื่องอะไรล่ะ ในเมื่อคนนับร้อยอยากฆ่าเจ้า ทำไมข้าต้องลงมือเอง” มู่หยงเก้าพูดแล้วเดินหนีไป แต่เซียวฮื่อยี้ก็ตามติด

“เดี๋ยวๆๆ”

“เจ้าตามข้ามาทำไม”

“เจ้าไม่อยากรู้เหรอว่าใครเป็นคนวางยาพิษ”

“ฮึ ต้องไม่ใช่เจ้าแน่ๆ” มู่หยงเก้าเอ่ยน้ำเสียงดูหมิ่น “น้ำหน้าอย่างเจ้าจะมีปัญญาเหรอ ข้าว่าจะต้องมีคนอื่นแน่ๆ”

“เจ้าทายถูกต้องเลย ไม่ใช่ข้าหรอก พิษนั้นร้ายแรงมาก ข้ามาจากหุบเขาคนโฉดด้วย แล้วด้วยฝีมือของข้า เจ้าเดาไม่ออกหรอห ยกเว้นเสียจากจะมีคนแกล้งข้า”

“เจ้ามาจากหุบเขาคนโฉดเหรอ?”

“ใช่แล้ว ไงล่ะ ได้ยินแล้วกลัวใช่ไหม?” เซียวฮื่อยี้พูดพลางวิ่งตามนางเข้าไปในเขตหวงห้ามของนาง โดยที่นางไม่ได้ห้ามปราม

“นี่แม่นางเก้า เจ้าให้ข้าเข้ามาเพราะอยากถามข้าใช่ม๊า รู้ไหมทำไมแม่นางเตียเจ็งน่ะถึงได้เกลียดชังข้านักก็เพราะว้าข้าจูบนางไงล่ะ ฮะ ฮา ฮ่า” เซียวฮื่อยี้พูดพลางถือวิสาสะรินชาน้ำดื่มด้วยความสุขใจ

“เตียเจ็งเป็นผู้หญิงดุร้าย ถ้าหากเจ้าได้จูบเขาจริงๆ แล้วเจ้าอายุยืนมาจนถึงป่านนี้นับว่าเจ้าเก่งมากนะ”

“เจ้าไม่เชื่อเหรอ? ลองม๊า” เซียวฮื่อยี้ยื่นหน้ายื่นตายั่วมู่หยงเก้าจึงถูกนางใช้มือฟาดเข้าที่ใบหน้า

“โอ้ย” แม้จะร้องว่าเจ็บแต่ก็ยังไม่วายยั่วนางต่อ

“ข้าเตือนไว้ก่อน หากเจ้ายังปากเสียอย่างนี้ เจ้าจะได้เห็นลิ้นเจ้าออกมากองแน่ๆ” มู่หยงเก้าขู่


“เวลาเจ้าดุอย่างนี้สวยกว่าทำเฉยเป็นกองเลยนะ เขาว่าผู้หญิงโกรธเท่ากับผู้หญิงให้ท่า แต่ว่านะถึงเจ้าจะให้ท่า ข้าก็ไม่รับทานหรอก” เซียวฮื่อยี้บอกแล้ววิ่งหนี ซึ่งก็มีมู่หยงเก้าวิ่งตามเพื่อชำระความแค้นที่โดนดูหมิ่น เซียวฮื่อยี้วิ่งหนีเข้าไปในห้องยาของนางความที่เคยคุ้นเคยกับห้องยาของบ่วงหลิ่วชุนที่หุบเขาคนโฉด เพียงแค่สูดกลิ่นเซียวฮื่อยี้ก็รู้ว่ามียาทั้งหมดกี่ชนิด แถมยังเกทับว่ารู้มากกว่านางเสียอีก และรู้ว่ายาเหล่านั้นเป็นยาพิษมากกว่ายาบำรุง

มู่หยงเก้าที่มีจิตใจเย็นชาคิดสั่งสอนเซียวฮื่อยี้ ด้วยการพ่นยาสลบใส่เขา นึกไม่ถึงว่านอกจากเซียวฮื่อยี้จะรู้ทันนาง ใช้วิชาจำศีลกลั้นลมปราณทำให้ไม่โดนยาสลบนั้น เขายังเข้าไปก่อกวนนางถึงห้องฝึกยุทธอีกด้วย ภาพที่เซียวฮื่อยี้เห็นคือภาพของมู่หยงเก้าเปลือยกายนั่งฝึกยุทธอยู่ในอ่างน้ำแข็ง วิชาที่นางฝึกก็คือวิชามาร “ดรุณีเมฆขาว” หรือ “ดรุณเทพ” ผู้ฝึกวิชาจะต้องเป็นสาวพรหมจรรย์ หากฝึกสำเร็จเนื้อหนังคือหิน มีดผาฟันไม่เข้า ซึ่งถ้าหากว่าเจ้าบ้านมู่หยงรู้ว่านางแอบฝึกยุทธนี้ จะต้องลงโทษนางแน่ เมื่อเซียวฮื่อยี้รู้ความลับนี้ แถมยังพูดจายั่วโมโหนาง มู่หยงเก้าจึงแค้นใจ แต่ด้วยเหตุที่ยังฝึกยุทธอยู่จึงไม่สามารถขยับตัวทำอะไรได้เพราะจะทำให้ลมปราณแตกซ่านเป็นอันตรายถึงชีวิต


prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2012, 11:55:28 AM »

แต่สุดท้ายก็หนีเงื้อมมือของมู่หยงเก้าไม่พ้น เพื่อลบล้างความอับอายมู่หยงเก้าลงมือซ้อมเซียวฮื่อยี้อย่างหนักมากจนเซียวฮื่อยี้ถึงกับบอกว่าหากตัวเองไม่ตายซะก่อนจะชำระแค้นเธอคืนเป็นเท่าทวี นางแกล้งเขาหนาวเหน็บอยู่ในห้องน้ำแข็งของนาง แล้วใช้ไฟเผาเขาทั้งเป็น โชคดีที่หน้ากากทองมาช่วยไว้ได้ทัน ระหว่างนั้นประมุขวังเคลื่อนบุปผาปรากฏกายต่อหน้าฮวยบ่อข่วยย้ำถึงคำสั่งที่นางบอกให้เขาฆ่าเซียวฮื่อยี้ ฮวยบ่อข่วยได้พบ...กับเซียวฮื่อยี้ ทั้งสองต่างรู้สึกต่างเป็นคนในฝันของกันและกัน เซียวฮื่อยี้ที่นอนอยู่กลางห้องขยับตัวไม่ได้เพราะถูกจี้สกัดจุด เมื่อเห็นหน้าฮวยบ่อข่วยเขาก็รำพึงกับตัวเอง

“เป็นเขาเหรอ?”

ส่วนฮวยบ่อข่วยก็รำพึงกับตัวเองเช่นเดียวกัน “เป็นเขาจริงๆนั่นแหละทำไมเป็นเขานะ” แล้วก็คลายจุดให้เซียวฮื่อยี้

“เจ้ารู้ได้ไงว่าข้าอยู่นี่ หน้ากากทองให้เจ้ามาเหรอ?” เซียวฮื่อยี้ตะลึงและถามไปด้วยความแปลกใจ

“หน้ากากทองอะไรเหรอ?” ฮวยบ่อข่วยถามกลับไปอย่างงงๆ

“เจ้าเป็นใคร” แต่เซียวฮื่อยี้ไม่สนใจที่จะตอบเขาถามกลับไปอย่างคนที่กำลังทบทวนความทรงจำ

“คำถามนี้เจ้าเคยถามข้าในฝัน” ฮวยบ่อข่วยบอกด้วยอาการเช่นเดียวกัน

“แต่ข้าไม่รู้เจ้าเป้นใคร”

“ฮวยบ่อข่วย” เสียงเน้นย้ำชื่อตัวเองหนักแน่น

“มาจากวังบุปผางั้นเหรอ?”

“เจ้ามาจากหุบเขาคนโฉด”

“ใช่”

“เจ้าคือเซียวฮื่อยี้”

“ถูกต้อง”

“ข้าเสียใจด้วย ข้าจำเป็นต้องฆ่าเจ้า”

“เดี๋ยว...เจ้าฆ่าข้าไม่ได้นะ” เซียวฮื่อยี้ที่เพิ่งตื่นจากตะลึงร้องบอกไป “เพราะว่าเจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า เจ้าฆ่าข้า เท่ากับเจ้าฆ่าตัวตาย” เซียวฮื่อยี้ใช้จังหวะที่ฮวยบ่อข่วยกำลังตะลึงกระโดดหนี แต่ก็ไม่พ้น เพราะฮวยบ่อข่วยตามทัน

“หากจะฆ่าข้า ทำไมถึงคลายจุดให้ข้า”

“ข้าไม่ซ้ำเติมคนที่เดือดร้อนหรอก”

ขณะที่ฮวยบ่อข่วยกำลังจะลงมืออีกครั้ง ทิซิมลั้งก็ออกมาขวางไว้ ทำให้ฮวยบ่อข่วยจำเป็นต้องปล่อยให้เซียวฮื่อยี้หนีรอดไป ซึ่งก็เป็น เพราะส่วนลึกในใจของฮวยบ่อข่วยที่ไม่อยากฆ่าเซียวฮื่อยี้ด้วย เหตุการณืทั้งหมดอยู่ในสายตาของประมุขเหยาเยี่ย เลี่ยงแชตลอด เหยาเยี่ยไม่พอใจฮวยบ่อข่วยและทิซิมลั้ง นางคิดจะฆ่าทิซิมลั้ง แต่เลี่ยงแชขวางไว้ นางจึงได้แต่เพียงแกล้งจับเซียวฮื่อยี้และทิซิมลั้งมานอนด้วยกันที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เพื่อฮวยบ่อข่วยจะได้เข้าใจผิดลัเลิกมีสัมพันธ์ทางใจกับทิซิมลั้ง


prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2012, 12:16:15 PM »

เดชเซียวฮื่อยี้ ตอนที่ 8

เหล่าเชายุทธที่มาชุมนุมกันที่บ้านตระกูลมู่หยง ต่างกล่าวยกย่องสรรเสริญฮวยบ่อข่วยและวังเคลื่อนบุปผา ทำให้ฮวยบ่อข่วยรู้สึกแปลกใจที่ก่อนหน้านี้เหล่าเชายุทธต่างมองว่าวังเคลื่อนบุปผาคือฝ่ายมาร

ทิเผี่ยโกว สาวใช้วังเคลื่อนบุปผา เป็นหญิงสาวหน้าตางดงาม แม้จะอายุไม่มากกว่าฮวยบ่อข่วยเท่าใดนัก แต่นางก็ได้รับมอบหมายให้เป็นที่ดูแลฮวยบ่อข่วยมาตั้งแต่เขายังเด็ก นางมาส่งข่าวให้ฮวยบ่อข่วยทราบว่า ประมุขเหยาเยี่ยต้องการพบเขา ทันทีที่ได้พบอาจารย์ ฮวยบ่อข่วยขออภัยนางที่เขาปล่อยให้เซียวฮื่อยี้หนีรอดไปได้ แต่นอกจากจะไม่ถือโทษเขาแล้ว ยังชมเชยที่เขาทำให้เหล่าชาวยุทธมองวังเคลื่อนบุปผาในทางที่ดีขึ้น นางได้มอบหมายงานอีกชิ้นหนึ่งให้เขาทำด้วย คือการสร้างภาพที่ดีให้แก่วังเคลื่อนบุปผาแต่ก็ยังย้ำถึงคำสั่งที่ให้ฆ่าเซียวฮื่อยี้

เซียวฮื่อยี้และทิซิมลั้งที่เดินต่อล้อต่อเถียงกันมาระหว่างทางเดินขึ้นเขาบ้านตระกูลมู่หยง ทั้งสองได้พบกับเหล่าชาวยุทธที่แย่งชิงลายแทงขุมทรัพย์กัน เซียวฮื่อยี้สวมรอยเข้าไปร่วมชิงด้วย และแย่งมาได้ เมื่อทิซิมลั้งเห็นลายแทงผืนนั้นก็นึกเฉลียวใจว่าเพราะเหตุใดลายแทงผืนนั้นจึงเหมือนลายแทงที่ผืนที่นางมีทุกประการ

“ทำไมถึงได้เหมือนกันล่ะ”

“ก็ไหนเจ้าว่ามีอยู่แค่ใบเดียวเท่านั้นเองไงล่ะ”

“ก็มีอยู่แค่ใบเดียวน่ะสิ” ทิซิมลั้งบอกด้วยอาการฉงน

“หรือว่าเจ้าของลายแทงนี้ทำขึ้นหลายฉบับ แจกจ่ายไปทั่วยุทธภพ”

“เจ้าพูดถูก”

“ถ้าอย่างนี้ต้องมีแผนชั่วแน่เลย”

ทั้งสองเดินไปตามแผนที่ในลายแทง สุดท้ายก็คือที่หมู่บ้านมู่หยง และได้พบเหล่าจอมยุทธที่ฆ่าฟันกันตายเพราะแย่งชิงลายแทงอีกผืนหนึ่ง เซียวฮื่อยี้จึงได้ลายแทงที่เหมือนกันไว้ในมือถึง 3 ใบในห้องส่วนตัวของมู่หยงเก้านางกำลังเล่นหมากล้อมกับเตียเจ็งญาติสาวคนสนิท

“ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง รับรองเจ้าจะต้องดีใจแน่ๆ” มู่หยงเก้าเอ่ยปากสนทนา

“อะไรเหรอ” เตียเจ็งถามด้วยความสงสัย

“เจ้าหนุ่มที่มีแผลเป็นที่หน้า เขาจูบเจ้า แล้วแอบดูข้าเปลือยกายอาบน้ำ เราสองคนต่างเกลียดชังจนอยากจะสับมันออกมาเป็นชิ้นๆใช่ไหม?” มู่หยงเก้าบอกในขณะที่เตียเจ็งพยักหน้าเห็นด้วย

“แน่นอน หากเจอมันอีกครั้งข้าจะสับร่างมันแบ่งออกมาเป็น 18 ชิ้น ดีไหม เอามาให้หมากินเลย”

“เรื่องเจ้าหนุ่มทะลึ่งเนี่ยเหรอ ข้าว่าอย่าคิดถึงให้เสียเวลาไปเลย เพราะข้าฆ่ามันไปแล้ว ล้างแค้นให้เจ้าแล้ว”

“จริงเหรอ?”

