ผู้เขียน หัวข้อ: 2008 Hers  (อ่าน 5452 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
2008 Hers
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 07:35:20 AM »
นิตยสาร  Hers  16  เมษายน  2008


เขาชอบมาดอนน่า บริสนีย์และบียอนเซ่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นเด็กที่สนใจในโลกของวรรณกรรมและศิลปะ
เขามีความสุข มีเวลาที่สบายใจไม่ทุกข์ร้อนแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้สร้างความก้าวหน้า
ความคิดของเขาคล้ายกับตำแหน่งกองหลังในกีฬาแต่ไม่ได้หมายความว่าเขานั้นเป็นผู้รักษาประตู
เขาแสวงหาความสุนทรีย์มากกว่าเหตุผลความเป็นจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้อยู่บนโลกความเป็นจริง
เขาเป็นคนที่หลงเสน่ห์การเต้นที่ร้อนแรง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ใช่สุภาพบุรุษ
เขาเพียงกำลังเรียนรู้หนทางดำเนินชีวิตผ่านสายตาของผู้ให้ความบันเทิงแต่ไม่หยุดที่จะเติบโต

เขาคือตัวแทนของคนหนุ่มสาว

เขานั่งอยู่แถวหน้าในคอนเสิร์ตของบียอนเซ่ ให้กำลังใจกับเทพีผู้งามสง่าบนเวที
และร้องเพลงไปพร้อมๆกับเธอแม้จะไม่สามารถเห็นเธอบนเวที
บิยอนเซ่ดึงดูดเหล่าแฟนๆที่ศรัทธาในตัวเธอด้วยการให้ความเคารพต่อแฟนๆของเธอมากขึ้น

เขาเป็นคนที่กระตื้อรือร้นติดตามเรื่องเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
สามารถซื้อ iPhone, iPod and iPod Touch model ตัวใหม่ล่าสุด
การเรียนรู้ฟังก์ชั่นที่น่ากลัวต่างๆอย่างตั้งใจเป็นความสุขที่แสนดึงดูดใจสำหรับเขา

ทุกๆสุดสัปดาห์เขาเข้าเว็บ Billboard เพื่อเช็คชื่อเพลงและแชร์เพลงที่มีชื่อเสียงกับทุกๆคน

เขาชอบที่พบปะเพื่อนเก่าและเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลตลอดระยะเวลา 10 ปีในมิตรภาพ จาก “บันทึกของเพื่อนเก่า” ของเขา

เขาเข้าใจในเทรนใหม่ล่าสุดของแฟชั่น ในวันปกติเขาสามารถโดดเด่นได้โดยใช้ประโยชน์ของแฟชั่น
และฉวยโอกาสที่ทดลองสไตล์ใหม่ๆอย่างกล้าหาญ




เขาชอบกีฬา โดยเฉพาะเทนนิส

เขาคุ้นเคยอย่างมากกับ ทัวร์ Mainland ที่แสนดึงดูดและหวังว่าจะได้ท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดถัดไป

เช่นเดียวกับพวกเรา เขาอาศัยอยู่ในเมือง เขามีชีวิตอยู่ในโลกของจินตนาการ

แต่เขาไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น เมื่อได้ใช้ความคิดเพื่อวิเคราะห์ชีวิตของตน

เขาไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนเมื่อเขาทำงานด้วยความยุติธรรมตลอด

แน่นอน เขาไม่ใช่คนเสื่อมศีลธรรม เมื่อเขาออกมาสัมผัสอากาศบริสุทธ์ และสำรวจดอกไม้บนแถบภูเขาชนบท

เขาสามารถกระโดดได้สูง แต่ยังสามารถจมลึกสู่เบื้องล่างได้

นี่คือวิถีชีวิตหนุ่มสาวชาวเมืองของผู้ที่เจริญ วิถีชีวิตหนุ่มสาววัยทำงานสร้างความพอใจในบุคคลระดับสูงมากที่สุด


คำว่าหนุ่มวัยทำงานที่มีความกระตือร้น จริงๆแล้วไม่ใช่ ชื่อของมงกุฏที่ฉันมอบให้ซูโหย่วเผิง
เขาค่อนข้างจะวางหมวกนี้บนตัวเอง เมื่อฉันถามว่าเขาเหมาะที่จะเป็นผู้ชายประเภทไหน
เขาพูดอย่างขำขันว่า หนุ่มวัยทำงานที่มีความกระตือร้น

