ผู้เขียน หัวข้อ: 1. ชีวิตศิลปินช่วงมัธยมปลาย  (อ่าน 4009 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
1. ชีวิตศิลปินช่วงมัธยมปลาย
« เมื่อ: ตุลาคม 14, 2010, 11:17:12 AM »
青春的场所 : ซิงซุนเตอฉางสั่ว : สถานที่ของวัยรุ่น

ปี 2003

Youth Never Die


1. 【明星学生的高中生活】 ชีวิตศิลปินช่วงมัธยมปลาย

2. 【乖乖虎的学业与事业】การเรียนและการงานของไกวๆหู่

3. 【第一志愿的求学过程】 ความตั้งใจอันดับแรกคือการเรียน

4. 【聪明是必要的吗?一段师生对话】ความฉลาดนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นด้วยหรือ ?ช่วงชีวิตหนึ่งของครูกับนักเรียน

5.【苏有朋的专注性情】โหย่วเผิงให้ความสำคัญทางอารมณ์

6.【学生生活大转弯】การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตนักศึกษา

7.【苏有朋在大陆】โหย่วเผิงอยู่ที่จีน

8.【在戏剧与音乐之间】ระหว่างละครและดนตรี

9. 【在舞台上,一个梦想的真实】อยู่บนเวที ฝันที่เป็นจริง

10.【在家里:家人与苏有朋】ในบ้าน คนในครอบครัวกับโหย่วเผิง

11.【念旧又厌旧造成可爱性格】 หวนอดีตแล้วจะทำให้บุคลิกน่ารักขึ้น

12.【一念之转,就能自由自在】 การพลักผันแค่เสี่ยวนาที ก็สามารถอยู่อย่างอิสระ

13.【独一无二的师生之谊】  ความสัมพันธ์หนึ่งเดียวระหว่างอาจารย์กับนักเรียน

14. 附录2:我认识的“乖乖虎” ไกวๆหู่ที่ฉันรู้จัก

15. 自序 คำนำ

16. 谢老师序 ลำดับโดยอาจารย์แซ่

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 1. ชีวิตศิลปินช่วงมัธยมปลาย
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2010, 11:18:47 AM »

1. ชีวิตศิลปินช่วงมัธยมปลาย

ในโรงเรียนมีนักเรียนที่ดังมากๆขนาดนี้คนหนึ่ง ทุกคนคงมีความใฝ่ฝันและอุดมการณ์ของตัวเองซึ่งมันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว อาจารย์แซ่กล่าวว่า “ ตอนก่อนที่เจอเขานั้น ในสายตาเราแล้วรู้สึกเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะมักจะได้รับโทรศัพท์ของแฟนๆที่โทรมาหาเขา ในห้องปกครองก็จะพูดตอบไปแบบเสียงดุๆก็ไม่ได้ แล้วก็ไม่เคยเจอนักเรียนคนนี้อีกด้วย ก็มีความรู้สึกว่าเด็กนักเรียนคนนี้เจ้าปัญหาจัง ทำไมไม่ตั้งใจเรียนดีๆ ไปเป็นศิลปินอะไรไม่รู้

“ ในตอนนั้น การเป็นศิลปิน วงการดารา นั้นเป็นอาชีพหนึ่งที่พวกเราไม่ยอมรับ ตอนนี้กับสิบห้าปีก่อนนั้นมันเป็นเหมือนหน้ามือกับหลังมือเลย สมัยนี้สังคมยอมรับว่าการเป็นศิลปินนั้นเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง และชีวิตช่วงมัธยมปลายส่วนใหญ่ของโหย่วเผิงนั้นมักจะอยู่หน้าเวที และมันให้เห็นภาพเปรียบเทียบจากเด็กนักเรียนเข้าสู่วงการบันเทิง เขาสามารถทำได้กับการเรียนและวงการบันเทิงซึ่งพวกเรานั้นกำลังฝันใฝ่อยู่ ด้านหนึ่งเป็นเด็กเรียนที่ยอดเยี่ยม อีกด้านหนึ่งเป็นศิลปินขวัญใจ เป็นซุปเปอร์สตาร์ จริงๆแล้วทั้งสองอย่างนี้นั้นหลายคนก็กำลังทำอยู่ แต่ท้ายสุดก็มักจะทำได้แค่อย่างเดียว คนเรียนเก่งก็อยากจะไปยุ่งกับการแสดง แต่ว่าขณะเดียวกันนั้นเขาเหยียบเรือสองแครม ผมรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนเรายากจะกระทำได้ จริงๆแล้วคนที่อยากจะเข้าสูวงการบันเทิงนั้นมีเยอะมาก แต่ว่าจะหาคนที่มีความสำเร็จในด้านนี้นั้นน้อยมากๆเลยแหล่ะ แต่ว่าเขากลับมีทั้งสองอย่าง ก็นับว่าเขาเป็นเทพบุตรเลยแหล่ะ

