ผู้เขียน หัวข้อ: [Alecsu magazines_2015] 旅伴2015-04  (อ่าน 3337 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
[Alecsu magazines_2015] 旅伴2015-04
« เมื่อ: มิถุนายน 17, 2016, 08:13:14 AM »

[Alecsu magazines_2015] 旅伴2015-04

สู่การเป็นผู้กำกับ

เมื่อดูจากรายชื่อ “ผู้กำกับคนดัง” ของค่าย กวางเสี้ยนมีเดียแล้ว แน่นอนหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ ซูโหย่วเผิง แน่นอน วันหนึ่งเมื่อสองปีที่แล้ว เอกสารเชิญเป็นผู้กำกับฉบับหนึ่งได้ส่งถึงมือ ซูโหย่วเผิง เขาดูตกใจกว่าทุกคน “ให้ผมเป็นผู้กำกับ? มีอะไรผิดพลาดรึเปล่า ปฏิเสธไปๆ”

   “อย่างน้อยๆก็นัดเจอกันก่อนค่อยปฏิเสธสิ” ภายใต้แรงยุของผู้จัดการ สุดท้ายแล้วเขายอมนัดเจอทางค่าย และตั้งใจว่าจะไม่ว่าอย่างไรก็จะปฎิเสธงานนี้ “แน่นอนว่าอายุของผมตอนนี้ เป็นเวลาที่ควรจะลดงานบ้างได้แล้ว”เขาพูด อีกอย่าง ทั้งชีวิตของเขา ไม่เคยคิดว่าจะเป็นผู้กำกับเลย

   หลังจากได้คุยกับทางค่ายครั้งนั้น ทำให้ ซูโหย่วเผิง รู้สึกว่า มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฎิเสธโอกาสดีๆอย่างนี้เลย

   “การเข้ามาเป็นเด็กใหม่ในวงการผู้กำกับนั้น แต่ทางค่ายบอกผมว่าไม่ต้องกังวล เพราะว่าทางเขาเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว ราวกับว่า ผมมีหน้าที่แค่ดูจากหน้ากล้อง ก็แค่นั้น” ซูโหย่วเผิงพูด หลังจากวันนั้น ซูโหย่วเผิง ก็เริ่มสร้างพิมพ์เขียวของหนังในหัว และในประชุมกับนักลงทุนครั้งที่ 2 นั้น หลังจากที่เขาได้อธิบายความคิดของเขาแล้ว แต่โครงการนี้กลับมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา-----โครงการเดิมถูกยกเลิกและแทนที่ด้วยการทำหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายที่ชื่อว่า โจวเอ่อ และ โจวเอ่อ คืออะไร? สำหรับนักอ่านยุค 85 คงจะคุ้นเคยกับนิยายเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่สำหรับ ซูโหย่วเผิง แล้ว เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย “ผมเคยได้ยินนิยายเรื่องนี้ พอพวกเขาคุยกันถึงตรงนี้ ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสดีเหมือนกัน” ---ผู้จัดการของ ซูโหย่วเผิง ให้สัมภาษณ์นักข่าว ทั้งจำนวนยอดวิว แฟนคลับ และยอดขายที่ประเมินไว้.........ทุกอย่างมันมหาศาลมากเมื่อฟังจากปากนักลงทุน ทำให้ ซูโหย่วเผิง ที่นั่งฟังอยู่ข้างๆต้องตะลึง ฟังดูแล้วอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเขาซะเท่าไหร่ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องของเขาเต็มๆ และนี่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในรอบเกือบ 30 ที่เข้าวงการ

   ตอนนั้น ซูโหย่วเผิง ได้เข้าร่วมเป็นกรรมการรายการ <Talent Show> พร้อมกับ จ้าวเวย และมีโอกาสได้ปรึกษาเพื่อนเก่าคนนี้เรื่อง โจวเอ่อ ในคืนนั้น จ้าวเวย นั่งอ่านนิยาย โจวเอ่อ จนจบ แล้วเล่าความคิดของตนให้ โหย่วเผิง ฟังในวันต่อมา

“เธอบอกว่าตามประสบการณ์ของเธอแล้ว นิยายเรื่องนี้ดัดแปลงค่อนข้างยาก” เจอคำตอบมาแบบนี้ ผมก็แอบท้อบ้างเหมือนกัน “แต่ว่าไหนๆก็ตกลงรับงานแล้ว ยังไงก็ต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุดครับ”ซูโหย่วเผิง กล่าว