“เมื่อไหร่ล่ะ”

“เมื่อคืนไงล่ะ เรากลับมาหาเขา”

“แต่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่นี่”

“ฮึ ฮึ ฮึ” มู่หยงเก้าหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ความจริงแล้วเขาซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำแข็ง เจ้าน่ะไม่เห็นเขาหรอก แต่ข้าเห็นเขา”

“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าล่ะ” เตียเจ็งลุกขึ้นมาประชิดตัวมู่หยงเก้า

“ข้ากลัวว่าเจ้าจะเปลี่ยนใจไม่ให้ข้าฆ่ามัน ข้าปิดเงียบรอให้มันตายซะก่อน ใช้ตะกั่วหลอมละลายยัดใส่รูกุญแจนั่น แล้วก็เอาน้ำมันก๊าดเทเข้าไปจากนั้นข้าก็จุดไฟเผา”

“อ๊า...” เตียเจ็งร้องด้วยความตกใจ พร้อมทั้งเอามือปิดปากมู่หยงเก้าและพูดว่า

“เขาถูกครอกตายแล้วเหรอ”

“ฮื่อ ข้าเผามันจนตายทั้งเป็น เป็นไง เจ้าไม่ดีใจรึ?”

เตียเจ็งฟังด้วยความสยดสยองแล้วพูดว่า

“น้องเก้า เจ้าอำมหิตจริงๆ”

“เจ้าอยากให้เขาตายนี่นา” มู่หยงเก้าถามด้วยความแปลกใจ

เตียเจ็งอึกอัก เพราะคิดว่า เซียวฮื่อยี้ตายแล้วจริงๆ นึกไม่ถึง ว่านอกจากจะแค้นเซียวฮื่อยี้แล้ว นางยังมีบ่วงในใจคิดถึงเขาตลอดเวลา เมื่อรู้ว่าเขาตายแล้วนางจึงเสียใจ แต่ก็เฉไฉตอบไปว่า “เอ่อ...คือ ข้า ข้าก็อยากให้เขาตายนะ แต่ว่า ข้าอยากฆ่าเขาด้วยมือของข้าเอง เจ้าเห็นแก่ตัวเกินไป เจ้าฆ่าเขาคนเดียว ไม่บอกข้าสักคำ”

“ไหนๆ เขาก็ตายไปแล้วน่า เชื่อว่าตอนนั้นเขาคงตายอย่างทรมาน ทุกขเวทนาที่สุด แบบเนี้ยจึงทุเลาแค้นข้าได้” มู่หยงเก้ากล่าวอย่างเลือดเย็น

“เจ้ามันน่าเกลียดเหลือเกิน เจ้ามันใจร้ายจริงๆด้วย” เตียเจ็งตะโกนใส่แล้ววิ่งออกไป

มู่หยงเก้าได้แต่รำพึงกับตัวเองว่า “ฮึ เดาใจยากจริงๆนะ”

เตียเจ็งที่วิ่งออกมายังไม่วายหันไปตะโกนใส่มู่หยงเก้าด้วยความโมโห “ผู้หญิงใจร้ายเหี้ยมโหด” แต่ก็บ่นพึมพำกับตัวเอง “แล้วข้าจะมาห่วงเขาทำไมล่ะ ไอ้คนทะลึ่งตึงตัง ตายไปเสียได้ก็ดีแล้ว โธ่”

เซียวฮื่อยี้ที่แอบดูอยู่ไม่รู้ว่านางโกรธใครมา

“พริกขี้หนู ปากคอเราะร้ายเหลือเกิน ใครทำให้นางโกรธ อ้อ...สงสัยทะเลาะกับนางสารพัดพิษแน่ๆ” เซียวฮื่อยี้รำพึงกับตัวเองแล้วก็หลบแว่บไปอีกเตียเจ็งที่กำลังโมโหเดินมาเจอกับทิซิมลั้ง นางจึงพาลทวงเอาลายแทงจากทิซิมลั้ง ทิซิมลั้งส่งลายแทงให้โดยดีทำให้เตียเจ็งประหลาดใจ แต่ทิซิมลั้งก็เฉลยว่าที่ตัวนางมีอีกใบหนึ่ง และที่เซียวฮื่อยี้ก็ยังมีอีกใบหนึ่งด้วย จึงทำให้เตียเจ็งรู้ว่าเซียวฮื่อยี้ยังมีชีวิตอยู่ นางดีใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าเซียวฮื่อยี้ยังไม่ตาย

“เซียวฮื่อ เจ้ายังไม่ตายซินะ เจ้าฉลาดตบตาน้องเก้าจนได้ ฮะ หมอนี่กะล่อนจริงๆ ข้าเตียเจ็งมองคนไม่ผิดแน่”

เซียวฮื่อยี้ที่แอบฟังอยู่ถึงกับรำพึงออกมาว่า

“อย่าบอกว่าเจ้าหลงรักข้าอีกคนนะ! สวรรค์ ทำไมน๊า ข้าน่าจะกินยาลดความหล่อมาด้วยนะ ละเว้นข้าเถอะ เฮ้อ”

ที่หลังคาบ้านตระกูลมู่หยง เซียวฮื่อยี้เห็นแมงมุมดำซึ่งมีวิชาตัวเบายอดเยี่ยมแอบมองมู่หยงเก้าที่กำลังตากสมุนไพรด้วยสายตาที่แสดงถึงความรัก แต่เป็นความรักที่ไม่มีความหวัง

“โถ่เอ๊ย เจ้าแมงมุมหน้าโง่ ดันไปหลงใหลนางสารพัดพิษ นางใจร้ายรู้ไหม หนอยแน่ะจะเผาข้าทั้งเป็น ต้องล้างแค้นให้ได้”

ภาพการต่อสู้ของเหล่าจอมยุทธที่แย่งลายแทงขุมทรัพย์ทำให้แมงมุมดำและเซียวฮื่อยี้เบี่ยงเบนความสนใจ ทั้งคู่ยังแอบมองเหตุการณ์ข้างล่างอยู่บนหลังคาบ้าน และเห็นการเล่นละครตบตาของเหล่าจอมยุทธ เมื่อเหล่าลูกสาวและลูกเขยของตระกูลมู่หยง ออกมาห้ามปราม
เซียวฮื่อยี้มที่ปลอมตัวเป็นคนรับใช้เที่ยวก่อกวนไปยังทุกสำนักที่มาร่วมชุมนุม เขายังเลยเถิดไปถึงห้องของฮวยบ่อข่วย และได้พบว่าฮวยบ่อข่วยเป็นชายหนุ่มที่สำอาง ระเบียบเรียบร้อย แถมยังมีเงินมากกว่าเขา สรุปแล้วฮวยบ่อข่วยมีเงินมากกว่าเขาขั้นหนึ่งเซียวฮื่อยี้ถึงกับรำพึงออกมาว่า สวรรค์ให้ข้าเกิดมา แล้วทำไมต้องให้เขาเกิดมาด้วย! เซียวฮื่อยี้เกือบถูกฮวยบ่อข่วยจับได้ว่าปลอมตัวมา เขาจึงรีบชิ่งหนีอย่างรวดเร็ว แม้แต่ฮวยบ่อข่วยที่ไหวตัวแล้วยังตามไม่ทัน เซียวฮื่อยี้คิด ว่าแกล้งใครก็ไม่สนุกเท่ากับแกล้งมู่หยงเก้า ที่เขาตั้งฉายาไว้ว่านางสารพัดพิษเซียวฮื่อยี้เข้าไปยังเขตหวงห้ามของนางอีกครั้ง ด้วยความระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น แต่ก้ไม่พ้นสายตาของแมงมุมดำผู้รอบรู้ เขามาลากตัวเซียวฮื่อยี้ไปเพื่อจัดการ แต่เซียวฮื่อยี้เอาตัวรอดด้วยการบอกเรื่องที่มีคนไม่หวังดีต่อหมูบ้านมู่หยง พร้อมทั้งให้แมงมุมดำดูแผนที่ซ่อนขุมทรัพย์ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล เพราะสถานที่ซ่อนขุมทรัพย์ก็คือหมู่บ้านมู่หยงนั่นเอง แมงมุมดำเห็นด้วยว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ ทั้งยังบอกว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องหมูบ้านมู่หยงมีสมบัติมาก่อน จึงเป็นเรื่องที่เขาไม่วางใจ เมื่อจะไปเรียนเจ้าบ้านให้ทราบก็พบว่าเจ้าบ้านได้รับบาดเจ็บจากผู้บุกรุก

กังเปี๊ยกเฮาะพูดชักนำให้คนสงสัยในตัวฮวยบ่อข่วย และออกตามล่าตัวเขา แต่ฮวยบ่อข่วยแสดงความบริสุทธิ์ในตัวเอง กังเปี๊ยกเฮาะจึงรีบออกมารับรองเขาเพื่อหวังให้คนศรัทธา


prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2012, 12:27:57 PM »

เดชเซียวฮื่อยี้ ตอนที่ 9

ระหว่างที่ทุกคนกำลังแสดงความเข้าใจและขออภัยฮวยบ่อข่วยเตียเจ็งก็เหลือบไปเห็นเซียวฮื่อยี้ที่ซุ่มแอบดูอยู่ นางจึงแยกตัวไปเพื่อตามไปทำร้ายเขา เซียวฮื่อยี้พลาดท่าถูกนางเอามีดจี้ที่คอหอย พร้อมทั้งขู่สำทับว่า

“วันนี้ข้าจะต้องเชือดปากเจ้าออกมาให้ได้” นางบอกด้วยท่าทีหมายมั่น

“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าทำได้ หากตัดปากข้าแล้วใครจะจูบเจ้า”

“หา” เพราะความโกรธทำให้เตียเจ็งพลาดท่าถูกเซียวฮื่อยี้สกัดจุด

“คิดจะตัดปากข้าเหรอ ไม่ง่ายนักหรอก เชื่อไหมว่าตอนนี้ข้าจะตัดปากเจ้าแล้ว” เซียวฮื่อยี้บีบปากของนางแล้วใช้มีดทำท่าตัด

“หากแตะต้องข้าแม้แต่เส้นผมคนในหมู่บ้านนี้จะไม่มีวันปล่อยเจ้า” แม้จะตกเป็นรอง แต่เตียเจ็งก็ยังไม่ยอมสยบ

“ฮึ ในหล้านี้ ไม่มีอะไรที่ข้าไม่กล้าทำ” เซียวฮื่อยี้ บอกในสิ่งที่ตรงข้ามกับการกระทำ เพราะเขาปล่อยมือจากปากนาง

“นึกแล้วว่าเจ้าไม่กล้าทำ”

“ไม่ใช่ไม่กล้า แต่ข้าเสียดายน่ะเพราะปากเจ้า แก้มเจ้ามีรสมีชาติ เก็บเอาไว้ให้ข้าจูบแล้วกันนะ”

“ลองทำดูซิ ข้าจะฆ่าเจ้าซะเลย”

“งั้นเหรอ งั้นข้ายอมให้เจ้าฆ่าแล้วกันนะ” ว่าแล้วเซียวฮื่อยี้ก็ก้มลงจูบเตียเจ็งอย่างนุ่มนวล เมื่อเห็นนางทำท่าอย่างเคลิบเคลิ้ม เขากลับร้องว่า

“แหวะ ทำไมปากเจ้าขมอย่างนี้ล่ะ รู้อย่างนี้จ้างก็ไมจูบหรอก” แล้วก็เดินหนีไป

ด้านทิซิมลั้งที่มาเห็นเซียวฮื่อยี้กำลังจูบเตียเจ็ง ก็วิ่งหนีจากไปด้วยความเสียใจ นางรำพันว่าเซียวฮื่อยี้ไม่ได้รักนางเลย

แมงมุมดำมาดักพบเซียวฮื่อยี้แล้วพาเขาขึ้นไปบนดอยตามลายแทงที่ซ่อนขุมทรัพย์ เพื่อค้นหาความจริง ซึ่งสถานที่นั้นก็คือสุสานตระกูลมู่หยงบรรพบุรุษตระกูลมู่หยงตายก็ถูกนำมาฝังที่นี่ เซียวฮื่อยี้และแมงมุมดำได้พบกับเหล่าชาวยุทธที่ตามหาสมบัติ แมงมุมดำสั่งให้เซียวฮื่อยี้คอยอยู่ที่นั่น แต่มีหรือที่คนซุกซนอย่างเซียวฮื่อยี้จะเชื่อฟัง เขาออกจากที่นั่นแล้วไปพบทิซิมลั้งกำลังคุยอยู่กับฮวยบ่อข่วย แม้จะปฏิเสธว่าไม่ได้รักนาง แต่หัวใจของเซียวฮื่อยี้ก็รู้สึกเจ็บปวด เขาจึงคิดหาเรื่องเล่นแก้เซ็ง ด้วยการหาวิธีเข้าไปกลั่นแกล้งมู่หยงเก้า มู่หยงเก้านึกไม่ถึงว่าเซียวฮื่อยี้ที่ถูกไฟครอกจนปางตายจะรอดชีวิตมากลั่นแกล้งนางได้อีกนางตกอยู่ใรกำมือของเซียวฮื่อยี้ ให้เขาได้สนุกกับการยั่วนาง แต่ด้วยพิษสงและเล่ห์เหลี่ยม ทำให้เซียวฮื่อยี้พลาดท่าหลงกลนางอีกจนได้ นางวางยาพิษทีร้ายแรงแสนสาหัสและทำร้ายเซียวฮื่อยี้จนเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่แมงมุมดำมาช่วยเขาได้ทัน แต่น่าแปลกที่ทุกเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับเซียวฮื่อยี้ฮวยบ่อข่วยกลับได้รับความรู้สึกเหล่านั้นด้วย เขาร้อนรนเหมือนโดนไฟเผา รู้สึกเหมือนว่าตัวเองถูกยาพิษ ทิซิมลั้งที่อยู่เคียงข้างเขารับรู้อาการเหล่านั้นของเขาด้วยความแปลกใจ

