ผู้เขียน หัวข้อ: 2009 BQ  (อ่าน 5741 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
2009 BQ
« เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 11:54:21 AM »
http://tieba.baidu.com/f?kz=706231308
http://bjqn.ynet.com/article.jsp?oid=63134307&pageno=1

บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จากนิตรสาร BQ  ฉบับเดือน ธันวาคม 2009

2010 การกลับมาอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ย


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: ธ.ค. 2009 BQ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 11:57:05 AM »


31 ธันวาคม 2009  โหย่วเผิง เฟิงเซิงเรียกร้องเสี่ยวหู่ตุ้ย
2010 ราตรีตรุษจีน การรวมตัวอีกครั้งหลังจากกัน 20 ปี

“เชื่อพวกเราเถิดว่าพรุ่งนี้จะต้องพบกันใหม่แน่นอน เสมือนเมฆลอยจากท้องฟ้าไป เชื่อเถิดว่าพวกเราจะกลับมายืนต่อหน้าทุกคนอีกแน่ มาร้องเพลงไร้ทุกข์ไร้โศกของพวกเรา” เป็นเพลง (ไจ้เจียน)ของพวกเขาที่ร้องก่อนจะแยกย้ายกันไปในปี 1991  ไม่มีใครคิดถึงว่า การที่บอกว่าพรุ่งนี้จะเจอกันอีกของพวกเขานั้น เป็นเวลานานกว่าตั้ง 20 ปี

ปี1991  ถึง 2010  ในช่วงเวลา 20 ปีนี้ ไม่มีวงไหนคณะไหนที่แยกกันกว่า 20 ปีแล้วยังมีแฟนๆเฝ้ารอกันมากมายขนาดนี้ 20  ปีที่ผ่านมา แฟนๆคิดหาหลายทางที่จะให้พวกเขารวมตัวกัน ปี 2005 ก็มีข่าวที่เสี่ยวหู่ตุ้ยจะรวมกัน ปี 2008 ก็คาดหวังว่าพวกเขาจะมารวมกันในกีฬาโอลิมปิก แต่ตรุษจีนปี 2010  ต่างคนก็ได้เครียร์งานของตัวเองและจัดเวลามารวมตัวกันจนได้ ก็เหมือนที่โหย่วเผิงพูดไว้ ปีเสือดูวงเสือ เป็นของขวัญชิ้นสำคัญที่จะมอบให้กับแฟนๆ

 
ราตรีปีเสือ ดูเสือแก่

“คุณยังจำท่าภาษามือของเพลงอ้ายได้ไหม?”

“ น่าจะได้นะ”


หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีรายการในคืนตรุษจีน โหย่วเผิงก็ได้รับโทรศัพท์จากนักข่าวจนสายแทบไหม้ เป็นนักข่าวที่ยังหวนคิดถึงวงเสี่ยวหู่ตุ้ยเหล่านั้น ดูเหมือนโหย่วเผิงจะธรรมชาติมากกับเรื่องเจอกับนักข่าว ขณะที่ได้แนะนำการเตรียมตัวการแสดงของราตรีตรุษจีนนั้น น้ำเสียงของเขานิ่งและจริงใจ “การจะมีรายการในคืนนั้นเป็นเรื่องใหญ่ หวังว่าปีเสือนั้นทุกคนจะได้เห็นเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้วจะมีความสุข จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง”

“ตอนนี้กำลังคิดรายละเอียดบางอย่าง เพราะเพลงยอดฮิตของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นมีหลายเพลงมาก ฉะนั้นต้องใช้เวลาในการเลือกเพลงค้อนข้างเยอะหน่อย  ตอนนี้เพลงที่จะเลือกนั้นน่าจะได้เป็น (อ้าย ) (หูเตียเฟยอา) (ชิงผิงก่อเล่เหยียน) หวังว่าสามเพลงนี้จะนำความรู้สึกอารมณ์ที่ไม่เหมือนกันมาให้กับทุกคน (อ้าย)จุดขายคือท่าภาษามือ (หูเตียเฟยยา)เป็นเพลงที่ช่วงเวลาเติบโต (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)นำบรรยากาศสนุกๆของเวทีกลับคืนมา เพราะการก่อตั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นจะเน้นในบรรยกาศของบนเวทีเป็นอย่างมาก สำหรับเรื่องบนเวทีนั้นก็ยังกำลังคิดอยู่ จะใส่ชุดอะไรก็ยังคิดอยู่ ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย

โหย่วเผิงตอบรับจะมาในงาน เป็นการตอบรับการเชิญของผู้กำกับจิงแย่ที่จะจัดงานปีเสือ 2010 ผู้กำกับจิงแย่ได้ดูในเน็ตก็มีแฟนๆเสนอความคิดเหมือนกัน พวกเขารอคอยเสี่ยวหู่ตุ้ยรวมตัวกัน และได้เชิญเสี่ยวหู่ตุ้ยมาออกงาน พวกเขารู้ดีถึงอุปสรรค์ต่างๆ และทางผู้จัดรายการก็ได้โทรศัพท์มาคุยปรึกษากับผู้จัดการโหย่วเผิงเป็นการส่วนตัว หลังจากที่มีการพูดคุยกันหลายครั้ง สุดท้ายก็ตกลงกัน ด้วยเหตุนี้ โหย่วเผิงที่ต้อง จัดการตารางเวลาที่ต้องไปถ่ายภาพยนตร์กับทางบริษัทและจัดหาเวลามาซ้อมการแสดงกับเพื่อนๆ

 “พวกเขาสองคนกำลังยุ่งกับงานกองถ่าย” โหย่วเผิงบอกว่า “ผมยังไม่เจอพวกเขาสองคนเลย”

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: ธ.ค. 2009 BQ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 11:58:54 AM »

20 ปีผ่านไป เสือน้อยได้กลายเป็นเสือแก่ โหย่วเผิงบอกว่า “พวกเขาไม่ได้เป็นขวัญใจวัยรุ่นอีกแล้ว” โหย่วเผิง จื้อเผิง ฉีหลง ต่างคนต่างก็มีหน้าที่การงานของตัวเอง สามคนก็อยู่กันสามบริษัท จื้อเผิงจะปักหลักที่ไต้หวัน ฉีหลงจะทำร้านอาหาร โหย่วเผิงได้กลายเป็นนักแสดงอาชีพโดยเรื่องเฟิงเซิง ได้สร้างโลกใหม่ในวงการาภาพยนตร์ให้กับตัวเอง สำหรับโหย่วเผิงแล้ว งานหนักที่จะมาในคือตรุษจีนนั้นคือการเลือกเพลง “การจะมาในงานราตรีตรุษจีนนั้น สิ่งที่หนักใจที่สุดดูเหมือนจะเป็นการเลือกเพลง เป็นรายละเอียดของการแสดงในคืนนั้น เป็นสิ่งที่ปวดหัวมากๆ”

จะสร้งความคลากสิกอีกครั้ง? จะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ตัวเองหรือเปล่า?

งานการแสดงครั้งนี้ของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นจะมีเวลาให้เพียง 5 นาที การจะใช้ 5 นาทีมาแสดงความคลากสิคนั้น จะเป็นการสร้างความประทับใจ หรือจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์? โหย่วเผิงกล่าว “ตอนนี้เราคิดเพียงว่าจะทำให้การแสดงของเราดีที่สุด อย่างอื่นไม่ขอคิด” เขายังเน้นว่า  “เรื่องรายละเอียดที่จะมีในการแสดงนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพลงหรืออะไร ก็เป็นสิ่งที่สร้างความหนักใจและปวดหัวเหมือนกัน”

ปี 1989  เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ขึ้นเวที กระหึ่มทั้งเวทีเลย ได้กลายเป็นวงที่ดังที่สุดในช่วงเวลานั้น ได้สร้างสถิติที่จัดคอนเสิร์ด 20 ครั้งแต่ละครั้งมีแฟนๆมากันอย่างล้นหลาม

ช่วงปลายปี 80  สถานีจงยางได้มีการจัดรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งขึ้น และในรายการนั้น เป็นการออกอากาศเอ็มวีเสี่ยวหู่ตุ้ยครั้งแรกในเมืองจีน

