ผู้เขียน หัวข้อ: 22. [2557] แปดเทพอสูรมังกรฟ้า รับบทอู่หยาจื่อ  (อ่าน 51750 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13249
    • ดูรายละเอียด
Re: 21. [2557] แปดเทพอสูรมังกรฟ้า รับบทอู่หยาจื่อ
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2015, 01:43:40 PM »
TV Series

2013 The Demi-Gods and Semi-Devils
天龍八部 - Tian Long Ba Bu
無崖子 - Wuyazi



ออกอากาศ 2013-12-22
http://www.youku.com/show_page/id_z48d622de6b9e11e38b3f.html
http://www.baansuyoupeng.com/webboard/index.php?topic=1336.0

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13249
    • ดูรายละเอียด
Re: 21. [2557] แปดเทพอสูรมังกรฟ้า รับบทอู่หยาจื่อ
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2016, 11:17:11 AM »





Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13249
    • ดูรายละเอียด
Re: 22. [2557] แปดเทพอสูรมังกรฟ้า รับบทอู่หยาจื่อ
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2016, 04:14:28 PM »









Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13249
    • ดูรายละเอียด
Re: 22. [2557] แปดเทพอสูรมังกรฟ้า รับบทอู่หยาจื่อ
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2017, 01:24:31 PM »
[14-01-25]无崖子老帅哥来了!哈哈
http://tieba.baidu.com/p/2833056285

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13249
    • ดูรายละเอียด
Re: 22. [2557] แปดเทพอสูรมังกรฟ้า รับบทอู่หยาจื่อ
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2017, 02:42:35 PM »