จากการที่แมงมุมดำให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ ทำให้เซียวฮื่อยี้ซาบซึ้งในบุญคุณของเขาถึงกับเรียกเขาว่า “พี่เฮ็ก” พร้อมทั้งพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องของกังปัง และอี่น่ำที แต่ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นลูกชายของกังปัง เซียวฮือยี้เพียงแต่บอกว่าตนเองกำลังตามหาตัวกังคิ้ม
ที่สุสานตระกูลมู่หยง เหล่าจอมยุทธจากสำนักต่างๆออกมาเข่นฆ่ากันอีกครั้งเพื่อแย่งกันค้นหาสมบัติ ฮวยบ่อข่วยแสดงตนขัดขวางการต่อสู้ในครั้งนี้ เขาใช้ปัญญาและความสามารถชักจูงให้เชายุทธเชื่อว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ต้องเป็นฝีมือของผู้ที่ไม่หวังดีสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อให้เชายุทธบาดหมางเข่นฆ่ากันเอง กังเปี๊ยกเฮาะที่อยู่ในสถานที่นั้นก็ออกโรงสนับสนุนฮวยบ่อข่วย ทั้งยังช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยให้เชายุทธเข้าใจกัน ซึ่งก็ช่วยสร้างความศรัทธาจากผู้คนตามที่เขาต้องการ

ฝ่ายเจ้าบ้านมู่หยง ที่ได้รับบาดเจ็บก็ได้รับการรักษาจากกังเปี๊ยกเฮาะที่เสนอตนเองเข้าช่วย เขารักษาเจ้าบ้านจนหาย เท่ากับสร้างบุญคุณใหญ่หลวงให้กับตระกูลมู่หยง เจ้าบ้านและฮูหยินต่างมีความคิดเห็นตรงหันว่าจะยกมู่หยงเก้าให้เป็นเจ้าสาวของ “กังเง็กนึ้ง” ลูกชายของกังเปี๊ยกเฮาะ

การกระทำเช่นนี้ทำให้มู่หยงเก้าโกรธมาก เพราะนางตั้งใจจะฝึกยุทธ “ดรุณีเมฆขาว” เพราะต้องเป็นหญิงสาวพรหมจรรย์เท่านั้นจึงจะฝึกยุทธนี้ได้ นางพยายามทำทุกอย่างเพื่อล้มเลิกการแต่งงาน

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2012, 05:37:52 AM »

เดชเซียวฮื่อยี้ ตอนที่ 10

สองพ่อลูกกังเปี๊ยกเฮาะกังเง็กนึ้ง พยายามตีสนืทกับฮวยบ่อข่วย ฮวยบ่อข่วยที่ไม่ประสากลอุบายในยุทธภพจึงหลงเชื่อ และเกิดความนิยมชมชอบในตัวของสองพ่อลูก

ผู้ใดที่มีบ่วงติดอยู่ในใจ ผู้นั้นก็จะยิ่งหลงลึกลงทุกวัน ทิซิมลั้งก็เป็นแบบอย่างนี้แหละ ไม่รู้ทพไมจึงคิด แต่อยากจะเจอหน้าเซียวฮื่อยี้เท่านั้น ทว่าทุกครั้งที่ได้เจอ เธอกลับได้รับแต่ความเสียใจ ปวดใจและเศร้าใจ! ทิซิมลั้งรับความปรารถนาดีจากฮวยบ่อข่วย แต่ในใจนางก็ยังคิดถึงแต่เซียวฮื่อยี้ไม่เสื่อมคลาย เป็นเรื่องที่นางเองยังแปลกใจและพยายามบอกตัวเองให้ลืมเซียวฮื่อยี้ซะ

มู่หยงเก้าที่ไม่อยากแต่งงานกับกังเง็กนึ้ง นางปรึกษากับเตียเจ็งที่นางบอกว่าในหมู่บ้านมู่หยงไม่มีใครรู้ใจนางที่สุดเท่าเตียเจ็ง แต่เตียเจ็งไม่คล้อยตามคำชมนั้น นางบอกมู่หยงเก้าว่า

“น้องเก้า เจ้าเกิดมาเป็นหญิงเมื่อโตขึ้นต้องแต่งงาน สักวันเมื่อเจ้าเจอคนถูกใจเจ้าต้องรักเขา อยากแต่งงานกับเขา ถึงวันนั้นเจ้าต้องทิ้งวิชาดรุณีเทพ”

“ในโลกนี้ไม่มีใครทำให้ข้าหลงรัก จนทำให้ต้องสละวิชาดรุณีเทพได้...ไม่มีเลยสักคนนึง”

“น้องเก้า เจ้าเชื่อมั่นตัวเองมากไปแล้วนะ ยามกามเทพเข้ามาหาเจ้าเจ้าจะทานไม่อยู่ ไม่ใช่เพราะคนที่ถูกใจเจ้าก็จะเห็นเขาสำคัญกว่าชีวิตของเจ้าซะอีก”

“ไม่มีทาง” มู่หยงเก้ายังเชื่อมั่นในตัวเอง

ข่าวการแต่งงานของมู่หยงเก้ากับกังเง็กนึ้งทำให้แมงมุมดำเสียใจถึงกับต้องนั่งดื่มเหล้าคนเดียว แต่ก็ไม่พ้นโดนเซียวฮื่อยี้ก่อกวนจนทำให้เขาอารมณ์เสีย

“เฮ้อ นางสารพัดพิษมีอะไรดีถึงรักนาง นี่ฟังให้ดีนะ มู่หยงเก้าไม่คู่ควรกับเจ้าเลยนะ ถึงเจ้าจะแต่งงานกับเขาได้สำเร็จ แต่สักวันหนึ่งเขาต้องวางยาพิษเจ้า พิษสงร้ายกาจ ข้าได้ลิ้มลองมาแล้วนะ คราวที่แล้วอาการปางตาย ดูซินางเป็นอสรพิษเขี้ยวโหด โอ๊ย” ยังไม่ทันขาดคำแมงมุมดำก็หักมือเซียวฮื่อยี้ด้วยความโกรธ

“อย่าว่านางลับหลังนะ”

“ไม่ว่า ไม่ว่า” เซียวฮื่อยี้รีบรับปากแล้วก็บ่นพึมพำว่า “เขาว่าความรักก็เหมือนโคถึก ทำให้คนตาบอด” ว่าพลางแย่งเหล้าจากมือแมงมุมดำแล้ววิ่งหนี มีแมงมุมดำวิ่งไล่เหมือนเด็ก

เซียวฮื่อยี้ได้รับจดหมายลึกลับจากคนที่ส่งข่าวเรื่องกังคิ้มให้เขา แมงมุมดำจึงรับปากที่จะสืบหากังคิ้มให้เขา เซียวฮื่อยี้จึงบอกว่าจะทำลายพิธีแต่งงานของมู่หยงเก้ากับกังเง็กนึ้งให้ เป็นการตอบแทน แต่แมงมุมดำผู้กตัญญูกลับปฏิเสธ เพราะเจ้าบ้านมู่หยงเป็นผู้มีบุญคุณกับเขา
เซียวฮื่อยี้สนใจสองผู้ลูกกังเปี๊ยกเฮาะและกังเง็กนึ้ง จึงตามแอบดูพฤติกรรมของทั้งคู่ เขาก็ได้เจอกับราชสีห์บ้าทิเจี่ยงในคราบของผู้เฒ่าที่เป็นใบ้หูหนวก และเป็นคนรับใช้ของกังเปี๊ยกเฮาะ เซียวฮื่อยี้ พยายามแสดงตนแต่ทิเจี่ยงทำเป็นไม่รู้เรื่อง

กังเปี๊ยกเฮาะว่าจ้างคนแสดงเป็นกังคิ้ม แล้วหลอกล่อเซียวฮื่อยี้ไปที่ป่าไผ่เพื่อกำจัดเซียวฮื่อยี้ไม่ให้ค้นประวัติเขาได้ กังเปี๊ยกเฮาะในคราบคนลึกลับชุดดำตั้งใจสังหารเซียวฮื่อยี้ แต่แผนการณ์ครั้งนี้ไม่สำเร็จ เพราะถูกหน้ากากทองขัดขวาง หน้ากากทองผู้นี้ก็คือประมุขเหยาเยี่ยแห่งวังเคลื่อนบุปผานั่นเอง! นางตำหนิกังเปี๊ยกเฮาะ และคาดโทษไว้ว่าหากกังเปี๊ยกเฮาะทำร้ายเซียวฮื่อยี้ เขาจะต้องตาย เพราะนางต้องการเก็บเซียวฮื่อยี้ไว้ให้ฮวยบ่อข่วยฆ่าเท่านั้น

มู่หยงเก้าได้เจอเซียวฮื่อยี้อีกครั้ง คราวนี้เซียวฮิ่อยี้ถูกนางจับตัวมัดไว้ นางมองหน้าเซียวฮื่อยี้ แล้วเกิดความรู้สึกประหลาดในใจ นึกถึงคำพูดของเตียเจ็งว่าหากเจอใครสักคนที่นางรัก นางจะยอมสละทุกอย่างเพื่อเขา มู่หยงเก้ารีบปัดความคิดนี้ออกไปแล้วลงมือซ้อมเซียวฮื่อยี้ ทรมานเขาด้วยการโรบผงคันใส่ตัว ทำให้เซียวฮื่อยี้คันทะเยอไปทั้งตัว เดือดร้อนถึงฮวยบ่อข่วยที่ต้องคันไปด้วย

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2012, 05:50:48 AM »

เดชเซียวฮื่อยี้ ตอนที่ 11

ระหว่างที่เซียวฮื่อยี้ถูกขังไว้ในห้องของมู่หยงเก้า พริกขี้หนูเตียเจ็งก็แวะเข้ามาคุยกับนาง

“เจ้าเคี่ยวยาต่างๆมากมาย แน่ใจว่ามีประโยชน์กับตัวเองนะ” เตียเจ็งเปิดฝาหม้อใบใหญ่ดูยาในหม้อแล้วปิดลง

“เจ้าอยากจะลองกินไหมล่ะ”

“ไม่ล่ะ ข้าอยู่ของข้าดีแล้ว เออ...จริงสิ เจ้าฝึกดรุณเทพถึงไหนแล้ว”

“เฮ้อ...ไม่คืบหน้าเลย ฝึกอะไรก็ติดขัด อาจเป็นเพราะไม่มีสมาธิ”

“ไม่มีสมาธิเพราะกังเง็กนึ้งใช่ไหม?”

“ข้าบอกว่าอย่าเอ่ยถึงเขา ออกไปให้พ้น”

“ข้าเผลอพูดหน่อยเดียวทำไมต้องโมโหด้วยล่ะ”

“ข้าพูดคำไหนเป็นคำนั้น ออกไปเดี๋ยวนี้”

“เจ้ากินรังแตนมาจากไหน พูดแค่นี้ก็โมโห ไปก็ได้” เตียเจ็งว่าพลางจะเดินออกจากห้อง แต่นางได้ยินเสียงเซียวฮื่อยี้เสียก่อนจึงรีบวิ่งเข้าไปดู

“เขาบาดเจ็บไม่น้อยเลย ทำไมเจ้าทรมานเขาอย่างนี้ล่ะ”

“เขาไม่ใช่สามีของเจ้านะ ทำไมเจ้าต้องเดือดร้อนเพียงนี้ หรือว่าเจ้าแอบได้เสียกันแล้ว”

“เจ้าทำเกินไปแล้วนะ”

“ข้าให้เจ้าเอาเขาไปได้ แต่ต้องเอาศพเขาออกไป”

“หากเจ้าไม่ปล่อยเขา ข้าจะไปบอกท่านอาว่าเจ้าแอบฝึกวิชามารอยู่ในนี้ เขาจะได้ฆ่าเจ้าซะเลย”

“เจ้ากล้าเหรอ?”