ใช้เวลาไม่นาน ซูโหย่วเผิง ก็เตรียมทีมงานของตนเองพร้อม “แต่พอได้ลองปฎิบัติจริงแล้วถึงรู้ว่ามันไม่ได้เหมือนที่เคยคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ว่า ‘ก็แค่นั่งดูอยู่หน้ากล้องเท่านั้น’ ทุกรายละเอียดเล็กๆต้องสามารถถ่ายทอดความคิดของผู้กำกับได้อย่างชัดเจน ถึงจะสามารถขับเคลื่อนไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ การปฎิบัติจริงเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นอีกครั้งว่า จุดไหนที่คุณละเลย จุดนั้นก็จะมีปัญหา” พูดจบ ซูโหย่วเผิง หัวเราะแล้วพูดต่อว่า “คุณก็รู้ว่าผมชาวราศีกันย์“

ลิ้มลองรสชาติของ “สิ่งที่ค้านกับเส้นทางของตน”

   หลายคนพยายามเพื่อจะเข้าวงการบันเทิง และมีหลายคนที่พยายามจะออกจากวงการนี้ แน่นอนว่า ซูโหย่วเผิง เป็นจำพวกหลัง

   เข้าวงการมา 27 ปี คำว่า “ไอดอล“ทำให้เขาต้องทุกข์ใจมานับครั้งไม่ถ้วน การแสดงแย่ ร้องเพลงผิดคีย์ตลอด มีดีแค่หน้าตา-----นี่ไม่เป็นเพียงคำที่คนส่วนมากใช้วิจารณ์ไอดอลสมัยนี้เท่านั้น ในศตวรรษ 20 ทศวรรษที่ 90 ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน “คุณรู้ไหมว่า ทำไมตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผมถึงทำเรื่องที่ค้านกับสิ่งที่ควรทำ ก็เพราะอยากแสดงให้เห็นว่า ผมไม่ใช่พวกมีดีแค่หน้าตา” ซูโหย่วเผิง ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ”เหมือนว่าตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีคนเรียกผมว่าไอดอลแล้ว“

   การเป็นผู้กำกับทำให้ ซูโหย่วเผิง มีโอกาสได้ลองสิ่งใหม่ๆอีกครั้งในวงการบันเทิง ทัศนคติและความคิดที่เขาสั่งสมมานานได้เวลานำเสนอซักที อีกด้านหนึ่งในฐานะที่เป็นนักแสดง “ค้านกับเส้นทาง”ที่เขาพูดนั้น หมายความว่า ผลงานการแสดงช่วงหลังๆนั้น ภาพลักษณ์อาจจะไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษหนุ่มหล่อเท่ แต่กลับได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก-----เช่น ไป๋เสี่ยวเหนียงในเรื่อง《ฟงเซิน》บท ลี่ซูเจี่ยจากเรื่อง《คังติ้งฉิงเกอ》บทคุณหมอหนิวในเรื่อง《Design of Death》และบทหนุ่มใหญ่ขี้ขลาด หวังจื้อยี่ ในเรื่อง《Sweet Alibis》เป็นต้น

   จากหนังทั้งหมดนี้ เรื่องที่ไม่พูดไม่ได้เลยคือ ไป๋เสี่ยวเหนียงในเรื่อง 《ฟงเซิน》ในปี 2009 ที่เขาสามารถตีบทแตกจนคว้ารางวัลมาได้ อีกทั้งยังทำให้ผู้ชมยอมรับในฝีมือการแสดงของเขา ซูโหย่วเผิง เองก็ยอมรับว่า ถ้าหากไม่ใช่เพราะบท ไป๋เสี่ยวเหนียง “ผมคงไม่มีโอกาสได้ลองแสดงหนังแนวศิลป์ หรือแม้แต่การเป็นผู้กำกับ พวกเขาก็คงไม่คิดว่าผมจะทำอะไรแบบนี้ได้ ฉะนั้นผมรู้สึกขอบคุณบท ไป๋เสี่ยวเหนียงมากนะ ที่เบิกเส้นทางใหม่ให้ผม“