และน่าจะเป็นความทรงจำที่มีคุณค่าต่อวัยรุ่นในสมัยนั้น พวกเขาได้รู้จักเสี่ยวหู่ตุ้ย และได้คลั่งไคล่ในตัวของพวกเขา ตอนเข้าเรียนบางคนถูกคนลงโทษเพราะมัวเขียนเนื้อเพลง(อ้าย)ของเสี่ยวหู่ตุ้ย และพวกเขาได้มีการซ้อมตีลังกาหลังของอู่ฉีหลงในเพลง(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) หลายคนก็คิดใฝ่ฝันอยากจะได้แต่งกายในเพลง(เซียวเหยาอิ๋ว) บางคนก็ซ้อมท่าภาษามือ(อ้าย) จนมือแทบจะกระดิกไม่ได้ ตอนนั้น กระแสนิยมของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นไม่ว่าจะตรอกซอยก็ล้วนเปิดเพลงของพวกเขา คุณจะเดินไปในร้านหรือที่ไหนก็จะเห็นทรงผมยอดฮิตของพวกเขาที่วัยรุ่นต่างก็เลียนแบบกัน ความทรงจำเหล่านี้ล้วนอยู่ในสมองของเพื่อนๆตลอดมา

และยังมีเทปเพลงอีกมากมายที่ถูกเก็บไว้ในกล่อง ที่ไม่ได้เปิดฟังแต่ก็ไม่ทิ้งไปเพราะเสียดายมัน ไม่ว่าจะเป็น(หงชิงถิง) (หูเตียเฟยยา) (เซียวเหยาอิ๋ว) (ซิงซิงเตอแยฮุ่ย) (ไจ้เจี้ยน) (ฟ่างซินชี่เฟย)เป็นตัน


คำพูดของโหย่วเผิง : ความกังวลในราตรีตรุษจีนนั้น เสี่ยวหู่ตุ้ยเสมือนความคลาสสิค สำหรับคนที่ร่วมสมัยกับเสี่ยวหู่ตุ้ยในตอนนั้น แต่ละคนต่างก็มีความคาดหวังของตัวเอง โดยเฉพาะภาพเสี่ยวหู่ตุ้ยในอดีต เราจะทำอย่างไรถึงจะไม่ให้เขาพวกเขาผิดหวัง และจะทำให้ทุกคนได้รับความอบอุ่น นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราต้องไปทำการบ้านและต้องคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ผมคิดว่าพวกเราทั้งสามจะพยายามอย่าเต็มที่ นี่เป็นสิ่งที่พวกเราได้ทำหน้าที่ต่อความคลาสสิกของเสี่ยวหู่ตุ้ย

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: ธ.ค. 2009 BQ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 12:02:42 PM »


ปี 2009  ปีแห่งการเริ่มต้นของภาพยนตร์

“หลังจากเข้าร่วมเล่นเรื่องเฟิงเซิง ทำให้เปิดเส้นทางใหม่ให้กับผม เป็นเส้นทางใหม่ของภาพยนตร์” โหย่วเผิงกล่าว เฟิงเซิงในปี 2009 นั้น ไป๋เสี่ยวเหนียนที่โหย่วเผิงเล่นนั้นมีบุคลิกที่พิเศษมาก เขาที่ติดตามผู้บัญชาทหารนั้นอดีตเป็นถึงนักร้องละครเพลง นิสัยโอหัง ภายนอกนั้นดูใสๆ แต่เป็นคนคิดเล็กคิดน้อย

และในเรื่องที่เขาถูกรวมอยู่กับผู้ต้องสงสัยทั้ง 5 คน ดูเขาเป็นคนที่ไร้พิษภัยที่สุด และเป็นคนแรกที่ถูกทรมานจนตาย เขากล้าที่จะรับบทที่รุนแรงและเป็นบทกระเทยอย่างนี้ มันต้องใช้ความกล้าที่ไม่น้อยเลยทีเดียว โหย่วเผิงพูดว่า  “ตอนแรกเริ่มที่ถ่ายเรื่องนี้นั้นมันกดดันผมมากๆ เพราะผมไม่ได้จบด้านนี้มา ก่อนจะเล่นนั้นจะต้องทำใจให้ได้ หลังจากที่รับเล่นไป๋เสี่ยวเหนียนแล้ว ผมรู้ว่าผมต้องสวมชีวิตของเขา แต่จะทำได้มากน้อยขนาดไหนนั้น ตอนนั้นผมเองก็ยังไม่แน่ใจ รู้เพียงว่าทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว สุดท้ายผลงานออกมาได้ดีมาก ผมนั้นเป็นคนที่โชคดีมาก” ทราบข่าวว่า เพื่อจะเล่นบทนี้ให้สมจริงแล้ว โหย่วเผิงได้ไปเชิญอาจารย์จากปักกิ่งมาสอนโดยตรง