“ลองดูไหมล่ะ”

“เขาเป็นอะไรกับเจ้าถึงได้ออกรับแทนนัก”

“ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะฆ่าเขาไม่ได้” เตียเจ็ง และมู่หยงเก้าขัดแย้งกันอย่างรุนแรง แต่คำขู่ของเตียเจ็งก็ได้ผลทำให้มู่หยงเก้ายอมปล่อย เซียวฮื่อยี้ไป

“พาเขาออกไปจากที่นี้ นับแต่นี้ไปอย่าให้ข้าเห็นหน้าเขาอีก ไสหัวออกไป” มู่หยงเก้าปล่อยตัวเซียวฮื่อยี้ไปด้วยความแค้น


prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2012, 05:53:50 AM »

นึกไม่ถึงว่าเซียวฮื่อยี้ที่ถูกซ้อมจนไม่มีทางสู้และแทบเอาชีวิตไม่รอดจะสามารถลุกขึ้นมาต่อล้อต่อเถียงมู่หยงเก้าอีกได้ นั่นยิ่งทำให้นางแค้นเขามากยิ่งขึ้น แต่เซียวฮื่อยี้ที่ได้รับการช่วยเหลือจากเตียเจ็งคิดว่าเขาตายในมือนางสารพัดพิษมู่หยงเก้าดีกว่ามาตกเป็นทาสของเตียเจ็งในขณะนี้เสียอีก เขาเล่านิทานเรื่องกบน้อยผู้น่าสงสารให้เตียเจ็งฟัง เพื่อนางจะได้เห็นใจ และหลังจากที่เซียวฮื่อยี้เล่าเรื่องราวชีวิตของเขา และการตามหากังคิ้มให้ฟัง เตียเจ็งก็รับปากว่าจะช่วยเขาตามหากังคิ้มอีกแรง สำหรับเตียเจ็งแล้วแต่แรกนางหมายมั่นที่จะฆ่าเซียวฮื่อยี้ให้ได้ แต่เมื่อพบกันหลายครั้ง นางก็ได้รู้ว่าเซียวฮื่อยี้เป็นคนกะล่อน ที่ชอบแกล้งคนสนุกไปวันๆ ด้วยนิสัยของนางเองที่แม้จะเป็นคนเย่อหยิ่ง ไม่ยอมคน แต่นางก็ชอบเล่นสนุกเหมือนกัน นางจึงปักใจที่จะรักเซียวฮื่อยี้เข้าซะแล้ว และต่อนี้ไปเตียเจ็งหมายมั่นว่า เซียวฮื่อยี้จะต้องหนีนางไม่พ้นแน่ เพราะนางก็สนุกที่ได้แกล้งเขาเหมือนกัน

ขณะที่เตียเจ็งและเซียวฮื่อยี้กำลังสนทนากันอยู่มีจดหมายลึกลับส่งให้เซียวฮื่อยี้ไปพบกังคิ้มที่ป่าไผ่ ในขณะเดียวกันก็มีจดหมายอีกฉบับหนึ่งส่งไปให้ฮวยบ่อข่วยไปพบเซียวฮื่อยี้ที่ป่าไผ่เช่นเดียวกัน ที่แท้เป็นฝีมือของกังเปี๊ยกเฮาะที่ใช้อุบายให้เซียวฮื่อยี้กับฮวยบ่อข่วยได้พบกัน เพื่อที่ฮวยบ่อข่วยจะได้ฆ่าเซียวฮื่อยี้เสีย ทั้งคู่ได้พบกันที่ป่าไผ่ฮวยบ่อข่วยลงมือจัดการกับเซียวฮื่อยี้

“เซียวฮื่อยี้ เจ้าไม่มีทางรอดหรอก”

“ฮวยบ่อข่วย ทำไมเจ้ามาละเว้นข้าล่ะ”

“สาเหตุก็เพราะข้าต้องการให้เจ้าตายในมือข้า”

“ข้าไม่อยากตายโดยไม่รู้เหตุผล ตายแบบคนโง่”

“เหตุผลก็มีแค่นี้แหละ”

“ไม่ต้องเสียเวลาพูดกับมันหรอกฆ่ามัน” เตียเจ็งร้องบอกเซียวฮื่อยี้ทั้งสามต่อสู้กันพัลวัน แม้แต่เซียวฮื่อยี้ที่มีเตียเจ็งช่วยอีกแรง แต่ด้วยวรยุทธที่ต่ำกว่าทำให้ทั้งสองตกเป็นรองศิษย์เอกของประมุขวังเคลื่อนบุปผา นึกไม่ถึงว่าทิซิมลั้งที่เห็นฮวยบ่อข่วยรีบร้อนออกมาจากห้องจึงแอบตามเขามาเพราะนึกสงสัยว่าฮวยบ่อข่วยจะต้องมาฆ่าเซียวฮื่อยี้แน่ นางออกมาขวางการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยการเอาตัวเองเข้าแลก ทิซิมลั้งใช้มีดกรีดแขนตัวเองเพื่อให้ฮวยบ่อข่วยหันมาสนใจนาง แล้วปล่อยให้เซียวฮื่อยี้หนีไป

เซียวฮื่อยี้ที่หนีไปได้ รู้สึกว่าตัวเองไม่เอาไหนที่ไม่มีฝีมือพอจะสู้กับฮวยบ่อข่วยได้ แต่เขาก็มีเตียเจ็งปลอบใจอยู่ข้างๆ

“โชคดีที่ทิซิมลั้งมาขวางเอาไว้ไม่เช่นนั้นเจ้าต้องถูกฮวยบ่อข่วยฆ่าเอาแน่ๆ” เมื่อเห็นเซียวฮื่อยี้ยังนั่งซึม เตียเจ็งจึงถามเซียวฮื่อยี้ต่อไปว่า “เจ้าเป็นห่วงทิซิมลั้งเขาเหรอ”

“ทิซิมลั้งเขาช่วยให้ข้ารอดตายจนกรีดแขนตัวเอง”

“ข้าไม่อยากให้เจ้าคิดถึงเขานะ” เตียเจ็งกระเง้ากระงอด

“คิดไม่คิดมันกงการอะไรของเจ้าล่ะ” เซียวฮื่อยี้ที่กำลังอารมณ์ไม่ดีเลยใช้มือผลักไหล่ของเตียเจ็งแม้จะไม่ได้หนักอะไร แต่เตียเจ็งก็ร้องออกมา

“โอ๊ย เจ็บนะเนี่ย ปัทโธ่เอ๊ย”

“ทำไม”

“ข้าเจ็บน่ะสิ”

“เมื่อกี้ฮวยบ่อข่วยทำร้ายเจ้าเจ็บเหรอ”

“เจ้าซัดข้าเจ็บต่างหากล่ะ ตอนข้าเข้าขวาง เจ้าทำร้ายข้ารู้ตัวไหม ยังจะมาว่าข้าแกล้งอีก”

“ใครบอกล่ะ ข้าไม่ได้ว่าเจ้าแกล้ง ไหนข้าดูแผลหน่อยดิ๊”

“หยุดนะ ไม่ต้องมาดู” เตียเจ็งสะบัด

“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซียวฮื่อยี้บอกแล้วลุกขึ้นหนีไป

“นี่ คิดจะหนี ไม่มีทางหรอกน่า” เตียเจ็งที่ตั้งใจแล้วว่าจะไม่ให้เซียวฮื่อยี้หนีนางไปได้ วิ่งตามไป


prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2012, 05:58:03 AM »

เดชเซียวฮื่อยี้ ตอนที่ 12

ฮวยบ่อข่วยพาทิซิมลั้งที่บาดเจ็บกลับมาที่ห้องพักของนาง ทิซิมลั้งแสดงความเจ็บปวดออกมาจนฮวยบ่อข่วยเป็นห่วง

“เจ้าเจ็บมากเหรอ?”

“อื่อ”

“ข้าขอโทษด้วยนะ”

“คนที่ควรขอโทษคำนี้ควรเป็นข้า เจ้าโกรธข้าอยู่หรือเปล่า” ทิซิมลั้งสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป

“เซียวฮื่อยี้ เขาเป็นเพื่อนของข้า เขามีพระคุณช่วยชีวิตข้า ข้าทนดูเจ้าฆ่าเขาไม่ได้หรอก”

“ข้าเข้าใจ เจ้าเอาตัวขวางเพื่อช่วยเขา แม้แต่ชีวิตตัวเองก็ไม่อยากได้” ฮวยบ่อข่วยที่ไม่เคยยิ้ม เคร่งขรึมหนักขึ้นไปอีก เมื่อรู้ว่าเพราะเหตุใดทิซิมลั้งจึงเสียสละตัวเองเพื่อเซียวฮื่อยี้

“คุณชายฮวย ข้า...”

“เราสองคนอยู่ด้วยกันต่อไปคงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เจ้าควรจะไปอยู่กับเซียวฮื่อยี้เขา”

“เซียวฮื่อยี้ เขาไม่ได้ต้องการข้าแล้ว ตอนนี้เขาคงอยู่กับเตียเจ็งแล้วล่ะ” ทิซิมลั้งรำพึงออกมา

“เรื่องของเจ้าสองคนมีอะไร ไม่ต้องมาเล่าให้ข้าฟัง อีกอย่างหนึ่งข้ามีงานสำคัญที่จะต้องทำ ข้าคงไปกังน้ำเป็นเพื่อนด้วยไม่ได้หรอก ต้องระวังตัวให้ดีด้วยนะ”

“คุณชายฮวย เจ้าเคียดแค้นข้ามากใช่ไหม?”

ฮวยบ่อข่วยที่กำลังจะเดินออกจากห้องหันกลับมามองทิซิมลั้ง

“ไม่แม้แต่น้อย ไม่ได้รู้สึกเลยจริงๆ” ฮวยบ่อข่วยบอกนางแล้วเดินจากไป มีทิซิมลั้งที่นั่งซึมอย่างไม่เข้าใจตัวเองอยู่เบื้องหลัง
ส่วนเตียเจ็งกับเซียวฮื่อยี้ก็ยังคงเป็นคู่กัดที่ต่อปากต่อคำเถียงกันอยู่เหมือนเดิม นางเดินวนเวียนอยู่ห้องเอามือจับหลังเพราะความเจ็บ แต่เมื่อเห็นเซียวฮื่อยี้นอนเอกเขนกไม่สนใจก็โวยวายขึ้น

“เจ้าคนใจร้าย ข้าบาดเจ็บเพราะช่วยเจ้า ไม่เห็นสนใจข้าเลย”

“ทำไงได้ ข้าไม่ใช่หมอนี่ ข้ารักษาคนไม่เป็นอีกอย่างข้าไม่ได้จ้างให้เจ้ามาช่วยนี่”

“ไอ้คนใจดำ” นางตั้งท่าจะฟาดฝ่ามือใส่เซียวฮื่อยี้แต่ก็ต้องหยุดเพราะความเจ็บ เซียวฮื่อยี้ จึงลุกขึ้นมาดูด้วยความสนใจ

“นี่เจ้าเจ็บจริงๆน่ะเหรอ นี่เจ้านั่งบนพื้นทำไม มานั่งตรงนี้มา” เซียวฮื่อยี้จูงมือเตียเจ็งมานยี่งที่เก้าอี้แล้วลงมือนวดให้นาง

“อูย เบาๆหน่อยซิ ข้าเจ็บ”

“บาดเจ็บเพื่อข้ามันไม่คุ้มนะและข้าก็จะไม่ขอบคุณเจ้า อย่านึกว่าจะเป็นเมียข้าได้ด้วยนะ”

“ข้ารู้แล้ว เจ้ามีผู้หญิงอยู่อีกคนใช่ไหมล่ะ”

“ฮวยบ่อข่วยอาจมีผู้หญิงเก็บไว้ในใจ แต่ข้าเซียวฮื่อยี้คนนี้ไม่มีผู้หญิงอยู่ในใจแน่ แต่อย่าเพิ่งหวังว่าเจ้าจะมีโอกาสนะ”

“มีหรือไม่มีไม่สำคัญสำหรับข้าเพราะข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าหลุดมือข้าไปได้ง่ายๆหรอก” เตียเจ็งรู้สึกสบายที่เซียวฮื่อยี้นวดให้ แต่เซียวฮื่อยี้รู้ทันว่านางเริ่มแกล้งเขาแล้ว จึงผละจากนางเดินหนีไป

“เดี๋ยวซิจะไปไหน ข้าไปด้วย”

“จะไปตาย เจ้าจะไปไหม” เตียเจ็งพยักหน้า เซียวฮื่อยี้นึกไม่ถึงว่านางจะตอบเช่นนั้นเลยร้อง “หา” แต่ก็มีคนลึกลับส่งจดหมายมาให้เสียก่อน เป็นจดหมายที่ไม่สร้างความเข้าใจอะไรให้กับเซียวฮื่อยี้เท่าไหร่


prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2012, 06:00:16 AM »

ด้วยความที่สงสัยในตัวกังเปี๊ยกเฮาะ เซียวฮื่อยี้ปลอมตัวเป็นศิษย์จากสำนักที่มาร่วมชุมนุมที่บ้านมู่หยงเข้าไปคุยกับกังเปี๊ยกเฮาะในห้อง แต่ถูกฮวยบ่อข่วยจับได้ และฮวยบ่อข่วยก็บอกว่าจะไม่ไว้ชีวิตเขาอีกแน่ ทำให้กังเปี๊ยกเฮาะที่ฟังเรื่องราวอยู่ออกมาประสานความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ก็ไม่ทำให้ฮวยบ่อข่วยเปลี่ยนใจได้ เพราะยึดมั่นในคำสั่งของอาจารย์ เซียวฮื่อยี้ ที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินจึงท้านัดประลองกับฮวยบ่อข่วยที่หน้าภูผาดำ

ที่หน้าภูผาดำ ฮวยบ่อข่วยและเซียวฮื่อยี้ตกอยู่ในห้วงคำนึง ทั้งคู่กำลังนึกถึงความฝันของตัวเอง เพราะในความฝันเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเป็นคนคนเดียวกัน ไฉนในความเป็นจริงต้องมาเข่นฆ่ากันด้วย แม้จะสับสนแต่ฮวยบ่อข่วยก็ต้องทำตามคำสั่งอาจารย์ ในสถานที่ประลองมีกังเปี๊ยกเฮาะและกังเง็กนึ้ง ร่วมเป็นพยานอยู่ ก่อนการประลองเริ่มขึ้น ฮวยบ่อข่วยได้บอกความในใจของเขาให้เซียวฮื่อยี้ฟัง

“ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า”

“ว่ามา”

“ข้าต้องฆ่าเจ้า เพราะเป็นคำสั่ง แต่หากพูดถึงเรื่องส่วนตัวแล้ว ข้าไม่เคยเกลียดเจ้า ไม่เคยอยากจะฆ่า เข้าใจไว้ด้วย”

“ข้าเข้าใจถ่องแท้ เจ้าบอกความจริง เพื่อความสบายใจของเจ้า และแสดงถึงความโง่ของเจ้า”

