ผู้เขียน หัวข้อ: 2007 Man's Health  (อ่าน 4789 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13265
    • ดูรายละเอียด
2007 Man's Health
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 05:46:04 AM »
Man's Health 2007 No.3


ยืนยันชายสามสิบของซูโหย่วเผิง ร่างกาย รสนิยมกับหน้าที่และความเป็นผู้ใหญ่

ยืนยันชายสามสิบของซูโหย่วเผิง ร่างกาย รสนิยมกับหน้าที่และความเป็นผู้ใหญ่


ปี 1989 ซูโหย่วเผิงได้กลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงมากมาย ปี 2006 ซูโหย่วเผิงได้ผ่านปีแห่งการก่อตั้ง ตัวเขาที่เห็นอยู่ปัจจุบัน นัยตานั้นได้มีภาระหนึ่งที่แฝงอยู่ ภาพลักษณ์ไกวๆในสมัยนั้นก็ได้จางหายไปจากหน้าตาของเขาแล้ว

วันเวลาวัยหนุ่มที่ผ่านไปอย่างยาวนานและดูเหมือนจะพริบตานั้น ในวัยสิบเจ็ดอย่างดังน้ำหน้าฝนที่ไหลผ่านไกลจาก แต่อดีตของซูโหย่วเผิง ตอนนี้กับอนาคตนั้นทำให้คนอื่นรู้จักกันดีกับไม่คุ้น เมื่อเปิดเวปไป๋ตู้ ผมได้เซิร์ทเข้าไปดูในเวปต่างๆของโหย่วเผิง แต่ก็ไม่ได้เป็นเวปของศิลปินคนอื่นที่มีการแนะนำรางวัลต่างๆที่ได้รับ สิ่งที่เตะตาก่อนใครคือ งานสาธารณะประโยชน์ต่างๆเริ่มตั้งแต่ปี 90 สิ่งนี้ทำให้ผมมีความสนใจมาก การพูดคุยของเรานั้นเริ่มจากจุดนี้


การเป็นผู้ใหญ่นั้นมีความรับผิดชอบอยู่ด้วย

สิ่งที่จะขอบคุณนั้นมีมากมาย

สิ่งที่ทำได้นั้นกลับน้อยมาก

ขณะที่พวกเราได้ไปทุ่มเทให้นั้น

ใครว่าพวกเราได้รับมาไม่ได้เยอะกว่า?

ซูโหย่วเผิง

หน้าแรกในเวปของโหย่วเผิงนั้นได้มีคอลัมหนึ่งได้บอกถึงวิธีการบริจาคเงินเข้ามูลนิธิของเขา ชื่อนี้คือรายการ "นิธิซูโหย่วเผิง” เริ่มปี 2005 “เมื่อบริจาคเข้ามาแล้วทำให้เด็กๆได้มีห้องเรียนเรียนหนังสือ ” โหย่วเผิงกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า ชายวัยสามสิบสอง (32) คนนี้นั้นในตลอดเวลาแห่งการสัมภาษณ์นั้นมีเพียงแต่เวลานี้เท่านั้นที่ได้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุขที่ยากจะออกมาให้เห็นได้ สิบเจ็ดปี(17) จะว่ายาวก็ไม่ยาว จะว่าสั้นก็ไม่สั้น แต่ก็เพียงพอแก่การทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไป ในวันที่แตกหนุ่มของโหย่วเผิงนั้นเขากลับกลายเป็นคนเงียบนิ่ง ปากเขานั้นจะเห็นรอยยิ้มตลอดทุกเวลา ก่อนหน้านี้ได้เห็นรูปภาพในเวปไซด์ของเขา รูปในเวปของเขานั้นมีความครึมเข้มไปนิด ผมถามเขาว่าทำไมในรูปถ่ายไม่ยิ้มเลย เขากลับถามผมว่า “หากว่าเวลานี้ผมยังเดียงสาน่ารักเหมือนสมัยก่อนแล้ว นั้นมันใจร้ายเกินไปเปล่า” รูปถ่ายนอกที่ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างโหย่วเผิง