   ถึงแม้ว่าจะผ่านไปนานมาแล้ว แต่ทว่า แม้กระทั่งตอนที่ให้สัมภาษณ์ในงานโปรโมทหนังเรื่อง โจวเอ่อ “รื้อฟื้นความหลัง” เหมือนจะเป็นประเด็นโปรดของสื่อ “สองสามวันก่อน ผมยังคุยกับเพื่อนร่วมงานผมอยู่ว่า จนทุกวันนี้ยังมีนักข่าวถามผมเรื่อง เสี่ยวหู่ตุ้ย อยู่เลย ถามซ้ำๆอย่างนี้ ผู้ชมไม่เบื่อบ้างเหรอ? ผู้ชมไม่สงสัยบ้างเหรอครับว่า ทำไม ซูโหย่วเผิง มีเรื่องที่คุยได้แค่นี้?” แต่ว่า เมื่อคนรอบตัวบอกเขาว่า เมื่อใดที่ได้ยินเสียงดนตรีดังขึ้นหัวใจยังคงเต้นแรงเหมือนเดิม ซูโหย่วเผิง อึ้ง สำหรับเขาแล้ว เขาคิดเสมอว่า แค่ทำหน้าที่ของตนให้ดีก็พอแล้ว เขาไม่เคยสนใจผลลัพธ์ว่าจะเป็นอย่างไร และไม่เคยรู้ด้วยว่า สำหรับหลายคนแล้ว เขาเป็นเหมือนตัวแทนวัยรุ่นของพวกเขา ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เรื่องราวตอนวัยรุ่นยังคงชัดเจนในใจของพวกเขาเสมอ

   ช่วงที่ผ่านมา ซูโหย่วเผิง ได้เข้าร่วมรายการ《Voice》การเผชิญกับรายการกล่าวสุนทรพจน์แบบนี้ ทำให้ ซูโหย่วเผิง ที่ “จริงจังกับงาน”กังวลไม่น้อยเลย “ผมในวัยนี้ อาจจะผ่านอะไรมาเยอะ ผมมีความเชื่อของผม แต่ว่าความคิด ทัศนคติในแต่ละช่วงวัยชีวิตของคนเราอาจจะต่างกันไปตามบุคคล ภายใต้เวลาที่จำกัดนั้น ผมจะพูดแต่ความคิดของผมหมดเลยก็คงไม่ได้ ผมควรจะถ่ายทอดทัศนคติแบบไหนให้เหล่าวัยรุ่นที่อยู่ตรงหน้าผม? ” ซูโหย่วเผิง ส่ายหัว เขาดูไม่พอใจกับการแสดงออกในวันนั้นของตนเอง ภาพนี้ ทำให้คนดูเหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว หนุ่มน้อย ไกวไกวหู่ ที่เสียความมั่นใจเพราะมักผิดจังหวะเวลาซ้อมเต้น

   ปัจจุบันนี้ ซูโหย่วเผิง เลยอายุ 40 มาแล้ว ในบางครั้งเขาอาจจะรู้สึกว่าชีวิตน่าเบื่อไปบ้าง ไม่ได้ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งใหม่ๆเหมือนเมื่อก่อน แต่เขายังคงฝึกจิตอยู่เสมอ ฝึกให้รู้จักปล่อยว่าง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: [Alecsu magazines_2015] 旅伴2015-04
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2016, 12:35:29 PM »
   สนทนากับ ซูโหย่วเผิง

《นิตยสาร Travel mate》: นอกจากอายุของนักแสดงที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับตัวละครแล้ว โจวเอ่อ ต่างจากหนังวัยรุ่นทั่วไปอย่างไรบ้างครับ

   ซูโหย่วเผิง:ตอนที่ผมอ่านนิยาย โจวเอ่อ นั้น  ผมไม่ได้โฟกัสไปที่เรื่องความรักไร้เดียงสาของวัยรุ่น แต่เป็นเรื่องนิสัย บุคลิก ความคิดและทัศนคติที่เริ่มมีเมื่อถึงวัยรุ่น ผมสนใจในเรื่องพวกนี้มากกว่า สำหรับผมแล้ว มันเป็นหนังที่ค้นหาสิ่งที่อยู่ในก้นบึ้งของจิตใจมากกว่าเป็นหนังรักวัยรุ่นทั่วไปครับ