“หมดเรื่องพูดแล้วใช่ไหม มา” ฮวยบ่อข่วยเตรียมลงมือ แต่ทิซิมลั้งและเตียเจ็งวิ่งเข้ามาเสียก่อน ถึงจะมาทัน แต่ทิซิมลั้งก็ไม่สามารถห้ามปรามการประลองครั้งนี้ได้ เพราะฮวยบ่อข่วยจี้สะกัดจุดนางเสียก่อน นางได้แต่ยืนดูฮวยบ่อข่วยทำร้ายเซียวฮื่อยี้ แม้เตียเจ็งก็ห้ามเซียวฮื่อยี้ไม่ได้เพราะนางก็โดนเซียวฮื่อยี้สะกัดจุดเช่นกัน การประลองเริ่มขึ้น... ด้วยฝีมือที่ด้วยกว่าทำให้เซียวฮื่อยี้พลาด นึกไม่ถึงว่าแมงมุมดำมาทันเวลาเหมือนกัน เขสมาช่วยเซียวฮื่อยี้ แต่สองพลังก็สู้ฮวยบ่อข่วยศิษย์เอกวังเคลื่อนบุปผาไม่ได้ เซียวฮื่อยี้เกือบตกลงไปจากหน้าผา แต่ฮวยบ่อข่วยลั้งมือเขาไว้ ภาพความฝันเข้ามาในสมองฮวยบ่อข่วยอีกครั้ง เขาไม่ยอมปล่อยมือจากเซียวฮื่อยี้ นึกไม่ถึงว่ายังมีมู่หยงเก้า ที่แอบดูการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย นางซัดเข็มไปที่มือของฮวยบ่อข่วย ทำให้ฮวยบ่อข่วยปล่อยมือจากเซียวฮื่อยี้จนเขาตกหน้าผาลงไป

เตียเจ็งและแมงมุมดำที่เป็นห่วงเป็นใยรีบไปดูเขา ทั้งสองลนลานตามหาเซียวฮื่อยี้ แล้วเตียเจ็งก็ได้พบเขาหล่นมาคาคบไม้อยู่

“ข้าอยู่นี่ ช่วยด้วย”

“เซียวฮื้อ เซียวฮื้อ”

“พรกขี้หนูร้องไห้อะไร ข้ายังไม่ตายซักหน่อยน่ะพริกขี้หนู แต่เวลาเจ้าร้องไห้สวยกว่าตอนเจ้าหัวเราะอีก” แม้จะอยู่ในช่วงคับขัน เซียวฮื่อยี้ก็ยังทะเล้น

“บ้า คนบ้า จะตายแล้วยังทำทะเล้นอีก”

เตีนเจ็งพยายามจะช่วยเหลือเซียวฮื่อยี้ แต่กิ่งไม้ทานน้ำหนักเขาไม่ไหว ทำให้เซียวฮื่อยี้ตกลงไปอีก เตียเจ็งได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเสียใจไม่แต่เตียเจ็งคนเดียว ยังมีทิซิมลั้งอีกคนที่ร้องไห้ให้กับเขา ฮวยบ่อข่วยที่แอบซ่อนอยู่ไม่แสดงตัวให้ทิซิมลั้งเห็นเพราะกลัวนางจะเสียใจ ทิซิมลั้งโกรธฮวยบ่อข่วยจริงๆ นางไม่ยอมพบและพูดจากับเขา

การต่อสู้ของทั้งคู่อยู่ในสายตาของสองประมุขเหยาเยี่ย เลี่ยงแช นางตำหนิฮวยบ่อข่วยที่ใจอ่อน ไม่ลงมือสังหารเซียวฮื่อยี้ และบอกกับฮวยบ่อข่วยว่าเซียวฮื่อยี้ยังมีชีวิตอยู่ นางยังคงยืนยันความตั้งใจเดิมที่จะให้เซียวฮื่อยี้ตายด้วยมือของฮวยบ่อข่วย ให้พี่น้องฆ่ากันเอง นางบอกกับเลี่ยงแชว่าจะไม่มีใครขัดขวางแผนการนี้ได้แม้แต่เลี่ยงแช แต่เลี่ยงแชกลับออกตัวว่านางจะขัดขวางได้อย่างไร เพราะนางเป็นคนคิดแผนการนี้ เหยาเยี่ยแม้จะรู้ว่าเลี่ยงแชไม่ได้พูดออกมาจากใจ แต่นางก็มั่นใจว่าจะไม่มีใครขวางนางได้

ฮวยบ่อข่วยนำข่าวเซียวฮื่อยี้ยังมีชีวิตอยู่ไปบอกแก่ทิซิมลั้งเพื่อให้นางสบายใจ แม้เขาจะบอกว่ายังไม่เห็นเซียวฮื่อยี้ด้วยตาตัวเอง แต่ทิซิมลั้งก็เชื่อเพราะรู้ว่าทั้งสองคนมีจิตที่สัมพันธ์กันอยู่ นางจึงหายโกรธฮวยบ่อข่วย กับชีวิตของเซียวฮื่อยี้ ทิซิมลั้งยังคงเฝ้าคอยอย่างมีความหวัง แต่วันเวลาผ่านไปกลับไม่ได้ข่าวคราวเซียวฮื่อยี้เลย ฮวยบ่อข่วยที่อยู่ด้วยกันกับทิซิมลั้งทุกค่ำเช้าก็เริ่มหลงรักเธอโดยไม่รู้ตัว แต่เพราะถูกอบรมมาอย่างนี้ ทำให้ฮวยบ่อข่วยเก็บความรักไว้ในใจ ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยออกมา ฝ่ายทิซิมลั้งก็เป็นคนมีเลือดเนื้อ มีจิตใจ เธอย่อมรู้ดีว่าฮวยบ่อข่วยปฏิบัติกับเธอมากกว่าความเป็นเพื่อน ในใจเธอก็เริ่มมีความรู้สึกที่แปลกประหลาดกับฮวยบ่อข่วย แต่ทุกครั้งที่เธอนึกถึงเซียวฮื่อยี้ ก็จะลืมฮวยบ่อข่วยทันที

เซียวฮื่อยี้ที่เปรียบเหมือนแมวเก้าชีวิตรอดตายมาได้จริงๆ คนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ได้ในครั้งนี้ก็คือเหยาเยี่ย ประมุขวังเคลื่อนบุปผานั่นเอง นางบอกให้แมงมุมดำเฮ็กตีตูมาเจอเซียวฮื่อยี้แล้วพาเขาออกมาจากภูผาดำ แมงมุมดำประทับใจในความไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่รู้จักความทุกข์ แม้เพิ่งรอดตายมาหยกๆ เซียวฮื่อยี้ก็ยังร่าเริง แมงมุมดำจึงนับถือในตัวเซียวฮื่อยี้ และเป็นสหายกับเขาอย่างสนิทใจ


prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2012, 06:04:18 AM »

เดชเซียวฮื่อยี้ ตอนที่ 13

เซียวฮื่อยี้ที่รอดตายมาได้อีกครั้ง คิดเรื่องสนุกที่จะกลับมาแก้แค้นมู่หยงเก้าได้อีก เพราะเขาแน่ใจว่าต้องเป็นมู่หยงเก้าที่ซัดเข็มใส่มือของฮวยบ่อข่วย ทำให้ฮวยบ่อข่วยปล่อยเขาตกลงจากหน้าผา มู่หยงเก้าที่เย่อหยิ่งจองหองตกอยู่ในกำมือของเซียวฮื่อยี้อีกครั้ง เนื่องจากมู่หยงเก้าใช้วิธีการที่โหดร้ายกับเซียวฮื่อยี้ ดังนั้นเซียวฮื่อยี้จึงเคียดแค้นเธอเป็นพิเศศแทบจะเรียกได้ว่าลบความเย่อหยิ่งและศักดิ์ศรีของสาวน้อยมู่หยงเก้าจนหมดสิ้น เธอจึงแค้นเซียวฮื่อยี้จนเข้ากระดูก

เซียวฮื่อยี้ปลอมเป็นผีมาหลอกมู่หยงเก้า มู่หยงเก้าเองแม้จะเคียดแค้นเซียวฮื่อยี้ แต่นางก็สวมรอยแผนการของเซียวฮื่อยี้ แสร้งทำเป็นเสียสติเพราะถูกผีหลอก เพื่อที่กังเปี๊ยกเฮาะจะได้ล้มเลิกการแต่งงานระหว่างนางกับกังเง็กนึ้งเสีย ทุกคนในบ้านมู่หยง เดือดร้อนกับอาการของนาง แม้แต่แมงมุมดำเองก็แทบจะทำร้ายเซียวฮื่อยี้เพราะคิดว่าเซียวฮื่อยี้ทำให้นางเสียสติจริงๆ แต่เซียวฮื่อยี้มั่นใจว่าการกลั่นแกล้งของเขาไม่ทำให้คนเลือดเย็นอย่างมู่หยงเก้าถึงกับเสียสติได้แน่ เขาจึงพยายามพิสูจน์ให้แมงมุมดำเห็น ด้วยการเข้าไปหามู่หยงเก้าที่ห้องนอน

“ข้าต้องรู้ให้ได้ เจ้าบ้าจริงหรือบ้าการเมือง” เซียวฮื่อยี้ปลุกมู่หยงเก้าขึ้นมา มู่หยงเก้าแม้จะตกใจ แต่ก็ควบคุมสติได้รวดเร็ว นางยังคงเล่นบทเสียสติอยู่

“เจ้าเป็นผี เจ้าจะมาเอาชีวิตข้าใช่ไหม” มู่หยงเก้าแสร้งแสดงว่ากลัว

“ไม่ ไม่ใช่ผี ข้าเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ เง็กเซียนฮ่องเต้ ส่งข้ามาช่วยเจ้า”

“จริงเหรอ”

“ก็จริงนะซิ รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร ข้าคือซุนหงอคงนะ รู้ไหมว่าบนสวรรค์น่ะหนุกมากทีเดียว เจ้าอยากไปเที่ยวไหม? ข้าจะพานั่งเครื่องไป”

“บนสวรรค์คงสวยมากนะ ดีซิพาข้าไปเลย”

“เดี๋ยวๆ ยังไปไม่ได้ ผีร้ายยังไม่ได้ทำวีซ่าเลย”

“ผีเหรอ ข้ากลัว” มู่หยงเก้าแสดงถ้าว่ากลัวหลังจากได้ยินคำว่าผี

“ไม่ต้องกลัวหรอก มีข้าอยู่ เจ้าล่อผีออกมา ข้าจะตีมันเอง ”

“ข้าจะล่อมันออกมายังไงล่ะ”

“คราวก่อนเจ้าเปลือยกายล่อให้ผีร้ายออกมาได้ไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่แล้วล่ะ เจ้ารู้ได้ยังไงล่ะ”

“ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะ ก็ข้าเป็นเทวดานี่นา”

“จริงนะ เจ้าเป็นเทวดา”

“ผีตัวนั้นต้องเป็นผีบ้าผู้หญิง เจ้าต้องเปลือยกายอีกครั้ง ผีนั้นมันจะได้ออกมา”

“ไม่เอาๆ” มู่หยงเก้าในชุดนอนยืนกอดอกตัวเองไว้

“ถ้าเจ้าไม่เปลือยกาย มันจะออกมาให้ข้าตีมันได้ยังไง พอข้าไปแล้วมันอาจจะมาทำร้ายเจ้าก็ได้นะ” เซียวฮื่อยี้พูดแล้วแอบทำหน้าเจ้าเล่ห์

“ไม่เอาน่ะ ข้ากลัวนะ ท่านเทวดาข้ากลัว ข้าไม่อยากเจอมัน ช่วยข้าด้วย”

“เจ้าจะถอดหรือไม่ถอด”

“ถอดก็ได้” มู่หยงเก้าถอดเสื้อส่งให้เซียวฮื่อยี้

“ข้าหนาวจังเลย” นางเข้าประชิดตัวเซียวฮื่อยี้ แล้วเตรียมเข็มพิษไว้แทงเขา แต่เซียวฮื่อยี้ไหวตัวทัน

“ว้า เจ้าเล่นละครเก่งจริงๆ ข้าเกือบเสียทีเจ้า หลงกลของเจ้าแล้ว”

“พี่เทวดา เจ้าพูดอะไรนะ ข้าฟังไม่รู้เรื่องเลย ข้าหนาวมากนะ ข้ากลัวด้วย กอดข้าหน่อยซิ” มู่หยงเก้ายังคงเล่นละครตบตาต่อ

“เฮ้ย...” เซียวฮื่อยี้กระโดดหนี

“เจ้าจะเอาเปรียบข้า ข้าไม่รบกวนเจ้าหรอก นี่เจ้าอยากได้ผู้ชายหรอ ไปหากังเง็กนึ้ง หรือไม่ก็เฮ็กตีตู ก็ได้นะ พวกเขาหลงรักเจ้าสุดหัวใจ แต่เจ้ามาใช่คนที่ข้ารัก ไม่มีทางหรอก” เซียวฮื่อยี้หัวเราะร่วน แล้วมองนางทั่วร่างกาย

“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นเจ้าแก้ผ้าแบบนี้นะ แต่ว่าไม่รู้เพราะอะไรเห็นเจ้าอย่างนี้ยังไม่มีอารมณ์เลย ฮิฮิ รู้ไหมเมื่อกี้ข้าก็เล่นซ้อนแผนเจ้าเหมือนกัน”

มู่หยงเก้าโกรธแค้นเซียวฮื่อยี้กับประโยคนั้นของเขานัก นางซัดเข็มใส่เขา แต่เซียวฮื่อยี้หลบได้ทัน

“เซียวฮื่อยี้ ข้าสาบานจะฆ่าเจ้าด้วยมือของข้า ข้าจะเอาเลือดของเจ้ามาล้างมลทินให้ข้าให้ได้” มู่หยงเก้าที่แค้นเคืองเซียวฮื่อยี้อย่างหนักบอกกับตัวเอง