จากขวัญใจวัยรุ่นได้ค่อยๆกลายเป็นผู้ใหญ่ บนบ่านั้นไม่มีเพียงภาระที่จะต้องแบกรับดูแลครอบครัว ต่อสังคมแล้วเขาก็พร้อมที่จะยอมแบกรับหน้าที่ด้วย เขาได้อุปการะเด็กกำพร้าที่แอฟริกา ได้ทำงานสาธารณะประโยชน์อย่างเงียบๆมาตลอด และได้เข้าร่วมช่วยเหลืองานประสบภัยต่างๆอีกด้วย วันที่ 17 กันยายน 2005 เขาได้ร่วมมือกับมูลนิธิเยาวชนจีน ได้ก่อตั้งมูลนิธิซูโหย่วเผิงที่เมืองปักกิ่ง หลักๆคือเพื่อจะสนับสนุนการศึกษาของเด็กๆ ในเวลาเดียวกันก็ได้ร่วมมือกับทางไปรษณีย์กลางได้ออกจำหน่ายแสตมป์ซูโหย่วเผิงเป็นจำนวน 3000 ชุด รายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดได้มอบให้มูลนิธิซูโหย่วเผิง ได้สร้างโรงเรียนซีว่าง โหย่วเผิงกล่าวว่า "การเติบโตเป็นผู้ใหญ่นั้นไม่เพียงแต่นำความเปลี่ยนแปลงภายนอกเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นคือ มีความรับผิดชอบอยู่ด้วย ต่อครอบครัว ต่อสังคม ต่อเรื่องความรัก" พูดถึงตรงนี้ เขาได้ถามผมว่าสามารถจะเอาหลักการของการบริจาคลงในบทสัมภาษณ์ด้วย บางทีมันอาจจะช่วยให้เด็กมีห้องเรียนเพิ่มขึ้นอีกคนก็ได้


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13265
    • ดูรายละเอียด
Re: 2007 Man's Health
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 05:54:33 AM »

ดนตรีคือชีวิต

จากเสี่ยวหู่ตุ้ยสู่การโชว์เดี่ยว ในเส้นทางศิลปินของโหย่วเผิงนั้นล้วนมีดนตรีเป็นเพื่อนเคียงข้าง แฟนคลับสมัยปี 80 นั้นชอบ (หว่อจื่อเย้าหนี่อ้ายหว่อ) (เติ๋งน่าอี้เทียน) แฟนคลับสมัยปี 90 ชอบ(จ้ายฮู) (หนี่ไคว้ปู๋ไคว้เล่อ) น้อยคนจะเหมือนอย่างซูโหย่วเผิง สามารถที่จะมีแฟนคลับถึงสองรุ่นและยังยืนหยัดงานของเขาไว้จนถึงทุกวันนี้อยู่ ถามโหย่วเผิงว่าชอบดนตรีชนิดไหน เขาตอบว่า “ ไม่ได้จำกัดประเภท รู้สึกว่ามันสำคัญมากๆ ดนตรีดังวิญญาณหรือชีวิตของผมเลยแหล่ะ ในเวปของเขานั้นได้มีเพลงน่าฟังเพราะๆมากมาย ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเพลงที่ติดอันดับหรือดัง แต่เป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกกับคนฟัง เขากล่าวว่า ดนตรีนั้นได้กลายเป็นอากาศและน้ำ ดนตรีนั้นมีค่าเหมือนอากาศและน้ำ