https://www.facebook.com/groups/145601942308886/permalink/769950103207397/

อู๋หยาจื่อสุดยอดฝีมือแห่งสราญรมย์
"สืบความเที่ยงธรรมของฟ้าดิน ควบคุมธาตุทั้งหกในจักรวาล ท่องไปโดยไร้ขอบเขต" เป็นที่มาของคำว่าสราญรมย์ คำว่าธาตุทั้งหกหมายถึง ชื้น ร้อม ลม ฝน มืดและสว่าง ส่วนคำว่าท่องไปโดยไร้ขอบเขตแสดงถึงความลึกล้ำวิชาตัวเบาของสำนักและยังกินความไปถึงการปล่อยตัว ไม่ยึดติด วิชาสำนักสำนักสราญรมย์ได้ชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน !!
เจ้าสำนักสำนักสราญรมย์รับศิษย์ไว้สามคน ประกอบไปด้วย นางเฒ่าทาริกา อู๋หยาจื่อ และหลี่ชิวสุ่ย แต่ละคนเรียนรู้ยอดวิชาต่างกัน อู๋หยาจื่อหน้าตาหล่อเหลาราวสลักเสลาจากหยก เป็นที่ชมชอบของศิษย์พี่น้องสตรี ทั้งสองจึงชิงรักหักสวาทกัน หลี่ชิวสุ่ยยังมีน้องสาวอีกคนซึ่งไม่ปรากฏนามในนิยาย (ในหนังบางเวอร์ชั่นเรียกหลี่ฉางไห่ บางเวอร์ชั่นเรียกหลี่ชิวเซียง)
ตามกฏเกณฑ์ของสำนักสราญรมย์ ผู้เป็นเจ้าสำนักไม่จำเป็นต้องศิษย์คนโต ผู้ใดฝีมือกล้าแข็งที่สุดผู้นั้นสามารถเป็นเจ้าสำนักได้ อู๋หยาจื่อฝีมือกล้าแข็งกว่าศิษย์พี่ศิษย์น้องจึงดำรงตำแหน่งเจ้าสำนัก ซ้ำยังเป็นอัจฉริยะบุรุษแตกฉานวิชาแขนงต่าง ๆ ของสำนักจนหมดสิ้น เช่น โหราพยากรณ์ หมากรุก จิตรกรรม ปฏิมากรรม อักษรศาสตร์ การเกษตร
ด้านนางเฒ่าทาริกาฝีก "พลังหกบรรจบมีแต่เราเป็นเอกะ" อันเป็นวิชากำลังภายในขั้นสูงของสำนักตั้งแต่อายุหกปี เมื่ออายุ 26 ปี ขณะฝึกปรือถึงขั้นสำคัญ หลี่ชิวสุ่ยตะโกนร้องที่ด้านหลังเป็นเหตุให้พลังโคจรผิดแนวทาง หยุดการเจริญเติบโต ร่างกายกลายเป็นเตี้ยแคระ นางจึงเคียดแค้นหลี่ชิวสุ่ยยิ่ง เมือปราศจากคู่แข่งหลี่ชิวสุ่ยจึงได้อู๋หยาจื่อไปครอบครอง ส่วนนางเฒ่าทาริกาแยกตัวไปก่อตั้งวังคฤธรศักดิ์สิทธิ์ที่เขาเทียนซาน
ต่อมาอู๋หยาจื่อแต่งงานกับหลี่ชิวสุ่ยพักอาศัยที่ถ้ำศิลาริมบึงกระบี่ ภูเขาอู๋เลี่ยง ประเทศต้าหลี่ สองสามีภรรยารวบรวมวิชาทุกค่ายสำนักเพื่อบัญญัติวิชาฝีมือชุดหนึ่งที่ครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง ทว่าวันหนึ่งอู๋หยาจื่อพบหยกงามก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งจากในภูเขา เขาสลักหยกชิ้นนั้นอาศัยหลี่ชิวสุ่ยเป็นต้นแบบ เมื่อสลักเสร็จสิ้น อู๋หยาจื่อเอาแต่พูดคุยกับรูปปั้นหยก หลี่ชิวสุ่ยพูดคุยด้วยก็หาได้สนใจ หลี่ชิวสุ่ยทั้งขุ่นเคือง ทั้งไม่เข้าใจเหตุผล จึงพาบุรุษมากหน้าหลายตาซึ่งล้วนแต่รูปงามมาพรอดรักต่อหน้า อู๋หยาจื่อขุ่นเคืองยิ่งสะบัดหน้าจากไป หาทราบไม่ว่าหลี่ชิวสุ่ยได้เข่นฆ่าบุรุษเหล่านั้นหมดสิ้น นางทำเพื่อประชดเท่านั้น