เซียวฮื่อยี้มาบอกแมงมุมดำเรื่องมู่หยงเก้าแสร้งทำเป็นบ้าเพื่อบ่ายเบี่ยงการแต่งงาน แม้ตัวเองจะไม่มีความหวังแต่ก็ทำให้แมงมุมดำแอบยิ้มออกมาได้และถูกเซียวฮื่อยี้ล้อเลียน ไม่เพียงแต่เซียวฮื่อยี้กับแมงมุมดำเท่านั้นที่รู้ สองพ่อลูกกังเป๊ยกเฮาะและกังเง็กนึ้งก็รู้ เพราะความที่ตัวเองเป็นคนเจ้าเล่ห์ จึงรู้เท่าทันเล่ห์คนอื่น สองพ่อลูกจึงไม่ยอมยกเลิกงานแต่งงาน นั่นยิ่งทำให้เจ้าบ้านมู่หยงศรัทธาในตัวสองพ่อลูกมากยิ่งขึ้น
เซียวฮื่อยี้บอกกับแมงมุมดำว่าเขาตัดสินใจจะเดินออกทางจากบ้านตระกูลมู่หยง เพื่อติดตามกังเง็กนึ้งไปบ้านของกังเปี๊ยกเฮาะ เพราะมีจดหมายจากคนลึกลับที่พยายามส่งรหัสลับให้เซียวฮื่อยี้ได้รู้ว่ากังเปี๊ยกเฮาะกับกังคิ้มเป็นคนคนเดียวกัน แต่เซียวฮื่อยี้ยังไม่แน่ใจในการตีความครั้งนี้ เขาจึงจะออกไปสืบหาความจริง


prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2012, 01:29:02 AM »

เดชเซียวฮื่อยี้ ตอนที่ 14

กังเง็กนึ้งไปหามู่หยงเก้าที่ห้องของนาง แต่มู่หยงเก้าไม่ต้อนรับแถมหนำซ้ำยังแกล้งทำเป็นบ้าอาละวาดใส่เขา แต่กังเง็กนึ้งก็ยังทนทำดีกับนาง แม้เขาจะรู้ว่านางแกล้งบ้า แต่กังเง็กนึ้งก็ไม่สามารถทำอะไรได้

คืนหนึ่ง เซียวฮื่อยี้ที่ตามหาฮวยบ่อข่วยกับทิซิมลั้งจนทั่วสำนักมู่หยงแต่ก้ไม่พบ เขาจึงแปลกใจ

“หาทั่วสำนักมู่หยงแล้ว ไม่พบทิซิมลั้ง กับฮวยบ่อข่วยเลย พวกเขาไปไหนหันแน่นะ เฮ้ย ทำไมข้าต้องพบเขาล่ะ เขาจะฆ่าข้า ข้าเกลียดเขา สรุกแล้วข้าไม่พบเขานี่นา เฮ้...” เซียวฮื่อยี้เลิกครุ่นคำนึง เมื่อมองเห็นเตียเจ็งเดินถือโครมไฟรำพึงมาคนเดียวว่า

“หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงให้โอกาสให้ข้าได้พบเขาอีกสักครั้งหนึ่งเถอะ แล้วจะให้ข้าทำอะไรก็ได้ ข้าอยากเจอเขาจริงๆ”

“เจ้าพริกขี้หนู เชื่อว่าข้าตายจริง น่าสงสารแฮะ ฮึ ใจผู้หญิงยากแท้หยั่งถึง ตอนแรกก็เกลียดข้านัก ตอนนี้ร้องไห้คิดถึง นึกไม่ถึงจริงจริ๊ง
เซียวฮื่อยี้คิดเรื่องสนุกแกล้ง เตียเจ็งเข้ามาได้อีกเขาตามนางไปที่ห้องทำเป็นผี แต่หน้าตาไม่น่าเกลียดมาหลอกนาง แต่นางไม่กลัว เพราะอยากเจอเขาอยู่แล้ว นางกระโดดเข้าไปจับเขาก้รู้ว่าเซียวฮื่อยี้มีเนื้อหนัง ยังเป็นคน แต่นางก็โวยวายว่าโดนหลอก”

“ข้าไม่ตายแล้วเป็นไง ไม่พอใจเหรอ?”

“พอใจ พอใจมากเลย เจ้ารู้ไหมตอนที่เจ้าตายไปข้ากินไม่ได้ นอนไม่หลีบเลย”

“เฮ้ย...เดี๋ยวก่อนๆ เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะ ข้าเป็นหรือตายไม่เกี่ยวกับเจ้านี่นา”

“แต่ข้าเป็นของเจ้าครึ่งคนแล้ว ข้าก็ต้องห่วงใยเจ้าถึงจะถูก”

“อ๊า” เซียวฮื่อยี้โวยวาย “เจ้าเป็นผู้หญิงนะ พูดไม่อายนางฟ้าเลย”

แต่เตียเจ็งไม่สนใจ นางพูดต่อว่า “หากเจ้าไม่คิดถึงข้า เจ้าจะมาหาข้าทำไมล่ะ”

“ข้ากลัวว่าเจ้าจะข้าตัวตายเพราะข้าไง ข้าแอบมาบอกให้เจ้ารู้ว่าข้ายังไม่ตาย แล้วอีกอย่างข้าจะไปจากที่นี่แล้ว พอไปต่างคนก้ต่างอยู่กัน ดังนั้นเจ้าจงลืมข้าเสียเถอะ”

“ทำไมเจ้าต้องไป”

“ก็ที่นี่ไม่ใช่บ้านข้านี่ ทำไมข้าจะไปไม่ได้”

“แต่เจ้าต้องสืบหาศัตรูของเจ้านี่นา แล้วคนที่ตายคนนั้น เจ้าก้ไม่แน่ใจว่าคนที่ตายคนนั้นเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม เจ้าจะไปได้ยังไง” เตียเจ็งพยายามรั้งเซียวฮื่อยี้ไว้ แต่เซียวฮื่อยี้กลับตอบว่า

“ตอนนี้แน่ใจแล้วว่าคนที่ตายเป็นสำเนา ตอนนี้ข้ากำลังสงสัยคนใหม่อยู่”

แต่แรกเซียวฮื่อยี้ไม่ยอมบอกว่าคนที่เขาสงสัยเป็นใคร แต่ทนลูกตื้อของเตียเจ็งไม่ได้ เขาจึงบอกว่าคนที่เขาสงสัยคือกังเปี๊ยกเฮาะ แต่เตียเจ็งบอกไม่น่าเป็นไปได้ เซียวฮื่อยี้จึงแย้งที่เขาสงสัยเพราะว่าความแน่นอนในปฐพีนี้คือความไม่แน่ นอน เพราะฉะนั้นเขาจึงสงสัยกังเปี๊ยกเฮาะ ถึงยังไงเตียเจ็งก็จะขอตามเขาไปด้วย แต่เซียวฮื่อยี้ปฏิเสธอ้างว่าหากไปพร้อมกันสองคนหากถูกจับได้ใครจะมาช่วย เซียวฮื่อยี้หว่านล้อมจนเตียเจ็งยอมไม่เดินทางไปพร้อมกับเขา ทำให้เซียวฮื่อยี้ลำพองใจว่าสลัดเตียเจ็งพ้นแล้ว แต่เมื่อกลับมานึกอีกทีเซียวฮื่อยี้ก็สับสนว่าในเมื่อเขาจะสลัดเตียเจ็งทิ้ง แล้ว ทำไมต้องบอกนางด้วยว่าเขาจะไปไหน ทำอะไร เซียวฮื้อยี้รู้สึกถึงความขัดแย้งในตัวเอง แต่เซียวฮื่อยี้ก็คือเซียวฮื่อยี้อยู่วันยังค่ำ เขาเป็นคนที่หากคิดอะไรไม่ออกก็จะไม่คิดมันต่อ ดังนั้นเขาจึงมีความสุขอยู่กับชีวิตไปได้เรื่อย

กลางดึก คนชุดดำที่หมายเอาชีวิตเซียวฮื่อยี้ออกไปพบกับหน้ากากทอง ทูตของเหยาเยี่ยประมุขวังเคลื่อนบุปผา แล้วรายงานให้ทราบว่า
“ท่านประมุข เซียวฮื่อยี้ต้องตายด้วยฝีมือฮวยบ่อข่วย แต่การประลองบนภูผาดำนั้นล้มเหลว แต่ว่าเซียวฮื่อยี้นั้นมันตายหรือยังไม่รู้”

“ไม่เสียแรงที่วังเคลื่อนบุปผาส่งเสียเจ้ามา”

“ท่านประมุข หากเซียวฮื่อยี้ยังไม่ตาย ในใจกังคิ้มคงไม่มีวันสงบ”

“เจ้ากลัวเด็กวานซืนอย่างเขาเหรอ เสียทีเป็นจอมยุทธ”

“ไม่ใช่ว่าข้ากลัวเขา ปัญหาคือคนที่รู้ประวัติของข้าจะมีชีวิตอยู่ในโลกไม่ได้”

“เซียวฮื่อยี้ต้องตายแน่ๆ แต่ยังมีอีกคนหนึ่งที่ล่วงรู้ประวัติเจ้าเช่นกัน แล้วยังรู้ประวัติเซียวฮื่อยี้อย่างละเอียดด้วย และคนคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้”

“ท่านหมายถึง...”

“ภรรยาของเจ้าไง เขาหายสาบสูญไปหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่านางเป็นหรือตาย”

“ข้าสืบหานางมานับสิบสิบปี ข้าเดาว่านางตายไปแล้ว”

“หึ หึ หึ” หน้ากากทองหัวเราะเยือกเย็น “เจ้าเดาเอาเหรอ ข้าจะบอกให้นะ นางยังมีชีวิตอยู่”

“บอกข้าได้หรือไม่ว่านางอยู่ที่ไหน”

“เจ้าก็ไปหาเอาเองซิ” แล้วหน้ากากทองก็จากไป

เซียวฮื่อยี้ติดตามกังเง็กนึ้งออกเดินทางไปหมู่บ้านกังน้ำ บ้านของกังเปี๊ยกเฮาะ ระหว่างทาง เพราะความเป็นคนมักมากในโลกีย์ กังเง็กนึ้งจึงถูกเซียวมี่มี่ หญิงมากตัณหา ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบคนโฉดจับตัวไปขังไว้ในอุโมงค์ เซียวฮื่อยี้ที่ติดตามกังเง็กนึ้งมาไม่ห่างรู้สึกสงสัยที่กังเง็กนึ้งหายตัว ไปกับหญิงสาวหน้าตาสวยงามคนหนึ่ง

ส่วนฮวยบ่อข่วยที่เดินทางเป็นเพื่อนทิซิมลั้งตามหาพ่อ เขาได้พบกับทิเผี่ยโกว ที่นำคำสั่งของประมุขมาบอกแก่เขาว่า ท่านประมุขมีคำสั่งให้เขาเลิกติดต่อกับทิซิมลั้ง ซึ่งฮวยบ่อข่วยก็รู้ดีแก่ใจ ว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องได้รับคำสั่งนี้ แต่เขาปฏิเสธมาตลอด แต่ด้วยความเป็นห่วงทิซิมลั้ง กลัวว่าอาใหญ่ของเขาจะฆ่าทิซิมลั้ง เขาจึงต้องแยกทางจากนาง ปล่อยให้นางเดินทางไปกังน้ำเพียงคนเดียว ทิซิมลั้งที่ปลอมตัวเป็นหนุ่มน้อยออกเดินทางคนเดียวอีกครั้ง

เซียวฮื่อยี้วนเวียนรออยู่ในจุดที่กังเง็กนึ้งหายตัวไปหลายวัน ทันใดนั้นหญิงสาวคนนั้นก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง นางใช้เล่ห์อุบายเดียวกับที่หลอกกังเง็กนึ้ง แต่เซียวฮื่อยี้ไหวตัวทันเพราะที่หุบเขาคนโฉด เขาเรียนรู้ว่า ของเล่นที่ดูแล้วไม่มีพิษสงแท้จริงแล้วอันตรายยิ่งนัก โดยเฉพาะสตรีเพศ! ดังนั้นเซียวฮื่อยี้จึงแสร้งทำเป็นตกหลุมพรางของนาง ให้นางพาตัวไปเข้าในอุโมงค์

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2012, 01:29:08 AM »

เดชเซียวฮื่อยี้ ตอนที่ 15

ในอุโมงค์ลับของเซียวมี่มี่ เซียวฮื่อยี้ได้เจอกับกังเง็กนึ้งที่ตกเป็นทาสของนาง กังเง็กนึ้งที่ถูกเซียวมี่มี่ควบคุมคิดหาทุกวิธีทางเพื่อหนีออกจากอุ้งมือ มาร เขาถูกทรมานไม่นานนักก็แทบจะไม่เป็นผุ้เป็นคน

เมื่อได้เจอกับเซียวฮื่อยี้ความที่ทั้งคู่เป็นคนเจ้าเล่ห์เหมือนกัน จึงผลัดกันกลั่นแกล้งกัน กังเง็กนึ้ง คิดหาแผนการหนีด้วยการฆ่าผู้ชายของเซียวมี่มี่จับตัวมาแล้วป้ายความผิดให้ กับเซียวฮื่อยี้ นึกไม่ถึงว่านอกจากนางจะไม่โกรธแล้วยังชอบใจ เพราะมีความคิดที่จะกำจัดผู้ชายเหล่านั้นอยู่แล้ว หนำซ้ำยังใช้ให้เซียวฮื่อยี้กับกังเง็กนึ้งเอาศพของคนเหล่านั้นไปทิ้ง ด้วยความที่เป้นคนเจ้าเล่ห์แสนกล กังเง็กนึ้งในยามนี้จึงจำเป็นต้องร่วมมือกับเซียวฮื่อยี้ในการหาทางออกจาก อุโมงค์ให้ได้ กังเง็กนึ้งพาเซียวฮื่อยี้ไปที่ห้องลับที่เขาค้นพบซึ่งอยู่ใต้ถังส้วม