เขาได้พูดอย่างซึ้งใจว่า “หลังจากที่ได้ผ่านประสบการณ์เรื่องเฟิงเซิงนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าฝีมือการแสดงผมนั้นต้องให้สูงขึ้น ผมยังปรารถนาที่จะได้รับบทแนวอย่างนี้อีก มีทีมงานที่ดี ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่สุดยอดมากๆ สำหรับเรื่องเทคนิกการแสดงแล้ว ส่วนตัวคิดว่าตัวเองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆจากเรื่องนี้หลายอย่าง นอกจากนี้ เรื่องนี้ได้นำความหวังใหม่เส้นทางใหม่ให้กับผม โดยเฉพาะด้านภาพยนตร์มันเปิดเส้นทางใหม่ให้กับผม” เขายังบอกกับนักข่าวว่า “ตอนนี้ในมือมีบทที่จะให้เล่นมากมาย แต่ผมกำลังพิจารณาอยู่ รอเวลาถึงแล้ว ผมก็จะมาแถลงบอกกับทุกคน”


เรื่อง (ตามหาพี่หลิวซัน)ที่โหย่วเผิงร่วมแสดงกับหวงเซิ่งอีนั้นก็กำลังจะตัดต่อเสร็จแล้ว เตรียมที่จะออกฉาย เรื่องนั้นได้พูดถึงนักศึกษานอกได้กลับมาที่บ้านเมืองตัวเอง ไปที่กวางซีเรียนรู้เพลงต่างๆกับชนกลุ่มน้อย ในระหว่างที่อยู่ในเมืองกวางซีที่สวยงามไปด้วยทิวทัศน์และคนทำให้เกิดเรื่องราวความรักขึ้นที่นั่น ในเรื่องก็ยังมีการร้องเพลงพื้นเมืองไม่น้อยเลย เพื่อจะให้ผลงานออกมาได้ดี โหย่วเผิงได้ไปเรียนการร้องเพลงพื้นเมืองโดยตรง “คิดไม่ถึงจริงๆว่า เสียงที่ร้องออกมานั้นแม้แต่ตัวเองก็ยังจำไม่ได้ว่าเป็นเสียงของตัวเอง”

นักแสดงที่เปลี่ยนอาชีพจากนักร้องนั้น เขาเคยบอกว่าอยากจะแสดงเต้นร้องอย่าง(หยู่ก่ออ้าย) เคยถูกถามว่าในเรื่องตามหาพี่หลิวซันนั้นมีคอนเซ็บเพลงนี้มาเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า โหย่วเผิงตอบอย่างจริงจังว่า “ก็มีสไตล์แนวการร้องเพลงเข้ามาบ้าง แต่ใช่ว่าทั้งเรื่องจะเป็นแนวร้องเพลงเลย ถ้าจะพูดจริงๆแล้ว เรื่องตามหาพี่หลิวซันนั้นยังไม่ใช่(หยู่ก่ออ้าย: หากจะรัก) ผมก็กำลังรอคอยภาพยนตร์ที่ผมเล่นและได้ร้องเพลงแต่ต้นจนจบอย่างนั้น”

เมื่อเอ่ยถึงระหว่างการถ่ายทำ ทีแรกคิดว่าเขาคงจะพูดถึงทิวทัศน์และชนเผ่าในกวางซี แต่เขากลับบอกว่าระหว่างการถ่ายทำนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก “เมื่อถึงสถานที่ถ่ายทำแล้ว กระเพาะผมเริ่มอักเสบ ได้ไปนอนพักให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลตั้ง 3 วัน ออกจากโรงพยาบาลแล้วภูมิต้านทานก็อ่อน ปากนั้นเต็มไปด้วยแผล ยังมีสิวขึ้นด้วย ตอนหลังเหตุที่ต้องแต่งหน้าปิดสิวที่ขึ้น ยังไงก็ปิดไม่มิด ฉะนั้นแทบจะทุกนาทีที่ถ่ายทำ ช่างจะคอยประกบแต่งหน้าให้ผมตลอดเวลาเลย”
 