ซึ่งความจริงคนที่อู๋หยาจื่อหลงรักอย่างงมงายคือน้องสาวของหลี่ชิวสุ่ยที่มีใบหน้าคลับคล้ายกัน เพียงแต่น้องสาวหลี่ชิวสุ่ยมีไฝเล็ก ๆ ที่ข้างตาขวา ขณะที่หลี่ชิวสุ่ยไม่มี สมัยที่อู๋หยาจื่อหลงรักน้องสาวหลี่ชิวสุ่ยตอนนั้นนางมีอายุเพียงแค่ 11 ปี รูปปั้นหยกนั้นคือตัวแทนน้องสาวหลี่ชิวสุ่ยนั่นเอง
อู๋หยาจื่อกับหลี่ชิวสุ่ยยังมีลูกสาวคนหนึ่งนามหลี่ชิงเมิ่งแต่งกับกับตระกูลหวังเมืองซูโจว จึงเรียกว่าหวังฮูหยิน(หวังฮูหยินแปลว่าภรรยาคนแซ่หวัง หวังฮูหยินเป็นมารดาของหวังอวี่เยียนที่ต้วนอี้หนึงในตัวเอกของเรื่องชมชอบ หวังฮูหยินนางใช้แซ่หลี่ตามมารดา แสดงว่าหลี่ชิวสุ่ยขุ่นเคืองอู๋หยาจื่อที่จากไปอย่างยิ่ง ไม่ให้ใช้แซ่อู๋ตามบิดา)
เมื่ออู๋หยาจื่อจากหลี่ชิวสุ่ย ต่อมาเขาได้รับศิษย์ไว้สองคน คือซูซิงเหอและติงชุนชิว เขาตรากฏเพิ่มว่าผู้ใดเรียนรู้วิชาอย่างกว้างขวางจะได้เป็นเจ้าสำนัก ซูซิงเหอเรียนรู้ศิลปะศาสตร์หลากหลาย พิณ หมากล้อม เกษตร อักษร วาดภาพ หากทว่าเรียนรู้หลากหลายเกินไปจึงไม่สำเร็จสุดยอด ไม่ได้ฝึกปรือวิชาขั้นสูงของสำนัก ด้านวิชาฝีมือสู้ติงชุนชิวผู้เป็นศิษย์น้องไม่ได้ ขณะที่ติงชุนชิวรู้จักแต่เรียนรู้วิชาฝีมือ ไม่เข้าใจวิชาแขนงอื่น ทราบว่าไม่ได้เป็นเจ้าสำนัก จึงคิดทรยศอาจารย์ ฟาดทำร้ายอู๋หยาจื่อตกเหวและยังทำร้ายซูซิงเหอคิดสังหารทิ้ง
แต่ซูซิงเหอเกิดไหวพริบได้บอกต่อติงชุนชิวว่า วิชาฝีมือสำนักยังมีอีกมากที่ติงชุนชิวยังไม่เรียนรู้ เช่น หัตถหกสุริยัน พลังไร้ลักษณ์น้อย และได้หลอกลวงบอกสถานที่ไปค้นหา ติงชุนชิวจึงสั่งให้ซูซิงเหอแกล้งทำเป็นใบ้ห้ามแพร่งพรายเรื่องสุดยอดวิชาสำนัก ทั้งยังต้องการรักษาชีวิตซูซิงเหอไว้เพื่อคอยถามความลับที่ซ่อนวิชาฝีมือ เมื่อติงชุนชิวหาไม่พบ กลับไปพบซูซิงเหอหลายครั้ง ซูซิงเหอใช้วิชาค่ายกลหลบลี้หนีหน้าโดยตลอด
อู๋หยาจื่อโดนติงชุนชิวศิษย์ทรยศฟาดทำร้ายตกเหว โชคดีได้ซูซิงเหอช่วยไว้ค่อยมีชีวิตรอด ตอนแรกเขาคิดเสาะหาศิษย์ชาญฉลาดมุ่งมั่นให้ชำระความแค้นให้ วันเวลาผ่านไป ด้วยอายุขัยอันจำกัด จำต้องเปิดเผยหมากกลเจินหรง (หมากกลมุกหยกกระทบ) หวังชักนำอัจฉริยะ ฉลาดหล่อเหลามาแก้หมากกล (หมากกลในที่นี้คือหมากล้อม)
ซูซิงเหอส่งเทียบเชิญไปยังค่ายสำนักต่าง ๆ ให้มาแก้หมากกลเจินหรง (หมากกลมุขหยกกระทบ) ติงชุนชิวทราบข่าวจึงคิดมากำจัดซูซิงเหอทิ้งเพราะผิดคำพูดว่าจะเป็นใบ้ ชาวยุทธ์หลายคนก็ได้รับเทียบเขิญมาด้วย เช่น ต้วนอี้ ต้วนเหยียนซิ่ง มู่หยงฟู่ ซีจุ๊หลวงจีนน้อยแห่งวัดเส้าหลินได้มาพร้อมกับพระชั้นผู้ใหญ่