ที่นั่นทั้งคู่ได้พบกับซากศพคนตายมากมาย และได้พบกับตำราฝึกวรยุทธ ทั้งคู่เห็นพร้อมกัน แต่เซียวฮื่อยี้ว่องไวกว่าแย่งมาได้ทัน นอกจากนี้ยังพบอาวุธซัดเข็มกระดูกทะลวงจักรวาลกันคนละอัน ทั้งคู่เลยต้องปรองดองกันชั่วคราวเพื่อจะได้หนีรอดไปให้พ้นจากอุโมงค์ลึกลับ ของเซียวมี่มี่ นึกไม่ถึงว่าระหว่างที่อยู่ในห้องลับเซียวมี่มี่ตามเข้ามาเจอจนได้ แต่เซียวฮื่อยี้ได้ใช้เข็มกระดูกทะลวงจักรวาลซัดใส่นางจนนางตายทันที แต่ก่อนตายเซียวมี่มี่ได้ใช้ “โซ่แห่งความรัก” ผูกพันมัดแน่น ไม่มีใครสามารถเอาออกได้ ยกเว้นจะมีใครสักคนหนึ่งตายไป ล็อกข้อมือของเซียวฮื่อยี้และกังเง็กนึ้งไว้ หลังออกมาจากอุโมงค์ลับของเซียวมี่มี่ คนแรกที่เซียวฮื่อยี้และกังเง็กนึ้งได้พบก็คือ “ผีพนันผมทอง” ซวนเหวียนซันกวนที่สามารถปลิดชีวิต “จอมยุทธเทียนน้ำ” ซุงเทียนน้ำที่ขึ้นชื่อในเพลงกระบี่และเฮ้งอิกเยี่ยวที่ขึ้นชื่อในกรุงเล็บ อินทรีจนได้ฉายาว่า “เห็นคนดั่งธุลี” ได้ด้วยมือเปล่า 2-3 กระบวนท่า

แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับเซียวฮื่อยี้ก็คือทุกย่างก้าวของสิ่งเสี ยะเต่าเจี้ยงเจ้าสำนักง้อไบ๊กลับทำให้ซวนเหวียนซันกวนที่มีฝีมือล้ำเลิศไม่ กล้าขยับเขยื้อนแต่อย่างใด แต่นึกไม่ถึงว่าสิ่งเสียะเต่าเจี้ยง กลับพ่ายแพ้จนต้องสูญเสียป้ายเจ้าสำนัก ซวนเหวียนซันกวนไม่เพียงวรยุทธล้ำเลิศ แม้แต่ปัญญาก็ยังเป็นหนึ่ง

เมื่อเห็นสิ่งเสียะเต่าเจี้ยงจะไถ่โทษตัวเองด้วยความตายเพราะสูญเสียป้าย เจ้าสำนัก เซียวฮื่อยี้จึงโดดออกมาท้าพนันกับซวนเหวียนซันกวน ฝ่ายซวนเหวียนซันกวนก็รับปากทันที การพนันที่ว่าก้คทอการผลัดกันทายปัญหา เซียวฮื่อยี้เป็นฝ่ายตั้งคำถามกับซวนเหวียนซันกวนว่าเขาแซ่อะไร เมื่อได้ยินคำถามก็ทำให้ซวนเหวียนซันกวนถึงกับนิ่งอึ้ง เพราะไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเป็นคำถามได้ แต่เซียวอื่อยี้บอกว่าเขามาจากหุบเขาคนโฉด เป้นลูกเต้าเหล่าใครยังเป็นปัญหา เพราะฉะนั้นทำไมจะนำเรื่องนี้มาทายปัญหาไม่ได้ ฝ่ายซวนเหวียนซันกวน เมื่อรู้ว่าเซียวฮื่อยี้มาจากหุบเขาคนโฉดก็ดีใจ แถมคุยโว ว่าเขาเป็นพี่ใหญ่ในจำนวนสิบคนโฉด มิน่าเขาถึงได้รู้สึกถูกชะตากับเซียวอื่อยี้นัก ส่วนคำถามของซวนเหวียนซันกวนนั้นทำให้เซียวฮื่อยี้หัวเราะร่า ซวนเหวียนซันกวนถามว่าบหัวเขามีผมกี่เส้น

เซียวฮื่อยี้ก็ตอบว่าบนหัวเขามีผมหนึ่งหัวนะสิ ซวนเหวียนซันกวน ได้ยินก็ตกใจ อดนับถือความเฉลียวฉลาดของเซียวฮื่อยี้ไม่ได้ และยอมรับความพ่ายแพ้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ซวนเหวียนซันกวนจะได้ป้ายเจ้าสำนักง้อไบ๊เพราะต้องอาศัย ปัญญาและวรยุทธ แต่เซียวฮื่อยี้กลับนำป้ายเจ้าสำนักที่เอามาจากมือผีพนันมอบคืนให้กับสิ่ง เสียะเต่าเจี้ยง สิ่งเสียะเต่าเจี้ยงซาบซึ้งในบุญคุณของเขามาก และได้คิดตอบแทนเซียวฮื่อยี้ในวันหลัง แต่ด้วยความที่เสียหน้าเพราะแพ้พนัน จึงทำเหมือนคนไม่มีมารยาท ทำให้ผีพนันถึงกับออกปากในความไม่มีมารยาทของสิ่งเสียะเต่าเจี้ยง แต่เซียวอื่อยี้กลับไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ถึงแม้ผีพนันกับเซียวฮื่อยี้จะถูกชะตาถึงกับคยเป็นเพื่อนกัน แต่เขามองดุก็รู้ทันทีว่ากังเง็กนึ้งที่มากับเซียวอื่อยี้มีนิสัยชั่วช้า ทั้งยังเตือยเซียวฮื่อยี้ให้ฆ่ากังเง็กนึ้งเสีย

แต่เซียวฮื่อยี้ที่ดย่อหยิ่งกลับปฏิเสธความหวังดีของผีพนันไม่ฆ่ากังเง็ก นึ้ง และด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นเคราะห์ภัยในภายหลัง เนื่องจากช่วงที่พวกเขาอยู่ในอุโมงค์ลับของเซียวมี่มี่ได้คัมภีร์วิทยายุทธ มาเล่มหนึ่ง ในใจของกังเง็กนึ้งต้องการเป็นหนึ่งในยุทธภพ จึงต้องการสังหารเซียวฮื่อยี้เพื่อแย่งคัมภีร์มา

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2012, 01:29:17 AM »

เดชเซียวฮื่อยี้ ตอนที่ 16

ทิซิมลั้งที่เดินทางตามลำพังไปหมู่บ้านกังน้ำ เพื่อตามหาบิดา ทำให้ฮวยบ่อข่วยรู้สึกเป็นห่วง เขาจึงแอบติดตามนางห่างๆ ไม่ให้นางรู้ตัว แม้จะด้รับคำเตือนจากทิเผี่ยโกวว่าหากประมุขวังเคลื่อนบุปผาทราบว่าเขาเดิน ทางตามทิวิมลั้งอย่างนี้ นางจะต้องโกรธเขาแน่ แต่ฮวยบ่อข่วยยังยืนยันที่จะติดตามดูแลทิซิมลั้งต่อไป เขาตั้งใจว่าเมื่อนางพบบิดาบังเกิดเกล้าแล้ว เขาจะแยกทางจากนางทันที ภาพของทิซิมลั้งระหว่างการเดินทางทำให้ฮวยบ่อข่วยถึงกับรำพึงออกมาว่า

“เป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ โดดเดี่ยว ต้องดินทางคนเดียวท่ามกลางอันตราย ยามที่นางต้องการเพื่อน แต่ข้ากลับทอดทิ้งนาง”

ทิซิมลั้งมีความรู้สึกเหมือนกับว่าฮวยบ่อข่วย อยู่ไม่ไกลจากตัวนาง แต่เมื่อหันกลับไปมองก็ไม่ปรากฏร่างใคร ทำให้นางคิดว่าตัวเองคิดมากไป ทิซิมลั้งเข้าไปพักในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง นางดื่มสุราเพื่อดับกลุ้ม นึกไม่ถึงว่านางดื่มสุราเพียงสองจอกก็รู้สึกเมาได้ ที่แท้ในสุรานั้นมียาเมา เถ้าแก่และอาซ้อโรงเตี๊ยมเผยตัวเองเป็นสองพี่น้อง “อากุกเจ้าปัญญา” เป็นคนชั่วที่คอยพร่าพรหมจรรย์หญิงสาว ขณะที่ทิวิมลั้งกำลังจะเสียทีสองพี่น้องคนชั่ว ฮวยบ่อข่วยก็ออกมาช่วยเหลือนาง ฮวยบ่อข่วยสัญญากับตัวเองว่าต่อไปนี้เขาจะดูแลทิซิมลั้งด้วยตัวเองเป็นอย่าง ดี เพื่อไม่ให้นางได้เผชิญกับคนชั่วร้ายตามลำพังอีก ทั้งสองผลัดกันเล่าเรื่องราวของตัวเองให้กันและกันฟัง ทิวิมลั้งจึงได้รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่เคยเห็นรอยยิ้มฮวยบ่อข่วยเลย เมื่อเขาบอกว่าชีวิตที่วังบุปผา ไม่มีเรื่องใดที่ทำให้เขาเป็นทุกข์ แต่ก้ไม่มีเรื่องใดที่ทำใหเขาเป็นสุขเช่นกัน ในระยะเวลาที่แม้ไม่นานแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้คนสองคนที่ไม่มีใจกลายเป้นมี รักให้กัน ในใจของทิซิมลั้งถึงแม้จะคิดถึงเซียวฮื่อยี้ แต่เมื่อเจอหน้าฮวยบ่อข่วยที่รักเธออย่างลึกซึ้งทุกวัน เธอก็เริ่มใจอ่อน ทิซิมลั้งในยามนี้บางครั้งกลับคิดถึงแต่ฮวยบ่อข่วย

ที่บ้านตระกูลมู่หยง กังเปี๊ยกเฮาะเข้าไปดูอาการของมู่หยงเก้าที่ยังแสร้งทำเป็นคนเสียสติอยู่ กังเปี๊ยกเฮาะพยายามทำให้นางแสดงอาการปกติออกมา และก็ได้ผลเมื่อมู่หยงเก้าบันดาลโทสะคิดจะทำร้ายกังเปี๊ยกเฮาะ แต่ด้วยเชิงยุทธที่ห่างชั้นกันทำให้มู่หยงเก้าไม่สามารถทำอะไรกังเปี๊ยกเฮาะ ได้ นางจึงเคียดแค้นกังเปี๊ยกเฮาะเป็นที่สุด และเพียงไม่นานกังเปี๊ยกเฮาะก็ลาเจ้าบ้านมู่หยงเดินทางกลับกังน้ำเพื่อ เตรียมการจัดงานแต่งงานระหว่างกังเง็กนึ้งและมู่หยงเก้า

จากอุโมงค์ลับของเซียวมี่มี่ไปยังกังน้ำยังมีระยะทางอีกไกล เซียวฮื่อยี้ก็ตามกังเง้กนึ้งที่ปากหวานแต่ใจอำมหิตมุ่งหน้าไปกังน้ำอย่าง นี้ ตลอดทางกังเง้กนึ้งพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะลอบฆ่าเซียวฮื่อยี้ แต่ถูกซียวฮื่อยี้จับได้ทุกที ในที่สุดกังเง็กนึ้งก็ได้เจอกับเซียวอื่อยี้ที่ฉลาดกว่าเขา 3 เท่า ด้วยเหตุนี้กังเง้กนึ้งจึงตั้งเซียวฮื่อยี้เป็นศัตรูหมายเลข 1 ของเขา เมื่อการลอบฆ่าไม่สำเร็จ กังเง้กนึ้งก้เปลี่ยนมาเป็นขโมยคัมภีร์วรยุทธ แต่ก็ไม่สำเร็จเช่นกัน

ไม่เพียงไม่สำเร็จแต่ยังถูกเซียวฮื่อยี้ดัดหลัง ความจริงไม่ใช่ว่าเซียวฮื่อยี้ไม่รู้ว่ากังเง็กนึ้งเป็นคนชั่วช้า การที่เขายินดีร่วมเดินทางไปกังเง็กนึ้งเนื่องจากเขารู้สึกสนุก ไม่เพียงสนุกแต่ยังท้าทาย การที่คนคนหนึ่งต้องระวังตัวแจจนแม้แต่เวลากินข้าว นอนหลับ เข้าห้องน้ำยังต้องเกรงคนอื่นจะทำร้ายมิเท่ากับว่าเป็นการเอาชีวิตมาเสี่ยง แต่เซียวฮื่อยี้ที่เติบโตในหุบเขาคนโฉดกลับชอบความท้าทายเช่นนี้ยิ่งนัก

เซียวอื่อยี้ที่กะล่อน หลังจากที่ท่องวิชาในคัมภีรืหมดแล้วก็แกล้งทำคัมภีร์ตกลงไปในโถส้วม ทำให้กังเง็กนึ้งพลาดที่จะได้คัมภีร์มาครองจนได้ กังเง้กนึ้งจึงได้แต่บอกตัวเองว่ารอให้กลับไปกังน้ำก่อนเถอะ เซียวฮื่อยี้จะได้รู้จักเขาดีขึ้น เนื่องจากเขารู้ว่าเพียงกลับไปถึงกังน้ำ ที่นั่นจะเป็นสวรรค์ของเขา ถึงตอนนั้นเกรงว่าแม้นเซียวฮื่อยี้จะมีปีกหนีไม่พ้นอุ้งมือของเขา!!