เพื่อยืนยันความแน่นอน ฉันค้นหานิยามของ คนวัยทำงานที่มีความกระตือรือร้น คือ
เป็นคนที่เกียยวกับการติดตามแฟชั่น รู้จักวิธีที่จะสร้างมีความสุขตัวเองและเชี่ยวชาญที่จะสะท้อนตัวตนต่างๆ ฉันขยายความหมายของมันได้ว่า เป็นความแตกต่างระหว่าง หนุ่มวัยทำงานที่มีความกระตือรือร้น
และคนที่ไร้ระเบียบในตนเอง ด้วยเหตุนี้คนวัยทำงานที่มีความกระตือรือร้นจึงไม่มีความคิดเกี่ยวกับฆ่าตัวตาย
ดูหมิ่นรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งเป็นเหมือนทัศนคติที่ดีที่จะใช้ชีวิตอย่างก้าวหน้า

ความจริงแล้วซูโหย่วเผิงอายุขึ้นเลข 3 เขาดูหล่อกว่าในภาพถ่าย บางทีเขารู้สึกว่าตัวเองผิวสีแทน แต่งตัวได้เหมาะกับแฟชั่นและพอใจกับทรงผม ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกว่าเขาไม่ต้องการทำตัวก้าวเข้าสู่ "little white face." เพื่อที่เขาจะต้องพลัดพรากจากคนอื่นๆ


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 2008 Hers
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 07:42:13 AM »
ซูโหย่วเผิงถึงจุดอิ่มตัวกับบทบาทที่ดี เสี่ยวหู่ตุ้ยคิดจะรวมตัวอีกครั้งหลังรอบ 20 ปี

รอยยิ้มที่อบอุ่น

ซูโหย่วเผิง >> สองปีแล้วที่ผมไม่ได้ถ่ายละครหนัง เพราะได้แสดงจนเหนื่อยหล้ากับการรับบทที่ดีๆ(องค์หญิงกำมะลอ) (อีเทียนสูหลงจี้) บทประพันธ์-ซีรีย์ดังเหล่านี้ ทำให้ซูโหย่วเผิงได้ก้าวไปสู่จุดสูงระลอกแล้วระลอกเล่า และในสองปีมานี้ นอกจากจะได้เห็นอยู่ในงานโชว์ตัวบางงานแล้ว และเรื่องงานการกุศลการช่วยเหลือนี้ก็ยังได้เห็นรอยเท้าของเขาแล้ว ก็แทบจะหาเขาที่ไหนไม่เจออีกเลย ช่วงที่ผ่านมานี้ ผู้สื่อข่าวของเราได้ไปหาเขาที่ปักกิ่งโดยเฉพาะ เขาได้กล่าวกับนักข่าวว่า สองปีมานี้ตัวเองไม่ได้รับงานการแสดงเลย เหตุเพราะว่าได้ร่วมงานฉลองบทดีๆจนเหนื่อยหล้าไปหมด แต่ในเดือนนี้นั้น เขาได้เปิดกล้องหนังใหม่ของเขา (ต้าเจิ้นฝาน) ในเรื่องนั้นเขาได้รับบทที่น่าท้ายทายเป็นอย่างยิ่ง -- เป็นคนป่ายทางจิต

ปัจจุบันนี้บทที่เหมือนกันมีมากมาย สองปีนี้ผมได้ทิ้งบทดีๆไปแล้ว


ก่อนจะให้การสัมภาษณ์ ตากล้องของเราได้ถ่ายรูปของโหย่างเผิงลงเป็นหน้าปกนิตยสารของเรา ขณะที่ถ่ายแบบนั้น ซูโหย่วเผิงได้ร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งตัวของเขานั้นเห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น สังเกตออกว่า สองปีที่ได้ปรับตัวเอง ซูโหย่วเผิงไม่เพียงแต่ทางด้านร่างกาย(หุ่น)หรือจิตใจ ดีมากๆ เอ่ยถึงสองปีที่ได้รับงานแสดง ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า “ สองปีนี้ผมได้ปฏิเสธบทมากมาย เพราะมีบทที่เหมือนๆกันมากมายมาให้ผม สำหรับบทที่ดีๆสุภาพๆนั้นผมค่องข้างอิ่มตัวแล้ว จนถึงระยะใกล้นี้ได้รับบทละครหนังเรื่องหนึ่ง( ต้าเจิ้นฝาน) เตรียมตัวเข้าสู่หน้ากล้องจะอีกครั้ง”