ภาพยนตร์ 3 เรื่องที่โหย่วเผิงแสดงในปีนี้ เรื่องสุดท้ายเป็น(เส้าเหนียนซิงไห่) เขาได้แนะนำว่า “ในเรื่องผมได้แสดงเป็นเซียวโหย่วเหม่ย เป็นครูของซินไห่ ตัวละครครูดนตรีนี้นั้นจริงๆแล้วก็อิงในประวัติศาสตร์เหมือนกัน แต่ที่น่าเสียดายคือข้อมูลของตัวละครคนนี้นั้นหาจากประวัติศาสตร์แล้วมันน้อยมาก รู้เพียงว่าเขาเคยเป็นเลขาของ ดร.ซุนยะเซน ตอนหลังได้ลาออกจากตำแหน่งแล้วไปเรียนดนตรีที่ยุโรป ตอนวัยหนุ่มนั้นเขาเป็นผู้มีความรู้คนหนึ่ง รักประเทศชาติ ฉะนั้นผมเองเลยจิตนาการณ์ว่าเขาน่าจะเป็นศิลปินคนหนึ่ง ตามนิสัยของเขาแล้วเขาเองเข้าใจดีว่าตัวเองต้องการอะไร เขาจะไม่ลุ่มหลงไปกับอำนาจเงินทอง เขาเป็นคนที่รักชาติ เป็นคนที่ยืนหยัดในอุดมการณ์ และสำหรับตำแหน่งของครูดนตรีนั้น ตอนเด็กผมเองก็เคยเรียนเปียโนมา ฉะนั้นเรื่องอารมณ์การเล่นเปียร์โนของผมนั้นไม่มีปัญหา สำหรับเรื่องการเป็นครูนั้น ปกติผมเองก็ชอบเป็นครูสอนคนอื่นอยู่แล้ว”
 
โหย่วเผิงกล่าวว่า:  ที่มีวันนี้ได้นั้นเพราะความขยันและโชคของตัวเอง ต่อไปก็คงจะทุ่มเวลาให้กับงานภาพยนตร์มากกว่านี้ ปี 2009 สำหรับผมแล้วมันเป็นปีแห่งการก้าวสู่เส้นทางภาพยนตร์ ได้เล่นเรื่อง(เฟิงเซิง) (ตามหาพี่หลิวซัน) กับ (เส้าเหนียนซิงไห่) 3 เรื่องด้วยกัน และเป็นปีแห่งการท้าทายเหมือนกัน เพราะผมได้ท้าทายตัวเองในการเล่นบทละครเพลง ตอนหลังย้อนกลับไปคิดๆดูแล้วมันเสี่ยงมากๆเหมือนกัน ปี 2009 ยังเป็นปีแห่งการเรียนรู้ของผมอีกด้วย เพื่อภาพยนตร์แล้ว ผมเรียนละครเพลง เรียนเพลงพื้นเมืองกวางซี เรียนการร้องเพลงแบบอิตาลี่ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนได้รับการเรียนรู้ทั้งนั้น หากจะให้คะแนนตัวเองแล้ว ผมกล้าที่จะให้ตัวเอง 80คะแนนเลย”

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: ธ.ค. 2009 BQ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 12:04:26 PM »

ตรุษจีน 2010 โหย่วเผิงอาจจะรับคนในครอบครัวมาฉลองที่ปักกิ่ง นอกจากนี้ ยังได้ร่วมฉลองกับผู้ชมอีกมากมายด้วย จะเป็นสิ่งที่มีความหมายมากๆ” เขากล่าว

ปี 2009 ที่เสี่ยวหู่ตุ้ยครบรอบ 20 ปีนั้น โหย่วเผิงได้ก้าวสู่เส้นทางภาพยนตร์ของตัวเอง เขาได้สลัดภาพอดีตที่เป็นไกวๆหู่เหล่านั้นทิ้งไปแล้ว และได้สร้างปูถนนแห่งภาพยนตร์ที่กว้างใหญ่ให้ตัวเอง ได้ลิ้มลองบทที่หลากหลาย

