ผู้เขียน หัวข้อ: 2009 iLady  (อ่าน 5024 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
2009 iLady
« เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 10:07:13 PM »
Thanks, http://tieba.baidu.com/f?kz=672719539

บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จากนิตรสาร  iLady  ฉบับเดือน ตุลาคม  2009   (15 ตุลาคม 2009)


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 2009 iLady ฉบับเดือน ตุลาคม 2009
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 10:09:49 PM »

ผมล้วนเคยมีสิ่งเหล่านั้น

บนเวที มีหนุ่มหล่อสามคนทั้งเต้นทั้งร้อง ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างกรี้ดอย่างไม่หยุด เป็นนักร้องขวัญใจแต่เด็ก ที่ใดมีชายหนุ่มสามคน (เสี่ยวหุ้ยตุ้ย) ก็ล้วนมีแฟนคลับของพวกเขา และในบรรดาสามคนนั้นชายหนุ่มที่เด็กที่สุดมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มเต็มด้วยเสน่ห์ที่ทำให้หัวใจสาวๆแทบจะเต้นออกมา หลายปีผ่านไป เป็นช่วงเวลาแห่งเวทีละคร เสน่ห์ของ "พี่ฉงเหยา" ไม่เคยหยุด ทุกคนก็ล้วนจำภาพของเสี่ยวเยี่ยนจื่อ ในเวลาเดียวกันก็จำ "อู่อาเกอ" เข้าไปในสมองด้วย วันเวลาล่วงไป ค่ายใหญ่ในเมืองจีนอย่างค่ายหัวอี้นั้น ได้ให้เขาไปยืนอยู่อีกที่หนึ่งซึ่งเป็นที่ใหม่สำหรับเขา เมื่อต้องเผชิญกับเกียรตินี้ โหย่วเผิงยิ้มแล้วได้แค่พูดเพียงว่า “แค่อดีตเคยมีก็พอแล้ว”
 
วันที่สัมภาษณ์โหย่วเผิงนั้น ก็วันฉลองของค่ายหัวอี้ด้วย และสำหรับพวกเราแล้ว ภาพลักษณ์เขาก็จะหยุดอยู่ตรง จางอู่จี้(เตี้ยบ่อกี้) , อู่อาเกอ(องค์ชายห้า)  หรือแม้กระทั่งตอนแรกเริ่มคือเสี่ยวหู่ตุ้ย แต่ว่าพวกเราได้ลืมคำถามหนึ่งไป ศิลปินก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน ก็ได้เติบโตขึ้นเหมือนกับพวกเรา ขนาดอายุของเรานั้นยังโตขึ้นทุกๆวัน การที่ขวัญใจของเราที่ร่วมเติบโตกับเรานั้นจะโตขึ้นก็ไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก โดยเฉพาะสำหรับโหย่วเผิงแล้ว สิ่งที่เกลียดที่สุดคือความเดิมๆ” การท้าทายนั้นเป็นสิ่งที่เขาจะทำ


ผมจะเปลี่ยนแปลงไปตลอด

เริ่มจากการเป็นนักร้องขวัญใจมาสู่นักแสดงละครโทรทัศน์ หลังจากที่ได้เซ็นสัญญากับทางค่ายหัวอี้แล้ว เขาได้ทุ่มเทเวลาให้กับงานภาพยนตร์มากขึ้น โหย่วเผิงนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เมื่อก่อนนั้น เขาอาจจะชื่นชอบที่คนอื่นขนานนามว่าขวัญใจ ชื่นชอบในเสียงกรี้ดกราดของแฟนคลับต่างๆ แต่ ณ วันนี้ เขาอยากจะให้เรามองเขาว่าเป็นนักแสดงคนหนึ่ง การจะเป็นผู้ใหญ่หรือการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นสิ่งที่เขาแสวงหาตลอดมา

พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของก่อนหน้านี้ โหย่วเผิงพูดตรงๆว่าการปรับท่าที่ของจิตใจนั้นสำคัญมากๆ “จะนับว่าผมได้หันไปสู่การแสดงเป็นทางการนั้นน่าจะเป็นเรื่ององค์หญิงกำมะลอ ในตอนนั้น สำหรับเรื่องการแสดงละครแล้วถือว่าเป็นสิ่งใหม่มากๆ ไม่รู้อะไรเลย แม้ว่าก่อนหน้านั้นเคยเล่นละครขวัญใจของไต้หวันมาแล้วก็ตาม แต่มันไม่ใช่ละครที่มีมาตรฐานที่สูงอย่างนี้