วันที่ 21 ของเดือน(เม.ย.08) นี้ ซูโหย่วเผิงก็จะเข้าสู่คณะทีมงานละคร(ต้าเจิ้นฝัน) ได้รับบทเป็น วัยรุ่นที่ป่วยทางจิตในช่วงของการปฏิวัติ พูดถึงบทบาทในเรื่อง(ต้าเจิ้นฝัน)

ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า “ดูภายนอกของวัยรุ่นคนนี้นั้นเป็นคนหนึ่งที่ร่าเริง จริงๆแล้วในจิตใจของเขานั้นได้รับการถูกทำร้ายมาก่อนแล้ว สติแตก เป็นคนที่บ้าคลั่งในจิตใจ อดีตที่ผ่านมานั้นผมแสดงแต่สไตล์ขวัญใจพระเอกหล่อ นักแสดงของเรื่องเหล่านั้นนั้นล้วนเคยตกแต่งให้สวยงาม มันสมบูรณ์แบบเกินไป มันดูเหมือนเป็นละครจริงๆ จริงๆแล้วในชีวิตของคนปัจจุบันนั้นก็มีอีกแง่มุมหนึ่งของชีวิต และภายในนั้นก็ยังมีอีกมุมหนึ่งของจิตใจซึ่งมองไม่เห็น ฉะนั้นผมรอมานานแล้ว ตลอดสองปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้ถ่ายละครหนังเลย ก็คิดไว้ว่าอยากจะแสดงอะไรที่แตกต่างจากเดิมบ้าง บทบาทครั้งนี้นั้นก็ยังมีความยากอยู่เหมือนกัน ตัวผมเองนั้นรอคอยจริงๆ”

แสดงเป็นคนที่ป่วยทางจิต ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงคนไหนก็ต่างล้วนเป็นบทที่ท้าทายอย่างหนึ่ง สำหรับปัญหานี้นั้น

ซูโหย่วเผิงกล่าว่า “ ที่จริงทุกคนล้วนมีอาการทางจิตบ้าง ผมจะใส่ใจในการลงลึกรายละเอียด และมีหนังประเภทนี้ให้เห็นมากมาย ช่วงนี้นั้นผมได้ให้ความสนใจกับบทบาทอย่างนี้เป็นพิเศษ”

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 2008 Hers
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 07:45:50 AM »

เห็นด้วยที่ไปแสดงงานคอนเสิร์ตที่อเมริกา เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดคือสามารถพาครอบครัวไปเที่ยวที่นั่น

กุมภาพันธ์ (08) ของปีนี้ ซูโหย่วเผิงได้ประสบความสำเร็จในการออกคอนเสิร์ตที่เมือง Reno ในอเมริกา นักข่าวถามเขาว่าทำไมถึงไปออกงานคอนเสิร์ตที่นั่น

ซูโหย่วเผิงตอบว่า “ เหตุผลหลักคือทางโน้นเขาขอมา รวมทั้งตารางเวลานั้นวางไว้ได้ดีมาก ก่อนจะจัดงานคอนเสิร์ตนั้น พวกเขาได้จัดเวลาตั้งหนึ่งสัปดาห์ในการท่องเที่ยวที่นั่น ฉะนั้นผมเลยพาทั้งครอบครัวไปเที่ยวที่นั่นครั้งหนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกของผมที่พาทั้งครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศ สองปีมานี้ผมไม่ได้รับงานแสดง ฉะนั้นเวลาที่ผมได้อยู่กับครอบครัวนั้นก็เยอะขึ้นมาหน่อย”

งานคอนเสิร์ตของโหย่วเผิงที่ Reno นั้นได้ครึกครื้นไม่น้อยเลยที่เดียว ในงานคอนเสิร์ตนั้น ซูโหย่วเผิงได้เอาเพลงในสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ยขึ้นมาร้อง (หงชิงถิง - แมลงปอสีแดง) (อ้าย - รัก) จนถึงช่วงหลัง ( หว่อซื่อหนี่เตออี้ตี่เล่ย - ฉันเป็นน้ำตาหยดหนึ่งของเธอ) ( เจินสี - ถนอมไว้) ผลงานเพลงจากอัลบั้มที่ได้รับความนิยมนานหลายปีเหล่านี้เป็นต้น ท่าทางการโชว์ของซูโหย่วเผิงนั้นทำให้ผู้ชมนับพันประทับใจยากจะลืม ขนาดหลังจากเสร็จสิ้นงานคอนเสิร์ดแล้ว โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง Reno นั้นได้เปิดลิฟท์พิเศษ และเปิดทางออกลับ ถึงสามารถนำซูโหย่วเผิงหลบผู้ชมที่บ้าคลั่งเขาออกมาได้ และออกจากที่นั่นอย่างปลอดภัย


