Interviews [Thai Translation] | ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากจะรู้ ซึ่งไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน > SCOOPS & SPECIALS
[2017.06.27] ซูโหย่วเผิง: ความเก่งเป็นเรื่องปกติของซูโหย่วเผิง
Alec Love Me:
[2017.06.27] ซูโหย่วเผิงกับบทสัมภาษณ์พิเศษ:ความเก่งเป็นเรื่องปกติของซูโหย่วเผิง
https://www.youtube.com/watch?v=hqNnzZuiSic&t=222s
Alec Love Me:
[2017.06.27] ซูโหย่วเผิง: ความเก่งเป็นเรื่องปกติของซูโหย่วเผิง
นักข่าว : หลังจากการถ่ายทอด รายการฉันอยากพบคุณทางช่อง BTV ปักกิ่ง I Want To meet you ซูโหย่วเผิงที่ไม่ได้เจอมานานก็ได้กลับเข้ามาที่หน้ากล้องอีกครั้ง หลังจากที่ได้กำกับภาพยนตร์เรื่อง the life ear และ the devotion of suspect x ฝีมือของซูโหย่วเผิงก็เป็นที่ยอมรับของทุกคน เข้าสู่วงการสิบกว่าปี เบื้องหลังที่ได้รับการยอมรับนั้น มาจากการที่เขาพยายามไม่หยุด
ซูโหย่วเผิง : ผมมักจะหาอะไรใหม่ๆที่น่าตื่นเต้นทำเสมอ แล้วก็ต้องถูกตำหนิทุกวัน เพราะแม่โกรธมาก ก็เลยฉีกโปสเตอร์ของผม
นักข่าว : ข่าวบันเทิงรายวัน ชีวิตที่ชอบแข่งของซูโหย่วเผิง
ซูโหย่วเผิง : ว้า.... สมัยเรียนจะค่อนข้างเยอะนะ หลังจากมาทำงานก็น้อยลงแล้ว ผมค้นพบว่าฟุตบอลเล่นสนุกจริงๆ
นักข่าว : ซูโหย่วเผิงได้เข้ามาในหน้ากล้องของเรา แต่งตัวสบายๆ ราวกับว่ากำลังคนกลับสู่วัยหนุ่มสาว สำหรับซูโหย่วเผิงแล้วการเตะบอลน่าจะเป็นการสิ้นเปลืองเวลา เพราะเวลาส่วนมากของเขาใช้ในการแข่งขันกับชีวิต ตายิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นนักร้องไอดอล และมีผลงานเด่นๆมากมาย ในฐานะผู้กำกับก็ได้รับการยอมรับ ซูโหย่วเผิงนั้นทำให้เราเซอร์ไพรสได้ไม่หยุดเลย เบื้องหลังการเซอร์ไพรส์นั้นมีการแข่งขัน ซึ่งมีแต่ตัวเขาเท่านั้นที่รู้
ซูโหย่วเผิง : ตอนเด็กผลการเรียนก็โอเคนะ ก็ดีนะ ตอนนั้นรู้สึกว่าโลกทั้งใบก็เพื่อเรียน คือเป้าหมายของชีวิต ผมวางค่านิยมส่วนตัวไว้ในชีวิตโรงเรียน ดังนั้นตอนนั้นผมตั้งใจเรียนมาก หลังจากนั้นพอ ม.ต้นผมก็เริ่มมีความฝันอยากเป็นดารา มันเป็นฝัน ณ ตอนนั้น เพราะตอนเด็กผมเรียนดนตรี และเข้าร่วมวงร้องเพลงประสานเสียง ชอบดนตรีมากๆ ม.ต้นเริ่มฟังเพลงป๊อบ และมีไอดอลของตัวเอง ไอดอลตอนนั้นคือเช่นไมเคิล แจ็คสัน, มาดอนน่า, วิสนีย์ ฮิลตัน, พอ ม. ปลายก็มาราย แครรี่ ล้วนแต่เป็นซุปเปอร์สตาร์ในยุคนั้น แม่ผมโกรธมาก ที่ผมติดไว้บนปกหนังสือ เป็นโปสเตอร์ของไอดอล แม่โกรธมาก ฮาๆๆๆ
นักข่าว : แล้วแม่ห้ามคุณยังไง
ซูโหย่วเผิง : ก็ฉีกโปสเตอร์ผมไง ผมก็โกรธมาก ฮาๆๆๆ ที่จริงผมค่อนข้างต่อต้าน ตอนนั้นเรียนเปียโน เป็นเพราะอยากไปเรียนเองนะ ไม่ใช่เด็กที่พ่อแม่บังคับให้ไปเรียน ผมชอบของผมเอง พูดแบบไม่ปิดบังเลยตอนที่ผมเรียนเปียโน ผมไปเข้าคลาสผู้ใหญ่
นักข่าว : ทำไมคะ
ซูโหย่วเผิง : เพราะผมเก่งมากไง