ฉะนั้นเมื่อคุณจะหันไปเป็นนักแสดงอย่างจริงๆจังๆแล้ว จะต้องยอมรับความจริงว่าคุณนั้นเป็นน้องใหม่คนหนึ่ง ต้องเอาความสำเร็จในอดีตเหล่านั้นทำให้เป็นศูนย์หมด เมื่อดูจากเรื่ององค์หญิงกำมะลอในภาคหนึ่งและภาคสองของเขาแล้วก็จะเห็นว่าฝีมือการแสดงของเขานั้นพัฒนาขึ้นมาก

แล้วที่เกี่ยวกันว่าทำไมไม่ทำภาคที่สามล่ะ ทางโหย่วเผิงยิ้มแล้วตอบว่า “มาถึงวันนี้ยังมีแฟนคลับที่อยู่ในหัวคุณยายอยู่”  เพราะในสมองพวกเขาจำภาพลักษณ์ของโหย่วเผิงเป็นไกวๆหู่เท่านั้น สำหรับโหย่วเผิงแล้ว อย่างน้อยก็ต้องผอึดผอมบ้าง เพราะเขาต้องมีการท้าทายที่ต้องเปลี่ยนบุคลิกของตัวเอง

จากจุดนี้อยากจะสื่อให้ทุกคนเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเขา เช่นได้ร้องเพลงพื้นเมืองในเรื่อง(ตามหาพี่หลิว) เล่นบทนักร้องละครเวทีในเรื่อง(เฟิงเซิง) ยิ่งกว่านั้นยังรับบทเป็นนักรบปลาคนในภาพยนตร์ของฮอลลีวูด แม้ว่าเริ่มตั้งแต่เข้าสู่วงการก็มีภาพลักษณ์ที่ดีมาตลอด เหตุผลนี้ไม่ทำให้เขารีบปฏิเสธบทที่ดูเหมือนร้ายๆ  “การเป็นนักแสดงนั้น ใช่ว่าฉันแสดงอะไร ตัวเองก็เป็นอย่างนั้น ผมเชื่อว่าแฟนคลับที่ได้ร่วมเติบโตมากับผมนั้น พวกเขาเข้าใจว่านี่เป็นการแสดงไม่ใช่ชีวิตจริง ฉะนั้นผมเลยไม่ได้ปฏิเสธบทร้ายๆอย่างนี้”

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 2009 iLady ฉบับเดือน ตุลาคม 2009
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 10:22:47 PM »

บทเอกกับบทรอง

ดูเว็ปของโหย่วเผิงแล้ว ชื่อเว็ปนั้นได้เขียนสามคำว่า เป็นบทรอง ขณะที่ฉันไม่เข้าใจก็รีบโยนคำถามนี้ให้กับเขา เขาได้ตอบกับผมอย่างใจเย็นๆไม่รีบร้อนว่า “บทเอกนั้นเล่นมานานแล้ว แน่นอนก็จะมีการเบื่อ ก็เลยตั้งชื่อว่าบทรอง ตลอดเวลาผมนั้นอาจเล่นอะไรที่มันโหดๆ โดยเฉพาะที่เข้าสู่วงการแสดงมานานขนาดนี้แล้ว ผมหวังว่าตัวเองจะมีบุคลิกที่ทุกคนยอมรับได้ แต่ไม่ใช่เหมือนกับภาพลักษณ์ในอดีตที่ถูกห่อหุ้มไว้อย่างดีอย่างนั้น สิ่งเหล่านั้นผมเบื่อหน่ายแล้ว”

จริงๆ ในเว็ปของเขานั้น คุณจะไม่เห็นรูปหรืออะไรที่เหมือนกับศิลปินคนอื่นอย่างนั้นเลย ส่วนมากจะเป็นรูปขาวดำมากกว่า สิ่งที่ให้เห็นได้คือการจิตนาการ โดยเฉพาะให้บรรยากาศที่แฟนคลับจากไป โหย่วเผิงหัวเราะแล้วบอกว่าตัวเองนั้นชอบความโหด เขาไม่ชอบอะไรที่มีระบบระเบียบ สงสัยอาจจะเป็นเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกคนเห็นภาพลักษณ์ของเขาเพียงว่าเป็นไกวๆหู่เท่านั้น แต่ว่าอีกมุมหนึ่งเขาก็มีความทุกข์ของเขา การท้าทายและการปฏิวัตินั้นเป็นสิ่งที่คนราศีกันย์ชอบทำกัน รวมทั้งโหย่วเผิงด้วย