ผู้จัดการฝ่ายจัดงานคอนเสิร์ดกล่าวว่า พวกเขาเคยจัดงานคอนเสิร์ดที่มีนักศิลปินดังๆมาแล้วหลายครั้ง แต่ว่างานคอนเสิร์ดของซูโหย่วเผิงครั้งนี้นั้นเป็นครั้งที่ประสบความสำเร็จที่สุดและบรรยากาศครึกครื้นที่สุดครั้งหนึ่ง ฝ่ายทางจัดรายการได้บอกอย่างชัดเจนว่า งานคอนเสิร์ดครึ้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก พวกเขาก็ยังจะเชิญซูโหย่วเผิงมาออกคอนเสิร์ดที่รัฐอื่นของอเมริกาอีก

งานคอนเสิร์ดของโหย่วเผิงที่เมือง Reno นั้นได้เริ่มงานช่วงสองทุ่ม แต่ว่าก่อนหกโมงเย็นนั้น ก็มีผู้ชมได้มายืนรออยู่ที่ประตูทางเข้าแล้ว รอที่จะเข้าไปในงาน ยิ่งกว่านั้นยังมีแฟนๆบางกลุ่มได้มารอที่ลิฟท์ตั้งแต่ตอนที่ซูโหย่วเผิงกำลังซ้อมอยู่ หวังอยากจะเห็นตัวตนจริงๆของเขา เมื่องานคอนเสิร์ทเริ่ม เก้าอี้ทั้งหมดในงานนั้นก็เต็มไปด้วยคน ได้เอ่ยถึงแฟนเพลงที่ตัวเองประทับใจนั้น


โหย่วเผิงกล่าวว่า “ แฟนเพลงเหล่านี้นั้นได้ข่าวจากทางอินเตอร์เน็ตแต่เช้าแล้วว่าผมจะมาออกงานคอนเสิร์ดที่อเมริกา ฉะนั้นในวันนั้นก็มีแฟนเพลงมากมายที่มาจากรัฐต่างๆเพื่อมาดูงานคอนเสิร์ดของผม ผมมีคุณแม่ของเพื่อนสนิทคนหนึ่งอยู่ที่อเมริกา ท่านได้อยู่ข้างๆเมือง Reno ซึ่งไม่ไกลจากนี่ ท่านยังมาหาผมที่นี่ ทำให้ผมประทับใจมาก

สอนเด็กนักเรียนโรงเรียนซีว่างเล่นบาสนั้นสนุกมาก ๆ ปีนี้ก็ยังจะจัดงบสร้างโรงเรียนซีว่างอีกแห่งหนึ่ง
สองสามวันก่อน ซูโหย่วเผิงได้เป็น ครูพิเศษในการฝึกสอนพลศึกษาให้กับโรงเรียนซีว่าง ได้เดินทางมุ่งไปที่โรงเรียนซีว่างในมนฑลเหอหนัน อำเภอมี่หยาง เพื่อไปสอนบาสให้กับนักเรียนชั้น ป.5 สามสิบคน พูดถึงความรู้สึกที่ได้รับในการเดินทางครั้งนี้นั้น