หลายปีมานี้ โหย่วเผิงได้ผ่านประสบการณ์แห่งความโด่งดังอันไร้ขอบเขตมา และได้ผ่านความตกอับสุดของชีวิต ได้เข้าใจถึงความจริงกับความอนิจังมาแล้ว ถึงจะมีวันนี้ได้ ในดนตรีนั้น เขาได้เข้าใจถึงการผ่อนคลายปล่อยวางที่แท้จริงกับอิสระเป็นอย่างไร ในความรุ่งโรจน์และความอนิจังของวงการบันเทิงนั้น เขาถือหลักธรรมศีล ไม่สูบบุหรี่ เพียงบางครั้งได้ร้องเพลงกับเพื่อนๆ เขาชื่นชอบเพลงของเขาเพลงหนึ่ง เนื้อเพลงบอกถึงคนคนหนึ่งได้มองดูมนุษย์ในโลกทั้งใบนี้ สังเกตเห็นถึงทุกคนต่างก็ได้แสดงถึงชีวิตของตัวเองในบทบาทของตัวเอง ทุกคนล้วนเป็นตัวแสดงรับเชิญ แต่ก็จะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้

ก่อนหน้านี้สองสามวันมีงานดนตรีแห่งปีใหม่ ซูโหย่วเผิงได้ลุกขึ้นมาเต้นลีลาศ ในงานนั้นทุกคนกลับตื่นเต้นตะลึกกับการเต้นของเขาที่ไม่เคยไปออกที่ไหนมาก่อน เขาไม่ใช่ได้ฉายาว่า “ช้าครึ่งจังหวะ” หรือ? ถามถึงคำถามนี้แล้ว เขาก็ได้พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “ก็ได้มีการฝึกซ้อมมาแล้วระยะหนึ่ง” ทุกคนล้วนทราบดีว่าเบื้องหลังแล้วเขาได้ทุ่มเทมามากมาย ก็เหมือนกับสมัยนั้นที่ถ่ายละครหนัง( ฉิงติ้งอ้ายฉิงไห่/รักข้ามขอบฟ้า) ซูโหย่วเผิงได้เขียนบทความตอนถ่ายที่กรีก “ตลอดชีวิตของผมนั้นไม่เคยมีหุ่นที่ดีอย่างนี้มาก่อนเลย” ตอนหลังเขาได้หยอกล้อกับสื่อ ที่จริงตลอดเวลานั้นโหย่วเผิงไม่มั่นใจในหุ่นของเขาเลย กินแล้วแต่กับไม่เคยอ้วนขึ้นเลย แต่เพื่อจะให้การถ่ายหนังนั้นสมจริง เขาเลยต้องทุ่มเทเป็นสิบเท่า โค๊ชบอกเขาว่าสองเดือนให้หลังให้มีหุ่นตามนี้ โหย่วเผิงได้ปากกัดตีนถีบสู้มาสองเดือน สุดท้ายโค๊ชชมว่าเขาเยี่ยมมาก

โหย่วเผิงที่ท้าทายตัวเองอยู่ตลอดเวลา ยังจะต้องนำความตื่นเต้นมาสู่ผู้คนอีกมากมายสักเท่าไรอีก?


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13265
    • ดูรายละเอียด
Re: 2007 Man's Health
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 05:58:40 AM »
นักแสดงละครเวทีคนหนึ่ง

ปีที่แล้ว(2006) โหย่วเผิง ได้แสดงละครเวที (หอมดอกเบญจมาศ) เขากล่าวว่าเพื่อจะทำความฝันของเขาให้สำเร็จ ขณะที่จบบนเวทีแล้ว บนเวทีเต็มไปด้วยช่อดอกไม้กับเสียงปรบมือ เมือได้มีการออกอากาศในช่องต่างๆแล้ว เขาสามารถที่จะทำให้ฝันของเขาสำเร็จจากแค่ครึ่งปีในเวทีละคร โหย่วเผิงกล่าวว่า ละครเวทีนั้นมันมีเสน่ห์เหมือนกับการท่องกลอนอย่างนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องจุกจิกอะไรในชีวิตของคุณ แม้จะแสดงชีวิต แต่ก็เป็นชีวิตบนเวที เป็นชีวิตที่ผ่านการฝึกฝนอย่างดีงามมาก่อน