เมื่อย้อยเวลาไปสู่อดีต ตอนที่โหย่วเผิงยังเป็นนักเรียนอยู่นั้น ภาพสวมหมวกช่างยนต์ แต่ผลการเรียนนั้นกลับแย่มาก ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาแล้วมีเซลของช่างฝีมือ  ตอนนั้นทั้งนักเรียนและครูก็คิดว่าเขาน่าจะเป็นอาจารย์หรือหมอในวันข้างหน้า ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะเดินสู่เส้นทางบันเทิง หรืออาจจะเป็นเพราะเขาพยายามจะฝืนตัวเอง  “ขณะที่เรียนอยู่นั้นผมพยายามที่จะค้นหาสิ่งต่างๆ ผมในวันนี้นั้นความรู้สึกมากกว่าความเป็นจริง กับตอนสมัยเด็กๆนั้นต่างกันสิ้นเชิง”


ความเครียดเป็นสิ่งที่ตัวเองทำขึ้นเอง

ดาราทุกคนนั้นไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ย่อมมีความเครียด บางครั้งเป็นความเครียดจากการเรียกร้องของค่าย บางครั้งเป็นความเครียดจากสื่อ บางครั้งนั้นก็มากจากแฟนคลับของตัวเอง สำหรับมุมมองของโหย่วเผิงนั้น ความเครียดที่ใหญ่ที่สุดนั้นมาจากตัวเอง ในเมื่อตั้งใจอยากจะทำให้ดีที่สุด ฉะนั้นการแสดงทุกครั้งนั้น เขาจะแคร์มากว่าตัวเองทำได้ดีที่สุดหรือยัง ไม่ว่าจะเป็นการจัดอันดับ หรือตั๋วขายดีไหม ...เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญ “ผมจะให้ความสำคัญกับการแสดงของตัวเอง เช่น เรื่องนี้ผมแสดงยังไม่ดีพอหรือตัวเองทำไม่สุดๆ ผมจะบีบตัวเองต้องทำให้ได้ หากว่า ในเรื่องนี้นั้น ผมแสดงออกมาไม่ค่อยดี แม้จะมีคนมากมายบอกว่าดีแล้ว แต่ผมเองก็ยังมานั่งเสียใจเหมือนกัน”

เมื่อมีความเครียด แน่นอนจะต้องหาวิธีที่จะระบาย สำหรับคนมากมายแล้วจะบอกว่า การไปออกกำลังกายก็เป็นวิธีหนึ่งเหมือนกัน โหย่วเผิงก็คิดอย่างนั้นด้วย สำหรับเขาแล้ว การออกกำลังกายนั้นไม่เพียงจะคลายเครียด ยังเป็นการเตรียมตัวสำหรับงานใหม่อีกด้วย เช่นงานต่อไปที่เขาจะต้องไปถ่ายภาพยนร์เรื่อง อณาจักรปลาคน ของฮอลลีวูด ในเรื่องเขารับบทเป็นนักรบ จำเป็นต้องฟิตหุ่นตัวเอง นอกจากนี้แล้ว การหาเพื่อนคุยก็เป็นอีกทางหนึ่งด้วย เพื่อนสนิทของเขานั้นส่วนใหญ่ไม่ใช่คนในวงการ แต่เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่เล่นโตด้วยกัน เขาเป็นคนชอบคบเพื่อนเก่า ท่ามกลางเพื่อนเก่านั้น สามารถทำให้เขาลืมไปเลยว่าเขาเป็นดารา “การเป็นศิลปินดาราของผมนั้นไม่ทำให้เพื่อนเก่าของผมเครียดในเรื่องนี้เลย แต่กลับกัน เหตุที่อยู่ข้างนอกนานๆ บางทีก็เอานิสัยที่ไม่ค่อยดีติดไม้ติดมือมาด้วย พวกเขายังว่าผมว่าเป็นพวกหัวโต ผมรู้สึกว่าการที่อยู่กับพวกเขานั้นมันสบายมาก” และทางเพื่อนเก่าของเขาก็แคร์ท่าทางกิริยาบทของเขาเหมือนกัน ตอนที่ (อีเทียนสู่หลงจี้/ดาบมังกรหยก )ออกฉายนั้น มีเพื่อนหลายคนได้ให้กำลังใจเขาโทรไปหาเขา ยินดีกับผลงานของเขามากๆ ในเวลานั้น ทำให้ผมอบอุ่นใจมาก

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 2009 iLady ฉบับเดือน ตุลาคม 2009
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 10:27:44 PM »