《นิตยสาร Travel mate》: การผู้กำกับถือเป็นการท้าทายตัวเองอีกครั้งรึเปล่าครับ

ซูโหย่วเผิง : ผมเป็นคนทำงานค่อนข้างเด็ดขาดนะ ส่วนมากแล้ว ผมจะใช้เวลาในการทำงานนั้นๆให้เต็มที่เสมอ ในระหว่างที่ทำนั้น ก็จะไม่ไปคิดว่าจะมีผลอะไรตามมาบ้าง เพียงแต่พยายามทำให้ดีที่สุด และไม่ต้องมานั่งเสียดายที่หลัง ผมก็เชื่อว่า เวลาที่คุณยอมทุ่มเทและตั้งใจทำสิ่งๆนั้นให้ออกมาดีที่สุด แล้วคนอื่นก็เห็นว่าคุณท้าทายตัวเองสำเร็จ แต่สำหรับผมแล้ว มันเป็นแค่การทำเรื่องๆหนึ่งให้ดีเท่านั้น อีกอย่าง เมื่ออายุมากขึ้น ผมก็ยิ่งเชื่อว่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนแต่ดำเนินไปตามธรรมชาติของมัน การกำกับหนังก็เช่นกัน ถ้าผลออกมาดีก็ดีไป ถ้าผมตั้งใจแล้วยังทำได้ไม่ดี ผมอาจจะไม่ทำต่อไป เพราะว่าการเป็นผู้กำกับไม่ได้เป็นเป้าหมายชีวิตของผม เพราะฉะนั้นผมคิดว่าไม่ต้องใช่คำว่าท้าทายตัวเองสำเร็จหรืออะไรทั้งนั้น ชีวิตยังมีเรื่องราวครั้งแรกอีกมากมายที่รอให้คุณได้ไปลอง นี่ก็ถือเป็นการได้ลองทำเรื่องราวใหม่ๆอีกครั้งเท่านั้นเอง

《นิตยสาร Travel mate》: ชีวิตก่อนคุณเข้าวงการของคุณเป็นแบบไหน มีส่วนคล้ายกับเรื่องราวใน โจวเอ่อ บ้างรึเปล่าครับ

ซูโหย่วเผิง :ผมสายตาสั้นตั้งแต่เรียนประถม พอจบประถมศึกษาก็สั้น -650 แล้ว จบม.3ก็สั้น -800กว่าแล้ว ตอนผมขึ้น ม.ต้นใหม่ๆ ผมเคยคิดว่าจะเป็นเด็กเกเรดูบ้าง อยากคบเด็กเกเร ปีนกำแพงโรงเรียนบ้าง แต่ผมปีนไม่เป็น ช่วงนั้นเกรดของผมตกไปอยู่อันดับที่ 8 ของห้อง พอม.2 เทอม 2 ผมก็ย้ายโรงเรียน จากนั้นผมเริ่มตั้งใจเรียนอีกครั้ง ผมจำได้ว่าผลสอบวิชาคณิตศาสตร์ของผมตอน ม.2 เทอม2 ไม่ว่าจะเป็นสอบเก็บคะแนน สอบปลายภาค หรือแม้แต่แบบฝึกหัดที่ซื้อมาทำเอง ผมทำได้คะแนนเต็มทุกครั้ง ผมเรียนโรงเรียนชายล้วน ไม่มีเรื่องราวรักใสๆของหนุ่มสาวหรอกครับ แต่ว่าข้างๆเป็นโรงเรียนหญิงล้วน พอจบ ม.ต้น ผมก็เริ่มใส่คอนแทคเลนส์ และไม่ต้องใส่แว่นสายตาเฉิ่มๆนั้นแล้ว ตอนนั้นมีเด็กในห้องเอารูปของผมให้เด็กผู้หญิงโรงเรียนข้างๆดู พวกเธอก็ชมว่าผมน่ารักดี แต่ผมไม่คิดว่าผมน่ารักตรงไหนเลย น่าเกลียดด้วยซ้ำ แล้วช่วงวัยนั้นผมก็เอาแต่เล่นบอลกับเรียนหนังสือครับ

《นิตยสาร Travel mate》: ได้ข่าวว่าคุณค่อนข้างเข้มงวดกับนักแสดงของ โจวเอ่อ สำหรับคุณแล้ว การแสดงที่ดีคืออะไรครับ

ซูโหย่วเผิง :ธรรมชาติครับ ผมคิดว่าเป็นพื้นฐานของการแสดงเลย ไม่ดูเป็นละคร ไม่ดูเป็นการแอคติ้ง ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายเหมือนกัน

《นิตยสาร Travel mate》: ไม่ดูเป็นละคร คือยังไงครับ?

ซูโหย่วเผิง : ละครมีทั้งจุดเด่นและจุดด้อยในเวลาเดียวกัน ผมคิดว่าการถ่ายทอดเรื่องราวของละครนั้นมักจะมีรูปแบบตายตัวของมัน แต่รูปแบบเหล่านี้ก็สามารถนำเสนอสิ่งที่เป็นธรรมชาติได้ สิ่งที่ผมอยากได้คือ ธรรมชาติ มีชีวิต ไม่ใช่การแสดงที่มีแม่แบบตายตัวครับ