โหย่วเผิงรู้สึกดีมากๆ เขากล่าว “ครั้งนี้นั้นเราไปเพื่อบริจาคงบสร้างโรงพละศึกษากับสนามวิ่งโดยเฉพาะ วันที่ 10 เมษายนของปีที่แล้ว(ปี2007) พวกเราได้บริจาคเงินสร้างโรงเรียนซีว่างที่เหอหนันแห่งหนึ่ง ที่จริงไปที่นั่นทำการช่วยเหลือเป็นที่ที่เหมาะที่สุด แต่ว่าหลังทราบข้อมูลแล้วรู้ว่าโรงเรียนแห่งนั้นของเรานั้นสร้างได้ดีมากๆ สนามกีฬานั้นสร้างได้สมบูรณ์แบบมากๆ ฉะนั้นพวกเราก็เลยตัดสินใจไปอีกแห่งหนึ่ง วันนั้นไปถึงโรงเรียนซีว่างนั้น เป็นที่สะกิดใจเรามากๆ ห้องพักของโรงเรียนนั้นยังโอเค แต่สนามกีฬานั้นล้วนเป็นโคลน ไม่มีทางเดิน ผมนั้นมาเพื่อจะสอนบาสให้กับเด็กๆ แต่โรงเรียนนั้นกลับไม่มีแป้นบาสสักแป้นเลย จากการพูดของคนในโรงเรียนว่า สองปีก่อนเคยมีแป้นบาสอยู่เหมือนกัน แต่ถูกลูกบาสยิงจนเสียแล้ว ยังดีที่ขณะที่พวกเรามานั้นได้นำเอาแป้นมาแป้นหนึ่ง แต่ว่าไม่มีเสายึดแป้นบาส ในเวลานั้นครูใหญ่ได้ชูตแป้นบาสแป้นหนึ่งขึ้นมาแล้วบอกว่า “พวกคุณชูตมาได้เลย” ผมรู้สึกว่าครูใหญ่ท่านนั้นน่านับถือจริงๆ ตอนหลังผมพึ่งรู้ว่าท่านตั้งใจมาสอนในชนบทโดยเฉพาะ ท่านดีต่อเด็กๆมาก ตอนนี้ลูกชายของท่านน่าจะสอบเข้า ม.ปลายแล้ว เขาไม่มีเวลาไปดูแลลูก แต่กลับเอาเวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนซีว่าง”

นักข่าวถามซูโหย่วเผิงว่าเมื่อก่อนเคยเล่นบาสไหม?

ซูโหย่วเผิงตอบอย่างหัวเราะ(อย่างอารมณ์ดี) “สมัยเป็นนักเรียนผมเล่นบาสได้ไม่เลวนะ ยิ่งตอนอยู่มัธยมปลาย หลายปีมานี้เหตุเพราะได้วิ่งไปมาหลายที่ ฉะนั้นก็เลยทำให้ไม่ค่อยมีโอกาสได้เล่นบาสแล้ว วันนั้นที่สอนพละศึกษา เหตุเพราะหลายอย่างไม่สะดวก ผมเพียงสอนแต่กติกาพื้นฐานให้กับพวกเขา สอนพวกเขาเลี้ยงบอล ตอนหลังก็ยังแบ่งพวกเขาออกเป็นสองทีมให้พวกเราแข่งขันกันเอง ผมหวังว่าจากการสอนพละศึกษาครั้งนี้สามารถถ่ายทอดสปิริตของกีฬาให้กับพวกเรา วันนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองเท่ห์มากๆ สนุกมากๆ รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนหัวโจกของเด็ก

สองปีนี้ซูโหย่วเผิงไม่แสดงละคร-หนัง เขาได้เอาเวลาไม่น้อยในการทุ่มเทให้กับงานสาธารณะประโยชน์กับการกุศล รวมทั้งยังร่วมงานกับมูลนิธิเยาวชน ได้ก่อตั้งมูลนิธิซูโหย่วเผิง จากตรงนี้ได้ช่วยเหลือเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือ หลังจากที่ก่อตั้งมูลนิธิแล้ว ซูโหย่วเผิงกับแฟนๆของเขาได้ร่วมจัดงานกิจกรรมขายของเพื่อการกุศล