ผมหวังที่จะตอบแทนสังคมให้มากหน่อย

สิงหาคมของปีนี้ พายุ เฮอลิแคนได้พัดเข้ามาที่ไต้หวันนับเป็นครั้งร้ายแรงสุดในรอบห้าสิบปี ภัยพิบัตินั้นนำความเสียหายมาสู่ผู้คนทั้งสองฝั่ง คืน 20  สิงหาคม มูลนิธิช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้เปิดงานที่ปักกิ่ง โหย่วเผิงได้ไปด้วยตัวเอง นอกจากจะบริจาคเงินแล้ว เขายังได้ร้องเพลงในงานด้วย(ไต้เจออ้าย:ด้วยรัก) สื่อความห่วงใยต่อญาติพี่น้องที่อยู่ทางบ้าน หลังจากร้องเพลงเสร็จ เขาไม่ได้รีบกลับไปเลย ทั้งยังช่วยทำหน้าที่รับสายโทรศัพท์ด้วย รับทุกสายที่มาร่วมบริจาคให้กับงานครั้งนั้น ส่งความรักนี้ต่อไปให้กับผู้ประสบภัยทุกคน
 
สำหรับโหย่วเผิงแล้ว การมาร่วมงานอย่างนี้นั้นใช่ว่าเป็นครั้งแรก จริงๆก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว เขาได้พูดคุยกับผู้จัดการส่วนตัวของเขา ได้ก่อตั้งมูลนิธิโหย่วเผิงขึ้นมา ผ่านการตั้งมูลนิธินี้ รวบร่วมแฟนคลับตัวเองมากมายมาร่วมกันทำ เช่นการสร้างสแตมป์ความรัก สร้างโรงเรียนซีว่าง เมื่อถามถึงแผนงานระยะนี้ เขายิ้มแล้วตอบว่า “ตัวเองแค่เพียงอยากจะตอบแทนสังคมให้มากกว่านี้”  เพราะช่วงนั้นที่ผมเริ่มเข้าสู่วงการนั้น ผมรู้สึกว่าผมได้รับอะไรมากมายจากสังคม ฉะนั้นเลยคิดว่าควรจะทำอะไรบางอย่าง โดยลำพังกำลังผมนั้นคงยาก แต่หากว่าสามารถจะเชิญชวนคนมากมายมาช่วยกัน ก็จะช่วยผู้ประสบภัยได้เยอะมากขึ้น นี่น่าจะเป็นจุดผลักดันในตอนเริ่มต้น”  พูดถึงก่อนหน้านั้นมีสื่อตีข่าวว่าเขาทำเพื่อเอาหน้า ทำเพื่อจะโปรโมทตัวเอง แต่เขาก็ยิ้มแล้วตอบว่า “ ผมไม่กลัวว่าคนอื่นจะพูดอะไร จริงๆแล้วสิ่งที่สำคัญคือสุดท้ายนั้นคุณได้ทำอะไร คุณได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการการช่วยเหลือจริงๆไหม สำหรับผมนั้นคิดว่าพอใจแล้ว จุดประสงค์อื่นนั้น ผมไม่เคยคิดเลย”

เรื่องความรัก ขอให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ
 
สำหรับผู้ชมแล้ว เรื่องความรักส่วนตัวของเหล่าศิลปินนั้นจะเป็นที่สนใจของชาวบ้านเป็นอย่างมาก เหตุนี้เองผมเลยอยากจะยกผู้หญิงที่เขาเคยร่วมงานต่างๆมาพูดวิจารณ์หน่อย เขาพูดเพียงว่าทุกคนล้วนเป็นผู้ร่วมงานเฉยๆ[/SIZE]  “ปกติแล้วผู้หญิงที่ได้ร่วมงานนั้น ถ่ายทำเสร็จแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป น้อยมากที่จะติดต่อกันอีก เช่น(เรื่อง อีเทียนสู่หลงจี้/ดาบมังกรหยก) ได้ร่วมงานกับนางเอกเจียจิ้งเหวิน (Jia Jing Wen) ตอนนั้นเขายังโสดอยู่เลย แต่ตอนนี้เขาเป็นคุณนายของคนอื่นไปแล้ว (หัวเราะ) ฉะนั้นพูดกันตรงๆเลย ผมก็ไม่ค่อยชัดเจนว่าพวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง ฉะนั้นเลยไม่กล้าไปวิจารณ์นัก"
 