《นิตยสาร Travel mate》: คุณคิดยังไงกับคำว่า “ไอดอล”ครับ

ซูโหย่วเผิง : ตอนนี้ผมห่างไกลจากคำนี้มากแล้วนะ ตอนนี้ไม่มีใครเรียกผมว่าไอดอลแล้ว ผมออกมาจากกรอบของคำนี้ได้แล้ว ก็ไม่ค่อยสนใจแล้วครับ แต่ผมดู ไอดอล ใหม่ๆสมัยนี้แล้ว ผมว่าน่ารักดีนะครับ ไม่เหมือนกับตอนที่ผมถูกนิยามด้วยคำนี้เลย ถ้าให้มองจากตอนนี้แล้ว ผมว่าการเป็นไอดอลเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันครับ

《นิตยสาร Travel mate》: เพราะเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ ในสมัยนั้น ทำให้คุณกับ จ้าวเวย และ หลินซินหยู กลายเป็นเพื่อนสนิทจนถึงทุกวันนี้ แต่สมัยนี้เหมือนว่า การที่จะมีเพื่อนสนิทจากการถ่ายละครเรื่องหนึ่งนั้นเป็นไปได้ยากเหมือนกันนะครับ

ซูโหย่วเผิง: สมัยนั้นการถ่ายทำละครลำบากกว่าตอนนี้เยอะมาก ไม่เหมือนตอนนี้ที่ผลตอบแทนก็สูง สมัยนั้นค่าตอบแทนต่ำมาก ฐานะที่อยู่ในกองถ่ายก็ต่ำ เพราะว่าตอนนั้นยังเด็กมาก เลยไม่มีกำแพงปิดกั้นระหว่างกัน พอคนเราอายุยิ่งมาก จะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางมากขึ้น กำแพงในใจก็เพิ่มมากขึ้นไปตามกัน และตอนนั้นพวกเราก็ไม่ใช่ดาราดังอะไร เลยเข้าถึงง่าย แต่กองถ่ายหลังๆนั้น ทุกคนต่างมีชื่อเสียงแล้ว คนดังมักมีคนคอยล้อมรอบตลอด ทำให้เข้าถึงได้ยากขึ้น ฉะนั้น ก็เหมือนกับทุกคน ที่จะสนิทกับเพื่อนสมัยเด็กมากกว่า

《นิตยสาร Travel mate》: สิ่งทำให้คิดถึงชีวิตวัยรุ่นนั้น ไม่ได้มีแค่รูปร่างหน้าตาที่อ่อนเยาว์เท่านั้น แต่เป็นหัวใจที่บริสุทธิ์ กล้าหาญ มากกว่า ภายใต้สังคมที่สับสนวุ่นวายนี้ คุณรักษาความบริสุทธิ์นั้นอย่างไรครับ

ซูโหย่วเผิง : การประพฤติปฏิบัติตัวให้เหมาะสมนั้น นอกจากต้องฝึกจากจิตใจภายในแล้ว ผมว่ามันขึ้นอยู่กับสิ่งที่เป็นธาตุแท้ของเราด้วย ผมว่าในบางเรื่องผมเป็นคนค่อนข้างเปิดกว้างนะ ความคิดของผมค่อนข้างผู้ใหญ่พอ แต่ก็หลายเรื่องไม่เข้าใจเหมือนกัน พอหลังจากที่ชีวิตของผมเคยผ่านประสบการณ์ขึ้นสูงลงต่ำมาหลายครั้ง  ทำให้ผมเข้าใจหรือปลงกว่าหลายคนในเรื่องชื่อเสียงเงินทอง ส่วนเรื่องที่อินโนเซ้นส์นั้น เช่นหลายเรื่องในการเข้าสังคมผมว่าผมค่อนข้างที่จะหัวรั้นเหมือนกัน เรื่องบางเรื่องผมยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้ และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป เช่นความซื่อสัตย์อะไรพวกนั้น เป็นเรื่องที่ผมยืนหยัดที่จะทำ ส่วนเรื่องการเข้าสังคมของผม จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้สมูทมากนัก ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องเข้าสังคม คุยภาษาเข้าสังคม และผมก็ไม่ชอบที่ทำแบบนั้นครับ

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: [Alecsu magazines_2015] 旅伴2015-04
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2016, 12:35:48 PM »





Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: [Alecsu magazines_2015] 旅伴2015-04
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2016, 12:36:18 PM »

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: [Alecsu magazines_2015] 旅伴2015-04
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2016, 12:37:45 PM »



Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: [Alecsu magazines_2015] 旅伴2015-04
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2016, 12:38:13 PM »


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: [Alecsu magazines_2015] 旅伴2015-04
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2016, 12:39:15 PM »


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: [Alecsu magazines_2015] 旅伴2015-04
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2016, 12:40:00 PM »


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: [Alecsu magazines_2015] 旅伴2015-04
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 10:35:29 AM »