เขาได้หวนคิดและกล่าวว่า เริ่มแรกคือเขาได้ไปร่วมกิจกรรมเยี่ยมโรงเรียนซีว่างที่เสฉวนสองแห่ง จากนั้น ทีมงานของเขาก็ได้ติดต่อประสานกับทางไปรษณีย์กลาง เอารูปที่ประทับใจคนที่ได้ถ่ายมาจากจีนนั้นมาลงทำเป็นสแตมป์ ครั้งแรกได้จัดผลิตสามหมื่นชุด จากการจำหน่ายแล้ว ได้รวบรวมเงินเป็นหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหยวน แล้วได้ประสานไปทางมูลนิธิเยาวชนจีน รับรู้ว่าตอนนั้นจะสร้างโรงเรียนซีว่างแห่งหนึ่งนั้นจะใช้งบสองแสนหยวน ซูโหย่วเผิงก็ได้ควักเงินส่วนตัวมาสมทบให้ครบ วานให้ทางมูลนิธิเยาวชนช่วยหาที่ที่ต้องการที่จะไปช่วงเหลือที่สุดเพื่อสร้างโรงเรียน ตอนนั้นทางมูลนิธิได้หาที่สามแห่งให้โหย่วเผิงได้เลือกดู สุดท้ายซูโหย่วเผิงกับแฟนๆก็ได้ตัดสินใจสร้างโรงเรียนซีว่างที่มนฑลเหอหนัน อำเภอล่อหยาง บ้านหม่าเหอ ซูโหย่วเผิงก็ได้เป็นผู้อำนวยการกิติมาศักดิ์ของโรงเรียนนี้ ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า “ ปีนี้ขณะที่ฉลองวันเกิดนั้น เด็กนักเรียนซีว่างยังได้ส่งการ์ดอวรพรมาให้เลย ผมดีใจเป็นพิเศษ ปีนี้เรายังจะบริจาคเงินสร้างโรงเรียนซีว่างอีกแห่งหนึ่ง หวังว่าจากการทำงานของผมกับแฟนๆสามารถที่จะกระตุ้นให้หลายคนได้ตะหนักถึงงานสาธารณะประโยชน์


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 2008 Hers
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 07:49:47 AM »

ปีนี้ครบรอบปีที่ 20 ของเสี่ยวหู่ตุ้ย พวกเราสามคนจะทำอะไรสักอย่างแน่นอน

ปีนี้เป็นปีครบรอบ 20 ปีของเสี่ยวหู่ตุ้ย สำหรับอดีตไกวๆหู่คนนี้นั้น หวังว่าสามารถจะร่วมร้องเพลง(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน)กับ อู่ฉีหลง เฉินจื้อเผิง อีกครั้งหนึ่ง

ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีครบรอบปีที่ 20 ของเสี่ยวหู่ตุ้ย พวกเราสามคนจะต้องทำอะไรสักอย่างแน่นอน ตอนนี้นั้นทุกคนต่างล้วนยุ่งกับงานของตนเอง อู่ฉีหลงกับเฉินจื้อเผิงนอกจากถ่ายละครหนังแล้ว ยังทำธุรกิจส่วนตัวอีกด้วย ล้วนงานยุ่งมาก อู่ฉีหลงได้เปิดร้านน้ำมะนาวที่ปักกิ่ง ธุรกิจดีมาก จื้อเผิงก็ได้เปิดร้าน คาราโอเกะที่เซี่ยงไฮ้ เวลาของพวกเราสามคนนั้นยากมากในการปรับให้ได้ว่างพร้อมกัน”

นักข่าวถามเขาว่าทำไมไม่เหมือนเสื้อน้อยสองตัวนั้น ทำธุรกิจไปด้วย ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า “ ตอนเด็กผมมีความตั้งใจสูง ตอนนี้โตแล้วพึ่งรู้ว่าผมเองไม่ได้เป็นพวกหัวการค้า” นักข่าวถามต่อว่า “หนังสือพิมพ์สองสามวันนี้ลงข่าวว่าธุรกิจการซื้อบ้านของคูณนั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก บอกว่าคุณได้ซือบ้านที่ไต้หวันสี่หลังแล้วราคาบ้านก็ขึ้นมาสูงทันทีเลย “ ซูโหย่วเผิงฟังแล้วหัวเราะ “มีที่ไหนกัน น่าเป็นข่าวลือ จริงๆแล้วผมซื้อแค่หลังเดียวเอง ผมเป็นคนประเภทลงทุนไม่เก่ง”

ผมมีเวลาทำงานเก้าสิบห้าเปอร์เซ็น(95%) บางครั้งผมถามตัวเองว่า “ผมมีความสุขจริงหรอ”

สองปีไม่ได้แสดงละครหนัง ซูโหย่วเผิงเผยว่ายังมีเหตุผลบางประการ เขากล่าว “ มีช่วงหนึ่งผมเริ่มใคร่ครวญและพิจารณาตัวเอง รู้สึกว่าเวลที่าตัวเองได้ทำงานตั้งเก้าสิบห้าเปอร์เซ็น ไม่มีเวลาดูแลครอบครัวเลยจริงๆ และมีเวลากลับบ้านน้อยมาก ฉะนั้นช่วงเวลานั้นผมได้ถามตัวเองประจำ เรามีความสุขจริงหรอ? สามารถพูดได้ว่าสองปีที่ผ่านมานี้เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตผม ผมเริ่มที่จะบริหารอะไรบางส่วนของชีวิต เริ่มที่จะมีเวลากับครอบครัวมากยิ่งขึ้น หากงานทางบริษัทกับงานทางบ้านขัดแย้งกัน ผมก็จะตัดสินใจไปทำงานครอบครัวก่อน ยังมีอีก เพื่อนมิตรมีงานแต่งงานมงคล ผมก็จะต้องกลับไปร่วมงานอย่างแน่นอน ผมได้ปรับปรุงวิถีชีวิตของผมใหม่แล้ว เพราะหากเพียงแต่มีเงิน แต่กลับไม่มีเพื่อน แล้วมันจะมีความหมายอะไรเล่า”