ข้อมูลในเว็ปของโหย่วเผิงนั้น สิ่งที่ปวดใจที่สุดคือเวลาที่อกหัก เมื่อผมได้ยกเรื่องนี้มาถาม เขาคิดครู่หนึ่ง สีหน้าไม่สู้ดีแล้วขอโทษผมว่าตอนสมัยเรียนมัธยมตอนปลายนั้นเรียนในโรงเรียนชายล้วน โดยเฉพาะช่วงมัธยมปลายเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ดังระเบิดขึ้น เหตุนี้ผู้ชายในห้องจะไปจีบผู้หญิงที่อื่นแล้ว ก็ล้วนไม่อยากให้ผมไปด้วย“พวกเขาคงกลัวผมแย่งพวกเขา ตัวเองก็รู้สึกแปลกเหมือนกัน ฉะนั้น ปกติแล้วจะไม่ไปกับพวกเขา” อย่างไรก็ตามแค่อย่างนี้คุณก็คิดว่าโหย่วเผิงไม่ทางไปจีบผู้หญิงแล้วหรือ คุณคิดผิดแล้ว สำหรับเขาแล้ว เขามีวิธีการที่เป็นความลับที่ไม่ยอมเปิดเผย “ความลับนี้ผมบอกไม่ได้เด็ดขาด ฮ่าๆๆ” ดูเขาที่แอบยิ้มแอบหัวเราะ เวลานี้ ภาพแห่งขวัญใจในอดีตนั้นก็แสดงออกมาให้เห็นเล็กน้อย
 
ความรักของตัวเองนั้นจะให้เป็นไปตามธรรมชาติ การสร้างครอบครัวสำหรับเขานั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ หลายปีนี้ ได้ไปถ่ายทำที่จีนนานพอสมควร ไม่ง่ายที่จะมีโอกาสกลับมาที่ไต้หวัน เมื่อได้กลับมาแล้ว ก็ได้ถอดคลาบกลายเป็นคนทั่วไปอิสระคนหนึ่ง “นั่นเป็นที่ที่ปลอดภัยและไม่ต้องแสร้ง ไม่มีอะไรมาทำให้คุณต้องลำบากใจ พูดตรงๆ ผมเป็นคนทำความสะอาดไม่ค่อยเป็น ฉะนั้นในห้องนอนผมนั้นไม่ว่าจะเป็นการจัดวางหรือการตกแต่งก็จะเรียบง่าย” โหย่วเผิงใช่จะเป็นคนที่รักตัวเอง แต่ว่าทุกครั้งเมื่อมีผลงานที่แสดงมาไม่เลวนั้น เขาก็จะเอามาให้ครอบครัวได้ชมกัน ในเรื่อง(เย่ออ้าย)นั้น เขารับบทเป็นผู้ป่วยทางจิต ชมจนคุณอาของตัวเองน้ำตาไหลเลย “สิ่งนี้จะทำให้ผมมีความสุขมากกว่าการชมผม เพราะพวกเขาดูแลผมแต่ยังเด็ก ถือเป็นคนใกล้ชิดมาก เมื่อเขาได้เห็นถึงอีกมุมหนึ่งในบทของผมนั้น และทั้งยังประทับใจกับบทที่ร้ายๆของผมนั้น สำหรับผมแล้วความรู้สึกสำเร็จอย่างนี้นั้นก็ไม่ต่างอะไรการความรู้สึกที่รับรางวัลเลย”



ส่วนตัวของโหย่วเผิงนั้นก็ไม่แตกต่างไปจากวัยรุ่นทั่วๆไป ได้ถือกล้องถ่ายโน่นถ่ายนี่ เมื่อเล่น ipod แล้วเหมือน กับเซียนเลย  ปี 2009 สำหรับเขาแล้วเป็นปีแห่งการศึกษา ทั้งเพลงพื้นเมือง ละครเพลง ภาษาอังกฤษไม่เคยขาดเลย บทบาทแต่ละบทที่รับมานั้นล้วนไม่เหมือนกัน การท้าทายเหล่านี้สำหรับเขาแล้ว เหมือนกับเป็นการเล่นเกมส์ เขาสนุกกับสิ่งเหล่านี้ เขาจะไม่เหมือนเมื่อก่อนที่คิดหน้าคิดหลังจนเครียด ไม่ว่าจะเป็นพวกเสียงปรบมือ ช่อดอกไม้ ชื่อเสียงต่างๆเหล่านี้เขาผ่านมาแล้ว และไม่ให้ความสำคัญกับมันด้วย เขาในวันนี้นั้น ขอเพียงทีละก้าว กับช่วงปีวัยที่ต่างกันนั้น จะนำสีสันที่ต่างกันมาให้กับตัวเอง

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 2009 iLady
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2016, 11:31:48 AM »

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 2009 iLady
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2016, 11:34:47 AM »













Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 2009 iLady
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2016, 11:35:33 AM »