ในเวลาอย่างนี้นั้น แน่นอนจะต้องมีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ “เผชิญกับคำวิจารณ์ของทุกคนนั้น หากใช้ความรู้สึกของบุคลที่สาม การตัดสินที่ยุติธรรม ผมจะรู้สึกซึ่งใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเราก็พร้อมที่จะรับฟังด้วยใจถ่อมลง คุณสามารถจะมองความเฮฮาจากภายนอกได้ เพียงแต่พูดถึงความเห็นส่วนตัวของตัวเองเท่านั้น คุณก็สามารถมองคนจากภายใน พูดถึงมุมมองการวิจารณ์ของนักวิจารณ์ สำหรับคะแนนการวิจารณ์นั้น จะต้องดูว่าจุดยืนของคุณคือที่ไหน กับมุมมองของการวิจารณ์มากำหนด หากว่าวิจากณ์จากความไม่หวังดีนั้น ผมก็จะไม่ขอรับฟัง เพราะสไตล์การสร้างสรรคของพวกเรานั้น ผมคิดว่าผมทำได้แล้วสำหรับข้อเรียกร้องของผู้กำกับ รวมทั้งผมได้ทำอย่างสุดกำลังแล้วเหมือนกัน ได้เปิดมุมมองที่ตัวเองไม่เคยเห็นมากอ่น ฉะนั้นผมรู้สึกว่า พวกเรานั้นล้วนดีงาม หากมองในด้านการค้าธุรกิจนั้น พวกเราถือว่าประสบความสำเร็จ ผมจะพยายามเดินทางที่ผมจะเดินต่อ คำพูดเหล่านี้โหย่วเผิงพูดอย่างมั่นใจและมีพลัง



หากว่าผมพูดว่าผมเป็นคนดื้อ

หากว่าผมว่าผมเป็นคนดื้อคุณจะเชื่อไหม ซูโหย่วเผิงถามอย่างนี้แล้ว ผมไม่กล้าจะเอาภาพลักษณ์แต่เด็กของเขาออกมา ความเป็นเด็กดีก็ได้จากไปที่ละเล็กทีละน้อย เขาเป็นคนที่ไม่ได้บอกเรื่องของตัวเองให้กับคนอื่นแบบง่ายๆ เขาไม่จำเป็นต้องพูดว่าเขาเป็นคนดื้อ

ตอนแตกหนุ่ม บางครั้งอาจใช่เป็นความใฝ่ฝันของหญิงทั้งโรงเรียนที่อยากได้เป็นแฟนด้วย เขาหล่อมาก ร้องเพลงเพราะๆได้มากมาย เรียนเก่ง และทั้งชอบเล่นกีฬา ชายที่เพียบพร้อมอย่างนี้ก็ได้ละเลยคนรอบข้าง แต่ว่าใจของตัวเองนั้น ยังอิสระเหมือนเดิมเปล่า?


อายุสิบห้าอย่างโหย่วเผิงได้เข้าสู่วงการแล้วดังเป็นดาวเด่นในช่วงปี 90 แต่ว่าวัยหนุ่มแค่สิบห้าอย่างเขานั้นก็ยังเห็นความเป็นเด็กของเขาอยู่ การชมเชยกับวิจารณ์นั้นได้พัดเข้ามาดังสายน้ำ และเขาก็ได้พักงานแสดงของเขาหนึ่งปีในการเตรียมสอบเข้ามหาลัยไต้หวันและได้เข้าในอันดับที่ห้า โหย่วเผิงที่สอบเข้าได้แล้วนั้นกลับพักการเรียน เพราะเขาไม่ชอบการช่างที่เขาเลือกเรียน เขาได้อยากเป็นช่างกลที่รู้แต่ทฤษฏีเท่านั้น จิตใจของเขานั้นได้ต้องใฝ่หาความอิสระ เขาได้ที่อังกฤษ หลังจากนั้นก็ถ่ายละคร ให้จิตใจเดินไปอย่างอิสระ

