ผู้เขียน หัวข้อ: 6. การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตนักศึกษา  (อ่าน 3334 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด

6. การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตนักศึกษา

เปรียบกับนักเรียนคนอื่นแล้ว โหย่วเผิงนั้นมีจุดที่ไม่เหมือนกับคนอื่น อาจารย์แซ่กล่าวว่า “นักเรียนคนอื่นนั้นก็มักจะมั่นคงอยู่ในทางเดียวเท่านั้น ตัวเขาเองกลับเดี่ยวอยู่นี่ เดี่ยวไปนั่น "(ประมาณอยู่ไม่เป็นสุข..ซุกซน)

โหย่วเผิงได้ยินอาจารย์พูดอย่างนี้ หัวเราะแล้วพูดว่า “ผมนั้นเดี่ยวดูเหมือนเด็กดีมาก เดี่ยวดูเหมือนเด็กดื้อ” อาจารย์แซ่คิดๆ ดู บอกว่าภาพลักษณ์เมื่อก่อนของโหย่วเผิงนั้นไม่ค่อยดี คือช่วงที่เขาพักกลางวัน ครั้งหนึ่งพวกเราไปกินข้าว โหย่วเผิงได้ใส่หมวกแก๊บปิดลงมาบังหน้าหมดเห็นแต่จมูก เขาไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเขาเป็นไกวๆหู่”

อาจารย์แซ่กล่าวว่า “ ตอนนั้นฉันเห็นเขา ฉันเองเจ็บปวดใจมาก เขาเป็นแก้วตาดวงใจของฉัน แต่ว่าภาพในตอนนั้นของเขานั้น เหมือนกับว่าตัวเองเจอผู้คนไม่ได้อย่างนั้นเลย ฉันเองก็เสียใจมาก ความทุกข์ที่เขาเจอนั้น พวกเราก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย แต่ว่า เขาเองจำเป็นจะต้องชนะมันให้ได้ จริงๆแล้วพนักงานที่ร้านก็จำเขาได้ เขาก็บอกว่ารีบไปเถอะ แต่ว่าตอนนี้ออกไปกับเขานั้น เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย เขาทำตัวเฉยๆ”

คิดถึงช่วงที่โหย่วเผิงออกจากการเรียนที่ไถต้า(มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน) อาจารย์แซ่กล่าวว่า “มีความมากมายเสียใจ พ่อแม่หลายคนรู้สึกว่า ทั้งเล่นไปด้วย ทั้งเรียนไปด้วย ก็คำนึงไปทั่วทั้งสองด้าน เป็นแบบอย่างของการสอนลูกสอนหลาน หลังจากนั้นเขาก็ไปที่อังกฤษ ในช่วงเวลานั้น ฉันเชื่อว่าความกดดันของเขานั้นใหญ่มาก “ตอนนั้นเดิมทีเขาตั้งใจว่าจะเรียนต่อไป ครั้งหนึ่งเขาโทรมาหาฉัน ฉันสามารถสัมผัสถึงความจับต้นชนปลายไม่ถูกของเขา เพราะว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น การศึกษาของไต้หวันก็ไม่ได้ทำแค่ตอนเดียว โรงเรียนทางโน้นก็ไม่ได้ขอไป ค่าใช้จ่ายก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง”



โหย่วเผิงกล่าวว่า “ตอนนั้นเพียงหาโรงเรียนสอนภาษาเอง สภาพจิตใจแย่มาก อยากจะปลดปล่อยตัวเอง ฉะนั้นเลยไม่คิดจะหาผู้ใหญ่ที่อยู่ทางโน้นมาช่วยสักคน ไปเพียงตัวคนเดียวเท่านั้น รู้สึกว่าไปใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง ตอนนั้นดื้อมาก ผมก็ยังเป็นคนหนึ่งที่ดื้ออยู่”

อยู่ที่โน่นรู้สึกว่าอิสระมาก ตั้งแต่อายุผมสิบห้าปีนั้น ก็ไม่สามารถไปซีเหมินติง ไม่สามารถไปถนนย่าหม่า ทำอะไรก็ไม่ได้ แต่ว่าเมื่ออยู่ที่อังกฤษ ทำอะไรก็ได้หมด สำหรับผมแล้วมันเป็นอะไรที่เปรียบดังฟ้ากับดินเลย
โหย่วเผิงในปัจจุบัน ไม่มีเวลาที่ไม่อิสระ เขากล่าว “เมื่อก่อนช่วงสอบนั้น จะมีคนเขียนจดหมายมาให้กำลังใจผม ผมเองจะรู้สึกว่ามันสร้างความกดดัน แต่ตอนนี้ผมเองก็เข้าใจและสามารถหาความสมดุลได้แล้ว มันจะไม่สามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตของผม ผมอยากจะไปเดินที่ไนท์บาซ่า ผมก็ไปเดินได้ คนอื่นจะมองผม ผมเองก็กินไปโดยที่ไม่ใส่ใจ มันก็อย่างนี้ อยากจะทำอะไร ก็จะทำอย่างนั้น แม้ว่ามีคนมาขอลายเซ็นต์กับผม ผมก็เซ็นต์ให้ ไม่มีปัญหา มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้ว


“ครั้งนี้ที่ผมกลับมา ได้พูดคุยกับอาจารย์ คิดถึงการเปลี่ยนแปลงในหลายปีมานี้ ก็ถือเสียว่าเป็นชะตาก็แล้วกัน ปีนี้ผมเองก็ครบสิบห้าปีแห่งการเข้าสู่วงการ (ปี 2003) นั่นก็หมายความว่า ผมจบมัธยมต้นเมื่ออายุสิบห้า ก็ได้กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง แน่นอนในระหว่างนั้นก็มีทั้งเรื่องดีและไม่ดีเกิดขึ้น แต่ว่าในชีวิตของผมนั้นได้ใช้เวลามากมายในการเป็นคนที่มีชื่อเสียง ตอนนี้มันชินไปแล้ว และกลับตรงกันข้าม การมองเรื่องชื่อเสียงเกียรติยศของผมนั้นมันปล่อยวางลงเยอะ มันเหนือคติใดๆทั้นสิ้น สำหรับเรื่องความสำเร็จหรือล้มเหลวนั้น ก็ลดลงไปเยอะแล้วเหมือนกัน