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #58 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2012, 01:29:23 AM »

เดชเซียวฮื่อยี้ ตอนที่ 17

ฮวยบ่อข่วยที่เดินทางมากังน้ำกับทิซิมลั้ง เขาได้รับรู้จากความรู้สึกว่าเซียวฮื่อยี้อยู่ไม่ไกลจากตัวเขา และเซียวฮื่อยี้ก็รู้สึกเช่นกัน ฮวยบ่อข่วย ได้มอบดอกไม้เป้นของขวัญให้แก่ทิซิมลั้ง แต่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ทำให้ทิซิมลั้งอดถามไม่ได้ว่า

“คุณชายฮวย ข้าถามปัญหาท่านอย่างหนึ่งได้ไหม?”

“ปัญหาอะไร”

“นับแต่รู้จักเจ้ามา ข้ายังไม่เคยเห็นเจ้ายิ้มเลย ท่านเกลียดชังการหัวเราะ หรือว่ามีความทุกข์กันแน่ค่ะ”

“ไม่ใช่ว่าข้าเกลียดชังการหัวเราะ แต่ดูเหมือนว่าการหัวเราะจะอยู่ไกลจากข้า ตั้งแต่เล้กจนกระทั่งโตข้าไม่เคยหัวเราะ จนลืมว่าการหัวเราะเป็นยังไง”

“น่าแปลกนะ คนเราเมื่อมีความสุขย่อมหัวเราะ มันเป็นธรรมชาติ ทำไมท่านถึงลืมการหัวเราะได้ล่ะ”

ภาพที่เขากำลังวิ่งเล่นไล่จับกับนางกำนัลน้อย วัยไล่เลี่ยกันในวังเคลื่อนบุปผากลับเข้ามาในความคิด ประมุขเหยาเยี่ยเข้ามาเห็นเขากำลังหัวเราะมีความสุขก็ฆ่าเพื่อนเล่นของเขาคน นั้นเสัย ทั้งยังห้ามไม่ให้เขาหัวเราะอีก

“สถานที่ข้าเติบโต หัวเราะโทษถึงประหาร แม้แต่ร้องไห้ก็ถูกห้ามปราม” ฮวยบ่อข่วยมองหน้าทิซิมลั้งแล้วบอก แต่แล้วภาพของอารองที่มาเตือนเขาก็กลับเข้ามาในความคิดของฮวยบ่อข่วยอีก ครั้ง

“หากเจ้าจริงใจกับทิซิมลั้ง อย่าอยู่ใกล้นางนัก หาไม่แล้ว กับทำร้ายนาง” คำเตือนของอารองทำให้เขารู้สึกทุกข์ใจ อาการของเขาทำให้ทิซิมลั้งเป็นห่วง

“เจ้าเป็นอะไรไป”

“ข้าไม่เป็นไรหรอก”

“แม่นาง หากเจ้าพบพ่อของเจ้า เจ้าจะไปกับเขาใช่ไหม”

“อาจจะใช่ ต้องดูก่อน”

“เจ้าเดินทางรอนแรมเพื่อตามหาพ่อ เจ้าสมควรจะไปกับเขา อีกอย่างหนึ่งเราหนุ่มสาวเดินทางมาสองคน คนจะครหาได้ ชื่อเสียงเจ้าจะเสีย”

“ข้าเข้าใจแล้ว แม้ข้าจะหาพ่อไม่พบ ข้าก็จะไปจากเจ้า”

ทิซิมลั้งแยกจากฮวยบ่อข่วยไป ทำให้เขาวิ่งตาม

“แม่นางทิ อย่าเข้าใจผิดซิ ไม่ใช่ว่าข่าไม่อยากไปกับเจ้านะ ข้าเพียงอยากจะบอกว่าหากเจ้าอยู่กับข้า เจ้าจะมีอันตราย ใจจริงข้ารักเจ้ามากนะ แต่ข้าไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง เจ้าอย่าโกระข้าได้ไหม”

“ข้าเข้าใจแล้ว ไม่ต้องพูดต่อแล้ว”

“เจ้าเข้าใจข้าจริงๆนะ เจ้าไม่โกรธข้าจริงๆนะ”

ฮวยบ่อข่วยปรับความเข้าใจกับทิซิมลั้งจนนางเข้าใจในตัวเขา

กลับมาถึงกังน้ำ กังเง็กนึ้งเปลี่ยนแปลงท่าทีจากที่เคยนอบน้อมต่อเซียวฮื่อยี้มาเป็นหาเรื่อง เขาตลอดเวลา แต่เซียวฮื่อยี้ก็ไม่ใส่ใจ นึกไม่ถึงว่ากังเง็กนึ้ง ได้เตรียมนักห่าไว้ปลิดชีวิตเซียวฮื่อยี้แล้ว ทว่า สองครั้งสามคราที่ลงมือมักจะมียอดฝีมือผู้มีพระคุณคอยช่วยเหลือเซียวฮื่อยี้ เสมอ

เซียวฮื่อยี้มาถึงบ้านสกุลกังอย่างปลอดภัย กังเปี๊ยกเฮาะก็ต้อนรับขับสู้เซียวฮื่อยี้อย่างดี นึกไม่ถึงว่าที่บ้านสกุลกัง เซียวฮื่อยี้กลับได้พบฮวยบ่อข่วยและทิซิมลั้ง เมื่อเจอหน้ากกันฮวยบ่อข่วยยังยืนยันที่จะฆ่าเซียวฮื่อยี้ แต่กังเปี๊ยกเฮาะออกหน้าขอร้องฮวยบ่อข่วยไม่ให้ฆ่าเซียวฮื่อยี้อีกครั้ง ฮวยบ่อข่วนจึงรับปากว่าจะไม่ฆ่าเซียวฮื่อยี้ในบ้านสกุลกัง แต่ถ้าเขาเจอเซียวฮื่อยี้นอกบ้านสกุลกังเมื่อไหร่เขาไม่ละเว้นแน่

 เซียวฮื่อยี้ไม่ทุกข์ร้อนกับชะตาชีวิตของตัวเองยังคงสนุกสนานอยุ่ในบ้านสกุล กัง ด้วยการกลั่นแกล้งกังเง้กนึ้งที่ยังมีโซ่รักติดกันอยู่ แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะค้นหาความจริงเกี่ยวกับกังเปี๊ยกเฮาะด้วย ที่แท้เซียวฮื่อยี้แอบขโมยกุญแจไขโซ่รักจากเซียวมี่มี่มาไว้ก่อนแล้ว ตกดึกเขาสกัดจุดกังเง็กนึ้งที่กำลังหลับไหล ออกไปสำรวจบ้านสกุลกัง เซียวฮื่อยี้ได้พบกับทิเจี่ยงราชสีห์บ้าในคราบคนรับใช้เป็นใบ้หูหนวกของกัง เปี๊ยกเฮาะอีกครั้ง คราวนี้ทิเจี่ยงยอมพูดคุยกับเซียวฮื่อยี้และพาเขาไปในห้องลับของกังเปี๊ยก เฮาะ เซียวฮื่อยี้ค้นพบสิ่งของจำนวนมากในห้องรับของกังเปี๊ยกเฮาะ มียาพิษเรื่องชื่อ รายชื่อข้าศึก ที่กังเปี๊ยกเฮาะส่งไปแฝงตัวในสำนักต่างๆ ยังมียาเปลี่ยนหน้า ที่หายากมาก

สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เซียวฮื่อยี้เกิดความสนใจ ทว่ากลิ่นที่คุ้นเคยลอยมาปะทะกับจมูกของเซียวฮื่อยี้ แล้วเขาก็เดินกลิ่นที่ลอยมาและพบว่ามันคือแผนที่ซ่อนขุมทรัพย์ของทิซิมลั้ง นั่นเอง นับไปนับมาปรากฏว่าในห้องลับของกังเปี๊ยกเฮาะมีแผนที่ซึ่งเหมือนกัน ทุกอย่างอยู่หลายสิบฉบับ แล้วเซียวฮื่อยี้ก็ประจักษ์แจ้งว่า แผนที่ซ่อนขุมทรัพย์เป็นเพียงเหยื่อล่อเหล่าชาวยุทธให้มาประหัตประหารกันเอง ของกังเปี๊ยกเฮาะ แต่ว่ากังเปี๊ยกเฮาะก็พบว่าเซียวฮื่อยี้แอบเข้าไปในห้องลับ และยังล่วงรู้ว่าเซียวฮื่อยี้ล่วงรู้ความลับเรื่องแผนที่ซ่อนขุมทรัพย์แล้ว อักทั้งยังรู้ว่าเขาก็คือกังคิ้มในอดีตนั่นเอง

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 1999 The Legendary Siblings Part I
« ตอบกลับ #59 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2012, 10:59:48 AM »

เดชเซียวฮื่อยี้ ตอนที่ 18

กังเง็กนึ้งกับเซียวฮื่อยี้ที่เบื่อกับการอยู่บ้านมานานหลายวันแล้ว ทั้งสองจึงชวนกันออกไปเที่ยวนอกบ้าน โดยชวนฮวยบ่อข่วยไปด้วย เพราะในวันนี้ฮวยบ่อข่วยให้สัญญาว่าจะไม่ฆ่าเซียวฮื่อยี้ ทั้งคู่จึงตกลงเป็นเพื่อนกันหนึ่งวัน

ทั้งสามคนไปนั่งเล่นที่ริมทะเล แต่คนที่มีความสุขที่สุดก็คือเซียวฮื่อยี้กับฮวยบ่อข่วย เพราะทั้งสองคุยกันเหมือนเพื่อนที่รู้ใจ แลกเปลี่ยนความรู้สึกและเล่าเรื่องราวของตัวเองให้กันและกันฟัง รวมไปถึงเหตุการณ์ในวัยเด็กที่ตัวเองเจอ และอีกคนหนึ่งรับรู้ความรู้สึกนั้นด้วย เป็นเรื่องที่ทุกคนสรุปว่าแปลก แต่คนที่เบื่อหน่ายที่สุดในการสนทนาครั้งนี้คือกังเง็กนึ้ง

ทิซิมลั้งที่กำลังซับสนในหัวใจตัวเอง นางเริ่มมีจิตพูกพันกับฮวยบ่อข่วยแต่นางก็ยังไม่ลืมเซียวฮื่อยี้ นางปรับทุกข์กับคนใช้หูหนวกเป็นใบ้ แต่ไม่รู้ว่าที่แท้เขาคือทิเจี่ยง บิดาบังเกิดเกล้าของนาง เมื่อเห็นลูกสาวมีความทุกข์หนัก ทิเจี่ยงจึงยอมเผยตัว ทิเจี่ยงเข้าไปในห้องของทิซิมลั้ง เห็นนางกำลังหลับอยู่จึงมองด้วยความรัก เมื่อนางตื่นขึ้นมาเลยตกใจที่เห้นคนรับใช้ใบ้ยืนมองอยู่

“เจ้า เ...

จ้าจะทำอะไรน่ะ”

“ซิมลั้ง พ่อเป็นพ่อของเจ้านะ”

“เจ้าเป็นใบ้หูหนวกนี่นา เจ้าจะทำอะไรน่ะ”

“เจ้าฟังก่อน ข้าคือทิเจี่ยง ราชสีห์บ้า เจ้าฟังพ่อพูดให้จบก่อน ที่หัวเข่าข้างซ้ายเจ้ามีปานแดงโตประมาณครึ่งฝ่ามือใช่ไหม”

“ท่าเป็นพ่อข้าจริงเหรอ”

“ใช่ ตอนนั้นข้าเอาเจ้าไปฝากสกุลทิ ตำบลเหยหลงเจิ้น เพื่อให้พวกเขาเลียงดูเจ้าแทนข้า พ่อจำได้ว่าพ่อห่อเจ้าด้วยผ้าแพร มีลดลายปักดอกกล้วยไม้ ฝีมือแม่ของเจ้า และผ้าผืนนั้นพ่อกอดเจ้าไว้ตอนพาเจ้าหนีมันเลยเปื้อนคราบ...”

“เลือดของพ่อ” ทิซิมลั้งต่อประโยคนั้นด้วยน้ำตาไหลที่อาบแก้ม

“ใช่ เป็นคราบเลือดของพ่อ”

“พ่อ พ่อเป็นพ่อของข้าจริงๆ...ท่านพ่อ” ทิซิมลั้งกอดทิเจี่ยงด้วยความดีใจ

“ทิซิมลั้ง พ่อเสียใจและละอายใจมาก 20 ปีพ่อตามหาเจ้าแทบพลิกแผ่นดิน”

“ในที่สุดข้าก็ได้พบพ่อแล้ว”

“คุยกันที่นี่ไม่สะดวกหรอก พ่อกลัวกังเปี๊ยกเฮาะมันได้ยิน”

“ใช่ พ่อช่วยเซียวฮื่อยี้เพื่อสืบหาตัวกังคิ้ม ในที่สุดก็พบว่ากังเปี๊ยกเฮาะคือกังคิ้ม พ่อยังพบแผนการชั่วช้าต่อยุทธภพของเขา เซียวอื่อยี้มาที่นี่ก็เพื่อกระชากหน้ากากมัน ล้างแค้นให้กับพ่อเขา”

“ที่แท้อย่างนี้นี่เอง” เสียงเคาะประตูของฮวยบ่อข่วยทำให้ทั้งคู่ต้องยุติการสนทนา ทิซิมลั้งถ่วงเวลาฮวยบ่อข่วยเพื่อให้ทิเจี่ยงหลบออกไป
การเปิดเผยตัวของทิเจี่ยงทำให้ทิซิมลั้งดีใจมาก ที่แท้เมื่อเกือบ 20 ปีก่อนทิเจี่ยง ราชสีห์บ้า ถูกศัตรูตามล่า ภรรยาของเขาถูกฆ่าตาย ทิเจี่ยงที่กำลังลำบากจึงนำลูกสาวคนเดียวไปฝากบ้านสกุลทิให้ช่วยเลี้ยงดุ ส่วนตัวเขาเองหนีเข้าหุบเขาคนโฉด แล้วก็ไม่ได้พบกับลูกสาวอีกเลย เมื่อได้พบลูกสาวอย่างคาดไม่ถึงเขาจึงดีใจมากที่สุด