หมากกลเจินหรง ไม่ใช่หมากล้อมที่เป็นการแข่งขันกันของสองฝ่าย แต่เป็นการวางหมากจำนวนหนึ่งไว้ก่อนแล้ว เพื่อให้ผู้คนมาแก้หมาก ยิ่งหมากกลของอู๋หยาจื่อซึ่งใช้เวลาคิดค้นเพิ่มเติมถึง 3 ปียิ่งพฺิสดาร คล้ายมีมนต์สะกด เปลี่ยนแปลงไปตามธาตุแท้จิตใจคน ต้วนอี้มีรักลึกซึ้งเกินไป ไม่ยอมทอดทิ้งหมากเลยพ่ายแพ้ มู่หยงฟู่คิดฟื้นฟูราชวงศ์เยี่ยนแก้หมากแบบดื้อดึงเกินไปจึงพ่ายแพ้เข้าสู่เส้นทางมารแทบฆ่าตัวตาย ส่วนต้วนเหยียนซิ่ง อดีตเคยเป็นถึงรัชทายาทประเทศต้าหลี่ แต่ต่อมาพิการ เป็นเหตุให้ฝีกวิชาฝีมือแนวทางอธรรม การแก้หมากจึงเข้าสู่วิถีมารด้วยแทบต้องฆ่าตัวตาย
ขณะที่ต้วนเหยียนซิ่งจะฆ่าตัวตาย ซีจุ๊ต้องการช่วยต้วนเหยียนซิ่งไม่ให้ฆ่าตัวตาย จึงคิดก่อกวน เข้าไปวางหมากขาวแก้ขัด ทำให้หมากขาวตัวเองโดนกินไปแถบใหญ่ หมากขาวของเขากลับพาตัวเข้าสู่จุดอับ กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้หมาก ตรงกับคำว่า "จากความตายกลับสู่ความเป็น"
ที่แท้หมากกลนี้สำคัญที่ตาแรก ขอเพียงกล้าสละหมากขาวที่โดนล้อมของตนเองให้ฝ่ายตรงข้ามกินแม้จะเสียหายไปบ้าง แต่จะทำให้ไม่ต้องเดินหมากแบบพะวักพะวงไม่ต้องห่วงหมากขาวตนเองที่ถูกล้อมอีก สามารถรุกไล่กินหมากดำได้อย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายซีจุ๊แก้หมากได้โดยการช่วยเหลือของต้วนเหยียนซิ่งที่ส่งเสียงทางลมปราณคอยกระซิบบอก ได้เข้าพบกับอู๋หยาจื่อ แม้อู่หยาจื่อจะผิดหวังในใบหน้าซีจุ๊อยู่บ้าง เป็นเหตุให้ซีจุ๊ขุ่นเคืองคิดจากไป อู๋หยาจื่อเพียงแค่ใช้ปลายแขนเสื้อกดไหล่ซีจุ๊ ซีจุ๊รู้สึกเสมือนมีแขนข้างหนึ่งเหนี่ยวรั้งไว้ แสดงถึงพลังการฝึกปรืออันลึกล้ำของอู๋หยาจื่อ แม้จะผิดหวัง แต่เขาทนรอมาถึง 30 ปี บวกกับอายุขัยอันจำกัด จำต้องถ่ายทอดพลังลมปราณภูติอุดรที่ฝึกปรือมากว่า 70 ปีในร่างเขาให้แก่ซีจุ๊และตั้งเป็นเจ้าสำนักสราญรมย์ อู๋หยาจื่อจากบุรุษหล่อเหลากลายเป็นชายชราเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น ผมเผ้าหลุดร่วงเต็มศรีษะ
จากนั้นอู๋หยาจื่อยังมอบแหวนเจ็ดวิเศษอันเป็นเครื่องหมายเจ้าสำนัก เขาต้องการให้ซีจุ๊กำจัดติงชุนชิว แต่ซีจุ๊ภูมิปฏิภาณจำกัดหากให้ฝีกวิชาสำนักอันลึกล้ำ ถ้าไม่เข้าใจอาจได้รับอันตราย จำต้องได้คำชี้แนะเพิ่มเติม เขาจึงให้ซีจุ๊ไปที่เขาอู๋เลี่ยง ประเทศต้าหลี่เพื่อเรียนรู้วิชาจากหลี่ชิวสุ่ยผู้เป็นอดีตภรรยา โดยหาทราบไม่ว่าหลี่ชิวสุ่ยไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว แต่นางไปเป็นพระสนมที่ประเทศซีเซี่ย อู๋หยาจื่อยังให้แผนที่และภาพเหมือนของหลี่ขิวสุ่ย แต่แท้ที่จริงคือภาพของน้องสาวหลี่ชิวสุ่ยเพราะมีไฝที่ข้างตาขวา คาดว่าอู๋หยาจื่อขณะวาดภาพนี้คิดถึงน้องสาวหลี่ชิวสุ่ย จึงวาดเป็นภาพนางโดยไม่รู้ตัว เมื่อสั่งเสียเสร็จสิ้น อู๋หยาจื่อจึงสิ้นอายุขัยด้วยวัย 93 ปี