หากว่าตอนนั้นไม่มีเสี่ยวหู่ตุ้ย โหย่วเผิงในวันนี้ก็คงจะเป็นแค่นักวิชาการเรียบๆคนหนึ่ง แต่หากไม่มีเสี่ยวหู่ตุ้ย พวกเขาจะเอาความหนุ่มสาวที่มีในตอนนั้นไปสนุกกับอะไรได้ล่ะ? และคงจะไม่รู้สึกยินดีที่ตรุษจีนปีนี้จะมีพวกเขามารวมตัวกัน หากจะช้ากว่านี้ เชื่อว่าคนรุ่นหลังก็คงจะไม่มีใครไปรู้จักกับพวกเขาอีกแน่เลย

มุมหนึ่งเป็นมุมแห่งการหวนคิดถึงวันหนุ่มสาวในสมัยก่อน อีกมุมหนึ่งนั้นเป็นมุมแห่งความทรงจำไป แท้จริงวันคืนนั้นไม่ค่อยท่าเราจริงๆ ตัวเราที่ยิ่งอายุเยอะก็ยิ่งกลัวความสูญเสีย มักจะทรงจำในสมัยวัยหนุ่มสาว บางครั้งก็คิดขึ้นมาสุขชั่วครู่ ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ ขอให้ความอบอุ่นของเสียวหู่ตุ้ยมาเติมเต็มในหัวใจของเราทุกคน และในปีใหม่นี้ โหย่วเผิงก็ได้พูดอย่างมั่นใจว่า “จะท้าทายตัวเองต่อไป จะก้าวหน้าต่อไป เพื่อเป็นคนที่ดีกว่าเก่า”



Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: ธ.ค. 2009 BQ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 12:11:15 PM »

ชื่อ สกุล . ซูโหย่วเผิง

อาชีพ . นักแสดง

ประวัติส่วนตัว


คำว่าโหย่วเผิงนั้นเป็นชื่อมาจากเทศกาลไหว้พระจันทร์ของชาวจีน คุณแม่ของเขาได้เกิดในวันนั้น และวันเกิดโหย่วเผิงก็ตรงกับวันนั้นด้วย ฉะนั้นก็เลยมี 月 เดือนสองตัวมารวมกันก็เลยกลายเป็นเผิง

ปี 1989 โหย่วเผิง จื้อเผิง ฉีหลงได้รวมตัวกันก่อตั้งเสี่ยวหู่ตุ้ย ปี 1991 เสี่ยวหู่ตุ้ยแยกทางกัน

ปี 1998 ได้เล่นละครโทรทัศน์ (องค์หญิงกำมะลอ) ได้เป็นศิลปินดังอีกครั้งหนึ่ง

ปี 2009 ฝีมือการแสดงโดดเด่นจากเรื่องเฟิงเซิงที่เล่นในบทของไป๋เสี่ยวเหนียน


15 ปี โหย่วเผิง จื้อเผิง ฉีหลงได้ร่ำลาชีวิตของมัธยมปลาย ได้มาตั้งเสี่ยวหู่ตุ้ยซึ่งดังระเบิดในใต้หวัน ไม่ว่าจะเป็นรูปโปสเตอร์ต่างๆของพวกเขาได้ถูกติดตามท้องถนนหรือตรอกซอยเป็นว่าเล่น ไกวๆหู่ที่เดียงสานั้นยังมีความเขินอายอยู่เลย

มีชื่อเสียงแต่เด็ก ทำให้เขากลายเป็นบุคคลตัวอย่างของเหล่านักเรียน ช่วงหนึ่งที่เขาพยายามทำตัวให้สมกับตำแหน่งที่ทุกคนให้กับเขา เพื่อจะสอบเข้ามหาลัยให้ได้ เขาตัดสินใจหยุดงานหนึ่งปี ตั้งใจเรียน สุดท้ายก็สอบเข้ามหาลัยไต้หวันคณะช่างกล ตอนนั้นเขาไม่เคยคิดถึงว่าชอบสายนี้หรือเปล่า สิ่งที่ตั้งใจที่สุดคือต้องสอบให้ได้คะแนนสูงๆ จะเลือกเรียนคณะที่ยอดนิยม เพราะคิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะทำให้คนอื่นจะไม่ดูถูก