ฉะนั้นก่อนที่ฉันจะเจอเขานั้น ก็คิดอยู่ว่าทำไมเขาถึงมีมากมายขนาดนี้ คนคนนี้จริงๆแล้วเป็นใครกันแน่ ในใจก็มีคำถามที่ใหญ่มาก คิดไม่ถึงว่าเด็กเทพ(อัจฉริยะ)อย่างเขานั้นดูๆไปแล้วก็ไม่มีอะไรให้แตะตาเลย ทำให้ฉันเสียความรู้สึกมากๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้นั้นมีพิเศษจริงๆ ฉันประหลาดใจมากคนที่มีชื่อเสียงดังขนาดนี้ทำไมรูปร่างเป็นสภาพอย่างนี้ มันอาจเป็นเพราะเราจิตนาการณ์เกินไป” พูดถึงตรงนี้แล้ว อาจารย์แซ่ก็ได้ยิ้มแล้วหัวเราะออกมา

โหย่วเผิงกล่าวว่า จริงๆแล้วเขาเองเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ก็เหมือนกับเพื่อนนักเรียนทั่วไป “สายตาผมสั้นเป็นพัน ตอนนั้นผมเองก็ใส่แว่น ตอนไปเรียนพิเศษที่หนันหยางก็ยังใส่อยู่ ไม่กลัวที่คนอื่นจะรู้จัก เพราะอย่างไรก็ให้มันสบายๆ เพื่อจะให้ผลการเรียนดีนั่นถึงจะเป็นเป้าหมายของผม



อาจารย์แซ่ก็ได้หวนคิดถึงภาพสมัยที่เขาขึ้น ม.6 “พวกเราวันหนึ่งจะต้องเจอนักเรียนมากมาย นิสัยของนักเรียนแต่ละคนดีหรือไม่ดี พวกเราล้วนรู้ไปหมด จริงๆแล้วเราเป็นที่ให้คำปรึกษา ก็จะมีเซ้นในด้านนี้ ปกติแล้วนักเรียน ม.6 นั้นจะดี แต่ดูเขาแล้วกลับเหมือนคนไม่มีแรง รู้ว่าสภาพเขาตอนนั้นไม่ดีแน่ อยู่ในสภาพที่ตกต่ำ จริงๆแล้วดูออกเหมือนกัน”

“ตามปกติแล้ว คุณครูทุกคนล้วนมีห้องที่ต้องรับผิดชอบดูแล ปีนั้นห้องที่ฉันดูแลนั้นเป็นเด็ก ม.5 เขาอยู่ ม.6 จริงๆแล้วพวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยแหล่ะ และฉันเองก็รู้ถึงสภาพที่ย่ำแย่ของเขา เขาคงไม่รู้สึกตัวมั้ง ฉันเองก็แค่ถามชวนเขาเล่นๆ ชวนว่ากลางวันนี้มานั่งสมาธิด้วยกันไหม”

“ตอนหลังเมื่อได้พูดคุยกันแล้วถึงจะรู้ว่าตอนนั้นเขาเองขาดความมั่นใจในตัวเอง จนถึงผลการเรียน ม.6 เทอมสองของเขาดีขึ้น ถึงจะมีความมั่นใจขึ้นมา เวลาเดินยังมีลมเลย” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ทั้งครูและนักเรียนทั้งสองคนก็หัวเราะออกมา อาจารย์แซ่เล่าต่อว่า “ตอนเทอมแรกของ ม.6 นั้นเขายังนับว่าขยันอยู่ แต่เข้าสู่เทอมที่สองแล้วก็นานๆมาครั้ง แต่ว่าสำหรับห้องการให้คำปรึกษาแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าหากนักเรียนมาในห้องนี้น้อยก็นับว่าพวกเราได้กลับสู่สภาพปกติแล้ว เขาเข้าสู่สภาพปกติแล้ว ฉะนั้นก็ไม่ต้องมาอีก และยังดีใจกับเขาด้วย บางครั้งก็ยังเห็นเขาอยู่กับเพื่อนด้วย มีเพื่อนแล้ว ก่อนนี้นั้นเขาเองยังรู้สึกห่างๆกับเพื่อนนักเรียนอยู่