นักข่าว : เป็นเด็กอัจฉริยะหรอ
ซูโหย่วเผิง : ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริง แต่พูดแล้วเหมือนกำลังอวดเบ่งเลยนะ แต่เป็นความจริงนะ เข้าสู่วงการตอนอายุ 15 ตอนนี้ผ่านไป 30 กว่าปีแล้ว
นักข่าว : การประสบความสำเร็จของเสี่ยวหู่ตุ้ย ทำให้ผู้ฟังได้รู้จักความสามารถของซูโหย่วเผิง แต่ว่าความสามารถ ของเขาไม่ได้หยุดแค่นี้ ตอนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยกำลังโด่งดัง ซูโหย่วเผิงเปลี่ยนสายไปแสดงละคร องค์หญิงกำมะลอ, ตอนนี้องค์หญิงกำมะลอฉายมา 14 ปีแล้ว ซูโหย่วเผิงก็ต้องมาปวดหัวกับเรื่องการสลัดฉายาองค์ชายห้าไม่ออกสักที เพื่อที่จะสลัดคราบนักร้องไอดอล ซูโหย่วเผิงได้รับแสดงหลายบทบาท
ซูโหย่วเผิง : ผมสวมหมวกของไอดอลมาตลอด ทุกคนทำเหมือนกับว่าขอเพียงได้ขึ้นชื่อว่าไอดอล ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ทำดีแค่ไหน ก็แสดงไม่เป็นอยู่ดี ดังนั้นเรื่องพวกนี้บางทีก็ไม่ยุติธรรม
ซูโหย่วเผิง : เหมือนกับว่าคุณกำลังท้าทายตัวเองอยู่ตลอด ก็คือเป็นคนประเภทพยายามทะลุกรอบของตัวเองเสมอ
ซูโหย่วเผิง : ก่อนหน้านี้หลักๆคือกลัวเบื่อ สิ่งที่ผมกลัวก็คือเมื่อเราชำนาญบางสิ่งแล้ว ความสนุกก็จะน้อยลง ดังนั้นผมจะไปหาอะไรใหม่ทำเสมอ ผมก็หวังว่าในระหว่างนั้นไม่ใช่เพียงแค่มีประสบการณ์ก็จะผ่านด่านได้ แบบนี้ถึงจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ชอบแข่งขันขนาดนั้นแล้ว
นักข่าว : เหมือนกับว่าคุณตีปีศาจฝ่าด่านอยู่ตลอดทาง
ซูโหย่วเผิง : ใช่ครับ ก็ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จุทุกทีนะ แต่รู้สึกว่าตัวเองได้ลองอะไรใหม่ๆ ไม่ชอบซ้ำๆ
นักข่าว : ไม่หยุดท้าทาย ไม่หยุดที่จะเริ่มจากศูนย์ ทุกครั้งที่เปลี่ยนสายก็ประสบความสำเร็จ หนทางชีวิตซูโหย่วเผิงที่ต้องฝ่าด่านและตีปีศาจ ในฐานะที่เป็นยุคบุกเบิกของไอดอล ซูโหย่วเผิงเปลี่ยนทิศจนในที่สุดกลายเป็นผู้กำกับ เขาไม่ยอมแม้แต่จะให้ความเป็นนักแสดงมากำหนดขอบเขต ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นองค์ชายห้าแล้ว แต่เป็นผู้กำกับที่มีหนังทำรายได้สี่พันล้าน 4.50
ซูโหย่วเผิง : ผมมาทำงานเบื้องหลังก็ค่อนข้างนานละนะ ดังนั้นตอนที่เริ่มมาอยู่หน้ากล้องอีกครั้ง ผมรู้สึกไม่ค่อยชิน
VCR คัท คัท คัท ซีนนี้ใช้ไม่ได้ อย่าเอาแต่กระพริบตาสิ รีบอะไร โอเคร ทำ ได้ดี แบบนี้แหละ
ไม่ว่าก่อนถ่ายทำจะทำการบ้านมาสักเท่าไหร่ พอถ่ายทำจริงก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นเป็นร้อย
นักข่าว : แล้วจะยังกลับไปแสดงละครไหม
ซูโหย่วเผิง : อืม ตอนนี้ก็ไม่ได้อยากเท่าไหร่ ถึงต่อไปจะมีโอกาสเจอบทที่ดีก็ตาม ผมก็คงต้องใช้เวลาขุดสักหน่อย ถึงจะสามารถกลับเข้าหน้ากล้องได้อีกครั้ง
Alec Love Me:
Alec Love Me:
Alec Love Me:
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version