ก่อนหน้านี้มีสื่อได้ตีแพร่ออกมาว่าซูโหย่วเผิงเริ่มมีความรักแล้ว นักข่าวขอให้เขายืนยันเรื่องนี้อีกที ขณะที่ซูโหย่วเผิงได้ตอบคำถามนี้นั้นเขาได้ รำไทเก็กไปด้วย เขากล่าวว่า “ ผมไม่เคยพูดว่าตัวเองไม่เคยมีเรื่องความรัก และก็ไม่เคยพูดว่าตัวเองกำลังมีความรัก” นักข่าวก็ยังซักไซ้ถามต่อ “ทางบ้านหรือว่าน้องชายของคุณไม่ได้เร้าเร่งให้คุณรีบแต่งงานหรือ?” สำหรับคำถามนี้นั้น ซูโหย่วเผิงได้ตอบเพียงแต่คำถามที่เกี่ยวกับส่วนที่เป็นน้องชายของเขา เขาตอบว่า “ น้องชายของผมพึ่งสอบเข้ามหาลัยเป็นนักศึกษาวิจัย เขายังไม่แต่งงาน..”

หลายครั้งที่ดื้อ เคยหนีออกจากบ้านสองครั้ง

แม้ว่าฉายาของโหย่วเผิงเรียกว่า “ไกวๆหู” (เด็กเชื่อฟัง) แต่ว่าหลายครั้งซูโหย่วเผิงนั้นไม่เป็นเด็กเชื่อฟังเลย แม้กระทั่งยังมีการดื้ออีกด้วย

ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า “ ตอนเรียนนั้นผลการเรียนผมดีมาก เป็นนักเรียนประเภทคุณครูชื่นชอบ แต่ว่าจะมีนิสัยที่ร่าเริงเกเรไปหน่อย ชอบโชว์แสดงออกนะ ตอนนั้นผมได้เข้าร่วมการแข่งขันการพูด แข่งทักษะ และการท่องบทกลอนนั้นล้วนได้รับรางวัลที่หนึ่ง ผมกลายเป็นคนประเภทเก่งแล้วทำได้ทุกอย่างอย่างนั้น นิสัยนั้นดื้อรั้นหน่อย ชอบดื้อดึง เคยหนีออกจากบ้านแล้วสองครั้ง ครั้งแรกนั้นอยู่ในช่วงเรียนมัธยม ม.สอง เหตุเป็นเรื่องบางอย่างที่ทะเลาะกับคนในครอบครัว แล้วไม่สบายใจ ก็ได้หนีออกจากบ้าน ที่จริงก็ไม่ได้หนี่ออกไปไกลแค่ไหนกันหรอก ก็แค่ไปบ้านเพื่อนที่ห่างจากบ้านไม่กี่ซอยเอง คืนนั้นผมก็ได้กลับเข้าบ้านแล้ว ครั้งที่สองที่ผมได้ออกจากบ้านเป็นช่วงเรียนมัธยมปลาย ตอนนั้นผมได้เข้าสู่เสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว หลังจากหนีออกจากบ้านแล้วไปพักที่บ้านของเพื่อนร่วมงานในบริษัทสองวัน ตอนนั้นผมอยากจะหนีออกไปอยู่ข้างนอกก็เพื่อจะให้คนในบ้านรู้ถึงศักยาภาพของผม ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ผมมักจะใช้เวทีมากกว่าในการอยู่ด้วยกันกับครอบครัว



Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 2008 Hers
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2016, 08:13:28 AM »









Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 2008 Hers
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2016, 08:16:56 AM »









Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 2008 Hers
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2016, 08:19:57 AM »









Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13250
    • ดูรายละเอียด
Re: 2008 Hers
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2016, 08:20:30 AM »