โหย่วเผิงบอกว่าเขาเสมือนสิ่งของทดลองชิ้นหนึ่ง “ตอนนั้นคำถามนี้เกิดขึ้นกับผม ผมได้ตั้งใจเรียนขนาดนี้ เพื่อจะเป็นนักเรียนต้นแบบในใจของทุกคนที่หวังไว้อย่างนั้นหรือ หรือว่าเรียนเพื่อตัวเอง ตอนนั้นคนอื่นดูผมแล้วเป็นคนที่เพรอร์เฟรก เรียนเก่ง ทำงานเก่ง สามารถพูดได้ว่าการงานที่ดีของผมนั้นมีความเกี่ยวข้องกับการเรียนผมด้วย แต่การทำงานนั้นมักจะกระทบต่อการเรียนผม ผมไม่สามารถที่จะสร้างความสมดูลย์ในสองเรื่องนี้ได้”

โหย่วเผิงสัมผัสถึงการสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างในสมัยวัยรุ่นไป เขาไม่มีเวลาส่วนตัวเลย คนวัยเดียวกันนั้นมีเวลาไปเที่ยวเล่นกัน ไม่ต้องห่วงอะไรมากมาย แต่เขากลับไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นความเสียใจที่ไม่อาจลืมของเขา “สิ่งที่ผมเสียใจที่สุดคือครั้งหนึ่งผมเดินผ่านประตูโรงเรียนแห่งหนึ่ง มองเห็นนักเรียนมากมายเดินออกมา กลุ่มละสามห้าคน ใจผมนั้นมันรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากๆ มันสะเทือนใจผม อยากจะหลุดพ้นตัวเอง อยากไปทำงานในร้านอาหาร อยากไปหาชีวิตที่แท้จริงของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง”

อีกครั้งที่ทุกคนหันไปสนใจโหย่วเผิงคือปี 1998 เรื่ององค์หญิงกำมะลอได้ดังไปทั่วสารทิศ อู่อาเกอที่โหย่วเผิงแสดงนั้นมันฝังใจผู้ชม จากจุดนั้นทำให้เขาได้เข้าสู่วงการแสดงอย่างไม่ยากเย็น ชีวิตแห่งการแสดงที่พริกผันนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิด คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้หลังจากที่ฉายในไต้หวันแล้ว มันดังระเบิดขึ้นในทันใด และระเบิดลูกนี้ยังอิทธิพลถึงจีน ฮ่องกงและเอเซียตะวันตกเฉียงใต้ด้วย และเฟิงเซิงในปี 2009 ที่โหย่วเผิงเล่นในบทของไป๋เสียวเหนียน ทำให้ทุกคนเห็นถึงฝีมือการแสดงของเขาอีกครั้ง จากจุดนี้ทำให้เขาพลิกเปลี่ยนไปแสดงภาพยนตร์

ราตรีตรุษจีนของปีนี้ เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ทำความฝันของหลายๆคนเป็นจริง โหย่วเผิงกล่าวว่า “ มันยังทำความฝันผมเป็นจริงอีกด้วย อยากรู้ว่ามีวงไหนบ้างที่แยกวงไปตั้งนานแล้วยังมีแฟนๆรอคอยการกลับมาของพวกเขาอีก ? มันเป็นอะไรที่น่าภูมิใจมากๆ เมื่อยืนอยู่ในจุดนี้คิดแล้ว มันเป็นอะไรที่ต้องขอบคุณจริงๆ ทุกคนล้วนคิดถึงเสี่ยวหู่ตุ้ย พวกเราก็รู้สึกคิดถึงทุกคนเหมือนกัน”

ช่วงนี้โหย่วเผิงได้เขียนในเว็ปบล็อคของตัวเองว่า “วันนี้ได้มาจัด iTunes ของตัวเองแล้วเจออัลบั้ม(อี่เฉียนอี่โฮ่ว)นี้ บางอย่างก็ไม่ค่อยรู้จักแล้ว บางอย่างก็ยังอยู่ในความทรงจำอยู่ อยากจะแบ่งปันความรู้สึกที่แตกต่างกันให้กับทุกคน” สำหรับโหย่วเผิงแล้ว ช่วงเวลาเสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นช่วงที่มีคุณค่าและไม่มีอะไรมาแทนได้ “ทุกวันเราสามคนจะอยู่ด้วยกัน” แต่เวลานี้พวกเราต่างคนต่างไปแล้ว ความสนิทสนมที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลาของสมัยก่อนกับวันนี้ที่อยู่ด้วยกันนั้นความรู้สึกมันต่างกัน”


ming

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: ธ.ค.-2009 BQ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2016, 12:54:59 PM »

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 2009 BQ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2016, 01:08:27 PM »