เขาดื้อไหม? ผมอดไม่ได้ที่จะถามตัวเอง

ชายผู้บ้าระห่ำ

เผชิญกับความรัก โหย่วเผิงเป็นพวกอนุรักษ์นิยมมากกว่าพวกบ้าคลั่งระห่ำหรือเปล่า? เขากล่าวว่านักแสดงต้องมีความระห่ำคลั่ง ถ้างั้นความรักจะต้องบ้าคลั่งด้วยหรือเปล่า? “ มันจะแตกต่างไปกับอายุ สมัยอายุหนุ่มๆนั้น ผมนั้นจะบ้าคลั่งระห่ำอย่างไม่เหลืออะไรเลย รู้สึกว่าอย่างนั้นมันชั่งยิ่งใหญ่จริงๆ ไม่อยากจะทำงานแต่อยากจะทำอะไรที่จะให้คนรักโรแมนติก ทำอะไรที่น่ากินอร่อยไม่เป็น ทำเป็นเพียงแกงน้ำข้าวโพดหอมๆหม้อหนึ่ง บนโต๊ะนั้นจุดเทียน เตรียมดนตรีที่โรแมนติกไว้ ยังต้องทำเป็นแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น รอเขาขณะที่เขาเปิดประตูเข้ามาแล้วจะตกใจอย่างนั้น ตอนนี้เข้าใจแล้ว ความรักก็เป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง ไม่เพียงแค่มีอารมณ์รักเท่านั้น สำหรับผมแล้ว การเริ่มต้นของความรักนั้นจำต้องมีวาสนา หลังจากเริ่มต้นแล้ว คนก็จะเป็นพวกบ้ารักอย่างธรรมชาติ จะไม่มีปัญหาว่าต้องการหรือไม่ต้องการ

เขากล่าวว่าใบโปรสเตอร์ใบแรกในชีวิตของเขาที่เก็บสะสมไว้เป็นโปรสเตอร์หนังเรื่อง (เป่าเปียว บริการ์ด) เขาชอบเรื่องราวความรักระหว่างนางเอกกับบริการ์ดของเธอ ความรักที่แอบซ่อนไว้ก้นลึกในหัวใจที่ไม่แสดงออกมาให้เห็นอย่างบริการ์ดนั้น ตอนนี้ยิ่งทำให้เขาเข้าใจ ภายใต้ความรักที่ห่างและซ่อนอยู่นั้น บริการ์ดได้ใช้ตัวเองไปปกป้องกระสุนเพื่อให้ชีวิตของเธอปลอดภัย นี่ชั่งเป็นความรักที่จริงแท้บ้าระห่ำอย่างไร?

พูดถึงความรัก พูดถึงดนตรี พูดถึงหนังภาพยนตร์ พูดถึงละครเวที วัยสามสิบสองปีอย่างโหย่วเผิงนั้นได้เป็นจริงเป็นจังต่อหน้าผม วันเวลาได้ประจักให้เป็นความต่างวัยของเขาที่ไม่เหมือนกัน รวมทั้งวันวานที่พวกเราเคยร่วมเคียงข้างกันมา พวกเราก็จะเริ่มใช้กาแฟที่เข้มข้นมาแทนซีอิ้ว พวกเราเริ่มจะดาวโหลดในอินเตอร์เน็ต

เอ็มพีสามจะไม่เป็นที่ฮิตในร้านขายเพลง พวกเราแสวงหาสิ่งดี พวกเราลืมแล้วจำได้อีก .. พวกเราโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13265
    • ดูรายละเอียด
Re: 2007 Man's Health
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2016, 08:41:59 AM »